น้ำใจธรรม.เนต

สาระธรรม,ความรู้ที่เป็นประโยชน์ => คติธรรม-คำกลอน => ข้อความที่เริ่มโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:22:31 am

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:22:31 am
(http://upic.me/i/t7/10172811_884905701536748_1033628109408972276_n1.jpg) (http://upic.me/show/55032269)


ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ในความหมายที่ลึกซึ้งก็คือ เมื่อประพฤติธรรมจนเข้าถึงสัจธรรม มีปัญญาแลเห็นว่าสิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ปัญญาเช่นนี้จะทำให้ใจไม่ทุกข์ แม้ว่าจะประสบความสูญเสียก็ตาม เพราะไม่ได้ยึดติดถือมั่นกับทรัพย์สินเงินทองตั้งแต่แรก ช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่มีหลายคนตัดพ้อว่า ฉันทำความดีมาก็มาก สร้างบุญสร้างกุศลมาก็เยอะ ทำไมน้ำท่วมบ้านฉัน ขณะที่บางคนน้ำไม่ท่วม ก็พูดว่าเป็นเพราะอานิสงส์แห่งบุญกุศลที่ได้ทำไว้ ฉันทำความดี สร้างบุญสร้างกุศลมามาก เห็นไหมน้ำเลยไม่ท่วมบ้านฉัน คนที่คิดแบบนี้ก็มี อันที่จริงคิดแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่อย่าไปคิดว่าถ้าหากว่าน้ำท่วมบ้านแล้วแสดงว่าฉันไม่ได้ทำบุญเท่าที่ควร หรือแสดงว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี

สมัยที่หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ยังมีชีวิตอยู่ เกิดเหตุไฟไหม้ใหญ่ที่จังหวัดสุรินทร์ หลายคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว มีญาติโยมหลายคนมากราบท่าน แล้วก็ตัดพ้อว่า ตัวเองอุตส่าห์ ทำบุญทำกุศล ถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่าไม่ขาด ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ทำไมธรรมะไม่ช่วยคุ้มครองเขาให้พ้นจากไฟไหม้ หลวงปู่ดุลย์อธิบายว่า

“ไฟมันทำตามหน้าที่ของมัน ธรรมะไม่ได้ช่วยใครในลักษณะนั้น หมายความว่า ความอันตรธาน ความวิบัติ ความเสื่อมสลาย ความพลัดพรากจากกัน สิ่งเหล่านี้มันมีประจำโลกอยู่แล้ว ผู้มีธรรมะ ผู้ปฏิบัติธรรมะ เมื่อประสบกับภาวะเช่นนั้นแล้ว จะวางใจอย่างไรจึงไม่ทุกข์ อย่างนี้ต่างหาก ไม่ใช่ธรรมะช่วยไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว ไม่ให้ไฟไหม้ ไม่ใช่อย่างนั้น”

พุทธภาษิตที่ว่า “ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม” ความหมายที่แท้จริงก็คือ เมื่อมีปัญญาเข้าใจความจริง ปัญญานั้นก็จะรักษาใจไม่ให้ทุกข์ ถึงแม้จะสูญเสียทรัพย์สมบัติแต่ใจไม่ทุกข์ ถึงแม้ร่างกายเจ็บป่วย แต่ใจไม่ทุกข์ นี้คืออานิสงส์สำคัญที่สุดของของธรรมะที่เกิดจากการปฏิบัติในความหมายที่สองคือมีปัญญาจนเห็นความจริง

เมื่อเห็นความจริงของชีวิตและโลก ก็ไม่ยึดติดถือมั่น พร้อมยอมรับความแปรเปลี่ยนได้ ตระหนักดีว่าชีวิตเหมือนกระแสน้ำ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มาแล้วก็ผ่านเลยไป ไม่สามารถที่จะยึดให้มันอยู่นิ่ง หรือให้เป็นของเราตามใจเราได้ อันนี้คือสิ่งที่เราควรทำความเข้าใจถ้าเรามั่นใจในอานุภาพแห่งธรรม โดยเฉพาะในความหมายที่สอง คือการเห็นแจ้งในสัจธรรม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่ทำให้ทุกข์ได้ แต่หากยังไม่เข้าใจตรงนี้ แม้จะทำบุญให้ทานรักษาศีลมากมายเพียงใด ก็หลีกหนีความทุกข์ใจไม่พ้น เพราะต้องเจอความแปรเปลี่ยน ความพลัดพรากสูญเสียเป็นธรรมดา

พระไพศาล วิสาโล



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  อ่านทั้งหมดได้ที่ ===> https://www.facebook.com/visalo/photos_stream (https://www.facebook.com/visalo/photos_stream)



ขออนุญาตเผยแผ่คะ  (http://upic.me/i/1c/v92wq.gif) (http://upic.me/show/9062035)  กราบขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงคะ
ที่มา :  Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)


(http://upic.me/i/vk/io8r3ucaowc6kccalnsgc1ca2c2mjpca6qgc5qca25mwbycaaey60rcacalfpica6wkx4mcagjlse5cabm8cdycav6k8d9cass0xb7cafejtufca84ms5rcazme1odca3bj5pqcaaebhjycaliqp3y.jpg) (http://upic.me/show/28219663)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:23:00 am
(http://upic.me/i/2s/10488140_1151678204859495_2645048574952614427_n1.jpg) (http://upic.me/show/55033496)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:23:36 am
(http://upic.me/i/ea/11070087_1149791448381504_3705696436943039248_n.jpg) (http://upic.me/show/55033502)


ผู้คนมักคิดว่าทางออกอยู่ที่การสร้างทางเลือกใหม่ หรือทำนั่นทำนี่เพื่อมีทางไปต่อ จะได้ห่างไกลจากความทุกข์ แต่บางครั้งนั่นก็เป็นแต่เพียงการซื้อเวลาหรือสร้างความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น

ในเมื่อสาเหตุที่แท้จริงของความทุกข์อยู่ที่การแบกหินก้อนหนัก ไม่ว่าจะเติมแต่งหินให้สวยงามอย่างไร มันก็ยังหนักอึ้งอยู่นั่นเอง ทางเดียวที่จะหมดทุกข์หมดปัญหาก็คือการวางมันลงเสีย

ความยึดมั่นเป็นต้นตอของความทุกข์ ขณะเดียวกันมันก็บังตาผู้คนจนมองไม่เห็นว่า 'ทางออก' นั้นอยู่ที่ 'ทางเข้า' นั่นเอง ผลก็คือหลงวนอยู่ในปัญหาจนหมดสภาพไปในที่สุด

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:24:45 am
(http://upic.me/i/41/10461431_696199403836036_3640512479330178416_n.jpg) (http://upic.me/show/55033551)

ใคร ๆ ก็ต้องการความสุข ชีวิตทั้งชีวิตทุ่มเทเพื่อความสุขที่ใฝ่หา แต่เราเคยถามตนเองหรือไม่ว่าความสุขที่เราเสาะแสวงมาหลายสิบปีนั้น เป็นความสุขที่แท้จริงหรือ และมีความยั่งยืนเพียงใด

ไม่ผิดหากจะกล่าวว่าในบรรดาผู้คนที่กำลังแสวงหาความสุขอยู่ในขณะนี้ น้อยคนที่รู้จักความสุขอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่แล้วเข้าใจว่าความสุขนั้นมีอย่างเดียวคือความสุขจากวัตถุ หรือความสุขจากการเสพ แท้จริงแล้วยังมีความสุขอย่างอื่นที่ไม่อิงวัตถุ และเป็นสุขที่ประณีตกว่า

ความสุขที่แท้มิได้อยู่ไกลตัว หากอยู่ในใจเรานี้เอง หากวางใจถูกก็เป็นสุขได้ในทุกหนแห่ง เพียงแค่รู้จักพอ ก็พบความสงบเย็น ไกลจากความรุ่มร้อน หารู้จักปล่อยวาง จิตใจก็โปร่งโล่งเบาสบาย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:46:16 am
(http://upic.me/i/h0/10407521_10153115567050535_4784630775650397971_n.jpg) (http://upic.me/show/55037445)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:48:40 am
(http://upic.me/i/k4/10453455_1143758315651484_6712768277866162012_n.jpg) (http://upic.me/show/55037448)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:49:49 am
(http://upic.me/i/w4/11024598_1142566682437314_2194410251570030124_n.jpg) (http://upic.me/show/55037450)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:51:39 am
(http://upic.me/i/zg/1908431_1141696012524381_7455226439701178366_n.jpg) (http://upic.me/show/55037451)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:53:25 am
(http://upic.me/i/yh/997034_1141162952577687_506116332582183162_n.jpg) (http://upic.me/show/55037452)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 07:57:37 am
(http://upic.me/i/pi/10991424_1129348223759160_824226355769505390_n.jpg) (http://upic.me/show/55037462)

ยิ้มรับเช้าวันใหม่ เพราะเรายังโชคดีที่ยังมีลมหายใจ ยังมีเช้าวันใหม่ เพราะมีคนอีกมากที่ไม่มีวันใหม่แล้ว แต่เรายังมีชีวิตที่จะได้ทำดี ได้พบเห็นคนที่
เรารักต่อไป...อย่าเพิ่งไปนึกอะไรทั้งสิ้น ยิ้มรับเช้าวันใหม่ก่อน

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:01:34 am
(http://upic.me/i/mu/10985240_1125781740782475_3133821899255398696_n.jpg) (http://upic.me/show/55037469)



ถ้าเราไม่เห็นความจริงของกายและใจ หรือเห็นความจริงของสิ่งต่างๆ ที่เรียกว่าสังขาร ทั้งรูปธรรม และนามธรรมในลักษณะนี้ เราก็จะเป็นทุกข์เมื่อต้องเจอความจริงที่แปรเปลี่ยนเป็นนิจ

ไม่ต่างจากการเอาตัวไปขวางกระแสน้ำที่เชี่ยว ถ้าเราเอาตัวไปขวางมันเราก็จะถูกน้ำพัดไป

คนเราทุกข์เพราะความยึดมั่นในตัวตนก็เพราะเหตุนี้ เรามักจะสร้างตัวตนขึ้นมาด้วยความไม่รู้ ด้วยความหลง เต็มไปด้วยความอยาก เต็มไปด้วยความยึด เมื่อสร้างแล้วก็อยากและยึดให้มันคงที่ เราจึงปฏิเสธความจริง ขัดขวางความจริง ทวนกระแสความจริงตลอดเวลา เพราะพอยึดอะไรว่าเป็นตัวตน ก็จะนึกว่ามันเที่ยง พอเกิดความแปรเปลี่ยน เราก็เลยเป็นทุกข์

ทุกวันนี้คนเราทุกข์เพราะไม่รู้จักวางใจให้ถูกต้อง เราเอาใจของเราขวางความจริง ขวางความจริงก็ไม่ต่างจากขวางกระแสน้ำ

พระไพศาล วิสาโล


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:09:22 am
(http://upic.me/i/j2/10277367_1121645411196108_1100303345027105200_n.png) (http://upic.me/show/55037477)


คนเราส่วนใหญ่มักทุกข์เพราะความคิด
ทุกข์เพราะไม่มีสติ
ปล่อยใจปรุงแต่งไปตามความโกรธ
ปรุงแต่งไปตามความโลภ
ชอบเก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิดรกหัวรกใจตัวเอง

พระไพศาล วิสาโล


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:14:08 am
(http://upic.me/i/pa/10653539_1115779208449395_1435255039552663108_n.jpg) (http://upic.me/show/55037493)


หินก้อนใหญ่ แม้จะหนักเพียงใด ถ้าไม่แบกมันเอาไว้ ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยแบกหินเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่บ่นว่าเหนื่อย แต่ก็ไม่ยอมปล่อยเสียที ผู้คนเหล่านี้พากันโทษว่าหินหนัก แต่ลืมถามตนว่า แบกมันทำไม เพียงแค่ปล่อยมันลง ความเหนื่อยก็มลายหายไป

นายตำรวจคนหนึ่งทุกข์ใจมาก เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้านาย ซ้ำยังถูกเพื่อน ๆ กลั่นแกล้งเพราะไม่กินตามน้ำกับเขา จึงมาปรับทุกข์กับหลวงพ่อชา สุภัทโท ท่านฟังนายตำรวจผู้นั้นบ่นหลายสิบนาที ปัญหาแล้วปัญหาเล่าไหลหลั่งพรั่งพรูออกมาเพราะอัดอั้นมานาน หลังจากที่เขาระบายจบ ท่านก็ชี้ไปที่หินก้อนใหญ่หน้ากุฏิท่าน

“เห็นหินก้อนนั้นไหม”
“เห็นครับ”
“หนักไหม”
“หนักครับ”
“คุณแบกไหวไหม”
“ไม่ไหวครับ”
“ถ้าไม่ไหว ก็อย่าไปแบกมัน”

ถึงตรงนี้นายตำรวจผู้นั้นก็ได้สติ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าที่ตนทุกข์หนักไม่ใช่เพราะใครหรืออะไรอื่น แต่เป็นเพราะตนเผลอแบกปัญหาต่าง ๆ เอาไว้เอง

สตินั้นช่วยให้ไม่ลืมตัว ทำให้ไม่เผลอแบกของหนัก รู้จักวางเมื่อรู้สึกเหนื่อย ไม่เอาคำต่อว่าด่าทอมาเป็นอารมณ์ เมื่อใดที่เผลอคิดถึงเหตุร้ายที่กลายเป็นอดีตไปแล้ว ก็รู้ตัว แล้ววางมันลงได้ ดังนั้นแม้จะเสียเงิน แต่ใจไม่เสีย ช่วยให้สุขภาพและงานการไม่เสียตามไปด้วย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:16:54 am
(http://upic.me/i/oo/10898041_1114836095210373_2351814220828157872_n.jpg) (http://upic.me/show/55037498)


ความจริงที่ผู้คนมักมองข้าม

เมื่อมีความทุกข์ใจเกิดขึ้น ผู้คนจึงมักโทษสิ่งภายนอก แต่ลืมมองกลับมาที่ตนเอง ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะใจที่ต่อต้าน ผลักไส หรือปฏิเสธสิ่งนั้นต่างหากจึงทำให้เป็นทุกข์

จะว่าไปแล้ว ไม่จำเพาะสิ่งที่เป็นลบเท่านั้น แม้สิ่งที่เป็นบวก เช่น อาหารที่อร่อย เพลงที่ไพเราะ ทันทีที่รู้สึกผลักไสมัน เพราะเห็นว่ามันไม่เข้ากับบรรยากาศ ไม่ถูกกาละเทศะ หรือเพราะกำลังง่วนอยู่กับสิ่งอื่นอยู่ ใจก็เป็นทุกข์ทันที แม้จะได้กำไรมาหลายสิบล้าน แต่หากรู้สึกลบกับมัน เพราะคิดว่าน่าจะได้มากกว่านี้ ใจก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที

พระไพศาล วิสาโล
ทุกข์คลายได้ เมื่อใจยอมรับ
http://www.visalo.org/article/secret255801.htm
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:22:39 am
(http://upic.me/i/pc/10926463_1104560592904590_23969688116646666_n.jpg) (http://upic.me/show/55037537)


อาบน้ำชำระใจ

การอาบน้ำนอกจากจะช่วยชำระกายให้สะอาดแล้ว ยังสามารถชำระใจให้แจ่มใสได้ด้วย หากเรามีสติอยู่กับการอาบน้ำ กล่าวคือไม่ปล่อยใจลอย หรือหาเรื่องต่าง ๆ มาคิดครุ่นขณะอาบน้ำ จิตรับรู้อยู่กับการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าถูสบู่ ขัดคราบไคล หรือเช็ดตัว ก็รับรู้อย่างต่อเนื่อง หากจะเผลอคิดไป ก็รู้เท่าทันความคิด และปล่อยวางได้

สำหรับคนส่วนใหญ่ การอาบน้ำเป็นช่วงที่ร่างกายและจิตใจกำลังผ่อนคลาย จึงมักปล่อยใจลอย จะไปไหนก็สุดแท้แต่ใจอยากจะไป แต่บ่อยครั้งใจกลับไปจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ในอดีตหรือความกังวลกับอนาคต หาไม่ก็คิดถึงการงานอันชวนให้เครียด ทำให้ไม่มีโอกาสได้ผ่อนคลายในช่วงเวลาที่น่าจะสบาย

ใช่แต่เวลาอาบน้ำเท่านั้น ใจที่ชอบฟุ้งซ่านยังหาเรื่องเครียดมาใส่ตัวตลอดทั้งวัน จนกินไม่ได้นอนไม่หลับก็มี แม้แต่เที่ยวก็ยังเที่ยวไม่สนุก เพราะหาเรื่องต่าง ๆ มาครุ่นคิด

เป็นธรรมดาของใจที่ชอบฟุ้งซ่าน แต่ปัญหาจะไม่เกิดหากใจมีสติรู้เท่าทันความฟุ้งซ่าน สติยิ่งไวเท่าไร ใจก็ยิ่งฟุ้งซ่านน้อยลง และอยู่เป็นที่เป็นทางมากขึ้น แต่สติจะว่องไวได้ก็เพราะผ่านการฝึก

เราสามารถฝึกใจให้มีสติว่องไวได้ในทุกโอกาส ไม่จำต้องรอเข้าคอร์สกรรมฐาน ไม่ว่าจะทำอะไรในชีวิตประจำวันก็เป็นโอกาสฝึกสติได้ทั้งสิ้น

หลายคนบ่นว่าไม่มีเวลาทำสมาธิ เข้ากรรมฐาน แต่ลืมไปว่าช่วงเวลาที่อยู่ในห้องน้ำ เป็นโอกาสดีสำหรับการฝึกสติ วันหนึ่ง ๆ เราใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่น้อยกว่า ๑ ชั่วโมง นอกจากการอาบน้ำแล้ว ยังต้องถูฟันและขับถ่าย หากทำกิจวัตรเหล่านี้อย่างมีสติ (ช่วงขับถ่ายอาจใช้วิธีน้อมจิตอยู่กับลมหายใจ) ทั้งนี้โดยถือหลักง่าย ๆ ว่า "กายอยู่ไหน ใจอยู่นั่น" ปีหนึ่ง ๆ ก็เท่ากับว่าได้ปฏิบัติธรรมถึง ๑๕ วันเต็ม (๓๖๕ ชั่วโมง)โดยยังไม่ได้เข้าคอร์สกรรมฐานด้วยซ้ำ

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:27:01 am
(http://upic.me/i/oi/10940621_1098137033546946_8230233283648502558_n.png) (http://upic.me/show/55037542)


การที่เรากินอาหารด้วยความรู้ค่า รู้คุณ เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง

ถ้าเราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรากิน เราก็จะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณของชีวิตและผู้คนที่ผลิตและนำอาหารมาให้เรา สำนึกดังกล่าวจะกระตุ้นเตือนให้เราพยายามใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า เพื่อตอบแทนบุญคุณของสรรพชีวิตที่ให้อาหารเรา สิ่งนี้เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งที่เราควรจะทำเป็นอาจิณ

ก่อนที่จะกินอาหารพระบางวัดจะสวดสวดเป็นภาษาบาลี เรียกว่าสวดปฏิสังขาโย จุดมุ่งหมายก็เพื่อเตือนสติให้เรากินอย่างรู้ค่า ให้รู้ว่าควรกินเพื่ออะไร คือ กินเพื่อให้ร่างกายอยู่ได้ ไม่ใช่กินเพื่อความเอร็ดอร่อย เพื่อความเพลิดเพลิน สนุกสนาน เพื่อความโก้เก๋ แต่กินเพื่อบรรเทาความหิว และไม่ทำให้มีความทุกข์เพิ่มขึ้น

พระไพศาล วิสาโล
http://www.visalo.org/article/buddhika53.html
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:29:51 am
(http://upic.me/i/p6/1907929_1097394206954562_8204894702384732046_n.jpg) (http://upic.me/show/55037547)



ใบบัวก็สามารถสอนใจเราว่า
น้ำไม่ติดใบบัวฉันใด ก็อย่าให้กิเลสย้อมใจเราฉันนั้น
เห็นรูปหรือหูได้ยินเสียงก็สักแต่ว่าเห็น
แต่อย่าปรุงแต่ง
อย่าให้รูปหรือเสียง
ปักแน่นในใจเราจนสลัดไม่ได้

พระไพศาล วิสาโล
สงบจิต สว่างใจ

ภาพ reforestation.me
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:33:22 am
(http://upic.me/i/ig/10857872_1074960955864554_7370694997675872164_n.png) (http://upic.me/show/55037571)


การเอาความสุขของเราไปผูกติด กับสิ่งใด ๆ ก็ตาม...มักตามมาด้วยความทุกข์ เพราะทุกสิ่งก็ล้วนพึ่งพาสิ่งอื่น ไม่เป็นอิสระหรือเที่ยงแท้ยั่งยืน พูดอีกอย่างหนึ่ง มันเป็นอนัตตา ดังนั้น จึงแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ มิอาจเป็นไปดังใจได้

การพึ่งตัวเอง ไม่หวังพึ่งพาความสุขจากสิ่งใด ๆ จะช่วยให้เราเป็นอิสระอย่างแท้จริง และเป็นสุขในทุกหนแห่ง ไม่ว่าสิ่งต่าง ๆ จะผันผวนปรวนแปรอย่างใด

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:36:54 am
(http://upic.me/i/yt/10710792_1020294177997899_1563669904320212804_n.jpg) (http://upic.me/show/55037574)


ความดี ความเข้าใจ และความสุข เป็นสิ่งที่มิอาจแยกจากกันได้

เมื่อเราทำความดี เราย่อมอิ่มเอมใจ และเมื่อเราเข้าใจว่าความไม่เที่ยงเป็นธรรมดาของชีวิต เราก็เป็นสุขอยู่ได้ในทุกสถานการณ์ และยิ่งเรามีความสุข ก็ยิ่งอยากทำความดี ขณะเดียวกันความสุขก็ทำให้จิตสงบ สามารถไตร่ตรองชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง จนเข้าใจสัจธรรมได้

พระไพศาล วิสาโล
ขับเคลื่อนชีวิตด้วยจิตวิวัฒน์
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:45:15 am
(http://upic.me/i/fa/10346363_919792064714778_4082733152085634231_n.png) (http://upic.me/show/55037592)



หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2015, 08:46:27 am
(http://upic.me/i/1f/1493203_881958131831505_8073543107961515934_n.png) (http://upic.me/show/55037604)



ทานทำให้ชีวิตมีความสมดุล

เพราะตั้งแต่เกิด เราเป็นผู้รับฝ่ายเดียว ร่ำร้องและเรียกหาทั้งอาหาร ของเล่น เงินทอง เวลา ความรัก จากพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ตลอดจนความรู้จากครูบาอาจารย์ ดังนั้นเมื่อเราเติบใหญ่ขึ้น จึงควรเป็นผู้ให้บ้าง มิใช่เพื่อทดแทนบุญคุณหรือตอบแทนโลกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เรามีความสุขด้วย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 07:53:17 am
(http://upic.me/i/p5/1535380_1153385448022104_5238278539722676258_n.jpg) (http://upic.me/show/55047686)



อัตตาหรือตัวตนนั้นพร้อมจะยึดทุกอย่างมาเป็น “ตัวกู ของกู”อยู่เสมอ รวมทั้ง “งานของกู” ด้วย ความยึดติดดังกล่าวแม้จะมีข้อดีตรงที่ทำให้เรารู้สึกเป็นเจ้าของงาน ดังนั้นจึงมีแนวโน้มจะทุ่มเทให้กับงานอย่างแข็งขัน แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็กดดันให้เราทำงานอย่างมีความทุกข์ เวลามีใครมาวิจารณ์งานที่เราทำ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็คือ ไม่เพียง “งานของกู”เท่านั้นที่ถูกวิจารณ์ แต่ยังรู้สึกเลยไปถึงว่า “ตัวกู”ก็ถูกวิจารณ์ด้วย ปฏิกิริยาที่ตามมาคือตอบโต้กลับด้วยถ้อยคำที่แข็งกร้าวหรือรุนแรง ซึ่งทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาน

งานจึงเป็นที่มาแห่งการกระทบกระทั่งกันได้ง่าย แต่ในเวลาเดียวกันสำหรับผู้มีปัญญา นี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ฝึกใจให้รู้จักละวางอัตตา เช่น แทนที่จะจดจ่อกับความรู้สึกว่า “ฉันถูกวิจารณ์” ก็หันมาใส่ใจกับคำวิจารณ์ดังกล่าวว่า “ที่เขาพูดนั้นถูกไหม ? “ การวางใจอย่างหลังนี้นอกจากจะไม่ทำให้เราทุกข์แล้ว ยังทำให้เราได้ประโยชน์จากคำวิจารณ์นั้นด้วย ท่าทีอย่างนี้เรียกว่าท่าทีแห่งปัญญา ซึ่งต้องอาศัยสติเข้ามาเป็นตัวนำทาง

ส่วนใหญ่ที่ทุกข์กับคำวิจารณ์ก็เพราะ สติทำงานไม่ทัน จึงเกิด “ตัวกู”ออกมารับคำวิจารณ์เต็ม ๆ ผลก็คือเกิดความฉุนเฉียวทุรนทุรายตามมา อย่างไรก็ตามถึงแม้ความฉุนเฉียวเกิดขึ้นแล้ว ก็ยังไม่สายที่สติจะเข้ามาตามรู้ หากสติตามทัน จิตก็จะหลุดหรือปล่อยวางจากความฉุนเฉียวได้ ทำให้ปัญญาเกิดขึ้นตามมา และหันมาใคร่ครวญคำวิจารณ์นั้นว่ามีประโยชน์มากน้อยเพียงใด

นักทำหนังโฆษณามือทองคนหนึ่งของไทยเล่าว่า บ่อยครั้งที่ผลงานของเขาถูกวิจารณ์โดยคณะกรรมการเซ็นเซอร์ของรัฐ และไม่ยอมให้ออกฉายทางโทรทัศน์ ความรู้สึกอย่างแรกที่เกิดขึ้นกับเขาคือ โกรธ แต่หลังจากนั้นเขาก็จะนำความเห็นของคณะกรรมการดังกล่าวมาพิจารณา และมักจะมีความคิดดี ๆ เกิดขึ้นตามมาเมื่อนำผลงานดังกล่าวไปปรับแก้ก็จะได้ผลงานที่ดีขึ้น ผลงานที่สร้างชื่อให้แก่เขาหลายชิ้นเกิดจากการปรับแก้ดังกล่าว เขาจึงพูดว่า “กรรมการมีหน้าที่วิจารณ์ ส่วนเรามีหน้าที่โกรธ” แต่เขาก็ทิ้งท้ายว่า อย่าโกรธนาน ต้องนำคำวิจารณ์นั้นมาพิจารณาด้วย

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
ที่มา หนังสือ ทำเต็มที่ แต่ไม่ซีเรียส

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 07:57:55 am
(http://upic.me/i/j3/10888555_1080781408615842_77431815933606335_n.jpg) (http://upic.me/show/55047689)


วิธีพักใจ ไว้ในปัจจุบัน ด้วยการเดินจงกรม

เดินจงกรมเป็นวิธีพักใจอีกอย่างหนึ่ง
แต่แทนที่จะน้อมจิตมาอยู่กับลมหายใจเข้าและออก
ก็ให้มาอยู่กับการย่างเท้าทั้งสอง
โดยเดินกลับไปกลับมาอย่างช้า ๆ
ระยะทางประมาณ ๓-๕ เมตร
ทอดสายตาไปที่พื้นประมาณ ๑.๕ เมตรจากตัว
ระหว่างที่เดินก็ให้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเท้า
โดยไม่ถึงกับเพ่งหรือจดจ่อที่เท้า
เมื่อใจเผลอไปคิดถึงเรื่องใดก็ตาม
ทันทีที่รู้ตัวก็ให้พาจิตกลับมาอยู่ที่การเดิน
ทั้งนี้ไม่ต้องไปสนใจว่าเมื่อกี้คิดอะไร
ทำไมถึงคิด ให้ปล่อยวางความคิดโดยไม่ต้องอาลัย

ขอให้สังเกตว่าเมื่อใดที่จิตเผลอคิดออกไปนอกตัว
จิตจะไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของร่างกายหรือเท้าที่ก้าวเดิน
จนบางครั้งลืมไปด้วยซ้ำว่ากำลังเดินอยู่
แต่เมื่อรู้ตัวว่าเผลอ แล้วกลับมาอยู่กับการเดิน
ความรู้สึกตัวจะกลับมาแจ่มชัด
และรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของร่างกายรวม ๆ อีกครั้งหนึ่ง
ความรู้ตัวและความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของร่างกาย
จึงสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด

ใหม่ ๆ อาจจะยังวางจิตไว้ไม่ถูก คือ แทนที่จะรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเท้า
ก็ไปเพ่งหรือจดจ่อที่เท้า แม้จะทำให้จิตฟุ้งน้อยลง
แต่ก็อาจทำให้เครียดได้ง่าย
เมื่อใดที่รู้สึกเครียด ก็ให้ผ่อนจิตลงมา
เพียงแค่ให้รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเท้าก็พอ
วิธีนี้แม้จิตจะเผลอออกไปนอกตัวบ่อยกว่า
แต่การรู้ตัวว่าเผลอครั้งแล้วครั้งเล่า
จะทำให้สติปราดเปรียวว่องไวขึ้น
ช่วยให้เผลอน้อยลง และมีความรู้สึกตัวต่อเนื่องขึ้น
ยิ่งมีความรู้สึกตัวต่อเนื่องมากเท่าไร
จิตก็จะยิ่งโปร่งเบาและแจ่มใสมากเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การเดินจงกรมนั้นมีหลายแบบ
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีการกำหนดจิต
ไปที่การเคลื่อนของเท้าอย่างละเอียดถี่ยิบ
ตั้งแต่ยกเท้า ย่างเท้า แล้วเหยียบพื้น เป็นต้น
ผู้สนใจควรศึกษาเพิ่มเติมจากผู้รู้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 08:00:22 am
(http://upic.me/i/kc/10416596_1079191045441545_9137226388734513163_n.jpg) (http://upic.me/show/55047691)


สงบเย็น หลับสบาย...แผ่เมตตาก่อนนอน

แผ่บุญกุศลและความปรารถนาดีไปให้แก่ผู้มีบุญคุณกับเรา ไม่จำเพาะพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ควรรวมไปถึงมิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน ไปจนถึงผู้ที่มีสถานะต่ำกว่าเรา ทั้งโดยวัย ความรู้ หรือการงาน รวมทั้งแผ่ไปยังสรรพชีวิตที่ช่วยเหลือเกื้อกูลให้เรามีชีวิตได้อย่างผาสุกสวัสดี

นอกจากนั้นควรแผ่เมตตาไปยังคู่กรณีหรือผู้ที่ทำความขุ่นข้องหมองใจแก่เรา ไม่ว่าเป็นคนใกล้หรือไกล ขอให้เขาเหล่านั้นมีความสุข ปลอดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

เมตตาที่ปลุกขึ้นมาในใจ จะช่วยดับความเร่าร้อนในจิตใจ ระงับความโกรธเกลียดที่ติดค้างมาตลอดวัน ช่วยให้เราสงบเย็นและสามารถหลับได้อย่างมีความสุข พร้อมจะตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยกายที่สดชื่นและใจที่แจ่มใส

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
ภาพ sausedo.net
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 08:03:07 am
(http://upic.me/i/nz/10427319_1077169005643749_2971668275892062035_n.png) (http://upic.me/show/55047698)


“น้องด้าย” เด็กหญิงอายุ ๑๔ ไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเด็กอ่อนที่บ้านปากเกร็ด หลังจากที่ไปช่วยได้ไม่กี่เดือน แม่สังเกตว่า เธอนิ่งและสุขุมขึ้น รับฟังคนอื่นมากขึ้น และใช้อารมณ์กับแม่น้อยลง ไม่ต่างจาก “กบ” นักธุรกิจวัย ๓๐ ปลาย ๆ เขารู้สึกว่าตนเองใจเย็นขึ้น แม้แต่ลูกน้องก็ทักว่าเขาพูดนุ่มนวลกว่าเดิม ไม่โผงผางเหมือนเก่า เหตุผลก็เพราะ เวลาอยู่กับเด็ก เขาต้องใช้ความอดทนและความอ่อนโยน จะทำตามอารมณ์ไม่ได้ เขายังเล่าด้วยว่า “ในขณะที่เราพยายามจะให้เขามีพัฒนาการที่ดี เขาก็ช่วยขัดเกลาให้เราอ่อนโยนในเวลาเดียวกันด้วย"

การช่วยเหลือผู้อื่นนั้น ช่วยขัดเกลาและปรับปรุงจิตใจของเราโดยไม่รู้ตัว ทำให้เราเห็นแก่ตัวน้อยลง และมีจิตใจอ่อนโยนมากขึ้น ที่สำคัญอีกประการก็คือ ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทีแรกคิดจะไปให้ความสุขแก่เขา กลับกลายเป็นว่า เขาให้ความสุขแก่เรา สอดคล้องกับพุทธพจน์ที่ว่า “ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข”

ดังนั้นถ้าเรารักตนเองจริง ๆ อยากให้ตนเองมีความสุขและมีจิตใจเจริญงอกงาม ควรช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นมาก ๆ เพราะ “รักษาผู้อื่นก็คือรักษาตน”

พระไพศาล วิสาโล
http://www.visalo.org/article/secret255609_2.htm

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 08:07:08 am
(http://upic.me/i/vq/10351391_1077471372280179_2019216531865607787_n.jpg) (http://upic.me/show/55047708)


หลับสบาย เมื่อใจมีธรรม

หลังจากทำงานมาทั้งวัน
เวลานอนควรเป็นเวลาพักผ่อนทั้งกาย
และใจของเราอย่างแท้จริง
อย่าปล่อยให้งานการและเหตุการณ์ต่าง ๆ
ที่พานพบมาตลอดวัน
ตามมารบกวนเรากระทั่งในยามหลับ
จนกลายเป็นฝันร้ายหรือนอนไม่หลับ
กระสับกระส่ายไปทั้งคืน

ก่อนนอนนอกจากอาบน้ำชำระเหงื่อไคล
ออกไปจากร่างกายแล้ว
ควรหาเวลาชำระจิตให้ปลอดพ้น
จากเรื่องกังวลใจด้วย
โดยการนั่งสมาธิ ทำใจให้สงบ
มีลมหายใจเข้าและออกเป็นที่พักพิงของจิต
ไม่ว่าความรู้สึกนึกคิดใด ๆ จะผุดขึ้นมา
ก็รู้แล้ววางเสีย มีสติรู้ตัวอย่างต่อเนื่อง
แต่หากมีเรื่องรบกวนจิตใจมาก
ก็ลองหางานอื่นให้จิตทำก่อน
เช่น สวดมนต์ เมื่อความฟุ้งซ่านลดลงแล้ว
จึงค่อยมานั่งสมาธิก็ได้

การเตรียมใจอีกอย่างหนึ่งที่ควรทำก่อนนอน
ก็คือ เตือนใจว่าชีวิตของเรานั้นไม่เที่ยง
สักวันหนึ่งเราก็ต้องจากโลกนี้ไป
วันนั้นจะมาถึงเมื่อไร เรามิอาจรู้ได้
อาจเป็นปีหน้า เดือนหน้า สัปดาห์หน้า
หรือวันพรุ่งนี้ก็ได้
ใครจะไปรู้คืนนี้อาจเป็นคืนสุดท้ายของเรา
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงควรถามใจตนเองว่า
เราพร้อมที่จะไปจากโลกนี้หรือยังหากวันนั้นมาถึง

หากยังไม่พร้อม เพราะยังห่วงผู้คน
และติดยึดสิ่งต่าง ๆ มากมาย
เราควรใช้ช่วงเวลาก่อนนอนนี้ฝึกใจ
ปล่อยวางผู้คนและสิ่งต่าง ๆ
เสมือนว่าคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของเรา
ใหม่ ๆ อาจทำได้ยาก แต่เมื่อทำบ่อย ๆ
ก็จะปล่อยวางได้ง่ายขึ้น

ขณะเดียวกันหากมีสิ่งใดที่ยังปล่อยวางได้ยาก
เพราะยังจัดการไม่แล้วเสร็จ
หรือยังมีภารกิจสำคัญบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่
ก็ควรตั้งใจว่าหากพรุ่งนี้ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป
จะเร่งรีบทำสิ่งนั้นให้แล้วเสร็จ
แต่อย่าเผลอหมกมุ่นกับเรื่องนั้น
จนนอนไม่หลับ
ปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 08:11:06 am
(http://upic.me/i/2p/10372279_1068121296548520_5814416909684980629_n.jpg) (http://upic.me/show/55047710)

ยอมรับไม่ได้หมายความว่ายอมแพ้

ยอมแพ้หมายถึง การเอาแต่ตีโพยตีพาย
หมกมุ่นกลุ้มใจว่า ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมต้องเป็นฉัน
หรือท้อแท้สิ้นหวัง
คิดแบบนี้ทำให้เราไม่เห็นทางออก
หรือไม่คิดจะหาทางออก
ทำให้ไม่ยอมมองไปข้างหน้า

แต่พอเราเริ่มรับความจริงว่า
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราแล้ว
เราก็จะเลิกบ่นหรือกลุ้มอกกลุ้มใจ
แต่จะมาดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
เราจะจัดการปัญหาอย่างไร
อันนี้ทำให้เรามองไปข้างหน้าได้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 08:19:51 am
(http://upic.me/i/0j/10801587_1060668340627149_5234938503857854544_n.jpg) (http://upic.me/show/55047718)


การปล่อยวางนั้นเป็นเรื่องของการ "ทำจิต" เพื่อไม่ให้ทุกข์ใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรทำอะไรมากกว่านั้นหากทำได้ เมื่อคนรักตายจากไป เราไม่สามารถทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ สิ่งที่เราทำได้ในกรณีนี้ก็คือ การทำจิต หรือปล่อยวางเท่านั้น

แต่หากเราล้มป่วย นอกจากการทำจิต คือ ไม่บ่นโวยวายหรือตีโพยตีพาย หากแต่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือพิจารณาว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราแล้ว เรายังควร "ทำกิจ" ด้วย คือ เยียวยารักษาร่างกายให้หายป่วย

หรือถึงแม้จะยังไม่ป่วย สุขภาพยังดีอยู่ ในด้านหนึ่งก็ควรเผื่อใจว่าอะไรก็ไม่เที่ยง จะได้ไม่ทุกข์ใจเมื่อต้องล้มป่วย แต่พร้อมกันนั้นก็ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ใส่ใจในคุณภาพของอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้ล้มป่วยเร็วเกินไป

ใครที่ทำใจอย่างเดียว โดยไม่ทำกิจเลย ย่อมเรียกว่าเป็นอยู่อย่างไร้ปัญญา

จริงอยู่กล่าวในทางปรมัตถ์แล้ว ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงสิ่งที่ “หยิบยืม”มาใช้ชั่วคราว แต่ตราบใดที่มันยังอยู่ในการดูแลของเรา เราก็มีหน้าที่ดูแลมันให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับโทรศัพท์หรือรถยนต์ที่เราหยิบยืมมาจากเพื่อน แม้มันไม่ใช่ของเรา เราก็ต้องดูแลรักษาให้ดี ใครที่ปล่อยปละละเลย เอาแต่ใช้แต่ไม่ดูแล ด้วยเหตุผลว่า มันไม่ใช่ของเรา ย่อมเรียกได้ว่าเป็นผู้ไร้ความรับผิดชอบ เอาแต่ได้ ไม่น่าคบหาเลย

ครั้งหนึ่งหลวงพ่อชา สุภัทโท เดินผ่านกุฏิของพระรูปหนึ่ง ท่านสังเกตเห็นหลังคาแหว่งไปครึ่งหนึ่งเพราะถูกพายุฝนกระหน่ำ แต่พระรูปนั้นไม่ขวนขวายที่จะซ่อมหลังคาเลย ปล่อยให้ฝนรั่วอย่างนั้น ท่านจึงถามเหตุผลของพระรูปนั้น คำตอบที่ได้ก็คือ ผมกำลังฝึกการไม่ยึดมั่นถือมั่นครับ หลวงพ่อชาจึงตำหนิว่า นี่เป็นทำโดยไม่ใช้หัวสมอง แทบไม่ต่างจากการวางเฉยของควายเลย

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 08:21:46 am
(http://upic.me/i/gl/10530751_1059830327377617_4011850578752476843_n.png) (http://upic.me/show/55047721)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 08:26:23 am
(http://upic.me/i/ra/10336661_1043269715700345_3708781801719596368_n.jpg) (http://upic.me/show/55047744)


การทำตามความฝันหรืออุดมคตินั้น ไม่ได้หมายถึงการไม่อยู่กับปัจจุบัน คนเราควรมีจุดมุ่งหมายในชีวิต เมื่อตั้งจุดหมายและกำหนดเส้นทางชัดแล้ว พอเริ่มก้าวเดิน ตอนนี้แหละที่ใจควรอยู่กับปัจจุบัน อย่ามัวกังวลว่าเมื่อไหร่จะถึง ขอให้เดินไปเรื่อย ๆ และเดินแต่ละก้าวอย่างดีที่สุด (ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องรีบเดิน จ้ำเอา ๆ ) ในที่สุดก็จะถึงเป้าหมายเอง (หากเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง) แต่ถ้าไม่ถึงเป้าหมายเพราะเหตุใดก็แล้วแต่ ก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะทำดีที่สุดแล้ว และได้เรียนรู้มากมายระหว่างทาง เป็นกำไรชีวิตที่ทรงคุณค่า

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 08:38:16 am
(http://upic.me/i/wn/10712884_1034459189914731_3557074990271400956_n.jpg) (http://upic.me/show/55047755)


ปล่อยวางในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการละทิ้งไม่ไยดีหรือไม่รับผิดชอบ หากหมายถึงการมีจิตใจเป็นอิสระจากสิ่งเหล่านั้น แม้ยังเกี่ยวข้องอยู่แต่ก็ไม่สยบมัวเมาในสิ่งเหล่านั้น รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและส่วนรวมตามควรแก่กรณี แต่เมื่อถึงเวลาพลัดพรากจากกัน ก็ไม่หวงแหนติดยึดหรือเศร้าโศกเสียใจ

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 26, 2015, 08:41:29 am
(http://upic.me/i/tq/10384818_1032154320145218_4202718341921973602_n.jpg) (http://upic.me/show/55047760)



การมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ฝืนธรรมชาติของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีเมตตากรุณาเป็นพื้นอยู่แล้วในจิตใจ เมตตากรุณาเป็นส่วนหนึ่งของมโนธรรมที่อยู่ในใจเราทุกคน

การทำความดี นึกถึงผู้อื่น เอื้อเฟื้อเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ ช่วยเสริมสร้างมโนธรรมของเราให้เข้มแข็งขึ้น และทำให้มีพลังในการทำความดีมากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 30, 2015, 05:43:55 pm
(http://upic.me/i/z1/11095354_1155363951157587_9048102598389172420_n1.jpg) (http://upic.me/show/55088321)


ธรรมในพุทธศาสนาแยกได้เป็นสองอย่างเท่านั้น คือ จริยธรรมและสัจธรรม

จริยธรรม คือ ความดีเป็นสิ่งที่ต้องทำ ถ้าอยากมีความสุขก็ต้องทำ ต้องทำจึงจะมีชีวิตที่ผาสุกและเจริญงอกงามได้ ส่วนสัจธรรมคือความจริง เป็นสิ่งที่ต้องเห็นหรือเข้าถึง

การปฏิบัติธรรมถ้ากล่าวอย่างย่อๆ ก็มีแค่สองเท่านั้น คือทำความดี และเห็นความจริง

ทำความดีได้แก่ การให้ทาน การรักษาศีล รวมทั้งการภาวนาที่ทำให้คุณภาพจิตเจริญงอกงาม เช่น มีเมตตา มีความเพียร มีขันติ มีความอดทน ซึ่งล้วนทำให้จิตใจอ่อนโยน นุ่มนวล เอื้อเฟื้อต่อการทำความดี

แต่เท่านั้นยังไม่พอ เราต้องฝึกจิตให้เห็นความจริงด้วย ความจริงนั้นมีมากมาย อาจจะเรียกว่าไม่น้อยกว่าดวงดาวที่อยู่บนฟากฟ้า หรือที่อยู่ในจักรวาลนี้

พระพุทธเจ้าเคยเปรียบความจริงทั้งหลายในโลกนี้ เหมือนกับใบไม้ในป่า คราวหนึ่งพระพุทธองค์ได้ประทับที่ป่าประดู่ลาย และหยิบใบไม้มากำมือหนึ่ง ตรัสถามพระสาวกว่าใบไม้ในมือของพระองค์กับใบไม้ในป่า อันไหนมีมากกว่ากัน พระสาวกก็ตอบว่าใบไม้ในป่ามีมาก ใบไม้ในกำมือพระองค์มีน้อย

พระพุทธองค์ก็ตรัสว่า ธรรมะที่พระองค์สอนก็เหมือนกับใบไม้ในกำมือ น้อยกว่าความจริงทั้งหลายในโลกและจักรวาลนี้ ความจริงมีมากมายนับประมาณไม่ได้ มหาศาลมาก แต่ความจริงที่พระพุทธเจ้าเอามาสอนนี้มีเพียงน้อยนิด เช่น ความจริงเกี่ยวกับรูปนาม ความจริงเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม ความจริงเกี่ยวกับเหตุแห่งทุกข์ คือปฏิจจสมุปบาท ความจริงที่เกี่ยวกับการดับทุกข์ คือปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร รวมทั้งความจริงเกี่ยวกับไตรลักษณ์

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
http://www.visalo.org/article/5000s07_2.html
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2015, 10:45:26 am
(http://upic.me/i/ps/10407618_1157251024302213_6393902621379487765_n.jpg) (http://upic.me/show/55094250)


ทำความดีแต่ยังหนีทุกข์ไม่พ้น?

ถึงแม้ว่าการทำความดีนั้นจะช่วยให้เรามีความทุกข์น้อยลง มีความสุขมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง

คนที่ทำความดีมามากก็ยังมีความทุกข์อยู่ อาจจะทุกข์เพราะทำความดีแล้วไม่มีคนเห็น มีความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกตำหนิ มีความแค้นเคืองที่ถูกต่อว่าด่าทอ หรือเป็นทุกข์เมื่อล้มป่วย

มีคนจำนวนไม่น้อยทำความดี สร้างบุญกุศล เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ คือมีอายุยืน ไม่ป่วยไข้ ชีวิตมีแต่ความเจริญ แต่พอเจ็บป่วยก็ทำใจไม่ได้ ตีโพยตีพายว่าทำไมต้องเป็นฉัน ฉันอุตส่าห์ทำความดี ทำไมฉันถึงต้องเป็นมะเร็ง อันนี้เป็นตัวอย่างของคนที่แม้ทำความดีแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะพ้นทุกข์

ยิ่งถ้าทำความดีด้วยความเชื่อว่า ทำความดีแล้วจะไม่มีทุกข์ ก็ยิ่งทุกข์เข้าไปใหญ่

มีชายคนหนึ่งทำบุญให้ทานรักษาศีลตั้งแต่ยังหนุ่ม เพราะมีความเชื่อว่าทำแล้วชีวิตจะมีแต่ความสุขความเจริญ อายุยืน รอดพ้นจากโรคาพยาธิ แคล้วคลาดจากภัยอันตราย แล้ววันหนึ่งก็พบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง เขาทำใจไม่ได้ ไม่ใช่เสียใจเท่านั้น แต่ยังมีความโกรธเคือง รู้สึกเหมือนถูกโกหกหลอกลวง ถูกหักหลัง เอาแต่ตัดพ้อว่า ทำไมฉันทำบุญแล้วถึงต้องล้มป่วย ทำไมบุญกุศลไม่ช่วยฉันเลย ทำไมทำดีแล้วต้องมาเจอทุกข์ภัยแบบนี้

เขาแค้นเคืองมาก แสดงความก้าวร้าวต่อหมอและพยาบาลเพราะทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน กลายเป็นว่าไม่เพียงแค่ป่วยกาย แต่ยังป่วยใจด้วย เพราะว่าวางใจผิด ตอนตายเขาก็ตายไม่สงบเพราะรู้สึกผิดหวังที่ต้องมาเจอเคราะห์กรรมแบบนี้ ทั้งๆ ที่ทำความดี รักษาศีลมาตลอด

อันนี้เป็นเพราะเขาไม่ตระหนักถึงความจริงที่ว่าคนเราไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม รวยหรือจน เด็กหรือผู้ใหญ่ พระหรือโจร ก็หนีความเจ็บป่วยและความตายไม่พ้น

แต่ถ้าตระหนักถึงความจริงที่ว่าความแก่ ความเจ็บป่วยหรือความตายก็ดี เป็นธรรมดาของชีวิต เป็นความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น ก็จะทำใจยอมรับได้ และจะไม่ตีโพยตีพายซึ่งกลายเป็นการซ้ำเติมร่างกายให้ย่ำแย่ลงไป อันนี้เป็นตัวอย่างว่าทำความดีอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องฝึกใจหรือเปิดใจให้เห็นความจริง

เห็นความจริงเกี่ยวกับไตรลักษณ์คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตระหนักว่าในที่สุดแล้วคนเราก็ไม่อาจหนีความเจ็บป่วยและความตายได้พ้น รวมไปถึงความพลัดพรากสูญเสียด้วย เป็นเพราะคนเราไม่เห็นความจริงตรงนี้ ดังนั้นแม้ทำความดีก็ยังทุกข์

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2015, 11:00:16 am
(http://upic.me/i/js/10421612_1018039811541098_3813566982830643759_n.png) (http://upic.me/show/55094354)




ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011 (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 02, 2015, 02:06:24 pm
(http://upic.me/i/06/11083893_1157789857581663_8284260611863064711_n.jpg) (http://upic.me/show/55117302)


ความจริงอย่างหนึ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนอย่างยิ่ง เห็นหน้ากันอยู่หลัด ๆ ปุบปับก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ความคิดที่ว่าการปฏิบัติต่อคนที่เรารักนั้นผัดผ่อนไปวันหลังก็ได้ นับว่าเป็นความประมาทอย่างหนึ่ง เพราะเขาอาจไม่อยู่ให้เราทำดีกับเขาก็ได้

ชายผู้หนึ่งเล่าประสบการณ์คล้าย ๆ กันว่า ระหว่างที่ทำงานต่างจังหวัด ภรรยาโทรศัพท์ทางไกลไปหา เพราะมีความในใจอยากจะสนทนาด้วย ตอนนั้นโทรศัพท์มือถือยังไม่แพร่หลาย ส่วนโทรศัพท์ทางไกลก็นาทีละ ๑๒ บาท พอคุยกันได้สักพัก สามีก็ตัดบทว่า ถึงบ้านแล้วค่อยคุยแล้วกัน จะได้ไม่เปลืองค่าโทรศัพท์ ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นภรรยาก็เสียชีวิตด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน สามีรู้สึกเสียใจที่ไม่ให้เวลาภรรยาเต็มที่ตั้งแต่คืนนั้น บทเรียนที่เขาได้รับก็คือ หากมีอะไรที่อยากคุย หรือมีเรื่องสำคัญที่ต้องปรึกษาหารือ ก็ควรให้เวลาเต็มที่ตั้งแต่ตอนนั้นอย่าผัดผ่อน เพราะอาจไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีก

การทำดีกับใครก็ตาม ไม่เหมือนกับการทำงาน การทำงานนั้นมักมีเส้นตายหรือกำหนดเสร็จ ส่วนการทำดีกับผู้คนนั้นไม่มีกำหนดหมายว่าต้องทำเมื่อนั้นเมื่อนี้ (ยกเว้นวันเกิดหรือวันสำคัญตามประเพณี) ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงมักให้เวลากับการทำงานก่อนส่วนการทำดีกับคนนั้น ผัดไปวันหลังได้ เพราะคิดว่ายังมีเวลา

ความคิดเช่นนี้เป็นที่มาแห่งความเสียใจและความรู้สึกผิดกับผู้คนมามากต่อมากแล้ว เพราะวันหลังอาจไม่มีจริงก็ได้ แม้แต่วันพรุ่งนี้ก็เถอะ ภาษิตธิเบตกล่าวไว้น่าคิดมากว่า

"ระหว่างพรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่า อะไรจะมาก่อน"

หากอยากทำดีกับใคร จึงควรรีบทำเสียแต่วันนี้ หรือขณะที่เขายังอยู่ต่อหน้าเรา ใครที่รีบทำขณะที่มีโอกาส อาจจะพบในเวลาต่อมาว่าตนตัดสินใจถูกต้องแล้ว หาไม่ก็อาจจะต้องเสียใจจนวันตาย



พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
ภาพ imgarcade.com
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 03, 2015, 07:42:43 pm
(http://upic.me/i/cl/11082657_1159600380733944_5539602232730983954_n.jpg) (http://upic.me/show/55131426)


คำว่า " แค่ "  ใช้ให้ดีจะมีสุข

ชายผู้หนึ่งมาหาหมอด้วยอาการอ่อนเพลียต่อเนื่องมานานหลายเดือน รูปร่างผอมซีดเพราะน้ำหนักตัวลดลงอย่างฮวบฮาบ หมอซักถามอาการได้สักพักก็สั่งเจาะเลือด

เมื่อผลตรวจเลือดมาถึง หมอก็แจ้งแก่คนไข้ว่า เขาเป็นเบาหวาน
ทันทีที่รู้ผล เขายิ้มหน้าบานจนเกือบจะลิงโลดด้วยซ้ำ หมอแปลกใจจึงถามเขาว่า

“ทำไมลุงถึงดีใจล่ะครับ เป็นเบาหวานต้องกินยาตลอดชีวิตนะครับ”

“ทีแรกผมนึกว่าจะเป็นเอดส์ แต่พอรู้ว่าเป็นแค่เบาหวาน ก็เลยดีใจมาก”

เบาหวานเป็นโรคร้าย ใครเป็นก็ถือว่าโชคร้าย แต่ชายผู้นี้กลับดีใจที่เป็นเพราะเขาคิดว่าจะต้องเจอหนักกว่านั้น สุขหรือทุกข์จึงไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเจออะไร แต่ขึ้นอยู่กับความคาดหวังของเรา ได้รางวัลเป็นเงินแสนแต่คาดหวังเงินล้าน ก็ย่อมเป็นทุกข์ ในทางตรงข้ามแม้เป็นเบาหวานแต่ใจคาดว่าจะเป็นเอดส์ ก็กลับทำให้ยิ้มได้

คนเราจะสุขหรือทุกข์อยู่ที่มุมมองเป็นสำคัญ มุมมอง(รวมทั้งความคาดหวัง)เป็นตัวสำคัญที่บ่งชี้หรือตีค่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ดีหรือร้าย เบาหรือหนัก น้อยหรือมาก

เพียงคำว่า " แค่ " คำเดียวก็ทำให้ปัญหาต่าง ๆ ดูเบาลงไปและบรรเทาความทุกข์ของเราไปได้เยอะ แต่บ่อยครั้งเรามักลืมคำ ๆ นี้ไปในยามที่ประสบเหตุร้ายหรือสิ่งที่ไม่สมหวัง แต่กลับนึกถึงคำ ๆ นี้เวลาประสบโชคหรือได้รับสิ่งที่น่าพอใจ เช่น "เขาชมฉันแค่นี้เอง" "ฉันได้โบนัสแค่ ๔ แสนเท่านั้น" "ฉันได้เป็นแค่ผู้จัดการฝ่าย" ผลที่ตามมาคือความทุกข์เกาะกินใจ

ชายผู้หนึ่งได้ทราบว่ามิตรอาวุโสขายหุ้นได้กำไร ๑๐ ล้านบาทเมื่อ ๒-๓ วันก่อน เขาจึงแสดงความยินดีกับเธอด้วย แต่คุณป้าผู้นั้นกลับตอบว่า "ยินดีอะไรกันล่ะ ถ้าฉันขายหุ้นวันนี้ ฉันก็ได้กำไรแล้ว ๒๐ ล้าน" วันรุ่งขึ้นคุณป้าผู้นี้ไม่มาตลาดหุ้นเหมือนเคย ชายผู้นี้จึงไปสอบถามโบรคเกอร์ซึ่งคุ้นเคยกับเธอ ก็ได้ความว่าเธอเข้าโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อเช้า สาเหตุก็เพราะเธอเครียดมาก

คุณป้าเครียดก็เพราะเป็นทุกข์ที่ได้กำไร "แค่" ๑๐ ล้านบาทเท่านั้น จะว่าไปเงินก้อนนี้มิใช่จำนวนน้อย ๆ พอ ๆ กับถูกลอตเตอรี่รางวัลที ๑ โชคลาภอย่างนี้ใครได้ไปก็น่าจะมีความสุข แต่พอมองไม่ถูก วางใจไม่เป็น เห็นว่ามันเป็น "แค่" ๑๐ ล้านบาทเท่านั้น ก็เป็นทุกข์ทันที

คำว่า " แค่ "  คำนี้มีอิทธิพลต่อจิตใจของเรามาก มันสามารถสร้างทุกข์หรือปัดเป่าความกลัดกลุ้มไปจากจิตใจของเราได้ อยู่ที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร หากใช้ให้เป็น เราก็สามารถรับมือกับเหตุร้ายได้โดยใจไม่ทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นการพลัดพรากสูญเสียของรัก หรือประสบกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์

เมื่อเจอเหตุร้ายคราวหน้า อย่าลืมนึกถึงคำนี้ เพียงเติมคำว่า " แค่ " ไว้ข้างหน้าเหตุร้ายเหล่านั้น เรื่องร้ายก็จะกลายเป็นเบาไปได้ในความรู้สึกของเรา

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 03, 2015, 07:55:35 pm
(http://upic.me/i/dv/10665239_1016071011753549_5104618106724342048_n.jpg) (http://upic.me/show/55131532)


รักที่แท้ในพุทธศาสนา คือ เมตตา กรุณา หมายถึงการปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี มีความสุข และอยากให้เขาพ้นทุกข์ ทั้งหมดนี้อยู่ที่การเอาผู้อื่นเป็นตัวตั้ง แต่ความรักอีกแบบหนึ่งที่พุทธศาสนาไม่ส่งเสริม เรียกว่า "สิเนหา" หรือที่เราเรียก "เสน่หา" เพราะมันเป็นความรักที่เอาตัวกูหรืออัตตาเป็นตัวตั้ง

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 08, 2015, 07:08:36 am
(http://upic.me/i/3g/10730833_1162146133812702_2561269431545435824_n.jpg) (http://upic.me/show/55171151)


ชัยชนะที่ยั่งยืน

สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับและนักสร้างหนังชื่อดังแห่งฮอลลีวู้ด เล่าว่าเมื่ออายุ ๑๓ ปีชีวิตของเขาเหมือนตกอยู่ในนรก เพราะที่โรงเรียนมีอันธพาลวัย ๑๕ คนหนึ่งชอบทำร้ายเขา ทั้งทุบตีและขว้างปาระเบิดไข่เน่าใส่เขา เขาทนสภาพนี้อยู่นาน

แล้ววันหนึ่งเขาก็เข้าไปหาอันธพาลคนนั้นและพูดว่า

“เธอรู้ไหม ฉันกำลังถ่ายทำหนังเรื่องสู้กับนาซี เธออยากเล่นบทพระเอกไหม ?”

ทีแรกอันธพาลหัวเราะใส่เขา แต่ในที่สุดก็ตกลง สปีลเบิร์กเล่าว่า หลังจากถ่ายทำวีดีโอเสร็จ อันธพาลคนนั้นได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเขา

การที่สปีลเบิร์กให้การยอมรับเขาและเปิดโอกาสให้เขาได้เป็นพระเอก มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนเขาจาก “ศัตรู” ให้กลายเป็นมิตรได้ เพราะลึก ๆ วัยรุ่นคนนั้นก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้รับความยอมรับ สปีลเบิร์กชนะใจเขาด้วยการยื่นไมตรีให้แทนที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูหรือยอมจำนนต่ออำนาจบาตรใหญ่ของเขา
น้ำใจไมตรีไม่เพียงแปรเปลี่ยนความขัดแย้งให้คลี่คลายไปในทางที่ดีเท่านั้น หากยังสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ด้วย

นักธุรกิจไทยผู้หนึ่งได้เล่าถึงประสบการณ์เมื่อครั้งไปเรียนหนังสือในเมืองบอสตันว่า เธอเคยถูกคนผิวดำล็อกคอและเอามีดจี้ขณะรอสัญญาณไฟเขียวบนเกาะหน้ามหาวิทยาลัย เมื่อโจรพบว่าในกระเป๋าของเธอมีเงินแค่ ๒๐ ดอลลาร์ ก็ไม่พอใจ เขาขุ่นเคืองหนักขึ้นเมื่อพบว่าเธอไม่มีนาฬิกา แหวนและกำไลเลยสักอย่าง เขาจึงถามเธอว่า

“เป็นคนเอเชียมาเรียนที่นี่ได้ก็ต้องรวยไม่ใช่หรือ ?”

