ผู้เขียน หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล  (อ่าน 311507 ครั้ง)

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #600 เมื่อ: มกราคม 25, 2019, 05:51:21 am »



บทสวดที่ว่า “เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้ เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้”

อันนี้เป็นทุกข์แบบหนึ่ง เรียกว่าทุกข์ของสังขาร เป็นเรื่องของกาย

ทุกข์อีกแบบหนึ่งคือ ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ อันนี้เป็นเรื่องของอารมณ์ เรื่องของใจ ความทุกข์ทางอารมณ์หรือทุกข์ใจนี้ จะว่าไปแล้วล้วนเกิดจากความหลง

ความหลงมีสองอย่าง คือ “ไม่รู้ตัว” กับ “ไม่รู้ความจริง”

การไม่รู้ตัวเกิดจากความเผลอ ลืมตัว มันทำให้เราคิดไปในทางที่เพิ่มทุกข์ให้แก่ตนเอง เชื้อเชิญความทุกข์ใจให้เกิดขึ้นกับเรา ความโศกความร่ำไรรำพันมักจะเกิดตอนที่เรานึกถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว สิ่งที่เสียไปแล้ว คนรักที่จากไปแล้ว ไม่สามารถจะเอากลับคืนมาได้ ก็เลยเศร้าโศกเสียใจ ความคับแค้นใจมักจะเกิดตอนที่เรานึกถึงคนที่ขัดอกขัดใจเรา หรือคนที่ต่อว่าด่าทอเรา บางครั้งเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ใจก็ไม่ยอมวางเสียที

บางทีก็จดจ่อหมกมุ่นกับอนาคต คิดไปในทางเลวร้าย มันจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็คิดไปในทางลบแล้ว เรียกว่ามโน ก็ทำให้เกิดความวิตกกังวล กระวนกระวาย ความทุกข์ใจเกิดขึ้นแล้วก็ยังหลงปกป้องรักษาฟูมฟักหล่อเลี้ยงมันเอาไว้ อันนี้ก็คือความหลง ไม่รู้ตัว

แต่ที่จริงแล้วรากเหง้าของความทุกข์คือ หลงตัวที่สองคือ “ไม่รู้ความจริง”

ความจริงที่ว่า คือ สิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ดับไป เรียกว่าเป็นทุกข์ หรือ ทุกขัง รวมทั้ง ไม่มีอะไรที่สามารถยึดเป็นตัวเป็นตนได้ คือเป็นอนัตตา สรุปก็คือ สิ่งทั้งปวง ไม่ว่ารูปธรรมหรือนามธรรม ล้วนไม่น่ายึดถือเพราะยึดถือไม่ได้ เพราะว่ามันแปรเปลี่ยนเป็นนิจ มันต้องเสื่อมต้องดับไป แต่พอเราไม่รู้ความจริงข้อนี้ เราก็เลยมีความคิดหรือความอยากที่สวนทางกับความจริง หรือมิอาจเป็นจริงได้ เช่น ยึดว่าร่างกายนี้จะต้องหนุ่มต้องสาวตลอด จะต้องไม่แก่ จะต้องมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง มีกำลังวังชาไปเรื่อย ๆ จะต้องไม่เจ็บไม่ป่วย ทั้ง ๆ ที่ควรจะมองว่าคนเราที่ไม่แก่ ไม่ป่วยนั้นไม่มี แต่ว่าใจไม่ยอมรับเพราะหลงยึดเอาไว้

ยึดไว้ว่าอะไรที่ได้มาแล้วก็จะไม่เสื่อมสูญไป มีของรักมีของถูกใจแล้วก็จะยึดให้มันอยู่กับเราไปนาน ๆ ชั่วฟ้าดินสลาย แต่ความปรารถนาเหล่านี้ล้วนขัดแย้งกับความจริง ก็เลยเกิดความทุกข์ใจ เกิดความอาลัย เกิดความวิตก เมื่อของรักหายไปก็กลุ้มอกกลุ้มใจ เมื่อคนรักจากไปก็โศกเศร้าเสียอกเสียใจ นี่เป็นเพราะความหลง ไม่รู้ความจริง


ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล





  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2019, 09:01:07 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #601 เมื่อ: มกราคม 25, 2019, 05:56:12 am »



หลวงพ่อชา สุภัทโท พูดไว้เป็นกลอนกระชับมากว่า

“ทุกข์มีเพราะยึด
ทุกข์ยืดเพราะอยาก
ทุกข์มากเพราะพลอย
ทุกข์น้อยเพราะหยุด
ทุกข์หลุดเพราะปล่อย”


ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย ข้อนี้สำคัญมาก คำพูดของหลวงพ่อชาชี้ให้เห็นความจริงในส่วนที่เป็นสมุทัยและนิโรธ ทุกข์มีเพราะยึด คือสมุทัย ส่วน ทุกข์หลุดเพราะปล่อย คือนิโรธ กล่าวคือ คนเราจะพ้นทุกข์ได้ก็เพราะปล่อยวาง ที่เราปล่อยวางได้ก็เพราะมีปัญญาเห็นว่าไม่มีอะไรที่ยึดถือได้เลยสักอย่าง ปัญญาทำให้ตระหนักว่าอะไรๆ ก็ไม่เที่ยง ยึดถือไม่ได้เลย จึงเลิกยึด ไม่หยิบ ไม่ฉวย และปล่อยทุกอย่างที่เคยยึดเคยฉวย

