« เมื่อ: กันยายน 14, 2022, 06:36:00 am »
● ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับ
ไม่เหลือแห่งทุกข์
เป็นข้อปฏิบัติอันประเสริฐ
ได้แก่มรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
ที่เราพยายามภาวนาปฏิบัตินี้
กำลังเจริญมรรคอยู่ กำลังเจริญข้อปฏิบัติอยู่
● สัมมาทิฏฐิความเห็นชอบเจริญขึ้นไหม?
เข้าไปรู้เห็นในทุกข์
รู้ว่าต้องวางเฉยต่อทุกข์
รู้ว่านี่ตัณหาเหตุให้เกิดทุกข์จะต้องละ
นี่ตัณหาละออกไปก็จะเบาใจ
ก็จะถึงความดับทุกข์ นี่ข้อปฏิบัติ
เข้าใจในวิถีทางการปฏิบัติ
นี่เป็นสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบต้องมาก่อน
● ถ้าเห็นผิดมันก็ปฏิบัติผิด
ความคิดก็จะผิด การกระทำก็ผิด
พูดก็ผิด ความเพียรก็จะผิด
สติก็ผิด ระลึกผิด สมาธิก็ผิดไปหมด
เป็นมิจฉา ความเห็นผิด
มิจฉาสังกัปปะ (ดำริผิด)
● ถ้ามีสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกเห็นชอบ
มันก็จะตามมาด้วยความดำริชอบ
คิดชอบ คิดถูก คิดไม่เบียดเบียน คิดไม่พยาบาท
คิดถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
● สัมมาวาจา (เจรจาชอบ) ก็ตามมา
พูดจาเว้นพูดเท็จ
เว้นพูดส่อเสียดหยาบคายเพ้อเจ้อ
● สัมมากัมมันตะ (ทำการงานชอบ) ก็ตามมา
เว้นกายทุจริต ๓
เว้นฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
อาชีพชอบสัมมาอาชีวะก็ตามมา
เป็นอาชีพสุจริต
● สัมมาวายามะ (เพียรชอบ)
เพียรระวัง เพียรในการละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
เพียรระวังไม่ให้บาปใหม่เกิด
เพียรเจริญกุศล เพียรรักษากุศลให้เกิดขึ้น
ที่เพียรพยายามปฏิบัติอยู่นี้
เดินจงกรมนั่งภาวนา พากเพียรภาวนา
เพียรให้มีสติสัมปชัญญะเท่ากับเป็นกุศล
เพียรกุศลให้เกิดขึ้น
● เวลามีสติสัมปชัญญะจิตเป็นมหากุศล
เมื่อจิตเป็นมหากุศล บาปอกุศลธรรมก็ตกไป
มันเกิดมาคู่กันไม่ได้ มันผสมกันมาไม่ได้
ต้องเกิดอย่างใดอย่างหนึ่งในขณะหนึ่ง ๆ
แต่มันสลับกันได้ เป็นเหตุปัจจัยต่อกันได้ด้วย
ขณะใดมีสติสัมปชัญญะ จิตเป็นกุศล
อกุศลความโลภโกรธหลงก็ตกไป
เท่ากับละบาป ก็พยายามเพียรให้มีสติ
● สัมมาสติระลึกรู้อยู่เนือง ๆ ให้มันเจริญขึ้น
ก็เท่ากับระวังบาปใหม่ไม่ให้มันเกิดขึ้น
ความโลภโกรธหลง
ความยินดียินร้ายไม่ให้มันเกิดขึ้น
ทำอย่างหนึ่งก็ได้อีกอย่างหนึ่ง
เจริญกุศลก็เท่ากับละอกุศล
เจริญกุศลไว้เสมอ ๆ
ก็เท่ากับระวังไม่ให้อกุศลหรือบาปเกิดขึ้น
● มีสัมมาสติ สติต้องระลึกเป็นไปในกาย
ในเวทนา ในจิต ในธรรม
ระลึกรู้อยู่กับกาย กายยืน กายเดิน กายนั่ง
กายนอน กายคู้ เหยียด เคลื่อนไหว
ลมหายใจเข้าออก
ระลึกรู้อยู่กับเวทนาในเวทนา
มีความสุขก็รู้ ไม่ทุกข์ไม่สุขก็รู้ เฉย ๆ ก็รู้
● ระลึกรู้อยู่กับจิตในจิต
ในปัจจุบันนี้จิตเป็นอย่างไร
จิตมีราคะไหมหรือปราศจากราคะ
หยั่งดู จิตเป็นไปด้วยความโกรธหรือไม่โกรธ
เรียกว่าโทสะ
จิตเป็นไปด้วยความหลงไหมหรือไม่หลง
จิตหดหู่อยู่ไหมหรือว่าจิตฟุ้งซ่านอยู่
จิตมีสมาธิหรือไม่มีสมาธิ
ต้องคอยระลึกสังเกตจิต รู้เขาเฉย ๆ ด้วย
จิตโกรธขึ้นมาก็รู้จิตที่โกรธอย่างวางเฉย
● อย่าลืมว่าหลักการของการปฏิบัติ
ต้องกำหนดรู้ทุกข์ ไม่ทำลายทุกข์
วางเฉยต่อทุกข์
ความโกรธมันก็ทุกข์ไหมเล่าโกรธนี่
รู้โกรธก็ต้องรู้เฉย ๆ อย่าไปโกรธต่อความโกรธ
อย่าไปเกลียดต่อความโกรธ
มันก็ยิ่งโกรธยิ่งไปกันใหญ่
● ความฟุ้งเกิดขึ้นมาเป็นทุกข์ไหม
ก็กำหนดรู้ รู้อย่างไรถึงจะถูกต้อง?
รู้เฉย ๆ วางเฉย ถ้าไม่วางเฉย เลยไปทำลาย
มันก็ยิ่งวุ่นวายหนักกว่าเดิม
เจริญสัมมาสติเจริญสัมมาสมาธิจิตตั้งมั่นชอบ
อยู่กับอารมณ์กรรมฐาน
ตั้งมั่นอยู่กับกายกับจิตหรืออยู่กับรูปกับนาม
● เพราะฉะนั้นข้อปฏิบัติจึงไม่ใช่องค์เดียว
ไม่ใช่จะมีแต่สติเท่านั้น
มันต้องมีสมาธิ ต้องมีปัญญา
ต้องมีความเพียร ต้องมีศีลด้วย
ที่มาปฏิบัตินี้ก็สมาทานศีลไว้แล้ว
งดเว้น ศีลแห่งการงดเว้น
เจตนาแห่งการงดเว้น ด้วยเจตนางดเว้น
ทำให้กายสุจริต วาจาสุจริต มโนสุจริต
มันเป็นศีล เป็นองค์มรรค
เป็นข้อปฏิบัติที่จะให้ถึงความดับทุกข์
● ถ้าไม่มีศีลแล้วจะปฏิบัติสมาธิปัญญาได้อย่างไร
เบื้องต้นของกุศลธรรม
ก็คือต้องรักษาศีลให้ดี
สำรวมระวังไม่ให้ขาด
ไม่ให้ด่างไม่ให้พร้อยไม่ให้ทะลุ เป็นไปด้วยสมาธิ
............................
ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
● ------------------------------------------------●
● ที่มา : เพจวัดมเหยงคณ์ ธัมโมวาท
เพจวัดมเหยงคณ์ สารธรรม
เพจวัดมเหยงคณ์ ข่าวสด สารธรรม
เพจสถาบันวิปัสสนาวิชชาลัย วัด
มเหยงคณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 08, 2023, 08:39:32 am โดย ยาใจ »
เข้าสู่ระบบ