เธอตอบว่า

“สำหรับฉันน่ะไม่ใช่ เพราะได้ทุนมา”

แล้วโจรก็ย้อนกลับมาถามถึงเงิน ๒๐ ดอลลาร์ว่าจะเอาไปทำอะไร เธอตอบว่า เอาไปซื้อไข่ เขาถามเธอว่าเอาไข่ไปทำอะไร

“เอาไปต้มกินได้ทั้งอาทิตย์”

เธอตอบตามความจริงเพราะตอนนั้นการเงินฝืดเคือง

ระหว่างที่โต้ตอบกันอยู่นั้น ยามหน้ามหาวิทยาลัยเห็นผิดสังเกต จึงยกหูโทรศัพท์เรียกตำรวจ เธอมองเห็นพอดีก็เลยโบกมือว่า

“ไม่ต้อง ๆ เราเป็นเพื่อนกัน”

โจรได้ยินเช่นนั้นก็งง ถามว่า

“คุณรู้จักกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

“ก็เมื่อกี้ไง” เธอตอบ

โจรเปลี่ยนท่าทีไปทันที หลังจากสนทนาพักใหญ่ โจรไม่เพียงแต่จะคืนเงินให้เธอ หากยังพาเธอไปซื้อไข่และซื้ออาหาร ๓ ถุงใหญ่ พร้อมทั้งหิ้วมาส่งถึงหน้ามหาวิทยาลัย แล้วยังแถมเงินอีก ๕๐ ดอลลาร์

เรื่องนี้ยังไม่จบเพราะวันรุ่งขึ้นเธอนำเงิน ๕๐ ดอลลาร์นั้นไปซื้อเครื่องปรุงอาหารไทย แล้วไปเยี่ยมบ้านเขาเพื่อทำต้มยำกุ้งให้กินกันทั้งครอบครัว นับแต่นั้นทั้งสองฝ่ายก็ไปมาหาสู่กัน เธอเล่าว่าทุกวันนี้หากมีธุระไปบอสตันก็จะไปแวะเยี่ยมครอบครัวนี้ทุกครั้ง

น้ำใจไมตรีและความดีนั้นมีพลังที่สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี และเปลี่ยนภัยคุกคามให้เป็นสะพานสานมิตรภาพได้

ใช่หรือไม่ว่าการกำจัดศัตรูที่ดีที่สุดก็คือการเปลี่ยนเขามาเป็นมิตรนั่นเอง นี้คือชัยชนะที่ให้ผลยั่งยืนกว่าชัยชนะด้วยกำลังที่เหนือกว่า

พลังของน้ำใจไมตรีและความดีนั้นอยู่ที่การดึงเอาคุณธรรมและความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายหนึ่งออกมาแม้จะซ่อนเร้นหรืออยู่ลึกเพียงใดก็ตาม

ในทางตรงกันข้ามการใช้พละกำลังและความรุนแรงมีแต่จะดึงเอาความโกรธเกลียดและคุณสมบัติทางลบของคู่กรณีออกมาปะทะกัน ผลก็คือความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นความรุนแรง หรือทำให้ความรุนแรงไต่ระดับจนยากแก่การระงับ

เวรไม่อาจระงับด้วยการจองเวรก็เพราะเหตุนี้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 08, 2015, 07:11:31 am
(http://upic.me/i/7w/19424_1162711157089533_4782385648254726942_n.png) (http://upic.me/show/55171150)


มนตรี เข็มทอง ปุจฉา - กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ ถ้าผมจะปฏิบัติที่สุดแห่งทุกข์ ผมจะปฏิบัติธรรมตัวไหนครับ สติปัฏฐานสี่หรือไม่ ถ้าใช่ช่วยบอกวิธี ลำดับขั้นตอนด้วยครับ และผมอยากทราบ ขันธ์ 5 อย่างละเอียดครับ ขอบพระคุณครับ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - คุณควรปฏิบัติตามหลักอริยมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนหรือ ๓ ระดับ คือ การพัฒนาพฤติกรรม(ศีล) การพัฒนาจิต (สมาธิ) และการพัฒนาปัญญา

การพัฒนา ๒ ส่วนหลังนั้น วิธีที่เป็นแกนกลางคือ การเจริญสติปัฏฐานสี่ อันได้แก่การฝึกจิตให้มีสติ ซึ่งเป็นเสมือนตาใน อันเป็นเครื่องมือในการเข้าใจความเป็นจริงของกายและใจ เริ่มต้นด้วยการรู้กายเมื่อเคลื่อนไหว และรู้ใจเมื่อคิดนึก ซึ่งรวมถึงรู้เวทนาที่เกิดกับกายและใจ สติยังช่วยให้เราปล่อยวางความคิดและอารมณ์ต่าง ๆ ทำให้ใจสงบ ขั้นตอนนี้เรียกว่าสมถะ

เมื่อเจริญสติต่อเนื่องก็จะเห็นว่ากาย จิต และเวทนา ไม่ใช่ของเรา ทำให้เห็นต่อไปว่าแม้แต่ “ตัวเรา” ก็ไม่มีจริง แต่เป็นสิ่งที่จิตปรุงแต่งขึ้น ขั้นตอนนี้คือการพัฒนาปัญญา หรือวิปัสสนา

ซึ่งหากเจริญอย่างถึงที่สุด ก็จะช่วยให้เห็นธรรมอย่างแจ่มแจ้ง คือเห็นว่าสรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง (อนิจจัง) ไม่ทน(ทุกขัง) และไม่ใช่ตน (อนัตตา) เมื่อเห็นเช่นนี้จิตก็จะปล่อยวาง เป็นอิสระจากความทุกข์

ส่วนขันธ์ ๕ นั้นคือ สิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นชีวิต ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เป็นเพราะไม่รู้ความจริงเรื่องขันธ์ ๕ จึงเกิดความยึดติดถือมั่นในตัวตนและหลงคิดว่ามันเที่ยง เป็นสุข

การเจริญสติปัฏฐานสี่หรือการทำวิปัสสนา จุดมุ่งหมายสำคัญคือเพื่อเห็นความจริงของขันธ์ ๕ ว่าเป็นไตรลักษณ์ จนปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นว่าเป็นเราและของเราอีกต่อไป สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับขันธ์ ๕ อาตมาขอแนะนำให้อ่านบทที่ ๑ ในหนังสือเรื่อง พุทธธรรม ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 09, 2015, 08:02:57 am
(http://upic.me/i/nj/10978587_10153104259037028_1219054833274575164_n.png) (http://upic.me/show/55181431)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 09, 2015, 08:14:47 am
(http://upic.me/i/pq/11150832_1163548753672440_3916683320724579580_n.jpg) (http://upic.me/show/55181457)


" ความสำคัญของการมีจิตที่เข้มแข็ง "


หากว่าเราสามารถฝึกใจของเราให้มีความเข้มแข็ง สามารถที่จะพูดหรือทำสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้องได้ เมื่อปัญญาหรือสมองบอกว่าสิ่งนี้ดี เราก็สามารถทำสิ่งนั้นได้เพราะจิตใจมีกำลัง เช่น เราพิจารณาแล้วเห็นว่าการทำสมาธิภาวนาเป็นของดี ทำให้ไม่เครียด ทำให้ความโกรธ ความเศร้า ความวิตกกังวลเข้ามาเล่นงานจิตใจไม่ได้

หรือเห็นว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องดี ถ้าออกกำลังกายเป็นประจำสุขภาพก็จะดี เมื่อเราเห็นเช่นนี้แล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องฝึกใจให้เข้มแข็ง เพื่อทำสิ่งเหล่านั้นได้ตามที่ตั้งใจไว้

อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการนำพาชีวิตประสบให้ความสำเร็จและมีความสุข ถ้าจิตใจอ่อนแอแล้ว ไม่ว่าจะคิดเก่งแค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่จะทำให้ชีวิตไปในทางที่ถูกต้องได้

คนสมัยนี้คิดเก่งมาก รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี รู้ว่าอะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ รู้หมด แต่ทำไม่ได้ เด็กก็เช่นกัน เขารู้ว่าการขยันเรียน การทำการบ้านเป็นของดี แต่ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ เอาแต่ดูโทรทัศน์ เอาแต่โทรศัพท์คุยกับเพื่อน หรือไม่ก็เล่นเกมส์ออนไลน์ ถามว่าเด็กรู้หรือไม่ว่าทำอย่างนี้ไม่ดี เด็กก็รู้ว่าไม่ดี แต่เขาห้ามใจไม่ได้


พระไพศาล วิสาโล


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 09, 2015, 08:37:37 am
(http://upic.me/i/oo/10342775_808129985946243_2653739139691429948_n.jpg) (http://upic.me/show/55181518)


"ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

ขอให้ใช้ สติปัญญา อย่างดีที่สุด

เมื่อมั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่ดี

ถูกต้อง ชอบธรรม ก็พึงทำ

ด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่

อย่ากังวลกับผลข้างหน้า

หรือหวั่นไหวไปกับการ

คาดคะเนในอนาคต

ปล่อยให้ผลสำเร็จเป็น

เรื่องอนาคตหน้าที่

ของเราคือ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด"




พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471?fref=photo (https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471?fref=photo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 10, 2015, 06:28:17 pm
(http://upic.me/i/yo/11150211_398185390364089_6102247196430256143_n.jpg) (http://upic.me/show/55194539)


คนสมัยนี้เปรียบเสมือนรถที่มีกำลังแรง แต่ไม่มีเบรก รถแบบนี้จะน่าขับหรือน่านั่งไหม แม้แต่หลวงพ่อคูณก็คงไม่กล้านั่งรถแบบนี้ คนสมัยนี้เหมือนกับคนที่เก่งในการปีนต้นไม้แต่ลงไม่เป็น เหมือนกับกัปตันที่เก่งในการขับเครื่องบินให้ทะยานขึ้นฟ้าได้ แต่ไม่รู้วิธีร่อนลง

คิดเก่งอย่างเดียวไม่พอ การฝึกใจให้เข้มแข็งมีพลังก็สำคัญมาก การฝึกสมาธิภาวนาเป็นวิธีหนึ่งในการฝึกให้จิตใจมีความเข้มแข็ง อดทนต่อความเบื่อหน่าย แค่ตั้งใจนั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน ก็มีอานิสงส์มาก ถึงแม้จะเบื่อก็ตาม แทนที่จะไปเล่น เที่ยว หรือกิน แต่ต้องมานั่งฝึกสมาธิให้ได้ครบตามกำหนดเวลา แม้แต่ ๕ นาทีก็มีคุณค่าและมีความหมาย อย่าไปประมาท เพียงแค่ ๕ นาที ถ้าทำเป็นประจำก็ทำให้จิตมีกำลังมาก

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก อยุธยา ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาก คราวหนึ่งมีชายหนุ่ม ๒ คน มากราบท่าน คนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ท่าน ชวนเพื่อนให้รักษาศีลและนั่งสมาธิต่อหน้าหลวงปู่ดู่ เพื่อนก็ปฏิเสธบอกว่า เขาถือศีล ๕ ไม่ได้เพราะยังกินเหล้าอยู่ หลวงปู่ก็เลยพูดกับเขาว่า แกจะกินเหล้าก็กินไป แต่ว่าทำสมาธิให้ได้ไหม แค่ ๕ นาทีก็พอ ชายคนนั้นเห็นว่า ๕ นาทีไม่ได้มากอะไร ก็เลยรับปากหลวงปู่ดู่ เนื่องจากเขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ดังนั้นเขาจึงนั่งสมาธิทุกวันวันละ ๕ นาทีตามที่รับปากไว้ นั่งเสร็จก็ไปกินเหล้า แต่บางวันเพื่อนชวนมากินเหล้าตอนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ ก็ปฏิเสธไป ปรากฏว่าทำไป ๆ เขาก็เลิกเหล้าได้เอง คงเพราะนั่งสมาธิทุกวัน ทำให้จิตใจมีกำลัง ไม่คล้อยตามกิเลสง่าย ๆ นอกจากหักห้ามใจได้แล้ว สมาธิยังช่วยให้เขามีความสุข เป็นความสุขที่ประเสริฐกว่าการกินเหล้าเยอะ

ชายคนนี้นอกจากเลิกเหล้าไดแล้ว ตอนหลังก็เกิดศรัทธา ถึงกับบวชพระและอยู่ในสมณเพศต่อเนื่องหลายปี พูดได้ว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงเพราะว่าทำสมาธิแค่วันละ ๕ นาที

สิ่งเล็กน้อย หากเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราทำบ่อย ๆ จะมีอานิสงส์มาก ทำให้จิตมีกำลัง เมื่อจิตมีกำลังก็สามารถขับเคลื่อนชีวิตของเราสู่ความเจริญงอกงามตามที่ตั้งใจไว้

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives
https://www.facebook.com/buddhadasaarchives?pnref=story (https://www.facebook.com/buddhadasaarchives?pnref=story)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 16, 2015, 11:15:29 am
(http://upic.me/i/29/11137122_1165240426836606_9189419045577150609_n1.png) (http://upic.me/show/55229816)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 16, 2015, 11:19:47 am
(http://upic.me/i/ze/10995920_1168346766525972_7500572418148271210_n.jpg) (http://upic.me/show/55229837)


พุทธศาสนามามองว่า ทุกข์นั้นเป็นธรรมดาโลก เป็นธรรมชาติพื้นฐานของสังขารหรือสิ่งทั้งปวง ไม่มีอะไร ที่ไม่ถูกบีบคั้นกดดันและเสื่อมสลายไปในที่สุด

ดังพระพุทธองค์ตรัสว่า

"มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป"

ทันทีที่เกิดมา ทุกข์ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรา ไม่ว่าสุขอย่างไรก็หนีทุกข์ไม่พ้น

ไม่เพียงเราทุกคนถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้วเท่านั้น แต่ยังมีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าด้วย

กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าการพ้นทุกข์นั้นเกิดขึ้นไม่ได้ การพ้นทุกข์ หรือใจไม่ถูกบีบคั้นด้วยความทุกข์นั้น เกิดขึ้นได้เมื่อมีปัญญาเห็นว่าทุกอย่างเป็นทุกข์ทั้งนั้น ไม่อาจหวังความสุขจากมันได้

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 16, 2015, 03:25:41 pm
(http://upic.me/i/gl/11078223_811619358930639_3191564075722459742_n.jpg) (http://upic.me/show/55231813)


รู้เท่าทันอารมณ์

“อารมณ์ทั้งหลายถ้าเราเห็นมันเป็นศัตรู

มันก็จะเป็นศัตรูกับเรา ถ้าเราผลักไสมัน

มันก็จะต่อสู้ แต่ถ้าเราเห็นมันเป็นแค่อาคันตุกะ

ที่จรเข้ามาและไม่ผลักไสไล่ส่งมัน ขณะเดียวกัน

ก็ไม่ทำตามอำนาจของมัน คือเป็นกลางๆ

อยู่เฉยๆ มันก็จะคลายพิษสงลง รังควานเราน้อยลง

แทนที่จะเป็นศัตรูก็กลายเป็นเพื่อนบ้านที่รู้เวลา

อ้อยอิ่งสักพักก็รู้ว่าถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว มันไปเอง

โดยที่เราไม่ต้องขับไสไล่ส่งมันเลย การรู้เฉย ๆ
 
ไม่ต้องทำอะไรจึงเป็นวิธีการที่เราไม่ควร

มองข้ามไม่ว่าจะเป็นนักภาวนาหรือไม่ก็ตาม”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ

https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471 (https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471)[/color]
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 17, 2015, 09:25:29 am
(http://upic.me/i/o4/11150179_1170006836359965_9189973400974851467_n.jpg) (http://upic.me/show/55237111)


ขณะเดียวกันทุกอย่างก็ล้วนเกิดดับ
ไม่จีรังยั่งยืน
จึงไม่อาจและไม่ควรยึดติดถือมั่น

จิตที่ปล่อยวาง
ไม่ยึดติดถือมั่นว่าต้องเที่ยงและเป็นสุข
เป็นจิตที่ความทุกข์บีบคั้นไม่ได้
แม้ต้องอยู่ท่ามกลางความทุกข์ก็ตาม

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2015, 12:04:55 pm
(http://upic.me/i/s3/11089048_1171575629536419_7405072890098765014_n.png) (http://upic.me/show/55265920)


ความทุกข์ของคนเรานั้นล้วนเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก แทบทุกกรณีปัจจัยภายในเป็นตัวการสำคัญที่สุด เพราะไม่ว่าปัจจัยภายนอกจะเป็นอย่างไร หากเราวางใจได้ถูกก็ไม่ทุกข์ใจ

ดังนั้นเมื่อเรามีความทุกข์ อย่าโทษปัจจัยภายนอกอย่างเดียว ควรมองมาที่ตัวเองด้วยว่า มุมมอง ทัศนคติ และท่าทีของเรามีส่วนเพียงใดที่ทำให้เราทุกข์ใจ

พระไพศาล วิสาโล




หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2015, 12:09:25 pm
(http://upic.me/i/cx/11127213_1172311709462811_5250435027692952420_n.png) (http://upic.me/show/55265944)


ถ้าเราใช้ความรู้สึกเป็นใหญ่

อยากได้อะไรก็ทำตามความอยากนั้น

ก็อาจนำไปสู่ความทุกข์ หรือ

อาจสร้างปัญหาหรือความเดือดร้อน


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 27, 2015, 11:08:48 am
(http://upic.me/i/q6/11150984_1175302532497062_2167044145042190953_n.jpg) (http://upic.me/show/55338292)


เด็กชายอีกคนหนึ่ง อายุประมาณสี่ขวบ เป็นคนกลัวโป๊ะมาก เวลาพ่ออุ้มลงโป๊ะเพื่อนั่งเรือข้ามแม่น้ำ เด็กจะกลัวมาก ดิ้นสุดฤทธิ์ เพื่อให้พ่อพาออกจากโป๊ะ พ่อก็พยายามพูดกับลูก ใช้เหตุผลกับลูกว่า อย่ากลัว ลูกอยู่กับพ่อแล้ว พ่ออุ้มลูกไว้แน่น ลูกไม่ต้องกลัว เด็กก็ยังกลัว โวยวาย ดิ้นไม่หยุด เป็นอย่างนี้ประจำ พ่อก็ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร

วันหนึ่งเขาอุ้มลูกชายลงโป๊ะ ลูกก็ดิ้นเหมือนเคย ร้องโวยวาย พ่อก็พูดกับลูกว่า ตอนนี้ลูกกลัวใช่มั้ย ลูกตอบว่า ใช่

พ่อถามต่อว่า กลัวมันเป็นยังไง ตอนนี้หัวใจเป็นยังไง เด็กตอบว่า หัวใจมันเต้นเร็ว พ่อถามถึงร่างกายส่วนอื่น เด็กก็ตอบว่าตอนนี้ตัวเกร็ง ขนลุกเลย

ทีนี้พ่อถามถึงความรู้สึกว่า แล้วใจเป็นยังไง เด็กตอบว่า ใจมันกลัว มันหนัก พูดคุยสักพักเด็กก็นิ่ง หยุดดิ้น เสร็จแล้วก็ปล่อยมือออกจากตัวพ่อ แล้วก็ลงมาวิ่งเล่นบนโป๊ะ กลายเป็นว่าเด็กไม่กลัวโป๊ะแล้ว ความกลัวมันหายไปเลย

สิ่งที่พ่อทำก็คือทำให้ลูกได้ "เห็น" ความกลัวของตัว ได้ดูกายดูใจ กายเป็นอย่างไร ใจเป็นอย่างไร แค่รู้หรือเห็นมัน ความกลัวก็หายไป

เห็นได้ว่า การดู การรู้ หรือการเห็นเฉย ๆ นั้นมีพลังสามารถปลดเปลื้องอารมณ์ต่างๆ ออกจากใจได้ แต่เคล็ดลับอันนี้ผู้คนไม่ค่อยตระหนักเท่าไร ส่วนใหญ่จะพยายามกดข่ม ต่อต้าน เช่น เวลาเด็กกลัวก็บอกลูกว่าอย่ากลัวๆ พอเด็กโกรธก็บอกว่าอย่าโกรธๆ หรือแม้กระทั่งเวลาเกิดขึ้นกับตัวเองก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน อันนั้นเป็นวิธีหนึ่งแต่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด วิธีที่ดีกว่านั้นคือการมีสติดูมัน เห็นมัน รู้เฉยๆ โดยไม่ต้องทำอะไร

การเจริญสติก็คือการฝึกจิตให้มีนิสัยที่จะรู้เฉยๆ เห็นอย่างที่มันเป็น ไม่ต้องทำอะไรกับมัน ไม่ต้องตีค่าว่าดีหรือชั่ว เพราะถ้าตีค่าว่าดีก็อยากจะยึดครอง ถ้าตีค่าว่าชั่วก็อยากจะผลักไส ให้เห็นอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่เห็นตามที่เราอยากจะให้มันเป็น วางใจเป็นกลาง ไม่ตีค่าไม่ตัดสิน ช่วยให้เราเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง จนกระทั่งได้เห็นถึงสภาวะที่เป็นปรมัตถ์ของมัน

การตัดสินอารมณ์ต่างๆ ว่าดีหรือชั่ว บวกหรือลบ อันนี้ยังเป็นสมมติอยู่ แต่ถ้าเราเห็นจนกระทั่งว่ามันเป็นแค่สภาวธรรมที่เกิดขึ้น ความโกรธกับความเมตตาที่จริงก็เป็นธรรมเหมือนกัน และก็ตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์เหมือนกัน ความเมตตาที่เกิดขึ้นในใจก็สอนธรรมได้ ความโกรธที่เกิดขึ้นในใจก็สอนธรรมให้กับเราได้เช่นกัน เช่น สอนเรื่องไตรลักษณ์ สอนให้เห็นว่ามันไม่จีรัง มันไม่เที่ยง มันไม่ใช่ตัวตน

การเจริญสติเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องยกระดับเป็นวิปัสสนา คือการเห็นสิ่งต่างๆ ตามที่เป็นจริง โดยไม่มีการให้ค่าไม่ตัดสินตามสมมติ

แต่ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับเราก่อนถึงตรงนั้น คือทำให้เราอยู่เหนืออารมณ์ได้ ไม่ปล่อยให้มันมารังควานจิตใจ จนเกิดความรุ่มร้อน เกิดความรู้สึกบีบคั้น แค่เห็นมัน ดูมัน มันจะเกิดขึ้นก็ช่างมัน จะมองมันว่าเป็นเพื่อนก็ได้ เป็นเพื่อนหรือแขกที่มาเยี่ยม อยากจะเข้ามาก็เชิญ เราไม่ผลักไส เราไม่ทำอะไรกับเธอทั้งสิ้น

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 27, 2015, 11:14:02 am
(http://upic.me/i/nr/10698575_1175884622438853_9131455287679119858_n.png) (http://upic.me/show/55338388)


การมีสตินั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะเวลาเจอวัตถุสิ่งของต่าง ๆ มันเป็นสิ่งทดสอบสติเราได้มาก เพราะเวลานี้เราหลงรักวัตถุมาก เรารักตัวเองน้อย เรารู้สึกว่าเราไม่มีค่า เราก็เลยไปให้ค่ากับวัตถุ เพราะคิดว่ามันจะทำให้เรามีคุณค่าสูงขึ้น เวลาเจอสิ่งของต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์เนมก็เลยอยากได้ แต่ถ้าเรามีสติเราจะรู้เลยว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่วัตถุสิ่งของเหล่านี้ แต่อยู่ที่ใจของเรา

พระไพศาล วิสาโล


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 27, 2015, 11:24:57 am
(http://upic.me/i/3r/11107182_1175940232433292_7418126846680867525_n.png) (http://upic.me/show/55338557)


ความอยาก - ความพร่อง

พอใจเราเกิดความอยากก็เร่เข้าหาวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล้อง ขนม เสื้อผ้า เพลง เราคิดว่าความสุขของเราอยู่ตรงโน้น ที่เราทุกข์เพราะเรายังไม่ได้สิ่งที่เราอยาก เราจึงดิ้นรนอยากได้สิ่งนั้นมาครอบครองให้ได้ แต่ถ้าเรามีสติเราจะรู้เลยว่าใจของเราต่างหากที่เป็นตัวการ เราทุกข์ไม่ใช่เพราะว่าเงินในกระเป่าเรามีน้อย แต่เพราะใจของเรามันพร่องต่างหาก

พระไพศาล วิสาโล


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 28, 2015, 06:47:44 am
(http://upic.me/i/p6/11013151_1178028325557816_1400601020710567261_n.jpg) (http://upic.me/show/55346682)


สัมมาสติในชีวิตประจำวัน

สติไม่ได้เป็นแค่เบรก มันเป็นคันเร่งด้วย อย่างเวลานักศึกษาเฉื่อยขึ้นมา ไม่อยากจะทำงาน ไม่อยากจะไปเรียนหนังสือ สติก็จะเตือนและเร่งให้เราตื่นตัว เร่งให้เราสกัดความขี้เกียจความเซ็งออกไป

เราเฉื่อยเพราะอะไร เพราะเราเป็นทาสของอารมณ์ เราปล่อยให้มันครอบงำเรา รั้งเราเอาไว้ กิเลสมันจะหาเหตุผลมาอ้างนะว่า ยังเช้าอยู่ อย่าเพิ่งไปเลย หรือว่าหลับจนตะวันโด่ง มันก็จะบอกว่าสายแล้วอย่าไปเลย นี่คืออุบายของกิเลส กิเลสมันหลอกเรา แต่ถ้ามีสติ เราจะรู้มันว่านี่เป้นอุบายของกิเลส เราจะไม่ยอมเชื่อ เราจะกระตือรือร้นขยันขันแข็งขึ้นมา

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 01, 2015, 01:00:46 pm
(http://upic.me/i/pr/11182249_1178651402162175_2982613336803807245_n.png) (http://upic.me/show/55377841)


การทำงานสามารถเป็นการปฏิบัติธรรมได้ตลอดเวลา หากเราทำด้วยแรงจูงใจที่เป็นกุศล เช่น ทำเพื่อเกื้อกูลผู้อื่น หรือเพื่อฝึกฝนพัฒนาตน โดยมุ่งให้มีความเห็นแก่ตัวน้อยลง อดทนมากขึ้น หรือทำโดยมีธรรมะเข้ามากำกับ เช่น ทำด้วยความซื่อสัตย์ รับผิดชอบต่อหน้าที่ หรือทำด้วยความปรารถนาดีต่อส่วนรวม

พระไพศาล วิสาโล
ได้ทั้งงาน ได้ทั้งธรรม
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 01, 2015, 01:03:51 pm
(http://upic.me/i/2m/10987508_1178793552147960_3012894240915014881_n.png) (http://upic.me/show/55377864)


ความร่ำรวยที่สุด คือ สันโดษ
สันโดษ คือ ความร่ำรวยอย่างยิ่ง
เพราะร่ำรวยแบบนี้แล้วชีวิตเป็นสุข
แต่ถ้าร่ำรวยแบบอื่นแล้วชีวิตไม่เป็นสุข
เพราะมันไม่รู้จักพอ


พระไพศาล วิสาโล


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 01, 2015, 01:07:29 pm
(http://upic.me/i/cq/10931065_1179376205423028_3517855423963571205_n1.jpg) (http://upic.me/show/55377897)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 01, 2015, 01:10:38 pm
(http://upic.me/i/c7/11110782_1180277958666186_108941827309200130_n.jpg) (http://upic.me/show/55377920)


คนเรามักลืมคิดถึงธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีการพลัดพรากสูญเสีย เมื่อมีหรือได้อะไรก็ตามก็ทึกทักเอาว่ามันจะต้องอยู่กับเราไปตลอด เรายอมไม่ได้ที่มันจะพรากจากเราไป (เว้นเสียแต่ว่าเราเป็นฝ่ายละทิ้งมันไปเอง)

น้อยนักที่เราจะเผื่อใจนึกถึงความไม่เที่ยงของสิ่งที่เรามี และในบรรดาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เรามีนั้น มีสิ่งหนึ่งที่เราแทบจะไม่ยอมนึกถึงวันที่จะต้องพลัดพรากจากมันไป สิ่งนั้นคือชีวิตของเราเอง

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 01, 2015, 01:22:57 pm
(http://upic.me/i/i9/10352412_817381061687802_100415041765731437_n.jpg) (http://upic.me/show/55377985)


ชีวิตกับกาลเวลาที่จากไป

เป็นเพราะเราใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน เลยไม่รู้ว่าเสียเวลาไปกับเรื่องอะไรบ้าง การมองชีวิตในภาพรวม ในภาพกว้างจึงสำคัญมาก

สมมติว่าคนเราอายุ 70 ปีโดยเฉลี่ย เขาพบว่าชีวิตคนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่บนเตียง คือ นอน 20 ปี นี่อาจจะน้อยไปด้วย เพราะส่วนใหญ่เรานอนวันละ 1 ใน 3 หรือ 8 ชั่วโมง ถ้าอายุ 70 ปี ก็นอนมากกว่า 23 ปี ส่วนเวลาที่ใช้ในการทำงานทั้งชีวิตก็ประมาณ 10 ปี ที่น่าตกใจคือคนส่วนใหญ่ใช้เวลาดูโทรทัศน์ทั้งชีวิต 12 ปี...

ถามว่าเวลาว่างที่เหลือนี้เราจะใช้ทำอะไร จะใช้ไปกับการเที่ยวห้างฯ ใช้เวลากับการเล่นเกมส์ หรือใช้เวลากับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ

คนมักจะบอกว่าไม่มีเวลาทำสมาธิ ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม ไม่มีเวลาให้ลูก ไม่มีเวลาให้พ่อแม่ แต่มีเวลาหรือเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นสาระ เช่น อยู่หน้าจอโทรทัศน์ 12 ปี อันนี้เป็นการประเมินของฝรั่ง พวกเราอาจจะไม่ได้ถึงขนาดนั้น แต่ถ้าเราไม่มองชีวิตแบบนี้บ้าง เราจะไม่เฉลียวใจเลยว่า เราใช้เวลาหมดไปกับเรื่องที่ไม่เป็นสาระมากมายแค่ไหน


พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ

https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471?pnref=story (https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471?pnref=story)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 01, 2015, 01:58:38 pm
(http://upic.me/i/rm/11009213_381911645329394_7783364766864805920_n.jpg) (http://upic.me/show/55378167)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 01, 2015, 01:59:14 pm
(http://upic.me/i/9v/11188230_1119507001408935_2456594312392263072_n.jpg) (http://upic.me/show/55378170)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 12:10:33 pm
(http://upic.me/i/cg/11141204_1182794278414554_7595055725698608912_n.png) (http://upic.me/show/55431921)


เขาเป็นคนที่ใฝ่ธรรม ชอบเข้าวัดทำบุญ อีกทั้งยังเป็นตัวตั้งตัวตีพาเพื่อน ๆ ไปทอดผ้าป่าหรือทอดกฐินในถิ่นทุรกันดารเป็นประจำ แม้อายุจะมากแล้วก็ยังขยันชวนคนสร้างโบสถ์สร้างวิหารอย่างไม่รู้จักเหนื่อย

แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็พบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ร่างกายทรุดหนักอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ต้องนอนติดเตียง เมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้าย แม้ความรู้สึกตัวจะเลือนราง แต่เขามีอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด ลูก ๆ อยากให้พ่อไปสงบ จึงเปิดเสียงสวดมนต์และคำบรรยายธรรมของครูบาอาจารย์หลายท่านให้เขาฟัง แต่ความกระสับกระส่ายของเขาไม่ได้ลดลงเลย เป็นที่แปลกใจของลูก ๆ มากเพราะเขาเป็นคนธัมมะธัมโม น่าจะสงบใจเมื่อได้ฟังเสียงเหล่านั้น เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ลูก ๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

ขณะที่อาการของเขาแย่ลงไปเรื่อย ๆ เพื่อนสนิทของเขาก็มาถึง พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งแรกที่เพื่อนผู้นั้นทำก็คือ พูดข้างหูเขาว่า “เรื่องโบสถ์หลังนั้นที่ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะช่วยกันสร้างให้เสร็จ ขอให้วางใจ” พูดจบ เขาก็สงบลงทันที ไม่มีอาการกระสับกระส่ายอีกเลยจนกระทั่งสิ้นลมไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น

ก่อนที่จะป่วยหนัก เขามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างโบสถ์หลังหนึ่งให้เสร็จ ถึงกับตั้งปณิธานว่า ยังตายไม่ได้จนกว่าจะสร้างโบสถ์ให้เสร็จ แต่ความตายไม่เคยรอท่า พร้อมจะจู่โจมได้ทุกเวลา ดังนั้นเมื่อรู้ความตายกำลังย่างกรายเข้ามาในขณะที่ความปรารถนายังค้างคา เขาจึงพยายามต่อสู้ขัดขืนความตาย แต่ยิ่งต่อสู้ขัดขืนมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์ทรมาน และยิ่งกระสับกระส่าย ต่อเมื่อเพื่อนสนิทมาพูดให้คลายกังวล เขาจึงพร้อมรับความตาย และนั่นคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เขาจากไปอย่างสงบ

เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง หากยังมีความห่วงกังวลหรือยึดติดถือมั่น ย่อมทำให้การตายอย่างสงบเกิดขึ้นได้ยาก มิใช่แต่ความห่วงกังวลในทรัพย์สมบัติ และลูกหลาน คนรักเท่านั้น ความห่วงภารกิจการงานที่ยังคั่งค้างก็สามารถทำให้ตายอย่างทุรนทุรายได้ แม้ภารกิจนั้นจะเป็นงานบุญงานกุศลก็ตาม เมื่อถึงคราวจะต้องละจากโลกนี้ไป ก็ควรปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่งานบุญงานกุศลที่ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะหากปล่อยวางไม่ได้ ใจจะดิ้นรนต่อสู้กับความตาย ซึ่งมีแต่จะลงเอยด้วยความพ่ายแพ้และทุกข์ทรมาน

ถ้าไม่อยากให้ความห่วงงานการมารบกวนจิตใจเวลาใกล้ตาย เราควรขวนขวายทำกิจการงานต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จในขณะที่ยังมีเวลาและสุขภาพดี โดยเฉพาะหน้าที่ความรับผิดชอบที่สำคัญ ๆ การเจริญมรณสติเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เรากระตือรือร้นทำกิจการงานเหล่านี้ ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือมัวทำสิ่งอื่นที่ไม่สลักสำคัญ (แต่บังเอิญมีเส้นตายให้ต้องรีบทำ หาไม่ก็มีรสชาติที่ชวนให้หลงใหลจนลืมทำสิ่งที่ควรทำ)

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเราจะพยายามสะสางหน้าที่การงานมิให้คั่งค้าง ก็มักมีบางอย่างบางเรื่องที่ยังทำไม่แล้วเสร็จก็มีเหตุให้ต้องหยุดกลางคัน เพราะโรคร้ายหรือความตายมาประชิดตัวเสียก่อน ถึงตอนนั้นก็ไม่มีอะไรดีกว่าการการทำใจยอมรับความจริงและปล่อยวางการงานเหล่านั้น ไม่แบกหรือยึดไว้ให้เป็นเครื่องกังวลหรือสร้างความหนักอกหนักใจ

พระไพศาล วิสาโล



หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 12:14:27 pm
(http://upic.me/i/bc/11070764_1183064831720832_2778501428249843941_n1.png) (http://upic.me/show/55431941)


บ่อยครั้งเราต้องพบกับความไม่สมหวัง หรือความผันผวนปรวนแปรในชีวิต แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราต้องลงเอยด้วยความทุกข์ เราไม่มีอำนาจกำหนดให้มีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับเราได้ก็จริง แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะยอมให้เหตุการณ์ต่าง ๆ มีอิทธิพลต่อจิตใจของเราอย่างไร

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 12:20:08 pm
(http://upic.me/i/bj/10410160_1183592938334688_4098737900710518635_n.png) (http://upic.me/show/55432004)


คนทุกข์ส่วนใหญ่นั้น เป็นเพราะเขาคิดถึงตัวเองมากเกินไป ยิ่งเราคิดถึงตัวเองมากเกินไปเท่าไร อัตตาตัวตนก็จะใหญ่ และก็จะรับแรงกระทบกระแทก จากสิ่งที่มากระทบ ทำให้มีความทุกข์ได้ง่าย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 12:26:00 pm
(http://upic.me/i/hb/11012005_820628408029734_763898492547804879_n.jpg) (http://upic.me/show/55432082)


สุขจากการพึ่งตนเอง

“การพึ่งตัวเอง ไม่หวังพึ่งพาความสุขจากสิ่งใด ๆ จะช่วยให้เราเป็นอิสระอย่างแท้จริง และเป็นสุขในทุกหนแห่ง ไม่ว่าสิ่งต่าง ๆ จะผันผวนแปรปรวนอย่างใด เราจะไม่มัวคาดหวังสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นดั่งใจ เพราะรู้ว่ามันไม่อยู่ในอำนาจของเรา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยสิ่งต่าง ๆ หากยังพร้อมจะเข้าไปเกี่ยวข้องดูแลโดยทำตามเหตุปัจจัย มิใช่เพราะความยึดติดถือมั่นอยากให้เป็นตามใจปรารถนา

ความสุขที่แท้อยู่ที่การพึ่งตน ซึ่งที่จริงก็คือการพึ่งธรรม ดำเนินชีวิตตามธรรมและอย่างถูกธรรมนั่นเอง”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ

https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471 (https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 08, 2015, 07:29:54 am
(http://upic.me/i/to/11143188_10153365072169744_4419676840285477945_n.jpg) (http://upic.me/show/55439217)


ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องรู้
เป็นสิ่งที่จะต้องเข้าใจ
เราจะรู้ เราจะเข้าใจได้
ก็ต้องเริ่มต้นจากการเห็นก่อน
ต้อง “เห็นทุกข์”ก่อน
แต่คนส่วนใหญ่ไม่ “เห็นทุกข์”
พอเจอทุกข์ก็ “เป็นทุกข์”เลย
เจอทุกข์ปุ๊ปก็ “เป็นทุกข์”ปั๊บเลย
แทนที่จะ “เห็นทุกข์”
มันต่างกันนะ “เป็นทุกข์”
แทนที่จะ “เห็นทุกข์”
เมื่อเราเป็นทุกข์ ก็หลงเข้าไปในความทุกข์
ก็เลยทุกข์ใจ
เราจะ “เห็นทุกข์”ได้
ก็ต่อเมื่อมี “สติ”
เมื่อมีสติเราก็เห็นทุกข์
****************

พระไพศาล วิสาโล

บรรยายในโครงการจิตใสใจสบาย
ณ ‪‎ยุวพุทธฯบ้านแห่งธรรม‬
****************

ที่มา : Facebook ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย.พ.ส.)
https://www.facebook.com/ybatpage?pnref=story (https://www.facebook.com/ybatpage?pnref=story)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 08, 2015, 07:38:29 am
(http://upic.me/i/ds/10632854_1184888328205149_4840180835367945313_n.png) (http://upic.me/show/55439236)

Sirinthip Mungkandi ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์คะ หนูอยากทราบ ความหมายคำว่า ตรัสรู้ แปลว่าอะไร ตามความเข้าใจของหนู คิดว่าไม่ใช่มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว รู้เรื่องโลกทั้ง 3 โลกและอนาคตได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีพระจีนที่ศาลเล่งจูเกียง จ ปัตตานี ตรัสรู้ด้วยคะ เช่นพระในศาล ก็มีวันตรัสรู้เช่น พระหมอ พระกวนอู จะมีตารางทั้งปีแจ้งให้ทราบด้วยคะ หนูยังไม่ค่อยเข้าใจ โปรดเมตตาตอบด้วยนะคะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ตรัสรู้ในพุทธศาสนาหมายถึงการเห็นแจ้งในสัจธรรม โดยเฉพาะความจริงเกี่ยวกับกฎไตรลักษณ์ คือ เห็นชัดว่าสิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตน (หรือไม่มีตัวตนที่เที่ยงแท้อิสระ) จึงไม่อาจยึดติดถือมั่นอะไรได้เลย เมื่อเห็นแจ้งดังกล่าว จิตก็จะปล่อยวาง ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่ทุกข์อีกต่อไป ผลที่เกิดขึ้นคือความสงบเย็น เรียกว่านิพพาน

ส่วนตรัสรู้ในศาสนาอื่นหรือลัทธินิกายอื่นนั้น อาจมีความหมายแตกต่างจากนี้ หรือมีความหมายเฉพาะตัว หากต้องการรู้ควาหมาย พึงสอบถามจากผู้รู้ในศาสนาหรือลัทธินิกายนั้น

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 08, 2015, 07:40:19 am
(http://upic.me/i/rq/11167687_1185157458178236_5835237875907601823_n.png) (http://upic.me/show/55439237)


ผู้คนมักเข้าใจว่า ปล่อยวาง หมายถึง วางเฉย หรือปล่อยปละละเลย นี้เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เกิดจากความสับสนระหว่าง “ทำจิต” กับ “ทำกิจ”

ปล่อยวางนั้นเป็นเรื่องของการทำจิต มุ่งแก้ความทุกข์ทางใจ แต่คนเราไม่ได้มีแต่ความทุกข์ทางใจ เรายังมีความทุกข์ทางกาย ตลอดจนปัญหาอื่น ๆ ที่อยู่รอบตัว ซึ่งต้องอาศัยการทำกิจควบคู่ กับการทำจิต เช่น ถ้ารถเสียหรือหลังคารั่วก็ต้องซ่อม ขณะเดียวกันก็ควรรักษาใจไม่ให้ทุกข์ ตรงนี้แหละที่การทำจิตเข้ามามีบทบาท แต่ถ้ารถเสียหรือหลังคารั่วแล้วไม่ทำอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ยังต้องใช้มันอยู่และอยู่ในวิสัยที่ซ่อมได้ อย่างนี้แหละเรียกว่า วางเฉย หรือปล่อยปละละเลย ไม่ใช่ปล่อยวาง

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 08, 2015, 07:44:26 am
(http://upic.me/i/hc/21994_822162794542962_3709465922844697408_n.jpg) (http://upic.me/show/55439256)


"เมื่อใดก็ตามที่เรามีความทุกข์
หากเรามีโอกาสได้นึกถึงคนที่
ทุกข์ยากกว่าและได้ทำความดี
ให้แก่คนเหล่านั้น เราจะรู้สึกขึ้นมาว่า
มีพลังก่อเกิดขึ้นมาในใจอีกครั้งหนึ่ง"

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 11, 2015, 06:16:08 pm
(http://upic.me/i/yb/11209658_1186743821352933_4246084682636047376_n.jpg) (http://upic.me/show/55469372)


พบทุกข์ จึง พบธรรม

มีผู้หญิงคนหนึ่งต้องพบเจอกับความทุกข์แบบที่เรียกได้ว่าน้อยคนจะได้เจอ เธอเป็นสาวสวย ตอนอายุ ๒๑ ปี เป็นดาวมหาวิทยาลัย ต่อมาเธอได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งทางอินเทอร์เน็ต ติดต่อกันสักระยะหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นก็หลงรักเธอทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเจอตัวกัน

พอได้เจอตัวกันก็ยิ่งหลงรักมากขึ้น แต่เธอบอกกับชายคนนั้นว่าเธอไม่ได้รักเขา ผู้ชายคนนั้นโกรธมาก ถึงกับเอาน้ำกรดสาดหน้าเธอจนเสียโฉมไปทั้งใบหน้า และยังทำให้ตาบอดไปอีกข้างหนึ่งด้วย คนที่เคยภูมิใจกับความสวยงามของตน พอถูกน้ำกรดทำลายให้เสียโฉมอย่างนี้ ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น เธอก็เช่นกัน คิดถึงการฆ่าตัวตาย แต่พอนึกถึงแม่แล้วก็เปลี่ยนใจ ไม่อยากทำร้ายตัวเอง เพราะจะทำให้แม่เสียใจ

เธอตัดสินใจย้ายบ้าน เพราะอับอายคนที่เคยรู้จักเธอและเห็นใบหน้าที่สะสวยของเธอมาก่อน แต่แม้จะย้ายบ้านเธอก็มีความทุกข์มาก อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ๓-๔ ปี เธอกลับกลายเป็นคนใหม่ ไม่รู้สึกอับอายกับใบหน้าที่เสียโฉมอีกแล้ว ปล่อยวางได้

ทุกวันเธอนั่งรถไฟฟ้าไปทำงาน มีคนมาทักเธอ เธอก็ไม่รู้สึกอับอาย พูดคุยกับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอมีอาชีพเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารแห่งหนึ่ง มีความสุขกับการทำงาน เพราะเจ้านายก็ดี เพื่อนร่วมงานก็ดี

เคยมีคนมาถามเธอว่าโกรธคนที่เอาน้ำกรดมาสาดหน้าหรือไม่ เธอบอกว่าไม่โกรธเลย ต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ เธอบอกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลดีแก่เธอหลายอย่าง คือ ทำให้เธอมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ถ้าเธอหน้าตาไม่เสียโฉมก็คงจะไม่อยู่ติดบ้าน เพลิดเพลินกับแสงสี แต่พอเป็นอย่างนี้แล้วเธอจึงอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
ที่สำคัญก็คือ เหตุการณ์นั้นทำให้เธอมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ทำให้เธอได้คิดว่า ทุกอย่างมันไม่เที่ยง มีวันหมดอายุ เธอบอกว่า

“ถ้าเราไม่สูญเสียตรงนี้ อนาคตเราแก่ไป มันก็ต้องไปตามกาลเวลา มันก็ทำให้เราปล่อยวาง พอเราปล่อยวางเรื่องตัวของตัวได้ เวลาเจอเรื่องอะไรที่มันแย่ ๆ หรือมีคนพูดไม่ดี เราก็ไม่สนใจ เพราะเราไม่ได้ยึดติดตรงนั้นแล้ว”
นี้เป็นตัวอย่างของคนที่เจอทุกข์แล้วจึงได้พบธรรมะ

พระไพศาล วิสาโล



หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 11, 2015, 06:36:24 pm
(http://upic.me/i/v5/11150525_10153369100149744_1680582256690209738_n.jpg) (http://upic.me/show/55469472)


....คนเราแบกของหนัก
หรือแบกทุกข์ ก็เพราะ....

๑. ไม่รู้ตัว คือไม่มีสติ

๒. หลงคิดว่ามันเป็นของสวย ของงาม ของเบา

จึงแบกหรือยึดถือเอาไว้
*******************
พระไพศาล วิสาโล
บรรยายในโครงการจิตใสใจสบาย
ณ ยุวพุทธฯบ้านแห่งธรรม





ที่มา : Facebook ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย.พ.ส.)
https://www.facebook.com/ybatpage?pnref=story (https://www.facebook.com/ybatpage?pnref=story)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 14, 2015, 07:54:22 pm
(http://upic.me/i/c6/10308238_1187613774599271_9002509831343015485_n.jpg) (http://upic.me/show/55498755)

เวลาทำงาน สิ่งสำคัญที่จะส่งผลต่อความสุข รวมทั้งความสำเร็จ คือแรงจูงใจ พระพุทธศาสนามองว่า แรงจูงใจที่สำคัญคือ “ฉันทะ” แปลง่าย ๆ ว่าความชอบหรือความรักในงาน ฉันทะทำให้อยากทำ ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า “ตัณหา” ที่แปลว่าความอยากได้

หลายคนทำงานไม่ได้เพราะอยากทำ แต่เพราะอยากได้ เช่นอยากได้เงินเดือน อยากได้ความสำเร็จ อยากได้การยอมรับ ก็เลยต้องทำงาน เพราะงานเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้ได้ทั้งเงิน ทั้งความสำเร็จ และการยอมรับ ชื่อเสียงเกียรติยศ อันนี้คือ “ตัณหา”

ความอยากอีกแบบคืออยากทำ อยากทำเพราะรักในงานนั้น อันนี้เป็นแรงจูงใจที่สำคัญ เพราะว่าถ้าเรามีความอยากแบบนี้ เราจะทำงานอย่างมีความสุข

ที่รักงานนั้นก็เพราะว่าเห็นคุณค่าของงาน เช่นเห็นว่างานนี้มีประโยชน์ งานนี้เปิดโอกาสให้ฉันได้ใช้ศักยภาพให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น เป็นโอกาสใช้ความคิดสติปัญญาสร้างสรรค์ ทำให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ หรือว่าเป็นโอกาสที่จะได้ฝึกฝนพัฒนาตน เป็นโอกาสได้ช่วยเหลือประเทศชาติ ช่วยเหลือส่วนรวม ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ถ้าเห็นว่างานมีคุณค่า ฉันทะในงานก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย และทำให้เกิดความสุขเวลาทำงาน แม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขที่ได้ทำงาน

มีเรื่องเล่าที่ช่วยให้เห็นชัดขึ้น คือ มีคนสามคนก่ออิฐอยู่ใกล้ๆ กัน คนแรกทำได้สักพักก็หยุด ไปสูบบุหรี่ ฆ่าเวลา จากนั้นค่อยทำงานต่อ อีกคนดูขยันกว่า แต่ทำงานไปก็ดูเวลาไป รอเวลาเลิกงาน ส่วนคนที่สามนั้นทำงานอย่างกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง เมื่อถามคนแรกว่ากำลังทำอะไร คนแรกตอบว่ากำลังก่ออิฐ คนที่สองตอบว่าผมกำลังก่อกำแพง ส่วนคนที่สามตอบมาว่า ผมกำลังสร้างวัดครับ

จากเรื่องที่เล่า เราคงนึกออกว่าในสามคนนี้ ใครที่ทำงานอย่างมีความสุข นั่นคือคนที่สาม เขามีความสุขที่สุด ทั้งๆ ที่เหนื่อยกว่า นั่นเป็นเพราะเขาเห็นว่างานที่เขาทำนั้นมีความหมาย คือเป็นการสร้างบุญกุศล ช่วยสืบต่อพระพุทธศาสนา เขาจึงทำงานอย่างกระตือรือร้นและมีความสุข คนที่สามทำงานอย่างมีฉันทะ เนื่องจากเห็นคุณค่าของงาน ส่วนคนแรกกับคนที่สองทำงานเพราะอยากได้ค่าจ้าง รอเงินเดือน ดังนั้นคนแรกจึงทำงานแบบขอไปที เช่นเดียวกันคนที่สอง

เรื่องเล่านี้สะท้อนให้เห็นความแตกต่างระหว่างฉันทะกับตัณหา ฉันทะทำให้ขยันขันแข็ง และที่มีฉันทะได้ก็เพราะเห็นคุณค่าของงาน ซึ่งต้องอาศัยวิสัยทัศน์ ดังนั้นหากจะมีฉันทะในงานใดก็ตามคุณต้องเห็นคุณค่าของงานนั้นก่อน ซึ่งรวมถึงมองไกลด้วย ถ้ามองแบบนี้แม้คุณทำงานอะไร ไม่ว่าจะเป็น ภารโรง คนสวน พยาบาล คุณก็จะมีความสุข เพราะเห็นว่างานที่คุณทำมีส่วนช่วยสร้างอนาคตของชาติ(ในกรณีที่ทำงานในโรงเรียน) หรือช่วยให้คนอยู่ดีมีสุขปลอดพ้นจากความเจ็บความป่วย(ในกรณีที่ทำงานในโรงพยาบาล) ถึงแม้จะเป็นคนสวน เป็นยามเฝ้าหน้าโรงเรียน คุณจะทำงานอย่างมีความสุขได้

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 14, 2015, 08:01:25 pm
(http://upic.me/i/en/11114774_1187882474572401_3488427095665142445_n.png) (http://upic.me/show/55498796)


แม้แต่ของที่มีประโยชน์ เราควรยึดถือก็ต่อเมื่อถึงเวลาใช้งาน เมื่อใช้เสร็จ ก็ควรวางลงเสีย นับประสาอะไรกับของที่ไร้ประโยชน์ เช่น ความทุกข์ ความห่วงกังวล ยิ่งต้องวางทันทีทีรู้ตัวว่ามาครองใจ หาไม่แล้วจะกลายเป็นของหนักจนเอาตัวไม่รอด

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 14, 2015, 08:04:49 pm
(http://upic.me/i/ke/11220885_1188999517794030_791657044512193216_n.jpg) (http://upic.me/show/55498817)


ความทุกข์ใจ ไม่ได้เกิดจากคนอื่น เรามักจะโทษคนนั้นคนนี้ แต่รากเหง้ามาจากใจของเราเอง เวลามีความขัดแย้งเรามักจะโทษคนนั้นคนนี้ แต่เราลืมดูใจของเรา อาจเป็นเพราะใจของเราไปยึดมั่นถือมั่นกับความคิดของเรา หรืออาจเป็นเพราะว่าเราชอบมองในแง่ลบ ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมงานก็มีข้อดีหลายอย่าง แต่เรามองเห็นแต่ด้านไม่ดีของเขา เช่น ขี้บ่น หรือพูดเสียงดัง ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับการทำงานแต่เป็นบุคคลิกส่วนตัว สิ่งที่เราเห็นนั้นแม้เป็นความจริงแต่อาจเป็นแค่ส่วนน้อยของเขา ข้อดีของเขาก็มีมาก แต่เราไม่มอง ถ้าเรามองเห็นด้านดีของเขา แม้ว่าเขาจะขี้บ่น เสียงดังไปบ้าง เราก็จะทำงานได้อย่างมีความสุข

เราควรยอมรับว่าทุกคนมีข้อดีข้อเสียด้วยทั้งนั้น จะหาใครเพอร์เฟกต์ สมบูรณ์แบบย่อมไม่มี แต่ถ้าเมื่อไหร่เรามองแต่แง่ลบ เราจะทำงานอย่างไม่มีความสุข ถ้าเรามองเห็นรอบด้าน เห็นทั้งข้อดีข้อเสีย เราจะทำงานด้วยกันอย่างมีความสุข และจะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันน้อยลง

คนทุกวันนี้มองเห็นหรือจ้องจับผิดได้ง่าย หลายคนพอบอกให้วิจารณ์งานของเพื่อน ก็สามารถพรรณนาได้ยาวเหยียด แต่พอขอให้ชมเขากลับทำไม่ได้ อาตมาอยากแนะนำว่าก่อนจะวิจารณ์ใคร ควรมองเห็นข้อดีของคนนั้นเสียก่อน ถ้าเราจะวิจารณ์เขา 1 ข้อ เราต้องเห็นข้อดีของเขา 2 ข้อ นี่เป็นการฝึก เพราะสมัยนี้คนเราเก่งเรื่องการจับผิดมาก อาตมา เชื่อว่าถ้าเราชมกันมากขึ้นบรรยากาศในที่ทำงานจะดีขึ้น ถ้าเราลองปรับมุมมองซะหน่อยเราจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 15, 2015, 05:27:14 am
(http://upic.me/i/b0/11041702_824788684280373_6538841608030692966_n.jpg) (http://upic.me/show/55502116)

ปลอดภัยเมื่อใจมีสติ

"ทุกจังหวะชีวิต เหตุร้าย

ไม่คาดฝัน สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ

โดยที่เราไม่อาจควบคุมได้

แต่เมื่อมันเกิดขึ้น ไม่ได้หมาย

ความว่าเราจะต้องทุกข์เสมอไป

เราเลือกที่จะไม่ทุกข์ก็ได้

ทุกเหตุการณ์ไม่ว่าร้ายหรือดี

มีทางแยกให้เราเดินเสมอ

ทางหนึ่งคือทางสู่ความทุกข์

อีกทางหนึ่งคือทางไม่ทุกข์

ถ้ามีสติเราสามารถเลือกได้"

พระไพศาล  วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471?fref=ts (https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/704694382956471?fref=ts)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 15, 2015, 05:32:17 am
(http://upic.me/i/zs/11062044_825170254242216_6518737624615450798_n.jpg) (http://upic.me/show/55502117)


มองไม่ดีจากได้กลายเป็นเสีย

“ตราบใดที่เรายังเปรียบเทียบกับ

คนอื่นอยู่เสมอ เราจะหาความสุข

ไม่ได้เลย ไม่ว่าร่ำรวยแค่ไหน ได้โชค

ได้ลาภเพียงใดก็ตาม แต่ทันทีที่เรา

รู้จักพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้

ความสุขจะบังเกิดขึ้นทันที แทนที่จะเฝ้า

มองสมบัติของคนอื่นว่าดีกว่าอย่างไร

เราลองหันมาชื่นชมสิ่งที่เรามี

เห็นข้อดีหรือประโยชน์ของสิ่งที่มีอยู่

ความพอใจก็จะเกิดขึ้น ความรุ่มร้อน

ก็จะหายไป แทนที่จะเป็นทุกข์เพราะ

สิ่งที่เราไม่มี ทำไมไม่หาความสุข

จากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในขณะนี้”


พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 15, 2015, 07:10:32 am
(http://upic.me/i/pj/11150804_1189657161061599_5243407575611117094_n.jpg) (http://upic.me/show/55502262)


ฟังให้ลึกซึ้ง ให้ "เข้า" ใจ

การฟังมีหลายระดับ นอกจากฟังว่าเขาพูดอะไรแล้ว บางครั้งเราอาจต้องฟังให้ลึกกว่านั้น

ในวงประชุมสรุปงานของมูลนิธิฯ หนึ่ง มีกรรมการและจิตอาสาซึ่งเป็นผู้ใหญ่มากๆ จิตอาสาคนนี้เป็นผู้ที่หวังดีกับมูลนิธิฯ มาก อยากให้ทำนั่นทำนี่ ในวงประชุมจึงมีการต่อว่าต่อขาน ทำไมกรรมการไม่ทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ คนที่เล่าเรื่องก็ยกมือขึ้นเพื่อชี้แจงว่าทำไมมูลนิธิฯ จึงทำสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ แต่จิตอาสาคนนั้นก็ยิ่งไม่พอใจ ยังคงวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน ตัวคนเล่านี้ก็ยกมือจะชี้แจงอีก

พระภิกษุที่นั่งอยู่ในวงประชุมจึงแตะมือเธอเป็นสัญญาณว่าให้หยุด ขอให้ฟังเฉย ๆ เท่านั้น เมื่อจิตอาสาคนนั้นพูดจบ พระภิกษุนี้ก็พูดว่า ท่านรู้สึกขอบคุณผู้ใหญ่คนนี้ที่มีจิตใจดี มีน้ำใจอยากจะช่วยเหลือมูลนิธิฯ พร้อมกันนี้ก็รับทราบความเสียใจที่ความหวังดีนั้นถูกเพิกเฉย ไม่ได้รับการตอบสนอง ท่านอยากให้ผู้ใหญ่คนนี้รับรู้ว่ามูลนิธิฯ รับทราบความรู้สึกนี้แล้ว และขออภัยที่ความหวังดี ความปรารถนาดีนั้นยังตอบสนองไม่ได้ มูลนิธิฯ ยังทำสิ่งนั้นไม่ได้ พอพูดจบผู้ใหญ่คนนี้ก็สงบลง

เรื่องนี้ให้แง่คิดเป็นบทเรียนว่า สิ่งที่ผู้ใหญ่คนนั้นต้องการ ไม่ใช่คำชี้แจง ไม่ใช่เหตุผล แต่เป็นความ ต้องการที่จะให้มูลนิธิฯ ได้รับรู้ความรู้สึกของตน รับรู้ความหวังดีของตนและความผิดหวังที่ตน ไม่ได้รับการตอบสนอง

จึงเป็นตัวอย่างที่ดีว่า เวลาเรารับฟังเราไม่ควรฟังแต่เพียงถ้อยคำเท่านั้น แต่ควรรับฟังความรู้สึกของเขาซึ่งไม่ได้ปรากฏออกมาเป็นถ้อยคำด้วย ไม่ควรฟังเพียงแค่เขาพูดอะไรเท่านั้น แต่ควรฟังว่าเขารู้สึกอย่างไรด้วย

คนที่เก่งเรื่องการคิด ใช้สมอง จะพบว่าทักษะแบบนี้เป็นเรื่องยากมาก จับได้แต่ความคิด แต่สัมผัสความรู้สึกไม่ได้ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการศึกษาของเราทำให้เราฉลาดแต่ในการวิเคราะห์ความคิด แต่ไม่รู้ทันความรู้สึกของผู้คน นี่เป็นการใช้สมองคนละส่วนทีเดียว

พูดอีกอย่างคือ เราใช้สมองในการรับรู้เหตุผล แต่เราใช้หัวใจในการรับรู้อารมณ์ของผู้อื่น การฟังที่ดีเราต้องใช้ทั้งสมองและหัวใจ

เมื่อใช้สมองเราจะได้ยินความคิด แล้วเราก็ใช้เหตุผลเพื่อตัดสินว่าผิดหรือถูก หรือเพื่อโต้แย้งกัน แต่ถ้าเราใช้หัวใจ เราจะรับรู้ความรู้สึก รู้ว่าเขากำลังมีความทุกข์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในใจเราก็คือ ความเห็นใจ ความเมตตา กรุณา ถ้าใช้เพียงความคิดก็จะมีแต่เหตุผล นำไปสู่การตอบโต้ การฟังที่ดีต้องอาศัยทั้งสมองและหัวใจ จึงจะทำให้เกิดความเข้าใจได้อย่างครบถ้วน

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 15, 2015, 07:15:28 am
(http://upic.me/i/ae/11224167_975300945847902_9076010962499277916_n.jpg) (http://upic.me/show/55502265)


ความสุขแท้...

มิได้เกิดจากการเสพหรือการมีมากๆ

แต่อยู่ที่การสละออกไป...

เริ่มจากสละวัตถุสิ่งของ

ไปจนถึงสละความยึดติดถือมั่นในตัวตน


พระไพศาล วิสาโล

ภาพจาก - Flowers Make Me Happy


ที่มา : Facebook Venus Violin
https://www.facebook.com/venus.violin (https://www.facebook.com/venus.violin)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 15, 2015, 07:26:24 am
(http://upic.me/i/en/11114774_1187882474572401_3488427095665142445_n.png) (http://upic.me/show/55498796)



หากเราทำบุญ ไม่ว่าจะให้ทาน หรือช่วยเหลือใครก็ตาม เรามุ่งแต่ประโยชน์สุขของผู้รับ โดยไม่นึกถึงตัวเองว่าเราจะได้อะไร นั่นกลับเป็นบุญยิ่งกว่า นอกจากนี้ยังเป็นการขัดเกลา ลดละความเห็นแก่ตัว และลดละความยึดมั่นในตัวตนด้วย คนไทยควรทำบุญแบบนี้ให้มากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 15, 2015, 07:30:58 am
(http://upic.me/i/xl/11243455_389254787928413_1897348431293226964_n.jpg) (http://upic.me/show/55502275)


App : instaDham ดาวน์โหลดได้ที่ App Store และ Google play
‪#‎instadham‬

ที่มา : Instadham
https://www.facebook.com/instaDham (https://www.facebook.com/instaDham)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 20, 2015, 11:14:00 am
(http://upic.me/i/co/11026160_1191271950900120_4382263030660892151_n.jpg) (http://upic.me/show/55568174)


แม้ความสามารถในการหาสิ่งปรนเปรอตนจะเพิ่มมากขึ้น แต่ความสามารถในการมีความสุขกลับลดลง เพราะชีวิตว่างเปล่าและเหนื่อยอ่อนลงทุกที ขณะที่ความสัมพันธ์กับผู้อื่นมีแต่ความตึงเครียด และธรรมชาติรอบตัว มีแต่จะบีบคั้นกัดกร่อนตนเอง

ถ้าเห็นเงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเสียแล้ว ในที่สุดชีวิตก็อับจน จนแม้กระทั่ง "ความสุขที่ยั่งยืน" สำหรับตนเองก็หาได้นำพาไม่ ต่อเมื่อมีเงินเป็นแรงจูงใจเท่านั้นถึงจะหันมาใส่ใจตัวเอง

ในสหรัฐอเมริกาผู้คนเป็นอันมากปล่อยปละละเลยตนเองถึงขั้นว่า หน่วยงานการกุศลบางแห่งยอมจ่ายเงินให้แก่นักศึกษาหญิงเป็นวันเพื่อน “จ้าง” เธอไม่ให้ท้อง ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน ส่วนอีกแห่งก็มีเงินให้กับวัยรุ่นที่ตั้งท้องถ้าหากมาหาหมอเป็นประจำ สำหรับคนที่เป็นแม่ตั้งแต่วัยรุ่นก็จะมีเงินให้เป็นรางวัล ถ้าหากเธอยอมไปโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งเรียนจบ เพื่อว่าจะได้มีงานทำเป็นหลักแหล่งและสามารถเลี้ยงลูกให้เติบโตได้ โบสถ์บางแห่งไปไกลถึงขั้นให้เงินแก่สมาชิกใหม่ที่มาร่วมมิซซาและฟังเทศน์

ชีวิตจะเป็นสุข สังคมจะเข้มแข็งเมื่อเราหันกลับมาฟื้นฟูคุณค่าทางสังคมให้กลับมาเป็นใหญ่เหนือคุณค่าทางเศรษฐกิจ กำไร-ขาดทุนไม่ควรเป็นปัจจัยชี้ขาด กระทั่งกลายเป็นเกณฑ์วัดความสำเร็จหรือล้มเหลวในทุกเรื่อง จะคิดทำอะไรก็มิได้เอาเงินเป็นตัวตั้งว่าตนจะได้รับหรือเสียเท่าไร หากคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดแก่คุณภาพชีวิตเป็นสำคัญ เช่น สุขภาพ ความสุขทางใจ ความสัมพันธ์ในครอบครัว มิตรภาพ ตลอดไปจนถึงสันติสุขในสังคมและธรรมชาติ

แทนที่ทั้งชีวิตจะหมดไปกับการทำมาหากินอย่างไม่รู้จักพอ ควรมีเวลาให้กับการเอื้ออาทรผู้อื่น ดูแลใส่ใจผู้ที่ร่วมชีวิตกับตน และขยายวงออกไปจนถึงสังคมวงกว้าง ขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้ชื่นชมกับธรรมชาติและสัมผัสกับความสุขลึกซึ้งในทางจิตวิญญาณด้วย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 20, 2015, 11:14:33 am
(http://upic.me/i/n8/11232355_1192456914114957_8466038974466340146_n.jpg) (http://upic.me/show/55568175)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 21, 2015, 09:58:34 pm
(http://upic.me/i/yq/17106_1192894440737871_2083875964612551993_n.jpg) (http://upic.me/show/55589023)


ท่านอาจารย์พุทธทาสบอกว่า

ชีวิตที่ดี คือ ชีวิตที่สงบเย็น และเป็นประโยชน์

เป็นประโยชน์ คือ มีน้ำใจช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่น

แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องรู้จัก

รักษาใจของเราให้สงบเย็นไม่ทุกข์ด้วย

ตรงนี้แหละเป็นศิลปะในการดำเนินชีวิต ซึ่งเราทุกคนควรจะมี


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 22, 2015, 07:34:07 am
(http://upic.me/i/9e/11147212_1193833333977315_5057643340083954349_n.png) (http://upic.me/show/55591407)


พยาบาลผู้หนึ่งเมื่อรู้ว่าคนไข้ของตนอยู่ในระยะสุดท้าย เธออยากทำความประสงค์ครั้งสุดท้ายของเขาให้เป็นจริง นั่นคือ ขอกลับไปตายที่บ้านท่ามกลางญาติพี่น้อง แต่เขาเป็นคนยากจน ไม่มีเงินจ้างรถจากหาดใหญ่ไปยังบ้านเกิดที่ชัยภูมิซึ่งไกลกว่าพันกิโลเมตร เธอจึงวิ่งเต้นขอเงินช่วยเหลือจากโรงพยาบาล แต่ก็ยังไม่พอ ต้องเรี่ยไรเพิ่มเติมจากผู้มีจิตศรัทธา ขณะเดียวกันก็ต้องติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาลตำบลที่ชัยภูมิ เพื่อให้การดูแลเขาเมื่อกลับถึงบ้าน รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ออกซิเจน เพื่อให้เขาจากไปอย่างสงบ

ทั้งหมดนี้เธอต้องทำเองหมดเพราะโรงพยาบาลของเธอไม่มีระบบรองรับสำหรับกรณีแบบนี้ งานประจำของเธอก็มากอยู่แล้ว เมื่อมาช่วยเหลือคนไข้รายนี้ให้กลับถึงบ้านด้วยดี ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือความรับผิดชอบของเธอ เธอจึงเหนื่อยมาก เพื่อนหลายคนยื่นมือมาช่วยเหลือเธอ แต่มีบางคนไม่เพียงยืนดูเฉย ๆ แต่ยังพูดว่า สงสัยเธอเคยทำกรรมกับคนไข้คนนี้มาก่อนในชาติที่แล้ว ชาตินี้ก็เลยต้องชดใช้กรรมด้วยการวิ่งช่วยเขาจนเหนื่อยอ่อน

คำพูดดังกล่าวนับว่าน่าสนใจ เพราะระยะหลังมีคนคิดแบบนี้มากขึ้น เคยมีสามีผู้หนึ่งทิ้งงานมาดูแลภรรยาที่ป่วยเป็นมะเร็งด้วยความใส่ใจ เขาทุ่มเทให้กับเธอตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่เว้นแม้กระทั่งเช็ดอุจจาระปัสสาวะให้เธอ เพื่อนบ้านหลายคนเมื่อรู้เช่นนี้ก็พูดขึ้นว่า ชาติที่แล้วเขาคงทำกรรมกับผู้หญิงคนนี้เอาไว้ ชาตินี้จึงต้องมาชดใช้กรรม ด้วยการรับใช้เธออย่างลำบากลำบน

อันที่จริงสิ่งที่พยาบาลและสามีผู้ป่วยทำนั้น เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง แต่เมื่อมองว่าทั้งสองท่านกำลังชดใช้กรรม(ไม่ดี)ที่เคยทำในอดีต การกระทำซึ่งควรถือเป็นแบบอย่างที่พึงปฏิบัติตาม จึงมีสถานะไม่ต่างจากชะตากรรมจากของนักโทษที่กำลังชดใช้ความผิดที่ได้ทำ คำพูดเช่นนี้แทนที่จะให้กำลังใจเขา กลับเป็นการซ้ำเติมเสียอีก คำถามก็คืออะไรทำให้ผู้คนมีความคิดเช่นนั้น

คำตอบเห็นจะอยู่ตรงที่ว่า ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีความคิดเหมารวมว่า เมื่อใดที่ใครก็ตามประสบความยากลำบาก แม้เป็นผลจากการทำความดี ก็ถือว่าเป็นการใช้กรรมไปหมด แต่เหตุใดจึงไม่มองว่า การทำความดีแม้ประสบความยากลำบากนั้น เป็นการสร้างกรรมดี หาใช่การชดใช้กรรมไม่ พูดอีกอย่างก็คือ ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมาก แยกไม่ออกระหว่าง การสร้างกรรมดี กับ การชดใช้กรรม

การชดใช้กรรมนั้น หมายถึง การ “ถูกกระทำ” หรือจำต้องเผชิญกับสภาพที่ไม่พึงปรารถนาอันเป็นผลจากการกระทำของตน อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้( เช่น ขโมยที่ถูกจำคุกเพราะลักทรัพย์ หรือป่วยหนักเพราะติดเหล้า) ส่วนการสร้างกรรมดีนั้น หมายถึงการ “เลือกที่จะทำดี” ทั้ง ๆ ที่ไม่ทำก็ได้ ดังเช่นพยาบาลและสามีผู้ป่วยที่กล่าวถึง หากจะนิ่งดูดาย ไม่ยอมขวนขวายช่วยเหลือคนไข้และภรรยา ก็ย่อมได้ แต่ทั้งสองเลือกทำสิ่งตรงข้าม ไม่มีอะไรมาบังคับหรือกระทำให้ทั้งสองต้องเสียสละอย่างนั้น นอกจากมโนธรรมสำนึกหรือเมตตากรุณาในจิตใจของตน

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 22, 2015, 07:37:28 am
(http://upic.me/i/a1/1507935_1194041410623174_5701762069289416495_n.png) (http://upic.me/show/55591412)


การเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจนั้น เป็นศิลปะแห่งการอยู่อย่างมีความสุข ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการงานที่มาผิดเวล่ำเวลา งานที่ไม่ถนัด ความล้มเหลว ความเจ็บป่วย การตกงาน หรือความพลัดพรากสูญเสีย ฯลฯ

การยอมรับหรือยิ้มรับมันไม่ได้แปลว่ายอมจำนน แต่เป็นการยอมรับความจริง และเป็นวิธีลดทอนความทุกข์ในยามประสบกับสิ่งเหล่านั้น ใช่หรือไม่ว่า หากใจต่อต้านปฏิเสธมัน ความทุกข์ก็จะเพิ่มราวกับคูณ ๒ หรือ คูณ ๓ แต่ถ้าใจยอมรับหรือยิ้มรับมัน ความทุกข์ก็จะลดลงราวกับหาร ๒ หรือ หาร ๓


พระไพศาล วิสาโล
ธรรมะสำหรับผู้ป่วย
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 25, 2015, 12:40:00 pm
(http://upic.me/i/fc/11165288_390556087798283_6897932477799034637_n1.jpg) (http://upic.me/show/55640005)


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 25, 2015, 12:42:06 pm
(http://upic.me/i/j5/11209564_733018503487459_6849111198647451909_n.jpg) (http://upic.me/show/55640011)


เมื่อมองว่าอะไรเป็นปัญหา ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นทันที ทำไมจึงมองว่ามันเป็นปัญหา ก็เพราะมันกระทบกับสิ่งที่เรายึดติดถือมั่น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็น กำไร สุขภาพ ความรัก ครอบครัว ความสำเร็จ พูดอีกอย่างก็คือ

ความทุกข์ใจเกิดขึ้นเพราะความยึดติดถือมั่น ยิ่งยึดมั่นก็ยิ่งเป็นทุกข์เมื่อมันไม่เป็นดั่งใจ ความยึดมั่นจึงเป็นเสมือนประตูสู่ความทุกข์ ถ้าไม่อยากทุกข์ต่อไป ก็เพียงแต่เดินออกทางประตูนั้น นั่นคือการปล่อยวาง

ผู้คนมักคิดว่าทางออกอยู่ที่การสร้างทางเลือกใหม่ หรือทำนั่นทำนี่เพื่อมีทางไปต่อ จะได้ห่างไกลจากความทุกข์ แต่บางครั้งนั่นก็เป็นแต่เพียงการซื้อเวลาหรือสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้น ในเมื่อสาเหตุที่แท้จริงของความทุกข์อยู่ที่การแบกหินก้อนหนัก ไม่ว่าจะเติมแต่งหินให้สวยงามอย่างไร มันก็ยังหนักอึ้งอยู่นั่นเอง ทางเดียวที่จะหมดทุกข์หมดปัญหาก็คือการวางมันลงเสีย
ความยึดมั่นเป็นต้นตอของความทุกข์ ขณะเดียวกันมันก็บังตาผู้คนจนมองไม่เห็นว่าทางออกนั้นอยู่ที่ทางเข้านั่นเอง ผลก็คือหลงวนอยู่ในปัญหาจนหมดสภาพไปในที่สุด


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 25, 2015, 12:45:01 pm
(http://upic.me/i/13/11295655_1195633703797278_2016063809452325014_n.jpg) (http://upic.me/show/55640040)


คืนสู่ธรรมชาติ ที่นี่ ตรงนี้

เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ชีวิตอันผาสุกย่อมมีได้ ด้วยการธำรง ความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ การกลับสู่ธรรมชาติ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณภาพชีวิต แต่นี้ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าจะต้องไปสู่สถานหลีกเร้น

การคืนสู่ธรรมชาติที่แท้ และมีความหมายยิ่งกว่านั้นคือ การกลับสู่ธรรมชาติ ภายในตัวเราเอง กลับไปเพื่อการค้นหาและรู้ซึ้งถึงตัวเรา เข้าใจตนตามที่เป็นจริง และรู้จักธรรมชาติของจิตใจเรา อะไรที่ทำจิตเราให้เหนื่อยอ่อน ยังใจให้แจ่มใส ทุกข์ สุขภายในเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และทำไมเราจึงหัวปักหัวปำไปกับมันได้อย่างไม่รู้เนื้อ รู้ตัว ฯลฯ

การหมั่นพินิจตนและการฝึกฝนใจอย่างต่อเนื่อง จะนำเราเข้าสู่ธรรมชาติ ของตัวเราลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ และยังความผาสุกสงบแก่จิตใจ เป็นความแจ่มกระจ่าง

การคืนสู่ธรรมชาติโดยนัยนี้ มิต้องเริ่มต้นที่ภูหลวง ตะรุเตา หรือเขาใหญ่ แต่สามารถเริ่มต้นที่จิตใจของเรา ตรงนี้และเดี๋ยวนี้ได้ทันที


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 25, 2015, 12:48:54 pm
(http://upic.me/i/0p/11209574_828559800569928_5477439660046887923_n.jpg) (http://upic.me/show/55640086)

ลืมดูใจตนเอง

“อย่าว่าแต่การพยายามเข้าใจคนอื่นเลย แม้แต่การเข้าใจตนเอง ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักมองข้าม มัวแต่เสาะแสวงหาคนที่รู้ใจตน อยากได้เพื่อนที่รู้ใจตน คู่ครองที่รู้ใจตน ลูกน้องที่รู้ใจตน ฯลฯ แต่กลับละเลยที่จะรู้ใจตนเอง เมื่อความโกรธเกลียดเกิดขึ้นก็ไม่รู้ทัน ปล่อยให้ความทุกข์เล่นงานจิตใจ หากใจของเรา เราเองยังไม่รู้ จะหวังให้คนอื่นมารู้ใจเราได้อย่างไร

จะว่าไปแล้วที่ผู้คนทุกข์ระทมทุกวันนี้ก็เพราะไม่รู้ใจตนมากกว่า หาใช่เป็นเพราะไร้คนรู้ใจหรือเข้าใจตนไม่”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 25, 2015, 12:51:43 pm
(http://upic.me/i/2m/11377369_828927720533136_4692173868842104846_n.jpg) (http://upic.me/show/55640113)


ดอกบัวบานสอนธรรม

“เมื่อเห็นดอกบัวบาน ใจเราก็พลอยเบิกบานไปด้วย และถ้าพิจารณาอีกสักนิด ก็จะได้แง่คิดสำหรับชีวิตด้วย บัวนั้นถือกำเนิดจากโคลนตม ถ้าไม่มีโคลนตม ก็ไม่มีดอกบัว

ใช่หรือ ไม่ว่าทุกข์กับธรรม แยกจากกันไม่ได้ ไม่มี ทุกข์ ก็ไม่พบธรรม เมื่อใดที่มี ความทุกข์ ก็ขอให้ตระหนักว่า นั่นคือโอกาสที่จะดอกบัวจะเบ่งบานกลางใจเรา บัวเกิดในน้ำ แต่ก็สามารถเจริญเติบโตจนพ้นน้ำและชูดอกได้ อย่างสวยสดงดงาม คนเราก็ เช่นกัน แม้จะเกิดท่ามกลางกิเลส แต่ ก็สามารถยกจิตเหนือกิเลสได้

น้ำไม่อาจจับต้องใบบัวฉันใด เราก็พึงรักษาใจมิให้อกุศลและ ความทุกข์แปดเปื้อนฉันนั้น ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว บัวจึงถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ ของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หลุดพ้นจากกิเลสสิ้นเชิง ดังนั้นเมื่อเรา เห็นดอกบัว ขอให้ถือดอกบัวเป็นครูที่สอนธรรมอันลึกซึ้งแก่เรา”


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ



หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 28, 2015, 11:00:39 am
(http://upic.me/i/ig/11224149_1196689577025024_2940982013415333782_n.jpg) (http://upic.me/show/55679921)



มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าวัดเพราะสนใจแต่พิธีกรรมหรือรูปแบบ เพราะคิดว่าถ้าทำตาม พิธีกรรมหรือรูปแบบแล้ว จะประสบความสุขความเจริญ แต่ไม่ได้มุ่งขัดเกลาจิตใจของตนอย่างแท้จริง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติธรรม นั้น เช่น สวดมนต์ ก็สวดแต่ปาก ส่วนใจกลับลอยไปที่อื่น อีกทั้งไม่เข้าใจความหมายของบทสวดมนต์ด้วย จึงไม่ได้ทั้งสติ สมาธิ และปัญญา

ส่วนคนที่ถือศีลนั้น ก็ถือเพียงรูปแบบ คิดว่าทำแล้วจะประสบโชคลาภ ร่ำรวย หรือไปเกิดเป็นเทวดาในภพหน้า ไม่เข้าใจว่าศีลนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดละขัดเกลากิเลส เมื่อถือศีลด้วยความเข้าใจที่ผิด กิเลสจึงไม่ได้ลดลง แถมมีทิฐิมานะมากขึ้น คือ คิดว่าต้องถือศีลแบบฉันเท่านั้นจึงจะถูกต้อง หรือหลงตนว่าถือศีลบริสุทธิ์กว่าคนอื่น เกิดอาการยกตนข่มท่าน

ยังไม่ต้องพูดถึงว่า บางคนต้องกดข่มความอยากหรือกิเลสเอาไว้ จึงทำด้วยความเครียด ผลก็คือหงุดหงิดง่าย และพร้อมจะระบายความเครียดใส่คนอื่นโดยไม่รู้ตัว

ดังนั้น ลำพังการเข้าวัด สวดมนต์ ถือศีล ยังไม่ใช่หลักประกันว่าจะทำให้เป็นคนดี ใจเย็น มีเมตตา โอบอ้อมอารี หรือปล่อยวาง จะต้องทำมากกว่านั้น คือมีความเข้าใจจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติ อีกทั้งปฏิบัติได้ถูกต้องตามจุดมุ่งหมายนั้น

การปฏิบัติดังกล่าว เรียกว่า "ธัมมานุธัมมปฏิบัติ" คือ ปฏิบัติธรรมโดยสมควรแก่ธรรม หาไม่แล้วแม้ถือศีลแปด ก็กลายเป็น “ศีลแปดเปื้อน” ได้ หาใช่ศีลแปดอริยะไม่