การไม่ยึดเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ก็เพราะว่าถึงแม้คนเราต้องแก่ เจ็บ และต้องตาย แต่ความจริงเหล่านี้จะไม่ทำให้เราทุกข์ได้เลยถ้าเราไม่ยึดติดถือมั่นในตัวตน

แต่ที่เราทุกข์เมื่อต้องแก่ เจ็บป่วย และตายก็เพราะเรามีความยึดอยู่ลึกๆ ว่าฉัน ต้องไม่แก่ ต้องไม่เจ็บ ต้องไม่ป่วย ต้องไม่ตาย คือเรายึดว่ามันเที่ยง ความแก่ความเจ็บความตายไม่ใช่ตัวการแห่งความทุกข์ใจ

ตัวการแห่งความทุกข์ใจ คือใจที่ยึดอยาก ให้มันเที่ยง หรือยึดอยากให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการ ถ้าเข้าใจตรงนี้เราก็จะพบว่า ความทุกข์ของคนเรานั้นอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่สิ่งนอกตัว ไม่ได้อยู่ที่ความเจ็บความป่วยด้วยซ้ำ

หลายคนเป็นมะเร็งแต่ยังยิ้มได้ เพื่อนของอาตมาเป็นมะเร็งเต้านมและเสียชีวิต ในช่วงสองสามเดือนสุดท้ายเธอป่วยหนักจนต้องนอนอยู่บนเตียง เธอปฏิเสธที่จะเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน เธอได้พูดไว้กับพวกเราว่า ช่วงสองปีหลังเป็นช่วงที่เธอมีความสุขมาก

ทำไมคนที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ใกล้ตาย จึงมีความสุขได้

ก็เพราะประการแรกเขายอมรับความจริงได้ว่าความเจ็บป่วยและความตายเป็นเรื่องธรรมดา ประการต่อมาก็คือเมื่อรู้ว่าความตายใกล้เข้ามา ใจก็เริ่มปล่อยวาง เพราะรู้ว่าเมื่อตายแล้วก็ต้องทิ้งสิ่งทั้งปวง เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง ขณะเดียวกันแม้ยังไม่ตาย แต่ถ้ายึดถือก็เป็นทุกข์ ดังนั้นเมื่อใกล้ตาย มีอะไรก็ปล่อยหมด รวมทั้งสิ่งที่ค้างคาใจ

อย่างเพื่อนของอาตมา เธอมีสิ่งใดที่ค้างคาใจกับแม่ก็พูดกับแม่จนหมด ทรัพย์สมบัติต่างๆ ก็สะสางจนหมดสิ้น ไม่มีอะไรต้องกังวล สองสามอาทิตย์สุดท้ายเธอบอกว่า ไม่โลภ ไม่โกรธแล้ว ไม่โกรธแม้กระทั่งมะเร็ง คนทั่วไปเวลาป่วยจะรู้สึกโกรธ เช่น โกรธมะเร็ง แต่เธอไม่มีความรู้สึกเช่นนี้กับก้อนมะเร็งเลย เธอเรียกมันว่า คุณก้อนมะเร็ง เราต่างคนต่างอยู่นะ เธอไม่โกรธ ไม่โลภ มีเพียงความหลงที่ยังละไม่ได้

นี่เป็นตัวอย่างว่า คนที่เจ็บป่วยแต่มีความสุขนั้น เป็นไปได้ เพราะจริงๆ แล้วสุขหรือทุกข์ที่แท้นั้นอยู่ที่ใจปล่อยวางหรือยึดติดถือมั่นแค่ไหน ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา


พระไพศาล วิสาโล
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives #BIA




  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2019, 10:00:55 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด



  จิตแจ่มใส ใจตื่นรู้ 

ทุกครั้งที่อาบน้ำชโลมกาย เราจะรู้สึกสดชื่นแจ่มใส เพราะความชุ่มเย็นของน้ำช่วยบรรเทาความร้อนรุ่ม และขจัดสิ่งสกปรกหมักหมมออกไปจากร่างกาย แต่ไม่นานหลังจากนั้นความหม่นหมองมักกลับมาเยือน ทั้งนี้เพราะเกิดความเครียด ขุ่นเคืองใจ หาไม่อารมณ์อกุศลก็ครอบงำเมื่อเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ มากระทบตามที่ต่าง ๆ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นอาจิณ

แม้อาการดังกล่าวเกิดขึ้นกับผู้คนเป็นอันมากจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับเราก็ได้ มีสิ่งหนึ่งที่ช่วยชำระใจให้หายหม่นหมอง บรรเทาความร้อนรุ่มและปัดเป่าอารมณ์อกุศลไปจากใจได้เป็นอย่างดี นั่นคือความรู้สึกตัว ทันทีที่รู้ตัวว่าโกรธ เครียด เศร้า หรือมีสติรู้ทันความคิดที่กระตุ้นปลุกเร้าอารมณ์ดังกล่าว ใจก็กลับมาเป็นปกติ ไม่จมอยู่ในอารมณ์ดังกล่าวอีกต่อไป ความรู้สึกตัวทำให้จิตตื่น ไม่หลงเข้าไปในความคิดที่ฝันฟุ้งปรุงแต่ง จนไม่รู้เนื้อรู้ตัวราวหลับใหล ซึ่งมีแต่จะนำพาความทุกข์มาให้เหมือนคนที่ตกอยู่ในฝันร้าย

ใจตื่นรู้คือสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตของเราพบกับความสงบเย็นเป็นสุข เมื่อเจอความผันผวนปรวนแปรอันเป็นธรรมดาโลก ก็ไม่เป็นทุกข์ แม้วันนี้ใจของเราจะหม่นหมองร้อนรุ่มหรือหลับใหล แต่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นใจตื่นรู้ได้ด้วยการฝึกฝนหรือการปฏิบัติ เพราะศักยภาพดังกล่าวมีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน


พระไพศาล วิสาโล





  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 10, 2019, 08:33:24 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
สานรัก สร้างสุข - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #603 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 01:54:05 pm »




  สานรัก สร้างสุข    

ความทุกข์ของคนส่วนใหญ่ทุกวันนี้มักมีสาเหตุมาจากความสัมพันธ์ มิใช่ความสัมพันธ์กับใครที่ไหน หากเป็นความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว อาทิ คู่ครอง มิตรสหาย หรือแม้แต่พ่อแม่ลูกหลาน บุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ผูกพันกันด้วยความรัก แต่บ่อยครั้งการอยู่ใกล้ชิดกันมากก็ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งได้ง่าย จนกลายเป็นความขัดแย้งและความเจ็บปวด

น่าแปลกก็ตรงที่ในยามที่คนรักยังมีชีวิตอยู่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีเรื่องผิดใจกันจนถึงกับโกรธเกลียดกัน ครั้นเขาจากไป ก็เศร้าโศกเสียใจ อาลัยอาวรณ์ อันที่จริงเราสามารถเลือกหนทางที่ดีกว่านั้นได้ กล่าวคือ เมื่อขณะที่คนรักยังอยู่ ก็เกื้อกูลกันด้วยความรัก มีความเข้าอกเข้าใจกัน และอยู่ด้วยกันอย่างผาสุก ครั้นเขาจากไปไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ก็สามารถทำใจได้ ไม่รู้สึกผิดหรือคับแค้นใจในสิ่งที่เกิดขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อเขาอยู่ เราก็มีความสุข เมื่อเขาจากไป เราก็ไม่ทุกข์

ความรักนั้นยั่งยืนได้ หากเราเปิดใจฟังกันให้มากขึ้น ฟังด้วยหัวใจ มิใช่ฟังด้วยหูเท่านั้น ความเข้าใจกันนั้นสามารถสานรักให้ยืนยาวได้ ขณะเดียวกันการมองอดีตอันเจ็บปวดด้วยมุมมองใหม่ ก็สามารถนำเราข้ามพ้นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ได้ อดีตนั้นสามารถให้บทเรียนหรือความหมายที่ทรงคุณค่าแก่เราได้เสมอ

พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 02:05:29 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด



  พรุ่งนี้หรือชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาก่อน 


ความจริงอย่างหนึ่งที่ผู้คนไม่อยากนึกถึงก็คือ ความตายสามารถเกิดกับเราได้ทุกเวลา การเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเผชิญความตายอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่คนส่วนใหญ่กลับมองข้ามความจริงข้อนี้โดยให้เหตุผลว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว แท้จริงแล้วความตายอยู่ใกล้ตัวเราอย่างยิ่ง มีภาษิตธิเบตกล่าวว่า “ระหว่างพรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรจะมาก่อน” นี้คือความจริงที่ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธ ใครที่คิดว่าพรุ่งนี้จะมาก่อนชาติหน้า ล้วนแต่คาดเดาด้วยความประมาททั้งนั้น เพราะเราแน่ใจได้อย่างไรว่า วันนี้จะไม่ใช่วันสุดท้ายของเรา พ้นจากวันนี้ไปแล้วก็อาจเป็นชาติหน้าเลย หามีพรุ่งนี้ไม่

พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 21, 2019, 05:38:46 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
มองดีมีแต่กำไร - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #605 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2019, 07:19:05 am »



  มองดีมีแต่กำไร 


มองชีวิตในมุมบวก ไม่ถึงกับเท่าทุน

มันกำไรด้วย จะถูกโจรปล้นจนเหลือแต่ตัว

แต่ก็มีอะไรมากับชีวิตของเราหรือ

อยู่คู่กับชีวิตของเรา เช่นวิชาความรู้

หรือว่ามีญาติสนิทมิตรสหาย มีคนรัก

มีครอบครัว สูญแต่เงินแต่ยังมีอะไร

อีกหลายอย่างที่มีคุณค่าต่อชีวิตของเรา

แต่มันก็อยู่ที่มองว่าเราจะเทียบกับอะไร

ถ้าเราเทียบไม่เป็น เราก็จะทุกข์มาก

เพราะเราจะรู้สึกว่ามันสูญเสียตลอด

แต่ถ้าเรามองว่าเราเกิดมาไม่มีอะไรมาเลย

เกิดมาตัวเปล่า สิ่งที่มีมันคือกำไรทั้งนั้น



พระไพศาล วิสาโล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 05, 2019, 07:21:38 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
ยิ้มให้ชีวิต - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #606 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2019, 03:23:22 pm »





  ยิ้มให้ชีวิต 

แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ชีวิตก็สามารถให้สิ่งดี ๆ แก่เราได้มากมาย แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราเจอะเจอ ก็สามารถเป็นประโยชน์แก่เรา หากเรารู้จักเรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมา ประสบการณ์ชีวิตสามารถสอนเราให้รู้จักเปลี่ยนทุกข์เป็นสุข อีกทั้งโอกาสต่าง ๆ ที่ชีวิตมอบให้แก่เรา ก็สามารถทำให้เราพบประโยชน์สูงสุดของชีวิต นั่นคือ อิสรภาพจากทุกข์ อันเป็นสุขที่ประเสริฐยิ่ง

ชีวิตเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา จึงควรยิ้มให้กับชีวิต อย่าโกรธเกลียดเคียดแค้นชีวิตที่นำความทุกข์หรือความผิดหวังมาให้ อย่าคิดว่าทำไมชีวิตจึงโหดร้ายกับฉันนัก มองให้ดีนั่นอาจเป็นโชคที่มาในรูปของเคราะห์ มันคือสิ่งที่เตรียมเราให้พบกับสิ่งวิเศษสุดที่รอคอยอยู่ข้างหน้า


พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 13, 2019, 03:40:36 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
เมตตาต่อเพื่อนร่วมทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #607 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2019, 03:32:20 pm »




  เมตตาต่อเพื่อนร่วมทุกข์ 


“หากเราเปิดใจมองเห็นความทุกข์ของคนอื่น

เราจะมีความเห็นใจกันมากขึ้น เราจะรู้สึกว่า

ทุกคนเป็นเพื่อนทุกข์ ความรู้สึกว่าทุกคนเป็น

เพื่อนทุกข์ จะทำให้เราเข้ามาใกล้กันมากขึ้น

ช่องว่างระหว่างกันจะน้อยลง ความเห็นใจจะมีเพิ่มขึ้น
 
เมื่อเรารู้สึกว่าเราต่างร่วมชะตากรรมเดียวกัน

การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อเยียวยาความเจ็บปวด

จะเกิดขึ้น ตรงนี้เองที่จะทำให้เมตตากรุณาเบ่งบานขึ้น”



พระไพศาล วิสาโล

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #608 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2019, 03:35:13 pm »




  อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์



เมื่อเจอทุกข์ อย่างแรกที่ควรทำก็คือ การยอมรับ กล่าวคือ ไม่ผลักไส ปฏิเสธ หรือตีโพยตีพาย โวยวายคร่ำครวญ เพราะการทำเช่นนั้นมีแต่จะเพิ่มทุกข์ให้แก่เรา นั่นคือทุกข์ใจ แต่ทันทีที่เรายอมรับได้ หยุดบ่น หยุดโวยวาย ใจก็จะกลับมาเป็นปกติ ทำให้สมองโล่ง สามารถนำปัญญามาใช้แก้ทุกข์ให้ลุล่วง หรือแก้ปัญหาให้เบาบางลงได้

จะว่าไปแล้ว อะไรเกิดขึ้นกับเรา ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกหรือมีท่าทีกับมันอย่างไร เจอเหตุร้าย แต่ใจยอมรับได้ หรือรู้จักมองบวก คือ หาประโยชน์จากมัน รวมทั้งมองว่ามันเป็นธรรมดาของชีวิตและโลก รู้จักปล่อยวางได้ ใจก็ไม่เป็นทุกข์ ในทางตรงข้ามแม้เจอโชคลาภ แต่ไม่รู้จักพอ อยากได้มากกว่านั้น หรือเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ได้มากกว่า ใจกลับเป็นทุกข์ด้วยซ้ำ


พระไพศาล วิสาโล





  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 08, 2019, 05:40:16 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
ปล่อยวางชีวิตเก่า - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #609 เมื่อ: มีนาคม 08, 2019, 05:30:00 am »
ปล่อยวางชีวิตเก่า 

“บ่อยครั้งคนเราเป็นทุกข์เพราะว่ายังยึดติดของเดิม อาจจะเป็นตัวตนเดิม ทรัพย์สมบัติเดิม บ้านหลังเดิม รถคันเดิม หรือแม้แต่คนรักเก่า แต่พอปล่อยวางได้ก็พบว่าชีวิตมีความสุข มีความหวังขึ้นมาใหม่ คนเก่งมักจะหลงใหลในความสามารถของตน ยึดว่าความสามารถเหล่านี้คือตัวกู แต่เมื่อไม่สามารถทำสิ่งที่เคยทำได้ อาจเป็นเพราะเจ็บป่วย พิการ จิตก็สลายเลย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะยังยึดติดกับตัวตนเก่าอยู่ บางคนภูมิใจในความเป็นคนสวย เป็นคนหล่อ เป็นนักกีฬา หรือจิตรกรที่วาดรูปได้สวยงาม แต่พอทำไม่ได้แล้วก็ซึมเศร้าไปเลย แบบนี้มีเยอะ ท้อแท้ถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มีมาก”


มติชนรายวัน วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๒

พระไพศาล วิสาโล



คนเราย่อมมีความภาคภูมิใจในชีวิต หรือภาคภูมิใจในตัวเอง เมื่อเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายสิ่งได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าบังเอิญวันดีคืนดีเรากลับไม่สามารถทำสิ่งที่เราเก่งได้อีกต่อไป ชีวิตจะลงเอยอย่างไร

จานีน เช็พเพิร์ด เป็นนักวิ่งและนักปั่นจักรยาน เธอเป็นตัวแทนทีมชาติออสเตรเลียในการแข่งขันจักรยาน กีฬาโอลิมปิค เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว มีอยู่วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังซ้อมขี่จักรยานเพื่อไปแข่งโอลิมปิค ปรากฏว่ามีรถมาชนเธออย่างแรง ทำให้ร่างกายเธอยับเยิน กระดูกหัก อวัยวะภายในเสียหาย  อาการเป็นตายเท่ากัน แต่เธอมีใจสู้ เธอบอกว่าเธอเลือกที่จะมีชีวิต ในภาวะเช่นนั้นมันอยู่ที่ใจว่าเลือกที่จะอยู่หรือจะตาย เธอเลือกที่จะอยู่ เธอสลบไป ๑๐ วัน ผ่าตัดสำเร็จ แม้ดีใจที่ไม่ตาย แต่ใจก็กังวลว่าจะเดิน วิ่ง และขี่จักรยานได้หรือเปล่า ลองขยับนิ้วเท้าดูก็ขยับได้ เธอดีใจมาก