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 29, 2015, 02:33:01 pm
(http://upic.me/i/13/22505_830736540352254_2386395841893677241_n.jpg) (http://upic.me/show/55696077)


สิ่งเล็กน้อย...ที่ไม่ควรมองข้าม

“ในความสัมพันธ์กับผู้คนนั้น สิ่งเล็กน้อย

นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงควรให้

ความใส่ใจ ไม่พึงมองข้ามหรือดูแคลน

โดยเฉพาะความดี มีน้ำใจและการให้เกียรติกัน

เราอาจไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งดี ๆ ที่เราทำไปนั้น

มีความสำคัญเพียงใด โดยเฉพาะเมื่อเราทำ

จนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่มันอาจมี

ความหมายต่อคนหลายคน จนก่อให้เกิด

ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขาได้

อย่าประมาทความดีแม้เพียงเล็กน้อย

เพราะอาจมีอานิสงส์มหาศาล

ในทำนองเดียวกันความชั่วแม้เพียงเล็กน้อย

ก็อย่าดูแคลน เพราะอาจก่อผลเสียอันยิ่งใหญ่ได้”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา :Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 29, 2015, 02:35:42 pm
(http://upic.me/i/pa/11246971_831299816962593_7925338390134958353_n.jpg) (http://upic.me/show/55696079)


"อดีตนั้นผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้

ป่วยการที่จะนึกถึงว่าเราน่าจะทำอย่างนี้

ไม่น่าจะทำอย่างนั้น หากพอใจสิ่งดี ๆ

ที่ได้มา และยอมรับสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้น

เราจะมีความสุขกับปัจจุบันได้มากขึ้น"



พระไพศาล วิสาโล



ที่มา :Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 02, 2015, 03:46:54 pm
(http://upic.me/i/mc/11221528_1201090479918267_5811434480503910577_n.jpg) (http://upic.me/show/55726313)


หนีไม่ได้ แต่ใจไม่ทุกข์

ไม่มีใครอยากเป็นทุกข์ สิ่งที่ทุกคนพยายามทำคือหนีทุกข์ หรือไม่ก็ขจัดทุกข์ให้หมดไปถ้าน้ำท่วม ก็หนีไปอยู่ที่ดอน หรือไม่ก็ปั้นฝายสร้างเขื่อน ถ้าถูกคนกลั่นแกล้ง ก็พยายามอยู่ห่างเขาให้ไกลที่สุด หรือไม่ก็หาทางทำให้เขายุติพฤติกรรมดังกล่าว แต่

มีทุกข์หลายอย่างที่เราหนีไม่พ้นและขจัดไม่ได้ (หรือขจัดออกไปไม่ได้ทันที) เช่น ตกงาน ล้มละลาย สูญเสียคนรัก รวมทั้งความ เจ็บป่วยด้วยโรคร้าย ซึ่งไม่มียารักษาหรือแม้แต่จะบรรเทาความเจ็บปวด

ในสภาวะเช่นนี้ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทุกข์ให้ได้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดที่จะเรียนรู้เรื่องนี้ เพราะหนีทุกข์มาตลอด หรือไม่ก็คิดแต่จะจัดการกับสิ่งนอกตัว โดยไม่คิดที่จะจัดการกับตัวเองโดยเฉพาะการทำใจ

เจ็บปวดก็กินยาระงับปวด แต่ถ้ายาหมดหรือไม่มียาใกล้ตัว ก็เหมือนตกนรก ใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าตีโพยตีพาย บ่นโวยวายมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น หากไม่มีวิธีอื่นจะบรรเทาทุกข์ได้ ก็คงไม่มีอะไรดีกว่าการทำใจยอมรับมัน

คำถาม คือจะทำใจยอมรับมันได้อย่างไร หลายคนนึกไปถึงการอดทน นั่นคือกล้ำกลืนฝืนทนอยู่กับมันให้ได้ บางคนนึกไปถึงการ “ก้มหน้ารับกรรม” ถือเสียว่าเป็นการใช้หนี้กรรมที่เคยทำไว้แต่ปางก่อน มีชาวพุทธเป็นอันมากที่คิดแบบนี้ เมื่อมีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้นกับตัวไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก เช่น เจ็บป่วยเป็นมะเร็ง หรือเงินหาย ก็ถือว่าเป็นการใช้กรรม โดยโยงไปถึง “เจ้ากรรมนายเวร” ซึ่งนับวันจะมีความหมายครอบจักรวาล คือเป็นสาเหตุของทุกเรื่องที่ไม่พึงประสงค์

เหตุร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราก็เช่นกัน มันสามารถกลายเป็นดี หรือมีคุณแก่เราได้หากเปิดใจพร้อมรับด้วยสติ แม้แต่คนที่ทำไม่ดีกับเรา แทนที่จะเป็นศัตรู หรือเจ้ากรรมนายเวร ก็กลับกลายเป็นอาจารย์ของเราได้ จากความโกรธ เกลียด พยาบาท ก็จะกลายเป็นความเมตตาสงสารและรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำไป

เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเรา ไม่ควรมองว่าเรากำลังใช้กรรม ที่จริงนั่นคือโอกาสที่เราจะได้สร้างกรรมใหม่ที่ดีกว่าเดิม ขอให้ตั้งสติและรู้จักใช้วิบากกรรมนั้นให้เป็นประโยชน์ อย่าลืมว่าเคราะห์สามารถเปลี่ยนเป็นโชคได้เสมอ เช่นเดียวกับทุกข์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นธรรมให้เราประจักษ์ได้ทุกขณะ

พระไพศาล วิสาโล




หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2015, 03:41:18 pm
(http://upic.me/i/4s/11390086_1201831253177523_6934334099858890572_n.png) (http://upic.me/show/55740880)


การเห็นคุณค่าของตนเอง จนสามารถเคารพตัวเองและรักตัวเองได้ ถ้าคุณมีสิ่งนี้ คุณจะแคร์ความรู้สึกของคนอื่นน้อยลง คนที่ไม่เห็นหรือไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของตนเองต่างหาก ที่พยายามเรียกร้องคาดหวังให้คนอื่นยกย่องเชิดชูหรือสรรเสริญตนเอง หรือมิเช่นนั้นก็พยายามหาสินค้าแบรนด์เนมมาใช้ หารถแพง ๆ มาขับเพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ตนเอง แต่การเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกติดกับคนอื่นหรือวัตถุนอกตัวนั้นเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนเป็นนิจ เมื่อใดที่มันผันแปรไป ใครกันที่ทุกข์ถ้าไม่ใช่เรา

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2015, 03:45:39 pm
(http://upic.me/i/pq/11150780_1201644936529488_3703076735816026333_n.jpg) (http://upic.me/show/55740909)


ความทุกข์นั้นเป็นของขวัญหรือโชคอำพรางตรงที่มัน สามารถผลักให้เราเข้าหาธรรมและพบสิ่งดีงามในชีวิตได้ ไม่ว่าความทุกข์นั้นจะเป็นความเจ็บป่วย อกหัก ล้มละลาย หรือ เสียคนรักก็ตาม

ท่านโกเอ็นก้าซึ่งเป็นวิปัสสนาจารย์คนสำคัญที่โลกรู้จักกันดี เดิมท่านเป็นนักธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังอายุ ๓๐ ต้นๆ นอกจากความสำเร็จทางธุรกิจแล้ว ยังได้รับการยกย่องเป็นผู้นำของนักธุรกิจเชื้อสายอินเดียในพม่า

ท่านเป็นนายกหอการค้าและนายกสมาคมต่างๆ มากมาย แต่ทำไมท่าน
กลายมาเป็นวิปัสสนาจารย์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก มีศูนย์วิปัสสนากว่า ๑๖๐ แห่งในหลายสิบประเทศ และเป็นผู้ที่ทำให้ฝรั่งเข้าใจคำว่า “วิปัสสนา” โดยที่ไม่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งพอได้ยินคำนี้ก็รู้แล้วว่าหมายถึงการทำสมาธิภาวนาแบบพุทธ

ท่านโกเอ็นก้ามาสนใจธรรมไม่ใช่เพราะอะไรอื่น แต่เพราะว่าท่านเป็นไมเกรนอย่างแรงถึงขั้นต้องใช้มอร์ฟีนบรรเทาแม้กระนั้นไมเกรนก็ไม่หาย แถมติดมอร์ฟีนเข้าไปอีก ท่านต้องไปรักษาที่ยุโรปและอเมริกา อาการก็ไม่ดีขึ้น แค่จะทำให้ท่านเลิกมอร์ฟีนก็ไม่มีหมอคนไหนช่วยได้ ยังไม่ต้องพูดถึงการรักษาไมเกรน

ที่ท่านมาสนใจธรรมะก็เพราะมีคนแนะนำว่าถ้าทำสมาธิแล้วไมเกรนจะหาย ปรากฏว่าพอท่านไปเรียนสมาธิภาวนาจากท่านอูบาขิ่น ซึ่งเป็นวิปัสสนาจารย์คนสำคัญของพม่า ไมเกรนก็หายไปจริงๆ ท่านจึงสนใจการทำสมาธิแบบพุทธอย่างต่อเนื่องทั้งๆ ที่ท่านเป็นชาวฮินดู ภายหลังก็กลายเป็นผู้ช่วยอาจารย์แล้วเป็นวิปัสสนาจารย์เสียเอง

ถ้าท่านโกเอ็นก้าไม่เป็นไมเกรน ถ้าท่านมีสุขภาพดีเหมือนพวกเราหลายคนในที่นี้ก็คงไม่หันมาหาธรรมะ ยังคงเพลิดเพลินในความสำเร็จทางธุรกิจของตน

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2015, 03:49:50 pm
(http://upic.me/i/dr/11351139_835521626540412_6045064538812324485_n.jpg) (http://upic.me/show/55740949)


สุขจากปัญญา


"ผู้มีปัญญานั้นนอกจากจะไม่ปล่อยให้ใจเป็นลบแล้ว ยังรู้จักมองหาข้อดีหรือประโยชน์จากเหตุร้ายที่เกิดขึ้น เช่น ได้เห็นสัจธรรมว่าสังขารนั้นไม่เที่ยงเลย พบกับพราก เจอกับจากเป็นของคู่กัน ไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง มันแค่มาอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้ายึดติดถือมั่นว่าเป็นของเราเมื่อใด ก็เป็นทุกข์เมื่อนั้น ความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตยังเตือนใจให้ไม่ประมาทและฝึกใจให้เข้มแข็ง ทำให้มีภูมิต้านทานต่อความทุกข์และอดทนต่อความผันผวนปรวนแปรในชีวิตได้มากขึ้น"


พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2015, 03:55:45 pm
(http://upic.me/i/dn/10404446_395128380674387_7181621558161130204_n.jpg) (http://upic.me/show/55741026)



ที่มา :  Facebook  Instadham
https://www.facebook.com/instaDham (https://www.facebook.com/instaDham)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 04, 2015, 07:34:54 am
(http://upic.me/i/yn/10374521_1071231649555247_4678904791458245480_n1.png) (http://upic.me/show/55748406)



(http://upic.me/i/rc/11402673_1072171172794628_8872536904531165096_n.jpg) (http://upic.me/show/55748409)



ที่มา:คมธรรมะ
โดย พระไพศาลวิสาโล


ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=nf (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=nf)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 04, 2015, 07:41:20 am
(http://upic.me/i/pc/11393046_1202396846454297_8681291190514252727_n.jpg) (http://upic.me/show/55748456)


คนเรามักอ้าแขนต้อนรับความสุข แต่ปฏิเสธความทุกข์ พยายามหนีความทุกข์ให้ไกลที่สุด แต่มีความทุกข์หลายอย่างที่ไม่ว่าเราจะพยายามหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น ในที่สุดก็ต้องเจอ แต่ถ้าเจอแล้วเรายังปฏิเสธมัน ไม่ยอมรับมัน มันก็จะบีบคั้นเราให้ทุกข์หนักขึ้น ไม่ใช่แค่ทุกข์กายเท่านั้น แต่ทุกข์ใจด้วย ทำให้พลัดหลงเข้าไปในโมหะ ในอวิชชามากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 08, 2015, 03:04:31 pm
(http://upic.me/i/um/11403206_1205607936133188_4298891070907059790_n.jpg) (http://upic.me/show/55796123)



ของขวัญอันประเสริฐ ที่เรามีอยู่แล้วกับตัว

คือ ความเป็นมนุษย์


ความเป็นมนุษย์หมายถึงการมีร่างกายอย่างมนุษย์ และมีจิตใจที่สามารถคิดได้ รับรู้ ใคร่ครวญ รวมทั้งมีสติ มีความรู้สึกตัว มีปัญญา น้อยคนจะตระหนักว่าความเป็นมนษุย์ของเรานั้นเป็นสิ่งประเสริฐ อาจจะเป็นเพราะว่ามันมีอยู่กับเราตั้งแต่เกิดแล้ว เราก็เลยไม่ค่อยเห็นคุณค่าเท่าไหร่

บางคนเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็ยังอยากจะไปเกิดเป็นเทวดา มีน้อยคนที่เคยได้ยินพุทธพจน์ที่ว่า
“ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นมนุษย์นี่แล นับว่าเป็นการไปสุคติของเทพทั้งหลาย”
หมายความว่า เทวดาทั้งหลายปรารถนาที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อเทวดาองค์ใดจะจุติ (หรือดับ) เพื่อนเทวดาก็จะพากันอวยพรว่า ขอให้ไปเกิดในหมู่มนุษย์

ในขณะที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยอยากไปเกิดเป็นเทวดา แต่ทำไมเทวดาจึงอยากเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็เพราะว่าการเป็นมนุษย์นั้นหมายถึงการมีโอกาสทำคุณงามความดีงามต่างๆ รวมทั้งประพฤติธรรมได้อย่างเต็มที่

พระพุทธเจ้าทรงเปรียบมนุษย์กับเทวดาชั้นดาวดึงส์ว่า มนุษย์มีความกล้าหาญกว่า มีสติดีกว่า อีกทั้งมีการประพฤติพรหมจรรย์ พรหมจรรย์ในที่นี้ไม่ได้ หมายถึงการไม่มีคู่ แต่หมายถึงการปฏิบัติตามอริยมรรคซึ่ง ทำให้เกิดปัญญา สามารถเข้าใจสัจธรรมจนหลุดพ้นออกจากความทุกข์ได้

เทวดาทั้งหลายยังหมุนเวียนอย่ในสังสารวัฏฏ์ แต่มนษุย์มีความสามารถพิเศษที่จะเข้าถึงวิวัฏฏะ คือหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร ทั้งนี้เพราะการปฏิบัติตามอริยมรรค เพราะฉะนั้นความเป็นมนุษย์จึงเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างหนึ่งที่เรามี


พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 10, 2015, 02:00:10 pm
(http://upic.me/i/gz/11428794_1208111062549542_6424245030715448776_n.jpg) (http://upic.me/show/55816518)


ทุกอย่างที่มีอยู่รอบตัว เราก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นของขวัญอันประเสริฐสำหรับเรา
เพราะถ้าไม่มีธรรมชาติรอบตัว สิ่งที่เราเรียกว่าตัวเราก็เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นเพราะมีโลกรอบตัว มีน้ำ มีอากาศ มีปัจจัยสี่ จึงมีเราขึ้นมาได้ นี้เป็นอีกสิ่งที่ผู้คนไม่ค่อยตระหนัก เราจึงไม่ค่อยเห็นความสำคัญของสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวไม่ว่าใกล้หรือไกล

พุทธศาสนาสอนให้เราเห็นความสำคัญของสรรพสิ่งรอบตัว เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีเรา ไม่ใช่แค่พ่อแม่ครูบาอาจารย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงธรรมชาติรอบตัว

เวลาชาวพุทธสวดมนต์บทที่เรียกว่า กรวดนำตอนเย็น ที่ขึ้นต้นด้วยข้อความว่า “อิมินา ปุญญะกัมเมนะ” เราจะน้อมใจระลึกถึงคุณค่าของสิ่งต่างๆ ด้วยความขอบคุณแล้วแผ่เมตตาหรืออุทิศส่วนกุศลไปให้ ตั้งแต่อุปัชฌาย์อาจารย์ พ่อแม่ ไปจนถึงพระจันทร์และพระอาทิตย์ พระจันทร์และพระอาทิตย์ก็คือตัวแทนของธรรมชาติที่มีบุญคุณต่อเรา


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 10, 2015, 02:06:34 pm
(http://upic.me/i/2n/11389996_1073140862697659_3094719462768675472_n.png) (http://upic.me/show/55816578)


" การเตรียมตัวตาย  หมายถึง การทำหน้าที่ หรือการใช้ชีวิตให้ดีที่สุด มีสิ่งสำคัญใดในชีวิตก็ควรเร่งรีบขวนขวายทำให้แล้วเสร็จ ไม่ให้คั่งค้าง แต่นั้นเป็นเพียงงานภายนอก

ที่สำคัญพอๆกันก็คือ งานภายใน คือการเปิดใจยอมรับความจริง และฝึกใจให้รู้จักปล่อยวางสิ่งต่างๆที่คิดว่าเป็นของเรา สิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็นอยู่ในขณะนี้"

พระไพศาล วิสาโล (จากหนังสือ มรณสติ)


ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=nf (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=nf)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 11, 2015, 04:33:43 pm
(http://upic.me/i/ko/10426124_912350162137063_4140632448541096244_n.jpg) (http://upic.me/show/55827936)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 15, 2015, 03:25:34 pm
(http://upic.me/i/0g/11400965_1212093318817983_6036498574073760604_n1.jpg) (http://upic.me/show/55868069)


ทางแพร่งของชีวิต

เมื่อใดที่รู้สึกเบื่อหน่ายท่ามกลางทรัพย์สมบัติและอำนาจ นั่นหมายความว่าชีวิตมาถึงทางแพร่งที่สำคัญ พึงระลึกว่าเรามีทางเลือกอยู่สองทาง นอกจากการตักตวงให้มากขึ้นหรือไขว่คว้าหาสิ่งใหม่แล้ว ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งนั่นคือหยุดไล่ล่าและหันมาแสวงหาความสุขจากภายใน
หากจะเลือกทางแรกก็ขอให้ตระหนักว่ายังมีอีกทางเลือกหนึ่งที่รอรับการกลับมาของเรา

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 15, 2015, 03:29:34 pm
(http://upic.me/i/e7/11412374_1212378305456151_9139034741977140479_n.jpg) (http://upic.me/show/55868089)


แทนที่จะแสวงหาแต่ความสุขจากการได้ ลองหันมาแสวงหาความสุขจาก "การมี" หรือ "สิ่งที่มี"

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 15, 2015, 03:38:40 pm
(http://upic.me/i/p4/10409745_1061189247226154_1523512066989545403_n.png) (http://upic.me/show/55868164)


ส่วนใหญ่ เรามักจะคำนึงถึงแต่เรื่องการอยู่ดี แต่มองข้ามเรื่องการตายดีไป แท้ที่จริงแล้วอยู่ดีกับตายดีเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าหากว่าเรามองไม่เห็นถึงความเชื่อมโยงดังกล่าว เราก็จะสนใจแต่เพียงการอยู่ดีเท่านั้น ทั้งที่การตายดีนับเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงด้วย ไม่ใช่นึกถึงแต่เรื่องการอยู่ดีเพียงอย่างเดียว"


จากหนังสือ มรณสติ โดย พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=photo (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=photo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 16, 2015, 01:19:08 pm
(http://upic.me/i/81/1888753_1213067525387229_6179755602982824435_n.jpg) (http://upic.me/show/55878283)



‪‎เพื่อนที่ชื่อว่าทุกข์‬

เวลาเราเบื่อเพื่อนคนนี้นะ เขายิ่งอยากจะเข้ามาหา ยิ่งอยากมาคลอเคลียด้วย แต่เวลาเราเข้าใจเขา เขาก็กลับจะหายหน้าไปจากเรา มาเยือนบ้างเป็นครั้งคราว

‪‎เพื่อนที่ชื่อว่าสุข‬

เพื่อนอีกคนที่เราหลงใหล เรียกว่า น้องสุขก็ได้ น้องสุขเล่นตัวเหลือเกิน ขี้ตกใจ เวลาเราเข้าไปหาเขา เขายิ่งถอยหนี บางทีก็เหมือนเพื่อนเทียม ชอบชวนให้เราหลงใหล พาเราไปสนุกสนาน เพลิดเพลิน แต่เวลามีปัญหา ชอบทิ้งเรา

พระไพศาล วิสาโล



คลิ๊กฟัง =>   https://soundcloud.com/visalo/rwayhirwl1ia (https://soundcloud.com/visalo/rwayhirwl1ia)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 16, 2015, 01:36:41 pm
(http://upic.me/i/o4/1798394_842597442499497_3217388765677587013_n.jpg) (http://upic.me/show/55878596)


มันต้องไหวสิ...อย่าบ่น

“ผู้มีปัญญาย่อมหาความสุขได้
ท่ามกลางความทุกข์ แต่คนที่
ไม่มีปัญญาคอยแต่จะมองหาความทุกข์

ท่ามกลางความสุข คบใครก็เอา
แต่บ่นว่า “ไม่ไหวๆ....มันต้องไหวสิ
ชีวิตนี้ถ้ามองว่าไหว ก็จะรู้สึกสบายขึ้น

อย่าเป็นคนที่เอาแต่....ไม่ไหวๆ
ต้องไหว แล้วสุขจะอยู่ไม่ไกล”

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 16, 2015, 01:52:40 pm
(http://upic.me/i/bn/11201824_1082133258465086_6393796633893764934_n.png) (http://upic.me/show/55879044)


จากบทความเรื่อง "ตายดีมีสุข" โดย พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011 (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 16, 2015, 01:56:14 pm
(http://upic.me/i/hp/11390359_1073141459364266_580175873837913495_n.png) (http://upic.me/show/55879225)



ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011 (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2015, 01:24:30 pm
(http://upic.me/i/2b/10440736_1213787831981865_3587141001249534979_n.jpg) (http://upic.me/show/55894020)


ความทุกข์ที่เกิดขึ้นยามพบกับความผิดหวังนั้น หากทำใจยอมรับหรือปล่อยวางได้ มันก็ไม่มีพิษสงมากนัก แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนมักหมกมุ่นครุ่นคิดกับเหตุการณ์ที่ไม่เป็นดั่งใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ และยิ่งทุกข์ก็ยิ่งลืมตัว จึงจมจ่อมอยู่กับเรื่องนั้น กินก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ ใครที่เจอแบบนี้นาน ๆ ย่อมไม่รู้ว่าจะอยู่ดูโลกนี้ต่อไปทำไม

แต่หากสามารถฟันฝ่าอารมณ์ดังกล่าวออกมาได้ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก แล้วย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว หลายคนอดประหลาดใจไม่ได้ ว่าเหตุใดตอนนั้นตนเองจึงเป็นทุกข์กับมันมากมายนัก ในเมื่อไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 18, 2015, 01:08:59 pm
(http://upic.me/i/bg/11401218_843768122382429_8862030636158257579_n.jpg) (http://upic.me/show/55904551)


รู้อารมณ์ตามความเป็นจริง

"ความรู้สึกตัวต่อสิ่งที่มากระทบนั้น

สำคัญมากกว่าสิ่งที่มากระทบ

ไม่ว่าจะกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น

กาย หรือใจ การรู้เฉยๆ คือทั้งไม่ชอบ

และไม่ชัง ไม่ให้ค่าทั้งในทางลบ

หรือบวกแค่ดูหรือรู้เฉยๆ ตามที่เป็นจริง

นี้เป็นทักษะที่สำคัญของการเจริญสติ

การทำสมาธิภาวนา และสามารถ

จะนำใช้ในการดำเนินชีวิต

ให้ปกติให้ผาสุขได้แม้เจออะไร

ต่ออะไรมากมายมากระทบก็ตาม"

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 18, 2015, 01:45:23 pm
(http://upic.me/i/j7/1896938_866821193345199_1807451280_n.jpg) (http://upic.me/show/55904958)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 25, 2015, 12:12:47 pm
(http://upic.me/i/mt/10410512_1218448264849155_8708147378761338577_n.jpg) (http://upic.me/show/55978851)


บุญ แปลว่า เครื่องชำระให้สะอาดบริสุทธิ์

ชำระอย่างแรก คือ ชำระพฤติกรรม ให้งดงาม เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ชอบธรรม เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น

ชำระประการต่อมาก็คือ ชำระจิตใจ ให้หายเศร้าหมอง พ้นจากความเร่าร้อน เกิดความสว่างไสวในทางปัญญา คิดถูกคิดชอบ ไม่หลงไปตามอารมณ์ชั่วแล่น

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 25, 2015, 12:18:53 pm
(http://upic.me/i/ey/11232351_1219197388107576_1728416801276105307_n.jpg) (http://upic.me/show/55978909)


ยุคบริโภคนิยมกับชีวิตที่เร่งรีบและวุ่นวายนั้น เป็นสิ่งคู่กันก็ว่าได้ เราถูกกระตุ้นให้อยากไม่รู้จบ ดังนั้นจึงต้องเร่งรีบแสวงหาสิ่งต่าง ๆ เพื่อสนองความอยาก ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี จนความเร็วกลายเป็นพระเจ้าในทุกเรื่อง ไม่ว่าการศึกษา การทำงาน การเดินทาง การบริโภค ความบันเทิง และความสัมพันธ์กับผู้คน

เพราะยุคนี้ไม่ใช่ยุคของปลาใหญ่กินปลาเล็กอีกแล้ว แต่เป็นยุคปลาเร็วกินปลาช้า ไม่มีใครอยากจะช้าเพราะกลัวจะเสียเปรียบ

เราควรหยุดคิดก่อนที่จะปล่อยชีวิตให้พลัดหลง ไปในกระแสแห่งความเร่งรีบอย่างไร้สติ

พึงตระหนักว่าเราสามารถกำหนดจังหวะชีวิตของเราเองได้ แม้รอบตัวจะเต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวายก็ตาม แต่จะทำเช่นนั้นได้ดีเราจำต้องร่วมมือกันเป็นเครือข่าย และใช้ชีวิตให้เรียบง่าย เมื่อมีความต้องการน้อยลง ชีวิตก็จะช้าลงไปเอง

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 25, 2015, 02:53:11 pm
(http://upic.me/i/zc/10444763_845326098893298_2265409172667893409_n.jpg) (http://upic.me/show/55980410)


อยู่กับปัจจุบัน

คนเราควรยอมรับปัจจุบันและ

อยู่กับปัจจุบันให้ได้ ไม่เช่นนั้น

จะหาความสุขได้ยาก แม้ใจจะหวนนึก

ถึงความสุขในอดีตอยู่เสมอ

มันก็ช่วยได้ไม่มาก จะว่าไปแล้ว

ยิ่งเรานึกถึงความสุขในอดีตมากเท่าไร

ก็ยิ่งยากที่จะใจยอมรับปัจจุบัน

เพราะมีการเปรียบเทียบอยู่ตลอดเวลา


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 25, 2015, 02:59:33 pm
(http://upic.me/i/ur/11539613_846277392131502_8522523212914583058_n.jpg) (http://upic.me/show/55980455)


ความดีไม่มีเส้นแบ่ง


"ความดีนั้นไม่ว่าจะทำกับใคร

กับผู้อื่นหรือตนเองก็ตาม

อานิสงส์อันได้แก่ความสุข

และความเจริญงอกงามในจิตใจ

ย่อมแผ่ไปยังทั้งสองฝ่ายเสมอ

เพราะถึงที่สุดแล้ว เส้นแบ่ง..

ระหว่างเรากับผู้อื่น..หามีไม่"


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ



หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 25, 2015, 03:04:21 pm
(http://upic.me/i/5a/10387688_846923322066909_5379450591304657159_n.jpg) (http://upic.me/show/55980490)


มองเป็นก็เห็นสุข


"เรามักวุ่นวายอยู่กับชีวิต

จดจ่อมุ่งหวังในสิ่งที่ยังมา

ไม่ถึงมองไม่เห็นความสุข

และสิ่งมีค่าที่อยู่ใกล้ตัว

แท้ที่จริง ความสุขและ

ความงดงามนั้นมีอยู่รอบตัวเรา

เมื่อปรับมุมมองก็จะมองเห็น

ความสุขในชีวิตได้ไม่ยาก"


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 25, 2015, 06:05:39 pm
(http://upic.me/i/jx/11046554_416163508590993_8222221385929740117_n.jpg) (http://upic.me/show/55982546)


ปล่อยวางที่ใจ

" คำสอนทั้งปวงในพุทธศาสนา ถึงที่สุดแล้วมุ่งไปสู่การปล่อยวาง เพราะปล่อยวางได้เมื่อไร ก็หมดทุกข์เมื่อนั้น

มีเรื่องเล่าว่า คราวหนึ่งหลวงพ่อชา สุภัทโท เดินไปตรวจตราตามกุฏิพระท่าน เห็นพระรูปหนึ่งนั่งหลบฝน เนื่องจากหลังคารั่ว ฝนจึงหยดลงมา หลวงพ่อชาก็เลยถามว่า ทำไมไม่ซ่อมหลังคาล่ะ พระรูปนั้นบอกว่าผมปล่อยวางครับ หลวงพ่อชาก็เลยบอกว่า ปล่อยวาง กับวางเฉยแบบงัวแบบควายนั้นไม่เหมือนกัน

ผู้คนมักคิดว่าวางเฉยแบบงัวแบบควายเป็นการปล่อยวางแบบพุทธ นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด ปล่อยวางเป็นเรื่องภายในใจเรา แต่หน้าที่การงานเราก็ต้องทำตามสมควร แก่เหตุปัจจัยโดยคำนึงถึงประโยชน์ ที่จะเกิดขึ้นทั้งแก่ตัวเราเองและต่อผู้อื่นด้วย "

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2015, 06:34:52 am
(http://upic.me/i/ia/11202068_1221180764575905_6338723225177432120_n.jpg) (http://upic.me/show/55986756)


ความโกรธเกลียด

ยิ่งเราไปใส่ใจกับมันและทำตามอำนาจของมัน เช่น มันสั่งให้ด่า ก็ด่าตามมัน เราก็ยิ่งตกเป็นทาสของมัน กลายเป็นคนโกรธเกลียดง่ายขึ้น

ทำนองเดียวกันกับความกลัว ยิ่งขับไสมัน พยายามห้ามไม่ให้มันมา มันก็ยิ่งมาถี่ขึ้น เข้าทำนอง “ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ” เรื่องอะไรที่ไม่อยากคิด มันก็ยิ่งมาเร้าจิตให้คิดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

เคล็ดลับในการจัดการกับความรู้สึกนึกคิดเหล่านี้ก็คือ เมินเฉยมัน อย่าไปให้ความสนใจมัน มันมาปรากฏ ก็ไม่ไปขับไล่ไสสงมัน ขณะเดียวกันก็ไม่ไปทำตามมัน มันจะวิงวอนหรือยั่วยุอย่างไร ก็ทำใจวางเฉย เตือนตนด้วยมนตราคำเดียวว่า

“ช่างมัน”

...เมื่อมีสติตั้งมั่น จิตไม่โอนเอียงหวั่นไหวไปกับอะไรง่าย ๆ ก็หมายความว่าเรามี “ไม้ตาย” ที่จะจัดการกับความรู้นึกคิดที่มาหลอกหลอน ไม้ตายนั้นก็คือการเพ่งพินิจมันด้วยจิตที่สงบและวางเฉย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 30, 2015, 08:02:59 pm
(http://upic.me/i/ah/11254228_1223337211026927_4998635702486844247_n.jpg) (http://upic.me/show/56038169)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 30, 2015, 08:11:21 pm
ประโยชน์ของความทุกข์

“ความทุกข์มีขึ้นเพื่อสอนเราให้

รู้จักหลุดพ้นจาก......ความทุกข์

ปัญหาเกิดขึ้นเพื่อสอนเราให้

เกิดปัญญาด้วยเหตุนี้ปัญหาจึง

ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหากคือครูที่มา

สอนให้เราฉลาดขึ้นนั่นเอง”


---------------------------------------------

อย่าท้อแท้

“ในยามท้อแท้สิ้นหวัง

ขอให้นึกถึงคน ที่ทุกข์ยาก

มากกว่าเรา เมื่อนั้นทุกข์ของเรา

จะเบาบาง เพราะตระหนักว่า

เรายังโชคดีกว่าคนอื่นอีกมาก”


พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 02, 2015, 11:41:17 am
(http://upic.me/i/7w/10996999_1224484884245493_583201979696215035_n.jpg) (http://upic.me/show/56053565)


เวลาที่หายไป

ไม่น่าแปลกใจที่คนเราใช้เวลามากมายกับข้อมูลข่าวสาร หรืออยู่กับเทคโนโลยีไอที จนกระทั่งไม่มีเวลาเหลือ ในบ้านมีพ่อแม่ลูก 4 คน มีโทรทัศน์คนละเครื่อง แต่ละคนก็อยู่ในห้องตัวเอง ทั้งวันก็ต่างคนต่างอยู่หน้าจอโทรทัศน์ หรืออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จนไม่มีเวลาคุยกัน พ่อจะเรียกลูกมากินข้าว ต้องใช้โทรศัพท์มือถือเรียกลงมา บางคนถึงกับส่ง SMS หรือเขียนอีเมล์ถึงลูกให้ลงมากินข้าว

นั่นแปลว่า ไม่เพียงแค่สำนึกเรื่องเวลาเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป สำนึกในเรื่อง space รวมทั้งความสัมพันธ์กับผู้คนก็เปลี่ยนไปพร้อมกันด้วย ในด้านหนึ่งเทคโนโลยีช่วยให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่งมันทำให้เราเหินห่างจากคนใกล้ตัวเช่นคนในบ้าน

ขณะที่คนไกลได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่คนใกล้กลับห่างเหินกัน

space บิดเบือนไปหมด เราติดต่อกับเพื่อนที่อเมริกาทุกวัน แต่เราไม่คุยกับพ่อแม่เราเอง

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 02, 2015, 11:49:05 am
(http://upic.me/i/8y/11694027_850862411673000_227410612823471316_n.jpg) (http://upic.me/show/56053637)


หาคนรู้ใจ

“อย่าว่าแต่การพยายามเข้าใจคนอื่นเลย

แม้แต่การเข้าใจตนเอง ผู้คนส่วนใหญ่

ก็มักมองข้าม มัวแต่เสาะแสวงหาคนที่รู้ใจตน

อยากได้เพื่อนที่รู้ใจตน คู่ครองที่รู้ใจตน

ลูกน้องที่รู้ใจตน ฯลฯ แต่กลับละเลยที่

จะรู้ใจตนเอง เมื่อความโกรธเกลียดเกิดขึ้น

ก็ไม่รู้ทัน ปล่อยให้ความทุกข์เล่นงานจิตใจ

หากใจของเรา เราเองยังไม่รู้ จะหวังให้คนอื่น

มารู้ใจเราได้อย่างไร จะว่าไปแล้วที่

ผู้คนทุกข์ระทมทุกวันนี้ก็เพราะไม่รู้ใจตนมากกว่า

หาใช่เป็นเพราะไร้คนรู้ใจหรือเข้าใจตนไม่”


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 06, 2015, 03:39:37 pm
(http://upic.me/i/p4/11695017_419731298234214_8882624418468278316_n.jpg) (http://upic.me/show/56096893)


รับความจริงได้ใจไม่ทุกข์

“นอกจากทุกข์เพราะความคิดแล้ว

คนเรายังทุกข์เพราะความรู้สึก

ทุกข์เพราะความรู้สึกที่ต่อต้าน

ปฏิเสธไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

ใจที่ไม่ยอมรับผลักไสสิ่งที่เกิดขึ้น

บ่อยครั้งก่อให้เกิดความทุกข์

ยิ่งกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเสียอีก

เช่นอากาศร้อน หรือความหนาว

มันทำให้เกิดความทุกข์กายก็จริง

แต่ก็ไม่มากเท่ากับความทุกข์ที่เกิด

จากใจที่ต่อต้าน ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 06, 2015, 03:44:08 pm
(http://upic.me/i/zu/11666307_1226171070743541_6793104056527622813_n.jpg) (http://upic.me/show/56096962)


ค่านิยมหมายถึง สิ่งที่เรายึดถือเป็นคุณค่า ซึ่งค่านิยมของเราในตอนนี้คือ การนิยมเอาวัตถุ เกียรติยศชื่อเสียงมาเป็นคุณค่า ส่งผลต่อจริยธรรมเป็นอย่างมาก เพราะถ้าให้คุณค่าไปที่วัตถุมาก ๆ คุณก็พร้อมที่จะโกง พร้อมที่จะคอร์รัปชั่น พร้อมที่จะฆ่าคนอื่น เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินและสิ่งของ

ทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากค่านิยม หรือในทางพุทธศาสนาเรียกว่า ‘ทิฐิ’ ถ้าคุณมีค่านิยมที่ถูกต้อง ก็จะนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง แต่ถ้าคุณมีค่านิยมที่ผิด ก็จะนำไปสู่การผิดศีลธรรมได้ง่าย และจะทำให้คุณมีความทุกข์

ถ้าเป็นคนญี่ปุ่น เขาสร้างฐานะมาด้วยความเพียรจนร่ำรวย เวลาเขาอวยพรลูกหลาน หรือลูกศิษย์ เขาจะพูดว่า “พยายามเข้านะ” แต่คนไทยชอบอวยพรว่า “ขอให้โชคดี” เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ แต่ชอบให้คนพึ่งพาโชค

ในทางกลับกัน คนญี่ปุ่นที่พูดว่า “พยายามเข้านะ” กลับเป็นพุทธมากกว่า เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “บุคคลล่วงลุทุกข์ได้ด้วยความเพียร” พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความเพียร

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 06, 2015, 03:46:55 pm
(http://upic.me/i/c5/11666190_1226849997342315_8779609714467472101_n.jpg) (http://upic.me/show/56096996)


สิ่งที่เราถือว่าเป็นศัตรูไม่ได้มีแต่มนุษย์หรือสัตว์ร้ายเท่านั้น หากยังรวมไปถึงสิ่งอื่นที่เป็นนามธรรมด้วย เช่นความทุกข์ ความสูญเสีย ความพลัดพราก ความเจ็บความป่วย สิ่งเหล่านี้คนทั่วไปมองเสมือนศัตรู เพราะมันทำให้เราเป็นทุกข์ เดือดเนื้อร้อนใจ สิ่งเหล่านี้แหละที่คอยตามจี้เราอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่เจอวันนี้ก็ต้องเจอวันหน้า หรือว่าเจอแล้วก็เจออีก...

สิ่งที่เป็นศัตรูไม่ว่าคนก็ตาม เหตุการณ์ก็ตาม สามารถเป็นมิตรกับเราได้ ขอเพียงแต่เรามีสติหรือรู้จักมองให้เป็น

ยกตัวอย่าง ความเจ็บป่วย ก็มีประโยชน์ สามารถเป็นมิตรกับเราได้ เช่น ช่วยให้เราเห็นธรรมะ เห็นสัจธรรมของชีวิต ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยเราก็อาจประมาท หมกมุ่นกับความสนุกสนาน ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์

คนที่มีสุขภาพดีจำนวนไม่น้อย ไม่เห็นคุณค่าของการมีสุขภาพดี ใช้ร่างกายเปล่าเปลือง ใช้อย่างสมบุกสมบันในทางที่ไร้ประโยชน์ กว่าจะเห็นโทษหรือรู้ตัว บางทีก็สายไปแล้ว เพราะว่าป่วยหนัก เป็นมะเร็ง เป็นโรคหัวใจ หรือพิการ ใกล้ตาย

แต่คนเจ็บคนพิการ เขาไม่อยู่ในสถานะที่จะใช้ร่างกายและเวลาให้เปล่าเปลืองได้ ดังนั้นจึงทำให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด อย่างเช่น ไปเที่ยวไม่ได้ก็เลยต้องมาปฏิบัติธรรม หลายคนที่มีปัญญาไปเที่ยว มีเวลาไปงานสังสรรค์ มักจะหมดเวลาไปกับเรื่องนี้จนไม่มีเวลาเหลือสำหรับการทำสิ่งที่มีคุณค่า เช่น การปฏิบัติธรรม

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 07, 2015, 08:01:45 am
(http://upic.me/i/2f/11692556_1228108423883139_5194927589172810629_n.jpg) (http://upic.me/show/56105163)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 07, 2015, 08:04:48 am
(http://upic.me/i/id/11698439_853094311449810_3071918575160287661_n.jpg) (http://upic.me/show/56105173)


สุขใจเมื่ออยู่กับธรรมชาติ


“เมื่อพาตัวมาอยู่ท่ามกลางป่าเขา

เราย่อมมิอาจพึ่งพาความสุขและ

ความสะดวกสบายซึ่งมีอยู่อย่างครบครัน

จากชีวิตในเมืองได้อีกต่อไป นั่นคือโอกาส

ที่เราจะได้เรียนรู้และเข้าถึงความสุข

จากชีวิตที่เรียบง่าย รวมทั้งความสุข

จากใจของเรา ความสุขนั้นมีอยู่แล้ว

กลางใจเรา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนัก

เพราะมัวเพลิดเพลินกับความสุขจากวัตถุ

สิ่งเสพภายนอก วิถีชีวิตที่ดึงจิตออก

นอกตัวตลอดเวลา จนรู้สึกแปลกแยกกับตัวเอง

ยิ่งทำให้ผู้คนตัดขาดจากความสุขด้านใน

อันเป็นความสุขที่ประณีตลึกซึ้ง ผลก็คือ

ผู้คนพากันพึ่งพิงวัตถุสิ่งเสพจนขาดอิสรภาพ

ต่อเมื่อตระหนักและสัมผัสได้ถึงความสุข

กลางใจ เราจึงจะมีอิสรภาพอย่างแท้จริง”


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 07, 2015, 08:11:25 am
(http://upic.me/i/mk/11695023_1100787843266294_8300874097864084897_n.png) (http://upic.me/show/56105196)


"ความจริงแล้ว ความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือ ใจของเรานั่นเองที่วางไว้ไม่ถูกต้อง เช่น กลัวตาย หรือไม่เข้าใจความตายดีพอ ถ้าหากว่าเรารู้จักวางใจอย่างถูกต้อง ความตายก็ไม่น่ากลัว และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องตาย ก็สามารถตายอย่างสงบได้..."

พระไพศาล วิสาโล (จากหนังสือ มรณสติ)




ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011 (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2015, 09:04:30 pm
(http://upic.me/i/vh/10501780_1228573157169999_7773746916272014562_n.jpg) (http://upic.me/show/56121996)


คนไทยนั้นนึกว่าบุญเหมือนกับบัตรสะสมโชค

ส่วนใหญ่เราไม่เข้าใจว่าบุญหมายถึงอะไร คนไทยนั้นนึกว่าบุญเหมือนกับบัตรสะสมโชค รู้จักไหมโยมบัตรสะสมโชค บัตรสะสมโชคนั้น พอสะสมได้มาก ก็ไปแลกเอาของสมนาคุณได้ คนไทยมักจะเข้าใจบุญในแง่นี้ คือบุญที่เป็นบัตรสะสมโชค

ลองมาพิจารณาดูว่าเราคาดหวังอะไรบ้างจากบุญ สิ่งที่คาดหวังจากบุญคือความร่ำรวย ความมีทรัพย์สมบัติ ความมั่งมี เราคิดเพียงเท่านั้น นี่ก็ไม่ต่างจากเวลาเราอยากได้ของสมนาคุณ เราทำอย่างไรบ้าง เราก็มักไปศูนย์การค้าตามที่เขาโฆษณาว่า ที่นั้น ที่นี้ มีบัตรสะสมโชคเยอะๆ เพื่อแลกของ

ในทำนองเดียวกัน เวลาเราอยากได้บุญเยอะๆ เราทำอย่างไร เราก็คิดว่าต้องไปที่ๆมีการแจกบุญมากๆ หรือเพิ่มบุญเยอะ นั่นคือต้องไปทำบุญกับพระ ต้องไปทำบุญกับเกจิอาจารย์บุญถึงจะเพิ่มพูน และเมื่อสะสมบุญแบบนี้มากเข้า ก็หวังว่าจะรวยหรือถูกหวยในเวลาไม่นาน

สิ่งที่เราคาดหวังจากบุญนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการมีทรัพย์สินเงินทองมากๆ แต่เราไม่ได้คิดเลยว่า บุญ ตามความหมายที่แท้จริง หมายถึงการชำระใจให้สะอาด การชำระใจให้ผ่องแผ้ว ถ้าเราทำบุญแล้วเราไม่ได้ทำใจของเรา ให้โปร่งเบา หรือชำระจิตของเราให้สะอาด อันนั้นก็เป็นบุญที่แท้ไม่ได้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2015, 09:06:13 pm
(http://upic.me/i/h2/11200833_1229217430438905_6094957277421257025_n.jpg) (http://upic.me/show/56122020)


ตราบที่เรายังมีลมหายใจ และยังมีหัวจิตหัวใจอยู่ เราสามารถทำบุญได้ตลอดเวลา เช่น การเจริญสมาธิภาวนาด้วยเมตตาจิต นั่นก็ถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ผู้ใดเจริญเมตตาจิตเพียงชั่วเวลารีดน้ำโค มีผลมากกว่าการให้ทาน ๓ ครั้ง ๆ ละ ๑๐๐ หม้อ ฉะนั้น คนที่ไม่มีเงิน หรือไม่มีเวลาจะไปวัด แต่อยากทำบุญ ก็เพียงเจริญเมตตาจิต ไม่ให้โกรธเกลียดใคร มีแต่ความรักให้แก่เขา วิธีนี้ก็ถือเป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์มากทีเดียว

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 09, 2015, 04:28:31 pm
(http://upic.me/i/1w/11703015_836712833072178_8889396183058139334_n.jpg) (http://upic.me/show/56129524)


ธรรมชาติเกื้อกูลธรรม

ผู้ที่มีจิตใจรุ่มร้อน เมื่อได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสงบสงัด
จิตใจก็จะสงบเย็นได้เร็ว เกิดกุศลธรรมได้ง่าย และหากหันมามองด้านใน
หรือรู้จักบำเพ็ญทางจิต สติ สมาธิ ปัญญาก็จะเจริญงอกงาม

พระไพศาล วิสาโล
ภาพ วัดป่าภูก้อน อุดรธานี


ที่มา : Facebook วัดบันดาลใจ
https://www.facebook.com/watbundanjai?fref=photo (https://www.facebook.com/watbundanjai?fref=photo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 14, 2015, 04:34:01 pm
(http://upic.me/i/t2/11667503_836716879738440_706683660905065315_n.jpg) (http://upic.me/show/56178864)


ธรรมชาติยังสอนจริยธรรมให้แก่เราได้เป็นอย่างดี

ไม่ว่าจากต้นไม้ที่เอื้อเฟื้อสรรพสัตว์

จากแมลงที่อดทนและเพียรพยายามอย่างไม่ย่อท้อ

จากนกที่โบยบินอย่างอิสระโดยไม่มีทรัพย์สินเป็นภาระ

เมื่อมีผู้ถามหลวงปู่มั่นว่าท่านรู้ธรรมได้อย่างไรในเมื่อเรียนหนังสือไม่มาก

ท่านตอบว่า...สำหรับผู้มีปัญญา ธรรมะมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า...

และด้วยเหตุผลเดียวกัน ท่านอาจารย์พุทธทาสจึงแนะให้ผู้มาเยือนสวนโมกข์ หัดฟังต้นไม้และก้อนหินสอนธรรม

พระไพศาล วิสาโล

ที่มา : Facebook วัดบันดาลใจ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 14, 2015, 04:49:37 pm
(http://upic.me/i/bt/11750651_1104830796195332_1748422732387346173_n.png) (http://upic.me/show/56179028)


จากบทความเรื่อง "ปล่อยวาง ทำไม และอย่างไร" ในวารสารธรรมะชาติบำบัด ปีที่ 3 ฉบับที่ 6 ปี 2554

โดย พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011 (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 14, 2015, 06:52:36 pm
(http://upic.me/i/yx/11694015_836714116405383_938753311050860375_n.jpg) (http://upic.me/show/56180200)


ผู้ที่มีใจเปิดกว้าง ย่อมเรียนรู้ธรรมได้มากมายจากธรรมชาติ

ไม่ว่าสัจธรรมคือความเป็นจริงของชีวิต เช่น ความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง

และความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันของทุกสิ่งในจักรวาล


พระไพศาล วิสาโล
ภาพจาก travel.mthai.com
ที่มา :Facebook วัดบันดาลใจ
https://www.facebook.com/watbundanjai?fref=photo (https://www.facebook.com/watbundanjai?fref=photo)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 15, 2015, 12:20:11 pm
(http://upic.me/i/nq/11221896_1233026333391348_5882406017931427560_n.png) (http://upic.me/show/56186713)


ปุจฉา - ใจ ( จิต ) คือ อะไร ? ( What ) อยู่ที่ไหน ? ( Where )

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - จิตนั้น ตามความเข้าใจของอาตมา หมายถึงสิ่งที่สามารถรับรู้ได้ หรือบางท่านก็เรียกว่า “ตัวรู้” คือรู้ในอารมณ์ต่าง ๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรม (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส)และนามธรรม (ความรู้สึกนึกคิด) จิตนั้นไม่ใช่สมอง แต่ปกติก็ทำงานโดยอิงอาศัยสมอง แต่แม้ไม่มีสมอง จิตก็ยังทำงานได้แม้ไม่ครบถ้วนเหมือนกับตอนปกติที่มีสมองร่วมด้วย จิตนั้นอิงอาศัยเหตุปัจจัยต่าง ๆ มากมาย (จึงเป็นอนัตตา) และดังนั้นจึงอยู่ได้ทุกที่ตราบเท่าที่เหตุปัจจัยนั้นยังมีอยู่
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 15, 2015, 12:22:22 pm
(http://upic.me/i/fu/11701078_1233227296704585_8483339798626087976_n.jpg) (http://upic.me/show/56186714)

มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาเพื่อแก่ เจ็บ และตายเท่านั้น แต่เรายังเกิดมาเพื่อสร้างความดี สั่งสมบุญกุศล รวมทั้งพัฒนาตนเพื่อเข้าถึงประโยชน์สูงสุดแห่งความเป็นมนุษย์

การอยู่ไปวัน ๆ ยอมจำนนต่อความทุกข์ ด้วยความเข้าใจว่าเกิดมาเพื่อใช้กรรมนั้น นับว่าเป็นการปล่อยโอกาสอันประเสริฐให้หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย

เพราะเราแต่ละคนมีศักยภาพอันทรงคุณค่า ที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเอนกอนันต์ ความข้อนี้

พระพุทธองค์ได้ตรัสยืนยันว่า “อริยโลกุตตรธรรมเป็นทรัพย์ประจำตัวของทุกคน” อริยทรัพย์ดังกล่าวนี้เองช่วยให้เราก้าวพ้นจากความแก่ ความเจ็บ และความตายได้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 15, 2015, 12:53:44 pm
(http://upic.me/i/jn/10390894_419544468232778_948778383292646384_n.jpg) (http://upic.me/show/56187126)


ที่มา : Facebook Instadham
https://www.facebook.com/instaDham?fref=photo (https://www.facebook.com/instaDham?fref=photo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 16, 2015, 07:11:39 am
(http://upic.me/i/i0/11267371_1233238740036774_3546753851496735740_n.jpg) (http://upic.me/show/56194712)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 16, 2015, 07:13:23 am
(http://upic.me/i/6c/11701229_1233032440057404_4169596118895564753_n.png) (http://upic.me/show/56194711)


ปุจฉา - กฎแห่งกรรม ทำงาน...กับ อะไร ? ( What ) อย่างไร ? ( How ) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้สำเร็จมรรค-ผล ในอัตตาภาพเดียว ( ชาติเดียว ) แล้วกรรมดี( บารมี) ของท่านไปถูกสั่งสมไว้ที่ไหน ? ( Where ) อย่างไร ? ( How ) หรือ ถ้าผมกระทำกรรมชั่ว เมื่อต้องพ้นจากอัตตาภาพนี้ จะไปรับวิบากกรรม เช่น ในนรก แล้วเขาเอาอะไร ? ( What ) ของผมไปทำโทษ

ขอช่วยคลี่คลาย อธิบาย ขยายความ ให้กระผมด้วยครับ ตลอดระยะเวลา เกือบ 30 ปี ที่ผมแสวงหาคำตอบ ตำรา...ของ ท่านพุทธทาส พลิกมาแล้วทุกเล่ม ( คำตอบของท่าน ไม่คลี่คลาย ออกไปแนววนๆ ไม่สรุป ) มิลินทปัญหา...อ่านแล้วเป็น 10 รอบ ลุ่มลึก สรุป (ตอบ) เร็วมาก ปัญญาผมไม่ถึง แต่ชอบวิธีการตั้งคำถาม ( ปัจจุบัน...ก็ยังอ่านอยู่ )
ผมชอบ...แนวทาง แบบ "ถาม-ตอบ" มากครับ จนมาเจอท่าน เลยเฝ้าเพียร อ่าน ศึกษามาตลอด ผมขออนุโมทนากับแนวทาง...ของท่าน มากๆ ครับ ท่านทำหน้าที่ดีแล้ว( สาธุ) ทำต่อไป นะครับ เพราะในปัจจุบันยังมีผู้คน อีกมากมายกำลังเข้ามา ศึกษาหาคำตอบ ทั้งคนรุ่นใหม่ และต่างศาสนิก

ผมเคยมีความคิด ปรารถนา...อยากรวบรวมการถาม-ตอบ ออกมาเป็นตำรับตำราไว้ศึกษา เป็นแนวทาง ครับ ( ผม...ไม่มีเจตนาก้าวล่วง หรือลองปัญญา นะครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมเข้าไปทุกสำนัก หลายวัด ที่คิดว่าให้คำตอบ ในคำถามผมได้ แล้วผมจะใช้ความพยายาม เพื่อเข้าไปพบ และสนทนาธรรมด้วย ที่จะถามอื่นๆ อีกมากมาย )

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - กฎแห่งกรรมนั้น ทำงานกับกายและใจ เป็นสำคัญ เป็นกฎแห่งเหตุปัจจัย ซึ่งสามารถแสดงออกในหลายระดับหรือหลายด้าน เช่น ถ้าเกี่ยวข้องกับวัตถุ เช่น อากาศ หรือสิ่งแวดล้อม ก็เรียกว่า อุตุนิยาม ถ้าเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวต รวมทั้งพันธุกรรม ก็เรียกว่า พีชนิยาม ธรรมชาติอย่างหนึ่งของกายและใจ คือเป็นอนัตตา ไม่ได้เป็นก้อนหรือสิ่งที่แน่นิ่ง แต่แปรเปลี่ยนต่อเนื่องเป็นกระแส สุดแท้แต่เหตุปัจจัยจะปรุงแต่ง เหตุปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ กรรมหรือการกระทำ (เช่น กินมาก ก็ทำให้กายอ้วน คิดลบก็ทำให้จิตเป็นทุกข์)

ว่าเฉพาะจิตนั้น สามารถต่อเนื่องเป็นกระแสต่อไป แม้ร่างจะแตกดับ กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว นั่นหมายความว่า การกระทำใด ๆ ในชาตินี้ เมื่อปรุงแต่งจิตแล้ว คุณสมบัติของจิตที่เกิดจากการปรุงแต่งนั้นสามารถถ่ายทอดสืบเนื่องต่อไปได้อีกแม้บุคคลจะ “ตาย”ไปแล้ว เมื่อไปครองกายใหม่ คุณสมบัตินั้นก็ยังปรากฏแก่จิต (ซึ่งเกิดและดับตลอดเวลา แต่ถ่ายทอดคุณสมบัตินั้นให้สืบเนื่องต่อไปได้ และเป็นคุณสมบัติที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลาสุดแท้แต่เหตุปัจจัย)

เปรียบง่าย ๆ ก็เหมือนกับเมล็ดพืช ซึ่งสิ่งแวดล้อมนานาชนิดทำให้มันมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งเฉพาะตัว เมื่อเติบใหญ่ กลายเป็นต้นไม้ออกดอกออกผล หากสิ่งแวดล้อมแปรเปลี่ยนไป เช่น ฝนแล้ง เจอมลภาวะ หรือกัมมันตรังสี เมล็ดที่เกิดใหม่จะมีคุณสมบัติแตกต่างจากเมล็ดเดิม คุณสมบัตินั้นจะถ่ายทอดไปยังเมล็ดรุ่นต่อไป แต่เมล็ดรุ่นต่อ ๆ ไปจะมีคุณสมบัติบางอย่างแปลกไปจากเดิม เมื่อเหตุปัจจัยแวดล้อมแปรเปลี่ยนไป

สรุปก็คือ พืชและสัตว์สามารถถ่ายทอดคุณสมบัติต่าง ๆ ไปยังรุ่นต่อไปได้ฉันใด จิตแต่ละขณะก็สามารถถ่ายทอดคุณสมบัติให้แก่จิตขณะใหม่(หรือเรียกง่าย ๆ ว่าจิตดวงใหม่) ได้ฉันนั้น คุณสมบัติที่ว่านั้น มีทั้ง กุศลและอกุศล นี้คือเหตุผลว่าการทำความดีในชาตินี้สามารถส่งผลถึงชาติหน้าได้ หากทำความดีชาติแล้วชาติเล่า จิตก็จะถูกปรุงแต่งในทางที่เป็นกุศลมากขึ้น กุศลดังกล่าวสามารถถ่ายทอดไปยังจิตดวงแล้วดวงเล่า ยิ่งทำสิ่งที่เป็นกุศลเพิ่มขึ้นไม่หยุด ในที่สุดสามารถเป็นปัจจัยหนุนส่งให้เกิดการบรรลุธรรม ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้

ว่าเฉพาะคำถามที่ว่า อะไรที่จะทำโทษคุณหากทำบาป คำตอบก็คือ เหตุปัจจัยตามกฎธรรมชาติ ทำนองเดียวกับร่างกายของคุณ หากคุณกินอาหารมากไป ทำให้จุก หรือไม่สบาย เกิดโรคหัวใจขึ้น หรือกินอาหารเป็นพิษ แล้วเกิดท้องร่วงอย่างแรง ถามว่าอะไรทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น คำตอบคือเหตุปัจจัยตามกฎธรรมชาตินั่นเอง อีกทั้งพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตของคุณสามารถส่งผลถึงสุขภาพของลูกคุณที่จะเกิดมาในอนาคตด้วย สรุปก็คือ กรรมนั้นสามารถส่งผล(ทางกาย)ถึงรุ่นต่อไป รวมทั้งส่งผล(ทางจิต)ถึงชาติต่อไปได้ด้วย
เท่าที่เขียนมาแม้จะพยายามเขียนย่อ ๆ แล้ว แต่ก็ยืดยาว หวังว่าจะช่วยให้คุณกระจ่างเพิ่มขึ้นบ้าง
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 16, 2015, 07:46:32 am
(http://upic.me/i/7p/11703115_857634934329081_4201899237788899936_n.jpg) (http://upic.me/show/56194787)


สุขจากการทำงาน

“เวลาทำงาน สิ่งสำคัญที่จะส่งผล

ต่อความสุข รวมทั้งความสำเร็จ

คือแรงจูงใจ พระพุทธศาสนามองว่า

แรงจูงใจที่สำคัญคือ “ฉันทะ” แปลง่าย ๆ

ว่าความชอบหรือความรักในงาน

ฉันทะทำให้อยากทำ ซึ่งตรงข้ามกับ

คำว่า “ตัณหา” ที่แปลว่าความอยากได้

หลายคนทำงานไม่ได้เพราะอยากทำ

แต่เพราะอยากได้ เช่นอยากได้เงินเดือน

อยากได้ความสำเร็จ อยากได้การยอมรับ

ก็เลยต้องทำงาน เพราะงานเป็นเงื่อนไข

ที่จะทำให้ได้ทั้งเงิน ทั้งความสำเร็จ และการ

ยอมรับ ชื่อเสียงเกียรติยศ อันนี้คือ “ตัณหา”

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 17, 2015, 07:26:26 am
(http://upic.me/i/tp/11742631_759244974198145_4177255089452996634_n.jpg) (http://upic.me/show/56204239)


เกิด - แก่

"การเตรียมใจอย่างหนึ่ง ก็คือ พิจารณาอยู่เสมอว่าความแก่ชรา เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครหนีพ้นได้ เมื่อใจยอมรับความแก่ได้มากขึ้น ความแก่ก็จะเป็นปัญหาแก่จิตใจน้อยลง

ขณะเดียวกันก็ควรมองว่า ความชรานั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง เช่น หมายถึงการผ่านโลกมามาก มีประสบการณ์มากขึ้น ช่วยให้ปล่อยวางได้มากขึ้น มีการวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ตรงกันว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเครียดมากเมื่ออยู่ในวัยกลางคน แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความเครียดจะลดลง ความสุขจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวัยชรา

งานบางชิ้นชี้ว่า คนอายุ ๘๐ โดยเฉลี่ยมีความสุขกว่าคนที่อายุ ๑๘ เสียอีก สาเหตุที่คนชรามีความสุขมากกว่า ทั้ง ๆ ที่ชีวิตอยู่ในช่วงขาลง ก็เพราะมีวุฒิภาวะ มีความเข้าใจโลก และรู้จักทำใจนั่นเอง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ส่วนหนึ่งก็เพราะผ่านโลกมามากนั่นเอง"

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 17, 2015, 07:27:54 am
(http://upic.me/i/mm/11232993_1235106209850027_1023049799567766730_n.png) (http://upic.me/show/56204238)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 20, 2015, 03:59:26 pm
(http://upic.me/i/od/11059712_1236206569739991_5065745057565727026_n.jpg) (http://upic.me/show/56238765)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 20, 2015, 04:01:12 pm
(http://upic.me/i/lm/1800198_1235781843115797_4409023165269799210_n.jpg) (http://upic.me/show/56238763)


เส้นทางสู่ความพ้นทุกข์นั้นมีอยู่แล้ว รอแต่ผู้เดินเท่านั้น

เราแต่ละคนมีศักยภาพอันทรงคุณค่า ที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเอนกอนันต์ ความข้อนี้พระพุทธองค์ได้ตรัสยืนยันว่า “อริยโลกุตตรธรรมเป็นทรัพย์ประจำตัวของทุกคน” อริยทรัพย์ดังกล่าวนี้เองช่วยให้เราก้าวพ้นจากความแก่ ความเจ็บ และความตายได้

การเกิดเป็นมนุษย์นับว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือการได้พบพระพุทธศาสนาและมีโอกาสฟังพระสัทธรรม แม้กระนั้นก็นับว่าน่าเสียดายที่ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยคาดหวังจากพระพุทธศาสนาเพียงแค่ลาภ ยศ สรรเสริญ จากการทำบุญ หรือเข้าใจว่าพระสัทธรรมเพียงแต่ชี้ทางไปสวรรค์เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่พระพุทธศาสนาและพระสัทธรรมนั้นสามารถนำพาเราให้พ้นจากความทุกข์ เข้าถึงความสุขเกษมศานต์และสงบเย็นอย่างลึกซึ้ง อันเป็นประโยชน์สูงสุดเท่าที่มนุษย์จะบรรลุได้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 20, 2015, 04:03:06 pm
(http://upic.me/i/lq/11745583_1236200649740583_5246146522647749299_n.jpg) (http://upic.me/show/56238791)


การปล่อยวางเกิดขึ้น จากการทำความดีจนรู้สึกเอิบอิ่มใจและมั่นคงภายใน อีกทั้งได้เห็นความจริงอย่างแจ่มแจ้ง จนรู้ว่าไม่มีอะไรที่ยึดมั่นได้เลย หากคุณทำทั้งสองประการได้ครบถ้วน ก็จะปล่อยวางได้เอง แม้ไม่ติดใจในชีวิต ก็อยู่อย่างมีความสุขทุกเวลา แม้ไม่ชื่นชอบความตาย ก็พร้อมตายเสมอ

พระไพศาล วิสาโล

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 21, 2015, 12:47:15 pm
(http://upic.me/i/nl/11264885_1236219283072053_967359930358190038_n.jpg) (http://upic.me/show/56247117)



การปล่อยวางนั้น หากทำถูกต้อง จิตใจจะโปร่งเบา เบิกบาน มีความกระตือรือร้น และมีความสุขทุกเมื่อ ไม่ว่ามีอะไรมากระทบหรือมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นก็ตาม

ความหดหู่ เฉื่อยเนือย หรือเหนื่อยหน่าย ไม่ใช่การปล่อยวาง แต่เกิดจากความยึดติดหรือมีความคาดหวัง แล้วไม่ได้อย่างที่ยึดอยากวาดหวัง เป็นอารมณ์อกุศลที่พึงบรรเทาหรือกำจัด

พระไพศาล วิสาโล


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 22, 2015, 06:16:26 pm
(http://upic.me/i/jy/11737859_1237276242966357_2918675595118791911_n.jpg) (http://upic.me/show/56259419)


การยอมรับความผิดพลาดของตนนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้า คือกล้าที่จะขัดขืนอัตตา เพราะอัตตานั้นชอบปกป้องตนเอง และยอมรับไม่ได้ว่ามันเคยทำผิดพลาด


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 24, 2015, 04:39:39 pm
(http://upic.me/i/t3/11060041_1237280776299237_3035473913152778842_n.jpg) (http://upic.me/show/56278571)


อย่าตกเป็นทาสของอดีตแต่ควรเป็นนายของอดีต นั่นคือรู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ สำหรับปัจจุบันและอนาคต


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 27, 2015, 06:28:36 pm
(http://upic.me/i/4i/10685420_860735010685740_7660060337493099274_n.jpg) (http://upic.me/show/56306332)


ธรรมเป็นที่พึ่งได้จริง

“การพึ่งตัวเอง ไม่หวังพึ่งพาความสุขจากสิ่งใด ๆ จะช่วยให้เราเป็นอิสระอย่างแท้จริง และเป็นสุขในทุกหนแห่ง ไม่ว่าสิ่งต่าง ๆ จะผันผวนแปรปรวนอย่างใด เราจะไม่มัวคาดหวังสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นดั่งใจ เพราะรู้ว่ามันไม่อยู่ในอำนาจของเรา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยสิ่งต่าง ๆ หากยังพร้อมจะเข้าไปเกี่ยวข้องดูแลโดยทำตามเหตุปัจจัย มิใช่เพราะความยึดติดถือมั่นอยากให้เป็นตามใจปรารถนา

ความสุขที่แท้อยู่ที่การพึ่งตน ซึ่งที่จริงก็คือการพึ่งธรรม ดำเนินชีวิตตามธรรมและอย่างถูกธรรมนั่นเอง”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 29, 2015, 09:54:14 am
(http://upic.me/i/fu/11822391_1114478085230603_6176343234293867879_n.png) (http://upic.me/show/56320291)


เราทุกข์เพราะมีความยึดติดถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา
เมื่อยึดมั่นแล้วก็อยากจะให้มันอยู่ยั่งยืน ไม่เปลี่ยนแปลง...
เมื่อยอมรับความจริงไม่ได้

เราจะไม่ทุกข์กายแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะทุกข์ใจด้วย
ที่มา:เป็นมิตรกับชีวิต(๗ วิธีสร้างคุณค่าของชีวิต เปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นมิตร ชีวิตก็เป็นสุข)

โดย พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011 (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 29, 2015, 10:00:41 am
(http://upic.me/i/uv/11817008_1242834962410485_3481433462530358877_n.png) (http://upic.me/show/56320316)


ปุจฉา - กราบนมัสการ ขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ค่ะ ทำอย่างไรเราจะเข้าใจตนเองหรือรู้จักตนเองค่ะ ขอบพระคุณ พระอาจารย์ค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - คุณควรหมั่นมองตนหรือสังเกตตนเองอยู่เสมอ ว่า มีนิสัยอย่างไร ถนัดอะไร ชอบอะไร คนจำนวนไม่น้อยเรียนจบแล้วยังไม่รู้ว่าตนเองถนัดอะไร ชอบอะไร ทั้งนี้เพราะมัวแต่เรียนไปตามเพื่อน หรือทำงานตามค่านิยมของสังคม อย่างนี้เรียกว่าไม่รู้จักตัวเอง

แต่รู้เท่านั้นยังไม่พอ ควรรู้ด้วยว่า อะไรคือสิ่งที่เราปรารถนาอย่างแท้จริง จะรู้ได้ต้องหมั่นถามใจตนเองบ่อย ๆ ว่าต้องการอะไรกันแน่ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไรอย่างแท้จริง หลายคนคิดว่าตนเองต้องการความร่ำรวย มีชื่อเสียง อำนาจวาสนา แต่พอได้มาแล้ว ก็ไม่เคยพอใจหรือเป็นสุขอย่างแท้จริง

รู้จักตนเองยังหมายถึงการรู้เท่าทันกิเลสที่เกิดขึ้นในใจ รวมทั้งรู้เท่าทันอารมณ์และความนึกคิดที่เกิดขึ้น หากปล่อยใจไปตามกิเลส อารมณ์และความนึกคิด ก็เท่ากับหลงหรือลืมตน คนที่จมอยู่ในความหลงหรือลืมตน จะไม่มีทางรู้จักตนเองได้เลย หากไม่อยากไม่หลงหรือลืมตน ก็ต้องมีสติและความรู้สึกตัว การเจริญสติจึงเป็นวิธีหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการเข้าใจและรู้จักตนเอง เพราะช่วยให้เห็นตนเองตามที่เป็นจริงอย่างลุ่มลึกเป็นลำดับ



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 14, 2015, 04:58:00 am
(http://upic.me/i/63/10452431_1252498871444094_2116843184538502261_n.jpg) (http://upic.me/show/56456389)


คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่ "กล้าทำชั่วกลัวทำดี" เวลาทำดีก็กลัวว่าจะเป็นแกะดำ กลัวว่าคนอื่นเค้าจะเขม่น ถ้าเราคิดเช่นนี้ ชีวิตเราจะอยู่ในความตกต่ำอย่างเดียว

แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ "กล้าทำดีหนีความชั่ว" ความดีที่เราทำนั้น จะช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตจิตใจของเราให้เจริญงอกงามและเต็มไปด้วยความสุข

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 14, 2015, 05:03:15 am
(http://upic.me/i/na/11855656_1254882464539068_9171499227763228713_n.jpg) (http://upic.me/show/56456390)


อันที่จริงถ้ารู้จักความตายอยู่บ้าง
ก็จะรู้ว่าความตายนั้นมิใช่เป็นแค่ “วิกฤต” เท่านั้น
แต่ยังเป็น “โอกาส”อีกด้วย
กล่าวคือเป็นวิกฤตในทางกาย
แต่เป็นโอกาสในทางจิตวิญญาณ
ในขณะที่ร่างกายกำลังแตกดับ ดิน น้ำ ลม ไฟ
กำลังเสื่อมสลาย หากวางใจได้อย่างถูกต้อง
ก็สามารถพบกับความสงบ
ทุกขเวทนาทางกายมิอาจบีบคั้นบั่นทอนจิตใจได้
มีผู้คนเป็นจำนวนมากได้สัมผัสกับความสุข
และรู้สึกโปร่งเบาอย่างยิ่ง
เมื่อป่วยหนักในระยะสุดท้าย
เพราะความตายมาเตือน
ให้เขาปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ที่เคยแบกยึดเอาไว้
หลายคนหันเข้าหาธรรมะ
จนค้นพบความหมายของชีวิตและความสุขที่แท้
ขณะที่อีกหลายคนเมื่อรู้ว่า
เวลาเหลือน้อยแล้วก็หันมาคืนดีกับคนรักจนไม่
เหลือสิ่งค้างคาใจใด ๆ
และเมื่อความตายมาถึง
มีคนจำนวนไม่น้อยที่จากไปอย่างสงบ
โดยมีสติรู้ตัวกระทั่งนาทีสุดท้าย
ยิ่งไปกว่านั้นมีบางท่านที่เห็นแจ้งในสัจธรรม
จากทุกขเวทนาอันแรงกล้าที่ปรากฏเฉพาะหน้า
จนเกิดปัญญาสว่างไสว
และปล่อยวางจากความยึดติดถือมั่นในสิ่งทั้งปวง
บรรลุธรรมขั้นสูงได้ใน ขณะที่หมดลมนั้นเอง

พระไพศาล วิสาโล


Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 19, 2015, 07:21:25 am
(http://upic.me/i/95/11891036_1255319581162023_1202274540120323607_n.jpg) (http://upic.me/show/56501878)



"ไปสู่อิสรภาพภายใน"

หลายท่านคงมีคำถามขึ้นมาในใจว่า “สุคะโต” นั้นหมายถึงอะไร เพราะฟังดูเผินๆ ก็เหมือนกับว่าความสุขที่มันโต แต่เมื่อได้มาสวดมนต์ทำวัตร ถ้าได้พิจารณาตามก็คงจะทราบความหมาย สุคะโต หรือ สุคโต แปลว่า ไปแล้วด้วยดี เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า บางครั้งจึงมีผู้เรียกพระพุทธเจ้าว่า พระสุคต คือผู้ที่ไป แล้วด้วยดี

ทีนี้ก็จะมีคำถามว่าไปจากอะไร แล้วก็ไปสู่อะไร ถ้าพูดอย่างสั้นๆ คือไปจากกิเลส หรือว่าไปจากความทุกข์ เพราะกิเลสกับความทุกข์มันเป็นเรื่องเดียวกัน และไปสู่อะไร ก็ไปสู่ความพ้นทุกข์ ไปสู่อิสรภาพ

อิสรภาพหรือเสรีภาพ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ คนมักจะคิดว่าเมื่อรู้จักกับฝรั่ง เราจึงค่อยมารู้จักคำว่า เสรีภาพอิสรภาพ อันนั้นมันเป็นเสรีภาพหรืออิสรภาพในทางการเมืองหรือทางภายนอก แต่ว่าชาวพุทธเรารู้จักกับอิสรภาพ อย่างน้อยก็เข้าใจความหมายของอิสรภาพ โดยเฉพาะ "อิสรภาพภายใน" มา ๒ พันกว่าปี มาแล้ว

พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ค้นพบหนทางสู่อิสรภาพนั้น หนทางนี้เปิดเผยต่อโลก ต่อมนุษยชาติมาเกือบ ๒,๖๐๐ ปีแล้ว

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 19, 2015, 07:24:37 am
(http://upic.me/i/4j/11863219_1255441641149817_2364273024375486945_n.jpg) (http://upic.me/show/56501924)


ชีวิตที่ดีที่สุดคืออะไร?

คือชีวิตที่ประกอบไปด้วยสิ่งที่พระพุทธเจ้าเรียก “ปรมัตถะ”
ปรมัตถะคือประโยชน์สูงสุด ได้แก่ ความเป็นอิสระ
จากกองกิเลส จากกองทุกข์ เรียกสั้นๆ ว่านิพพาน

เดี๋ยวนี้พอพูดถึงนิพพานคนทั่วไปไม่สนใจแล้ว หรือไม่เชื่อว่ามีจริงด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่นิพพานเลย แม้แต่บุญกุศล หลายคนก็ยังไม่เชื่อเลย เชื่อแต่สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรม จับต้องได้ คือ เงินทอง ทั้งที่สิ่งเหล่านี้มันเป็นสมมติอย่างยิ่ง เหมือนมายา

เงินทองเป็นมายามาก ค่าเงินของมันขึ้นๆ ลงๆ จนกระทั่งคนทั่วโลกกำลังจะเป็นโรคประสาท เพราะว่าค่าของมันไม่แน่นอน เดี๋ยวมาก เดี๋ยวน้อย แสดงถึงความเป็นสมมติของมัน เพราะขึ้น อยู่กับการกำหนดของคน วันดีคืนดี เงินก็อาจจะกลายเป็นแบงค์กงเต๊ก เพราะเขาเลิกใช้แล้ว อย่างประเทศพม่า เงินที่เคยใช้เมื่อ ๑๐ ปีก่อน ตอนนี้เขาเลิกใช้แล้ว เพราะว่าค่าของมันถูกเกินไป ใครมีกี่ล้านๆ ก็ไม่มีความหมาย เพราะมันแทบจะกลายเป็นเศษกระดาษไปแล้ว นี่คือสิ่งสมมติ แต่คนส่วนใหญ่กลับนึกว่าเป็นของจริง

ตรงข้ามกับปรมัตถะ อันนี้จริงแน่นอนจริงแท้ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่แปรเปลี่ยน ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้กฎอนิจจัง นิพพานเป็นนิจจัง พูดแบบนี้ก็อาจจะยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร พูดใหม่ว่าคือการเป็นอิสระจากความผันผวนปรวนแปรของชีวิตและโลก หมายความว่า

จะได้จะเสียก็ไม่ทุกข์
ยังรักษาใจให้เป็นปกติหรือสุขสงบอยู่ได้
จะมีคนต่อว่านินทาหรือใส่ร้ายก็ยังมีความสุขได้
แม้ว่าจะสูญเสียพ่อแม่หรือ
พี่น้องก็ไม่ได้เศร้าโศกคร่ำครวญ
เพราะร้วู่ามันเป็นธรรมดาโลก

นี่คือสภาวะที่เป็นอิสระ ความทุกข์เข้ามาแตะต้องไม่ได้
เป็นสภาวะที่ความเกิด ความแก่ ความเป็น ความตาย ทำอะไรไม่ได้

คนธรรมดา ไม่ว่าร่ำรวยแค่ไหน หรือว่าทำบุญมามากแค่ไหน ก็ยังหวั่นไหวต่อความแก่ ความเจ็บ และความตาย แต่สำหรับผู้ที่เข้าถึงปรมัตถะ สิ่งเหล่านี้ทำอะไรไม่ได้ เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เหมือนกับอยู่เหนือความแก่ ความเจ็บ ความตาย

ท่านอาจารย์พุทธทาสได้จำลองสภาวะนิพพานเอาไว้ โดยเปรียบเทียบกับมะพร้าวนาฬิเก อยู่บนเกาะเล็กๆ กลางสระในสวนโมกข์ เกาะนี้มีน้ำล้อมรอบ น้ำนั้นเปรียบเสมือนทะเลแห่งวัฏสงสาร ทะเลแห่งความทุกข์ คนธรรมดาเปรียบเหมือนคนที่อยู่ในทะเล ขึ้น ๆ ลง ๆ ตามคลื่น หมายความตกอยู่ ภายใต้อาการขึ้นลงของชีวิตและโลก แต่ว่ามะพร้าวนาฬิเกหรือผู้ที่อยู่บนเกาะ ไม่เปียก สบาย โปร่ง โล่ง ณ ที่นั้นฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง นั่นคือสภาวะที่เรียกว่า นิพพานหรือการเข้าถึง ปรมัตถะ

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 19, 2015, 07:30:22 am
(http://upic.me/i/43/11902434_1256160647744583_5535688104187455077_n.jpg) (http://upic.me/show/56501941)


คนเรามีตา หู จมูก ลิ้น ไว้เพื่อรับรู้โลกภายนอก ซึ่งมันก็มีประโยชน์ทำให้เราพ้นจากอันตราย แต่ถ้าจิตของเราไม่ได้ฝึกไว้มันก็จะเอาไปปรุงแต่งต่อไป

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 19, 2015, 07:33:43 am
(http://upic.me/i/uj/11905797_1257410830952898_7257310655076629119_n.jpg) (http://upic.me/show/56501945)


เมื่อไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ความสงบก็เกิดขึ้นกับใจเอง สงบเพราะปราศจากความทุกข์ สงบเพราะปราศจากความผิดหวัง

พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 26, 2015, 03:14:52 pm
(http://upic.me/i/52/11887930_1258631237497524_3747282222577390472_n.jpg) (http://upic.me/show/56566911)


" สงบเพราะรู้ "

เวลาจิตเรากระเพื่อมเพราะมีอะไรมากระทบหรือรับรู้ ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย
ใจ หรือคิดนึกถึงเรื่องต่างๆ ขึ้นมา แล้วจิตกระเพื่อม จิตหวั่นไหว ถ้าเรามีสติรู้การกระเพื่อมของใจ การระลึกรู้นั่นแหละ ทำให้จิตของเราคืนสู่ ภาวะปกติได้

เพราะเมื่อจิตกระเพื่อม แล้วไม่ใช่กระเพื่อมเฉยๆ แต่ยังไปฟุ้ง ไปตามสิ่งที่มากระทบจนเตลิดเปิดเปิงไป เรียกว่า "ปรุงแต่ง" เมื่อใดก็ตามที่เรามีสติ การปรุงแต่งทางใจก็หายไป เรียกว่าจิตหลุดออกไปจากอารมณ์นั้น

เมื่อจิตกระเพื่อมก็มีสติรู้การกระเพื่อมนั้น เช่น มีความเครียด มีความโกรธก็รู้ว่าโกรธอยู่ เพียงแค่นั้นก็ช่วยให้ใจเราสงบไปได้ในที่สุด ไม่ต้องไปปิดหูปิดตารับรู้อะไร นี้เป็นวิธีการทำใจให้สงบที่ดีกว่าวิธีปิดหูปิดตา รวมทั้งควบคุมจิตไม่ให้รับรู้อะไร

เคยมีพราหมณ์คนหนึ่งโต้เถียงกับพระพุทธเจ้า วิธีการของเขาคือการไม่รับรู้อะไร ไม่ว่าทางตา หู จมูก ลิ้น กาย พระพุทธเจ้าตรัสว่าวิธีการนี้ไม่ต่างจากการทำตนให้เป็นคนหูหนวกตาบอด...

ใจของเราจำเป็นต้องมีสติช่วยกำกับ ความจริงสติมีใจในเราอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่เราต้องฝึกให้มันมีความคล่องแคล่วชำนาญมากขึ้น จนกระทั่งรู้ทันอาการกระตุ้นของใจ มันเกิดขึ้นอย่างไร เกิดขึ้นตรงไหนก็รู้ ทำให้การปรุงแต่งหมดไป

สงบเพราะรู้ ไม่ใช่สงบเพราะไม่รับรู้อะไร

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 27, 2015, 06:23:05 pm
(http://upic.me/i/ni/11917777_1264525240241457_8569318556621896492_n.jpg) (http://upic.me/show/56577537)


ถ้าเราสุขง่ายชีวิตจะเบา แสวงหาความสุขได้ในทุกที่

การได้อยู่กับครอบครัว สุขภาพดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามสมควรก็น่าจะมีความสุขแล้ว แต่คนเรามักให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรายังไม่มี หรือสิ่งที่เคยมีแต่หายไปแล้ว

สังเกตว่าข้าวของที่มีทั้งหมด ไม่มีความหมายเท่าข้าวของที่วางขาย อยากได้พอได้มาแล้วก็มีความสุข ดีใจ แต่พอมันอยู่กับเราได้สักพัก เสน่ห์มันก็จืดเสียแล้ว จะมารู้ความหมายอีกครั้งก็ตอนมันหายไป

ทำไมเราเลือกให้ความสำคัญกับอดีต กับ อนาคต

ถ้าเราชื่นชมกับปัจจุบัน ชีวิตเราจะมีสีสันขึ้นเยอะ

สุขภาพก็เหมือนกัน ตอนสุขภาพดีเราไม่สนใจ

มัวนึกเรื่องงาน เรื่องข้าวของที่ยังไม่มี

เราไม่ได้คิดว่าการไม่เจ็บป่วยมีความสุข

เราทุกข์เพราะเรายังไม่ได้ของใหม่

ไม่ได้การยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน

แต่พอเราป่วย จึงเห็นคุณค่าของการมีสุขภาพดี เพราะมันหายไป

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 28, 2015, 01:56:40 pm
(http://upic.me/i/yy/11899997_10153648087269744_6225264652781569292_n.jpg) (http://upic.me/show/56583235)


เมื่อมีความสุขจากภายใน

ก็ไม่จำเป็นต้องไล่ล่าหา

ความสุขจากภายนอก

ไม่ว่าทรัพย์สินเงินทอง

ชื่อเสียงเกียรติยศ

หรือผู้คนที่คอยพะเน้าพะนอ

ตรงกันข้าม

กลับสามารถ

แบ่งปันความสุข

ให้แก่ผู้อื่นได้ไม่ขาดสาย
******************

ธรรมะ.พระไพศาล วิสาโล
ภาพ. ยุวพุทธฯบ้านแห่งธรรม


ที่มา : Facebook ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย.พ.ส.)
https://www.facebook.com/ybatpage?fref=nf (https://www.facebook.com/ybatpage?fref=nf)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 01, 2015, 06:56:11 am
(http://upic.me/i/z5/11990609_879204342172140_2731045141189423120_n.jpg) (http://upic.me/show/56616248)


ฝึกใจได้ถ้าเป็นมิตรกับตัวเอง


“ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีใครหนีความแก่ ความเจ็บ

และความตายพ้น ในเมื่อความจริงเป็นเช่นนี้

แทนที่จะทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับมัน จะไม่ดีกว่าหรือ

หากเราหันมาเป็นมิตรกับมัน อะไรก็ตามที่เรา

หันมาเป็นมิตรได้ สิ่งนั้นจะคลายพิษสงลง

และอาจกลายมาเป็นคุณแก่เราด้วยซ้ำ

จึงไม่ต้องแปลกใจที่ครูบาอาจารย์ หลายท่าน

ย้ำนักย้ำหนาว่า พบทุกข์ก็เห็นธรรม”


พระไพศาล วิสาโล
เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด ลำดับที่ 58

===>  https://archive.org/details/ps2015_201501 (https://archive.org/details/ps2015_201501)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 01, 2015, 07:05:33 am
(http://upic.me/i/6j/11896134_1266034306757217_1398941511327145766_n.jpg) (http://upic.me/show/56616284)


คนเรานั้นไม่ว่าทำความผิดพลาดอะไรลงไป ก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ อย่ามัวครุ่นคิดอยู่กับความผิดพลาดในอดีต ใจจะพลอยเศร้าหมองและหนักอึ้ง จนไม่มีเรี่ยวแรงในการทำความดี หากวางมันลง จิตใจจะโปร่งเบา และกลับมามีพลังในการทำความดี

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo?fref=ts (https://www.facebook.com/visalo?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 01, 2015, 07:07:40 am
(http://upic.me/i/6r/10500350_1268233943203920_2438548140831885212_n.jpg) (http://upic.me/show/56616286)


เวลาโกรธใคร ยอมไม่ได้ถ้าไม่ได้ด่ามัน ถ้าได้ด่ามันเมื่อไหร่ตายก็ยอม นอนตายตาหลับเมื่อนั้น ทำไมถึงอยากจะด่า...เพราะไปยึดเอาความโกรธเอาไว้ จนมันครองหัวใจ เลยต้องตกอยู่ในอำนาจของมัน

รู้ว่ายึดแล้วเป็นทุกข์ แต่ก็ปล่อยไม่ได้เพราะตกอยู่ในอำนาจของมันเสียแล้ว อันนี้เรียกว่าเป็นความหลงอย่างหนึ่ง ความหลงทำให้แม้แต่สิ่งไม่ดีก็ยังเผลอไปยึดมัน กอดมัน ไม่ยอมวาง

สติทำให้เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เวลาทุกข์ ก็รู้ว่าทุกข์ และพอรู้ว่าทุกข์เท่านั้นแหละ เราจะเห็นความทุกข์เกิดขึ้นในใจ ไม่ใช่เราเป็นผ้ทุกข์ อย่างหลวงพ่อคำเขียนพูดว่าเวลาโกรธ เราเป็นผู้โกรธ เพราะเราไม่มีสติ แต่ถ้าเรามีสติ เราจะเห็นความโกรธ เห็นว่าความโกรธไม่ใช่เรา

เห็นความโกรธ ไม่ใช่เป็นผู้โกรธ

เห็นว่าความโกรธเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจเรา ตรงนี้แหละคือจุดเริ่มต้นของการสละความโกรธออกไปได้

ฉะนั้น ขอให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญของสติ และพยายามสร้างเสริมสติในใจเรา เพื่อนำไปสู่ความรู้ตัว ระลึกได้อย่างฉับไวจนหลุดจากความหลง และสามารถสลัดความทุกข์ไปจากจิตใจได้ ตลอดจนรู้จักวางจิตวางใจ จนเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำอะไรเราไม่ได้

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 03, 2015, 06:27:12 am
(http://upic.me/i/ia/11952033_1141802385831506_3454522502391051855_n.png) (http://upic.me/show/56630637)



:  พระไพศาล วิสาโล จากนิตยสารซีเครท พ.ค. 2552



ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=ts (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 03, 2015, 07:20:31 am
(http://upic.me/i/cd/11935090_880097445416163_2192567865762979208_n.jpg) (http://upic.me/show/56630746)


สงบจากกิเลส


"เป็นเพราะไม่รู้ตัวใช่ไหมเราจึงเผลอไปแบกหรือยึดความทุกข์เอาไว้ ทั้ง ๆ ที่ยิ่งแบกยิ่งยึดก็ยิ่งทุกข์ แต่ก็ยังไปแบกไปยึดอยู่นั่นเองเพราะทำจนเป็นนิสัยเสียแล้ว ความรู้ตัวจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่หนทางแห่งความไม่ทุกข์ เพราะเมื่อรู้ตัวแจ่มชัดเราก็ประจักษ์แก่ใจว่าได้เผลอแบกยึดอะไรต่ออะไรไว้มากมาย ถึงตอนนั้นการปล่อยวางก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก ฉะนั้นไม่ว่าทำอะไรอยู่ก็ตาม ควรหมั่นมองตนสำรวจจิตเพื่อให้รู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดอยู่เสมอ ความรู้ตัวนี้แหละจะช่วยปลดเปลื้องสิ่งหมักหมมที่ค้างคาในจิตใจจนทำให้ชีวิตเบาสบาย"



เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด ลำดับที่ 60
===> https://archive.org/details/ps2015_201501 (https://archive.org/details/ps2015_201501)




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 09, 2015, 02:02:20 pm
(http://upic.me/i/pc/11954701_1145618198783258_7656252399061088060_n.jpg) (http://upic.me/show/56680188)




จากบทความ เผชิญความตายด้วยใจสงบ
โดย พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=ts (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 22, 2015, 07:18:58 am
(http://upic.me/i/72/12027616_1156087274403017_150455020827055065_n.jpg) (http://upic.me/show/56790730)



จากหนังสือรักษาใจให้ไกลทุกข์ โดย พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook Peaceful Death
https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=ts (https://www.facebook.com/peacefuldeath2011?fref=ts)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 27, 2015, 07:35:09 am
(http://upic.me/i/4s/11037629_891951394230768_3945707112953149201_n.jpg) (http://upic.me/show/56831991)


มองภายนอกกลับมาหาตัว

เคยมีนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งไปปรึกษาปัญหาชีวิตกับหลวงพ่อชา สุภัทโท สมัยนั้นราว ๔๐ ปีก่อนท่านยังไม่อาพาธ นายตำรวจคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์มาก แต่ถูกกลั่นแกล้ง เจ้านายไม่ส่งเสริม เพื่อนร่วมงานขัดแข้งขัดขา นอกจากเลื่อยขาเก้าอี้ ยังเล่นงานข้างหลังเพราะไม่กินตามน้ำเหมือนคนอื่นเขา เขากลุ้มใจมากก็มาระบายกับหลวงพ่อชา หลวงพ่อก็ฟังโดยไม่ได้ว่าอะไร ท่านปล่อยให้เขาพูดจนจบ เสร็จแล้วท่านก็ชี้ไปที่หินก้อนใหญ่ที่อยู่ในลานหน้ากุฏิท่าน แล้วถามว่า “เห็นหินก้อนนั้นไหม” “เห็นครับ” “หินก้อนนั้นหนักไหม” “หนักครับ” “คุณแบกไหวไหม” “แบกไม่ไหวครับ” แล้วท่านก็บอกว่า “ถ้าไม่ไหวก็อย่าแบกมัน”

ได้ยินเพียงเท่านี้นายตำรวจคนนั้นก็ได้คิดเลยว่า ที่ตัวเองทุกข์ก็เพราะแบกเรื่องราวต่าง ๆ เอาไว้นั่นเอง เรื่องราวเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ตนเองเป็นทุกข์ได้หากไม่ไปแบกเอาไว้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็รู้สึกโปร่งโล่งขึ้นมาก ทำให้มีแรงทำงานต่อไป ปัญหาในที่ทำงานยังคงมีอยู่ แต่ใจไม่ทุกข์แล้ว เพราะไม่ไปแบกมัน นายตำรวจคนนี้จึงรับราชการต่อจนเกษียณ

เห็นไหมว่าเมื่อมีความทุกข์ใจเกิดขึ้น มันไม่ใช่เป็นเพราะคนนั้นคนนี้ทำอะไรไม่ถูกใจหรือกลั่นแกล้งเราอย่างเดียว แต่เป็นเพราะใจเราให้ความร่วมมือด้วยการแบกมันเอาไว้ เลยกลายเป็นการซ้ำเติมตนเอง


เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

=> https://archive.org/details/ps2015_201501


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2015, 02:58:42 pm
(http://upic.me/i/56/12032121_1287956284565019_2499988359515122297_n.png) (http://upic.me/show/56866418)


เสียงดัง ถ้าเราไม่จดจ่อใส่ใจ ความรำคาญก็เกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อหลายสิบปีก่อนหลวงปู่บุดดา ถาวโรได้รับนิมนต์ให้ไปฉันเพลที่กรุงเทพฯ เมื่อฉันเสร็จญาติโยมก็นิมนต์ให้หลวงพ่อจำวัดพักผ่อนก่อน เพราะสมัยนั้นการเดินทางไปสิงห์บุรีใช้เวลาหลายชั่วโมง หลวงปู่ก็ชรามากแล้ว เจ้าภาพจึงจัดห้องให้ท่านพัก มีลูกศิษย์หลายคนนั่งอยู่เงียบ ๆ เป็นเพื่อนท่าน

บังเอิญห้องที่ติดกันเป็นร้านขายของชำ เจ้าของร้านเป็นอาซิ้ม คนจีนสมัยก่อนจะสวมเกี๊ยะไม้ ไม่ได้สวมรองเท้าแตะเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นเวลาเดินเสียงก็ดังเข้ามาถึงห้องที่หลวงปู่จำวัดอยู่ ลูกศิษย์ได้ยินก็รำคาญ จึงพูดขึ้นมาว่า “เดินเสียงดังจัง ไม่เกรงใจกันเลย” หลวงปู่แม้จะเอนกายแต่ท่านไม่หลับ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “เขาเดินของเขาอยู่ดี ๆ เราเอาหูไปรองเกี๊ยะเขาเอง”

หลวงปู่บุดดาบอกเป็นนัยว่า เสียงเกี๊ยะจะดังอย่างไร ถ้าไม่เอาหูไปรองเกี๊ยะ ก็ไม่รู้สึกรำคาญ ดังนั้นเวลารู้สึกรำคาญขึ้นมา อย่าไปโทษเสียงอย่างเดียว ต้องโทษตัวเองด้วยว่าเอาหูไปรองเกี๊ยะเขาทำไม

ทีนี้ก็น่าคิดว่าทำไมถึงเอาหูไปรองเกี๊ยะ คำตอบก็คือไม่มีสติ เมื่อไม่มีสติ หูก็จะหาเรื่อง ตาก็จะหาเรื่อง เพราะว่าเมื่อไม่มีสติ ก็จะลืมตัว เมื่อลืมตัว หูและตา รวมทั้งใจด้วย ก็จะไปหาความทุกข์มาใส่ตัวทันที ได้ยินเสียงอะไร ไม่ว่าเสียงเกี๊ยะ เสียงรถยนต์ เสียงต่อว่าด่าทอ ใจก็จะไปเอาคว้าเสียงเหล่านั้นมาเล่นงานตัวเอง หรือเปิดทางให้สิ่งเหล่านั้นมาทำร้ายจิตใจได้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2015, 08:51:14 am
(http://upic.me/i/qm/12112128_1292188740808440_5306603617279419392_n.jpg) (http://upic.me/show/56967991)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2015, 08:54:02 am
(http://upic.me/i/h9/11222286_1294119557282025_1696812666652484758_n.jpg) (http://upic.me/show/56967995)


ความสุขไม่ใช่มีให้หา แต่ต้องมองให้เห็น
มันไม่ต้องดิ้นรนหา ดิ้นรนแล้วมันเหนื่อย ม้นทุกข์
มันมีอยู่รอบตัวเราแล้ว บางทีมันอยู่ต่อหน้า
แต่เราไม่เห็นเพราะมัวแต่มองพื้น
เพียงถ้าเราเงยหน้าขึ้นมานิดเดียวก็จะมองเห็น

เมื่อแม่ชีและนักเรียนไปเดินธรรมยาตรา
เดินตากแดดทั้งวัน นอนกลางดิน กินกลางทราย
หลายคนทั้งชีวิตไม่เคยเดิน ๑๐ กม.ในหนึ่งวัน
การเดินบนลูกรัง เหนื่อย
รอบตัวแห้งแล้ง ต้นไม้เขรอะด้วยฝุ่น
ถ้ามัวแต่เดินก้มหน้าอย่างเดียว ก็จะทุกข์
แต่หากมองไปข้างหน้า เงยนิดหน่อย จะเห็นฟ้า เห็นเมฆ
มันต่างกันมาก จากที่เห็นแต่พื้นแตกระแหง ใจหม่นหมอง
พอเงยหน้าเห็นเมฆเบาๆ ความรู้สึกก็เบาไปด้วย
กลายเป็นคนที่มีความสุขง่าย
เดินพบร่มไม้ก็มีความสุขแล้ว
เจอลมพัดมาเบาๆ ก็มีความสุขแล้ว
จะพบว่าความสุขมันหาง่าย
แม้แดดร้อนก็มีความสุขเพราะได้เดินกับเพื่อน

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2015, 08:57:17 am
(http://upic.me/i/nj/12108955_1294396240587690_6412437343322110094_n.jpg) (http://upic.me/show/56967997)


เมื่อหลวงพ่อชา สุภัทโท เดินทางไปแสดงธรรมที่ประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรกในปี ๒๕๒๐ ท่านและคณะ ซึ่งมีพระอาจารย์สุเมโธ เป็นล่าม พำนักอยู่ที่วิหารแฮมพ์สเตดกลางกรุงลอนดอนเป็นส่วนใหญ่ ตรงข้ามของวิหารนั้นเป็นแหล่งบันเทิง มีทั้งผับและดิสโก้เทค จึงมีเสียงดนตรีดังกระหึ่มทั้งคืน

คืนหนึ่งขณะที่พระสงฆ์และญาติโยมกำลังนั่งสมาธิ มีเสียงดนตรีจังหวะกระแทกกระทั้นดังเข้ามาในห้องตลอดเวลา ทั้งพระและโยมพากันหน้านิ่วคิ้วขมวด นั่งไม่เป็นสุขเอาเลย แต่หลวงพ่อชากลับนิ่งสงบราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เมื่อนั่งสมาธิเสร็จ โยมผู้หนึ่งได้เข้าไปหาหลวงพ่อ และขอโทษที่มีเสียงรบกวนระหว่างที่นั่งสมาธิ หลวงพ่อชากลับตอบว่า “โยมก็คิดว่าเสียงดนตรีมันมารบกวนเรา แต่ความจริง เราไปรบกวนเสียงต่างหาก”

คำพูดของหลวงพ่อชา เตือนให้เราตระหนักว่า เสียงอะไรก็ตาม หากได้ยินแล้ว เราวางใจเฉยกับมัน ความทุกข์ก็ไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าใจเราต่อต้านผลักไสหรือโรมรันพันตูกับเสียงนั้นเมื่อใด ก็จะเป็นทุกข์ทันที ทุกครั้งที่หงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงใด ลองสังเกตให้ดี จะพบว่าตอนนั้นใจเรากำลังต่อสู้ฟาดฟันกับเสียงนั้นอย่างไม่ยอมเลิกรา รวมทั้งอาจกำลังบ่นก่นด่าต้นตอของเสียงอยู่ก็ได้

ไม่ใช่แต่เสียงเท่านั้น ความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นขณะนั่งสมาธิ แท้จริงก็ไม่ได้รบกวนเรา แต่เป็นเราต่างหากที่ไปรบกวนความคิดนั้น นั่นคือ พยายามผลักไส กดข่ม และต่อสู้กับมันอยู่ตลอดเวลา ถ้าเพียงแต่ดูมันเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรกับมัน ความสงบก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก

พระไพศาล วิสาโล
===> http://www.visalo.org/article/secret255809.html (http://www.visalo.org/article/secret255809.html)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2015, 09:01:09 am
(http://upic.me/i/sf/12115976_1294410003919647_643824157471931630_n.jpg) (http://upic.me/show/56968027)


พรุ่งนี้ กับชาติหน้า อะไรจะมาก่อน ไม่มีใครตอบได้ สิ่งเดียวที่เป็นของเราคือเดี๋ยวนี้ วันข้างหน้าไม่ใช่ของเรา เราอาจไม่ได้รับรู้เหมือนวันนี้ถ้าเราเป็นอะไรไป ชั่วโมงข้างหน้าก็ไม่ใช่ของเรา ไม่มีใครรับประกันว่านาทีข้างหน้าเราจะคิดอะไร ไม่เชื่อลองนั่งสมาธิดู นั่งไปแป๊บเดียวฟุ้งแล้ว ฉะนั้นการให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีอยู่ปัจจุบันนี้สำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่เวลานะ แต่หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 21, 2015, 11:16:12 am
(http://upic.me/i/h2/12107794_1297304100296904_3442984829998092996_n.jpg) (http://upic.me/show/57033730)


คนสมัยก่อนมุ่งหวังปรมัตถะ ถือเอานิพพานเป็นเป้าหมายชีวิต เวลาใส่บาตรพระ จิตก็น้อมไปถึงนิพพาน อธิษฐานว่า นิพพานปัจจโย โหตุ คือขอให้เป็นปัจจัยไปสู่นิพพาน ชาวบ้านเขาไม่อธิษฐานมาก

เดี๋ยวนี้สังเกตว่าเวลาชาวบ้านใส่บาตร จะอธิษฐานนานมากบางทีอธิษฐานนานเป็นนาที เพราะขอเยอะมาก เช่น ขอให้ถูกหวย ขอให้รวย ขอให้หายป่วย ขอให้มีชื่อเสียง ขอให้ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ขอให้สามีเลิกเหล้า ฯลฯ

สิ่งที่ต้องการจากการใส่บาตรพระนี่เยอะมาก แต่ชาวบ้านสมัยก่อน เขาไม่ต้องการอะไรมากขออย่างเดียวอย่างนั้นคือนิพพาน ส่วนทรัพย์สินเงินทอง เขาถือว่าไม่สำคัญ มีเท่านี้ก็พอแล้ว ไม่อยากได้อีก มีเพิ่มก็ได้ไม่เพิ่มก็ได้เพราะว่ามันไม่เที่ยง รวยแค่ไหนพอตายไป มันก็ตกไปเป็นของคนอื่น มีชื่อเสียงแค่ไหน วันดี คืนดี มันก็แปรสภาพไป เพราะสิ่งเหล่านี้มันไม่เที่ยง ชื่อเสียงไม่ใช่ของเรา แต่เป็นสิ่งที่คนอื่นเขาให้มา

พระไพศาล วิสาโล

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 21, 2015, 11:19:17 am
(http://upic.me/i/85/12144759_1297662976927683_4595116499714653906_n.jpg) (http://upic.me/show/57033757)


ธรรมนั้น ไม่ได้หมายถึงความดีและความจริงเท่านั้น หากยังแนบแน่นกับความสุขเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทำความดี รักษาศีล ชีวิตย่อมราบรื่น ผาสุก ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ และเมื่อเข้าใจความจริงของชีวิต จิตย่อมสงบเย็น แม้มีอะไรมากระทบ ก็ไม่หวั่นไหว ครั้นเจ็บป่วยหรือพลัดพราก ก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะรู้ว่ามันเป็นธรรมดา ความสุขจากธรรมจึงเป็นความสุขที่ยั่งยืน และพบได้ทุกหนแห่ง

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 21, 2015, 11:21:22 am
(http://upic.me/i/zv/12079471_1297655336928447_1387845567080034731_n.jpg) (http://upic.me/show/57033762)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 21, 2015, 11:24:02 am
(http://upic.me/i/zi/10461429_1298070213553626_848107326410410475_n.jpg) (http://upic.me/show/57033788)


ความเชื่อว่าการบวชของลูกทำให้พ่อแม่ได้บุญนั้น ไม่ได้หมายความว่า พ่อแม่จะได้บุญโดยอัตโนมัติทันทีที่ลูกบวชหรือห่มผ้าเหลือง ความเป็นจริงก็คือ พ่อแม่จะได้บุญก็เพราะการบวชของลูกทำให้พ่อแม่เข้าวัด แล้วถวายทาน รักษาศีล และฟังธรรม

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 22, 2015, 07:25:00 am
(http://upic.me/i/7w/12118975_1299428450084469_8849557708508707062_n1.jpg) (http://upic.me/show/57040100)


เวลาเราประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักที่พอใจ มันไม่ทำให้เราทุกข์มากเท่าไหร่ ถ้าเราไม่ปฏิเสธมัน แต่ปัญหาคือเราปฏิเสธ เราไม่ยอมรับ เวลาป่วย หรือเวลาเจองานหนัก ถูกย้ายงาน หลายคนมักตีโพยตีพายว่า ทำไมต้องเป็นฉัน ไม่ยุติธรรมเลย ไม่ไหวแล้ว อาการเหล่านี้คือการไม่ยอมรับ คือการปฏิเสธความจริง แล้วยังยึดสิ่งดีๆ ที่ผ่านไปแล้ว ยังห่วงหาอาลัยอยู่ ตรงนี้แหละที่ทำให้คนเราทุกข์ใจมาก

เมื่อเจอสิ่งที่ไม่น่าพอใจ แทนที่จะปฏิเสธ ก็วางใจเสียใหม่ ยอมรับว่ามันเป็นจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ยอมรับไม่ได้หมายความว่ายอมแพ้ ยอมแพ้หมายถึง
การเอาแต่ตีโพยตีพายหมกมุ่นกลุ่มใจว่าไม่ยุติธรรมเลย ทำไมต้องเป็นฉัน หรือท้อแท้สิ้นหวัง คิดแบบนี้ทำให้เราไม่เห็นทางออก หรือไม่คิดจะหาทางออก ทำให้ไม่ยอมมองไปข้างหน้า

แต่พอเราเริ่มยอมรับความจริงว่า นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราแล้ว เราก็จะเลิกบ่นหรือกลุ่มอกกลุ้มใจ แต่จะมาดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เราจะจัดการปัญหาอย่างไร อันนี้ทำให้เรามองไปข้างหน้าได้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 27, 2015, 07:23:04 am
(http://upic.me/i/ow/12049619_978092875562791_1170651168313473637_n.jpg) (http://upic.me/show/57078527)


ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกู เป็นอุปาทานอย่างหนึ่ง
พอมีอุปาทานหรือความยึดมั่นแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
ก็จะมีกิเลสตามมา และถ้ากิเลสนั้นไม่สมหวัง
ไม่สมประสงค์ ก็เกิดทุกข์ ถ้าไม่ระบายทุกข์ใส่คนอื่น
ก็ระบายทุกข์ใส่ตัวเอง อันนี้รวมถึงความยึดมั่นสำคัญหมาย
ว่าฉันเป็นคนดีด้วย มีความยึดมั่นแบบนี้ก็ทำให้ทุกข์ได้

เช่น ทุกข์เพราะว่าคนไม่เห็นความดีของฉัน
ทุกข์เพราะว่าฉันทำดีไม่ได้ดี
ทุกข์เพราะเห็นคนอื่นดีกว่าตัว

ทำความดีนั้นเป็นสิ่งที่ดี
แต่พอยึดมั่นสำคัญว่าฉันเป็นคนดี
ก็ทำให้อัตตาฟูฟ่อง พอเจอคนที่เขาดีกว่า
ก็ไม่พอใจ เกิดความอิจฉา

นี่ก็เป็นทุกข์ของคนดีหรือทุกข์ของคนที่
ยึดมั่นสำคัญหมายว่าฉันเป็นคนดี
นี่ก็เป็นทุกข์เพราะการเกิดอีกแบบหนึ่ง
คือเกิดตัวกูผู้เป็นคนดี เป็นการเกิดที่ปรุงขึ้นมา
โดยมีรากเหง้ามาจากความยึดมั่นในตัวกูของกู

( จากหนังสือชื่อ เป็นมิตรกับความเหงา
หน้า ๑๐๓-๑๐๔, พระไพศาล วิสาโล )

ขอบคุณรูปภาพและข้อความจาก :  Facebook Kanlayanatam
https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704/ (https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 29, 2015, 07:15:37 am
(http://upic.me/i/z8/12108136_1301477249879589_1025372833269553328_n.jpg) (http://upic.me/show/57096231)


อาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม เป็นอาจารย์สอนธรรมที่หลายคนรู้จักดี ท่านพิการตั้งแต่คอลงมาเมื่ออายุ ๒๔ ปี แต่ก็ได้อาศัยธรรม โดยเฉพาะการเจริญสติ ช่วยให้อยู่กับความพิการได้โดยไม่ทุกข์ ตอนนี้ท่านกำลังป่วยหนัก หมอวินิจฉัยว่าอยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิตแล้ว เพราะมะเร็งตับลุกลาม เดิมร่างกายก็พิการอยู่แล้ว ยังต้องทรมานกับมะเร็งตับอีก หากเป็นคนทั่วไปคงจะทุกข์ทรมานมาก แต่เวลาอาตมาไปเยี่ยมกลับเห็นท่านยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริงเหมือนไม่มีเรื่องอะไรให้อนาทรร้อนใจ เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคนเขียนเอาข้อความของอาจารย์กำพลมาขึ้นเฟซบุ๊ค ว่า "ผมยอมรับความจริง ยอมรับความเป็นไป และยอมรับความตาย"

ยอมรับความจริง คือยอมรับว่าเป็นมะเร็งตับ ซึ่งเป็นโรคที่รักษายาก ไม่บ่นโวยวาย ยอมรับความเป็นไป คือ เมื่อรู้ว่าโรคนี้ทำให้ร่างกายย่ำแย่ไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ปฏิเสธผลักไส และสุดท้ายยอมรับความตาย สามยอมนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้อาจารย์กำพลยังยิ้มแย้มแจ่มใสได้

ที่เป็นเช่นนี้ได้เพราะอาจารย์กำพลปฏิบัติธรรมมานาน การปฏิบัติธรรมทำให้จิตใจของอาจารย์กำพลพ้นจากความพิการ กายยังพิการอยู่ แต่ใจไม่พิการแล้ว เพราะเจริญสติตามคำแนะนำของหลวงพ่อคำเขียน หลวงพ่อแนะนำว่าในเมื่อยกมือสร้างจังหวะไม่ได้ เดินจงกรมก็ไม่ได้ ก็ให้พลิกมือไปมา แล้วพิจารณาว่าที่พลิกนั้นเป็นรูป ที่คิดเป็นนาม รู้กายเมื่อมือพลิก รู้ใจเมื่อคิดนึก อาจารย์กำพลได้ทำตามที่หลวงพ่อแนะนำ ทำไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเข้าใจเรื่องรูปนาม อาจารย์กำพลบอกว่า หลงโง่ตั้งนานนึกว่าเราพิการ ที่จริงไม่ใช่ แค่กายพิการเท่านั้น แต่ใจไม่ได้พิการด้วย พอเห็นความจริงตรงนี้ จิตก็หลุดพ้นจากความพิการ จิตลาออกจากความทุกข์ นี่เรียกว่าเห็นด้วยปัญญา

จำไว้นะว่า เมื่อเจอเหตุร้ายเกิดขึ้น เราไม่จำเป็นต้องทุกข์ระทมก็ได้ เราสามารถผ่านมันไปได้ ถ้าเรามีสติ มีปัญญา มีธรรมะ ในทางตรงข้าม แม้จะได้โชคลาภ ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าไม่มีสติ มันก็พาไปเข้ารกเข้าพง ไปเจอความตกต่ำย่ำแย่ได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราสามารถแยกเป็นสองทางได้เสมอ ดีหรือร้าย สูงส่งหรือตกต่ำ อยู่ที่เราเลือก แต่จะเลือกได้ก็ต่อเมื่อเรามีสติปัญญา ขนาดความพิการยังทำอะไรอาจารย์กำพลไม่ได้ เรื่องเล็กน้อยกว่านั้นควรหรือที่เราจะเป็นทุกข์เพราะมัน

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 29, 2015, 07:18:58 am
(http://upic.me/i/hh/12191663_1301758246518156_1501212185320779285_n.jpg) (http://upic.me/show/57096234)


★ ปุจฉา - การสมาทานศีล 5, 8 เปรียบดังมีทหารองค์รักษ์ผู้คอยระวังสร้างปัญหาชีวิตจากความคิดผิด นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนให้เข้าถึงฌานปัญญาอีกด้วย ถ้าจะอธิบายให้เห็นจริงโดยการยกตัวอย่างประกอบข้อความข้างต้น ท่านมีความคิดอย่างไรเจ้าค่ะ ขอบพระคุณนะเจ้าค่ะ

★ พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - อาตมาอยากเปรียบศีล ๕ ศีล ๘ หรือการทำความดี ว่าเป็นเสมือนกำแพงที่คอยป้องกันไม่ให้ความทุกข์ทั้งหลายเข้ามาทำร้ายเรา เพราะเมื่อทำดีรักษาศีล ไม่เบียดเบียนใคร ก็ยากที่จะมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจตามมา แค่ศีล ๕ ข้อเดียว ก็ป้องกันโรคร้ายนานาชนิด ป้องกันอุบัติเหตุอันเกิดจากความประมาท ป้องกันมิให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน หรือหนี้สินอันเป็นผลจากความเมามาย ฯลฯ

อย่างไรก็ตามกำแพงแห่งศีลหรือความดีไม่สามารถป้องกันความทุกข์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะถึงจะทำความดีแค่ไหน รักษาศีลเคร่งครัดเพียงใด ความเจ็บป่วย ความพลัดพรากสูญเสีย และความตาย ก็ยังสามารถข้ามกำแพงนี้มาถึงตัวเราได้ แต่ถ้าเราฝึกฝนจิตใจให้เกิดปัญญา กำแพงแห่งปัญญานี้แหละที่จะป้องกันมิให้ความทุกข์ทั้งหลายล่วงล้ำมาถึงใจเราได้ กล่าวคือ ถึงแม้จะเจ็บป่วย พลัดพราก และตาย ใจก็ไม่ทุกข์ เพราะเห็นว่ามันเป็นธรรมดาโลก อีกทั้งสามารถปล่อยวางสิ่งทั้งปวง ไม่ยึดติดถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเราอีกต่อไป จึงเป็นอิสระจากทุกข์ทั้งปวง


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 29, 2015, 07:25:25 am
(http://upic.me/i/88/12038507_904546296304611_6631556238080253016_n.jpg) (http://upic.me/show/57096273)


ออกพรรษาอย่าออกจากธรรม

"ความดีหรือบุญกุศลนั้น นอกจากจะนำความ

แช่มชื่นเบิกบานมาสู่จิตใจในขณะกระทำแล้ว

ยังอำนวยให้เกิดความอิ่มเอิบปลาบปลื้มใจ

เมื่อระลึกนึกถึง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม"

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นวันออกพรรษา

ฟังหรือดาวน์โหลดได้ที่ ===> https://archive.org/details/ps2015_201501 (https://archive.org/details/ps2015_201501)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 02, 2015, 10:11:52 pm
(http://upic.me/i/35/12189153_1303455299681784_1140574559044981654_n.jpg) (http://upic.me/show/57134172)


หลายคนที่มาวัดป่าสุคะโต เมื่อมาครั้งแรกมักจะพูดเหมือนกันว่าชอบความสงบ แสดงให้เห็นว่าความสงบนั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนปรารถนา ขณะเดียวกันก็ชี้ว่าทุกวันนี้ความสงบกลายเป็นเรื่องหายากแล้ว หลายคนจึงรู้สึกประทับใจเมื่อสัมผัสความสงบของที่นี่

หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าตัวเองชอบความสงบ จนกระทั่งมาพบความสงบที่วัดป่าสุคะโต แล้วรู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่ตัวเองปรารถนา เพราะส่วนลึกของผู้คนต่างโหยหาความสงบกันทั้งนั้น โดยเฉพาะคนยุคนี้ ซึ่งมีความไม่สงบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตสมัยใหม่ไปแล้ว

บางอย่างถ้าเราไม่เคยเจอ เราอาจไม่รู้ว่าต้องการสิ่งนั้น แต่พอได้เจอก็พบว่า ใช่เลย เช่นเดียวกับที่สตีฟ จ๊อบส์เคยพูดว่า คนที่ยังไม่เจอไอแพด ก็ไม่รู้ว่าหรอกตัวเองต้องการไอแพด แต่พอเห็นแล้วก็บอกว่า ใช่เลย นี่คือสิ่งที่ตัวเองต้องการมาตลอดชีวิต

คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ว่าต้องการอะไร จนกว่าจะได้เห็นสิ่งนั้น แต่ไอแพดก็เป็นเพียงสิ่งของที่ให้ความสุขได้ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ส่วนความสุขจากความสงบนั้นยั่งยืนถาวรกว่า

ความสงบมี ๒ อย่างคือ สงบกายกับสงบใจ สงบกายหมายถึงไม่มีเสียงรบกวน เช่นในป่า แม้จะมีเสียงบ้างแต่ไม่รู้สึกว่ารบกวน เพราะไม่ใช่เสียงอึกทึกครึกโครม ความสงบอย่างนี้เรียกว่าสงบกาย สงบเพราะไม่มีเสียงดังรบกวน เสียงดังในที่นี้หมายถึงเสียงที่ไม่ชอบ เพราะถ้าเป็นเสียงที่ชอบก็คงไม่เรียกว่าเสียงดัง เช่น ห้องที่เปิดเพลงคลาสสิกหรือเพลงป๊อปที่คนอยากฟัง คนฟังก็จะไม่รู้สึกว่าเสียงดัง หรือไม่สงบ จะเรียกว่าไม่สงบก็ต่อเมื่อมีเสียงคนคุยรบกวน หรือเสียงวิทยุโทรทัศน์ขณะที่ตัวเองกำลังอ่านหนังสือ แต่ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสียงดนตรี หรือเสียงพูดคุย ถ้าเป็นเสียงที่ดังมากก็จะรู้สึกว่าไม่สงบทั้งนั้น

ความสงบอีกอย่างหนึ่งคือความสงบใจ ความสงบใจจะเกิดขึ้นไม่ได้หากสมองคิดไม่หยุด มีความทุกข์ หรือมีอารมณ์มาบีบคั้นเผาลนจิตใจ

เมื่อมีความคิดเกิดขึ้นคนทั่วไปมักจะเข้าใจว่า ถ้าเป็นความคิดที่ชอบ เช่นคิดถึงเรื่องเที่ยว หรือจินตนาการว่ากำลังอยู่กับแฟน จะไม่เรียกว่าเป็นความไม่สงบ แต่จะเรียกว่าใจไม่สงบก็ต่อเมื่อคิดเรื่องไม่ดี คิดถึงเหตุการณ์ที่เจ็บปวด หรือคิดถึงงานการที่ทำให้เกิดความหนักอกหนักใจ

แต่ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะคิดถึงความสุขหรือความทุกข์ จะคิดดีหรือคิดไม่ดีก็ถือว่าไม่สงบทั้งนั้น สงบกายก็คือไม่มีเสียงดัง สงบใจคือใจนิ่ง นิ่งเพราะไม่ถูกความคิดกระทบทำให้กระเพื่อม ไม่ถูกอารมณ์บีบคั้นเผาลนจนกระสับกระส่าย ถ้าจิตกระสับกระส่าย หรือจิตกระเพื่อม ไม่ว่าจิตดิ้นรนเพราะความอยากได้หรือผลักไสก็เป็นความไม่สงบทั้งนั้น

ความสงบใจเป็นสิ่งที่ผู้คนปรารถนามากกว่าความสงบกาย เมื่อเราได้มาอยู่ในสถานที่สงบกาย ไม่มีเสียงดัง ไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอก แวดล้อมด้วยธรรมชาติ ป่าเขา เรียกว่ามีความสงบกายแล้ว แต่ใช่ว่าจะสงบใจด้วย บางครั้งอยู่ในที่เงียบ ๆ อยู่ในป่าที่วิเวก แต่ใจไม่ได้วิเวกตาม เพราะจิตใจว้าวุ่น ฟุ้งซ่าน มีความวิตกกังวล มีความกลัว หรือไม่ก็มีเสียงดังระงมอยู่ในหัวเพราะมีความคิดต่าง ๆ มากมาย

ดังนั้นถึงแม้จะมีความสงบกาย ก็ใช่ว่าจะสงบใจได้ทันที ต่อเมื่ออยู่ไปนาน ๆ สิ่งแวดล้อมรอบตัวก็ช่วยให้ใจสงบตาม เช่นเวลาที่เรามาอยู่ท่ามกลางป่าเขา ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และไม่พูดคุยกันเอง ใจเราก็จะค่อย ๆ สงบลงได้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 02, 2015, 10:13:56 pm
(http://upic.me/i/06/12191951_1304368002923847_4203675051445001789_n.jpg) (http://upic.me/show/57134191)


ความสงบใจมี ๒ อย่าง อย่างแรกคือสงบเพราะไม่รู้ หรือตัดการรับรู้ เช่น บังคับไม่ให้มีเสียงดัง หรือมาอยู่วัดก็ไม่เปิดวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ ไม่พูดคุยกันเอง หรือแม้จะมีเสียงแต่เราตัดการรับรู้ เช่น หลับตา พยายามบังคับจิตให้อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น อยู่กับลมหายใจ หรือเอาจิตมาเพ่งที่เท้าขณะเดิน แม้เสียงรอบตัวจะดังแค่ไหน แต่จิตไม่รับรู้ เพราะจดจ่ออยู่กับอารมณ์เดียว อย่างนี้ใจก็สงบได้

ในทำนองเดียวกันบางคนก็สงบได้เมื่อเก็บตัวอยู่ในห้องพระ ห้องแอร์ อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว มีการตัดเสียงรบกวนและไม่ให้คนเข้ามายุ่มย่าม จึงไม่มีการรับรู้ที่จะทำให้จิตใจกระเพื่อมได้ ไม่ต้องรับรู้ข่าวสารเหตุการณ์บ้านเมือง อย่างนี้เรียกว่าสงบเพราะไม่รู้ หรือตัดการรับรู้ เกิดจากการควบคุมสิ่งแวดล้อม หรือควบคุมจิตใจให้แน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ความสงบใจอย่างที่ ๒ คือสงบเพราะรู้ หมายความว่าแม้หูได้ยินเสียง ตาเห็นรูป แต่ใจก็สงบได้ บางครั้งอาจจะกระเพื่อมเพราะเห็นรูปหรือได้ยินเสียง แต่เมื่อใจกระเพื่อมแล้วมีสติรู้ รู้แล้ววาง ก็ทำให้สงบต่อไปได้ ความสงบชนิดนี้อาศัยสติเป็นพื้นฐาน เสียงดังแต่ใจยังสงบได้

อย่างที่เคยเล่าเรื่องหลวงปู่บุดดาว่า มีเสียงเกี๊ยะดังเข้ามาในห้องที่ท่านจำวัดอยู่ ลูกศิษย์รู้สึกรำคาญ แต่ท่านไม่รู้สึกรำคาญ ใจยังสงบได้เพราะไม่เอาหูไปรองเสียงเกี๊ยะ ทำอย่างไรจึงจะไม่เอาหูไปรองเสียงเกี๊ยะได้ ก็ต้องมีสติกำกับใจ หูก็จะไม่หาเรื่อง เสียงดังแต่ใจไม่กระเพื่อมเพราะเสียงนั้น อย่างนี้เรียกว่าสงบเพราะรู้ สงบทั้ง ๆ ที่ได้ยินเสียง แต่สงบได้ เพราะรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีผัสสะมากระทบ

ธรรมชาติของใจอย่างหนึ่งคือ เมื่อรู้ทันอารมณ์ใด ก็จะวางอารมณ์นั้นได้ เมื่อรู้ว่าโกรธก็วางความโกรธ แต่คนทั่วไปพอได้ยินเสียงเกี๊ยะก็ลืมตัว เกิดความหงุดหงิดรำคาญขึ้นมาแล้วก็ยังไม่รู้ตัว ความรำคาญจึงครอบงำจิต จนกระทั่งกลายเป็นความโกรธขึ้นมาได้ง่าย ๆ

ความสงบเพราะรู้นี้ หมายถึงใจสงบได้ทั้ง ๆ ที่รู้ คือ เห็นรูป ได้ยินเสียง ทั้งนี้เพราะรู้ทันผัสสะที่เกิดขึ้น ความสงบแบบนี้สำคัญมาก เพราะไม่ว่าเราอยู่ที่ไหนก็สงบได้ทุกที่ แม้มีสิ่งที่ชวนให้ทุกข์ใจมากระทบ แต่ใจไม่หงุดหงิดตาม บางคนฝึกให้ใจสงบแบบตัดการรับรู้ แต่ไม่ได้ฝึกใจให้เข้าถึงความสงบเพราะรู้ ความสงบที่เกิดขึ้นจึงเป็นความสงบเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

มีผู้ชายคนหนึ่ง ไปเข้าคอร์สนั่งสมาธิ ๑ วันของสมาคมแห่งหนึ่ง ห้องปฏิบัติธรรมสงบมาก เป็นห้องแอร์ ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติได้ดี สงบเย็นทั้งใจและกาย กายเย็นเพราะอยู่ห้องแอร์ ส่วนใจไปเพ่งรับรู้อยู่แค่อารมณ์เดียว ไม่มีเรื่องรบกวนที่ทำให้ใจกระเพื่อม พอถึงเวลาเลิก ๔ โมงเย็น เดินไปลานจอดรถ จะขับรถกลับบ้าน ปรากฏว่าพอเห็นรถอีกคันมาจอดซ้อน ทำให้เขาขับออกไม่ได้ ความโกรธพุ่งขึ้นมาทันที ถึงกับโวยวายออกมา “ใครวะจอดรถแบบนี้” แล้วก็ต่อว่าอีกมากมาย

ทำไมเขาถึงโกรธขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่เพิ่งทำสมาธิมา นั่นเป็นเพราะทั้งวันความสงบที่เกิดกับเขาเป็นความสงบเพราะตัดการรับรู้ ถ้าเขารู้จักความสงบเพราะรู้ เมื่อเห็นรถตัวเองถูกจอดขวาง เกิดความไม่พอใจขึ้นมา เขาก็จะมีสติเห็นความไม่พอใจนั้น จิตจะไม่พลุ่งพล่านจนกลายเป็นอารมณ์โกรธถึงกับด่าทอเสียงดัง

เพิ่งออกมาจากการปฏิบัติธรรมแท้ ๆ แต่พอเจอเรื่องแค่นี้ก็โวยวายแล้ว ทำไมจึงจิตจึงขึ้นลงรวดเร็ว นี่เป็นสิ่งที่เกิดกับนักปฏิบัติธรรมจำนวนมาก ที่มุ่งแสวงหาความสงบ ด้วยการไม่รับรู้หรือการตัดการรับรู้ พอสงบแล้วก็เพลิน พอเจออะไรที่ไม่ถูกใจไม่พอใจ ก็โกรธปรี๊ดทันที

เราต้องรู้จักรักษาใจให้สงบได้ แม้อยู่ท่ามกลางเสียงต่าง ๆ แม้เจอคำพูดที่ชวนให้ขัดใจ ความสงบแบบนี้ เป็นสิ่งที่เราควรรู้จักและเข้าถึงให้ได้อย่างชำนิชำนาญ เพราะเราไม่สามารถหลีกเร้นจากโลกที่วุ่นวายได้ตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน ที่ทำงาน หรือบนท้องถนนก็จะมีเสียงดัง มีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้ไม่พอใจได้มากมาย

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 02, 2015, 10:22:00 pm
(http://upic.me/i/vx/12193701_1305099966183984_1627266102969115230_n.jpg) (http://upic.me/show/57134231)


เมื่อมีผัสสะมากระทบ ควรมีสติรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ เมื่อตาเห็นอาหารอร่อย สติก็เห็นความอยาก เมื่อหูได้ยินเสียงดัง สติก็เห็นความหงุดหงิดข้างใน เราควรทำทั้งสองอย่างไปพร้อม ๆ กันคือเห็นทั้งข้างนอกและข้างใน ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ แม้ว่าตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง ใจก็สงบได้ อย่างนี้เรียกว่าสงบเพราะรู้

สงบเพราะรู้มี ๒ อย่าง อย่างแรกรู้เพราะสติ คือ เห็นความโกรธ ความเศร้า ความเบื่อ เห็นแล้วไม่เข้าไปเป็น เห็นความโกรธแต่ไม่เป็นผู้โกรธ ความโกรธก็จะค่อย ๆ ดับไป ถ้าเราไม่เห็นความโกรธ กลายเป็นผู้โกรธ ก็เท่ากับต่ออายุความโกรธให้ยืนยาวมากขึ้น เหมือนกับกองไฟ ถ้าอยู่เฉย ๆ กองไฟก็จะมอดดับไปในที่สุด แต่คนส่วนใหญ่มักจะไปเติมฟืนเติมเชื้อไฟเข้าไป แต่ถ้าเห็นแล้วไม่เข้าไปเป็น พอเห็นปุ๊บมันก็จะดับไป เพราะจิตนั้นรับรู้ได้ทีละอารมณ์เท่านั้น...

สงบเพราะรู้ มี ๒ อย่างคือ รู้ด้วยสติ และรู้ด้วยปัญญา รู้ด้วยสติคือเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้ววางได้ ไม่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ รู้ด้วยปัญญาคือการเห็นความจริง จนกระทั่งไม่ยึดมั่นถือมั่นกับอะไรสักอย่าง

คำว่ารู้หรือคำว่าเห็นมีความหมายเหมือนกัน เวลาที่หลวงพ่อบอกว่า

"เห็น อย่าเข้าไปเป็น"

ท่านหมายถึงเห็นด้วยสติ เช่นเวลามีความโกรธ ความคับแค้นใจ ความเสียใจเกิดขึ้น ก็เห็นด้วยสติ เห็นแล้วก็วางได้

เมื่อเห็นด้วยสติบ่อย ๆ ก็จะนำไปสู่การเห็นด้วยปัญญา คือเห็นว่าสิ่งทั้งปวงเป็นทุกข์ เป็นของหนัก ไม่น่ายึดถือ เมื่อนั้นก็วางได้ ไม่แบกเอาไว้อีกต่อไป นั่นคือการเห็นอย่างลึกซึ้งที่สุด คือเห็นด้วยปัญญา

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 04, 2015, 07:04:29 am
(http://upic.me/i/97/12208669_1305590872801560_4244536030889083496_n.jpg) (http://upic.me/show/57144813)


การเห็นอย่างลึกซึ้งที่สุด คือเห็นด้วยปัญญา


ในบทสวดมนต์ มีข้อความตอนหนึ่งซึ่งเป็นพุทธพจน์ว่า "เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ เมื่อนั้นย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง นั่นแหละ เป็นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็นธรรมหมดจด" ข้อความนี้ระบุชัดว่า “เห็นด้วยปัญญา” คือเมื่อมีปัญญารู้ชัดว่า สิ่งทั้งปวงเป็นทุกข์ไม่น่ายึดถือ จิตก็จะสงบอย่างแท้จริง เพราะปัญญาที่เกิดขึ้นนั้นคงอยู่ไม่แปรเปลี่ยน ในขณะที่สติ ถ้าไม่ฝึกก็หายไปหรืออ่อนแรงไป ต้องฝึกอยู่เสมอ แต่เมื่อฝึกจนถึงที่สุด ก็เกิดปัญญาเห็นกายและใจตามความเป็นจริง ช่วยให้เห็นสัจธรรมแจ่มแจ้ง โดยไม่มีอคติเจือปน

สติกับอคตินั้นตรงข้ามกัน อคติคือเห็นอย่างคลาดเคลื่อน เห็นไม่ตรงตามความเป็นจริง เหมือนกับกระจกที่บิดเบี้ยว อคติเกิดจากความโลภ ความโกรธ ความกลัว ความหลง ทำให้เห็นความจริงคลาดเคลื่อน แต่สติทำให้เห็นกายและใจตามความเป็นจริง จนถึงที่สุดก็จะเกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนิจจา

ความสงบที่ดีที่สุดคือ สงบเพราะรู้ เริ่มต้นด้วยการรู้เพราะสติ ต่อจากนั้นก็รู้ด้วยปัญญา จะทำเกิดสภาวะจิตอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตัวอยู่ในโลก แต่จิตอยู่พ้นโลก หรือจิตอยู่เหนือโลก เปรียบเหมือนกับดอกบัวที่เกิดในน้ำ โตในน้ำ แต่สามารถเจริญพ้นน้ำได้ นี้คือสภาพจิตของคนที่มีปัญญา เกิดในโลก โตในโลก แต่จิตอยู่เหนือโลกได้ น้ำไม่สามารถฉาบติดดอกบัวหรือใบบัวได้ฉันใด กิเลสหรือความทุกข์ก็ไม่อาจแปดเปื้อนจิตใจได้ฉันนั้น นี้แหละคือความสงบอันประเสริฐสุด ที่เราควรรู้จักและไปให้ถึง

พระไพศาล วิสาโล
http://www.visalo.org/article/dhammamata9_2.html (http://www.visalo.org/article/dhammamata9_2.html)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 05, 2015, 07:34:05 am
(http://upic.me/i/gz/12191969_1306726536021327_4455220507685951563_n.jpg) (http://upic.me/show/57152578)

มีคนหนึ่งพูดไว้ดีมากว่า

"จุดมุ่งหมายในชีวิตของเขา คือ ๑ ค้นพบตัวตน และ ๒ สลายตัวตน"

ไม่แน่ใจว่าคนพูดเป็นชาวพุทธหรือเปล่า แต่สิ่งที่เขาพูดนี้สอดคล้องกับหลักธรรมในพุทธศาสนามาก การมาปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่งก็เพื่อค้นพบตัวตน เพื่อรู้จักตัวเอง รู้จักว่าเราเป็นใคร เราต้องการอะไรในชีวิต เวลามีความรู้สึกนึกคิดเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน ถ้ารู้จักตัวตนอย่างถึงที่สุดแล้ว จะพบว่าแท้จริงไม่มีตัวกูอยู่เลยแม้แต่น้อย

การค้นพบตัวตนหรือการรู้จักตัวเองอย่างแจ่มแจ้ง คือการค้นพบว่า ไม่มีตัวตน หรือว่างเปล่าจากตัวตนนั่นเอง นี่เป็นการค้นพบที่สำคัญและลึกซึ้งที่สุด เหมือนกับการเฉาะกระบอกไม้ไผ่ สุดท้ายก็พบว่าข้างในหรือแกนกลางนั้นว่างเปล่า เมื่อเราพบว่าไม่มีตัวตนหรือตัวกูอยู่เลยแม้แต่น้อย ใจก็จะวางไปเอง

ท่านอาจารย์พุทธทาสใช้คำว่า "ตายก่อนตาย” คือตัวตนตาย แต่ที่จริงตัวตนไม่ได้ตาย เพราะมันไม่มีตั้งแต่แรก ถ้าเราตระหนักตรงนี้ เวลาทำงานหรือปฏิบัติธรรมก็ควรตั้งจิตมุ่งเพื่อสองประการนี้ ให้ถือว่าการทำมาหาเลี้ยงชีพ และการการช่วยเหลือผู้อื่น เป็นหนทางสู่การค้นพบตัวตน และการสลายตัวตน

พระไพศาล วิสาโล

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 05, 2015, 07:44:17 am
(http://upic.me/i/5e/1898240_907716642654243_7292263891910881169_n.jpg) (http://upic.me/show/57152598)


อารมณ์สอนให้เราฉลาด


“อารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนานั้น ยากที่จะป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ดังนั้นแทนที่จะคิดผลักไสมัน ลองเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน โดยไม่หลงไปตามอำนาจของมัน ต้อนรับอารมณ์เหล่านี้เสมือนอาคันตุกะผู้มาเยือน ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็จากไปเอง โดยไม่ต้องเร่งรัดผลักไส เพียงแค่ยอมรับอารมณ์เหล่านี้ได้ ไม่รู้สึกเป็นลบหรือมองเป็นศัตรู ใจก็สงบไปได้มาก ข้อสำคัญก็คืออย่าหลงเชื่อคำชักชวนของมันจนปล่อยตัวปล่อยใจไปตามมันก็แล้วกัน”


เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล * ล่าสุด *

 :) => https://archive.org/details/ps2015_201501 (https://archive.org/details/ps2015_201501)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 09, 2015, 03:54:11 pm
(http://upic.me/i/4s/12208335_1307741452586502_28200381426952258_n.jpg) (http://upic.me/show/57171506)


ฝึกใจไม่ให้ทุกข์

เราควรเริ่มฝึกใจจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปก่อน ใช้เหตุการณ์ที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน เช่นคำวิจารณ์ สิ่งขัดอกขัดใจ ใช้มันเพื่อฝึกใจเรา ไม่ทุกข์ใจกับเหตุการณ์เหล่านั้น เวลาใครต่อว่าเราก็ไม่ทุกข์

หรือหากทุกข์แล้วก็อย่าทุกข์ฟรี ๆ ต้องรู้จักหาประโยชน์จากสิ่งเกิดขึ้น ให้เรื่องขัดอกขัดใจนั้นมาเป็นเครื่องฝึกความอดทน ลดละอัตตาตัวตน คนเราไม่ชอบคำแนะนำหรือคำตักเตือน เพราะอัตตามันทนไม่ได้ มันต้องการประกาศความยิ่งใหญ่ ว่า กูเก่ง กูแน่ ฉะนั้นพอเจอคำวิจารณ์ก็จะตอบโต้ทันที แต่ถ้าเรามีสติก็จะไม่ทำตามอำนาจของมัน

ท่านอาจารย์พุทธทาสเล่าว่า สมัยหนุ่ม ๆ ท่านต้องสร้างกุฏิ สร้างศาลาเอง บ่อยครั้งเวลาตอกตะปูผิด ค้อนทุบนิ้ว ท่านจะร้องด้วยความเจ็บปวด ตอนหลังท่านคิดว่าทำอย่างไร ถึงจะไม่ร้องเวลาตอกตะปูผิด ท่านคิดว่าเราจะยิ้มได้ไหม เราจะหัวเราะได้ไหมเวลาค้อนทุบโดนนิ้ว

ท่านฝึกแล้วฝึกเล่าในที่สุดก็หัวเราะได้ พวกเราจะลองใช้วิธีนี้ก็ได้นะ เวลาใครวิจารณ์ ตำหนิแทนที่จะโกรธ ทำหน้าบึ้ง ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแทน ลองฝึกดูนะ ขนาดอาจารย์พุทธทาสโดนค้อนทุบนิ้วท่านยังหัวเราะได้ คำแนะนำตักเตือนทักท้วงมันเบากว่าค้อนเยอะ ถ้าเราฝึกว่าฉันจะยิ้มให้ได้เมื่อถูกตำหนิติเตียน วันนี้ฉันยังยิ้มไม่ได้ แต่วันข้างหน้าฉันจะยิ้มให้ได้ เราต้องบอกเพื่อนให้ความร่วมมือ คือ วิจารณ์บ่อย ๆ ตักเตือนบ่อย ๆ วันไหนยิ้มได้ก็ไปเลี้ยงฉลองได้เลย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 09, 2015, 04:04:57 pm
(http://upic.me/i/po/11221401_1308685849158729_3385353886108938948_n.jpg) (http://upic.me/show/57171682)


ชีวิตที่ดีไม่ได้หมายถึงชีวิตที่ยืนยาว แต่หมายถึงชีวิตที่ตั้งมั่นในธรรม ประกอบคุณงามความดี ถึงพร้อมด้วยประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน หรืออยู่อย่างไม่ประมาท

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 10, 2015, 10:01:18 am
(http://upic.me/i/i1/12219467_1309259215768059_1331795853684367494_n.jpg) (http://upic.me/show/57177244)


(http://upic.me/i/7w/12193771_1309259769101337_777636827824739921_n.jpg) (http://upic.me/show/57177243)



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 17, 2015, 01:39:20 pm
(http://upic.me/i/2y/12240114_1311945232166124_5606100778832188628_n.jpg) (http://upic.me/show/57232911)


(http://upic.me/i/6r/12250106_1312862245407756_6632986506418259282_n.jpg) (http://upic.me/show/57232913)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 23, 2015, 07:18:48 pm
(http://upic.me/i/hc/12249928_1314108998616414_5479311117017166033_n.jpg) (http://upic.me/show/57278316)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 23, 2015, 07:20:00 pm
(http://upic.me/i/cl/12278764_1313365992024048_5994859795396321633_n.jpg) (http://upic.me/show/57278315)


วิธีลดอัตตา

วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราไม่เอาตัวตนมาเป็นใหญ่ ก็คือการเอาสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าตัวตนขึ้นมาแทน เช่น บางคนนึกถึงการช่วยเหลือผู้อื่น พอนึกถึงผู้อื่น จะถูกกระทบกระแทกอย่างไรก็อดทนได้ เหมือนพ่อแม่แม้จะลำบากเพียงใด พอนึกถึงลูกก็ทำให้อดทนได้เสมอ

ถ้าเราเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาเป็นใหญ่เหนือตัวตน ก็จะทำให้ตัวตนหรืออัตตามีอำนาจต่อเราน้อยลง พระพุทธเจ้าส่งเสริมให้เอาธรรมะเป็นใหญ่ เมื่อเอาธรรมะเป็นใหญ่ ใครจะว่าเราอย่างไรก็ไม่โกรธ เราก็จะมองว่าที่เขาพูดมาเป็นธรรมะหรือไม่

อาตมาประทับใจนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง เขาเป็นศาสตราจารย์ใหญ่ เชี่ยวชาญด้านเซลล์ อยู่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด สมัยนั้นมีข้อถกเถียงกันว่าในเซลล์มีสิ่งที่เรียกกันว่า Golgi Apparatus หรือไม่ เมื่อ ๕๐ กว่าปีมาแล้ว ยังไม่มีกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ศาสตราจารย์คนนี้ปฏิเสธว่าไม่มี Golgi Apparatus ในเซลล์ เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปเอง เขาทำงานวิจัย เขียนตำรา และบรรยายมานานนับสิบปีเพื่อยืนยันว่ามันไม่มี

แล้ววันหนึ่งมีอาจารย์หนุ่มจากอเมริกามาบรรยายที่มหาวิทยาลัยของเขา เอาหลักฐานมาชี้แจงว่า Golgi Apparatus มีจริง นักวิชาการหนุ่มบรรยายได้ดีมาก จนหาข้อโต้แย้งไม่ได้เลย ศาสตราจารย์คนนั้นซึ่งอยู่ในห้องประชุมนั้นด้วย แทนที่จะรู้สึกเสียหน้า เขากลับเดินไปหาอาจารย์หนุ่มคนนั้นเมื่อบรรยายเสร็จ เขย่ามือแล้วกล่าวกว่า "เพื่อนรัก ขอบคุณมาก ผมผิดพลาดมานานถึง ๑๕ ปี"

คนที่เป็นศาสตราจารย์ระดับสูง มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่กลับไม่มีความรู้สึกโกรธหรือเสียหน้าเลยเมื่อถูกอาจารย์หนุ่มโต้แย้งหักล้างความเชื่อของเขา นั่นเป็นเพราะเขาเอา "ความรู้เป็นใหญ่" เมื่อเอาความรู้เป็นใหญ่ อัตตาก็เป็นเรื่องเล็ก เขาเป็นคนใฝ่รู้ ใจนึกถึงแต่ความรู้ อะไรที่ทำให้มีความรู้เพิ่มเติมก็ยินดีทั้งนั้น แม้ความรู้นั้นจะสวนทางกับสิ่งที่เคยเชื่อ

อัตตาของเขาเบาบางมาก ที่เบาบางได้เพราะเอาความรู้เป็นใหญ่นั่นเอง ส่วนพวกเราสามารถเอาธรรมะเป็นใหญ่ได้ โดยการเอาประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ผู้อื่น หรือประโยชน์องค์กรเป็นใหญ่ก็ได้ การเอาองค์กรเป็นใหญ่ช่วยทำให้เราอดทนต่อคำวิจารณ์ของเพื่อนได้ เพราะสนใจแต่ว่าจะทำให้องค์กรดีขึ้น นี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง ที่ช่วยขัดเกลาให้ตัวตนเบาบางลงได้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 25, 2015, 05:50:07 pm
(http://upic.me/i/c0/12249788_990219741016771_4221168595853737503_n.jpg) (http://upic.me/show/57296508)


สุขจากใจ

“เมื่อมีความสุขจากภายใน

ก็ไม่จำเป็น ต้องไล่ล่าความสุข

จากภายนอก ไม่ว่าทรัพย์สินเงินทอง

ชื่อเสียงเกียรติยศ หรือผู้คนที่

คอยพะเน้าพะนอ ตรงกันข้ามกับ

สามารถแบ่งปันความสุขให้

กับผู้อื่นได้ไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะ

อยู่ที่ไหนก็เป็นสุขและอบอุ่นใจ”


พระไพศาล วิสาโล

ที่มา : Facebook Kanlayanatam
https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704 (https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 26, 2015, 12:27:43 pm
(http://upic.me/i/si/11202124_1317197151640932_6942478682345001829_n.jpg) (http://upic.me/show/57301632)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 05, 2015, 04:16:03 am
(http://upic.me/i/ur/12249746_464067653780459_2188918300048661988_n.jpg) (http://upic.me/show/57370379)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 24, 2015, 07:23:26 am
(http://upic.me/i/h6/12390866_1334375893256391_2550486363123065720_n.jpg) (http://upic.me/show/57509278)


ชีวิตที่จิตใฝ่หา...