แต่พอเธอฟื้นตัวดีขึ้น หมอก็บอกว่าเธอไม่สามารถเดินได้ แม้ร่างกายส่วนล่างจะมีความรู้สึกอยู่ แต่ว่าเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น และต้องมีท่อปัสสาวะต่อออกมาข้างนอก เธอฝันสลายเลย เพราะว่าชีวิตของเธอทุ่มเทกับการเป็นนักกีฬามาก เธอภูมิใจในร่างกายของตัวเองว่ามีความแข็งแรง ร่างกายคือตัวฉัน เป็นทั้งหมดของฉัน ร่างกายแข็งแรง มีความสามารถด้านกีฬา มันทำให้เธอภาคภูมิใจ แต่พอเธอรู้ว่าร่างกายไม่สามารถวิ่งได้ แม้แต่เดินยังเดินไม่ได้  ความคิดที่ผุดขึ้นมาตอนนั้นก็คือ  ชีวิตฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ความเป็นนักกีฬาคือสิ่งที่ฉันภูมิใจ ถ้าทำไม่ได้แล้วชีวิตฉันจะเหลืออะไร พอเธอกลับไปบ้านก็เป็นโรคซึมเศร้า เพราะรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีคุณค่า สิ่งที่ภาคภูมิใจสูญสลายไปหมดสิ้น ก็อยู่แบบซังกะตาย อยู่แบบหดหู่

วันหนึ่งขณะที่เธอนั่งเล่นอยู่นอกบ้าน เห็นเครื่องบินบินผ่านมา ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าเดินไม่ได้ ฉันก็จะบิน จึงเกิดความตั้งใจว่าอยากขับเครื่องบิน เธอไปสมัครเป็นคนขับเครื่องบิน เขาก็ไม่รับเพราะว่าเธอพิการ แต่โชคดีที่เจอครูฝึกสอนนักบินที่เข้าใจความรู้สึกของเธอ  เขาพาเธอขึ้นเครื่องบิน พาเธอบินไปยังจุดที่เธอเคยประสบอุบัติเหตุ และบอกเธอว่าตรงนี้คือจุดที่เกิดอุบัติเหตุ และจากจุดนี้ไปให้เธอขับเครื่องบินเอง ปรากฏว่าเธอสามารถบังคับเครื่องบินให้บินผ่านเขาลูกนั้นได้ แล้วบินต่อไปได้อีก เธอมีความสุขมาก และพบว่าเธอสามารถมีชีวิตใหม่ได้ แม้จะขี่จักรยานไม่ได้ก็ขับเครื่องบินแทนก็แล้วกัน

จากนั้นเธอก็พัฒนาจนกระทั่งสามารถผ่านบททดสอบหลายอย่าง จากเดิมที่เขาไม่ให้เธอขับเครื่องบิน เธอก็ขับได้ จากเดิมที่กำหนดให้เธอขับเครื่องบินได้เฉพาะบางท้องที่ เธอก็สามารถขับเครื่องบินไปได้ทั่วประเทศ ต่อมาก็ฝึกเป็นนักบินอาชีพได้ ไม่ใช่ขับเครื่องบินได้เฉย ๆ ตอนหลังเธอทำมากกว่านั้น คือกลายเป็นครูสอนนักบิน เธอมีความสุขมาก  ตอนนี้เธอกลายเป็นครูที่มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะ

เธอได้เรียนรู้ว่าร่างกายมีขีดจำกัด แต่จิตใจไม่มีขีดจำกัด แม้ว่าร่างกายจะเดินไม่ได้ วิ่งไม่ได้ แต่จิตใจของคนเราสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ตอนแรกเธอผิดหวัง ใจไม่สู้ ท้อแท้ เพราะว่าร่างกายทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ที่จริงจิตใจยังทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง และเมื่อจิตใจสู้ ร่างกายก็สามารถทำอย่างอื่นได้อีก เธอเคยคิดว่าเมื่อร่างกายพิการชีวิตเธอก็จบสิ้นแล้ว แต่ที่จริงแล้วเธอยังทำอะไรได้อีกตั้งเยอะแยะ เธอบอกว่าต้องรู้จักปล่อยวางของเดิม ปล่อยวางความเป็นนักกีฬาที่เธอเคยภูมิใจ อันนั้นคือตัวตนเดิมของเธอ เธอทุกข์เพราะว่ายังยึดติดในตัวตนเดิมซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แล้ว เธอซึมเศร้าเพราะปล่อยวางตัวตนเดิมไม่ได้ แต่พอเธอปล่อยวางมัน แล้วสร้างตัวตนใหม่ ก็กลับมามีความสุขเหมือนเดิม กลับมามีพลังชีวิตเหมือนเดิม

บ่อยครั้งคนเราเป็นทุกข์เพราะว่ายังยึดติดของเดิม อาจจะเป็นตัวตนเดิม ทรัพย์สมบัติเดิม บ้านหลังเดิม รถคันเดิม หรือแม้แต่คนรักเก่า แต่พอปล่อยวางได้ก็พบว่าชีวิตมีความสุข มีความหวังขึ้นมาใหม่ คนเก่งมักจะหลงใหลในความสามารถของตน ยึดว่าความสามารถเหล่านี้คือตัวกู  แต่เมื่อไม่สามารถทำสิ่งที่เคยทำได้ อาจเป็นเพราะเจ็บป่วย พิการ จิตก็สลายเลย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะยังยึดติดกับตัวตนเก่าอยู่ บางคนภูมิใจในความเป็นคนสวย เป็นคนหล่อ เป็นนักกีฬา หรือจิตรกรที่วาดรูปได้สวยงาม แต่พอทำไม่ได้แล้วก็ซึมเศร้าไปเลย แบบนี้มีเยอะ ท้อแท้ถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มีมาก