ทุกวันนี้ผู้คนแทบทั้งโลกพากันไขว่คว้าแสวงหาเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ และสิ่งเสพนานาชนิดอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยความเชื่อมั่นว่านั่นคือจุดหมายสูงสุดของชีวิต แต่น้อยคนที่จะหันมาไตร่ตรองว่า ชีวิตที่พอกพูนมั่งคั่งด้วยสิ่งเหล่านั้น เป็นชีวิตที่จิตใฝ่หาจริงหรือ หรือว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเพียงชีวิตที่ไหลไปตามกระแส มิใช่แต่กระแสโลกเท่านั้น หากรวมถึงกระแสกิเลสด้วย

มีคนจำนวนไม่น้อยที่สามารถไขว่คว้าไล่ล่าเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจมาไว้ในความครอบครองเป็นจำนวนมาก แต่ก็หารู้สึกว่ามีความสุขแต่อย่างใดไม่ ยังอยากจะมีเพิ่มขึ้นอีก แต่แม้จะมีแล้วมีเล่าก็ยังไม่พอใจ ในส่วนลึกยังรู้สึกหิวโหย ว่างเปล่า หรือขาดอะไรไปบางอย่าง นั่นเป็นเพราะเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ หาใช่สิ่งที่จิตต้องการอย่างแท้จริงไม่ ดังนั้นไม่ว่าจะได้มามากมายเพียงใด จิตก็ยังรู้สึกพร่องอยู่ดี

สิ่งที่จิตส่วนลึกปรารถนาอย่างแท้จริง คือ ความสงบเย็น และความเบิกบาน ซึ่งมิอาจได้จากการครอบครองสิ่งภายนอก แต่เกิดจากความตื่นรู้ และความอิสระภายใน อันเป็นที่มาแห่งความสุขอย่างแท้จริง

พระไพศาล วิสาโล

http://www.visalo.org/book/chevitTeeJitFaiHa3.html (http://www.visalo.org/book/chevitTeeJitFaiHa3.html)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2016, 06:53:36 pm
(http://upic.me/i/71/12310655_467662386754319_3809010933431096114_n.jpg) (http://upic.me/show/57593895)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2016, 06:55:22 pm
(http://upic.me/i/g0/10612775_1334711083222872_1911106020377938659_n.jpg) (http://upic.me/show/57593896)


เมื่อจิตส่งออกนอก ไปกระทบกับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่น่าพอใจ ซึ่งเรียกรวมๆ ว่ากาม ก็เกิดความอยาก ความอยากมันเป็นทุกข์ในตัว เพราะอยากแล้วแต่ยังไม่ได้สมอยากก็เป็นทุกข์ เมื่ออยากแล้วก็ต้องดิ้นรนให้ได้มา

ถ้าของมีจำกัด ก็ต้องแก่งแย่งกัน ถ้าใช้วิธีการที่ชอบธรรม ก็เดือดร้อนน้อยหน่อย แต่ถ้าใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม คือลักขโมย โกงเขา ก็ต้องมีเรื่องเดือดร้อนตามมา

แต่ถ้าส่งจิตออกนอกแล้ว ไปรับรู้สิ่งที่ไม่น่าพอใจ ก็เกิดทุกข์ขึ้นมาทันทีถ้าไม่มีสติ เพราะมันจะปรุงแต่งไปต่างๆ นานา จากความไม่พอใจก็กลายเป็นความหงุดหงิดและลุกลามไปเป็นความโกรธ ยิ่งหงุดหงิดยิ่งโกรธ จิตก็ยิ่งส่งออกนอก เพราะคิดหาทางผลักไส ตอบโต้ หรือเล่นงาน จนอาจถึงขั้นคิดหาทางทำร้าย

ถึงตรงนี้ใจก็ยิ่งปักตรึงอยู่กับสิ่งนั้น จนลืมกายลืมใจ ลืมไปว่าความโกรธมันลุกลามและเผาลนจิตใจเพียงใด โกรธก็ยังไม่รู้ว่าโกรธ ต่อเมื่อด่าเขาหรือทำร้ายเขาไปแล้ว จึงค่อยรู้ตัว แต่รู้ตัวแล้วก็ยังอดไม่ได้จะไปโทษคนอื่น หาว่าคนอื่นเป็นเหตุให้เราทำอย่างนั้น

เมื่อจิตเพ่งออกไปที่ข้างนอก เราก็มักจะลืมใจของเรา

พระไพศาล วิสาโล

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2016, 06:59:14 pm
(http://upic.me/i/c0/1005907_1337673332926647_5901626449950677714_n.jpg) (http://upic.me/show/57593920)


พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข”

เราจึงพบว่าคนที่มีจิตอาสาจะมีความสุขมากกว่าคนที่คิดถึงแต่ตัวเอง เพราะถ้าคิดถึงแต่ตัวเอง เวลาทำอะไรก็จะถามว่า ทำแล้วฉันจะได้อะไร คนเหล่านี้จะมีความสุขยาก แม้ว่าเขาจะมีเงิน มีทอง มีทรัพย์สมบัติปรนเปรอก็ตาม แต่ความสุขที่เกิดขึ้นเป็นความสุขชั่วครั้งชั่วคราว เพราะเป็นความสุขที่เกิดจากการเสพ การบริโภค ไม่ใช่ความสุขที่เกิดจากการทำความดี ซึ่งยั่งยืนกว่า

จะเห็นได้ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยมีเงินเป็นร้อยล้าน แต่ไม่มีความสุข เพราะเขาคิดถึงแต่ตัวเอง จึงไม่ได้รู้จักความสุขที่ประณีตที่ประเสริฐ ซึ่งก็คือความสุขจากการให้ จากการทำความดี จากการที่จิตใจสงบและรู้จักพอ อาตมาคิดว่า ถ้าคนเราพบความสุขแบบนี้ แรงจูงใจที่จะโกง คอร์รัปชั่น หรือตักตวงเอาเปรียบเพื่อประโยชน์ส่วนตัวจะน้อยลงไป ปัญหาคือว่า เรารู้จักความสุขที่ประเสริฐกันหรือเปล่า

ความสุขนั้นมีหลายระดับ หลายประเภท ความสุขที่เกิดจากวัตถุถือเป็นความสุขขั้นต้น เป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืนและต้องแลกมาซึ่งความทุกข์ คือทุกข์ตั้งแต่รู้สึกอยากจะได้ ทำให้ต้องดิ้นรนขวนขวายเพื่อจะได้มา พอได้มาแล้วก็ต้องรักษาเอาไว้

ตรงกันข้าม ความสุขใจนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทันที แถมยังไม่มีใครขโมยไปได้ ก็เลยไม่ต้องห่วงหรือวิตกกังวลว่าจะมีใครมาแย่งไป จะเห็นได้ว่าแท้จริงแล้ว ความสุขอยู่ไม่ไกลเลย ตราบเท่าที่ใจเรามีสติ รู้จักพอ และรู้จักปล่อยวาง

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2016, 07:03:45 pm
(http://upic.me/i/ch/1915784_1340071029353544_7884614755509591534_n.jpg) (http://upic.me/show/57593949)


หลักคิด หลักธรรม รับปีใหม่ 2559

เมื่อปีใหม่มาถึง อย่าให้ใหม่แต่ปี ใจเราก็ควรจะใหม่ด้วย ถ้าปีใหม่มาแล้ว แต่ใจยังถูกล่ามกับอดีต หมกมุ่นอยู่กับความผิดหวัง ความพลัดพรากสูญเสีย หรือความเจ็บปวดในปีที่ผ่านมา นั่นแปลว่าใจเรายังเก่าอยู่

ถ้าตัวอยู่ปีใหม่ แต่ใจอยู่ปีเก่า เราจะไม่สามารถพาชีวิตไปข้างหน้าได้เลย ชีวิตก็จะจมปลักอยู่กับอดีต ดังนั้นเราจึงควรปล่อยวางเรื่องร้าย ๆ ในอดีต อย่าปล่อยให้มันล่ามใจเรา มองไปข้างหน้าด้วยใจที่สดใส เบิกบาน และมีความหวัง

จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเอาประสบการณ์จากอดีตมาเป็นบทเรียน เพื่อนำพาชีวิตให้ประสบความสุขความเจริญในปีใหม่นี้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2016, 07:17:26 pm
(http://upic.me/i/xi/12417807_1343943045633009_8828689099655114879_n.jpg) (http://upic.me/show/57594006)


ธรรมะในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องเข้าใจยากและไกลตัว สาเหตุสำคัญก็เพราะธรรมะที่เผยแพร่กันนั้นมักเต็มไปด้วยศัพท์บาลี อีกทั้งเป็นนามธรรมและไม่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของผู้คนสมัยนี้

แต่ความจริงแล้วธรรมะไม่ใช่เรื่องยาก อีกทั้งเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างยิ่ง ตราบใดที่ความทุกข์สามารถเกิดกับเราได้ทุกขณะ อีกทั้งความแก่ ความเจ็บ และความตาย ยังตามติดตัวเราอยู่ตลอดเวลา ตราบนั้นธรรมะก็มีความสำคัญกับเราทุกลมหายใจ เพราะธรรมะเท่านั้นที่ช่วยให้เราก้าวข้ามความทุกข์และเผชิญความผันผวนปรวนแปรของชีวิตได้ด้วยใจสงบ

พระไพศาล วิสาโล
http://www.visalo.org/prefaces/lopron.html
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2016, 07:21:05 pm
(http://upic.me/i/3p/994728_1341516065875707_7924161443561820227_n.jpg) (http://upic.me/show/57594018)

เริ่มต้น ปีใหม่ วันใหม่ ด้วยใจใหม่

ทุกวันเราควรตื่นขึ้นมาด้วยใจที่สดใสเปิดใจรับปัจจุบันด้วยความรู้สึกสดชื่นเบิกบาน และไม่หมกมุ่นหรือเอาอารมณ์ใด ๆ มาหมักหมมจนเป็นพิษแก่จิตใจ

จิตที่สดใหม่นี้แหละที่จะทำให้ปีใหม่มาพร้อมกับชีวิตใหม่อย่างแท้จริง อีกทั้งยังทำให้ทุกวันเป็นวันใหม่ของชีวิต แม้กิจวัตรประจำวันยังเหมือนเดิม แต่ทุกชั่วโมง ทุกนาที และทุกวินาทีจะใหม่เสมอ สามารถนำประสบการณ์ใหม่ ๆ มาสู่ใจเรา อีกทั้งยังสามารถเปิดใจเราให้เข้าถึงธรรมอันลุ่มลึกได้ทุกขณะ แม้จะยังอยู่บ้านหลังเดิม ขับรถคันเดิม ใช้ของเดิม ๆ แต่ก็มีความสุขทุกขณะ

หมั่นทำความดีทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะความดีที่เราทำนี้แหละจะเป็นเสมือนน้ำสะอาดที่ชำระความเศร้าหมองและสิ่งอกุศลไปจากจิตใจ อีกทั้งยังชโลมใจให้สดชื่นเบิกบานด้วย ถ้ารักตน อยากให้สิ่งดี ๆ แก่ตน ก็พึงทำความดีอยู่เสมอ

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 07, 2016, 07:28:19 pm
(http://upic.me/i/d1/11138141_1085686181443793_2955295928390597766_n.jpg) (http://upic.me/show/57607082)


ยกภูเขาออกจากใจ


ความทุกข์เป็นธรรมดาของชีวิต เพราะทุกอย่างที่เราเกี่ยวข้อง รวมทั้งทุกอย่างที่เรามี หรือเป็น ในขณะนี้ ล้วนไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนเป็นนิจ เมื่อใดก็ตามที่มันแปรเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ตรงกับใจเรา เราก็ย่อมผิดหวัง เศร้าโศก โกรธแค้น พูดง่าย ๆ คือเป็นทุกข์

ไม่มีใครชอบความทุกข์ แต่ความทุกข์ก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ ในแง่หนึ่งมันเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเราควรหาทางแก้ไข เช่น ความเจ็บป่วยอาจเป็นตัวฟ้องว่าเราพักผ่อนน้อย กินอาหารไม่ถูกต้อง ใช้ชีวิตไม่ถูกสุขลักษณะ เมื่อรู้เช่นนี้ก็ควรปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตน แต่ความทุกข์หรือปัญหาบางอย่าง ยากที่จะแก้ไขได้ เพราะเกิดจากการกระทำของคนอื่น ในกรณีเช่นนี้ควรที่เราจะวางใจให้ถูกต้อง ป่วยการที่เราจะตีอกชกหัวตัวเองหรือก่นด่าชะตากรรม

ทุกข์กายนั้นมักเกิดจากปัจจัยภายนอก ส่วนทุกข์ใจนั้นมีสาเหตุที่ใจเราเป็นสำคัญ คนอื่นหรือสิ่งอื่นเป็นส่วนประกอบ สาเหตุดังกล่าวได้แก่ความยึดติดในใจเรา เช่น ยึดอยากให้มันคงที่ไม่แปรเปลี่ยน หรือยึดว่ามันต้องเป็นไปดั่งใจ แต่เป็นเพราะมองไม่เห็นสาเหตุดังกล่าว จึงมักโทษสิ่งนอกตัว ก้อนหินไม่ว่าจะหนักเพียงใด ก็ไม่ทำให้เราทุกข์หรือเหนื่อยได้เลย หากเราไม่แบกมัน ดังนั้นเมื่อใดที่ทุกข์หรือเหนื่อย อย่าโทษก้อนหินว่าหนัก แต่ควรถามตนเองว่าแบกมันทำไม

ถ้ายึดไม่เลิก แม้กรวดก้อนเดียว ก็หนักอึ้งราวกับภูเขาทั้งลูก เพียงแค่ปล่อยมันจากใจเท่านั้น ความสุขก็จะกลับคืนมา และถ้าไม่ยึดหรือแบกมันอีก ใจก็จะไม่ทุกข์อีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล


ขอบคุณรูปภาพจาก ไม้เรียว
ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 12, 2016, 02:53:47 pm
(http://upic.me/i/g3/12400877_1345478738812773_1840089180191570946_n.jpg) (http://upic.me/show/57635626)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 15, 2016, 06:46:37 am
(http://upic.me/i/3s/12510306_1100996113278384_7417624048840442366_n.jpg) (http://upic.me/show/57654788)


ความจริงแล้วธรรมะไม่ใช่เรื่องยาก
อีกทั้งเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างยิ่ง

ตราบใดที่ความทุกข์...
สามารถเกิดกับเราได้ทุกขณะ

อีกทั้งความแก่ ความเจ็บ และความตาย
ยังตามติดตัวเราอยู่ตลอดเวลา

ตราบนั้นธรรมะ
ก็มีความสำคัญกับเราทุกลมหายใจ

เพราะธรรมะเท่านั้นที่ช่วยให้เรา
ก้าวข้ามความทุกข์

และเผชิญความผันผวนปรวนแปรของชีวิต
ได้ด้วยใจสงบ

พระไพศาล วิสาโล

ภาพจาก - My world is beautiful



ที่มา : ขอขอบคุณคุณณัญญา อ้นเจริญ
Facebook https://www.facebook.com/venus.violin (https://www.facebook.com/venus.violin)


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 20, 2016, 06:47:50 am
(http://upic.me/i/3a/12509312_1352636634763650_5799344268441464551_n.jpg) (http://upic.me/show/57693090)


การระลึกว่าความตายอาจมาถึงเราเมื่อไรก็ได้ ยังทำให้เราเห็นถึงคุณค่าของแต่ละวันที่เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะมีหรือไม่ ทำให้เราเห็นถึงคุณค่าของแต่ละวันที่คนรักยังอยู่กับเรา เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะได้พบกันอีกหรือไม่ ทำให้เราชื่นชมกับสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่กับตัวและรอบตัว เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้เราจะมีโอกาสชื่นชมสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ ทำให้เราติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วยความใส่ใจ เพราะเราไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะได้พบกันอีกหรือไม่

กล่าวโดยสรุป  การเจริญมรณสติอยู่เสมอช่วยกระตุ้นให้เราขวนขวายในสิ่งที่ชอบผัดผ่อน ปล่อยวางในสิ่งที่ชอบยึดติด และเห็นคุณค่าของทุกสิ่งที่มีอยู่หรือกระทำอยู่ในปัจจุบัน ทั้งหมดนี้ไม่เพียงเอื้ออำนวยให้เราสามารถตายอย่างสงบเท่านั้น แต่ยังช่วยให้อยู่อย่างมีความสุขด้วย

ชีวิตกับความตายเป็นสิ่งที่ไม่ได้แยกจากกัน ความข้อนี้นอกจากจะหมายความว่าชีวิตกับความตายเป็นของคู่กันแล้ว ยังหมายความอีกว่าเราอยู่อย่างไร เราก็ตายอย่างนั้น ถ้าหากเราต้องการ “ตายดี” ก็ต้องมีชีวิตที่ดีงาม กล่าวคือสร้างสมคุณงามความดีหรือบุญกุศล ถึงพร้อมด้วยประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน นอกจากการหมั่นบำเพ็ญทาน และรักษาศีลตลอดจนช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นแล้ว ที่ขาดไม่ได้ก็คือ การเจริญภาวนาเป็นนิจ หมายถึงการฝึกฝนใจให้บังเกิดความสงบและความสว่าง รู้เท่าทันความเป็นจริงของชีวิต จนไม่เผลอเป็นทุกข์เพราะความผันผวนปรวนแปรต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 21, 2016, 12:23:50 pm
(http://upic.me/i/q5/12540722_481680595372617_2394019119385012157_n.jpg) (http://upic.me/show/57702646)


ดูของจริงเห็นความจริง

“การเห็นความจริงว่ามันไม่มีตัวเรา

มีแต่รูปกับนาม มีแต่กายกับใจ

นี้สำคัญมาก มันเป็นการทะลุ

ทะลวงสมมติที่ทำให้เห็นความจริง

และทำให้เป็นอิสระจากความทุกข์

ที่เกิดกับกาย หากสามารถอยู่เหนือสมมติ

เรื่องตัวตนได้ ก็ถือว่าเป็นความเปลี่ยนแปลง

ที่ยิ่งใหญ่มาก มีอานิสงส์มากมันสามารถ

ทำให้เราเจอทุกข์โดยที่ใจไม่ทุกข์ได้”


----------------------------------------------

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ใหม่ล่าสุดเพิ่งบรรยายเมื่อครู่ที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

 :) => https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid/ (https://www.facebook.com/surinrukid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 21, 2016, 12:41:10 pm
(http://upic.me/i/9t/10534760_1021054001266678_5416149172475809081_n.jpg) (http://upic.me/show/57702720)


ขอบคุณที่มา : Facebook Kanlayanatam
https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704/ (https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 21, 2016, 12:43:58 pm
(http://upic.me/i/vm/12508836_10153937459034744_425986744811374211_n.jpg) (http://upic.me/show/57702721)



ขอบคุณที่มา : Facebook ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย.พ.ส.)
https://www.facebook.com/ybatpage (https://www.facebook.com/ybatpage)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 28, 2016, 06:30:42 pm
(http://upic.me/i/mx/12509114_1357909504236363_6638506391455876107_n.jpg) (http://upic.me/show/57752836)

พุทธกับไสย : แค่ไหนจึงจะควร
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แต่ไหนแต่ไรมาพุทธศาสนาไม่ได้แยกขาดจากไสยศาสตร์ ถ้าไสยศาสตร์หมายถึงระบบความเชื่อที่ยอมรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อิทธิปาฏิหาริย์ และสิ่งลี้ลับเหนือปกติวิสัย พุทธศาสนาก็มีส่วนหนึ่งเป็นไสยศาสตร์อยู่แล้ว เพราะพุทธศาสนายอมรับว่ามีผีสางเทวดาและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แต่ถ้าไสยศาสตร์มิได้หมายเพียงเฉพาะความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือสามัญเท่านั้น หากยังรวมถึงการพยายามนำอำนาจของสิ่งเหล่านี้(ซึ่งเชื่อว่ามีอยู่)มาก่อให้เกิดผลหรือความสำเร็จในทางโลก และอาจรวมถึงผลในโลกหน้า เช่นขอให้ไปเกิดในสวรรค์ พุทธศาสนาไม่จัดว่าเป็นไสยศาสตร์เพราะเชื่อมั่นในผลแห่งการกระทำหรือกรรมของบุคคลเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตามในอดีตพุทธศาสนาก็ไม่เคยปฏิเสธไสยศาสตร์อย่างหลัง หรือพูดให้ถูกต้องก็คือ พุทธศาสนายอมรับไสยศาสตร์อย่างหลังในบางแง่หรืออย่างมีเงื่อนไข ทั้งนี้เพราะการยอมรับไสยศาสตร์ในบางกรณีไม่ได้หมายความว่าบุคคลจะต้องไปสยบยอมสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสมอไป พระเจ้ากรุงธนบุรีแม้จะทรงเชื่อในอำนาจของเทวดา แต่แทนที่จะอ้อนวอนพึ่งพิงเทวดา พระองค์กลับทรงมีพระราชโองการประกาศเทพารักษ์ให้กำจัดปีศาจ ทั้งนี้เพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบสุข

เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่พุทธศาสนาในอดีตยอมรับไสยศาสตร์ ก็คือต้องการเอาไสยศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางธรรม ทั้งนี้เพราะความจริงมีอยู่ว่า มนุษย์นั้นตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ในยามเป็นทุกข์อย่างน้อยบางครั้งบางเวลาก็ต้องการสิ่งปลอบประโลมใจยิ่งกว่าเหตุผล การรู้จักใช้ไสยศาสตร์ให้เป็น โดยมีธรรมะเป็นตัวนำย่อมช่วยให้เขาเกิดความอบอุ่นใจ สามารถตั้งหลักใหม่เพื่อแก้ปัญหาของตัวด้วยวิธีการที่ถูกทำนองคลองธรรม ขณะเดียวกันก็เป็นการให้กำลังใจแก่คนที่เพียรพยายามสร้างความเจริญก้าวหน้าแก่ชีวิต

ที่สำคัญก็คือไสยศาสตร์หากใช้ให้ถูกก็สามารถควบคุมกิเลสตัณหาของผู้คนให้อยู่ในขอบเขต เพื่อให้การแสวงหาโชคลาภและความสำเร็จแบบโลก ๆ เป็นไปในทางที่เหมาะสม ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เพราะคนบางประเภทนั้น การสอนด้วยเหตุผลหรือธรรมะล้วน ๆเพื่อให้เกิดหิริ(ความละอายต่อมโนธรรมสำนึกของตน) นั้นยากที่จะประสบผล เพราะปัญญายังไม่มีพลังพอที่จะทัดทานสัญชาตญาณใฝ่ต่ำ จำเป็นต้องเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือนรกเข้ามา ขู่เพื่อให้เกิดโอตตัปปะ (ความกลัวต่อโทษทัณฑ์ที่จะได้รับจากภายนอก) ถึงจะควบคุมพฤติกรรมให้อยู่ในร่องรอยได้
มิไยจะต้องเอ่ยถึงคนอีกมากที่ต้องการทางลัดสู่ความมั่งมีศรีสุข จนง่ายที่จะติดหลงงมงายอยู่กับการอ้อนวอนบวงสรวง หรือเป็นเหยื่อของคนที่เอาไสยศาสตร์เป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์ส่วนตน คนกลุ่มนี้ก็ต้องการไสยศาสตร์ที่มีพุทธศาสนากำกับเพื่อชักนำให้สู่หนทางที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้แม้แต่ท่านพุทธทาสภิกขุก็ยังยอมรับว่า "พุทธศาสตร์นี้ยังต้องอาศัยไสยศาสตร์"

การเชื่อไสยศาสตร์ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าจะต้องหลงงมงายเสมอไป ประเด็นสำคัญอยู่ว่าเชื่ออย่างไร ถ้าเชื่อจนเลิกพึ่งพิงปัญญาหรือการกระทำของตนเอง ก็ย่อมเป็นความงมงาย แต่เมื่อเชื่อแล้วเกิดกำลังใจที่จะทำความดี เพียรพยายามที่จะกระทำให้เกิดผลสำเร็จด้วยตนเอง จะเรียกว่าเป็นความงมงายได้อย่างไร

ในเรื่องนี้พระธรรมปิฎกได้ชี้ว่า การเชื่อถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นที่ยอมรับได้ในพุทธศาสนาหากว่าไม่ขัดต่อหลักการใหญ่ ๆ ๓ ประการคือ

๑) หลักกรรม กล่าวคือ ความเชื่อนั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมให้เกิดความเพียรพยายามเพื่อให้เกิดผลสำเร็จด้วยการกระทำของตนเอง
๒) หลักสิกขา กล่าวคือ ความเชื่อนั้นสามารถถูกชักนำไปสู่การฝึกฝนพัฒนาตนให้เจริญก้าวหน้า ไม่ติดจมอยู่กับสิ่งปลอบใจภายนอก
๓) ความหมายที่แท้จริงของความศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือ เห็นว่าความศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงนั้นอยู่ทีคุณธรรมและปัญญา มิใช่ควบคู่ไปกับกิเลสหรือโลภะโทสะโมหะ
ในทางตรงกันข้าม การเชื่อในเหตุผลและวิทยาศาสตร์นั้น หากเชื่อด้วยความติดยึดหรือเกิดอุปาทานขึ้นมา ก็สามารถเป็นความหลงงมงายได้ง่าย ๆ เพราะเมื่อติดยึดในเหตุผลอย่างฝังแน่นเข้าแล้ว อะไรที่ไม่สอดคล้องกับเหตุผลของตัว (หรือไม่สามารถลำดับเป็นเหตุเป็นผลได้) ก็อาจถูกบอกปัดไปได้ทันทีโดยไม่ทันใช้ปัญญาพิจารณา

ในทำนองเดียวกันคนที่เชื่อวิทยาศาสตร์ก็อาจกลายเป็นคนงมงายได้หากว่าเอาวิทยาศาสตร์เป็นเกณฑ์ประทับตราความจริงไปเสียทุกเรื่อง จนถึงขั้นว่าไม่ยอมรับว่าบุหรี่เป็นสิ่งเสพติดจนกว่าจะมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน หรือปฏิเสธความจริงที่ว่าฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาอาการเจ็บคอได้ตราบใดที่นักวิทยาศาสตร์ยังค้นไม่พบสารออกฤทธิ์ ส่วนอะไรก็ตามที่วิทยาศาสตร์ไม่รับรองหรือยังพิสูจน์ไม่ได้ ก็โจมตีว่าเป็นของหลอกลวง ไม่มีจริง ทั้งๆที่วิทยาศาสตร์เป็นเพียงวิถีทางหนึ่งเท่านั้นในการบ่งชี้ความจริง มิพักต้องกล่าวว่าทฤษฎีและกรอบของวิทยาศาสตร์นั้นแปรเปลี่ยนเลื่อนไหลตลอดเวลา

อย่าว่าแต่เหตุผลหรือวิทยาศาสตร์เลย แม้สิ่งที่ประเสริฐกว่านั้นคือพระรัตนตรัย หากเชื่อด้วยความติดยึด พระรัตนตรัยนั้นแหละกลับจะกลายเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงพุทธศาสนา ความข้อนี้ท่านพุทธทาสภิกขุได้กล่าวเตือนไว้นานแล้วว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์สามารถเป็น"ภูเขาแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม"ได้

กล่าวโดยสรุปก็คือ ในทัศนะพุทธศาสนานั้นสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ตรงที่เชื่ออะไร แต่เชื่ออย่างไรต่างหากที่สำคัญกว่า ถ้าเชื่อว่ามีผีสางเทวดาแต่ไม่งมงายกับผีสางเทวดา ย่อมดีกว่าเชื่อวิทยาศาสตร์แต่กลับงมงายใหลหลงจนปฏิเสธบุญบาป ถ้าเช่นนั้นเชื่ออย่างไรถึงจะสอดคล้องกับพุทธศาสนา นอกจากหลัก ๓ ประการของพระธรรมปิฎก ตลอดจนการเชื่อโดยไม่ยึดมั่นหรือเชื่ออย่างงมงายไม่ใช้ปัญญาพิจารณาดังที่ท่านพุทธทาสภิกขุได้เน้นแล้ว

เกณฑ์สำคัญอีกหมวดหนึ่งก็คือหลักตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ นั่นคือไม่ว่าจะเชื่ออะไรก็ตาม ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า เชื่อแล้วนำไปสู่การคลายกำหนัด ส่งเสริมความเพียร เลี้ยงง่าย มักน้อย สันโดษ สงัด ไม่ก่อทุกข์ ลดกิเลส หรือไม่ เป็นต้น ถึงไม่เชื่อผีสางเทวดา หากเชื่ออย่างอื่นที่ดูส่งส่งมีเหตุมีผลกว่า แต่ถ้าก่อให้เกิดสิ่งที่ตรงข้ามกับหลัก ๘ ประการนี้ก็ไม่ถือว่าเข้ากับหลักพุทธ ไม่ว่าความเชื่อเช่นนั้นจะอ้างตัวเป็นวิทยาศาสตร์เพียงใด ก็ไม่อาจเรียกว่าเป็น "พุทธแท้" ได้เลย

ดังนั้นพุทธศาสนาจึงไม่ควรปฏิเสธไสยศาสตร์อย่างสิ้นเชิง หากพึงยอมรับไสยศาสตร์อย่างจำแนก แต่เกณฑ์ในการยอมรับนั้นไม่พึงให้วิทยาศาสตร์มากำหนด กล่าวคือ จะยอมรับไสยศาสตร์อย่างใดแค่ไหน ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่า ไสยศาสตร์นั้น ๆ มีความไม่เป็นวิทยาศาสตร์มากน้อยเพียงใด หากแต่เอาจุดมุ่งหมายในทางธรรมเป็นตัวตั้ง กล่าวคือรับเอาไสยศาสตร์เข้ามาเพื่อใช้ไสยศาสตร์นั้นเป็นสื่อนำไปสู่ความรู้ผิดชอบชั่วดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ช่วยให้พึ่งตนเอง และพัฒนาตนให้เจริญก้าวหน้าในทางธรรม จนเป็นอิสระจากไสยศาสตร์ และแก้ปัญหาชีวิตของตนได้ด้วยปัญญาและคุณธรรม

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 28, 2016, 06:39:58 pm
(http://upic.me/i/7q/12522910_1355508121143168_5682104023530900001_n.jpg) (http://upic.me/show/57752907)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2016, 05:34:13 pm
(http://upic.me/i/t6/12642568_1360041140689866_6310404837198872708_n.jpg) (http://upic.me/show/57778329)


เมื่อพูดถึงความมั่นคงของชีวิต อันเป็นยอดปรารถนาของผู้คน ส่วนใหญ่แล้วมักนึกถึงความมั่งคั่งร่ำรวย เพราะเมื่อมีเงินแล้ว สวัสดิภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายก็ตามมา ยังไม่ต้องพูดถึงบริษัทบริวารที่ห้อมล้อม แต่ทั้งหมดนี้จะมีความหมายอะไร หากชีวิตไม่มีความสุข ปราศจากความรักและความอบอุ่นจากครอบครัวและมิตรสหาย ถึงจะมีพวกแต่ไร้เพื่อน จิตใจก็คงอ้างว้าง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโดดเดี่ยวในยามที่อยู่คนเดียว ยิ่งเงินที่มีอยู่นั้น มิได้มาด้วยวิธีการที่ชอบธรรม ก็ย่อมเกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ

ในขณะที่ผู้คนพากันแสวงหาความมั่นคงของชีวิตนั้น สิ่งที่มักถูกมองข้ามไปก็คือ ความมั่นคงของจิตใจ แม้จะมีเงินมากมายมหาศาล แต่ถ้าจิตใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล หวาดกลัว รุ่มร้อน รู้สึกพร่อง ไม่รู้จักพอ ขาดความสุขสงบเย็น ก็ยากที่จะรู้สึกว่าชีวิตมีความมั่นคง

ในสมัยพุทธกาลมีพระราชาองค์หนึ่งชื่อว่าพระเจ้าภัททิยะ เป็นพระญาติกับพระพุทธเจ้า ต่อมาได้ออกบวชเพราะทนการรบเร้าอ้อนวอนของเพื่อน(คือเจ้าชายอนุรุทธะ)ไม่ได้ เมื่อบวชแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมจนได้เป็นพระอรหันต์ ไม่ว่าท่านอยู่ที่ใด ในป่าหรือใต้ร่มไม้

ท่านมักเปล่งอุทานว่า “สุขหนอ ๆ” เป็นประจำ

เพื่อนภิกษุได้ยินก็เข้าใจว่าท่านไม่ยินดีในการบวช จึงกราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์จึงรับสั่งให้เรียกท่านมาแล้วถามเหตุผล พระภัททิยะจึงตอบว่า เมื่อครั้งเป็นฆราวาสครอบครองราชสมบัติ แม้มีทรัพย์และบริวารมาก มีคนคอยดูแลปกป้องรอบข้าง ก็ยังอดสะดุ้งจิตหวาดกลัวไม่ได้ แต่บัดนี้ไม่ว่าข้าพระองค์อยู่ที่ใดเพียงลำพัง ก็ไม่รู้สึกสะดุ้งกลัว มีแต่ความสุขในทุกหนแห่ง จึงเปล่งอุทานเช่นนั้น

สำหรับพระภัททิยะแล้ว แม้เป็นกษัตริย์ก็มิได้รู้สึกมีความมั่นคงในชีวิตเลย สาเหตุก็เพราะจิตใจไม่มีความมั่นคงอย่างแท้จริง

มีหลายสิ่งที่ทำให้คนเราไม่รู้สึกมั่นคงในจิตใจ สิ่งหนึ่งก็คือ ความกลัว ดังกรณีของพระภัททิยะ หลายคนอาจไม่ได้กลัวอันตราย แต่กลัวการสูญเสีย อาทิ การสูญเสียทรัพย์

เป็นธรรมดาที่ว่า ยิ่งฝากชีวิตไว้กับทรัพย์สินเงินทองมากเท่าใด ก็ยิ่งกลัวการสูญเสียทรัพย์มากเท่านั้น นี้คือทุกข์ข้อแรกของคนมีทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่ทุกข์ประการต่อมา คือ ต้องเหน็ดเหนื่อยในการปกป้องรักษาทรัพย์ แม้ไม่เหนื่อยกายก็เหนื่อยใจ ยังไม่ต้องพูดถึงก่อนหน้านั้นที่ต้องดิ้นรนขวนขวายในการหาทรัพย์ ซึ่งแม้ประสบความสำเร็จ แต่ความสุขที่เกิดขึ้นก็ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ช้าไม่นานก็รู้สึกเฉย ๆ หรืออาจถึงกับเบื่อด้วยซ้ำ ทำให้อยากได้ของใหม่....

ชีวิตนี้แท้จริงแล้วไม่มีความมั่นคงเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกคนเมื่อเกิดมา นอกจากต้องแก่ ต้องป่วยแล้ว ยังหนีความตายไม่พ้น ชีวิตที่มีความตายเป็นจุดหมายโดยมีความเจ็บป่วย ความแก่อยู่ระหว่างทาง (ไม่นับความสูญเสียพลัดพรากที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน) จะเป็นสิ่งที่มั่นคงได้อย่างไร

ไม่ว่ามีเงินมากมาย มีอำนาจล้นฟ้า ก็ไม่อาจป้องกันความแก่ ความเจ็บ และความตายได้ (ทำได้อย่างมากก็แค่ชะลอเท่านั้น) ใช่แต่เท่านั้น เงินทองและอำนาจก็ล้วนเป็นสิ่งไม่เที่ยง ไม่จิรัง ไม่มั่นคง แปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ในเมื่อตัวมันเองยังไม่มั่นคง มันจะไปค้ำยันชีวิตเราให้มั่นคงได้อย่างไร

ใช่หรือไม่ว่า ความมั่นคงของชีวิตนั้นแท้จริงเป็นของชั่วคราว หรือพูดให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือ มันเป็นมายาภาพ ที่เราหลงคิดว่าเป็นความจริง ตราบใดที่เรายังหลงในมายาภาพดังกล่าว เราจะไม่มีวันพบกับความสุขที่แท้จริงได้เลย

ต่อเมื่อเราเห็นความจริงว่าไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้หรือมั่นคงอย่างแท้จริงเลย เราจึงจะพบกับความสงบเย็น เพราะจิตไม่ลุ่มหลงยึดติดกับสิ่งใด ๆ อีกต่อไป ไม่ว่ามีอะไร ก็รู้ว่าสักวันหนึ่งมันย่อม “หมด” ไป ดังนั้นเมื่อวันนั้นมาถึง จึงไม่ทุกข์ ไม่เศร้าโศก เสียใจ หรือโกรธแค้น จิตใจยังคงเป็นปกติ มั่นคง ไม่หวั่นไหว

โลกและชีวิตนี้เต็มไปด้วยความผันผวนแปรปรวน เมื่อใดเราเปิดใจยอมรับและเห็นความจริงดังกล่าว ไม่ยึดหรืออยากให้ทุกอย่างเที่ยงแท้มั่นคงหรือเป็นไปตามใจเรา ความผันผวนนั้นจะไม่อาจทำให้เราทุกข์ได้ต่อไป ถ้าไม่อยากทุกข์ใจเพราะความผันผวนดังกล่าว ก็ควรพากเพียรสั่งสมความดีและฝึกใจให้เห็นความจริงดังกล่าว อย่ามัวแต่แสวงหาเงินทองหรือสะสมวัตถุจนมองข้ามสิ่งที่สำคัญและประเสริฐกว่าไปเลย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2016, 05:46:33 pm
(http://upic.me/i/vw/12647041_1361454457215201_2534757450787698958_n.jpg) (http://upic.me/show/57778848)


(http://upic.me/i/ll/12631281_1359444637416183_596109891864808300_n.jpg) (http://upic.me/show/57778859)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2016, 03:56:36 pm
(http://upic.me/i/gv/12592232_947266545365919_7579158648579742971_n.jpg) (http://upic.me/show/57787717)


การให้ทานและเอื้อเฟื้อเจือจาน


เป็นการสร้างภูมิต้านทานให้แก่จิตใจ

ทำให้ไม่ทุกข์เมื่อประสบความสูญเสีย

ในทางตรงข้าม คนที่ตระหนี่ แม้จะมี

ความสุขจากเงินทองที่พอกพูน

แต่หารู้ไม่ว่า จิตใจพร้อมที่จะ

ถูกกระทบกระแทกในยามเสียทรัพย์

แม้จะเป็นเรื่องที่จำเป็นก็ตาม”


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2016, 04:03:06 pm
(http://upic.me/i/v0/12644939_1551462065164150_1108809367171291004_n.jpg) (http://upic.me/show/57787758)


ทุกข์เพราะเปรียบเทียบ


“ตราบใดที่เรายังเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่เสมอ

เราจะหาความสุขไม่ได้เลย ไม่ว่าร่ำรวยแค่ไหน

โชคได้ลาภเพียงใดก็ตาม แต่ทันทีที่เรารู้จักพอใจ

สิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ความสุขจะบังเกิดขึ้นทันที

แทนที่จะเฝ้ามองสมบัติของคนอื่นว่าดีกว่าอย่างไร

เราลองหันมาชื่นชมสิ่งที่เรามี เห็นข้อดีหรือประโยชน์

ของสิ่งที่มีอยู่ ความพอใจก็จะเกิดขึ้น ความรุ่มร้อน

ก็จะหายไป แทนที่จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่เราไม่มี

ทำไมไม่หาความสุขจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในขณะนี้”


พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2016, 04:12:04 pm
(http://upic.me/i/pj/12552710_966757863411929_5164485219925625646_n.jpg) (http://upic.me/show/57787842)


ฝึกใจให้นิ่งฝึกจิตให้วาง


“ ความสุขและความทุกข์ของผู้คนส่วนใหญ่

ถึงที่สุดก็ขมวดอยู่ตรงที่การวางนี้เอง

ถ้าวางไม่เป็น ไม่ว่าด้วยมือหรือด้วยใจ

ก็เป็นทุกข์ได้ง่าย แต่ถ้าวางเป็น ชีวิต

ก็มีความสุขและสงบเย็นได้ง่ายขึ้น

ส่วนจะวางเป็นหรือไม่ คำตอบก็อยู่ที่สติเป็นสำคัญ”


* ----------------------------------------------------------------- *

เสียงธรรมจากพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

เพิ่งบรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้


:) => https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)



ที่มา : Facebook พระสุรินทร์ ก่อนการคิด
https://www.facebook.com/profile.php?id=100002331721139 (https://www.facebook.com/profile.php?id=100002331721139)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2016, 03:58:23 pm
(http://upic.me/i/zn/12654554_1367456189948361_9097218364949252822_n1.jpg) (http://upic.me/show/57857421)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2016, 03:59:45 pm
(http://upic.me/i/x4/12718153_1366842210009759_104965607935036497_n1.png) (http://upic.me/show/57857427)


พุทธศาสนามองว่าความรักมีสองประเภท ประเภทหนึ่งเป็นความรักที่มีความยึดติดถือมั่น เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เพื่อตอบสนองตัวตน หรือหวังความสุขเพื่อปรนเปรอตัวตน เราเรียกว่า สิเนหะ หรือเสน่หา

เป็นความรักที่ภาษาสมัยใหม่เรียกว่ารักแบบมีเงื่อนไข เช่น ต้องถูกใจฉัน ต้องพะเน้าพะนอฉัน ความรักอีกประเภทหนึ่งเป็นความรักที่เป็นความปรารถนาดี ไม่มุ่งหรือคาดหวังให้เขามาปรนเปรอตัวตน เป็นความปรารถนาดีโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว อันนี้เรียกว่าเมตตา

พุทธศาสนามองว่าสิเนหะเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ เพราะว่าถ้าคาดหวังให้เป็นไปตามใจตัวแล้ว เมื่อไม่เป็นอย่างที่หวังก็ทุกข์ เกิดความพลัดพรากสูญเสียไปก็ทุกข์ แต่เมตตานั้น เนื่องจากไม่มีความยึดติดถือมั่นเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ดังนั้นเขาจะทำอย่างไรกับเรา เราก็ไม่ทุกข์ เพราะว่ามีแต่ความปรารถนาดีอย่างเดียว ไม่มีเงื่อนไขว่าเขาต้องทำดีกับฉัน เขาต้องเทิดทูนบูชาฉัน หรือว่าเขาต้องเป็นลูกของฉัน เป็นสามีของฉัน เป็นคนรักของฉัน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระองค์มีความเมตตาต่อพระเทวทัตเท่ากับพระราหุล เมตตาคือความรักโดยไม่แบ่งแยก คนส่วนใหญ่มองว่าถ้าเป็นลูกฉันก็รัก ถ้าเป็นศัตรูฉันไม่รัก อันนี้เป็นสิเนหะ แต่เมตตาไม่มีเลือก ไม่มีแบ่งแยก เป็นความรักที่ไม่มีประมาณ ไม่มีเงื่อนไข ขณะเดียวกันเมื่อเกิดอะไรขึ้นกับเขา เราก็ไม่ทุกข์เพราะไม่ได้ยึดติดถือมั่นว่าเป็นเราเป็นของเรา หรือต้องอยู่กับเราชั่วนิจนิรันดร์

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2016, 07:28:32 am
(http://upic.me/i/4n/12745834_1369956416365005_9083972047090670801_n1.jpg) (http://upic.me/show/57888316)


ชีวกโกมารภัจจ์ หรือ “หมอชีวก” เป็นบุคคลที่แพทย์แผนไทยทุกคนให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาชนิดที่หาใครเทียบได้ยากแล้ว ท่านยังเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า มีผลงานมากมายจารึกไว้ในพระไตรปิฎก

เกร็ดประวัติตอนหนึ่งของท่านซึ่งเล่าขานสืบต่อกันมาก็คือ หลังจากที่ท่านได้ศึกษาวิชาแพทย์กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ที่เมืองตักสิลาเป็นเวลานานถึง ๗ ปี ท่านอยากรู้ว่าต้องเรียนอีกนานเท่าใดจึงจะจบการศึกษา อาจารย์จึงทดสอบความรู้ของท่านด้วยการให้ท่านถือเสียมไปตรวจดูว่าบริเวณ ๑ โยชน์รอบเมืองตักสิลามีอะไรบ้างที่ไม่ใช่ตัวยา ท่านตรวจอยู่นานก็หาไม่พบ เมื่อกลับมาบอกอาจารย์ อาจารย์จึงว่าท่านสำเร็จการศึกษาแล้ว ท่านจึงเดินทางกลับกรุงราชคฤห์

ในสายตาของผู้รู้อย่างหมอชีวก แม้กระทั่งวัชพืชที่ใคร ๆ มองเห็นว่าไร้ค่า น่ารังเกียจ หรือมีพิษ อาทิ หญ้าคา ไมยราบ อุตพิด ล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น นอกจากประโยชน์ใช้สอยทั่ว ๆ ไป เช่น มุงหลังคา ทำรั้ว ยังสามารถทำเป็นยารักษาโรคได้ด้วย

จะว่าไปแล้วสิ่งที่หมอชีวกค้นพบนั้นสะท้อนความจริงที่กว้างกว่านั้นก็คือ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไร้ประโยชน์เลย อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือรู้จักใช้มากน้อยเพียงใด อะไรก็ตามที่เราคิดว่าไม่มีประโยชน์ หรือเป็นโทษนั้น แท้จริงเป็นเพราะเรามองไม่เป็นหรือไม่รู้จักใช้ต่างหาก

ความจริงที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงทุกสิ่งที่เราเห็นด้วยตาสัมผัสด้วยมือเท่านั้น หากยังรวมถึงทุกอย่างที่เราประสบหรือทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งสิ่งที่เรารังเกียจหรือทำความทุกข์ให้แก่เรา ใช่หรือไม่ว่าความยากลำบากทำให้เราเข้มแข็ง ส่วนความล้มเหลวก็ให้บทเรียนที่ปูทางไปสู่ความสำเร็จในวันหน้า แม้แต่ความพิการก็ช่วยให้ศักยภาพของอวัยวะส่วนอื่นที่ปกติพัฒนาขึ้น คนตาบอดจำนวนไม่น้อยพบว่าหูและสัมผัสของตนไวขึ้นชนิดที่คนธรรมดาเทียบไม่ได้ คนปัญญาอ่อนไม่น้อยมีความจำเป็นเลิศ บางคนจำหนังสือได้ถึง ๙,๐๐๐ เล่ม!

ยิ่งประโยชน์ในทางธรรมด้วยแล้ว กล่าวได้ว่าไม่มีอะไรเลยที่เอามาใช้ในการพัฒนาจิตใจไม่ได้ รอยยิ้มของหญิงสาวที่กระตุ้นราคะของใครหลายคนนั้น เมื่อมองด้วยสายตาที่ใคร่ครวญของพระลกุฏกภัททิยะ ก็ทำให้ท่านบรรลุธรรมเป็นพระอนาคามีได้ เช่นเดียวกับพระติสสะที่บรรลุอรหัตผลเมื่อบังเอิญได้ฟังเสียงเพลงของนางทาสี

ในทำนองเดียวกันสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาก็มีประโยชน์ทางธรรมไม่น้อย คำต่อว่าด่าทอนั้นนอกจากเป็นแบบฝึกหัดสร้างขันติและฝึกสติให้รู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจแล้ว ยังสอนเรื่องโลกธรรมให้แก่เราด้วยว่าสรรเสริญกับนินทาเป็นของคู่กัน คำตำหนิติฉันเป็นธรรมดาโลก ของหายแต่ละครั้งสอนใจให้เราระมัดระวัง มีสติ และตระหนักถึงความจริงว่าความพลัดพรากเป็นธรรมดาโลก เพราะไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ส่วนโรคภัยไข้เจ็บก็บอกเราว่าสังขารนี้ไม่เที่ยง เต็มไปด้วยทุกข์ และบังคับบัญชาไม่ได้

แม้แต่อารมณ์อกุศลที่เกิดขึ้นในใจ เช่น ความโลภ ความโกรธ ความเศร้า ก็ล้วนเป็นอุปกรณ์สำหรับการปฏิบัติธรรม นอกจากช่วยฝึกสติให้ว่องไวปราดเปรียว สามารถรู้ทันและปล่อยวางมันอย่างทันท่วงทีแล้ว การเห็นความเกิด-ดับและสาเหตุของความเกิด-ดับ ยังทำให้เกิดปัญญาจนเห็นสัจธรรม คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างแจ่มแจ้ง

เจออะไรก็มีประโยชน์ทั้งนั้นหากรู้จักมอง แต่เป็นเพราะเรามองไม่เป็น เมื่อเจอสิ่งไม่พึงปรารถนา จึงปล่อยให้มันทำร้ายจิตใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือถึงกับหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต แต่ถึงจะทุกข์อย่างไร ก็ไม่สายที่จะหาประโยชน์จากมัน โดยเฉพาะการเปิดใจรับสัจธรรมจากมัน แต่จะทำเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อมีสติ เห็นทุกข์ ไม่เผลอเป็นผู้ทุกข์

หากเห็นมันอย่างแจ่มแจ้ง สัจธรรมที่มันเผยแสดงออกมาย่อมช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้ในที่สุด

พระไพศาล วิสาโล


หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2016, 11:49:41 am
(http://upic.me/i/e7/12743746_1373784442648869_1366070895956256191_n1.jpg) (http://upic.me/show/57903419)


มีเงินมีทองมากเท่าไร ได้เที่ยว ได้เล่น ได้เสพมากเท่าไร ถึงจุดหนึ่งก็จะรู้สึกว่านั่นไม่ใช่คำตอบ เพราะว่าขาดความสงบในจิตใจ

และนี่แหละที่ทำให้คนจำนวนมาก แม้จะมีเงิน วัตถุมากเท่าไร ก็รู้สึกว่ายังไม่พอ ยังรู้สึกว่าไม่ใช่คำตอบ

แล้วในที่สุดก็ต้องกลับมาหาความสุขในจิตใจ ซึ่งไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย ไม่ได้อยู่ที่ภาพ ไม่ได้อยู่ที่โรงหนัง ไม่ได้อยู่ที่เมืองนอก หรือว่าสถานบันเทิง แต่

อยู่ที่ใจ

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 29, 2016, 10:34:17 am
(https://upic.me/i/cr/12321593_1378143355546311_5648400699834924959_n.jpg) (http://upic.me/show/57975413)


เคยสังเกตไหมว่าสิ่งที่ให้ความสุขแก่เรา ก็สามารถทำให้เราทุกข์ได้เช่นกัน

รถยนต์คันใหม่ทำให้เราปลื้มเปรมไปได้ทั้งวัน แต่ก็ทำให้เราอดกังวลไม่ได้เวลาจอดทิ้งไว้ในที่เปลี่ยว หรือถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับหากมันถูกขโมยไป

ไม่ว่าลูก หรือ คนรัก ล้วนนำความสุขอย่างล้นหลามมาให้แก่เรา แต่ก็สามารถทำให้เราเป็นทุกข์ย่ำแย่ได้หากเขาไม่เป็นไปตามใจเรา

คนที่ภาคภูมิใจในทรวดทรงของตน ไม่ช้าไม่นานก็ต้องระทมทุกข์เพราะสิ่งเดียวกัน ถึงวันนั้นทรวดทรงอาจแปรเปลี่ยนไป หาไม่มันก็กลายเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายขึ้นมา

ใครที่ปลื้มปีติกับชื่อเสียงของตน ก็มักเป็นทุกข์เพราะความเด่นดังของตนเช่นกัน อย่างน้อยเวลาจะควงกับใครก็ต้องระวังว่าจะมีคนเห็นหรือมายุ่มย่าม

สุขกับทุกข์เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน มันสามารถพลิกกลับไปกลับมาได้

ด้วยเหตุนี้เวลาจะมีความสุขกับอะไรหรือใครก็ตาม อย่าเพลินกับความสุขจนท่วมท้นใจ หรือหมดเนื้อหมดตัวไปกับอารมณ์เหล่านั้น ควรเผื่อใจไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรที่ไม่ถูกใจเรา วันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามใจหวัง แต่พรุ่งนี้อาจกลายเป็นตรงกันข้าม

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 29, 2016, 10:38:27 am
(http://upic.me/i/ca/11701052_1378145492212764_2950832382430374282_n.jpg) (http://upic.me/show/57975441)


✦ Saranwalai Pitikunpongsuk Cherry - ปุจฉา อยากถามหลวงพ่อค่ะว่า อะไรคือแก่นของธรรมะ

✦ พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ขึ้นอยู่กับว่าคุณนิยาม “แก่นของธรรมะ”ว่าอย่างไร

ถ้าหมายถึงสาระสำคัญของธรรมะ หรือคำสอนที่สรุปใจความของพุทธศาสนาได้ดีที่สุด คำตอบก็คือ“การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำกุศลให้ถึงพร้อม และการชำระจิตของตนให้ขาวรอบ”

จะตอบว่า อริยสัจ ๔ ก็ได้

ถ้าหมายถึงคำสอนที่ลึกซึ้งที่สุด คำตอบก็คือ คำสอนเรื่องปฏิจจสมุปบาท

ถ้าหมายถึงหลักธรรมที่ทำให้พ้นทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง คำตอบก็คือ คำสอนที่ว่า “ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น”
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 29, 2016, 10:42:18 am
(http://upic.me/i/fm/12803200_1380278525332794_7456041935083975527_n.jpg) (http://upic.me/show/57975490)


ทำบุญเพื่อลดกิเลส

ความเป็นห่วงว่าจะได้บุญหรือไม่ต่างหาก ที่ทำให้ใจเศร้าหมอง บุญย่อมลดลงตามส่วน หรือทำบุญแล้วอยากได้อานิสงส์มาก ๆ บุญก็น้อยลงไปด้วย เพราะใจนั้นมีกิเลสเจือปน ตรงข้าม หากทำบุญแล้ว มุ่งประโยชน์แก่ผู้รับ ไม่ปรารถนาหรือคาดหวังประโยชน์ที่จะเกิดแก่ตนเลย คือทำบุญด้วยใจปล่อยวางอย่างแท้จริง กลับจะได้บุญมาก

ใครที่ทำบุญแล้วอยากได้โน่นได้นี่ หรือเป็นนั่นเป็นนี่ พึงพิจารณคำสอนของพระสารีบุตรที่ว่า

“บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมไม่ให้ทานเพราะเห็นแก่อุปธิสุข(โลกียสุข) ย่อมไม่ให้ทานเพื่อภพใหม่ แต่ บัณฑิตเหล่านั้นย่อมให้ทานเพื่อกำจัดกิเลส เพื่อไม่ก่อภพต่อไป”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 01, 2016, 02:53:43 pm
(http://upic.me/i/9r/12794413_1381432048550775_9066338303793054194_n.jpg) (http://upic.me/show/57985646)


เมื่อมีความทุกข์ใจ ผู้คนมักมองว่าสาเหตุอยู่ที่คนอื่นหรือสิ่งอื่น เช่น ดินฟ้าอากาศแปรปรวน เศรษฐกิจผันผวน หนี้สินท่วมตัว หรือโรคร้ายถึงตาย แต่แท้จริงแล้วตัวการสำคัญอยู่ที่ใจเรา ซึ่งยึดติดถือมั่นปรุงแต่งในทางร้าย หรือมองเห็นแต่แง่ลบ หมกมุ่นอยู่กับอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรือ พะวงกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

หากวางใจให้ถูก ทุกข์ใจก็จะคลายลง แม้ปัญหาภายนอกจะยังอยู่ แต่ใจก็ไม่กลัดกลุ้มอีกต่อไป กลับมีเรี่ยวแรงที่จะแก้ไขตามกำลังที่มี

ชีวิตมีทางออกเสมอหากกลับมามองที่ใจเรา อย่าเสียเวลากล่าวโทษคนอื่นหรือก่นด่าชะตากรรม แต่หันมาใคร่ครวญด้วยสติปัญญา ไม่ช้าทางออกย่อมปรากฏ แต่เมื่อพบแล้วสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือก้าวเดิน หากไม่เดินหรือไม่ลงมือปฏิบัติ ก็มิอาจออกจากทุกข์ได้

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 09, 2016, 01:17:47 pm
(http://upic.me/i/v6/12814336_1383760564984590_2028035384750957809_n1.jpg) (http://upic.me/show/58044480)


คนมักจะคิดว่าเงินซื้อความสุขได้ แต่เงินทำได้อย่างมากแค่เช่าความสุข หมายความว่าได้มาชั่วคราวแล้วก็ต้องคืนไป มีความสุขประเดี๋ยวประด๋าวแล้วความสุขก็หายไป

เคยมีคนทำวิจัย เรื่อง ความรู้สึกของคนที่ถูกลอตเตอรีในอเมริกา...เขาสัมภาษณ์คนประมาณพันคน อีกหนึ่งปีต่อมาก็ไปสัมภาษณ์เรื่องความสุข ผลการวิจัยคือ ประมาณ 90% ความสุขของคนที่ถูกรางวัลมีอายุ 6 เดือน แล้วความสุขก็ลดลง อาจจะเป็นเพราะว่าเริ่มชินชากับความสะดวกสบายที่ได้รับ ตอนที่ยังไม่มีบ้านติดแอร์ พอติดแอร์แล้วก็มีความสุข ผ่านไปสองสามเดือนก็เฉยๆ แล้ว

อยากได้ห้องน้ำทองคำ อ่างอาบน้ำทองคำ คุณดิ้นรนหาเงินมาเพื่อจะให้ได้ห้องน้ำทองคำ อ่างอาบน้ำทองคำ คุณดีใจอยู่สี่ห้าเดือนก็รู้สึกเฉย ๆ แล้วคุณก็ต้องดิ้นรนใหม่อีกใช่ไหม?

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 09, 2016, 01:21:48 pm
(http://upic.me/i/at/943986_1385115671515746_6540730996807947759_n1.png) (http://upic.me/show/58044537)


✦ Ake Han ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ผมรบกวนสอบถามครับว่าในพระพุทธศาสนา มีสอนเกี่ยวกับเรื่องการบริหารเวลาไว้ไหมครับ ได้กล่าวไว้ว่าอย่างไรครับ ผมกำลังศึกษาเรื่องการบริหารเวลา เพื่อรวบรวมในการเขียนบทความครับ จึงขอรบกวนพระอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

✦ พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - เท่าที่อ่านมา อาตมายังไม่พบว่าในพระไตรปิฎกมีพูดถึงเรื่องบริหารเวลา คงเป็นเพราะการบริหารเวลาเป็นแนวคิดของคนสมัยใหม่ ที่เวลากลายเป็นเงินเป็นทอง เนื่องจากมีกิจมากมายจนทำไม่ทัน

อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเน้นในส่วนที่เกี่ยวกับเวลาก็คือ การอยู่กับปัจจุบัน กล่าวคือ อย่ามัวอาลัยอดีต หรือกังวลกับอนาคต แต่ควรเร่งทำกิจปัจจุบันให้ดีที่สุด ทั้งนี้โดยตระหนักว่าชีวิตนั้นไม่เที่ยง ไม่มีอะไรที่แน่นอน จึงควรทำสิ่งดีที่สุดเสียแต่บัดนี้ ไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์

การอยู่กับปัจจุบัน ยังหมายถึงการมีสติตามรู้สิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งตามทันสิ่งที่รับรู้เกี่ยวข้องในขณะนั้น ๆ ปัจจุบันในความหมายดังกล่าวจึงไม่ใช่เวลา แต่หมายถึงสิ่งที่กำลังทำหรือรับรู้อยู่ในขณะนั้น ๆ

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 09, 2016, 01:24:33 pm
(http://upic.me/i/2s/12809663_1385656028128377_7717107013233579437_n.jpg) (http://upic.me/show/58044547)


ตามกิเลส >> ต้านกิเลส >> รู้ทันกิเลส

การปฏิบัติในพุทธศาสนาจึงเริ่มต้นด้วยการ "ต้านกิเลส" ไม่ใช่ "ตามกิเลส" เริ่มตั้งแต่ทาน การให้ทานเป็นการต้านกิเลสโดยตรงเลย ปกติคนเราย่อมมีความหวงแหนเงินทอง อยากเก็บสะสมให้มาก ไม่อยากแบ่งปัน พระพุทธศาสนาจึงสอนเรื่องการให้ทาน เพื่อทำให้กิเลสส่วนที่เป็นความตระหนี่บรรเทาเบาบาง เป็นการทวนกระแสกิเลส

อยากย้ำว่า เราไม่ได้ให้ทานเพียงเพราะว่าเรามีจิตเมตตาเท่านั้น แม้จะไม่มีจิตเมตตาเลย แต่รู้อยู่ว่ามีกิเลส มีความโลภ มีความเห็นแก่ตัวอยู่ ผู้ฉลาดย่อมพยายามสละออกไป ด้วยการให้ทาน การให้ทานคือการต้านกิเลสฝ่ายโลภะโดยตรง

แต่ว่าระยะหลังเราให้ทานกันไม่ถูกต้อง คือให้ทานแล้วกลับเพิ่มพูนกิเลส เช่น บริจาคหรือทำบุญ ๑๐ บาท ก็ขอให้ถูกล็อตเตอรี่เป็นล้าน ให้ทานแต่ละอย่าง ทำบุญแต่ละอย่างก็หวังรวย หวังมั่งมี อันนี้ไม่ใช่เป็นการต้านกิเลสแต่กลายเป็นตามกิเลส การทำบุญอย่างนี้จะได้ผลน้อย การให้ทานแบบนี้จะไม่ช่วยทำให้จิตใจโปร่งเบา เพราะว่าเป็นการพอกพูนกิเลส แต่ถ้าทำอย่างถูกต้องแล้ว คือให้เพื่อช่วยเหลือเขาจริง ๆ ไม่หวังประโยชน์เข้าตัว ก็จะช่วยบรรเทาอำนาจของกิเลสทีละน้อย ๆ

นอกจากทานแล้ว ศีลก็เหมือนกัน โดยเฉพาะศีล ๕ ชัดเจนมาก เป็นการต้านกิเลสส่วนที่เป็นโลภะ โทสะ โมหะ โทสะ คือ ความโกรธ อยากจะทำร้าย อยากจะเบียดเบียน อยากจะเอาชีวิตเขา ก็มีศีลข้อที่ ๑ มาคอยกั้นเอาไว้

ส่วนศีลข้อที่ ๒ ก็เป็นการต้านโลภะ คือ ความอยากขโมย อยากช่วงชิงทรัพย์สินของเขา

ศีลข้อที่ ๓ ก็เหมือนกัน เป็นการต้านราคะ คือความอยากจะแย่งชิงคนรักของเขา หรือลูกสาวของเขา

ศีลข้อที่ ๔ ต้านโทสะที่อยากทำร้ายเขาด้วยการโกหกพูดเท็จ

ศีลข้อที่ ๕ ต้านโมหะคือความหลงอันเกิดจากการเสพสุรายาเมา

ศีล ๘ หรือศีล ๑๐ ก็มีจุดหมายทำนองเดียวกันคือเพื่อต้านกิเลส ได้แก่ความอยากเสพความสุขทางกาม เช่น การกินอาหารปรนเปรอตน การประดับประดาด้วยเครื่องหอม เสพสิ่งบันเทิงเริงรมย์ การละเล่นสนุกสนาน หรือการเพลินในการนอน เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นการต้านกิเลสทั้งนั้น

จากศีลแล้วก็มาถึงภาวนา ภาวนามี ๒ ส่วน เรียกว่า สมถภาวนา กับวิปัสสนาภาวนา หรือว่าสมถกรรมฐานกับวิปัสนากรรมฐาน สมถกรรมฐานยังเป็นการต้านกิเลสอยู่ แต่เป็นการต้านที่แยบคายกว่า เช่น

เมื่อมีโทสะก็เอาเมตตา หรือกรุณามาบรรเทาความโกรธ เวลาเราโกรธ จิตใจจะร้อนรุ่ม แต่พอเราตั้งจิตปรารถนาดี หรือแผ่เมตตาให้เขา ใจก็จะเยือกเย็น เหมือนกับว่าเอาน้ำมาดับไฟ

หรือเวลาเกิดตัณหา ราคะขึ้นมา วิธีการแบบสมถะก็คือ พิจารณาอสุภกรรมฐาน นึกถึงซากศพหรือความไม่งามของร่างกาย ก็จะทำให้ราคะฝ่อลง เพราะเจอธรรมะคู่ปรปักษ์ ราคะต้องเจอกับอสุภะ นี้ก็เป็นการต้านกิเลสแบบหนึ่ง เป็นการทวนกิเลส จะเรียกว่าเป็นการ “ย้อนศรกิเลส” ก็ได้

เวลาหลงใหล มัวเมา เพลิดเพลินในความสุข ก็นึกถึงความตาย คือพิจารณามรณสติ ทำให้เกิดความสังเวช เกิดความตื่นตระหนก หรือเกิดความกลัวขึ้นมา ทำให้ความหลงใหลเพลิดเพลิน

ในความสุขฝ่อลง ถ้าจิตฟุ้งซ่านล่ะ ก็ใช้วิธีบังคับหรือ กำหนดจิตให้อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ลมหายใจบ้าง ท้องพองยุบบ้าง ความฟุ้งซ่านก็สงบลงไปได้ ทั้งหมดนี้เรียกรวม ๆ ว่าเป็นการต้านกิเลสเหมือนกัน แต่ว่าเป็นการต้านด้วยการบังคับควบคุมจิต ไม่ใช่การบังคับควบคุมกายหรือวาจา เหมือนกับทานและศีล

แต่ถามว่าเท่านี้พอไหม แทนที่จะตามกิเลส ก็ต้านกิเลส แค่นี้ยังไม่พอนะ ด้วยเหตุนี้จึงต้องมี วิปัสสนากรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐานไม่ใช่การต้านกิเลส แต่เปลี่ยนมาเป็นการ "รู้ทันกิเลส" ตรงนี้คนที่ถนัดกับการต้านกิเลส อาจรู้สึกว่าทำยาก เพราะว่าถูกฝึกมาให้ต้านกิเลสอย่างเดียว โดยเฉพาะคนที่ใฝ่ธรรมะ เราถูกสอนมาว่าต้องต้านกิเลสอย่างเดียว ทานก็ดี ศีลก็ดี หรือการกดข่มอารมณ์ ที่เป็นอกุศล ล้วนเป็นไปเพื่อต้านกิเลสทั้งนั้น

ดังนั้นพอมาทำวิปัสสนา หรือเจริญสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นบาทฐานของวิปัสสนา ก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้านกิเลส เวลามีความโกรธ ความหงุดหงิดเกิดขึ้น หรือแค่ความฟุ้งซ่านเกิดขึ้น ก็จะเข้าไปจัดการกับมัน ด้วยการกดข่ม เวลามีนิวรณ์เกิดขึ้น เช่น ความง่วงเหงา หาวนอน (ถีนมิทธะ) ความฟุ้งซ่าน (อุธัจจกุกกุจจะ) ความลังเลสงสัย (วิจิกิจฉา) ความปรุงแต่งทางกาม (กามฉันทะ) หรือความหงุดหงิดขุ่นเคืองใจ (พยาบาท) นักปฏิบัติจะมองว่านิวรณ์เหล่านี้เป็นกิเลสที่จะต้องกด ต้องข่ม ต้องจัดการ แต่ใช้วิธีนี้อย่างเดียวไม่พอแล้ว จะตามกิเลสก็ไม่ใช่ จะต้านกิเลสตะพึดตะพือก็ไม่ถูก โดยเฉพาะในขั้นของการบำเพ็ญทางจิต ที่เรียกว่า วิปัสสนา หรือสติปัฏฐาน ถึงขั้นนี้ ต้องยกระดับมาสู่การรู้กิเลสหรือรู้ทันกิเลสแทน อันนี้จะเรียกว่าเป็นทางสายกลางก็ได้

พอปฏิบัติมาถึงจุดหนึ่ง ตามกิเลสก็สุดโต่ง ต้านกิเลสก็สุดโต่ง ถ้ามาถึงขั้นเป็นวิปัสสนาแล้ว เราจะต้องยกจิตมาสู่ทางสายกลาง คือรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับใจ รู้ความเปลี่ยนแปลงของใจ ที่จริงก็รวมไปถึงกายด้วย ไม่ว่าทุกขเวทนาหรือสุขเวทนาก็ตาม

พอมาถึงขั้นที่เป็นการเจริญสติ หรือวิปัสนาแล้ว จะไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง ในขั้นสมถกรรมฐาน เรายังเอาเมตตามาข่มโทสะ เอาอสุภะมาข่มราคะ แต่พอถึงจุดที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน เพื่อเป็นบาทฐานสู่วิปัสสนา เราต้องเปลี่ยนวิธีการ คือหันมาเรียนรู้ที่จะดูใจของตนอย่างเป็นกลาง อะไรเกิดขึ้นก็สักแต่ว่ารู้ ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน รู้เฉย ๆ โกรธก็รู้ ดีใจก็รู้ ชอบก็รู้ ชังก็รู้ ยินดีก็รู้ ยินร้ายก็รู้ ตรงนี้ดูเหมือนง่าย เพราะว่าไม่ต้องทำอะไรนอกจากรู้ แต่ว่าความเคยชินเดิม ๆ ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะเผลอใช้วิธีการเดิม ๆ ก็คือไปกด ไปข่ม ไปต้านกิเลส

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 11, 2016, 12:42:09 pm
(http://upic.me/i/6y/12832545_1388434004517246_2331948667464400695_n.jpg) (http://upic.me/show/58060780)


สังคมสมัยใหม่นั้นเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกและความวุ่นวาย ความสงบกลายจึงเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงหามากขึ้น ทุกวันนี้ใครต่อใครพากันดั้นด้นไปยังสถานที่ที่สงบสงัด เสียเงินเท่าไรก็ไม่ว่าขอได้อยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรสักระยะหนึ่ง ความสงบจึงมีค่าดั่งทองคำ แต่บ่อยครั้งแม้พาตนมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แวดล้อมด้วยความสงบสงัดแล้ว แต่ใจหาได้สงบตามด้วยไม่ เพราะครุ่นคิดวิตกกังวลต่าง ๆสารพัด หลายคนได้ตระหนักว่า ความสงบภายนอกนั้นเอื้อให้ใจสงบก็จริง แต่ก็ไม่เสมอไป ใช่แต่เท่านั้น ภายนอกไม่ว่าสงบเพียงใด ก็ไร้ความหมายหากใจไม่สงบไปด้วย

แม้สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลอย่างมากต่อใจเรา แต่จะพบความสงบใจได้ก็ไม่จำเป็นต้องหนีไปอยู่ป่าหรือเข้าวัด แทนที่จะสอดส่ายแสวงหาสถานที่เงียบสงบ ลองกลับมาดูใจเรา สังเกตอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายใน นี้คือจุดเริ่มต้นของการสัมผัสความสงบกลางใจเรา เมื่อใดก็ตามที่รู้จักใจของเราดีพอ จะพบว่าความว้าวุ่นฟุ้งซ่านหรือร้อนรนในใจนั้น ไม่ได้อยู่ที่สิ่งแวดล้อม หากอยู่ที่ความยึดอยากอันเกิดจากอำนาจของความหลง แค่ลืมตัว ใจก็เป็นทุกข์ได้ทันที ถ้าอยากให้ใจสงบ เพียงแค่มีความรู้สึกตัว รู้จักปล่อยวาง หรือมองเป็นเห็นถูก ความว้าวุ่นหนักใจก็เลือนหายไปได้ไม่ยาก

พระไพศาล วิสาโล

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 18, 2016, 04:12:35 pm
(http://upic.me/i/ha/960074_1393830370644276_4046478936461826164_n1.jpg) (http://upic.me/show/58113036)


พระพุทธเจ้าตรัสว่าเงินมันก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตของคฤหัสถ์ แต่ว่าท่าทีของคฤหัสถ์ต่อเงิน ซึ่งรวมถึงชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่

ข้อแรก ต้องได้มาโดยชอบธรรม ไม่ใช่โกง ไม่ใช่เหยียบย่ำคนอื่น ได้มาโดยชอบธรรม ต้องเป็นสัมมาอาชีพ

ข้อสอง ต้องรู้จักใช้ หรือใช้เลี้ยงตนให้มีความสุข ไม่ใช้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็ตำหนินะ คนที่หาเงินมาเยอะๆ แต่ไม่ใช้

คือ จะต้องใช้เลี้ยงตนให้มีความสุข และเลี้ยงคนในครอบครัว บริษัท บริวาร รวมทั้งทำประโยชน์แก่สาธารณะ เช่น เลี้ยงบำรุงสมณะชีพราหมณ์ซึ่งหมายถึงบุคคลสาธารณะที่ทำประโยชน์ให้กับจิตใจผู้คน

ข้อสาม ต้องไม่ยึดติด หรือตกเป็นทาสของเงิน คือ แม้จะหามาโดยชอบธรรม และรู้จักใช้รวมทั้งรู้จักเก็บยังไม่พอ ต้องไม่ให้ใจตกไปเป็นทาสของมันด้วย เพราะถ้าเป็นทาสของมันเราจะทุกข์ เช่น หาเงินมาได้เยอะแยะ แต่พอเงินหายเราทุกข์ เรากินไม่ได้นอนไม่หลับ รถถูกขโมยไปเราเครียดจนป่วย อย่างนี้พระพุทธเจ้าตำหนิว่ากำลังทำตัวเป็นทาสของสิ่งเสพหรือวัตถุ

พระพุทธเจ้าไม่ปฏิเสธ แต่ว่าเราต้องเป็นนายมัน เงินเป็นบ่าวที่ดีแต่เป็นนายที่เลว เป็นนายที่เลวหมายความว่า เราทำทุกอย่างเพื่อมัน เรายอมทำชั่วเพื่อมัน เรายอมหักหลังเพื่อนเพื่อมัน เรายอมทะเลาะหรือว่าโกงเพื่อนเพื่อมัน เรายอมคอรัปชันเพื่อมัน นี่แสดงว่าเราตกเป็นทาสของมันแล้ว...ม้นจะเป็นบ่าวที่ดีเมื่อจิตใจเราเป็นอิสระต่อมัน เช่นนั้นเราจะใช้มัน แต่ถ้าเราเป็นทาสมัน มันจะใช้เรา

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 18, 2016, 04:26:00 pm
(http://upic.me/i/ak/1914546_1395132523847394_8194935480783098051_n.jpg) (http://upic.me/show/58113189)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 18, 2016, 04:53:50 pm
(http://upic.me/i/a7/12800293_495685053972171_5627448589552677092_n.jpg) (http://upic.me/show/58113242)


บุญที่มีอานิสงส์มาก

“ชีวิตที่ไม่รู้จักให้คือชีวิตที่หม่นหมองไร้สุข

ความสุขที่แท้มิได้เกิดจากการเสพหรือ

การมีมาก ๆ แต่อยู่ที่การสละออกไป

เริ่มจากสละวัตถุสิ่งของ ไปจนถึง

สละความยึดติดถือมั่นในตัวตน

สละได้มากเท่าใด ก็ช่วยให้เราอยู่ในโลกนี้

อย่างผาสุกมากเท่านั้น อีกทั้งยังทำให้

เราจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบสุขด้วย”


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook  วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid (https://www.facebook.com/surinrukid)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 22, 2016, 03:34:51 pm
(http://upic.me/i/d6/155744_500499476824062_1444122392292019847_n.jpg) (http://upic.me/show/58140445)


ทำบุญเพื่อลดกิเลส

ความเป็นห่วงว่าจะได้บุญหรือไม่ต่างหาก

ที่ทำให้ใจเศร้าหมอง บุญย่อมลด

ลงตามส่วน หรือทำบุญแล้วอยากได้

อานิสงส์มาก ๆ บุญก็น้อยลงไปด้วย

เพราะใจนั้นมีกิเลสเจือปน ตรงข้าม

หากทำบุญแล้ว มุ่งประโยชน์แก่ผู้รับ

ไม่ปรารถนาหรือคาดหวังประโยชน์

ปล่อยวางอย่างแท้จริง กลับจะได้บุญมาก

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid (https://www.facebook.com/surinrukid)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 22, 2016, 03:40:44 pm
(http://upic.me/i/cs/12832366_503112616562748_4082848470398365099_n.jpg) (http://upic.me/show/58140483)


สุขอย่างยิ่งคือความสงบ

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

เพิ่งบรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต

ดาวน์โหลด => https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)

-----------------------------------------------

ทำหนึ่งได้สอง

“เรากินอาหารอย่างมีสติ รู้ทันความคิด
ปล่อยวางความคิด และใจมันเพลิน
กับรสชาติอาหารก็รู้ไม่เข้าไปเป็นผู้เพลิน
ใจมันไม่ชอบ ก็ให้รู้ให้เห็นความไม่ชอบนั้น”
ธรรมะสั้นๆก่อนอาหารเช้า

จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

ดาวน์โหลด => https://archive.org/details/Salanar2016 (https://archive.org/details/Salanar2016)

--------------------------------------------


เห็นประโยชน์จากสรรพสิ่ง

“อะไรเกิดขึ้นกับเราถ้าเราวางใจถูก
เราไม่ทุกข์ อะไรก็ตามถ้าเกิดขึ้นกับเรา
ถ้าเราวางใจถูกมองเป็น มันมีประโยชน์
ที่จะให้เราเก็บเกี่ยวได้มากมายให้เราตั้งหลัก
อันนี้ให้ได้ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา
ล้วนเป็นอุปกรณ์สอนธรรมให้เราทั้งสิ้น”
เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
เพิ่งบรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต

ดาวน์โหลด => https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)

---------------------------------------------------

อย่าคิดว่าชาติหน้าจะมาหลังวันพรุ่งนี้
เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต
พูดถึงความประมาทและความตายที่คาดไม่ถึง

ดาวน์โหลด => https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)

------------------------------------------------------

ธรรมะเป็นสิ่งใกล้ตัว

“ธรรมะในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องเข้าใจยากและไกลตัว สาเหตุสำคัญก็เพราะธรรมะที่เผยแพร่กันนั้นมักเต็มไปด้วยศัพท์บาลี อีกทั้งเป็นนามธรรมและไม่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของผู้คนสมัยนี้ แต่ความจริงแล้วธรรมะไม่ใช่เรื่องยาก อีกทั้งเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างยิ่ง
ตราบใดที่ความทุกข์สามารถเกิดกับเราได้ทุกขณะ อีกทั้งความแก่ ความเจ็บ และความตาย ยังตามติดตัวเราอยู่ตลอดเวลา ตราบนั้นธรรมะก็มีความสำคัญกับเราทุกลมหายใจ เพราะธรรมะเท่านั้นที่ช่วยให้เราก้าวข้ามความทุกข์และเผชิญความผันผวนปรวนแปรของชีวิตได้ด้วยใจสงบ”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid (https://www.facebook.com/surinrukid)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2016, 04:54:23 am
(http://upic.me/i/wo/1934603_1019845951385559_7171013580969683955_n.jpg) (http://upic.me/show/58158055)


ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วหวังเพียงแค่มีชีวิตที่ยืนยาวเท่านั้น หากยังปรารถนาที่จะได้รับประโยชน์สุขจากชีวิตนี้ด้วย ในทัศนะของคนทั่วไป ประโยชน์สุขที่พึงได้นั้นย่อมได้แก่ การมีทรัพย์สินเงินทอง สุขภาพ สถานภาพ รวมถึง การมีครอบครัวดี อย่างไรก็ตามในทัศนะของพุทธศาสนา นั่นเป็นแค่ประโยชน์เบื้องต้น (ทิฏฐธัมมิกัตถะ)

เราทุกคนมีศักยภาพที่จะเข้าถึงประโยชน์สุขที่ประเสริฐกว่านั้น (สัมปรายิกัตถะ) ซึ่งเป็นที่มาแห่งความสุขทางใจ ได้แก่ความเจริญงอกงามทางธรรม อันเกิดจากการสร้างบุญกุศลเป็นนิจ

เหนือขึ้นไปกว่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์สูงสุด (ปรมัตถะ)ที่พึงได้จากชีวิตนี้ก็คือ การเป็นอิสระจากกองทุกข์ทั้งปวง เพราะมีปัญญารู้ชัดในสัจธรรม จนไม่มีความยึดติดถือมั่นในสิ่งใด

แม้ผู้คนในยุคนี้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น แต่วิสัยทัศน์เกี่ยวกับชีวิตกลับหดสั้นลง หวังเพียงแค่ประโยชน์สุขเฉพาะหน้า เวลาเกือบทั้งชีวิตจึงหมดไปกับการทำมาหาเงินและการแสวงหาความสะดวกสบายทางวัตถุหรือความเพลิดเพลินทางโลก ซึ่งให้ความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ตามมาด้วยความทุกข์ทางใจ อาทิ ความเครียด ความวิตกกังวล ความรุ่มร้อนเพราะอยากได้ไม่หยุดหย่อน มิหนำซ้ำเมื่อต้องพบกับความพลัดพรากสูญเสีย หรือความแก่ ความเจ็บ และความตาย อันเป็นธรรมดาโลก สิ่งต่าง ๆ ที่สะสมพอกพูนมาไม่ว่าเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ ก็มิอาจช่วยให้จิตใจคลายทุกข์ได้เลย

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 30, 2016, 04:47:58 pm
(http://upic.me/i/sv/561446_1402866279740685_4626700423792488702_n.jpg) (http://upic.me/show/58195656)


(http://upic.me/i/q9/12494707_1403353129692000_2391274166498518040_n.jpg) (http://upic.me/show/58195657)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 30, 2016, 04:49:39 pm
(http://upic.me/i/c6/941084_1026067830763371_962175252093830102_n.jpg) (http://upic.me/show/58195718)



แม้ผู้คนในยุคนี้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น แต่วิสัยทัศน์เกี่ยวกับชีวิตกลับหดสั้นลง หวังเพียงแค่ประโยชน์สุขเฉพาะหน้า เวลาเกือบทั้งชีวิตจึงหมดไปกับการทำมาหาเงินและการแสวงหาความสะดวกสบายทางวัตถุหรือความเพลิดเพลินทางโลก ซึ่งให้ความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ตามมาด้วยความทุกข์ทางใจ อาทิ ความเครียด ความวิตกกังวล ความรุ่มร้อนเพราะอยากได้ไม่หยุดหย่อน มิหนำซ้ำเมื่อต้องพบกับความพลัดพรากสูญเสีย หรือความแก่ ความเจ็บ และความตาย อันเป็นธรรมดาโลก สิ่งต่าง ๆ ที่สะสมพอกพูนมาไม่ว่าเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ ก็มิอาจช่วยให้จิตใจคลายทุกข์ได้เลย

ผู้ที่มีปัญญาย่อมตระหนักดีว่าชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความผันผวนปรวนแปร หาความจิรังยั่งยืนมิได้ จึงมองพ้นความสุขเฉพาะหน้า ไม่ฝากความหวังไว้กับเงินทอง ชื่อเสียง และอำนาจ หากมุ่งบำเพ็ญธรรม หมั่นฝึกฝนพัฒนาตน เพื่อกายวาจาที่สะอาด จิตที่สงบ และปัญญาที่สว่างไสว มิใช่เพียงเพื่อความสุขในปัจจุบันเท่านั้น แต่เพื่อความสงบเย็นในยามที่ต้องเผชิญกับความพลัดพรากสูญเสียและความแปรเปลี่ยนในวันข้างหน้า

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 30, 2016, 04:55:59 pm
(http://upic.me/i/oz/12799179_1404919336202046_5527011964492227_n.png) (http://upic.me/show/58195726)


✦ ปุจฉา - กราบนมัสการครับ เหตุใดความทุกข์จึงเที่ยงแท้แน่นอน ในเมื่อสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์นั้นไม่เที่ยงครับ

✦ พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ทุกข์นั้นมีความหมายสองอย่าง อย่างแรก คือทุกขเวทนา เช่น ความรู้สึกเจ็บ ปวด เมื่อย ทุกขเวทนานั้นไม่เที่ยง เช่น เมื่อยืนจึงรู้สึกเมื่อย ครั้นเปลี่ยนมานั่ง ก็หายเมื่อย

ความหมายที่สองคือ สภาวะที่ทนได้ยาก มีความขัดแย้ง ถูกบีบคั้น หรือพร่อง ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดความเสื่อมและดับไปในที่สุด ทุกข์ประกายหลังนั้นปรากฏอยู่ตลอดเวลา เป็นภาวะยืนพื้น ทุกข์ประการหลังนี้คือ ทุกข์ในไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) คนพูดที่ว่า ความทุกข์นั้นเที่ยงแท้แน่นอน หมายถึงทุกข์ประการหลัง ซึ่งไม่มีใครหนีพ้นเพราะมันอยู่ประจำสังขาร
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 30, 2016, 04:58:25 pm
(http://upic.me/i/wo/1690004_1404922876201692_1309941013534419921_n.png) (http://upic.me/show/58195741)


✦ ปุจฉา - นมัสการพระคุณเจ้า ทำอย่างไรจึงจะสามารถสร้างอิทธิบาท 4 ขึ้นมาได้อย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง

✦ พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - พยายามปลูกฉันทะหรือความชอบให้เกิดขึ้นในจิตใจ ด้วยการมองเห็นว่าสิ่งที่ตั้งใจจะทำนั้นมีประโยชน์อย่างไร การเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นจะช่วยให้เกิดฉันทะ อยากทำสิ่งนั้น เมื่อมีฉันทะหรือความชอบ วิริยะหรือความเพียรก็จะตามมา จิตก็จะจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นได้อย่างต่อเนื่อง ไม่วอกแวกเถลไถล และเมื่อมีฉันทะ ก็ย่อมอยากทำให้ดีที่สุด จึงพยายามใคร่ครวญตรวจสอบว่ามีตรงไหนที่ควรแก้ไข หรือควรทำให้ดีขึ้น นั่นคือเกิดวิมังสา
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2016, 10:05:45 am
(http://upic.me/i/8z/12923220_986849391407634_7911724163681834003_n.jpg) (http://upic.me/show/58199636)



ยิ้มรับด้วยใจปล่อยวาง



“เมื่อต้องเจอกับปัญหาหรือเหตุร้าย การยิ้มรับมันย่อมดีกว่าการปฏิเสธมันด้วยความกลัว เพราะการยิ้มรับนั้นในแง่หนึ่งหมายถึงการไม่ยอมรับอำนาจคุกคามของมัน และทำให้มันไม่น่ากลัวอีกต่อไป แทนที่จะมองเป็นศัตรู กลับเห็นเป็นมิตรไปเสีย ท่าทีเช่นนี้ยังสามารถใช้ได้กับความตาย ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น เมื่อจะต้องเจอมันอย่างแน่นอน ควรเรียนรู้ที่จะยิ้มรับมันเสียแต่ตอนนี้ หรือถึงจะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลย เมื่อถึงคราวที่ต้องเจอมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ การเดินยิ้มเข้าหามัน ย่อมดีกว่าการพยายามเบือนหน้าหรือหลีกหนีมันด้วยความกลัว”

พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
 https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 04, 2016, 01:22:17 pm
(http://upic.me/i/gd/12924608_1415458375148142_4546935766404204511_n.jpg) (http://upic.me/show/58224459)


ความงามแห่งรุ่งอรุณ


ท้องฟ้ายามอรุณรุ่งคือความงดงามที่ชื่นชมได้ไม่รู้เบื่อ แต่จะงามประทับจิตยิ่งขึ้นหากได้ตื่นขึ้นมาก่อนฟ้าสาง เมื่อท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยน จากมืดมิดแล้วค่อย ๆ เรื่อเรืองด้วยแสงเงินแสงทอง จิตใจของผู้ชมก็จะค่อย ๆ แจ่มใสและเบิกบาน จนรู้ตื่นเต็มที่เมื่อท้องฟ้าสว่างไสวไปทุกทิศ

แสงเงินแสงทองงามที่สุดเมื่อประชันกับความมืดมิด ความงามของธรรมชาติเบื้องหน้าจะจับใจเมื่อความมืดมนค่อย ๆ ละลายหายไป กลายเป็นความสว่างเรือง ใครที่ไม่ได้เห็นความมืดมิดของท้องฟ้ามาก่อน ไหนจะเลยประจักษ์ถึงความงามของอรุณรุ่งได้อย่างเต็มที่

รุ่งอรุณงดงามจับใจยิ่งสำหรับผู้ที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมาก่อน ในยามทดท้อสิ้นหวังกับชีวิต จนไม่อยากอยู่ต่อไปในโลกนี้ เพียงแค่เห็นแสงอรุณจับขอบฟ้า ไล่ความมืดมิดไปทีละน้อย ๆ จิตก็สว่างไสว และหลุดพ้นจากความมืดมน เกิดความหวังและกำลังใจที่จะสู้ทุกข์ต่อไป ใช่หรือไม่ว่าเมื่อถึงที่สุดแห่งรัตติกาล อรุณรุ่งก็ปรากฏ เมื่อมืดมิดอย่างที่สุด ความแจ่มกระจ่างก็บังเกิด

ผู้ที่ตกอยู่ในความมืดมิดย่อมซึ้งใจในคุณค่าของแสงสว่าง แม้เพียงประพิมประพาย ฉันใดก็ฉันนั้น น้ำใจแม้เพียงเล็กน้อย กลับเป็นสิ่งยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่จมอยู่ในความทุกข์ ที่อาจตราตรึงใจเขาอย่างมิรู้ลืม ปราศจากความทุกข์ ไยจะเห็นคุณค่าของความเอื้อเฟื้อและความอิ่มเอิบใจ หากสุขสบายไปทั้งชาติไหนเลยจะซาบซึ้งใจกับความดีที่ผู้อื่นกระทำแก่ตน บางครั้งความทุกข์ก็ทำให้เราเห็นน้ำใจที่งดงามของเพื่อนมนุษย์ได้ชัดเจน เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในความมืดเท่านั้นที่จะประจักษ์ถึงความงามยามอรุณรุ่งอย่างยากจะพรรณนา

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 04, 2016, 01:40:09 pm
(http://upic.me/i/5j/12936611_512560998951243_4635758892182663123_n.jpg) (http://upic.me/show/58224577)


มองดีมีสุข

“คนเราส่วนใหญ่ทุกข์ก็เพราะความคิด

หรือมุมมอง ถ้ามองไม่เป็น เห็นแต่ข้อเสีย

หรือข้อผิดพลาด ถึงจะได้โชคลาภมากมายเพียงใด

ใจก็มีแต่ความหงุดหงิดขึ้งเครียด

ความสุขนั้นบ่อยครั้งมารออยู่ข้างหน้าแล้ว

แต่ผู้คนกลับปล่อยให้มันผ่านเลยไป

เพราะมัวจดจ่ออยู่กับจุดเล็ก ๆ ที่เป็นลบ

แค่ไม่กี่จุดเท่านั้น หากมองข้ามมันไปบ้าง

ความสุขก็จะมานั่งในใจเราทันที”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid/ (https://www.facebook.com/surinrukid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 07, 2016, 10:51:21 pm
(http://upic.me/i/ht/12924553_1412115002149146_1473651950681362849_n1.jpg) (http://upic.me/show/58251581)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 07, 2016, 10:52:47 pm
(http://upic.me/i/lv/12494863_1414747798552533_978626724391920626_n.jpg) (http://upic.me/show/58251602)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 07, 2016, 10:54:42 pm
(http://upic.me/i/xm/12932867_1415860495107930_5880674344956824357_n.jpg) (http://upic.me/show/58251634)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 07, 2016, 10:57:38 pm
(http://upic.me/i/2f/944987_1416297865064193_6023356664148157735_n.jpg) (http://upic.me/show/58251666)


ความทุกข์ใจ ไม่ได้เกิดจากคนอื่น เรามักจะโทษคนนั้นคนนี้ แต่รากเหง้ามาจากใจของเราเอง เวลามีความขัดแย้งเรามักจะโทษคนนั้นคนนี้ แต่เราลืมดูใจของเรา อาจเป็นเพราะใจของเราไปยึดมั่นถือมั่นกับความคิดของเรา หรืออาจเป็นเพราะว่าเราชอบมองในแง่ลบ ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมงานก็มีข้อดีหลายอย่าง แต่เรามองเห็นแต่ด้านไม่ดีของเขา เช่น ขี้บ่น หรือพูดเสียงดัง ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับการทำงานแต่เป็นบุคคลิกส่วนตัว สิ่งที่เราเห็นนั้นแม้เป็นความจริงแต่อาจเป็นแค่ส่วนน้อยของเขา ข้อดีของเขาก็มีมาก แต่เราไม่มอง ถ้าเรามองเห็นด้านดีของเขา แม้ว่าเขาจะขี้บ่น เสียงดังไปบ้าง เราก็จะทำงานได้อย่างมีความสุข

เราควรยอมรับว่าทุกคนมีข้อดีข้อเสียด้วยทั้งนั้น จะหาใครเพอร์เฟกต์ สมบูรณ์แบบย่อมไม่มี แต่ถ้าเมื่อไหร่เรามองแต่แง่ลบ เราจะทำงานอย่างไม่มีความสุข ถ้าเรามองเห็นรอบด้าน เห็นทั้งข้อดีข้อเสีย เราจะทำงานด้วยกันอย่างมีความสุข และจะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันน้อยลง

คนทุกวันนี้มองเห็นหรือจ้องจับผิดได้ง่าย หลายคนพอบอกให้วิจารณ์งานของเพื่อน ก็สามารถพรรณนาได้ยาวเหยียด แต่พอขอให้ชมเขากลับทำไม่ได้ อาตมาอยากแนะนำว่าก่อนจะวิจารณ์ใคร ควรมองเห็นข้อดีของคนนั้นเสียก่อน ถ้าเราจะวิจารณ์เขา 1 ข้อ เราต้องเห็นข้อดีของเขา 2 ข้อ นี่เป็นการฝึก เพราะสมัยนี้คนเราเก่งเรื่องการจับผิดมาก อาตมา เชื่อว่าถ้าเราชมกันมากขึ้นบรรยากาศในที่ทำงานจะดีขึ้น ถ้าเราลองปรับมุมมองซะหน่อยเราจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 07, 2016, 11:02:41 pm
(http://upic.me/i/zy/12919891_1417036964990283_368377151131137092_n.jpg) (http://upic.me/show/58251728)


คืนสู่ธรรมชาติ ที่นี่ ตรงนี้

เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ชีวิตอันผาสุกย่อมมีได้ ด้วยการธำรง ความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ การกลับสู่ธรรมชาติ เป็นสิ่งจำเป็น

สำหรับคุณภาพชีวิต แต่นี้ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าจะต้องไปสู่สถานหลีกเร้น

การคืนสู่ธรรมชาติที่แท้ และมีความหมายยิ่งกว่านั้นคือ การกลับสู่ธรรมชาติ ภายในตัวเราเอง กลับไปเพื่อการค้นหาและรู้ซึ้งถึงตัวเรา เข้าใจตนตามที่เป็นจริง และรู้จักธรรมชาติของจิตใจเรา

อะไรที่ทำจิตเราให้เหนื่อยอ่อน ยังใจให้แจ่มใส ทุกข์ สุขภายในเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และทำไมเราจึงหัวปักหัวปำไปกับมันได้อย่างไม่รู้เนื้อ รู้ตัว ฯลฯ

การหมั่นพินิจตนและการฝึกฝนใจอย่างต่อเนื่อง จะนำเราเข้าสู่ธรรมชาติ ของตัวเราลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ และยังความผาสุกสงบแก่จิตใจ เป็นความแจ่มกระจ่าง

การคืนสู่ธรรมชาติโดยนัยนี้ มิต้องเริ่มต้นที่ภูหลวง ตะรุเตา หรือเขาใหญ่ แต่สามารถเริ่มต้นที่จิตใจของเรา ตรงนี้และเดี๋ยวนี้ได้ทันที

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 07, 2016, 11:09:12 pm
(http://upic.me/i/hc/12718031_1417862208241092_8772949563897611777_n1.jpg) (http://upic.me/show/58251754)

มุมสูง ใจสูง

บนยอดเขาเราสามารถมองเห็นโลกในมุมสูง สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องล่างน่าจะเตือนให้เราตระหนักว่ามนุษย์เรานั้นช่างเล็กกะจิดริด เมื่อมองลงไปจะพบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน คนขาวกับคนดำ เศรษฐีกับยาจก นายก ฯ หรือชาวบ้าน ไทยหรือฝรั่ง พุทธหรือมุสลิม ฯลฯ สมมุติบนพื้นโลกไม่มีความหมายเลยเมื่อมองลงมาจากยอดเขา เพราะทุกคนเหมือนกันหมด ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่มีใจสูง มีปัญญาเข้าถึงสัจธรรม ย่อมอยู่เหนือสมมติ ไม่เห็นผู้คนแตกต่างกันเลย ทุกคนมีค่าเสมอกันหมด

พระไพศาล วิสาโล

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 12, 2016, 12:31:19 pm
(http://upic.me/i/3v/12938370_994904127268827_9128439307706414476_n.jpg) (http://upic.me/show/58277531)


ผู้มีการศึกษาที่แท้จริง

“ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญก็จริงอยู่

แต่มิใช่สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต

สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการได้ทำสิ่งดีงาม

ถูกต้องและเสียสละ หากได้ทำความดีงาม

อย่างเต็มที่ แม้ไม่สำเร็จหรือประสบชัยชนะ

ก็ได้ชื่อว่าทำสิ่งที่ควรแก่ความภาคภูมิใจ

ซึ่งให้ความสุขที่ยั่งยืนกว่าความสำเร็จทั่ว ๆ ไป”



เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

คลิ๊กฟังหรือดาวน์โหลดได้ที่  => https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 28, 2016, 06:45:35 pm
(http://upic.me/i/e3/13055520_1432061306821182_3998641493557691670_n.jpg) (http://upic.me/show/58377316)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 28, 2016, 06:46:45 pm
(http://upic.me/i/0f/13087754_1431027243591255_1977486545583042131_n.jpg) (http://upic.me/show/58377315)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 27, 2016, 06:16:58 pm
(http://upic.me/i/s9/13238867_1450376218323024_42054999284443894_n.jpg) (http://upic.me/show/58554151)


ถ้าเราไม่ต้องตาย วันแต่ละวัน เวลาแต่ละวินาที ก็จะดูไม่มีค่า เหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่ไม่เห็นค่าของเวลา ตรงกันข้ามกับคนป่วยหนักหรือเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่จะเห็นค่าของวันเวลาที่เหลืออยู่ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเช้าวันใหม่ แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้วที่วันนี้ยังไม่ตาย ยังมีเวลาที่จะได้ทำสิ่งที่อยากทำ ความรู้สึกแบบนี้จะไม่มีกับวัยรุ่นหรือแม้แต่คนทั่วไปเพราะเขาคิดว่ายังมี เวลาเหลือเฟือในโลกนี้

ความสุขจะหาได้ง่ายขึ้นมาก ถ้าเราตระหนักว่าเราต้องตายไม่ช้าก็เร็ว มีบางคนที่ทุกเย็นเมื่อได้เห็นหน้าลูก หน้าสามีภรรยา แค่นี้เขาก็มีความสุข และขอบคุณชีวิต ในขณะที่หลายคนกลับมีความสุขยากเหลือเกิน ต้องการโน่น ต้องการนี่ ตัวเองมีอยู่แล้วก็ไม่พอ ก็เพราะเขาลืมว่าสักวันหนึ่งเขาต้องตาย ไม่ว่าจะได้อะไรมาก สักวันหนึ่งก็ต้องสูญเสียมันไป

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 27, 2016, 06:19:41 pm
(http://upic.me/i/hr/13254233_1453113174715995_5524853398024832287_n.jpg) (http://upic.me/show/58554176)


“อยู่ดี” กับ “ตายดี” เป็นสิ่งที่ไปด้วยกัน หากว่าการอยู่ดีนั้นหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า หมั่นทำความดี ละเว้นความชั่ว รวมทั้งลดละความเห็นแก่ตัวและอารมณ์อกุศลที่สร้างความทุกข์ให้แก่จิตใจ (ไม่ใช่ “อยู่ดีกินดี” หรืออยู่อย่างอัครฐาน พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ) การตายดีก็เป็นอันหวังได้

ในทำนองเดียวกันหากฝึกจิตอยู่เสมอเพื่อการตายดี ย่อมส่งผลให้การดำเนินชีวิตของเราเป็นไปในทางที่ดีงาม เช่น เห็นความสำคัญของการอยู่อย่างไม่ประมาท มีศรัทธาในสิ่งดีงาม ขณะเดียวกันก็รู้จักปล่อยวาง

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo (https://www.facebook.com/visalo)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 05:30:51 am
(http://upic.me/i/jp/13315772_1455933984433914_7308869922317100047_n1.jpg) (http://upic.me/show/58595105)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 05:33:39 am
(http://upic.me/i/15/13263877_1456613064366006_7178133938232172773_n.jpg) (http://upic.me/show/58595156)


“ความทุกข์พื้นฐานของผู้คนก็คือความรู้สึกพร่อง การเปรียบเทียบกับผู้อื่น โดยเฉพาะการนำเสนอของสื่อซึ่งไร้พรมแดน ทำให้ผู้คนรู้สึกด้อยเสมอเมื่อพบว่าตนยังมีน้อยกว่าคนอื่น ขี้เหร่กว่าคนอื่น ไม่ดูดีเหมือนคนอื่น สื่อที่ถูกครอบงำโดยบริโภคนิยมในด้านหนึ่งทำให้ผู้คนเกิดความต้องการที่เลอเลิศสูงส่งราวกับฝันกลางวัน แต่อีกด้านก็ทำให้ผู้คนไม่พอใจกับสภาพปัจจุบันของตน....”

แต่ก่อนสื่อกระแสหลัก เช่น โทรทัศน์ มักกระตุ้นเร้ากิเลสและทำให้คนรู้สึกพร่องอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้มันไม่มีพลังเท่ากับโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ซึ่งทำให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น และทำให้ผู้คนรู้สึกด้อยมากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองพร่องมากขึ้น พอเห็นภาพโปรไฟล์ของคนนั้นคนนี้ว่าเขาหน้าตาดี เป็นคนที่ไม่ได้ไกลจากเรา ไม่ใช่ดาราด้วยซ้ำ แต่เขาหน้าตาดีกว่าเรา มีความสุขกว่าเรา พอคิดแบบนี้ผู้คนก็จะรู้สึกพร่องขึ้นมา รู้สึกว่าเราขี้เหร่ สู้เขาไม่ได้ ตรงนี้ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้น

อาตมาคิดว่าทุกวันนี้เฟซบุ๊ก หรือโซเชียลมีเดียทำให้คนเป็นทุกข์มากกว่ามีความสุข จริงอยู่มันสามารถขยายกรอบความรู้ของเราให้กว้างขวางมากขึ้น แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของอารมณ์ความรู้สึกแล้ว คนจะเป็นทุกข์มากกว่า ไม่ใช่เพราะถูกกระตุ้นให้เกิดความโลภมากขึ้น เกิดความรู้สึกพร่องมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความโกรธ ความเกลียด ความกลัว มากขึ้นด้วย

ตรงนี้นอกจาก กิน กาม เกียรติ ซึ่งเป็นปัญหาของทุนนิยมบริโภคนิยมแล้ว โกรธ เกลียด กลัว ก็ยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยมีจุดกระตุ้นก็  คือ ความแตกต่างทางด้านความคิด หรืออุดมการณ์ เช่น สีเหลือง สีแดง ความแตกต่างทางศาสนา เช่น พุทธ คริสต์ มุสลิม ความแตกต่างทางเศรษฐกิจ เช่น คนรวยกับคนจน

ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียกระตุ้นกระพือความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ให้มากขึ้น ทำให้คนไม่มีความสุข แต่ก็รู้สึกว่าขาดมันไม่ได้ ถ้าไม่ได้ดูเฟซบุ๊กแล้วจะรู้สึกขาดอะไรไปบางอย่าง แต่พอดูแล้วก็รู้สึกพร่อง

ตัวเฟซบุ๊กเองสักวันหนึ่งคงถึงจุดสิ้นสุด ไม่ได้รับความนิยม แต่ก็จะมีอย่างอื่นมาแทน มีอานุภาพในการทำให้คนหลงและติดได้มากขึ้น


พระไพศาล วิสาโล

http://www.visalo.org/columnInterview/phutai100.html (http://www.visalo.org/columnInterview/phutai100.html)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 05:39:28 am
(http://upic.me/i/hq/13346852_1458013697559276_6919665882292081156_n1.jpg) (http://upic.me/show/58595161)


เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนา แทนที่จะต่อสู้ขัดขืน อย่างแรกที่ควรทำคือยอมรับมัน ไม่ปฏิเสธหรือต่อสู้ขัดขืน อย่างน้อย ๆ มันช่วยทำให้เราทุกข์ใจน้อยลง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นของหาย งานหนัก หรือความเจ็บป่วย เมื่อเจ็บป่วยแล้วบ่นตีโพยตีพาย คุณจะทุกข์กว่าเดิม ไม่ใช่แค่ทุกข์กายเท่านั้น แต่ทุกข์ใจด้วยแต่ถ้ายอมรับว่าเมื่อความป่วยเกิดขึ้นกับเราแล้ว ป่วยการที่จะตีโพยตีพายหรือปฏิเสธมัน แทนที่จะตีโพยตีพาย ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะมาพิจารณาว่าจะรักษาตัวอย่างไรให้หายป่วย

การยอมรับไม่ใช่การยอมจำนน แต่หมายถึงการยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ เสียเวลาหรือเสียอารมณ์ด้วยการตีโพยตีพายโวยวาย แต่เราจะยอมรับความจริงได้ก็ต้องมีสติรู้ทันใจของตัวเอง เพราะปฏิกิริยาแรกของใจก็คือการโวยวาย ต่อสู้ ขัดขืน ผลักไส เป็นธรรมดาของใจเมื่อเจอสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ใจก็จะผลักไสต่อต้านเป็นอย่างแรก ถ้าหนีไม่ได้ก็จะผลักไส แต่ถ้ามีสติรู้ทันอาการดังกล่าว มันก็จะคลายไป ช่วยทำให้ใจเราสงบ เพราะความสงบเกิดจากการยอมรับ แต่ถ้าเราดิ้นขัดขืนเมื่อไหร่ใจจะเป็นทุกข์ เร่าร้อนทันที

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 05:59:05 am
(http://upic.me/i/yc/13263723_1019861591439747_4472607151549668520_n.jpg) (http://upic.me/show/58595194)


มีสติเมื่อใด ใจเห็นธรรมะเมื่อนั้น

"ป่วยกายแต่ใจไม่ป่วยก็ได้

เสียทรัพย์แต่ใจไม่เสียก็ได้

แม้มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่ใจ

ไม่ทุกข์ก็ได้ เป็นเพราะ

มีสติรักษาใจนั่นเอง"

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย

===> https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 06:02:34 am
(http://upic.me/i/0j/13240129_1604498009860555_6151457114366206133_n.jpg) (http://upic.me/show/58595195)


อย่าให้อัตตาครองใจ

“เพียงแค่เปิดใจฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ คำท้วงติง ก็ช่วยได้มาก เพราะเวลาเจอคำท้วงติง อัตตาจะไม่ยอม มันจะฮึดฮัดขัดขืน เมื่อไรก็ตามที่เรารู้ว่ามันฮึดฮัดขัดขืน แทนที่จะเดือดร้อนกับมัน ควรสมน้ำหน้ามัน ถือว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นการทรมานอัตตาให้กร่างน้อยลง มันจะได้สงบเสงี่ยมเจียมตัวมากขึ้น เพราะถ้าเราไม่ทรมานมันบ้าง ไม่ฝึกให้มันอยู่เป็นที่เป็นทางบ้าง มันก็จะยกหูชูหาง แล้วมาครอบงำเรา ทำให้เป็นทุกข์อยู่ร่ำไป “

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 06:06:22 am
(http://upic.me/i/3z/13327601_1022984621127444_7255785433132518391_n.jpg) (http://upic.me/show/58595202)


ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

งานแม้จะใหญ่ ภาระแม้จะมาก

แต่จะสำเร็จหรือปลดเปลื้องได้

ก็ต่อเมื่อเรา ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

เพราะวันนี้วันเดียวเท่านั้นที่เรา

สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

ไม่ใช่เมื่อวานหรือวันพรุ่งนี้


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 06:12:47 am
(http://upic.me/i/n8/13315449_1606586122985077_5784980363127188489_n.jpg) (http://upic.me/show/58595204)


ช่างมัน..ไม่เป็นไร


"ปัญหาไม่ได้มีไว้กลุ้ม

ปัญหามีไว้แก้ ก็ขอให้

ตั้งหน้าตั้งตาแก้ ตั้งหน้า

ตั้งตาจัดการกับมัน

การปฎิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน

เวลาเกิดอะไรขึ้นที่ไม่น่าพอใจ

ก็ให้ท่องคาถาว่า

"ช่างมัน"ไม่เป็นไร"

มันเครียดก็ไม่เป็นไร

มันหงุดหงิดก็ไม่เป็นไร

อันนี้จะทำให้เรา....
.
ยิ้มรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในใจได้"

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 06:17:17 am
(http://upic.me/i/il/13307490_1050810705006644_8541746218803255699_n.jpg) (http://upic.me/show/58595221)


หัวเราะ...ความทุกข์

“เคราะห์กรรมแม้จักหนักหนาเพียงใด

ถ้ารู้จักหัวเราะเยาะมัน

ชีวิตจะโปร่งเบาขึ้นมาก

มีกำลังใจที่จะสู้อุปสรรคต่อไป

อย่างหน้าชื่นตาบาน”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 06:23:10 am
(http://upic.me/i/g0/13315772_534122480128428_274749589628367462_n.jpg) (http://upic.me/show/58595225)


คุณค่าของเวลา

ถ้าเราไม่ต้องตาย วันแต่ละวัน เวลาแต่ละวินาที ก็จะดูไม่มีค่า เหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่ไม่เห็นค่าของเวลา ตรงกันข้ามกับคนป่วยหนักหรือเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่จะเห็นค่าของวันเวลาที่เหลืออยู่ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเช้าวันใหม่ แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้วที่วันนี้ยังไม่ตาย ยังมีเวลาที่จะได้ทำสิ่งที่อยากทำ ความรู้สึกแบบนี้จะไม่มีกับวัยรุ่นหรือแม้แต่คนทั่วไปเพราะเขาคิดว่ายังมี เวลาเหลือเฟือในโลกนี้

ความสุขจะหาได้ง่ายขึ้นมาก ถ้าเราตระหนักว่าเราต้องตายไม่ช้าก็เร็ว มีบางคนที่ทุกเย็นเมื่อได้เห็นหน้าลูก หน้าสามีภรรยา แค่นี้เขาก็มีความสุข และขอบคุณชีวิต ในขณะที่หลายคนกลับมีความสุขยากเหลือเกิน ต้องการโน่น ต้องการนี่ ตัวเองมีอยู่แล้วก็ไม่พอ ก็เพราะเขาลืมว่าสักวันหนึ่งเขาต้องตาย ไม่ว่าจะได้อะไรมาก สักวันหนึ่งก็ต้องสูญเสียมันไป

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 06:50:05 am
(http://upic.me/i/jh/13335912_1458718300822149_6932444690344085205_n.jpg) (http://upic.me/show/58595273)


คนเรามักอ้าแขนต้อนรับความสุข แต่ปฏิเสธความทุกข์ พยายามหนีความทุกข์ให้ไกลที่สุด แต่มีความทุกข์หลายอย่างที่ไม่ว่าเราจะพยายามหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น ในที่สุดก็ต้องเจอ แต่ถ้าเจอแล้วเรายังปฏิเสธมัน ไม่ยอมรับมัน มันก็จะบีบคั้นเราให้ทุกข์หนักขึ้น ไม่ใช่แค่ทุกข์กายเท่านั้น แต่ทุกข์ใจด้วย ทำให้พลัดหลงเข้าไปในโมหะ ในอวิชชามากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา :Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 06:55:27 am
(http://upic.me/i/dw/13315662_1454589141235065_7221589394986459437_n.jpg) (http://upic.me/show/58595276)


พบเมื่อใด สุขใจเมื่อนั้น

ซารูเด็กชายวัย ๕ ขวบพลัดหลงกับพี่ชายในคืนวันหนึ่ง คืนนั้นเขานั่งรถไฟมากับพี่ชาย เมื่อลงจากรถไฟเด็กน้อยเหนื่อยมาก เขาผลอยหลับไปขณะที่พี่ชายออกไปหาของกิน เมื่อตื่นขึ้นมาเขาหาพี่ชายไม่พบ ด้วยความตกใจเด็กน้อยกระโดดขึ้นรถไฟที่จอดอยู่ข้างหน้าแล้วหลับต่อมารู้ตัวอีกทีเขาก็ถึงปลายทางคือกัลกัตตา

ซารูกลายเป็นเด็กเร่ร่อนแถวสถานีรถไฟ คุ้ยหาอาหารตามถังขยะและพื้นดิน จนมีคนมาพบและส่งเขาไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีการลงประกาศหาพ่อแม่ของเขาตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ไร้ผล โชคดีที่มีคนรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมที่ออสเตรเลีย นับแต่นั้นชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ตั้งแต่เด็กจนหนุ่มเขาคิดถึงบ้านเกิดอยู่เสมอ แต่เขาจำอะไรแทบไม่ได้เลย รวมทั้งชื่อพ่อแม่และนามสกุลดั้งเดิมของตัว จำได้แต่สถานีรถไฟใกล้บ้านเกิดว่ามีหอเก็บน้ำ สะพาน และแม่น้ำอยู่แถวนั้น การหาบ้านเกิดจึงแทบไม่ต่างจากการหาเข็มในกองฟาง

โชคดีที่ไม่กีปีมานี้มี Google Earth เกิดขึ้น เขาอาศัยโปรแกรมนี้ตามหาบ้านเกิดทางคอมพิวเตอร์ โดยเริ่มต้นที่สถานีกัลกัตตาแล้วไล่ตามเส้นทางรถไฟย้อนขึ้นไป เขาหมกมุ่นอยู่กับภาพถ่ายดาวเทียมภาพแล้วภาพเล่านานหลายปีจนในที่สุดก็ค้นพบสถานีหนึ่งซึ่งคล้ายภาพในความทรงจำของเขา

แล้วเขาก็เดินทางไปกัลกัตตา นั่งรถไฟไปลงที่สถานีดังกล่าว แม้พูดภาษาฮินดีไม่ได้เลย แต่เมื่อยื่นภาพถ่ายวัย ๕ ขวบของเขาจากพาสปอร์ตเมื่อ ๒๕ ปีก่อน คนแถวนั้นก็จำได้ และพาเขาไปพบแม่ ทั้งสองคนตื่นเต้นดีใจมาก กอดกันตัวกลม รู้สึกเหมือนฝันเพราะไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ได้

เทคโนโลยียุคใหม่ทำให้การตามหาบ้านเกิด พ่อแม่ ลูกหลาน หรือเพื่อนที่พลัดพรากจากกันหลายสิบปี กลายเป็นสิ่งที่ง่ายดาย บางคนแค่ประกาศหาทางเฟซบุ๊คไม่กี่วันก็ประสบความสำเร็จ ดังหนุ่มชาวอังกฤษที่สามารถตามหาสามีภรรยาชาวไทยที่เคยช่วยเขาในเหตุการณ์สึนามิ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่ภูเก็ตด้วยตนเอง

สมัยนี้จะตามหาใครไม่ใช่เรื่องยากแล้ว แต่ที่ยังยากอยู่หรือยากกว่าเดิมก็คือ การตามหาตนเอง ผู้คนเป็นอันมากแก่ชราแล้วก็ยังตามหาตนเองไม่พบ ไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร อยู่เพื่ออะไร และต้องการอะไรอย่างแท้จริง

ออรังเซ็บ กษัตริย์อินเดียราชวงศ์โมกุล ซึ่งยึดอำนาจจากบิดาคือชาห์ชะฮาน ผู้สร้างทัชมาฮาล ตลอดทั้งชีวิตทำสงครามขยายอาณาจักรจนดินแดนแผ่ไพศาล ครอบครองประชากรเกือบ ๑ ใน ๔ ของโลก และได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อใกล้ตายเขารำพึงด้วยความรันทดว่า

“ฉันมาแล้วก็ไปอย่างคนแปลกหน้า ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร และกำลังทำอะไรอยู่”

มาร์คอส ซึ่งเคยเป็นประธานาธิบดีที่เรืองอำนาจของฟิลิปปินส์ เคยบันทึกด้วยความรู้สึกคล้าย ๆ กันว่า “ผมมีอำนาจมากที่สุดในฟิลิปปินส์ ผมมีทุกอย่างที่เคยใฝ่ฝัน พูดให้ถูกต้องคือ ผมมีทรัพย์สมบัติทุกอย่างเท่าที่ชีวิตต้องการ มีภรรยา ซึ่งเป็นที่รักและมีส่วนร่วมในทุกอย่างที่ผมทำ มีลูก ๆ ที่ฉลาดหลักแหลม และสืบทอดวงศ์ตระกูล มีชีวิตที่สุขสบาย ผมมีทุกอย่าง แต่กระนั้นผมก็ยังรู้สึกไม่พึงพอใจในชีวิต”

แม้ในยามที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด คนจำนวนไม่น้อยก็ยังไม่รู้ว่าตนต้องการอะไรอย่างแท้จริง ที่แน่ ๆ ก็คือ อำนาจและทรัพย์สมบัติที่มีมากมายนั้น หาใช่สิ่งที่ตนเองกำลังแสวงหาไม่ ถ้าเช่นนั้นมันคืออะไร หลายคนตายแล้วก็ยังไม่พบ จึงอยู่อย่างไร้สุข

จะตามหาใครหรืออะไรก็แล้วแต่ อย่าลืมตามหาตนเองให้พบด้วย มันไม่ช่วยให้อิ่มท้องหรือหายหิวก็จริง แต่ก็ทำให้ชีวิตนี้มีความหมายและอยู่อย่างอิ่มเอมเต็มเปี่ยม

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา :Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 07:03:30 am
(http://upic.me/i/it/13256480_1044233718997676_4485127185370753544_n.jpg) (http://upic.me/show/58595516)


คุณค่าของความรัก


“ทุกความรักที่ได้รับล้วนมีค่า

จึงควรรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณ

ขณะเดียวกันก็อย่าลืมทะนุถนอม

และบ่มเพาะความรักนั้นให้เจริญงอกงาม

ไม่ใช่ในใจของเราเท่านั้น แต่ในใจของผู้ที่

ให้ความรักแก่เรา ด้วยการมีน้ำใจให้เขา

ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ และทำความดีตอบแทน

ที่ขาดไม่ได้คือการให้อภัยและความอดทนอดกลั้น”


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/ (https://www.facebook.com/วัดป่าสุคะโต-เพื่อธรรมะและธรรมชาติ-704694382956471/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 03, 2016, 07:16:25 am
(http://upic.me/i/n0/13233013_528750907332252_6381472362727256422_n.jpg) (http://upic.me/show/58595885)


เปลี่ยนมุมมอง

เราควรยอมรับว่าทุกคนมีข้อดีข้อเสียด้วยทั้งนั้น จะหาใครเพอร์เฟกต์ สมบูรณ์แบบย่อมไม่มี แต่ถ้าเมื่อไหร่เรามองแต่แง่ลบ เราจะทำงานอย่างไม่มีความสุข ถ้าเรามองเห็นรอบด้าน เห็นทั้งข้อดีข้อเสีย เราจะทำงานด้วยกันอย่างมีความสุข และจะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันน้อยลง

คนทุกวันนี้มองเห็นหรือจ้องจับผิดได้ง่าย หลายคนพอบอกให้วิจารณ์งานของเพื่อน ก็สามารถพรรณนาได้ยาวเหยียด แต่พอขอให้ชมเขากลับทำไม่ได้ อาตมาอยากแนะนำว่าก่อนจะวิจารณ์ใคร ควรมองเห็นข้อดีของคนนั้นเสียก่อน ถ้าเราจะวิจารณ์เขา 1 ข้อ เราต้องเห็นข้อดีของเขา 2 ข้อ นี่เป็นการฝึก เพราะสมัยนี้คนเราเก่งเรื่องการจับผิดมาก อาตมา เชื่อว่าถ้าเราชมกันมากขึ้นบรรยากาศในที่ทำงานจะดีขึ้น ถ้าเราลองปรับมุมมองซะหน่อยเราจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระสุรินทร์ ก่อนการคิด
https://www.facebook.com/profile.php?id=100002331721139 (https://www.facebook.com/profile.php?id=100002331721139)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 10, 2016, 07:27:27 am
(http://upic.me/i/4m/13428563_10154300506994744_2456069957375476275_n.jpg) (http://upic.me/show/58645330)


ที่มา : Facebook ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย.พ.ส.)
https://www.facebook.com/ybatpage/ (https://www.facebook.com/ybatpage/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2016, 02:06:52 pm
(http://upic.me/i/rb/13346418_1463715100322469_160917998629736199_n.jpg) (http://upic.me/show/58699744)



ความสุขนั้นเป็นยอดปรารถนาของทุกคน ไม่มีใครที่ไม่วาดหวังชีวิตอันผาสุก แต่น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่กลับรู้จักความสุขน้อยมาก กล่าวคือ มักเห็นว่าความสุขเกิดจากวัตถุสิ่งเสพเท่านั้น ต่อเมื่อได้เสพได้ครอบครองจึงมีความสุข เงินจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต แท้จริงแล้วยังมีความสุขที่ประเสริฐกว่านั้นอีก เช่น ความสุขที่เกิดจากใจอันสงบ ความสุขจากความภาคภูมิใจเมื่อได้ทำความดี รวมทั้งความสุขเมื่อได้ละวาง

ความสุขประเภทหลังนั้นเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุสิ่งเสพ แม้มีน้อย ไม่ร่ำรวย ก็มีความสุขได้ เป็นสุขที่พบได้กลางใจเรา เป็นเพราะมองไม่เห็นความสุขดังกล่าว ผู้คนจึงพากันดั้นด้นแสวงหาความสุขที่อยู่นอกตัว แต่ไม่ว่าจะมีหรือได้มากเท่าไร ก็ไม่พบความสุขที่แท้ ต่อเมื่อหยุดแสวงหาสิ่งภายนอก หันกลับมามองตน วางใจให้ถูก ดูแลใจให้ดี ก็จะพบความสุขอันประเสริฐได้ไม่ยาก เป็นความสุขที่สัมผัสได้แม้ประสบกับความเจ็บป่วย พลัดพราก หรือยากไร้

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2016, 02:11:39 pm
(http://upic.me/i/y3/13407113_1467331316627514_7433844272751634668_n1.jpg) (http://upic.me/show/58699758)


จิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว สามารถที่จะทำให้เราเข้าถึงประโยชน์สูงสุดของความเป็นมนุษย์ได้ สามารถจะกลายเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา

มิตรที่ดีที่สุดของเรา กับศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของเรา ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย อยู่กลางใจเรานี้เอง

ถ้าฝึกจิตไว้ไม่ดีหรือไม่ฝึกเลย จิตก็จะกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด แต่ถ้าฝึกไว้ดีก็จะกลายเป็นมิตรที่ประเสริฐที่สุด ที่สามาถจะทำให้เราได้พบกับความสุขที่แท้และอยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวงได้

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2016, 02:15:26 pm
(http://upic.me/i/kj/13423910_1468713436489302_356756917908146567_n1.jpg) (http://upic.me/show/58699805)



หลายคนคิดว่าเวลาของพ่อแม่ยังมีอีกมาก จึงละเลยที่จะใช้เวลานั้นเพื่อท่าน ทั้ง ๆ ที่นั่นคือโอกาสทองที่เหลือน้อยลงทุกที สุดท้ายเมื่อท่านจากไป ก็มาเสียใจ รู้สึกผิดภายหลัง

มีคนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อพบว่าพ่อแม่ป่วยหนักอยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต เขาทำใจไม่ได้ที่จะให้ท่านตายตามวิถีธรรมชาติหรือตามจังหวะของสังขาร แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อยื้อชีวิตท่านให้ยืนยาวมากที่สุด ในขณะที่พี่น้องที่ดูแลท่านมาแต่แรกโดยตลอด รู้ดีว่าการยื้อชีวิตอย่างนั้นเป็นการทรมานคนไข้ เพราะต้องเจาะคอ ใส่ท่อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ปั๊มหัวใจ สารพัดที่คนที่ดูแลพ่อแม่มาตลอดตระหนักดีว่า หากท่านจากไปอย่างธรรมชาติ นั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่าน

แต่คนที่ไม่เคยมีเวลาให้กับพ่อแม่เลย เมื่อจังหวะนี้มาถึง เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ท่านจากไปอย่างธรรมชาติ แต่เขาจะยื้อเอาไว้ให้ได้นานที่สุดในนามของความกตัญญู แล้วก็ไม่ตระหนักเลยว่าการทำเช่นนั้น ทำให้ท่านทุกข์ทรมานอย่างไรบ้าง บางทีท่านส่งสายตาวิงวอน เพราะพูดไม่ได้ แต่ถึงตอนนั้นใคร ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะว่าหากถอดท่อหรือปิดเครื่องก็ไม่มั่นใจว่า การทำเช่นนั้นจะเป็นปาณาติบาตหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องยื้อไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้เพียงเพื่อตอบสนองความรู้สึกของลูกว่าได้ทำดีที่สุดแล้วกับพ่อแม่ ทั้ง ๆ ที่ตอนที่ท่านยังสุขสบายดีอยู่ ลูกกลับไม่มีเวลาให้ท่านเลย ครั้นท่านป่วยและพร้อมจะตายกลับพยายามยืดชีวิตท่าน กลายเป็นการเพิ่มหรือยื้อความทุกข์ทรมานของท่าน

แต่ถ้าเราทำหน้าที่ที่ดีที่สุดกับท่านแล้ว ในขณะที่ท่านมีสุขภาพดี เมื่อถึงเวลาที่ท่านจากไปก็ยอมรับได้ ครั้นท่านจากไปก็ไม่รู้สึกผิด เพราะมั่นใจว่าได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำต่อท่านแล้ว

พระไพศาล วิสาโล
ภาพ pixabay


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2016, 02:45:00 pm
(http://upic.me/i/ax/13346534_537159706491372_5980210678124214161_n.jpg) (http://upic.me/show/58700135)


ยอมรับความเป็นจริง

“เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนา แทนที่จะต่อสู้ขัดขืน อย่างแรกที่ควรทำคือยอมรับมัน ไม่ปฏิเสธหรือต่อสู้ขัดขืน อย่างน้อย ๆ มันช่วยทำให้เราทุกข์ใจน้อยลง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นของหาย งานหนัก หรือความเจ็บป่วย เมื่อเจ็บป่วยแล้วบ่นตีโพยตีพาย คุณจะทุกข์กว่าเดิม ไม่ใช่แค่ทุกข์กายเท่านั้น แต่ทุกข์ใจด้วยแต่ถ้ายอมรับว่าเมื่อความป่วยเกิดขึ้นกับเราแล้ว ป่วยการที่จะตีโพยตีพายหรือปฏิเสธมัน แทนที่จะตีโพยตีพาย ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะมาพิจารณาว่าจะรักษาตัวอย่างไรให้หายป่วย

การยอมรับไม่ใช่การยอมจำนน แต่หมายถึงการยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ เสียเวลาหรือเสียอารมณ์ด้วยการตีโพยตีพายโวยวาย แต่เราจะยอมรับความจริงได้ก็ต้องมีสติรู้ทันใจของตัวเอง เพราะปฏิกิริยาแรกของใจก็คือการโวยวาย ต่อสู้ ขัดขืน ผลักไส เป็นธรรมดาของใจเมื่อเจอสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ใจก็จะผลักไสต่อต้านเป็นอย่างแรก ถ้าหนีไม่ได้ก็จะผลักไส แต่ถ้ามีสติรู้ทันอาการดังกล่าว มันก็จะคลายไป ช่วยทำให้ใจเราสงบ เพราะความสงบเกิดจากการยอมรับ แต่ถ้าเราดิ้นขัดขืนเมื่อไหร่ใจจะเป็นทุกข์ เร่าร้อนทันที”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid/ (https://www.facebook.com/surinrukid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2016, 02:52:50 pm
(http://upic.me/i/lw/13332744_538915212982488_6321106076028966372_n.jpg) (http://upic.me/show/58700285)


“เมตตากรุณา ไม่เพียงกับคน

แม้กระทั่งกับสัตว์และต้นไม้

มีอานุภาพต่อกายและใจของเรา

อย่างคาดไม่ถึง เป็นธรรมโอสถ

ที่หาได้ง่ายเพราะมีอยู่แล้ว

ในใจเรา ขอเพียงแต่เปิดใจ

นึกถึงคนอื่นให้มากขึ้นเท่านั้น

เมตตากรุณาก็จะเบ่งบานขึ้นในใจเรา”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid/ (https://www.facebook.com/surinrukid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2016, 02:55:06 pm
(http://upic.me/i/u3/13344804_539751919565484_5353952065750733904_n.jpg) (http://upic.me/show/58700343)


ยิ้มได้แม้ผิดหวัง


“เมื่องานล้มเหลว ควรหรือไม่

ที่จะปล่อยให้ใจล้มเหลวด้วย

งานล้มแต่อย่าให้ใจล้ม

ระหว่างคนที่หัวฟัดหัวเหวี่ยง

เมื่องานล้มเหลวกับคนที่ยิ้มได้

เมื่อพบกับความล้มเหลว

คนไหนที่เป็นสุขและฉลาดกว่ากัน”


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid/ (https://www.facebook.com/surinrukid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2016, 03:01:06 pm
(http://upic.me/i/tp/13445725_540707132803296_3582535302338367133_n.jpg) (http://upic.me/show/58700395)


สุขจากการให้ความสุข


“ความเห็นแก่ตัวหรือความยึดติดในตัวตน คนที่คิดถึงแต่ตนเอง จิตใจจะคับแคบ และมีความสุขได้ยาก ต่อเมื่อนึกถึงผู้อื่นอยู่เสมอ จิตใจจึงจะขยายใหญ่ และมีความสุขได้ง่ายขึ้น เพราะเห็นความทุกข์ของตนเองเป็นเรื่องเล็กลง ยิ่งให้ก็ยิ่งมีความสุข ทำให้เห็นชัดว่า ความสุขมิได้เกิดจากการมีการเสพเท่านั้น ที่ประเสริฐและยั่งยืนกว่านั้นคือความสุขที่เกิดจากการให้และการเกื้อกูลผู้อื่น”


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid/ (https://www.facebook.com/surinrukid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2016, 03:05:17 pm
(http://upic.me/i/cy/13450829_542192322654777_4634617179644427795_n.jpg) (http://upic.me/show/58700402)


ฟื้นฟูธรรมชาติในใจ


“สิ่งแวดล้อมของโลกถูกทำลาย จนเข้าสู่ภาวะวิกฤติ เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นมา เกิดการขาดแคลนทรัพยากร เพราะความโลภที่ไม่มีวันสิ้นสุด อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปจัดการ ธรรมะมีความสำคัญมากที่จะช่วยแก้ปัญหาภัยธรรมชาติ วิกฤติสิ่งแวดล้อมได้

อาตมาพูดอยู่เสมอว่า ธรรมะกับธรรมชาติเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้าธรรมะไม่ได้ฟื้นฟูขึ้นมาในใจ ผู้คนยังมีความโลภ เราจะพัฒนาเทคโนโลยีให้ดีแค่ไหนก็ตาม ประหยัดพลังงานเพียงไหนก็ตาม กำจัดมลภาวะ มลพิษได้เร็วเพียงไหนก็ตาม วิกฤติธรรมชาติก็จะยังเกิดขึ้นต่อไป เพราะฉะนั้นเราต้องกลับมาฟื้นฟูธรรมะในใจเราด้วย อย่ามัวแต่คิดอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติภายนอกเท่านั้น เราต้องกลับมาฟื้นฟูธรรมชาติในใจเราด้วย”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid/ (https://www.facebook.com/surinrukid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 17, 2016, 03:10:36 pm
เผชิญความตายด้วยใจสงบ


“สิ่งค้างคาใจเป็นภาระอีกประการหนึ่งที่ควรปลดเปลืองหรือสะสางให้แล้วเสร็จ อาทิเช่น ความรู้สึกโกรธเคืองเจ็บแค้นใครบางคน โดยเฉพาะคนที่เคยใกล้ชิด เช่น พ่อแม่ ลูกหลาน หรือเพื่อนร่วมงาน หรือความรู้สึกผิดที่ได้กระทำสิ่งไม่สมควรต่อคนเหล่านั้น เมื่อความตายใกล้เข้ามาควรหาทางปลดเปลืองความรู้สึกเหล่านั้น เช่น ให้อภัย หรือขอโทษ ขออโหสิ การกระทำดังกล่าวต้องอาศัยความกล้าไม่น้อย เช่นเดียวกับการพยายามลดทิฐิมานะ ไม่ติดยึดกับหน้าตา หาไม่แล้ว จะต้องจ่ายด้วยบทเรียนราคาแพง คือความทุกข์ใจในยามใกล้ตาย

ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเกียรติยศ ลูกหลาน พ่อแม่ คนรัก หรือคู่ครอง เป็นสิ่งที่ควรตัดใจปล่อยวางเช่นกันเมื่อวาระสุดท้ายใกล้มาถึง การเป็นห่วงคนเหล่านั้นยิ่งทำให้ความตายกลายเป็นเรื่องทุกข์ทรมานมากขึ้น การปล่อยวางเกิดขึ้นได้ยากเพราะความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็น “ตัวกู ของกู” ความตายนั้นโดยตัวมันเองก็เป็นปกาศิตจากธรรมชาติว่า ไม่มีอะไรเป็นของเราสักอย่าง เพราะเราเอาติดตัวเมื่อตายไปแล้วไม่ได้เลย แต่บ่อยครั้งปกาศิตดังกล่าวผู้คนกลับไม่ได้ยิน จึงจำเป็นที่จะต้องตอกย้ำกับตัวเองเพื่อให้ปล่อยวางก่อนที่สิ่งเหล่านั้น (พูดให้ถูกต้องคือ ความติดยึดสิ่งเหล่านั้น) จะทำให้เราทุกข์ทรมานในยามใกล้ตาย”

พระไพศาล วิสาโล

ตามลิงก์นี้อ่านฉบับเต็ม ===> http://www.visalo.org/article/D_Pachern.htm (http://www.visalo.org/article/D_Pachern.htm)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid/ (https://www.facebook.com/surinrukid/)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 24, 2016, 03:10:32 pm
(http://upic.me/i/8t/13393976_1471620626198583_970989048814412950_n.jpg) (http://upic.me/show/58756496)


ชายหนุ่มทำโทรศัพท์มือถือหาย รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมากเพราะเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน แถมราคาก็แพงด้วย จึงไปหาหลวงพ่อขอคำปรึกษา เผื่อจะได้ของคืนมา

หลวงพ่อฟังปัญหาแล้ว แทนที่จะซักถามเรื่องโทรศัพท์มือถือ กลับถามว่า

“มีทองไหม ?”

“มีครับ”

“อีกไม่นานทองก็จะหาย” แล้วท่านก็ถามต่อว่า “มีรถไหม ?”

“มีครับ”

“อีกไม่นานรถก็จะหาย...แล้วมีแฟนไหม?”