ที่จริงแล้วคนเรายังสามารถสร้างชีวิตใหม่ หรือที่ภาษาสมัยใหม่เรียกว่าตัวตนใหม่ได้ แต่ก็ต้องรู้จักวางของเก่าลงไปก่อน จึงจะสร้างใหม่ขึ้นมา อย่างที่เธอบอกว่าจิตใจของคนเรานั้นไม่มีขีดจำกัด อันนี้เป็นสำนวน  ที่จริงแล้วมันมีขีดจำกัด แต่มันจำกัดไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนร่างกาย แม้ร่างกายติดอยู่ในคุก แต่จิตใจสามารถไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ร่างกายพิการ ขยับเขยื้อนไม่ได้ นอนติดเตียง แต่ว่าจิตใจก็ยังจินตนาการไปที่ไหนก็ได้ แม้กระทั่งเขียนหนังสือก็ยังได้ แม้ว่าจะพูดไม่ได้ ขยับปากกาไม่ได้ เคยมีคนทำมาแล้ว ประโยคหนึ่งที่เธอบอกกับผู้คนก็คือ ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา อันนี้เป็นแง่คิดสำหรับคนป่วยด้วย บางคนเป็นมะเร็ง บางคนพิการ บางคนมีโรคร้าย ขอให้ตระหนักว่ามะเร็งไม่ใช่เรา ร่างกายที่ป่วยก็ไม่ใช่เรา

อาตมาเคยบอกกับคนที่เป็นมะเร็งว่า คุณไม่ได้เป็นมะเร็ง คุณแค่มีมะเร็งอยู่ในตัว ถ้าคิดว่าฉันเป็นมะเร็ง แสดงว่ามะเร็งเป็นทั้งหมดของฉัน ทั้ง ๆ ที่มะเร็งอยู่ในบางส่วนของร่างกายเท่านั้น บางคนร่างกายทุพพลภาพ ก็ต้องตระหนักว่าร่างกายไม่ใช่เรา เราเป็นมากกว่านั้น  การมองแบบนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้มาก

เรื่องราวของจานีนชี้ให้เห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดของคนเราคือใจ ใจนั้นถ้าเป็นศัตรูกับเราก็ทำให้ชีวิตจมดิ่งไปเลย แต่ว่าชีวิตเราสามารถที่จะดีขึ้นได้เมื่อใจเป็นมิตร พอใจเป็นมิตรแล้ว แม้ว่าร่างกายจะเป็นอุปสรรคแค่ไหน ชีวิตจะลำบากลำบนเพียงใด ก็สามารถฟันฝ่าไปได้ และสามารถจะมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์



รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล วิสาโล www.visalo.org  korobiznet เอื้อเฟื้อพื้นที่   
www.Stats.in.th  webmaster    ๒๕๕๒ All Rights ไม่ Reserved





ที่มา : http://www.visalo.org/article/jitvivat256202.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 08, 2019, 05:36:47 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
จาริกบุญ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #610 เมื่อ: มีนาคม 08, 2019, 05:38:57 am »




  จาริกบุญ 


ทุกวัฒนธรรมก็ว่าได้ย่อมมีประเพณีจาริกบุญ โดยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มักอยู่บนยอดเขา ว่าเฉพาะประเทศที่นับถือพุทธศาสนา จุดหมายของบุญจาริกย่อมเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ในเมืองไทยมีพระธาตุดอยสุเทพ พม่ามีเจดีย์จิไทโย ศรีลังกามีศรีปาทะ ธิเบตมีเขาไกรลาศ ภูฐานมีวิหารตักซัง ทุกแห่งล้วนอยู่บนเขาสูงชันที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า แต่ไปได้ยากอย่างยิ่งโดยเฉพาะสมัยที่ยังไม่มีรถยนต์หรือถนนเข้าถึง

การจาริกบุญสมัยก่อนจึงต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างยิ่ง และเนื่องจากต้องเดินด้วยเท้า แต่ละคนจึงไม่สามารถขนสมบัติไปได้มาก นำไปได้เฉพาะสิ่งที่จำเป็น จึงนอกจากจะได้บ่มเพาะวิริยะแล้ว ยังฝึกให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ซึ่งตอกย้ำหนุนเสริมด้วยการบำเพ็ญข้อวัตรที่เป็นไปในทางเนกขัมมะ คือการละวางความสุขทางวัตถุ

แต่ใช่ว่าการจาริกบุญเช่นนี้จะเป็นการทำตนให้ลำบาก เพราะแม้จะเหนื่อยยาก แต่ก็เป็นโอกาสให้ได้สัมผัสกับความสุขทางใจ เพราะวัตรปฏิบัติระหว่างจาริกบุญก็ดี การบำเพ็ญภาวนาและสาธยายมนต์ระหว่างเดินก็ดี ล้วนช่วยกล่อมเกลาใจให้สงบเย็นเป็นสมาธิ จิตแจ่มใส ไม่ต่างจากลำธารตามเส้นทางจาริกที่ใสเย็นเป็นลำดับเมื่อใกล้จุดหมายปลายทาง