“มีครับ”

“อีกไม่นานแฟนก็จะหาย”

ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็ได้คิด ปัญหาถูกเปลื้องไปจากใจ กราบหลวงพ่อแล้วเดินออกจากกุฏิด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น

ชายหนุ่มไม่รู้สึกเป็นทุกข์ที่สูญโทรศัพท์มือถืออีกต่อไป เพราะได้คิดว่านั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความสูญเสียอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เขาคงระลึกได้อีกด้วยว่าความสูญเสียพลัดพรากนั้นเป็นธรรมดาของชีวิต หลวงพ่อไม่ได้แช่งว่า ทอง รถ และแฟนของเขาจะมีอันเป็นไป หากแต่ท่านพูดถึงสัจธรรมของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น เพราะมีกับเสียนั้นเป็นของคู่กัน

คนเรามักลืมคิดถึงธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีการพลัดพรากสูญเสีย เมื่อมีหรือได้อะไรก็ตามก็ทึกทักเอาว่ามันจะต้องอยู่กับเราไปตลอด เรายอมไม่ได้ที่มันจะพรากจากเราไป (เว้นเสียแต่ว่าเราเป็นฝ่ายละทิ้งมันไปเอง) น้อยนักที่เราจะเผื่อใจนึกถึงความไม่เที่ยงของสิ่งที่เรามี

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 24, 2016, 03:16:16 pm
(http://upic.me/i/0s/13507267_1473189036041742_1331730067995492411_n.jpg) (http://upic.me/show/58756550)




ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 24, 2016, 03:18:33 pm
(http://upic.me/i/0m/13494938_1473889495971696_9002232034503686609_n.jpg) (http://upic.me/show/58756568)


ตายได้อย่างสงบ


การหมั่นพิจารณามรณสติ จะทำให้เรารู้จักใช้ประโยชน์จากการสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหน แทนที่จะเอาแต่ทุกข์ไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว ควรถือว่าความสูญเสียเหล่านั้นมิใช่อะไรอื่นหากคือสัญญาณเตือนภัยว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องประสบกับความสูญเสียที่ใหญ่หลวงกว่านั้น

ถ้าหากเรายังทำใจกับความสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหนไม่ได้ เราจะรับมือกับความตายได้อย่างไร เพราะถ้าวันนั้นมาถึงเราจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ไม่ว่าทรัพย์สมบัติ ครอบครัว คนรัก อำนาจ ตลอดจนชีวิตจิตใจและร่างกาย รวมทั้งโลกที่เรารู้จัก

นอกจากการระลึกถึงความตายอยู่เสมอแล้ว เรายังสามารถเตรียมตัวเผชิญความตายได้ด้วยการหมั่นทำความดีอยู่เสมอ เพราะความดีนั้นช่วยเสริมสร้างคุณภาพจิต ให้มีความสงบเย็น และเป็นปกติ ขณะเดียวกันการละเว้นความชั่วก็ทำให้จิตไร้สิ่งเศร้าหมอง คุณภาพจิตเหล่านี้มีความสำคัญมากในวาระสุดท้ายของชีวิตเพราะช่วยประคองใจไม่ให้อารมณ์อกุศลเข้ามาครอบงำจนเกิดความทุกข์ทรมาน ขณะเดียวกันความอิ่มเอิบปีติก็จะเกิดขึ้นเมื่อระลึกถึงบุญกุศลที่ได้เคยทำ ทำให้จากไปอย่างสงบ

ในทางตรงกันข้ามกับคนที่ทำความชั่วอยู่เป็นอาจิณ จิตจะเต็มไปด้วยอารมณอกุศล ในยามใกล้ตายบาปกรรมที่เคยกระทำจะมาปลุกเร้าอารมณ์อกุศลให้แผ่ซ่าน เช่น ความรู้สึกผิด ความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก ความเคียดแค้นชิงชัง ซึ่งทำให้ทุรนทุรายและตายอย่างไม่สงบ

ควบคู่ไปกับการทำความดีหมั่นบำเพ็ญกุศล ก็คือฝึกจิตอย่างสม่ำเสมอให้มีสติที่เข็มแข็งฉับไวหรือมีความตื่นรู้อยู่เป็นนิจ ในยามที่ร่างกายใกล้แตกดับ จิตจะแปรปรวนและง่ายที่จะเข้าไปในอารมณ์ที่เป็นอกุศล ซึ่งทำให้ทุกข์และทุรนทุรายมากขึ้น สติที่ฝึกฝนไว้ดีแล้วจะเป็นเครื่องรักษาใจไม่ให้ถลำจมในอารมณ์อกุศลทั้งหลาย และช่วยให้จิตใจเกิดความสงบเย็นเป็นสมาธิได้ง่าย

ยิ่งศึกษาและปฏิบัติจนเกิดปัญญาคือความเข้าใจแจ่มชัดในความจริงของสิ่งทั้งปวง ก็จะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ลงได้ง่ายดาย ไม่คิดเหนี่ยวรั้งสิ่งใด ๆ ไว้แม้กระทั่งร่างกายหรือชีวิต เพราะตระหนักชัดว่าสิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยงและไม่น่ายึดถือแต่อย่างใด ความตายจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป และดังนั้นจึงพร้อมรับความตายได้อย่างสงบ ไม่ต่างจากคนที่เมื่อได้ยินระฆังเลิกงานก็วางงานลงและกลับบ้านโดยไม่มีความรู้สึกอาลัยแต่อย่างใด
[/color]

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 24, 2016, 03:27:49 pm
(http://upic.me/i/4k/13510761_1038311076261465_6274575927824070291_n.jpg) (http://upic.me/show/58756597)



ยิ่งมี ยิ่งไม่ว่าง


การมีสิ่งเสพสิ่งบริโภคมากมาย แม้จะช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น แต่ก็ทำให้เรามีเวลาว่างน้อยลง เพราะเสียเวลาไม่ใช่น้อยไปกับสิ่งเหล่านี้ ทุกวันนี้เราเสียเวลาไปกับโทรทัศน์ เครื่องเล่นดีวีดี หรือเอ็มพี ๓ ไปวันละหลายชั่วโมง ไม่นับเวลาที่หมดไปกับอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ แต่นั่นยังเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเวลาที่เสียไปกับการหาเงินเพื่อครอบครองและรักษาทรัพย์สมบัติอีกมากมาย เช่น บ้านและรถยนต์ สมบัติเหล่านี้ทำให้มาตรฐานการครองชีพสูงขึ้นและสบายขึ้นก็จริง แต่ก็ต้องแลกด้วยเวลาและอะไรต่ออะไรอีกมากมายที่สำคัญต่อชีวิต เช่น สุขภาพและความสัมพันธ์กับผู้อื่น

ใช่หรือไม่ว่ายิ่งมีทรัพย์มาก เวลาว่างก็ยิ่งเหลือน้อยลง แต่หากลองมีทรัพย์ให้น้อยลง หรือใช้ชีวิตให้เรียบง่ายกว่าเดิม จะพบว่าเรามีเวลาว่างมากขึ้น และสามารถทำหลายต่อหลายอย่างที่มีความสำคัญต่อชีวิต เช่น ออกกำลังกาย ทำสมาธิภาวนา มีเวลาอยู่กับครอบครัว ดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัว กล่าวโดยสรุปคือ ได้ชื่นชมกับชีวิตมากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 24, 2016, 03:32:51 pm
(http://upic.me/i/ua/13428546_1034983909927515_8834157975472697642_n.jpg) (http://upic.me/show/58756616)


ยั่วกิเลสให้ออกจากที่ซ่อน

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

เพิ่งบรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

ดาวน์โหลดได้ที่  ===> https://archive.org/details/Visalo2016  (https://archive.org/details/Visalo2016)

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

(http://upic.me/i/0r/13432218_1035610063198233_6023340631447245245_n.jpg) (http://upic.me/show/58756636)


เรารักษ์ป่า ป่ารักษ์เรา

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

เพิ่งบรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่  ===> https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2016, 02:58:38 pm
(http://upic.me/i/td/13537760_1475702079123771_5073164641865179774_n1.jpg) (http://upic.me/show/58868368)



อย่าติดดี


ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกู เป็นอุปาทานอย่างหนึ่ง พอมีอุปาทานหรือความยึดมั่นแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ก็จะมีกิเลสตามมา และถ้ากิเลสนั้นไม่สมหวัง ไม่สมประสงค์ก็เกิดทุกข์ ถ้าไม่ระบายทุกข์ใส่คนอื่น ก็ระบายทุกข์ใส่ตัวเอง

อันนี้รวมถึงความยึดมั่นสำคัญหมายว่าฉันเป็นคนดีด้วย มีความยึดมั่นแบบนี้ก็ทำให้ทุกข์ได้ เช่น ทุกข์เพราะว่าคนไม่เห็นความดีของฉัน ทุกข์เพราะว่าฉันทำดีไม่ได้ดี ทุกข์เพราะเห็นคนอื่นดีกว่าตัว

ทำความดีนั้นเป็นสิ่งดี แต่พอยึดมั่นสำคัญว่าฉันเป็นคนดี ก็ทำให้อัตตาฟูฟ่อง พอเจอคนที่เขาดีกว่า ก็ไม่พอใจ เกิดความอิจฉา นี่ก็เป็นทุกข์ของคนดี หรือทุกข์ของคนที่ยึดมั่นสำคัญหมายว่าฉันเป็นคนดี นี่ก็เป็นทุกข์เพราะการเกิดอีกแบบหนึ่ง คือเกิดตัวกูผู้เป็นคนดี เป็นการเกิดที่ปรุงขึ้นมาโดยมีรากเหง้ามาจากความยึดมั่นในตัวกูของกู

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2016, 03:02:24 pm
(http://upic.me/i/jv/13510819_1476819525678693_278028821665952361_n.jpg) (http://upic.me/show/58868409)


เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็บ่นว่า “วุ่น” มากขึ้น หาเวลาว่างได้น้อยลง โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อแม่ในกรุงเทพ ฯ ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อพาลูกไปโรงเรียน หลายคนต้องกินข้าวบนรถ จะได้ไม่ต้องเจอกับจราจรที่ใกล้จลาจล ช่วงที่อยู่สำนักงานก็มีงานเต็มมือ กว่าจะกลับบ้านก็ค่ำมืด แล้วยังต้องทำอะไรอีกหลายอย่าง กว่าจะเข้านอนก็เกือบเที่ยงคืน เวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ เช่น พูดคุยกับลูก ดูแลต้นไม้ ออกกำลังกาย ฯลฯ

นึกดูก็น่าแปลกที่ผู้คนนับวันจะมีเวลาว่างน้อยลง ทั้ง ๆ ที่มีเทคโนโลยีช่วยประหยัดเวลามากมาย อาทิ หม้อหุงข้าว เครื่องซักผ้า รถยนต์ และอาหารสำเร็จรูป ทั้งหมดนี้ไม่เพียงช่วยให้ภารกิจแต่ละอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วเท่านั้น หากยังช่วยให้เราสามารถทำหลายอย่างไปพร้อม ๆ กัน เช่น แปรงฟัน ซักผ้า หุงข้าว อุ่นอาหาร และฟังวิทยุ ในเวลาเดียวกัน แต่แล้วทำไมเราจึงกลับวุ่นกว่าเดิม และมีแนวโน้มว่าจะวุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ขณะที่ชาวบ้านในชนบท ซึ่งไม่ค่อยมีเทคโนโลยีเหล่านี้ กลับมีเวลาว่างมากกว่าเรา ทั้ง ๆ ที่กิจวัตรแต่ละอย่างใช้เวลามากกว่า แค่หุงข้าวอย่างเดียวก็ใช้เวลาร่วม ๒๐ นาที

มักมีคำอธิบายว่าสาเหตุที่คนสมัยนี้มีเวลาว่างน้อยลง เพราะต้องแข่งขันกันทำมาหากินมากขึ้น นอกจากข้าวของจะแพงขึ้นแล้ว ผู้คนก็มากขึ้นด้วย จำนวนคนแข่งขันที่มีมากขึ้นก็เป็นสาเหตุเดียวกับที่ทำให้เด็กสมัยนี้ต้องเรียนหนังสือมากขึ้น เสาร์อาทิตย์ก็ไม่เว้น จะทำอะไรก็ต้องเสียเวลาไปกับการรอคอยเพราะหลายคนมีเป้าหมายเดียวกับเรา เช่น เข้าคิวซื้อของ หรือติดไฟแดงบนท้องถนน

อย่างไรก็ตามนั่นคงไม่ใช่สาเหตุเดียว เพราะถึงแม้จะอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปแข่งขันกับใคร เพราะเป็นวันหยุด เราก็ยังวุ่นอยู่ดี แม้จะน้อยกว่าวันธรรมดาหรือยามที่ต้องออกไปนอกบ้านก็ตาม น่าคิดว่าอะไรทำให้เราวุ่นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้แข่งขันกับใคร

วุ่นเรื่องเสพ

บ่อยครั้งสิ่งที่ทำให้เราวุ่นนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาชีพการงานเลย แต่เป็นเรื่องการเสพการบริโภคมากกว่า เดี๋ยวนี้เรามีสิ่งเสพสิ่งบริโภคมากมาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องบริโภคทางปากเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบริโภคทางตาและทางหูด้วย คงยากที่จะปฏิเสธว่า โทรทัศน์ ดีวีดี ซีดี นับวันจะแย่งชิงเวลาของเรา(และครอบครัว) ไปมากขึ้นทุกที และเดี๋ยวนี้ถ้าไม่พูดถึงโทรศัพท์มือถือ และอินเตอร์เน็ต ก็เท่ากับมองข้ามตัวการสำคัญไป จำเพาะวัยรุ่นไทยวันหนึ่ง ๆ เสียเวลาไปกับโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ และอินเตอร์เน็ต รวมแล้วประมาณ ๕ ชั่วโมง ผู้ใหญ่แม้จะใช้เวลาน้อยกว่า แต่ก็เสียเวลาไปกับเทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้นทุกที

นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่พยายามแย่งชิงเวลาจากผู้คน อาทิ การช็อปปิ้งหรือเที่ยวห้าง การดูหนังฟังคอนเสิร์ต กิจกรรมเหล่านี้ได้พัฒนาเทคนิคการดึงดูดใจจนยากที่จะปฏิเสธได้หากเผลอเข้าไปเฉียดกราย กิจกรรมเหล่านี้และเทคโนโลยี (ซึ่งมีชื่อไพเราะว่า “สารสนเทศ”) มีส่วนไม่น้อยในการทำให้คนสมัยนี้ดูเหมือนจะวุ่นมากขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องรีบทำให้เสร็จไว ๆ จะได้มีเวลาสำหรับการเสพผ่านกิจกรรมและเทคโนโลยีดังกล่าว บางครั้งก็ต้องยอดอดหลับอดนอน ถ้าไม่เชื่อก็คอยสังเกตพฤติกรรมของผู้คนในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2016, 03:05:56 pm
(http://upic.me/i/fn/13501771_1478229765537669_6614875691788993260_n.jpg) (http://upic.me/show/58868467)


มองให้ดีจะพบว่าความวุ่นมักเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง ทั้งโดยการหากิจกรรมหรือสิ่งเสพต่าง ๆ มาทำให้วุ่น และโดยการเร่งรีบทำสิ่งต่าง ๆ จนเกิดความรู้สึกวุ่นขึ้นมา ประการหลังนี้ถูกตอกย้ำให้เป็นหนักขึ้นเมื่อมีทัศนคติว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” หรือ “เวลาเป็นของมีค่า”

คนมีเงินจะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากทัศนคติดังกล่าว ดังนั้นจึงคอยไม่เป็นและเร่งรีบจนเป็นนิสัย หนักกว่านั้นก็คือจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ “เป็นเงินเป็นทอง” จึงทนไม่ได้กับการนั่งเล่น เดินเล่น ปลูกต้นไม้ บางคนแม้แต่จะพูดคุยกับลูกเมีย ก็ไม่มีเวลาให้เพราะกลัวว่าจะเสียเวลาทำมาหากิน (แม้แต่เด็ก ๆ ก็ติดทัศนคติแบบนี้มากขึ้นทุกที เด็กคนหนึ่งเมื่อถูกถามว่าทำไมไม่คุยกับพ่อบ้าง คำตอบก็คือ “คุยแล้วไม่ได้คะแนน ก็เลยไม่รู้จะคุยทำไม)

คนที่คิดแบบนี้จึงชอบหมกมุ่นกับงาน หรือไม่ก็หางานมาทำตลอดเวลา หรือทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ถ้าหยุดหรือมีเวลาว่างเมื่อไรก็จะไม่สบายใจหรือรู้สึกผิด เมื่อเป็นเช่นนี้ชีวิตจะไม่วุ่นได้อย่างไร

ชีวิตจะหายวุ่นและมีเวลาว่างมากขึ้น จึงอยู่ที่ตัวเราเป็นสำคัญ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ผู้คนแวดล้อม หรือแม้แต่อาชีพการงาน (การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่าคนอเมริกันในปัจจุบันใช้เวลากับการทำมาหากินน้อยลงเมื่อเทียบกับ ๔ ทศวรรษที่แล้ว แต่กลับรู้สึกวุ่นมากกว่า)

ดังนั้นถ้าอยากให้ชีวิตวุ่นน้อยลง อย่างแรกที่ทำได้เลยคือลืมไปเสียบ้างว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” ถึงแม้สิ่งที่ทำจะไม่ให้ผลงอกเงยเป็นเงินทอง ก็ควรทำด้วยความใส่ใจ ไม่เร่งรีบ พึงตระหนักว่า “ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด” คือทำทุกอย่างในปัจจุบันให้ดีที่สุด แม้จะเป็นแค่การล้างมือ อาบน้ำ หรือถูฟัน เงินทองนั้นสำคัญก็จริงอยู่ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความสุขใจอันเกิดจากจิตที่ผ่อนคลาย เป็นสมาธิ

อย่าลืมว่ามีเงินมากเท่าไรก็ซื้อความสุขใจไม่ได้ การมีเวลาให้ใจได้อยู่นิ่ง ๆ และผ่อนคลาย เช่น ทำสวน เดินเล่น ทำโยคะ หรือนั่งสมาธิ เป็นการทำให้เวลามีค่ายิ่งกว่าเงินทองเสียอีก

ควบคู่กันไปก็คือการทำให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ การทำหลายอย่างพร้อมกันนอกจากจะทำไม่ได้ดีสักอย่างแล้ว ยังทำให้จิตเป็นสมาธิได้ยาก การแบ่งความใส่ใจให้แก่หลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดความรู้สึกเครียดและวุ่นได้ง่าย ถึงเวลาจะพักจิตให้สงบก็ทำไม่ได้ จึงกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2016, 03:09:00 pm
(http://upic.me/i/20/13507186_1478945545466091_2187543201169270261_n1.jpg) (http://upic.me/show/58868502)


พุทธศาสนาเป็นมากกว่าสิ่งปลอบประโลมใจ


ผู้คนเข้าวัดหรือนับถือพุทธศาสนาด้วยเหตุผลที่หลากหลาย แต่เหตุผลหลักย่อมได้แก่การแสวงหาสิ่งปลอบประโลมใจหรือให้ความหวังแก่ชีวิต หลายคนเข้าวัดเพื่อหวังว่าบุญกุศลจะช่วยเสริมสร้างสิริมงคลหรือปัดเป่าอันตราย บ้างก็มาสะเดาะเคราะห์เพราะหวังว่าโรคร้าย หนี้สิน และเคราะห์กรรมทั้งปวงจะมลายไป ประสบแต่ความมั่งมีศรีสุข ได้รับความสำเร็จ

ส่วนคนที่สูญเสียคนรัก ก็หวังว่าทานที่ถวายแก่สงฆ์จะช่วยให้ผู้ล่วงลับไปสู่สุคติ ไม่เพียงการมาวัดจะช่วยคลายความเศร้าโศกเท่านั้น หากยังช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับคนรัก ด้วยการทำบุญอุทิศให้แก่เขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก หรือลูกในท้อง

คนจำนวนไม่น้อยมาวัดเพราะปรารถนาน้ำมนต์และวัตถุมงคลเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ ด้วยความเชื่อว่าได้มาแล้วจะแคล้วคลาดจากอันตราย ประสบความสุขความเจริญ มีหลายคนที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่แค่มาวัด ได้กราบพระพุทธรูป เห็นพระพักตร์อันสงบอิ่มเอบ ความร้อนใจก็บรรเทาลง เกิดกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไป

กล่าวได้ว่าหน้าที่หลักประการหนึ่งของพุทธศาสนาในสังคมไทยก็คือ การให้ความหวังและกำลังใจ รวมทั้งช่วยให้สบายใจ นี้คือแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้ผู้คนเข้าหาวัดและนับถือพุทธศาสนา อย่างไรก็ตามพุทธศาสนายังมีบทบาทหลักอีกประการหนึ่ง ที่มิอาจมองข้ามได้เลย นั่นคือ การกระตุก เขย่า และกระทุ้งจิตใจของผู้คน เพื่อให้พ้นจากความหลงและความประมาทด้วย

ในขณะที่พุทธศาสนาให้ความหวังแก่เราว่า เมื่อทำความดี หมั่นสร้างบุญกุศล ก็จะประสบความสุขความเจริญ อีกด้านหนึ่งพุทธศาสนาก็เตือนเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ความสุขความเจริญนั้นไม่เที่ยง ลาภและยศนั้นมีแล้วก็หมด มาแล้วก็ไป ความมั่งมี อำนาจ และความสำเร็จ แม้ให้ความสุขแก่เราก็จริง แต่ก็เจือไปด้วยทุกข์ ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจหากยึดติดถือมั่น เราจึงไม่ควรยึดเป็นสรณะ

ในขณะที่น้ำมนต์และวัตถุมงคลที่ได้จากวัดให้ความหวังว่าเราจะหายป่วยหายไข้ อีกด้านหนึ่งพุทธศาสนาก็ย้ำว่า เราทุกคนหนีความแก่ ความเจ็บ และความตายไม่พ้น ชีวิตที่ผาสุก ร่ำรวย พรั่งพร้อมด้วยวัตถุ ในที่สุดก็จะต้องจบสิ้น มีมากมายเท่าไรก็เอาไปไม่ได้เลยแม้แต่สลึงเดียว ใช่แต่เท่านั้นขณะที่ชีวิตยังไม่สิ้น เรายังต้องพบกับความพลัดพรากสูญเสีย ไม่ว่าคนรักของรัก ล้วนอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น

พุทธศาสนาไม่เพียงแต่บอกเราว่า ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง หากยังย้ำอีกว่า ทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ คือนอกจากจะไม่คงทน ต้องเสื่อมดับไปแล้ว ยังบีบคั้นแก่ผู้ยึดถือ เป็นเสมือนของร้อนหรือคบไฟที่กำไว้ได้ไม่นานก็ต้องรีบปล่อย ใช่แต่เท่านั้นความทุกข์ยังอยู่กับเราตลอดเวลาและรอเราอยู่ข้างหน้าด้วย

“เราทั้งหลายเป็นผู้ที่ถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้ว เป็นผู้ที่มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว”

คือข้อความตอนหนึ่งในบทสวดทำวัตรเช้าที่ชาวพุทธจำนวนมากคุ้นเคย

นี้คือคำสอนของพุทธศาสนาที่ตีแผ่ความจริงให้เราตระหนัก แต่เป็นความจริงที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากฟัง เพราะสั่นคลอนความรู้สึกของผู้คนที่ปรารถนาจะให้ชีวิตนี้ยั่งยืน เต็มไปด้วยความสุข อยากให้ของรักคนรักอยู่กับเราไปตลอดชั่วฟ้าดินสลาย ความจริงดังกล่าวเป็นสิ่งที่เสียดแทงหรือสั่นคลอนความรู้สึกของผู้คน จนไม่อยากได้ยิน

ยิ่งกว่านั้นพุทธศาสนายังย้ำเตือนว่า ไม่มีอะไรที่ยึดมั่นเป็นตัวเราของเราได้เลย แม้แต่ตัวเราหรือ “ตัวกู” ก็ไม่มีจริง เพราะทุกอย่างเป็นอนัตตาทั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ตามเพียงแค่ได้ยินว่า ตัวกู ไม่เที่ยง ต้องตาย ก็ไม่สบายใจแล้ว ยิ่งพระมาบอกว่า ตัวกู ไม่มีจริง เป็นแค่มายาภาพ ก็ยิ่งรับไม่ได้

อย่างไรก็ตามการบอกและย้ำเตือนความจริงเหล่านี้คือหน้าที่สำคัญที่สุดของพุทธศาสนา เพราะช่วยเตือนใจไม่ให้เพลิดเพลินในความสุขอันเป็นของชั่วคราว หรือติดยึดในยศ ทรัพย์ อำนาจ จนกลายเป็นทาสของมัน และพร้อมที่จะทำชั่วเพื่อมัน จนแม้ยอมตายเพื่อมัน

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2016, 03:13:29 pm
(http://upic.me/i/j1/13516186_1479392215421424_1518623464964601693_n.jpg) (http://upic.me/show/58868623)



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2016, 03:15:28 pm
(http://upic.me/i/te/13521909_1479687242058588_8735952868312774910_n.jpg) (http://upic.me/show/58868630)


การปลอบประโลมใจหรือให้ความหวังแก่คนที่ถูกทุกข์รุมเร้านั้น เป็นบทบาทที่สำคัญ(ของพุทธศาสนา) อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการปล่อยให้เขาจมอยู่ในความทุกข์ ไร้ทางออก สิ้นหวัง จนต้องหันไปทำร้ายตนเองหรือทำร้ายผู้อื่น

แต่พุทธศาสนาหรือบุคลากรทางศาสนา เช่น พระสงฆ์ ไม่ควรหยุดเพียงแค่นั้น เพราะการปลอบประโลมใจหรือให้ความหวังแก่ผู้คนนั้น เป็นการช่วยเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้น แม้เขาจะมีเรี่ยวแรงกลับมาตั้งหลักสู้ชีวิตจนปัญหาผ่านพ้นไป อาจจะหายป่วย พ้นจากหนี้สิน หรือทำงานลุล่วง แต่ในที่สุดเขาก็ต้องประสบกับความเจ็บป่วย ความพลัดพรากสูญเสีย และความตายในที่สุด หากเขาไม่ตระหนักถึงความจริงดังกล่าว หรือไม่เตรียมตัวเตรียมใจเผชิญกับความจริงเหล่านี้ ก็จะทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่งเมื่อมันมาอยู่ต่อหน้า

การปลอบประโลมใจจึงเป็นเสมือน "ยาระงับปวด" ที่ช่วยบรรเทาทุกข์เพียงชั่วคราวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามทุกวันนี้วัดและพระสงฆ์ส่วนใหญ่มุ่งปลอบประโลมใจญาติโยม พูดให้เขาสบายใจสถานเดียว นอกจากไม่ยอมบอกความจริงอันระคายหู(แต่จำเป็น)แล้ว ยังถึงขั้นตามใจหรือพะเน้าพะนอญาติโยม เช่น อวยพรให้เขา "รวย ๆๆ" อย่างเดียว กลายเป็นการพะเน้าพะนอกิเลส ส่งเสริมตัณหา ซึ่งมีมากอยู่แล้ว ให้มีมากขึ้น

ในฝ่ายญาติโยมก็เช่นกัน พากันมาวัดเพียงเพื่อหาความสบายใจ ไม่ใช่เพื่อคลายทุกข์เท่านั้น แต่ยังอยากได้ยินคำพูดที่ถูกใจถูกกิเลสจากพระ ครั้นพระพูดถึงความจริงของชีวิตที่กระตุกใจให้ไม่ประมาท กระทุ้งใจไม่ให้เพลิดเพลินหลงใหลในสิ่งที่เป็นมายา หรือกระแทกกิเลสไม่ให้กำเริบ กลับไม่อยากได้ยิน อุดหูสถานเดียว จำนวนไม่น้อยมาวัดเพื่อทำบุญ ครั้นได้เวลาพระแสดงธรรม ก็รีบกลับบ้านทันที

ท่าทีดังกล่าวไม่ได้เกิดกับญาติโยมที่มาวัดเพื่อทำบุญ ขอน้ำมนต์ เช่าวัตถุมงคล เท่านั้น แม้กระทั่งผู้ที่เรียกตนว่านักปฏิบัติธรรม จำนวนไม่น้อยก็เข้าวัดเพียงเพื่อความสบายใจชั่วคราว มาภาวนาเพียงเพื่อให้ใจสงบ ไม่มีเรื่องว้าวุ่นใจ แต่ไม่คิดที่จะขูดกิเลส ลดความเห็นแก่ตัว หรือขัดเกลาตนเอง ลึก ๆ ก็ยังยึดติดในลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข แม้ครูบาอาจารย์จะพูดถึงโทษของกิเลสและความยึดติดถือมั่น ก็ไม่สนใจที่จะนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง หลายคนอยากไปหาครูบาอาจารย์ที่พูดนุ่ม ๆ ไปอยู่สำนักที่สบาย เลี่ยงไปหาครูบาอาจารย์ที่มุ่งขนาบลูกศิษย์

พระพุทธองค์แม้ทรงเปี่ยมด้วยพระมหากรุณา ปรารถนาจะช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ อีกทั้งให้ความหวังแก่เราว่าการพ้นทุกข์นั้นเป็นไปได้ ดังที่เคยตรัสว่า ผู้ใดอาศัยพระองค์เป็นกัลยาณมิตรแล้ว ย่อมพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ และความทุกข์ แต่ในเวลาเดียวกันอีกด้านหนึ่งของพระองค์ก็คือการเคี่ยวเข็นไม่อ่อนข้อกับกิเลสของผู้คน ดังตรัสกับพระอานนท์ว่า

"เราจะไม่ทำกับพวกเธออย่างทะนุถนอม .....เราจะขนาบแล้วขนาบอีกไม่มีหยุด”

คำสอนของพระองค์ก็เช่นกัน นอกจากด้านที่ให้ความหวังแก่ผู้คนแล้ว ยังมีอีกด้านที่คอย "ขนาบ" ผู้คน เพื่อขูดเกลากิเลส และรื้อถอนอวิชชา ด้วยเหตุนี้พุทธศาสนาไทยนอกจากจะมีหลวงพ่อคูณ แล้วจำเป็นต้องมีพระอย่างหลวงตามหาบัวด้วย

เป็นชาวพุทธทั้งทีควรได้ประโยชน์สูงสุดจากพุทธศาสนา จึงไม่ควรหวังความสบายใจจากพุทธศาสนาอย่างเดียว แต่ต้องพร้อมที่จะฟังความจริงที่ไม่หวานหู ไม่พะนอกิเลส แต่เขย่าใจให้ตื่น รวมทั้งกล้าที่จะเคี่ยวเข็นตนเอง เข้าหาการปฏิบัติที่ขูดเกลากิเลส สั่นคลอนความหลง ท้าทาย(ความยึดติดใน)อัตตา พร้อมให้ครูบาอาจารย์ขนาบแล้วขนาบอีก ด้วยวิธีอย่างนี้เท่านั้นที่ความทุกข์จะลดลงจนไม่เหลืออีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2016, 03:20:02 pm
(http://upic.me/i/lj/13537563_1481007081926604_6818306572863704872_n.png) (http://upic.me/show/58868657)


ถูกต้องหรือถูกใจ

การคิดแบบเอา "ตัวตน" ออกรับนั้น ทำให้เราสนใจแค่ว่า ถูกใจหรือไม่ถูกใจฉัน ถ้าถูกใจก็เป็นสุข ถ้าไม่ถูกใจก็เป็นทุกข์ แต่เมื่อคิดแบบนี้เป็นนิสัยก็รังแต่จะทำให้ทุกข์ง่าย เพราะเรื่องที่ไม่ถูกใจนั้นมีเยอะ ส่วนเรื่องที่ถูกใจนั้นก็มักสนองกิเลสหรืออัตตาของเราจนเสียคนได้ง่าย เด็กที่กินแต่อาหารที่ถูกลิ้น อนามัยย่อมบกพร่องฉันใด ผู้ใหญ่ที่ชอบฟังแต่ถ้อยคำที่ถูกหู ก็กลายเป็นคนหูเบาฉันนั้น

จะไม่ดีกว่าหรือหากเรามาให้ความสนใจกับความถูกต้องมากกว่าความถูกใจ เมื่อได้ยินได้ฟังอะไร ก็ใช้ปัญญาไตร่ตรองว่ามีความถูกต้องเพียงใด มีประโยชน์หรือไม่ จะถูกใจหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

อาหารแม้จะถูกปาก แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าถูกต้องต่อร่างกายหรือไม่ หรือถูกสุขลักษณะเพียงใด เวลาเห็นสินค้าในร้าน แทนที่จะซื้อเพราะความถูกใจ ก็หันมาพิจารณาก่อนว่า ถูกต้องไหมที่จะซื้อ เหมาะสมหรือไม่กับสภาพเศรษฐกิจหรือฐานะของเรา และเป็นประโยชน์เพียงใดต่อการดำเนินชีวิต

พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2016, 03:24:07 pm
(http://upic.me/i/zr/13592294_1483952924965353_2766035121876460844_n.jpg) (http://upic.me/show/58868670)


สำหรับพุทธศาสนาชีวิตที่สูงส่งคือชีวิตที่กอปรด้วยปัญญาและกรุณา ปัญญาคือความรู้ความเข้าใจความจริงของชีวิตจะเป็นอิสระจากความผันผวนปรวนแปรของโลกได้ ส่วนกรุณาคือความรักความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิต โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตน อุดมคติดังกล่าวมักถ่ายทอดผ่านพระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนของบุคคลที่พัฒนาตนจนถึงอุตมภาวะอย่างเต็มศักยภาพแห่งความเป็นมนุษย์

วิหารอานันทะในเมืองพุกาม ประเทศพม่า เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีอายุนานนับพันปี หนึ่งในสององค์นั้นนักท่องเที่ยวชาวไทยเรียกว่า “พระยิ้ม-บึ้ง” เนื่องจากหากมองไกลจะเห็นพระพักตร์แย้มยิ้ม แต่ถ้าเดินเข้าไปใกล้ ๆ จะพบว่ารอยยิ้มแปรเปลี่ยนไป ตามสายตาของคนส่วนใหญ่ ภาพที่เห็นคือพระพักตร์ที่ “บึ้ง”

แท้จริงหากมองอย่างพินิจ พระพักตร์ที่มองจากมุมใกล้นั้น หามีอาการบึ้งไม่ หากเป็นพระพักตร์ที่สงบต่างหาก จะถูกต้องกว่าหากเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระยิ้ม-สงบ” เหตุใดพระพุทธรูปองค์เดียวจึงมีสองลักษณะเมื่อมองจากต่างมุม คำตอบน่าจะเป็นเพราะช่างโบราณนั้นประสงค์ที่จะแสดงพุทธคุณสองประการอันเป็นอุดมคติของมนุษย์ ได้แก่ พระกรุณาคุณ และพระปัญญาคุณ

พระกรุณาคุณนั้นแสดงออกด้วยพระพักตร์ที่แย้มยิ้ม เปี่ยมด้วยความรักต่อสรรพชีวิต ใครที่รอนแรมจากที่ไกลเมื่อได้เห็นย่อมรู้สึกอบอุ่นใจ ใครที่มีความทุกข์ใจ ย่อมมีความหวังว่าจะได้รับการปกปักรักษาจากพระองค์

ส่วนพระปัญญาคุณนั้นแสดงออกด้วยพระพักตร์ที่สงบนิ่งเมื่อมองจากมุมใกล้ เป็นอาการของผู้รู้แจ้งความเป็นไปของโลก จึงไม่หวั่นไหวในสุขหรือทุกข์ โลกธรรมไม่ว่าบวกหรือลบจึงไม่สามารถทำอะไรพระองค์ได้

ผู้ใดที่พินิจพระพุทธรูปพระองค์นี้ด้วยใจที่ใคร่ครวญ ย่อมตระหนักชัดว่า สิ่งที่พึงยึดถือเป็นอุดมคติของชีวิตนี้ก็คือการบ่มเพาะปัญญาและกรุณาให้เจริญมั่นคงในใจ เพราะเราจะพ้นทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อมีปัญญารู้แจ้งความจริงของชีวิตว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จึงไม่ยึดติดในโลกหรือสังขารทั้งปวง และเมื่อพ้นทุกข์ ละวางตัวตน ไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัวทั้งปวง จึงมีจิตกรุณาต่อสรรพสัตว์ไม่มีที่สุดประมาณ ปรารถนาช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์

พระไพศาล วิสาโล


ภาพจาก http://bit.ly/29D6KBV


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 12, 2016, 06:27:20 pm
(http://upic.me/i/ac/13606445_1486667278027251_5626110923324342611_n.jpg) (http://upic.me/show/58902328)



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 12, 2016, 06:36:05 pm
(http://upic.me/i/3y/13501906_1039683016124271_5624783514830370111_n1.jpg) (http://upic.me/show/58902430)


สุขสงบอยู่ที่ใจ

“ถึงแม้รอบตัวจะอึกทึกวุ่นวาย

แต่ใจก็สามารถสงบได้ ไม่จำเป็น

ต้องควบคุมสิ่งแวดล้อมให้

เป็นไปดั่งใจ หรือเรียกร้องผู้คนรอบตัว

ให้ทำถูกใจ แค่รักษาใจให้ดี

เข้าใจความจริงของใจ เราก็สามารถ

เป็นสุขได้ในทุกหนแห่ง ทั้งความสุข

และความสงบ แท้จริงแล้วพบได้ที่ใจเรานั่นเอง”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 12, 2016, 06:39:56 pm
(http://upic.me/i/55/13533171_1040825069343399_2414185117301659127_n.jpg) (http://upic.me/show/58902482)

ชื่นชมสิ่งดีๆ ที่มีอยู่

เงินทอง เวลา และสุขภาพ คือสิ่งสำคัญในชีวิตของเรา หากมีครบทั้งสามอย่างชีวิตย่อมมีความสุข และสามารถทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นได้มาก แต่กล่าวโดยทั่วไปแล้ว การที่เราจะมีทั้งสามอย่างครบถ้วนในเวลาเดียวกันนั้นเป็นเรื่องยากมาก

มีผู้หนึ่งตั้งข้อสังเกตไว้ดีมากว่า เมื่อเรายังเด็ก เรามีเวลาและสุขภาพ แต่ไม่ค่อยมีเงิน เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ เรามีเงินและสุขภาพ แต่ไม่ค่อยมีเวลา ครั้นแก่ตัว เรามีเงินทองและเวลา แต่สุขภาพไม่ค่อยดี

ผู้ใหญ่ทุกคนคงจำได้ดีว่า ตอนเป็นเด็กนั้น เรามีเวลาวิ่งเล่นได้ทั้งวัน กำลังวังชาล้นปรี่ แต่ถ้าอยากได้ของเล่นสักอย่าง ช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะไม่มีเงิน ขอพ่อแม่ก็มักถูกปฏิเสธ แต่เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ มีงานทำ ชีวิตมีความสะดวกสบาย มีปัญญาหาเงินซื้อทุกอย่างที่อยากได้ แต่กลับไม่ค่อยมีเวลาใช้ของเหล่านี้ รวมทั้งเวลาพักผ่อนหรืออยู่กับครอบครัว เพราะมัวแต่ทำมาหากิน

แต่เมื่อเข้าสู่เข้าวัยชรา เกษียณจากการงาน เราก็จะมีเวลาเหลือเฟือ เงินที่เก็บไว้ก็มีไม่น้อย แต่ถึงตอนนี้สุขภาพไม่อำนวยให้ทำอย่างที่อยากทำได้ จะไปเที่ยวไหนก็ไม่สะดวกเหมือนก่อน จะกินตามใจปากก็ไม่ได้เพราะถูกโรคร้ายคุกคาม

ใช่หรือไม่ว่า ชีวิตนี้หาความสมบูรณ์พร้อมได้ยาก มักจะมีบางอย่างขาดหายไปเสมอ เมื่อดิ้นรนจนได้สิ่งใหม่มา สิ่งเก่าก็พลันสูญหายไป จะเรียกว่าชีวิตนี้มีความพร่องเป็นนิจก็ได้ ใครที่ต้องการความสมบูรณ์พร้อมจากชีวิต ก็เตรียมใจพบกับความผิดหวังได้เลย

แทนที่จะมัวไขว่คว้าหาสิ่งที่ยังไม่มี ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรามีอยู่กับตัว อย่าลืมว่าสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้ สักวันหนึ่งก็จะสูญหายไป หรือกลายเป็นของหายากขึ้นมา ถ้าปล่อยปละละเลยสิ่งนั้น วันหน้าก็จะเสียใจเมื่อสิ่งนั้นพลัดพรากไปจากเรา

ปัญหาก็คือคนส่วนใหญ่มักไม่ตระหนักว่าสิ่งที่ตนมีอยู่ตอนนี้ วันหน้าจะกลายเป็นอดีต เรามักทึกทักเอาเองว่าอะไรที่เรามีนั้นจะอยู่กับเราไปตลอด ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นคุณค่า หาไม่ก็ใช้ไปอย่างฟุ่มเฟือย เช่น เด็กและวัยรุ่น มักจะใช้เวลาที่มีอยู่มากมายไปอย่างเปล่าประโยชน์ พอโตเป็นผู้ใหญ่ถึงค่อยมานึกเสียดายเวลาที่ผลาญไปในวัยเด็ก แต่แล้วผู้ใหญ่เองกลับไม่ค่อยถนอมสุขภาพ ใช้ร่างกายอย่างไม่บันยะบันยัง เอาแต่ทำมาหากินจนไม่ได้พักผ่อน ยิ่งเครียดก็ยิ่งหันเข้าหาอบายมุข กินเหล้า สูบบุหรี่ หรือเที่ยวกลางคืน กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรกับร่างกายของตนเองก็ต่อเมื่อถูกโรคนานาชนิดเล่นงาน

เมื่อถึงวัยชราหลายคนย่อมนึกเสียใจที่ก่อนหน้านั้นไม่รู้จักถนอมรักษาสุขภาพ ถึงตอนนี้มีเวลามากมายแต่ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว จึงปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ นั่งเหม่อลอยหวนคิดถึงแต่อดีต หรือปล่อยใจไปกับความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง แต่เขาอาจจะลืมไปว่าเวลาที่มีอยู่มากมายในวันนี้ พรุ่งนี้อาจไม่เหลือแม้แต่นาทีเดียว เพราะความตายมาพราก ถึงตอนนั้นอาจนึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหลายอย่างที่ควรทำ โดยเฉพาะการเตรียมใจรับมือกับความตาย

สิ่งที่เรามีมากมายจนล้นเหลือ เรามักไม่เห็นคุณค่า ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไป เราจึงจะซาบซึ้งในคุณค่าของสิ่งนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใด พึงระลึกไว้เสมอว่า ทั้งหมดที่คุณมีอยู่ตอนนี้ จะไม่อยู่กับคุณไปตลอด ดังนั้นจึงควรรู้จักชื่นชมสิ่งเหล่านี้ และใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ แม้จะมีไม่ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อม แต่หากใช้ให้เป็น ก็สามารถสร้างสุขแก่เราได้

ถึงจะมีแต่เวลาและสุขภาพ แต่ไม่ค่อยมีเงิน เราก็ยังสามารถใช้เวลาและกำลังวังชาให้เกิดประโยชน์สุขแก่ตัวเองและผู้อื่นได้ เช่นศึกษาหาความรู้และช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น มีเงินมีสุขภาพ แต่ไม่มีเวลา ก็ยังมีความสุขได้หากรู้จักใช้เงินและสุขภาพอย่างถูกต้อง เช่น ใช้เลี้ยงตนและดูแลผู้อื่นให้ผาสุก ในทำนองเดียวกัน ถึงจะมีเวลาและเงิน แต่สุขภาพไม่ค่อยดี ก็ใช่ว่าชีวิตจะไม่มีความสุข หากรู้จักใช้เวลาที่มีนั้นในการฝึกฝนจิตจนเกิดสติและปัญญา

ความสุขและความดีนั้นสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำต้องมีเวลา สุขภาพ และเงินทองครบทั้งสามประการ แม้มีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หากรู้จักใช้ ก็บันดาลให้เกิดความสุขและความดีได้ จะว่าไปแล้วมีชีวิตจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งในสามประการนี้ แต่หากมีความสุขและความดีแล้ว ชีวิตก็ย่อมเต็มอิ่ม จิตใจจะไม่รู้สึกพร่องเลย

ใช้ชีวิตโดยตระหนักว่าทุกอย่างที่มีนั้นจะต้องจากเราไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง นอกจากจะทำให้เราไม่ประมาทกับชีวิตแล้ว ยังช่วยให้เรามีความสุขได้ง่ายขึ้น ใช่หรือไม่ว่าเพียงแค่รู้จักชื่นชมสิ่งที่มี จิตใจก็เป็นสุขทันที

พระไพศาล  วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 12, 2016, 06:49:43 pm
(http://upic.me/i/we/13418803_550774465129896_6771275234618108510_n.jpg) (http://upic.me/show/58902598)


ทำดีได้ทุกที่ตลอดเวลา


“ไม่ว่าจะทำอาชีพการงาน

หรือทำกิจวัตรประจำวัน ก็สามารถ

เป็นโอกาสปฏิบัติธรรม หรือฝึกฝน

จิตใจได้เสมอเช่น ฝึกให้มีสติ

รู้ตัวอยู่เสมอ หรือลดละความเห็นแก่ตัว

บ่มเพาะเมตตากรุณา รวมทั้งเสริมสร้าง

มโนธรรมให้เข้มแข็ง อันจะนำไป

สู่การปล่อยวางจากความยึดติด

ถือมั่นในตัวตน หากปล่อยวางสิ่ง

ติดยึดได้มากและลึกเท่าใด

โพธิจิตซึ่งอยู่แกนกลางของใจก็จะงอกงาม

และเปล่งประกายสุกสว่างมากเท่านั้น

ทำให้ชีวิตปลอดโปร่งสงบเย็นอย่างยิ่ง”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 22, 2016, 10:46:28 pm
(http://upic.me/i/g6/13606605_1487879711239341_8938217225293051700_n1.jpg) (http://upic.me/show/58972384)


ใช่หรือไม่ว่า การแสวงหาความสุขของผู้คนก็เช่นกัน คือ เป็นการหนีทุกข์ เพียงเพื่อจะมาเจอทุกข์อีก แล้วก็ต้องหนีต่อไป แม้ได้เสพอารมณ์ที่น่าพอใจ ได้ครอบครองวัตถุสมปรารถนา แต่ไม่ช้าไม่นานก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายจำเจ เกิดแรงผลักภายในให้อยู่เฉยไม่ได้ ต้องขวนขวายไปหาอารมณ์หรือสิ่งเสพใหม่ ๆ เพียงเพื่อจะเจอกับความเบื่อหน่ายอีก แล้วต้องดิ้นรนออกไปแสวงหาสิ่งใหม่ไม่รู้จบ

ชีวิตที่เอาแต่หนีทุกข์ ย่อมเป็นชีวิตที่หาความสุขได้ยาก เพราะนอกจากจะเหนื่อยกับการหาทางหนีทุกข์แล้ว ยังต้องหนีทุกข์ไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะหมดลม จะไม่ดีกว่าหรือหากเราหันมาเผชิญหน้ากับทุกข์ หันมารับมือกับแรงผลักจากภายในที่ทำให้เราต้องดิ้นรนไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะความเบื่อ ความฟุ้งซ่าน ความกระสับกระส่าย รวมทั้งความอยากได้ใคร่ดีทั้งหลาย

ลองกลับมาดูใจของตน และรู้ทันอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เห็นมันด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ผลักไสกดข่ม ก็จะพบว่าอารมณ์เหล่านี้เหมือนสายลม มาแล้วก็ผ่านเลยไป ที่สุดเราจะพบกับความสงบนิ่งที่กลางใจ ซึ่งสามารถนำพาความสุขมาหล่อเลี้ยงจิตใจของเราได้ โดยไม่จำต้องไปเสาะแสวงหาความสุขจากสิ่งเสพใด ๆ ภายนอกตัว

จวงจื๊อ ปราชญ์จีนเมื่อ ๒,๓๐๐ ปีที่แล้ว เล่าว่ามีชายคนหนึ่งรำคาญเงาของตัวเองมาก อีกทั้งยังทนรอยเท้าของตัวไม่ได้ เขาจึงพยายามวิ่งหนีจากทั้งสองสิ่งนี้ แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปไหน เงาและรอยเท้าก็ยังติดตามเขาไป เขาคิดว่าเขาวิ่งเร็วไม่พอ จึงเร่งฝีเท้า ไม่ยอมหยุด วิ่งแล้ววิ่งเล่า ในที่สุดก็หมดแรง ล้มลงและถึงแก่ความตาย

แล้วจวงจื๊อก็ตบท้ายว่า “เขาหารู้ไม่ว่า ถ้าเพียงแต่เขาเข้าร่ม เงาก็จะหายไป และถ้าเขานั่งนิ่ง ๆ ก็จะไม่มีรอยเท้าเลย”

คนทุกวันนี้ไม่ต่างจากคนหนีเงา พยายามทำทุกอย่างเพื่อหนีทุกข์ โดยคิดว่าเป็นความสุข แต่ทุกข์ก็ยังตามมาไม่หยุด เขาหารู้ไม่ว่า ความทุกข์จะหมดไปเมื่อเขาหันเข้าหาร่มแห่งธรรมและทำใจให้นิ่งสงบ

ถึงที่สุดแล้ว ใครจะมีความสุขหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาออกไปตักตวงแสวงหาทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงคเกียรติยศได้สำเร็จหรือไม่ แต่อยู่ที่เขามีความสงบนิ่งได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก

พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 22, 2016, 10:51:38 pm
มโนธรรม


ปัจจุบันมีหลักฐานยืนยันมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามโนธรรมเป็นธรรมชาติพื้นฐานอย่างหนึ่งของมนุษย์ จะเรียกว่าเมตตาและความเห็นใจติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ ตัวอย่างเช่น เด็กทารก เมื่อเห็นหรือได้ยินเสียงเด็กอื่นร้อง ก็จะร้องด้วย (แต่จะเงียบหากได้ยินเสียงร้องของตัวเองจากเครื่องบันทึกเสียง) ส่วนทารกที่อายุมากกว่า ๑๔ เดือนจะไม่ร้องเฉย ๆ แต่จะพยายามเข้าไปช่วยเด็กคนนั้น เด็กที่อายุมากกว่านั้นจะร้องน้อยลง แต่จะหาทางไปช่วยมากขึ้น

ไม่ใช่แต่เด็กเท่านั้น แม้แต่สัตว์ก็ยังมีความเห็นใจ มีการทดลองแขวนหนูเอาไว้จนมันร้องและดิ้น เมื่อหนูหลายตัวเห็นเหตุการณ์ จะมีบางตัวที่พยายามไปช่วยเหลือหนูตัวนั้น จนรู้วิธีคือกดคันบังคับเพื่อหย่อนหนูตัวนั้นลงมาอย่างปลอดภัย

การทดลองอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือมีการฝึกลิงกัง ๖ ตัวให้รู้จักหากินด้วยการดึงโซ่ที่มีอาหารผูกติดอยู่ แต่ทุกตัวพบว่าเมื่อดึงโซ่ทีไรก็จะเกิดไฟช็อตลิงตัวที่ ๗ ผลที่ตามมาคือลิง ๔ ตัวจะหันไปดึงโซ่เส้นอื่น แม้จะได้อาหารน้อยกว่า แต่ไม่ทำให้เพื่อนถูกช็อต ตัวที่ ๕ จะเลิกดึงโซ่ติดต่อกัน ๕ วัน ส่วนตัวที่ ๖ ไม่ยอมดึงโซ่เลยตลอด ๑๒ วัน นั่นหมายความว่าทั้ง ๒ ตัวยอมหิวเพื่อจะได้ไม่ทำให้เพื่อนเจ็บปวด

นอกเหนืออัตตาและมโนธรรมแล้ว ใจเรายังมีธรรมชาติอีกชั้นหนึ่งซึ่งอยู่ลึกสุด ได้แก่ สภาวะที่เป็นอิสระ ปลอดโปร่ง ผ่องใส ปลอดพ้นจากความเห็นแก่ตัว หรือความยึดถือในอัตตา เป็นสภาวะที่เส้นแบ่งระหว่าง “ฉัน” กับ “ผู้อื่น” หมดไป เกิดความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง จิตอยู่เหนือการแบ่งเป็นขั้วหรือมองโลกเป็นคู่ตรงข้าม ไม่ว่าดี-ชั่ว สุข-ทุกข์ ได้-เสีย เกิด-ตาย ดังนั้นจึงไม่หวั่นไหวกับความผันผวนปรวนแปร หรือความพลัดพรากสูญเสีย

มนุษย์ทุกคนสามารถประจักษ์ถึงสภาวะนี้ได้ ในยามที่จิตเราสงบ ปราศจากกิเลสตัณหา เป็นสภาวะที่ท่านพุทธทาสภิกขุเรียกว่า “จิตว่าง” คีอว่างจากกิเลสหรือความสำคัญมั่นหมายใน “ตัวกู ของกู” นี้เป็นสภาวะที่มีอยู่แล้วในใจเรา แต่มักถูกเคลือบคลุมด้วยอัตตาหรือความเห็นแก่ตัว จึงทำให้เรารู้สึกหม่นหมองอยู่บ่อยครั้ง ดังมีพุทธพจน์ว่า “จิตนั้นประภัสสร แต่เศร้าหมองเพราะอุปกิเลสที่เกิดขึ้นภายหลัง”

ธรรมชาติส่วนที่สามซึ่งอยู่ลึกสุดนี้ เรียกอีกอย่างว่า “โพธิจิต” คือจิตที่ตื่นรู้ เห็นความจริงแจ่มแจ้ง เป็นศักยภาพที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน แต่จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการฝึกฝนพัฒนา หากมนุษย์สามารถเข้าถึงโพธิจิต หรือให้โพธิจิตได้แสดงตัวออกมา จะมีความสุขอย่างยิ่ง ความสุขจากโพธิจิตที่เปล่งประกายออกมา ทำให้รู้สึกว่าชีวิตได้รับการเติมเต็ม ไม่ดิ้นรนแสวงหาอีกต่อไป เพราะไม่มีตัวตนที่จะต้องปรนเปรอ ดิ้นรน เป็นความสงบอย่างยิ่ง แต่หากยังไม่ได้สัมผัสกับสภาวะเช่นนี้ ก็จะรู้สึกพร่องอยู่ลึก ๆ และโหยหาตลอดเวลา แม้จะมีสมบัติล้นโลก อำนาจล้นฟ้า หรือแม้จะทำความดีมามากมาย ก็ยังรู้สึกว่าบางสิ่งขาดหายไปในชีวิต

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 22, 2016, 10:55:12 pm
(http://upic.me/i/tb/13781970_1494049040622408_1028337465088303164_n.jpg) (http://upic.me/show/58972411)

ทำบุญนั้นมีหลายอย่างทำได้หลายวิธี ไม่ใช่มีแค่การให้ทาน ใส่บาตร ถวายสังฆทานเท่านั้น การทำบุญที่ประเสริฐที่สุด คือการทำใจให้เป็นกุศล เช่น การเจริญเมตตาจิต รวมถึงการทำสมาธิภาวนาเพื่อให้เกิดปัญญา ดังนั้นหากชอบทำบุญจริง ๆ จึงควรหมั่นฝึกจิตสม่ำเสมอ เพื่อให้รู้จักอดกลั้น ไม่หงุดหงิดง่าย รู้จักให้อภัยหรือปล่อยวาง

พระไพศาล วิสาโล

- - - -

บุญ ๑๐ วิธี

ตามหลักพุทธศาสนา มีการทำบุญด้วยกัน ๑๐ วิธี เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (สิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ ๑๐ ประการ) คือ

๑. ให้ทาน แบ่งปันผู้อื่นด้วยสิ่งของ ไม่ว่าจะให้ใครก็เป็นบุญ (ทานมัย) การให้ทานเป็นการช่วยขัดเกลาความเห็นแก่ตัว ความคับแคน ความตระหนี่ถี่เหนียว และความติดยึดในวัตถุ นอกจากนี้สิ่งของที่เราแบ่งปันออกไปก็จะเป็นประโยชน์กับบุคคลหรือชุมชนโดยส่วนรวม

๒. รักษาศีล ก็เป็นบุญ (ศีลมัย) เป็นการฝึกฝนที่จะ ลด ละ เลิกความชั่ว ไม่ไปเบียดเบียนใคร มุ่งที่จะทำความดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่นเป็นการหล่อเลี้ยงบ่มเพาะให้เกิดความดีงามและพัฒนาคุณภาพชีวิตไม่ให้ตกต่ำ

๓. เจริญภาวนา ก็เป็นบุญ (ภาวนามัย) การภาวนาเป็นการพัฒนาจิตใจและปัญญา ทำให้จิตสงบ ไม่มีกิเลส ไม่มีเรื่องเศร้าหมอง เห็นคุณค่าสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ผู้ที่ภาวนาอยู่เสมอย่อมเป็นหลักประกันว่า จิตจะมีความสงบ ชีวิตมีความสุข คุณภาพชีวิตดีขึ้น สูงขึ้น

๔. อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้น้อยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็แสดงออกในความมีเมตตาต่อผู้น้อย และต่างก็อ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรมรวมถึงการให้เกียรติ ให้ความเคารพในความแตกต่างซึ่งกันและกันทั้งในความคิด ความเชื่อและวิถีปฏิบัติของบุคคลและสังคมอื่น เป็นการลดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตน ก็เป็นบุญ (อปจายนมัย)

๕. ช่วยเหลือสังคมรอบข้าง ช่วยเหลือสละแรงกาย เพื่องานส่วนรวม หรือช่วยงานเพื่อนบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ ก็เป็นบุญ (ไวยาวัจจมัย)

๖. เปิดโอกาสให้คนอื่นมาร่วมทำบุญกับเรา หรือในการทำงานก็เปิดโอกาสให้คนอื่นมีส่วนร่วมทำ ร่วมแสดงความคิดเห็น รวมไปถึงการอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย ก็เป็นบุญ (ปัตติทานมัย)

๗. ยอมรับและยินดีในการทำความดี หรือทำบุญของผู้อื่น การชื่นชมยินดีหรืออนุโมทนาไม่อิจฉาหรือระแวงสงสัยในการกระทำความดีของผู้อื่น ก็เป็นบุญ (ปัตตานุโมทนามัย)

๘. ฟังธรรม บ่มเพาะสติปัญญาให้สว่างไสว ฟังธรรมะ ฟังเรื่องที่ดีมีประโยชน์ต่อสติปัญญา หรือมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตที่ดี เป็นความจริง ความดี ความงาม ก็เป็นบุญ (ธรรมสวนมัย)

๙. แสดงธรรม ให้ธรรมะและข้อคิดที่ดีกับผู้อื่น แสดงธรรมนำธรรมะไปบอกกล่าว เผื่อแผ่ให้คนอื่นได้รับฟัง ให้เขาได้รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตที่ดี เป็นเรื่องของความจริง ความดี ความงามก็เป็นบุญ (ธรรมเทศนามัย)

๑๐. ทำความเห็นให้ถูกต้องและเหมาะสม มีการปรับทิฏฐิ แก้ไขปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็น ความเข้าใจให้ถูกต้องตามธรรม ให้เป็นสัมมาทัศนะอยู่เสมอ เป็นการพัฒนาปัญญาอย่างสำคัญ ถือเป็นบุญด้วยเช่นกัน (ทิฏฐุชุกรรม)

ทิฏฐุชุกรรมหรือสัมมาทัศนะ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำบุญทุกชนิดและทุกโอกาส จะต้องประกบและประกอบเข้ากับบุญกิริยาวัตถุข้ออื่นทุกข้อ เพื่อให้งานบุญข้อนั้น ๆ เป็นไปอย่างถูกต้องตามความหมายและความมุ่งหมาย พร้อมทั้งได้ผลถูกทาง




ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 03, 2016, 11:07:59 pm
(http://upic.me/i/tn/13700060_1496693103691335_6364538623612813684_n.jpg) (http://upic.me/show/59065110)


เดี๋ยวนี้เราเข้าใจคำว่า ‘บุญ’ และ ‘ทาน’ แคบลง หรือเข้าใจคลาดเคลื่อน ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการทำบุญ คือ การถวายของให้พระหรือวัดเท่านั้น ความคิดนี้ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เนื่องจากการถวายของแก่พระสงฆ์นั้น ก็ถือว่าเป็น ‘ทาน’ อย่างหนึ่ง

‘ทาน’ ในพระพุทธศาสนานั้น หมายถึง การสละสิ่งของจะให้ใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นพระ หรือฆราวาส ก็เรียกว่า ‘ทาน’ ทั้งสิ้น อย่างทานที่ถวายพระสงฆ์ก็ เรียกว่า ‘สังฆทาน’ แต่คนมักจะเข้าใจผิดว่า การให้ของแก่ฆราวาส เรียกว่า ‘ทาน’ แต่การให้ของแก่พระ เรียกว่า ‘บุญ’ อันนี้ไม่ใช่

‘บุญ’ ในพระพุทธศาสนานั้นมี 10 อย่าง โดยมี ‘ทาน’ เป็นหนึ่งในบุญเหล่านั้น นอกจากนี้ ก็จะมีการทำบุญอีก 9 วิธีที่เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลย เช่น การรักษาศีล การบำเพ็ญภาวนา การบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘เวยยาวัจจมัย’ คือ บุญที่เกิดจากการทำเพื่อส่วนรวม ซึ่งใกล้เคียงกับคำว่า ‘จิตอาสา’

แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า ‘บุญ’ เกิดจากการถวายของให้พระ ทำให้คนส่วนใหญ่มุ่งแต่จะถวายสิ่งของ ถวายเงินให้พระอย่างเดียว ไม่สนใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ปฏิเสธที่จะเป็นจิตอาสารักษาสิ่งแวดล้อม มองข้ามการทำงานช่วยเหลือสังคม ฯลฯ เหตุผลเพราะ ประการที่หนึ่ง เราไปเน้นการให้ด้วยเงิน ทั้ง ๆ ที่สามารถให้อย่างอื่นได้ด้วย เช่น ให้เวลา ให้แรงงาน หรีอให้ความรู้ ประการที่สอง เรามักไปเน้น ‘ผู้รับ’ ที่เป็น ‘พระ’ มากกว่าคนทั่วไป

คนในอดีตจะเข้าใจคำว่า ‘บุญ’ กว้างกว่าคนในปัจจุบัน ยกตัวอย่างง่ายๆ คนเมืองเพชรแตก่อนเวลาเขาจะปลูกต้นไม้สักต้น เขาจะมีคาถาเรียกว่า “คาถากลบดิน”คือ

‘พุทธัง ผลาผล นกเกาะได้บุญ คนกินเป็นทาน
ธัมมัง ผลาผล นกเกาะได้บุญ คนกินเป็นทาน
สังฆัง ผลาผล นกเกาะได้บุญ คนกินเป็นทาน’

จะเห็นได้ว่า การปลูกต้นไม้นั้นก็ถือเป็นการทำบุญ เป็นการให้ทานที่ไม่ต้องใช้เงินเลย แต่เกิดจากจิตที่เมตตาทั้งกับคนและสัตว์

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 03, 2016, 11:13:24 pm
(http://upic.me/i/0q/13876239_1499730050054307_6717379836146507593_n1.jpg) (http://upic.me/show/59065308)

คืนสู่ธรรมชาติ ที่นี่ ตรงนี้


เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ชีวิตอันผาสุกย่อมมีได้ ด้วยการธำรง ความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ การกลับสู่ธรรมชาติ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณภาพชีวิต แต่นี้ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าจะต้องไปสู่สถานหลีกเร้น

การคืนสู่ธรรมชาติที่แท้ และมีความหมายยิ่งกว่านั้นคือ การกลับสู่ธรรมชาติ ภายในตัวเราเอง กลับไปเพื่อการค้นหาและรู้ซึ้งถึงตัวเรา เข้าใจตนตามที่เป็นจริง และรู้จักธรรมชาติของจิตใจเรา อะไรที่ทำจิตเราให้เหนื่อยอ่อน ยังใจให้แจ่มใส ทุกข์ สุขภายในเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และทำไมเราจึงหัวปักหัวปำไปกับมันได้อย่างไม่รู้เนื้อ รู้ตัว ฯลฯ

การหมั่นพินิจตนและการฝึกฝนใจอย่างต่อเนื่อง จะนำเราเข้าสู่ธรรมชาติ ของตัวเราลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ และยังความผาสุกสงบแก่จิตใจ เป็นความแจ่มกระจ่าง

การคืนสู่ธรรมชาติโดยนัยนี้ มิต้องเริ่มต้นที่ภูหลวง ตะรุเตา หรือเขาใหญ่ แต่สามารถเริ่มต้นที่จิตใจของเรา ตรงนี้และเดี๋ยวนี้ได้ทันที


พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 03, 2016, 11:26:13 pm
(http://upic.me/i/yd/13686505_1500518763308769_9002754479761860823_n.jpg) (http://upic.me/show/59065349)


ความทุกข์ใจ...ต้องอาศัยทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน


นั่นหมายความว่า คำต่อว่าด่าทอ เสียงดัง แดดร้อน ทำให้ทุกข์ใจไม่ได้ ถ้าใจเราไม่ไปร่วมมือด้วย

หากว่ามีคนตะโกนด่า แต่เราไม่สนใจ ไม่นำพา เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จะเกิดความโกรธได้ไหม

ความโกรธเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าใจเราไม่เอาคำเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์ หรือหวนระลึกนึกถึงคำเหล่านั้น

การกระทำก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีคนมากลั่นแกล้ง เอาเปรียบ รบกวน รังควาน แต่ถ้าเราไม่เก็บเอามาคิด ไม่นำพาไม่สนใจ ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่เรามีความทุกข์ใจ จะโทษรูปที่เห็น โทษเสียงที่ได้ยิน โทษใครต่อใครที่รู้จักอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องโทษที่ใจเราด้วย เป็นเพราะใจเรามีส่วนร่วม ไปสมยอมเปิดทางอนุญาตให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาสร้างความทุกข์ใจให้กับเรา

ก้อนหินใหญ่แค่ไหนก็ตาม ถ้าเราไม่แบกจะเป็นทุกข์ไหม จะเหนื่อยไหม จะรู้สึกหนักไหม หนามแหลมเพียงใด ถ้าเราไม่เผลอเดินเตะ เราจะปวดไหม หินก้อนหนักๆ ทำให้เราทุกข์ไม่ได้ ถ้าเราไม่ไปแบกมัน หนามแหลมๆ ทำให้เราปวดไม่ได้ถ้าเราไม่เดินเตะมัน เมื่อรู้สึกหนักหรือรู้สึกปวด เราจะโทษก้อนหินหรือหนามแหลมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องกลับมาดูว่าเป็นเพราะเรามีส่วนด้วย

พูดอีกอย่างก็คือไม่มีใครยัดเยียดความทุกข์ให้เราได้ ถ้าเราไม่ยินยอม ไม่มีใครขโมยความสุขไปจากเราได้ ถ้าหากเราไม่เออออห่อหมกด้วย

เคยมีนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งไปปรึกษาปัญหาชีวิตกับหลวงพ่อชา สุภัทโท สมัยนั้นราว ๔๐ ปีก่อนท่านยังไม่อาพาธ นายตำรวจคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์มาก แต่ถูกกลั่นแกล้ง เจ้านายไม่ส่งเสริม เพื่อนร่วมงานขัดแข้งขัดขา นอกจากเลื่อยขาเก้าอี้ ยังเล่นงานข้างหลังเพราะไม่กินตามน้ำเหมือนคนอื่นเขา เขากลุ้มใจมากก็มาระบายกับหลวงพ่อชา

หลวงพ่อก็ฟังโดยไม่ได้ว่าอะไร ท่านปล่อยให้เขาพูดจนจบ เสร็จแล้วท่านก็ชี้ไปที่หินก้อนใหญ่ที่อยู่ในลานหน้ากุฏิท่าน แล้วถามว่า “เห็นหินก้อนนั้นไหม” “เห็นครับ” “หินก้อนนั้นหนักไหม” “หนักครับ” “คุณแบกไหวไหม” “แบกไม่ไหวครับ” แล้วท่านก็บอกว่า “ถ้าไม่ไหวก็อย่าแบกมัน”

ได้ยินเพียงเท่านี้นายตำรวจคนนั้นก็ได้คิดเลยว่า ที่ตัวเองทุกข์ก็เพราะแบกเรื่องราวต่าง ๆ เอาไว้นั่นเอง เรื่องราวเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ตนเองเป็นทุกข์ได้หากไม่ไปแบกเอาไว้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็รู้สึกโปร่งโล่งขึ้นมาก ทำให้มีแรงทำงานต่อไป

ปัญหาในที่ทำงานยังคงมีอยู่ แต่ใจไม่ทุกข์แล้ว เพราะไม่ไปแบกมัน นายตำรวจคนนี้จึงรับราชการต่อจนเกษียณ เห็นไหมว่าเมื่อมีความทุกข์ใจเกิดขึ้น มันไม่ใช่เป็นเพราะคนนั้นคนนี้ทำอะไรไม่ถูกใจหรือกลั่นแกล้งเราอย่างเดียว แต่เป็นเพราะใจเราให้ความร่วมมือด้วยการแบกมันเอาไว้ เลยกลายเป็นการซ้ำเติมตนเอง

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 03, 2016, 11:31:32 pm
(http://upic.me/i/i3/13882594_1502820213078624_7886404029851718548_n.jpg) (http://upic.me/show/59065408)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 03, 2016, 11:32:26 pm
(http://upic.me/i/71/13886382_1503663776327601_5307934914345730608_n.jpg) (http://upic.me/show/59065410)



การปล่อยวางนั้น หากทำถูกต้อง จิตใจจะโปร่งเบา เบิกบาน มีความกระตือรือร้น และมีความสุขทุกเมื่อ ไม่ว่ามีอะไรมากระทบหรือมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นก็ตาม

ความหดหู่ เฉื่อยเนือย หรือเหนื่อยหน่าย ไม่ใช่การปล่อยวาง แต่เกิดจากความยึดติดหรือมีความคาดหวัง แล้วไม่ได้อย่างที่ยึดอยากวาดหวัง เป็นอารมณ์อกุศลที่พึงบรรเทาหรือกำจัด

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 04, 2016, 07:09:39 pm
(http://upic.me/i/t7/13754214_1058486770910562_4572710086859963815_n.jpg) (http://upic.me/show/59071296)


ทำดีต้องดีที่ใจด้วย


ความทุกข์ใจ ต้องอาศัยทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน นั่นหมายความว่า คำต่อว่าด่าทอ เสียงดัง แดดร้อน ทำให้ทุกข์ใจไม่ได้ ถ้าใจเราไม่ไปร่วมมือด้วย หากว่ามีคนตะโกนด่า แต่เราไม่สนใจ ไม่นำพา เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จะเกิดความโกรธได้ไหม ความโกรธเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าใจเราไม่เอาคำเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์ หรือหวนระลึกนึกถึงคำเหล่านั้น


การกระทำก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีคนมากลั่นแกล้ง เอาเปรียบ รบกวน รังควาน แต่ถ้าเราไม่เก็บเอามาคิด ไม่นำพาไม่สนใจ ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่เรามีความทุกข์ใจ จะโทษรูปที่เห็น โทษเสียงที่ได้ยิน โทษใครต่อใครที่รู้จักอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องโทษที่ใจเราด้วย เป็นเพราะใจเรามีส่วนร่วม ไปสมยอมเปิดทางอนุญาตให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาสร้างความทุกข์ใจให้กับเรา


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)    เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

บรรยายหลังสวดมนต์ทำวัตรเย็น

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือโหลด

 :) ===>  https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 04, 2016, 07:23:29 pm
(http://upic.me/i/t7/13754214_1058486770910562_4572710086859963815_n.jpg) (http://upic.me/show/59071296)


จิตสงบด้วยสติ


ถ้าเราหมั่นดูใจของเรา มีสติ เราก็จะเห็นว่าที่จริงแล้วที่เราทุกข์ ที่เราโกรธ เป็นเพราะใจเราไปรับคำชวนของคนรอบตัว เพราะฉะนั้นจะโทษผู้อื่นฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องโทษตัวเองด้วยที่ไปรับคำ

ชวนนั้น เขาไม่ได้บังคับให้เราโกรธ แต่เป็นเพราะเราไปรับคำชวน เราก็เลยโกรธ เป็นทุกข์ ร้อนรุ่มกลุ้มใจ แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่สงบสงัดแต่ใจก็ยังไม่สงบ แต่ถ้าเรามีสติ เรารู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น

แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่วุ่นวาย อึกทึกคึกโครม ใจก็ยังสงบได้



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)    เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือโหลด


 :) ===>  https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: Re: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 05, 2016, 07:45:02 am
(http://upic.me/i/el/13938455_1505972629430049_1236373263743792080_n.jpg) (http://upic.me/show/59074952)


"ทนแบกต่อไปถ้าไร้สติ"


อดทนอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีสติเข้ามาด้วย เพราะถ้ามีสติมันไม่ต้องทน มันเห็นแล้วมันก็ปล่อยได้ ทนนี่คือยังแบกอยู่ เหมือนเราแบกของหนักเอาไว้ เราแบกของหนักเราต้องทน เหมือนนักยกน้ำหนักต้องใช้ความอดทนมาก เวลาแบกน้ำหนัก จนกว่าจะถึงเวลา 5 วินาทีถึงจะค่อยปล่อย

แต่ว่าเราไม่ต้องทนก็ได้ หากเรามีสติ เพราะเราจะรู้ว่าไปแบกทำไม?