เมื่อลุถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ศรัทธาปสาทะจะบันดาลใจให้เกิดปีติ อิ่มเอิบ ยิ่งได้มาถึงยอดเขาที่สูงเทียมเมฆ ได้เห็นทัศนียภาพอันกว้างไกลสุดขอบฟ้า จิตใจก็ยิ่งรู้สึกปลอดโปร่งโล่งเบา ราวกับห้วงนภากาศอันเวิ้งว้างที่อยู่เบื้องหน้า ไม่เพียงกายเท่านั้นที่ไต่ขึ้นมาอยู่บนที่สูง แต่ใจก็ถูกยกขึ้นมาให้อยู่สูงด้วยเช่นกัน ใช่หรือไม่ว่านี้คือรางวัลแห่งความเพียรที่ต้องฝ่าความยากลำบาก

บนยอดเขาเราสามารถมองเห็นโลกในมุมสูง สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องล่างน่าจะเตือนให้เราตระหนักว่ามนุษย์เรานั้นช่างเล็กกะจิดริด เมื่อมองลงไปจะพบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน คนขาวกับคนดำ เศรษฐีกับยาจก นายก ฯ หรือชาวบ้าน ไทยหรือฝรั่ง พุทธหรือมุสลิม ฯลฯ สมมุติบนพื้นโลกไม่มีความหมายเลยเมื่อมองลงมาจากยอดเขา เพราะทุกคนเหมือนกันหมด ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่มีใจสูง มีปัญญาเข้าถึงสัจธรรม ย่อมอยู่เหนือสมมติ ไม่เห็นผู้คนแตกต่างกันเลย ทุกคนมีค่าเสมอกันหมด

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์บนภูสูงนั้น จะว่าไปก็คือรูปธรรมแห่งอุดมคติสูงสุดของมนุษย์ สำหรับชาวพุทธ นี้คือสัญลักษณ์แห่งพระนิพพานที่เราควรไปให้ถึง เจดีย์ที่ตั้งอยู่สูงเทียมฟ้าคือตัวแทนแห่งโลกุตตรธรรมหรือธรรมอันอยู่เหนือโลก เป็นอิสระจากโลกธรรมทั้งหลายที่ร้อยรัดมนุษย์ให้หลงติดอยู่ในความทุกข์ ตราบใดที่เรายังหลงใหลในโลกธรรม พอใจอยู่กับโลกียธรรม หมกมุ่นกับชีวิตอย่างโลกย์ ๆ หรือติดสมมติ ก็ยากจะเป็นอิสระจากความทุกข์ได้

ธรรมเนียมการจาริกบุญสู่เขาสูงที่ทุกคนควรบำเพ็ญสักครั้งหนึ่งในชีวิต มิใช่อะไรอื่นหากคือการกระตุ้นเตือนให้เราพากเพียรเพื่อลุถึงโลกุตตรธรรม หรืออย่างน้อยก็ได้สัมผัสกับเนกขัมมสุขหรือความสุขที่ปลอดโปร่งจากกาม แม้สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี


พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 08, 2019, 06:02:50 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
เปิดใจรับความสุข - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #611 เมื่อ: มีนาคม 08, 2019, 05:44:04 am »




  เปิดใจรับความสุข 


แม้เดินอยู่ในสวนอันรื่นรมย์ นั่งเล่นอยู่ริมธารใสกลางป่าใหญ่ หรือยืนอยู่บนชะง่อนผายามอาทิตย์ขึ้น แต่ถ้าใจหมกมุ่นครุ่นคิดถึงงานการหรือคนรักที่บ้าน ก็ยากจะได้ยินเสียงนกร้อง จักจั่นเรไรกรีดปีก หรือรับรู้ถึงลมเย็นที่มาสัมผัสกายได้ บางครั้งก็ยังไม่เห็นแม้กระทั่งดอกหญ้างาม ๆ ที่เบ่งบานข้างทาง หรือกล้วยไม้ป่าที่อวดสีสันอยู่เบื้องหน้า

ความงามจะปรากฏแก่เราได้ก็ต่อเมื่อเปิดใจรับรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ไม่หลงจมอยู่ในโลกแห่งความคิด ที่จริงไม่จำต้องพาตัวมาอยู่ในธรรมชาติอันบริสุทธิ์สดใสก็ได้ แม้อยู่ในเมืองใหญ่ ก็มีสิ่งสวยงามจรรโลงใจมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ เป็นแต่ใจเราไม่เปิดเอง จึงรู้สึกแห้งผากและขุ่นมัวอยู่เสมอ ใช่หรือไม่ว่าริมทางมีดอกไม้งาม มีตะไคร่น้ำเขียวสดใสริมตึก มีรอยยิ้มของเด็กเล็ก และน้ำใจที่ผู้คนมีให้แก่กัน เมื่อใดก็ตามที่วางความคิดลง ไม่หมกมุ่นกับอดีตหรืออนาคต ก็จะเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ยาก

ความสุขมิได้อยู่ไกลจนต้องไขว่คว้าแสวงหา หากอยู่รอบตัวเรานี้เอง เป็นแต่เรามองไม่เห็น จะว่าไปแล้วความสุขอยู่กับตัวเราด้วยซ้ำ โดยมาในรูปลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การมีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย มีร่างกายปกติ ไม่พิการ กินอิ่ม นอนอุ่น ฯลฯ แต่เป็นเพราะใจเรามัวจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นที่ไกลตัว หาไม่ก็อาลัยกับสิ่งที่สูญเสียไป จึงไม่ตระหนักถึงความสุขที่มีอยู่ ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไป เช่น ล้มเจ็บ จึงจะตระหนักว่าการมีสุขภาพดีนั้นเป็นสุขอย่างยิ่ง หลายคนเมื่อเป็นอัมพฤกษ์หรือพิการ จึงรู้ซึ้งถึงความสุขยามร่างกายยังปกติ

เมื่อคุณรู้สึกเป็นทุกข์ นั่นมิใช่เป็นเพราะความสุขทิ้งคุณไป หากเป็นเพราะคุณมองไม่เห็นความสุขที่มีอยู่ต่างหาก


พระไพศาล วิสาโล





  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 08, 2019, 06:01:27 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
รู้สึกตัว - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #612 เมื่อ: มีนาคม 08, 2019, 05:47:43 am »



  รู้สึกตัว


ความทุกข์ใจเกิดขึ้นได้ทุกครั้งที่เราเผลอ เริ่มตั้งแต่เผลอคิดเรื่องที่ผ่านไปแล้ว หรือยังมาไม่ถึง เมื่อคิดแล้วก็เกิดความกังวล อาลัย เสียใจ เศร้าโศก โกรธแค้น เท่านั้นไม่พอ ยังเผลอเข้าไปในอารมณ์เหล่านั้น ทำให้ทุกข์หนักขึ้น น่าแปลกที่ยิ่งทุกข์ ก็ยิ่งจมดิ่งอยู่ในอารมณ์เหล่านั้นจนไม่อยากรับรู้อะไร หาไม่ก็รับรู้อย่างผิด ๆ พูดอีกอย่างหนึ่งคือถลำเข้าไปในความหลงหนักขึ้น

เราเผลอก็เพราะไม่มีสติ เมื่อใดที่มีสติ หรือระลึกได้ ความเผลอก็หายไป ที่เคยพลัดเข้าไปในอดีตหรืออนาคต ก็กลับมาสู่ปัจจุบัน สู่อิริยาบถหรืองานที่กำลังทำ หรือรับรู้ความเป็นจริงที่ปรากฏเฉพาะหน้า สิ่งที่ตามมาคือความรู้ตัว ช่วยให้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ไม่ถูกความหลงครอบงำ ความรู้ตัวหรือสัมปชัญญะ ยังทำงานร่วมกับสติ ช่วยให้เราไม่เผลอเข้าไปในอารมณ์ต่าง ๆ จากเดิมที่เผลอจมดิ่งไปในความทุกข์ ก็สามารถดึงจิตออกมาได้ ที่เคยเผลอแบกความกังวล ความกลัดกลุ้มใจเอาไว้ ก็สามารถสลัดทิ้งลงไปได้ เกิดความโปร่งเบา อิสระ และเป็นสุข


พระไพศาล วิสาโล





  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2019, 08:37:24 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด




  จิตวุ่นวาย คลายด้วยธรรม 


ความทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา ปัญหาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบ แต่ความทุกข์นั้นหากมองให้ดีก็มีประโยชน์ สามารถผลักดันให้ผู้คนเข้าหาธรรมเพื่อออกจากทุกข์ได้ ปัญหาก็เช่นกันช่วยกระตุ้นให้เราใช้ปัญญาเพื่อหาคำตอบ ยิ่งปัญหานั้นเป็นสิ่งที่เรากำลังประสบ หรือกำลังสร้างความทุกข์แก่เรา ก็อาจช่วยให้เราใคร่ครวญกับชีวิตที่ผ่านมา อันนำไปสู่การปรับเปลี่ยนชีวิต หรือวางจิตวางใจเสียใหม่ ทำให้เกิดความเจริญงอกงามตามมา

คนเรานั้นหากไม่เจอความทุกข์หรือปัญหา ก็มักพอใจอยู่กับร่องความคิดหรือชีวิตเดิม ๆ โดยไม่เฉลียวใจว่ามันอาจก่อโทษได้ในภายหลัง การเจอทุกข์หรือประสบปัญหาแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยให้เราปรับเปลี่ยนตนเองก่อนที่เหตุร้ายที่หนักหนาสาหัสกว่าจะบังเกิดขึ้น ใช่แต่เท่านั้นความทุกข์หรือปัญหา ยังช่วยเตือนใจให้เราตระหนักว่า ถึงที่สุดแล้วเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ หรือเทคโนโลยีทั้งปวงมิใช่สรณะอันประเสริฐ ในยามที่ชีวิตมีปัญหา ประสบความขัดแย้ง พลัดพรากจากของรักคนรัก มีเงินมากมายเพียงใดก็บรรเทาความเศร้าโศกหรือว้าวุ่นใจไม่ได้เลย มีแต่ธรรมะเท่านั้นที่เป็นสรณะอันพึ่งพาได้อย่างแท้จริง ผู้คนเป็นอันมาก “ตาสว่าง”ได้ก็เพราะประสบความทุกข์หรือเมื่อชีวิตมีปัญหา


พระไพศาล วิสาโล





  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 08, 2019, 05:57:26 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14208
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #614 เมื่อ: มีนาคม 31, 2019, 08:15:30 am »



ความตายถึงแม้อยู่ไกลไปอีกหลายวัน แต่การตระหนักรู้ถึงความตายอยู่เสมอ ทำให้เราอ่อนโยน ปล่อยวาง และสงบลง เราจะอ่อนโยนกับผู้คนรอบตัวมากขึ้น ถ้าคิดว่าพรุ่งนี้เราอาจจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วก็ได้นะ ที่เราด่ากัน ทะเลาะกัน ไม่ถนอมน้ำใจกันก็เพราะเราหลงคิดว่าเราจะยังต้องเจอกันอีกนาน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2019, 09:01:25 am โดย ยาใจ »