ถ้าเราแบกเราก็ต้องใช้ความทน แต่ถ้าเราปล่อย เราวาง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องทน และเราปล่อยวางได้ เพราะเรามีสติ แต่ที่เราไปแบกเพราะเราไม่มีสติ เราก็เลยไปแบกเอาไว้ มันก็เลยต้องใช้ความทนเข้ามาช่วยประคองเอาไว้

แต่ถ้าปล่อย ถ้าวางเมื่อไร มันก็ไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องทน เพราะมันเบาสบายอยู่แล้ว

นี่คือความต่างระหว่างการใช้ความอดทนหรือขันติ กับการมีสติ อดทนเพราะต้องแบก แต่ว่าสตินี้ไม่แบก มันปล่อย เพราะไม่เผลอ

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 08, 2016, 06:51:36 pm
(http://upic.me/i/6i/13876589_1507778702582775_2458598754316707186_n1.jpg) (http://upic.me/show/59100175)


อยู่กับทุกข์ได้เมื่อใช้สติ


มนุษย์เราทุกคนล้วนรักความสุขเกลียดความทุกข์กันทั้งนั้น สิ่งที่มนุษย์พยายามทำกันตลอดชีวิตก็คือการเข้าหาความสุข พยายามหนีจากความทุกข์ เมื่อพบทุกข์ก็พยายามขจัดปัดเป่าออกไป หรือพยายามป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น ถือว่าเราโชคดีกว่าคนสมัยก่อนเพราะเทคโนโลยีในการขจัดปัดเป่าความทุกข์มีมากขึ้น เวลาอากาศร้อนก็มีพัดลม มีเครื่องปรับอากาศ บรรเทาความร้อน อากาศหนาวก็มีผ้าห่ม ในบ้านหลายคนมีเครื่องทำน้ำอุ่น อยากจะดื่มน้ำร้อนก็ต้มได้รวดเร็ว จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องขี่เกวียนให้เหนื่อยเพราะมีรถยนต์ สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยให้เราดำเนินชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราสามารถหนีความทุกข์ ขจัดปัดเป่า หรือบรรเทาความทุกข์ได้มากมายเพียงใด แต่ว่ายังมีความทุกข์อีกหลายอย่างที่เราหนีไม่พ้น เราทำได้เพียงชะลอหรือหน่วงเหนี่ยวให้เกิดขึ้นช้า ทุกวันนี้มี ความทุกข์แบบใหม่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะร่ำรวยมีเงินมีทอง มีวาสนาบารมีมากแค่ไหนก็ต้องเจอกับความทุกข์อยู่นั่นเอง เช่น ถึงแม้ร่ำรวยก็ต้องเจอกับความสูญเสีย อาจจะเสียคนรักคนใกล้ชิด เพราะว่าไม่มีใครที่จะอยู่ค้ำฟ้าได้ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องตายจากเราไปสักวัน พวกเราคงรู้จักทัชมาฮาล ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่พระเจ้าพระเจ้าชาห์จาฮาน ผู้ยิ่งใหญ่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับมเหสีคนรัก แต่ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถหลีกหนีความสูญเสียคนรักไปได้

ลูกตาย เมียตาย ผัวตาย เรื่องนี้เกิดได้กับทุกคน นอกจากนั้นยังต้องเจอกับคำนินทาว่ากล่าว ไม่ว่ายิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องเจอกับความไม่สมหวัง ต้องเจอความแก่ความเจ็บความตาย อันนี้คือความทุกข์ที่ไม่มีใครหนีพ้น แม้ว่าเราจะตัดเรื่องความแก่ความเจ็บความตายออกไป ก็ยังเจอกับความทุกข์อีกหลายอย่าง เช่นงานการที่ไม่สำเร็จ หรือความผิดหวัง ถ้าคนเราคิดแต่จะหนีความทุกข์ หรือหาทางปัดเป่าบรรเทาความทุกข์ตลอดเวลา ก็เตรียมใจทุกข์ได้เลย เพราะว่ายังมีความทุกข์อีกหลายอย่างที่เราต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขจัดปัดเป่าไปเพียงใดก็ไม่สำเร็จ

การอยู่กับความทุกข์นั้นทำได้หลายวิธี ทั้งการมองในแง่บวก การปล่อยวางยอมรับมัน หรือการปรุงแต่งใจในทางที่ดี อย่างเช่น บุรุษไปรษณีย์คนหนึ่งนำพัสดุไปส่ง แต่ประตูบ้านปิดเขาจึงเรียกให้เจ้าของบ้านออกมารับ แต่เจ้าของบ้านไม่อยากออกมาเพราะว่าไม่อยากเจออากาศร้อน บุรุษไปรษณีย์ก็รอเจ้าของบ้านมารับ แต่แทนที่จะรอเฉย ๆ ก็ร้องเพลงไปด้วย จนกระทั่งในที่สุดเจ้าของบ้านต้องออกมารับพัสดุ เสร็จแล้วเธอก็ถามบุรุษไปรษณีย์ว่าอากาศร้อนๆ อย่างนี้ คุณมีอารมณ์ร้องเพลงได้อย่างไร เขาตอบว่า “โลกร้อน แต่ใจเราเย็น มันก็เย็นครับ ร้องเพลงเป็นความสุขของผมอย่างหนึ่ง ส่งไปร้องไป” นี่เป็นวิธีหนึ่งในการอยู่กับความร้อนได้โดยใจไม่ทุกข์ แม้เขาร้อนจนเหงื่อไหลชุ่ม แต่ใจเขาไม่ทุกข์ เพราะเขารู้วิธีผ่อนคลายด้วยการร้องเพลงให้ใจเย็น ความร้อนจึงไม่เป็นปัญหา

อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้อยู่กับความทุกข์ได้คือสติ เวลาเกิดทุกขเวทนาขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการปรุงแต่งใจหรือปลอบใจตัวเองก็ได้ แต่ใช้สติคือรู้ทันจนปล่อยวางมันได้ ความปวดกายที่เกิดขึ้น ถ้าเราเผลอก็จะปวดใจตามมา

เวลาเจออากาศร้อน ไม่ใช่ร้อนกายอย่างเดียวแต่ร้อนใจไปด้วย เพราะว่าจิตไม่ปล่อยวางความปวด แถมปรุงแต่งไปในทางลบอีก คนเราเวลาเจอทุกขเวทนาใจก็มักปรุงแต่ง บางทีแค่เห็นหรือสัมผัสนิดหน่อยก็เอาไปปรุงแต่งแล้ว กลายเป็นความทุกข์ทรมาน ทุกขเวทนาเป็นเรื่องของกาย ส่วนความทุกข์ทรมานเป็นเรื่องของใจ เวลาความทุกข์เกิดขึ้นกับเรา ถ้าเราปฏิเสธผลักไสก็ยิ่งทุกข์เข้าไปใหญ่ แต่ถ้าเรามีสติดูใจ คือดูความคิดที่ปรุงแต่ง เห็นใจที่ขุ่นเคืองตีโพยตีพาย หรือเห็นทุกขเวทนาจนปล่อยวางได้ เมื่อนั้นความทุกข์ก็จะคลายไป มีความสงบมาแทนที่

เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกขเวทนาให้ได้ ที่วัดป่าสุคะโต ในช่วงเดือนธันวาคม ท้องฟ้าเปิด อากาศร้อนมาก เรามีการเดินธรรมยาตรา คนที่มางานนี้ต้องเดินกลางแดดวันละสี่ห้าชั่วโมงเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ ดูแลลำธาร รักษาป่า ขณะเดียวกันก็ฝึกตนให้อยู่กับทุกขเวทนาให้ได้ คืออยู่กับความร้อนแต่ใจไม่บ่น จึงมีคำขวัญว่า “กายร้อนแต่ใจไม่ร้อน” หรือ “ร้อนแต่กาย ใจสงบเย็น” ที่ทำอย่างนี้ไม่ใช่เป็นการหาความทุกข์ใส่ตัว แต่เป็นการเดินเข้าหาความทุกข์เพื่อฝึกใจให้อยู่กับความทุกข์ได้ คนที่มีปัญญาเมื่อรู้ว่าหนีสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่พ้นก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ ความทุกข์เป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องรู้จักอยู่กับมันให้ได้ จนเห็นมันเป็นมิตร ถ้าเราเป็นมิตรกับทุกขเวทนาได้ เราก็ไม่ต้องร้อนใจ นี่เป็นเรื่องที่เราสามารถฝึกได้ในชีวิตประจำวัน

นักปฏิบัติธรรมที่ดี ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทุกข์ให้ได้ แต่ไม่ใช่ด้วยความอดทน ดีกว่านั้นก็คืออยู่กับมันโดยอาศัยสติ คือรู้ทันใจที่ปรุงแต่งเวลามีความทุกข์กาย จนใจเป็นปกติได้แม้กายจะทุกข์ก็ตาม คนเราสามารถรักษาใจให้สงบแม้กายจะปวดได้


พระไพศาล  วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 09, 2016, 07:38:41 pm
(http://upic.me/i/px/13895585_1509412905752688_3929705021938775153_n1.jpg) (http://upic.me/show/59108020)



ในสมัยพุทธกาล มีพราหมณีคนหนึ่งร่ำรวยมาก ชื่อว่าเวเทหิกา นางมีความสุขมาก จิตใจนิ่งสงบ เธอคิดว่าเป็นเพราะตัวเองปฏิบัติธรรมดี พูดอวดคนนั้นคนนี้ทำนองว่าฉันเก่ง นางทาสีคนหนึ่งได้ยิน วันหนึ่งจึงอยากทดสอบนาง แกล้งนอนตื่นสาย ไม่ลุกมาตักน้ำให้นางเวเทหิกาล้างหน้า พอนางเวเทหิการู้เข้าก็ไม่พอใจ ด่าว่านางทาสีคนนั้นด้วยความโกรธ นางทาสีจึงได้โอกาสบอกให้นางเวเทหิการู้ว่า ที่เธอเป็นสุขและใจสงบได้นั้น ไม่ใช่เพราะปฏิบัติธรรมดี แต่เป็นเพราะทุกอย่างรอบตัวเธอราบรื่นหรือถูกใจเธอต่างหาก แต่พอมีอะไรไม่ถูกใจ ไม่สมหวัง ก็ขุ่นมัวขึ้นมาทันที

การที่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราจะเป็นไปอย่างราบรื่นตามใจหวังตลอดเวลานั้นเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่อยู่วัดก็อาจเจอสิ่งขัดใจ ทำให้ว้าวุ่นใจ มีหลายคนไม่อยากรับผิดชอบงานในวัด อยากอยู่ในกุฏิเฉย ๆ เพราะกลัวว่าถ้าทำงานแล้วใจจะไม่สงบ ความคิดแบบนี้ทำให้กลายเป็นคนไม่รับผิดชอบ ไม่เอื้อเฟื้อต่อส่วนรวม และที่สำคัญคือกลายเป็นคนจิตใจอ่อนแอ เพราะเจออะไรมากระทบนิดหน่อยจิตใจก็เป็นทุกข์แล้ว ใครก็ตามที่พยายามหนีไปอยู่ในที่ที่สงบสงัด ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เพื่อจะได้มีความสงบสุข พึงตระหนักว่าความสงบสุขแบบนั้นเป็นสิ่งที่เปราะบางมาก เพราะอะไรมากระทบก็ไม่ได้ ถ้าพึ่งพาสิ่งแวดล้อมที่สงบอย่างเดียว จะผิดหวังเพราะของแบบนี้ไม่จิรัง ไม่ยั่งยืน มันเป็นของชั่วคราว

เราต้องเรียนรู้ที่จะเข้าถึงความสงบแบบไม่ต้องอิงอาศัยสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องอาศัยคนอื่นมาปรนนิบัติให้ถูกใจเรา เราต้องเรียนรู้ที่จะหาความสงบได้ด้วยตัวเอง ความสงบแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการฝึกใจ ด้วยการปฏิบัติธรรม เจริญสติ ฝึกสมาธิภาวนา ไม่เช่นนั้นความสุขหรือความสงบที่เกิดขึ้นกับเรา ก็จะหลุดลอยไปจากเราได้ง่าย ๆ เพียงแค่มีคนมาพูดกระทบ ตำหนิ หรือแม้แต่ท้วงติง จิตใจเราก็รุ่มร้อนแล้ว ถ้าไม่อยากให้จิตใจเรารุ่มร้อนหรือวุ่นวายง่าย ๆ ก็ต้องฝึกใจให้มั่นคง ไม่หวั่นไหวง่าย ๆ มีการวางจิตวางใจที่ถูกต้อง ถ้าเราฝึกจิตฝึกใจจนมั่นคง รู้จักวางใจให้ถูก เราก็จะพบกับความสงบได้ในทุกที่ ทุกสถานการณ์ แม้แต่เวลาเจ็บป่วยก็ยังพบกับความสงบใจได้ ใครพูดอะไรมาใจก็ไม่กระเพื่อม รู้จักปล่อยวางได้ หรือว่าเจอสิ่งไม่สมหวัง งานล้มเหลว ใจก็ไม่ทุกข์

อาจารย์ของอาตมา หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ ท่านทำงานเยอะตั้งแต่ยังหนุ่ม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการสอนธรรมเท่านั้น ท่านยังทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชน การช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก การอนุรักษ์ธรรมชาติ ท่านทำมาเป็นเวลาหลายสิบปี เคยมีคนถามว่างานที่ท่านทำนั้นสำเร็จหรือไม่ ท่านก็มักจะตอบว่า "งานที่หลวงพ่อทำล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงแม้งานล้มเหลว แต่หลวงพ่อไม่ล้มเหลว" คือแม้งานของท่านล้มเหลว แต่ท่านก็ยังสงบเย็นอยู่ได้ อย่างนี้เรียกว่าเข้าถึงความสงบที่ใจ เพราะว่าได้ฝึกจิตฝึกใจมาจนกระทั่งวางใจถูก เมื่อวางใจถูก มีอะไรมากระทบใจก็สงบได้

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 22, 2016, 05:29:21 pm
(http://upic.me/i/zq/14046050_1518703258156986_4560307417335374113_n.png) (http://upic.me/show/59195968)



ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ โยมมีความสงสัยเรื่องการกรวดน้ำค่ะ หากไม่กรวดน้ำแต่ใช้วิธีตั้งจิตอธิษฐานแทน บุญนั้นจะส่งถึงญาติหรือผู้ที่ล่วงลับหรือไม่คะ และจำเป็นหรือไม่ที่ต้องแตะตัวต่อๆ กัน กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ


พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจประเสริฐสุด สำเร็จแล้วที่ใจ” ความข้อนี้รวมถึงการทำบุญด้วย สิ่งสำคัญคือการตั้งจิตอุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ส่วนกิริยาการกรวดน้ำเป็นเพียงแค่รูปแบบหรือพิธีการ ซึ่งช่วยน้อมใจให้สงบเป็นสมาธิ ใจที่สงบและเป็นสมาธิย่อมช่วยให้กระแสแห่งบุญนั้นมีพลัง แต่ถ้าไม่มีน้ำจะกรวด เพียงแค่นึกในใจด้วยความสำรวมก็พอแล้ว จะแตะตัวต่อ ๆ กันหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 22, 2016, 05:32:52 pm
(http://upic.me/i/22/14089257_1521270807900231_3841643715192901904_n1.jpg) (http://upic.me/show/59195993)


ของชิ้นใดก็ตามหากเรายึดว่าเป็น “ของเรา” เมื่อใด มันก็จะมีอิทธิพลต่อเราทันที จนเรากลายเป็น “ของมัน”ไปเลยก็มี เช่น ยอมตายเพื่อรักษามันเอาไว้ ถ้ามันเกิดมีอันเป็นไป เสียหาย เสื่อมทรุด หรือสูญไป เราก็อาจล้มทรุดไปด้วย หรือถึงกับหมดสติไปเลยก็ได้

มิใช่แต่สิ่งที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้เท่านั้น แม้แต่สิ่งที่เป็นนามธรรมก็เช่นกัน ทีแรกเราปรุงแต่งมัน ต่อมามันกลับเป็นฝ่ายปรุงแต่งเรา จนถึงขั้นเป็นนายเรา ความคิดทั้งหลายที่เราก่อรูปขึ้นมาในหัว มันสามารถทำให้เรากินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะใจถูกมันสั่งให้คิด ๆ ๆ ต่อไปไม่ยอมหยุดบางครั้งมันก็ชักนำหรือบงการให้เราทะเลาะเบาะแว้งกับใครก็ได้หากเขาไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น แม้คนนั้นจะเป็นพ่อแม่ ลูกหลานหรือคนรักก็ตาม

ถ้ายึดมั่นถือมั่นกับความคิดใดมาก ๆ มันจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้เราเห็นหรือยอมรับความจริงที่สวนทางกับความคิดนั้น มันจะสั่งให้เราบอกปัดความจริงนั้นและจมอยู่ในความคิดนั้นต่อไป แต่ถ้าปรุงแต่งและหลงจมอยู่กับความคิดว่าฉันเป็นคนไร้ค่าเมื่อใด ความคิดนั้นก็สามารถบัญชาให้เราทำร้ายตัวเองได้เมื่อนั้น ใช่หรือไม่ว่าทุกวันนี้เรากำลังกลายเป็นทาสของความคิดที่ตัวเองสร้างขึ้นมาทั้งนั้น

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 22, 2016, 05:43:06 pm
(http://upic.me/i/dt/14054934_1076743759084863_644733643762852320_n.jpg) (http://upic.me/show/59196048)


“เมตตากรุณา ไม่เพียงกับคน

แม้กระทั่งกับสัตว์และต้นไม้

มีอานุภาพต่อกายและใจ

ของเราอย่างคาดไม่ถึง

เป็นธรรมโอสถที่หาได้ง่าย

เพราะมีอยู่แล้วในใจเรา

ขอเพียงแต่เปิดใจนึกถึงคนอื่น

ให้มากขึ้นเท่านั้น เมตตากรุณา

ก็จะเบ่งบานขึ้นในใจเรา”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 25, 2016, 08:05:18 am
(http://upic.me/i/da/14022273_1523298641030781_5178113808665847301_n.jpg) (http://upic.me/show/59214433)


สงบใจ เพราะไม่รับรู้อะไร - เปราะบางและไม่ยั่งยืน


นักปฏิบัติธรรมจะคุ้นเคยกับความสงบประเภทนี้ คือ เวลาที่อยากได้ความสงบก็จะปิดตา ให้จิตอยู่กับที่ เช่น อยู่กับลมหายใจ อาจจะมีคำบริกรรมเพื่อเกาะเกี่ยวใจไว้ไม่ให้ไปรับรู้อะไรทั้งอดีต อนาคต หรือปัจจุบันรอบตัว ก็จะได้ความสงบสมใจ

แต่ความสงบแบบนี้มีข้อจำกัด คือ ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อมมาก หากเรากำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องแอร์ แล้วมีใครสักคนส่งส่งไอจาม หรือหากมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมากลางห้อง หรือมีเสียงรบกวนจากภายนอก ใจเราก็ไม่สงบแล้ว...นักปฏิบัติธรรมหลายคนจะพบว่าความสงบใจที่เกิดจากการไม่รับรู้อะไรนั้น มันค่อนข้างจะง่อนแง่นคลอนแคลนง่าย

นักปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง ปฏิบัติธรรมอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน ขณะปฏิบัติอยู่ก็สงบมาก เวลาย่างเท้าซ้าย ขวา จิตก็นิ่งอยู่กับการเคลื่อนที่ของร่างกาย ปฏิบัติธรรมจนถึง ๔ - ๕ โมงเย็น ครั้นได้เวลาเลิกก็กลับลงมาจากห้องประชุมเพื่อจะขับรถกลับบ้าน มาพบว่ารถของตนเองถูกรถอีกคันจอดซ้อนคัน เกิดโมโหขึ้นมาทันที ส่งเสียงด่ารุนแรงมาก ความสงบที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันอันตรธานหายไปเพราะประสบกับสิ่งที่ไม่สมควร ไม่ถูกต้อง หรือสิ่งที่ขัดใจ จิตจึงกระเพื่อม โทสะเกิด ผลก็คือใจไม่สงบเสียแล้ว

อย่าคิดว่าถ้าเราใจสงบเพราะตัดการรับรู้แล้ว เราจะพบสิ่งที่น่าพอใจไปตลอด เราต้องยอมรับความจริงว่า เราไม่สามารถจะพบเจอเหตุการณ์ที่น่าพึงพอใจได้ตลอดเวลา แม้วันนี้อาจจะไม่มีอะไรขัดใจเรา แต่พรุ่งนี้ก็อาจจะมี เราไม่สามารถบังคับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่แวดล้อมเราให้ถูกใจเราได้ทั้งหมด แม้แต่คนใกล้ชิด เช่น ลูก สามี ภรรยา ลูกน้อง ก็อาจทำอะไรที่ไม่ถูกใจเราได้ นับประสาอะไรกับคนไกลตัว ดินฟ้าอากาศ การจราจร และเราก็หนีมันไม่พ้น...

เราต้องเจอ ต้องสัมผัส ต้องได้ยิน ได้เห็นได้รับรู้สิ่งที่ไม่ถูกใจเรา เราตัดการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ไม่ให้มีการรับรู้ได้เพียงชั่วคราว สุดท้ายก็ต้องออกมารับรู้ เพราะฉะนั้น หากเราพึ่งแต่ความสงบแบบนี้ก็คงไม่พอ

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 01, 2016, 06:30:27 am
(http://upic.me/i/sw/14095778_1527915810569064_2986277822129479953_n1.jpg) (http://upic.me/show/59266081)



(http://upic.me/i/d2/14192579_1528856920474953_100281572548516644_n.jpg) (http://upic.me/show/59266080)



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 02, 2016, 03:38:29 pm
(http://upic.me/i/ok/14211974_1531685290192116_7745196616530682869_n.jpg) (http://upic.me/show/59275574)


สงบด้วยสติ


ความสงบใจอีกประเภทหนึ่ง เกิดขึ้นได้ทั้ง ๆ ที่รับรู้ ไม่ว่าจะรับรู้เสียงดัง รับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่ใจก็สงบได้ ความสงบแบบนี้ต่างหากที่น่าสนใจ เพราะไม่ขึ้นกับสถานที่ ไม่ต้องไปอยู่ที่วัดหรือห้องแอร์ ไม่ต้องอยู่แต่ในบ้าน ถึงจะอยู่ข้างนอก หรืออยู่ในที่ทำงานก็สามารถสงบใจได้ อาตมาคิดว่าเราควรสนใจความสงบประเภทนี้ให้มาก

ความสงบทั้ง ๆ ที่รับรู้เกิดขึ้นได้ เพราะมีสติ ... อารมณ์จะเข้ามารบกวนจิตใจเราได้ก็เพราะเราไม่มีสติรักษาใจเอาไว้ สติเปรียบเหมือนยามเฝ้าประตูเมือง...

ความสงบประเภทนี้เป็นความสงบเพราะรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น รู้ทันใจเมื่อกระเพื่อม ตอนที่ใจกระเพื่อมขึ้นคงไม่ค่อยเท่าใดนัก แต่ตอนที่ใจกระเพื่อมลงนี่เองที่เราไม่ค่อยชอบกัน ถ้าเรามีสติรู้ทัน ก็จะช่วยดึงจิตใจที่เคยแฟบลงให้กลับมาเป็นปกติ ที่เคยกระเพื่อมให้กลับมานิ่ง ที่มีอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความเศร้า มาครอบงำให้จมลงไปในอารมณ์เหล่านั้น ก็สามารถดึงจิตออกมาจากอารมณ์เหล่านั้นได้

คนมักคิดว่าที่เราหงุดหงิดเป็นทุกข์นั้นก็เพราะมีสิ่งมากระทบจิตใจ เช่น เสียงหรือการกระทำของคนอื่น อันที่จริงแล้ว หากใจเราไม่เปิดช่อง สิ่งเหล่านั้นก็ทำอะไรใจเราไม่ได้

ไม่มีอารมณ์ใดมาครอบงำใจเราได้ ไม่มีใครสร้างความทุกข์หรือรบกวนความสงบของเราได้ ถ้าใจเราไม่ร่วมมือด้วย หากใจเรามี "สติ" เสียงดังแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เสียงก็แค่มากระทบที่หูแล้วผ่านเลยไป สักแต่ว่าได้ยิน

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 02, 2016, 03:48:01 pm
(http://upic.me/i/4q/14141680_575279562679386_1555926592966473012_n.jpg) (http://upic.me/show/59275614)


สบายเพราะวาง

ความสุขและความทุกข์ของผู้คนส่วนใหญ่

ถึงที่สุดก็ขมวดอยู่ตรงที่การวางนี้เอง

ถ้าวางไม่เป็น ไม่ว่าด้วยมือหรือด้วยใจ

ก็เป็นทุกข์ได้ง่าย แต่ถ้าวางเป็น

ชีวิตก็มีความสุขและสงบเย็นได้ง่ายขึ้น

ส่วนจะวางเป็นหรือไม่ คำตอบก็อยู่ที่สติเป็นสำคัญ



------------------------------------



เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

 :) ===> https://archive.org/details/Visalo2016  (https://archive.org/details/Visalo2016)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 08, 2016, 03:17:20 pm
(http://upic.me/i/5f/14224827_1535650693128909_5364898531496623586_n.jpg) (http://upic.me/show/59320677)


มุมมองของความสุข


มีผู้หญิงคนหนึ่งเล่าว่า บ่ายวันหนึ่งมีรถแท๊กซี่มาจอดอยู่หน้าบ้านของเธอ ซึ่งอยู่ในซอย พอเห็นรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน เธอรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที รู้สึกว่าหากมีรถในบ้านจะเข้าจะออกจะทำอย่างไร พอมองไปที่ร่มไม้ก็ยิ่งไม่พอใจว่า นั่นเป็นต้นไม้ที่พ่อปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงาหน้าบ้าน ไม่ใช่ที่ที่จะให้ใครมาจอดเพื่ออาศัยร่มเงา

แต่สักพักเธอก็ได้สติ เพราะมาคิดทบทวนใหม่ว่าตอนนี้เราก็ยังไม่มีธุระจะออกจากบ้าน ถนนหรือซอยนั้นก็เป็นของสาธารณะมี ขนาดกว้างพอสมควร ถ้าจะเข้า-ออก ก็คงจะไม่ลำบาก เธอคิดด้วยว่าคนขับคงเหนื่อย อากาศร้อน พอเห็นร่มเงาจึงมาจอดพัก พอเธอนึกถึงคนขับแท็กซี่คนนั้น ที่คงจะร้อนเพราะอากาศอบอ้าว และได้มาอาศัยร่มเงาหน้าบ้านของเธอเป็นที่ดับร้อน เธอก็รู้สึกดีขึ้น

และยิ่งรู้สึกดีขึ้นอีกเมื่อเห็นคนขับแท๊กซี่เอาข้าวมากิน เธอดีใจว่าต้นไม้ที่พ่อปลูกได้ให้ร่มเงาแก่คนที่ร้อน คนขับแท๊กซี่อาจจะเหนื่อย ยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า ได้มาอาศัยร่มเงาของต้นไม้ที่พ่อเธอปลูกไว้ ได้ใช้ประโยชน์ ดับทุกข์ เธอจึงดีใจความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปจากทีแรกที่เธอรู้สึกไม่พอใจเพราะรู้สึกว่านี่เป็นบ้าน "ของฉัน" หน้าบ้านของฉันซึ่งที่จริงเป็นถนนสาธารณะ แต่พอไปนึกเองว่าถนนหน้าบ้านนี้เป็นของฉันก็เลยเกิดความไม่พอใจทันทีที่มีรถแท๊กซี่มาจอด และยิ่งไม่พอใจเมื่อนึกว่าต้นไม้ "ของพ่อฉัน" ปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงากับลูกๆ

แต่พอเธอกลับมาคิดอีกมุมหนึ่งมองถึงความรู้สึกของคนขับแท็กซี่ว่า เขาคงร้อน เหนื่อย หิวความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไป เกิดความเห็นใจความเมตตาขึ้นมาและสิ่งที่ตามมาคือความสุข ความดีใจที่เขาได้ดับทุกข์โดยอาศัยร่มเงาหน้าบ้านของเธอ

คนบางคนเมื่อเจอเหตุการณ์นี้ จะโมโหไม่พอใจ อาจจะเดินไปต่อว่าคนขับแท๊กซี่แต่คนบางคนกลับรู้สึกดีใจ อันนี้เป็นเพราะ "คุณภาพจิต" หรือ "มุมมอง"

เธอดูอยู่สักพัก คนขับแท๊กซี่กินข้าวเสร็จและขับรถออกไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่หน้าบ้านของเธอ รถจะเข้าจะออกก็ไม่มีปัญหา เธอจึงคิดได้ว่าเมื่อสักครู่เรากังวลไปเองว่าหากรถจะเข้าจะออกจะทำอย่างไร ที่จริงเป็นการกังวลไปล่วงหน้า เพราะแท๊กซี่อยู่ประเดี๋ยวเดียวก็ไปแล้ว เธอกังวลเพราะไปคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น คนเราก็ทุกข์เพราะเหตุนี้เหมือนกัน อะไรบางอย่างยังไม่เกิดขึ้นเลยแต่กังวลไปล่วงหน้าแล้ว เป็นเพราะว่าใจไปอยู่กับอนาคต มองข้ามปัจจุบันไป

คนเราจะทุกข์หรือสุขอยู่ที่มุมมอง ซึ่งมีส่วนทำให้ใจเราเล็กหรือแคบ หรือทำให้ใจเรากว้างใหญ่ ถ้าเราคิดถึงแต่ตัวเอง ทำให้ใจเราคับแคบ เช่น คิดว่าบ้านของฉัน ถนนของฉัน ต้นไม้ของพ่อฉัน แต่ถ้าเราคิดถึงคนอื่น ก็ทำให้ใจเรากว้างขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าใจเราก็แคบ เราก็คิดถึงตัว เองอยู่เสมอ แต่ถ้าใจเรากว้างเราจะคิดถึงคนอื่นๆ ได้ง่าย เวลาเจอเหตุการณ์อะไรแล้วทุกข์ ลองนึกดูว่าเป็นเพราะเราคิดถึงแต่ตัวเองหรือเปล่า หรือเอาแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง

พระไพศาล วิสาโล


download หนังสือ ขยายใจให้ใหญ่ขึ้นได้ที่ http://www.visalo.org/book/WordaPdf/kayaijai.pdf (http://www.visalo.org/book/WordaPdf/kayaijai.pdf)



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 08, 2016, 03:29:24 pm
(http://upic.me/i/og/14225374_1537633322930646_642251401727185522_n.jpg) (http://upic.me/show/59320733)


"ทำไมรู้ว่าโกรธแล้วไม่หายโกรธ"

ความโกรธเกิดขึ้นเมื่อจิตเผลอ ไม่มีสติ หลง
เมื่อสติเกิดขึ้น ความหลงจะหายไป
ความเผลอจะหายไป
เพราะความโกรธนั้นไม่มีที่ตั้ง

ปัญหาของผู้ปฏิบัติก็คือ ขณะที่รู้ว่าโกรธนั้น
ลึกลงไปในใจมีความรู้สึก
ไม่ชอบความโกรธนั้นร่วมอยู่ด้วย
จึงไม่ใช่แค่ "รู้เฉยๆ" แต่มีความรู้สึกว่า
อยากผลักไสความโกรธออกไปด้วย
จึงไม่ใช่สติที่บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์

หากจะเปรียบความโกรธเหมือนไฟ
และสติเหมือนน้ำ เหตุใดน้ำนี้จึงดับไฟไม่ได้?

สาเหตุที่น้ำนี้ไม่สามารถดับไฟได้
ก็เพราะน้ำนี้ไม่บริสุทธิ์ แต่เจือด้วยน้ำมัน

น้ำมันในที่นี้ คือ ความรู้สึกลบต่อความโกรธ
อยากจะให้ความโกรธหายไป
มันมีทั้งตัณหาและโทสะร่วมอยู่ด้วยกัน
ตัณหา คือ ความอยากให้ความโกรธหายไป
โทสะ คือ ไม่ชอบความโกรธ รู้สึกลบต่อความโกรธ
จึงเปรียบเหมือนน้ำที่ไม่บริสุทธิ์ เจือด้วยน้ำมัน

หลายคนมักบ่นว่า "ทำไมรู้ว่าโกรธแล้วไม่หายโกรธ"
สาเหตุก็เพราะว่าไม่ได้แค่รู้เฉยๆ
ไม่ได้รู้ด้วยใจที่เป็นกลาง
แต่มีความรู้สึกลบต่อความโกรธร่วมอยู่ด้วย...

สิ่งใดก็ตามที่ถูกกดข่มจะสู้ จะต่อต้าน
มีคำพูดหนึ่งที่อาตมาใช้ได้ดี คือ

อะไรที่เธอผลักไสจะคงอยู่
อะไรที่เธอตระหนักรู้จะหายไป

เราจึงต้องมีสติรู้ให้เท่าทันตรงนี้ให้มากขึ้น
ซึ่งเป็นตัวที่ละเอียด เมื่อเราแค่รู้เฉยๆ
ความโกรธจะดับไปเอง
ความฟุ้งซ่านก็เช่นเดียวกัน
แต่หากยิ่งพยายามกดข่มไว้
ความฟุ้งซ่านก็จะยิ่งรังควานจิตใจเรา
สิ่งใดที่เรากดข่มจะไม่ยอมไปง่ายๆ
ถ้าเป็นความรู้สึกผิด ยิ่งพยายามกดข่ม
ยิ่งพยายามลืม ก็จะยิ่งรบกวนจิตใจหนักขึ้นไปอีก

หนทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้ก็คือ
ต้องรู้มันด้วยใจที่เป็นกลาง
อารมณ์เหล่านั้นก็จะไม่มีที่ตั้งอีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 08, 2016, 04:22:38 pm
(http://upic.me/i/9o/14222373_10154555938189744_123983374632342042_n.jpg) (http://upic.me/show/59321194)



ที่มา : Facebook ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย.พ.ส.)
https://www.facebook.com/ybatpage/ (https://www.facebook.com/ybatpage/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 09, 2016, 12:25:12 pm
(http://upic.me/i/ik/14184460_1092455107513728_6777767805016952758_n.jpg) (http://upic.me/show/59326589)


หลายแง่มุมของการอยู่กับปัจจุบัน


แม้โลกและชีวิตจะเต็มไปด้วย

ความไม่แน่นอน แปรเปลี่ยนเป็นนิจ

แต่ก็ไม่อาจทำให้เราเป็นทุกข์ได้

หากมีสติตั้งมั่น ไม่ปล่อยใจ

ให้ตกอยู่ในความตื่นตระหนก

วิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

หรืออาลัยเสียใจ ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

ยิ่งมีปัญญารู้เท่าทันความจริงของชีวิต

ไม่สำคัญมั่นหมายในความเที่ยงแท้ยั่งยืน

ของสิ่งต่างๆจิตก็จะสงบ โปร่งเบา

เป็นสุขได้ท่ามกลางความผันผวนทั้งปวง


------------------------------------------------------------
เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือโหลด

===> https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 09, 2016, 12:31:23 pm
(http://upic.me/i/1z/14202675_1093134684112437_5356873936648632778_n.jpg) (http://upic.me/show/59326647)


ชีวิตมีขึ้นมีลง


ความสำเร็จก็เช่นเดียวกับสิ่งอื่น ล้วนไม่ยั่งยืน หากหลงใหลเพลิดเพลินกับมัน ก็ย่อมระทมทุกข์ยามสูญเสียมันไป ในเมื่อชีวิตมีทั้งยามขึ้นและยามลง ดังนั้นเมื่อถึงคราวที่ต้องเดินลง แทนที่จะต่อต้านขัดขืนหรืออาลัยอาวรณ์ ไม่ดีกว่าหรือหากจะยอมรับความจริง และพร้อมที่จะมีความสุขทุกขณะที่ก้าวลง สามารถชื่นชมสิ่งสวยงามสองข้างทางซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 09, 2016, 12:43:22 pm
(http://upic.me/i/g5/14222177_577184735822202_2595233756085313033_n.jpg) (http://upic.me/show/59326692)


เดินช้ากลับถึงเร็ว



จุดหมายมิได้อยู่ข้างหน้า แท้จริงจุดหมายอยู่ที่ปลายเท้า ขอเพียงแต่เดินไม่หยุด จุดหมายก็จะมาถึงเอง ดังนั้นจึงอย่าพะวงกับจุดหมายปลายทางข้างหน้า หากควรใส่ใจกับแต่ละก้าว ๆ ที่สำคัญก็คือ อย่ารีบเดิน เพราะยิ่งอยากถึงจุดหมายไว ๆ กลับถึงช้า แต่พอไม่สนใจว่าจะถึงจุดหมายเมื่อไหร่ เดินสบาย ๆ กลับถึงเร็ว เพราะยิ่งจ้ำก็ยิ่งเหนื่อย ทำให้ต้องพักนาน แต่ถ้าเดินสบาย ๆ ก็ต้องการพักไม่นาน บางทีไม่จำต้องพักเลยด้วยซ้ำ เพราะได้พักระหว่างก้าวอยู่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่รีบเดินจนเท้าแพลง กลายเป็นถึงช้าลง จะว่าไปแล้วนี้ก็คือเคล็ดลับอย่างหนึ่งในการทำงานให้มีความสุขและสำเร็จ


--------------------------------------------------
เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

 :) ===> https://archive.org/details/Visalo2016  (https://archive.org/details/Visalo2016)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 09, 2016, 12:48:56 pm
(http://upic.me/i/3f/14191905_577941482413194_444891678652984644_n.jpg) (http://upic.me/show/59326714)


สร้างสมดุลให้ชีวิต


แม้มีน้อย ไม่ร่ำรวย ก็มีความสุขได้ เป็นสุขที่พบได้กลางใจเรา เป็นเพราะมองไม่เห็นความสุขดังกล่าว ผู้คนจึงพากันดั้นด้นแสวงหาความสุขที่อยู่นอกตัว แต่ไม่ว่าจะมีหรือได้มากเท่าไร ก็ไม่พบความสุขที่แท้ ต่อเมื่อหยุดแสวงหาสิ่งภายนอก หันกลับมามองตน วางใจให้ถูก ดูแลใจให้ดี ก็จะพบความสุขอันประเสริฐได้ไม่ยาก เป็นความสุขที่สัมผัสได้แม้ประสบกับความเจ็บป่วย พลัดพราก หรือยากไร้



--------------------------------------------------
เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

 :) ===> https://archive.org/details/Visalo2016  (https://archive.org/details/Visalo2016)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 09, 2016, 12:54:14 pm
(http://upic.me/i/wi/14225467_577470739126935_1627496973934140725_n.jpg) (http://upic.me/show/59326741)


ทำทีละอย่างคิดทีละเรื่อง

การทำทีละอย่างนั้นมีผลดีต่อสุขภาพจิตด้วย ไม่ใช่ดีต่องานเท่านั้น เพราะหากทำเป็นนิสัย จะช่วยให้จิตไม่แส่ส่าย ปล่อยวางความคิดและอารมณ์ได้เร็ว จึงผ่อนคลายได้ง่าย ในทางตรงข้ามการทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน นอกจากจิตจะล้าหรือเครียดได้ง่ายแล้ว จิตจะอยู่นิ่ง ๆ นาน ๆ ได้ยาก จึงฟุ้งซ่านบ่อย ผลที่ตามมาคือ ต่อไปจะคุมจิตได้ยาก ถึงเวลานอน ก็นอนยาก เพราะจิตฟุ้งไม่หยุด คิดโน่นคิดนี่ตลอดเวลา ทำให้เครียดหนักขึ้น


“เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง” เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้งานได้ผล คนเป็นสุขทั้งกายและใจไปพร้อม ๆ กัน



--------------------------------------------------
เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

 :) ===> https://archive.org/details/Visalo2016  (https://archive.org/details/Visalo2016)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 13, 2016, 05:52:29 am
(http://upic.me/i/3h/14222371_1539750389385606_2654005020402391659_n.jpg) (http://upic.me/show/59351098)



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 19, 2016, 03:49:03 pm
(http://www.mx7.com/i/e4a/O7cTtK.jpg) (http://www.mx7.com/view2/zmStkisi9f1ESZhs)



บ้านที่แท้จริงนั้นประเสริฐกว่าบ้านที่เราจากมา บ้านที่เป็นอาคาร ที่ก่อด้วยอิฐ สร้างด้วยไม้ แต่บ้านที่เราจะได้พบสัมผัสด้วยใจนี้ คือความรู้สึกตัว

ความรู้สึกตัวเป็นบ้านของใจที่ประเสริฐมาก เพราะไม่มีอะไรที่จะทำให้เราต้องวิตกกังวลเหมือนบ้านที่ก่อด้วยอิฐหรือปูนซึ่งเดี๋ยวหลังคาก็รั่ว เดี๋ยวฝาก็ร้าว เดี๋ยวพื้นก็ทรุด เดี๋ยวท่อก็แตก  บางแห่งพื้นทรุด จนไม่กล้าอยู่ กลัวว่ามันจะพังครืนลงมานั่นแหละ

คือบ้านที่ก่อด้วยอิฐด้วยปูน แม้จะราคาหลายล้าน แต่ก็สร้างความกังวลได้ แต่บ้านของใจหรือความรู้สึกตัวนั้น ไม่มีอะไรที่จะทำให้เรากังวลเลย อยู่แล้วมีแต่ความสบายใจ มีแต่ความโปร่งเบา

บ้านนี้เราจะพบได้ก็ด้วยการมีสติ สติทำให้เราไม่ลืมตัว ทำให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ทำให้จิตกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา

ความรู้สึกตัว ภาษาบาลีเรียกว่า “สัมปชัญญะ” สติและ สัมปชัญญะนั้นคู่กัน สติคือไม่ลืม สัมปชัญญะคือไม่หลง ไม่หลง คือรู้ตัวหรือรู้สึกตัว เราจะเกิดภาวะนี้ได้ ก็ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ วัดป่าสุคะโตมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สถาบันสติปัฏฐาน” คือเป็นสถานที่ที่จะช่วยให้เรารู้วิธีเข้าถึงสิ่งประเสริฐของชีวิต

พระพุทธเจ้าตรัสว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นทางเอกที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้น คำว่าทางเอก ภาษาบาลีเรียกว่า “เอกายโนมัคโค” แปลอีกอย่างว่า ทางตรงสู่ความพ้นทุกข์ ส่วนทางที่ไม่ตรง แต่ไปถึงเหมือนกัน อาจจะช้าหน่อย เช่น การให้ทาน การรักษาศีล

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 23, 2016, 02:34:07 pm
(http://upic.me/i/35/14390847_1142553022499078_2507834281360852814_n.jpg) (http://upic.me/show/59411501)


ความคิดปิดบังความจริง


อันที่จริงแม้ความตายยังไม่ถึงกับประชิดตัว แต่ในส่วนลึกของคนส่วนใหญ่นั้นไม่เชื่อว่าตนจะต้องตายด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ได้ยินได้ฟังว่ามีคนตายอยู่เนือง ๆ หรือถึงแม้รู้ว่าตัวเองจะต้องตายไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่ใจก็ไม่ได้เชื่ออย่างนั้น ดังนั้นเมื่อถึงคราวที่จะต้องตาย จึงยอมรับไม่ได้ พยายามปฏิเสธผลักไสและต่อต้าน ซึ่งเท่ากับเพิ่มความทุกข์ทรมานให้แก่ตนมากขึ้น

ปัญหาใด ๆ ก็ไม่ร้ายแรงหรือน่ากลัวเท่ากับใจที่ปฏิเสธปัญหา เพราะนั่นหมายถึงความประมาท นิ่งดูดาย งอมืองอเท้า ปล่อยให้ปัญหานั้นจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว ถึงตอนนั้นแล้วหากใจยังปฏิเสธผลักไส ตีโพยตีพาย ไม่ยอมรับความจริง ก็ยิ่งเจ็บปวดเพราะถูกความจริงโบยตี จะดีกว่ามากหากยอมรับความจริงเสียแต่ต้น แม้จะเจ็บปวดทีแรก แต่ก็มีโอกาสที่จะรับมือกับมันได้ดีขึ้น ยิ่งยอมรับแต่เนิ่น ๆ เท่าไร ก็ยิ่งมีเวลาเตรียมการมากเท่านั้น อีกทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ ดังผู้ที่เจริญมรณสติอยู่เสมอ ไม่เพียงจะตื่นตระหนกน้อยลงเมื่อความตายมาประชิดตัวเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมัน คือเห็นธรรมจากความตาย ทำให้ปล่อยวางและเผชิญความตายด้วยใจสงบ

พระไพศาล วิสาโล
 
* =================================================== *

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต


คลิ๊กฟังและดาวน์โหลดได้ที่  ===> https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 23, 2016, 02:43:04 pm
(http://upic.me/i/qa/14391001_1551024561591522_693957156593122138_n1.jpg) (http://upic.me/show/59411540)



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 28, 2016, 11:45:30 am
(http://upic.me/i/rh/14495288_1555711971122781_3865556867630329864_n.jpg) (http://upic.me/show/59453838)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 28, 2016, 11:46:41 am
(http://upic.me/i/ln/14502770_1556577551036223_891953359409066235_n.jpg) (http://upic.me/show/59453839)


ความทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น แต่เมื่อความแก่ ความเจ็บ ความพลัดพราก ความล้มเหลวบังเกิดขึ้น ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเศร้าโศก เสียใจ อาลัยอาวรณ์ ขุ่นเคือง ท้อแท้ หรือจมอยู่กับความตกต่ำย่ำแย่เสมอไป เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเป็นอุปกรณ์สอนธรรม ฝึกใจเราให้เข้มแข็ง เตือนให้ไม่ประมาทกับชีวิต อีกทั้งยังเปิดใจให้เห็นสัจธรรมได้ด้วย

ความทุกข์ไม่เพียงผลักดันให้เราเข้าหาธรรม หากยังแสดงธรรมให้เราเห็น เพราะทุกข์ก็คือธรรมนั้นเอง สัจธรรมที่ช่วยให้พ้นทุกข์นั้นล้วนอยู่ในสิ่งที่เราเรียกว่าทุกข์ แต่เป็นเพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเจอทุกข์แล้วมักปล่อยใจให้เป็นทุกข์ จึงถูกทุกข์กระทำย่ำยี อันที่จริง ทุกข์นั้นหากเราดูมันด้วยสติ พิจารณาด้วยปัญญา ก็สามารถเห็นธรรมที่ช่วยให้จิตเป็นอิสระจากทุกข์ได้ เพราะกุญแจที่ไขไปสู่ความพ้นทุกข์ก็อยู่ในทุกข์นั้นเอง ทุกข์จึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความพ้นทุกข์

ปราศจากโคลนตม ดอกบัวอันงดงามย่อมมิอาจเกิดขึ้นได้ฉันใด ปราศจากความทุกข์ ปัญญาหรือความรู้แจ้งก็มิอาจเกิดขึ้นได้ฉันนั้น ดังนั้นเมื่อประสบทุกข์จึงไม่ควรตีโพยตีพาย หรือปล่อยใจให้จมอยู่ในความทุกข์ แทนที่จะเป็นผู้ทุกข์ พึงถอยออกมาเห็นทุกข์ ทุกข์จะกลายเป็นธรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2016, 08:11:47 am
(http://upic.me/i/n1/14440959_588721454668530_7192135335704354174_n.jpg) (http://upic.me/show/59461323)


ต้นไม้สูงต้องมีรากลึก

ต้นไม้สูงใหญ่ได้ มิใช่เพราะมัวแต่แทงยอดขึ้นฟ้าเท่านั้น หากยังหยั่งรากลึกลงไปในดินด้วย ยิ่งสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีรากลึกเท่านั้น จึงสามารถตั้งมั่นอยู่ได้ แม้ลมกล้าพายุฝนกระหน่ำก็ไม่หักโค่น
ผู้ที่มีฐานะสูงเด่น สามารถฝ่าฟันอุปสรรค ยืนหยัดมั่นคงได้ มิใช่เพราะมัวแต่สร้างผลงานให้ผู้คนประจักษ์ หากยังเพราะมีฐานใจที่หยั่งลึก จึงไม่หวั่นไหวกับความผันผวนปรวนแปรของโลกธรรม ยิ่งสามารถหยั่งลงไปถึงต้นธารแห่งความสุขภายใน จิตใจย่อมแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ แม้จะจนทรัพย์ ไร้เกียรติยศ ไม่มีผู้คนสรรเสริญ เช่นเดียวกับไม้ใหญ่ที่เขียวขจีตลอดปี แม้ในฤดูแล้งที่แห้งผากและร้อนผ่าวก็ตาม

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) ------------------------------------------ (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

ฟัง และ ดาวน์โหลด  ===> https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 04, 2016, 04:53:53 am
(http://upic.me/i/qd/14502869_1558469610847017_5008773215026805332_n1.jpg) (http://upic.me/show/59501126)


สัมมาสติในชีวิตประจำวัน


สติไม่ได้เป็นแค่เบรก มันเป็นคันเร่งด้วย อย่างเวลานักศึกษาเฉื่อยขึ้นมา ไม่อยากจะทำงาน ไม่อยากจะไปเรียนหนังสือ สติก็จะเตือนและเร่งให้เราตื่นตัว เร่งให้เราสกัดความขี้เกียจความเซ็งออกไป

เราเฉื่อยเพราะอะไร เพราะเราเป็นทาสของอารมณ์ เราปล่อยให้มันครอบงำเรา รั้งเราเอาไว้ กิเลสมันจะหาเหตุผลมาอ้างนะว่า ยังเช้าอยู่ อย่าเพิ่งไปเลย หรือว่าหลับจนตะวันโด่ง มันก็จะบอกว่าสายแล้วอย่าไปเลย นี่คืออุบายของกิเลส กิเลสมันหลอกเรา แต่ถ้ามีสติ เราจะรู้มันว่านี่เป็นอุบายของกิเลส เราจะไม่ยอมเชื่อ เราจะกระตือรือร้นขยันขันแข็งขึ้นมา

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 04, 2016, 04:58:54 am
(http://upic.me/i/ob/14463192_1559536757406969_4849519651034091151_n.jpg) (http://upic.me/show/59501128)


เติมเต็มชีวิตในเวลาน้อยนิด


อาจารย์วิษณุเป็นคุรุชาวอินเดียที่มีลูกศิษย์ลูกหามาก วันหนึ่งอาจารย์เรียกศิษย์สองคนที่ใกล้ชิดมาหาแล้วพาไปยังห้องเปล่าสองห้อง ให้เงินคนละ ๑ รูปีแล้วสั่งว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ห้องเต็ม ไชยารีบวิ่งไปที่ตลาดทันทีและพยายามหาของที่สามารถซื้อมาใส่ห้องให้เต็มด้วยเงิน ๑ รูปี แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เพราะ ๑ รูปีนั้นน้อยเกินไป สุดท้ายเขาก็คิดออก เขาไปหาคนเก็บขยะ ใช้เวลาเจรจาไม่นาน เขาก็ขนขยะกองใหญ่ไปใส่ในห้องของตนจนเต็มด้วยความภาคภูมิใจที่ทำงานสำเร็จ

ส่วนจิตรนั้นเมื่อได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ก็นั่งสมาธิ ทำจิตสงบอยู่ในห้องพักใหญ่ จากนั้นก็เดินไปที่ตลาด ซื้อไม้ขีดไฟ ธูป และประทีป เมื่อกลับมายังห้องของตน เขาก็จุดธูปและประทีป ไม่นานห้องก็อบอวลด้วยกลิ่นหอมและเต็มไปด้วยแสงสว่าง

เมื่ออาจารย์วิษณุมาตรวจงานของลูกศิษย์ทั้งสอง เขาเบือนหน้าหนีทันทีที่ย่างเท้าเข้าห้องของไชยาเพราะกลิ่นเหม็นโชยมาอย่างแรงจากกองขยะ แต่อาจารย์กลับแย้มยิ้มเมื่อเดินเข้าไปในห้องของจิตร ซึ่งสว่างไสวและอบอวลด้วยกลิ่นมะลิและไม้จันทน์

นิทานเรื่องนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความแตกต่างทางสติปัญญาของศิษย์ทั้งสองเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นมุมมองหรือทัศนคติที่แตกต่างกันด้วย ไชยานั้นให้ความสำคัญกับวัตถุหรือสิ่งที่จับต้องได้ เขาจึงนึกถึงแต่การหาวัตถุสิ่งของมาใส่ห้องให้เต็ม แต่ในเมื่อเงิน ๑ รูปีนั้นซื้ออะไรได้ไม่มาก เขาจึงลงเอยด้วยการซื้อกองขยะ กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาวัดความสำเร็จด้วยปริมาณ

ตรงข้ามกับจิตร เขาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่เน้นที่ปริมาณ แต่มุ่งที่คุณภาพ เมื่อต้องหาอะไรมาใส่ในห้องให้เต็ม เขาจึงนึกถึงแสงสว่างและกลิ่นหอม ซึ่งให้ความสุขและรื่นรมย์ใจแก่เจ้าบ้านและผู้มาเยือน

มองให้ลึก เรื่องของไชยาและจิตร มิใช่อะไรอื่น หากคือภาพสะท้อนของผู้คนในโลกนี้ ห้องนั้นคืออุปมาของชีวิต ส่วนเงิน ๑ รูปีนั้นหมายถึงเวลาอันน้อยนิดที่เรามีอยู่ในโลกนี้ ผู้คนทั้งหลายปรารถนาที่จะเห็นชีวิตของตนได้รับการเติมเต็ม แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเติมเต็มชีวิตของตนด้วยวัตถุ ดังนั้นจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีเพื่อแสวงหาเงินทองและสะสมทรัพย์สมบัติให้มากที่สุด

คนเหล่านั้นรู้สึกว่าชีวิตตนจะมีคุณค่าได้ต่อเมื่อมีวัตถุประดับประดา ใช้รถหรูราคาแพง หรือใช้สินค้าแบรนด์เนม อย่างไรก็ตามบ่อยครั้งสิ่งที่หามานั้นมีสภาพไม่ต่างจากกองขยะ คือนอกจากไม่ได้ใช้แล้ว ยังรกบ้าน เป็นภาระแก่จิตใจ ยิ่งทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากการคดโกงหรือการผิดศีลด้วยแล้ว ก็เป็นขยะดี ๆ นี้เอง เพราะเต็มไปด้วยโทษและส่งกลิ่นเหม็นประจานเจ้าของ

แท้จริงแล้วมีสิ่งอื่นที่ดีกว่าที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของเรา นั่นคือ บุญกุศล ความดีงาม รวมทั้งความสงบเย็นในจิตใจ อันเกิดจากคุณธรรมและความเข้าใจชีวิต ใครที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในจิตใจ จะไม่รู้สึกพร่อง กลับรู้สึกเต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา คนแวดล้อมก็มีความสุข ตรงข้ามกับคนที่พรั่งพร้อมด้วยวัตถุ หากไร้สิ่งเหล่านี้ในจิตใจ จะรู้สึกพร่องอยู่ตลอดเวลา จึงดิ้นรนตักตวงไม่หยุดหย่อน แต่ได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้จักพอ ขณะเดียวกันคนแวดล้อมก็อยู่อย่างไม่เป็นสุข เพราะกลายเป็นที่ระบายความทุกข์ของคนเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา

เราทุกคนล้วนมีเวลาเพียงน้อยนิดในโลกนี้ เราไม่สามารถใช้เวลาทั้งหมดที่มีเพื่อหาวัตถุสิ่งเสพมาสนองความปรารถนาจนเต็มอิ่มได้ แต่เวลาน้อยนิดที่เรามีอยู่นั้นมากพอที่จะแสวงหาความดีงามมาเติมเต็มจิตใจจนอิ่มเอมได้

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 18, 2016, 06:16:03 pm
(http://upic.me/i/sv/14680561_1574711609222817_5524651912544732340_n.png) (http://upic.me/show/59591804)


Mattana Nanta ปุจฉา – อยากจะเรียนสอบถามว่า หากเราอยากจะฝึกเจริญสติเมตตาภาวนานั้น จะมีแนวทางการฝึกอย่างไรคะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - คุณลองฝึกเจริญสติด้วยการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีสติ รู้สึกตัว ทำด้วยใจเต็มร้อย คือไม่นึกถึงสิ่งอื่นเลย รับรู้แต่สิ่งที่กำลังทำอยู่ เวลาใจเผลอไปนึกถึงอะไรก็ตาม จนลืมถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ ก็ระลึกถึงสิ่งนั้นได้ไว และพาใจกลับมาอยู่กับสิ่งนั้น หรือกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ทำอะไรก็ตามให้ทำทีละอย่าง อย่าทำหลายอย่างพร้อมกัน

ส่วนเมตตาภาวนานั้น ทำได้ด้วยการน้อมจิตปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ เริ่มจากคนใกล้ตัว บุพการี มิตรสหาย ไปจนถึงคนทั่วไป และคนที่คิดร้ายต่อคุณ หรือคนที่คุณขุ่นเคือง บทภาวนาที่นิยมใช้
ในการเจริญเมตตา คือบทแผ่เมตตา ที่ว่า

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวรหา โหนตุ จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย

อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ




ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 18, 2016, 06:25:48 pm
(http://upic.me/i/n5/14502794_1568088823218429_5271813214073194382_n2.jpg) (http://upic.me/show/59591919)




ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 18, 2016, 07:32:02 pm
(http://upic.me/i/j1/14682145_1127692617323310_5459484034328842139_o.jpg) (http://upic.me/show/59592446)



อย่าเพิ่มทุกข์ให้แก่กัน


          ตอนนี้เป็นเวลาที่เราควรดูแลจิตใจของตัวเองให้ดี ไม่ควรมองคนที่ปฏิบัติแตกต่างจากเรา ว่าเป็นคนที่ไม่จงรักภักดี เขาอาจจะมีความจงรักภักดีและเศร้าโศกไม่น้อยกว่าเรา แต่มีวิธีการแสดงออกต่างจากเราก็ได้ อันนี้ควรถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่ควรเข้าใจกันให้มาก

            อยากให้ตระหนักว่าเวลานี้ไม่ควรเป็นเวลาที่เราจะทะเลาะกัน ตอนนี้ผู้คนทั้งประเทศก็มีความทุกข์พอแรงแล้ว อย่าเพิ่มความทุกข์ ด้วยการตำหนิติเตียนหรือกล่าวหากันเพียงเพราะเขาปฏิบัติไม่เหมือนเรา ควรมีความเห็นอกเห็นใจกันให้มาก เพราะเราต่างเป็นเพื่อนทุกข์กันทั้งนั้น


ธรรมะสั้นๆก่อนอาหารเช้า
จากพระอ.ไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด
===> https://archive.org/details/PS590109 (https://archive.org/details/PS590109)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 21, 2016, 07:20:53 pm
(http://upic.me/i/q4/14721612_1579613282065983_8702464450883567882_n.jpg) (http://upic.me/show/59611118)



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 21, 2016, 07:22:15 pm
(http://upic.me/i/kv/14680650_1580632711964040_8274775831753653042_n.jpg) (http://upic.me/show/59611119)



การทำตามความฝันหรืออุดมคตินั้น ไม่ได้หมายถึงการไม่อยู่กับปัจจุบัน คนเราควรมีจุดมุ่งหมายในชีวิต เมื่อตั้งจุดหมายและกำหนดเส้นทางชัดแล้ว พอเริ่มก้าวเดิน ตอนนี้แหละที่ใจควรอยู่กับปัจจุบัน อย่ามัวกังวลว่าเมื่อไหร่จะถึง ขอให้เดินไปเรื่อย ๆ และเดินแต่ละก้าวอย่างดีที่สุด (ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องรีบเดิน จ้ำเอา ๆ ) ในที่สุดก็จะถึงเป้าหมายเอง (หากเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง) แต่ถ้าไม่ถึงเป้าหมายเพราะเหตุใดก็แล้วแต่ ก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะทำดีที่สุดแล้ว และได้เรียนรู้มากมายระหว่างทาง เป็นกำไรชีวิตที่ทรงคุณค่า



ที่มา : Facebook พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 27, 2016, 05:59:49 pm
(http://upic.me/i/9j/14732395_1586627521364559_1721254524214158217_n1.jpg) (http://upic.me/show/59647262)


คนไทยส่วนใหญ่เกิดมาก็มีในหลวงแล้ว อยู่ใต้บารมีของพระองค์มาตั้งแต่เกิด ไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์ก็มีพระองค์อยู่เหนือหัวเรา หลายคนคงรู้สึกว่าในหลวงจะอยู่กับเราไปจนตลอด เพราะตั้งแต่เกิดมาก็มีในหลวงแล้ว หลายคนพ่อแม่ตายไปแล้ว ญาติผู้ใหญ่หลายคนก็ตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีในหลวง เพราะฉะนั้นเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต อาตมาเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อย เรียกว่าคนเกือบทั้งประเทศก็ได้รู้สึกว่าตนเป็นกำพร้าทันที เป็นกำพร้าพร้อมกันทั้งประเทศเลย

การเป็นกำพร้า เช่น กำพร้าพ่อ กำพร้าแม่ ปกติเราผลัดกันเป็น ไม่ได้เป็นกันทีเดียวทั้งประเทศ แต่การสูญเสียในหลวงครั้งนี้ พูดได้ว่าพวกเรากำพร้าทั้งประเทศพร้อมๆ กันเลย ทำให้รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ทรงคุณค่าหายไปจากชีวิต รู้สึกได้ถึงความสูญเสียอันใหญ่หลวงในจิตใจของเรา เกิดความรู้สึกเคว้งคว้าง ว่างโหวง ขาดที่พึ่ง

ความรู้สึกเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเป็นเหตุการณ์ที่พวกเราไม่เคยประสบมาก่อน คนที่สูญเสียพ่อทีแรกอาจจะเศร้าโศกเสียใจมาก แต่เมื่อผ่านประสบการณ์นี้แล้ว พอสูญเสียแม่ก็ทำใจได้ บางคนสูญเสียแม่มาก่อนก็เสียอกเสียใจมาก แต่ก็ทำให้พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง ครั้นสูญเสียพ่อก็ทำใจได้

แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นความสูญเสียที่คนเกือบทั้งชาติไม่เคยผ่านพบมาก่อน ซึ่งอาจมีถึง ๙๙ เปอร์เซนต์ของคนทั้งประเทศ จึงย่อมมีความเศร้าโศกเสียใจอาลัยอาวรณ์เป็นธรรมดา ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเรามีความเสียใจอาลัยอาวรณ์ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าในหลวงทรงประชวรมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว การประชวรกับการสวรรคตนั้นแตกต่างกันมากทีเดียว ก็เหมือนกับเวลาพ่อแม่ของเราล้มป่วย แม้ป่วยหนัก ถึงขั้นเข้าห้องไอซียู แม้สถานการณ์จะเลวร้ายอย่างไร ก็แตกต่างอย่างมากกับเวลาที่ท่านสิ้นลม ตอนที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ เราก็ยังรู้สึกอบอุ่น รู้สึกว่าเรายังมีที่พึ่ง ยังมีคนรักอยู่ใกล้ๆ ยังมีคนที่เราจะพูดคุยได้ รวมทั้งยังมีความหวังด้วย แม้จะริบหรี่เพียงใด ก็มีความหมายต่อจิตใจของเรา แต่พอท่านสิ้นลมไป ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่างกันมากเลย ความโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ย่อมท่วมท้นเป็นธรรมดา เพราะความหวังดับสิ้นแล้ว เป็นการขาดเสาหลักของชีวิตไปอย่างถาวร

ดังได้กล่าวแล้วความโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ที่เกิดจากการสูญเสียพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ ปกติแล้วเกิดขึ้นกับคนไม่กี่คน แล้วก็ผลัดกันโศกเศร้า ผลัดกันสูญเสีย แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่คนทั้งประเทศสูญเสียพร้อมๆ กันอย่างนี้ บางคนก็ทำใจได้ ไม่โศกเศร้า ไม่ร้องห่มร้องไห้ ก็ดีแล้ว แต่ก็ควรเข้าใจคนที่เสียอกเสียใจ ร้องไห้ น้ำตานองหน้า ต้องเข้าใจเขา เห็นอกเห็นใจเขา อย่าไปตำหนิหรือต่อว่า ว่าทำไมเธอเศร้าโศกเสียใจ ไม่รู้หรือว่ามันเป็นธรรมดาของโลก อาจะมีบางคนที่คิดแบบนั้น

อาตมาอยากให้เรามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นที่มีความเศร้าโศกเสียใจ อย่าไปสำคัญตนว่าฉันมีธรรมะสูง ทำใจได้ พวกเธอเป็นชาวพุทธเสียเปล่า เข้าวัดเสียเปล่า ยังอดกลั้นหรือข่มใจไม่ได้ ความคิดแบบนี้เป็นอกุศลนะ เพราะว่ามันแสดงถึงการยกตนข่มท่านอยู่ในที ในยามนี้ถ้าเราไม่เศร้าโศกเสียใจ เพราะทำใจได้ ก็อย่าคิดว่ากูเก่งกูแน่ ให้มีเมตตาต่อเขา เห็นอกเห็นใจที่เขายังทำใจไม่ได้ ไม่ต่อว่าเขา ในทางตรงข้ามกลับควรให้กำลังใจ เพื่อให้เขาสามารถผ่านพ้นความเศร้าโศกไปได้

ส่วนคนที่เศร้าโศกเสียใจก็ให้รับรู้และยอมรับว่ามีความเศร้าเกิดขึ้นในใจ ไม่ต้องปฏิเสธผลักไสความรู้สึกนั้น ที่จริงมันก็มีประโยชน์เหมือนกัน เพราะเวลาที่เราเศร้าโศก แล้วคนอื่นเศร้าโศกกับเรา เราจะรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนทุกข์ คนที่เคยกินแหนงแคลงใจกัน ที่เคยบาดหมางใจกัน ความเศร้าจะเชื่อมให้เราเข้ามาใกล้กัน เพราะว่าเรามีความรู้สึกเหมือนกัน หัวอกเดียวกัน ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจหรือเป็นปฏิปักษ์ก็จะบรรเทาเบาบางลง เพราะว่าเราเป็นเพื่อนทุกข์กัน พยายามใช้ความรู้สึกนี้มาเป็นประโยชน์ เมื่อพบคนที่เคยผิดใจกัน เกลียดชังกัน ในยามนี้อยากให้มองว่า เขาเป็นเพื่อนทุกข์ของเรา

รับมือกับความเศร้าโศกในยามสูญเสีย

พระไพศาล วิสาโล
รูปภาพจาก Nation Admin


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 31, 2016, 03:29:39 pm
(http://upic.me/i/rs/14680526_1589248274435817_3592665046201510038_n.jpg) (http://upic.me/show/59669368)


น้อมธรรมตามรอยในหลวง

ถ้าเราอยากเยียวยาจิตใจเราจากความโศกเศร้า สิ่งหนึ่งที่จะช่วยได้ก็คือ การนึกถึงน้ำพระทัยและความดีของพระองค์ เวลานึกถึงแล้วจิตใจเราจะเกิดเป็นกุศลขึ้นมา เกิดปีติ เกิดแรงบันดาลใจ ความเศร้าเป็นอกุศลธรรม แต่ปีติ แรงบันดาลใจ เป็นกุศลธรรม สามารถช่วยบรรเทาความเศร้าโศกได้ และถ้าหากว่าเราไม่ได้แค่นึกถึง แต่ลงมือทำด้วย ความโศกเศร้าก็จะบรรเทาลงมาก สิ่งที่จะช่วยเยียวยาความเศร้าโศกที่ดีที่สุดก็คือการดำเนินรอยตามพระองค์ หรือทำตามพระปณิธานของพระองค์

อย่างไรก็ตาม เราย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า การเดินตามพระองค์ไม่ใช่เรื่องง่าย จะทำได้ก็ต้องมีเหตุปัจจัยที่สำคัญ คือใจ การบำเพ็ญตามพระกรณีกิจแม้เพียงแค่หนึ่งในร้อยของพระองค์ ต้องอาศัยใจเป็นสำคัญ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

“ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจประเสริฐสุด สำเร็จได้ด้วยใจ” จะทำได้อย่างในหลวงเพียงเศษเสี้ยว ก็ต้องมีใจอย่างพระองค์ หรือว่าพูดอีกอย่างว่า มีธรรมะในใจอย่างที่พระองค์มี ถ้ามีธรรมะดังกล่าวในใจแล้ว การพูดการกระทำก็ออกมาได้ง่ายขึ้น

ธรรมะหรือความดีงามของพระองค์มีมากมาย แต่ถ้าสรุปอย่างสั้น ๆ ก็รวมลงที่ธรรมะ ๑๐ ข้อ ที่เรียกว่า ทศพิธราชธรรม แม้เป็นธรรมะสำหรับผู้ปกครอง แต่ก็เป็นธรรมะที่เราควรน้อมนำมาใส่จิตใจของเราด้วย

สองข้อแรกเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยและทำเป็นประจำอยู่แล้วคือ ทานและศีล ทาน คือการให้ สละสิ่งของ รวมถึงสละเวลา

ศีล หมายถึงการรักษากายและวาจาของตนให้เป็นปกติ ไม่เบียดเบียนใคร หมายถึงศีล ๕ เป็นอย่างน้อย

ข้อที่ ๓ ปริจจาคะ คือบริจาค ไม่ใช่บริจาคเงินทอง แต่มากกว่านั้น คือ สละความสุขสบายส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม อันนี้เราเห็นได้ชัดจากพระกรณียกิจของพระองค์ ว่าที่จริงพระองค์สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระราชามหากษัตริย์ แต่พระองค์ทรงบำเพ็ญกรณียกิจต่างๆ มากมาย ไม่ใช่แค่เปิดงานอย่างผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง แต่เสด็จพระราชดำเนินไปถึงชนบท ถิ่นทุรกันดาร สมัยก่อนเส้นทางลำบากมาก บางแห่งมีถนน แต่หลายแห่งก็ไม่มีถนน เต็มไปด้วยภูเขา เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน พระองค์ก็เสด็จไป ทรงพระดำเนินด้วยเท้าก็บ่อย อันนี้เราเห็นตัวอย่างได้จากภาพยนต์หรือวิดีโอ จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงโดดเด่นในคุณธรรมข้อนี้ ทรงเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อพสกนิกร

หลายคนตั้งใจรักษาศีล แต่ถ้าหากต้องละทิ้งความสุขส่วนตัว เช่นมาอยู่วัด ก็กลัวลำบาก เลยปฏิเสธ ไม่ยอมมา จะให้ทานหรือรักษาศีลที่บ้านก็ยังไหว แต่จะให้มาวัดไม่เอา เพราะมันลำบาก บางคนอยากช่วยเหลือคนชนบท แต่พอรู้ว่ามีความลำบากรออยู่ ก็ปฏิเสธทันที อย่างนี้เรียกว่ายังไม่มีปริจจาคะ ยังหวงแหนความสุขส่วนตัว ซึ่งในหลวงของเราไม่มีอันนี้

ข้อที่ ๔ อาชชวะ คือความซื่อตรง มีความหมายคล้าย ๆ สัจจะ อันนี้เป็นลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของพระมหากษัตริย์ ดังคำกล่าวว่า “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ” ในหลวงของเราตั้งแต่ครองราชย์ใหม่ ๆ ได้มีปฐมพระราชดำรัสว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” นี้เป็นเสมือนคำสัญญาซึ่งพระองค์ทรงรักษาตลอดพระชนม์ชีพ ถ้าเราทำได้แม้เพียงส่วนเสี้ยวของพระองค์คือมีความซื่อตรง มีความสัตย์จริง พูดคำไหนเป็นคำนั้น ก็ถือว่าเราได้บำเพ็ญธรรมข้อนี้แล้ว

ข้อที่ ๕ มัททวะ คือความอ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่ง ไม่เจ้ายศเจ้าอย่างหรือถือตัว อันนี้ก็เป็นธรรมะที่เราเห็นได้จากพระองค์ เวลาเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนโดยเฉพาะชนบท บางทีก็ประทับนั่งในกระท่อมมีพระราชดำรัสกับชาวบ้าน ไม่มีอาสนะ ไม่มีเบาะรองรับ บางทีก็ประทับนั่งอยู่บนถนน ทอดพระเนตรแผนที่ ท่ามกลางข้าราชบริพาร นี้คือมัททวะ พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร เคยเล่าว่า เวลาพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปยังชนบทถิ่นทุรกันดาร บ่อยครั้งพระองค์ก็ทรงขับรถพระที่นั่งเอง ไม่ได้มีมหาดเล็กขับให้ พอถึงที่หมายพระองค์ก็ทรงงานเลย ตรัสสนทนากับชาวบ้าน เสด็จไปดูสถานที่ต่างๆ บางแห่งก็ต้องทรงพระดำเนินเป็นระยะทางไกล ๆ พอเสร็จภารกิจก็ทรงขับรถกลับ มหาดเล็กหรือเจ้าหน้าที่นั่งอยู่ข้างหลัง บางทีก็ได้หลับพักเหนื่อยไปด้วย แต่ในหลวงไม่ได้พัก อันนี้แสดงถึงความไม่ถือตนของพระองค์ ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง

บางคนไม่ได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นแค่พ่อแม่ ก็ถือตัวกับลูกแล้ว บางคนเป็นครูก็แสดงความเจ้ายศเจ้าอย่างกับนักเรียน บางคนเป็นครูใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียน ก็แสดงอำนาจบาตรใหญ่กับครูน้อยหรือภารโรง บางคนเป็นแค่นายอำเภอหรือปลัดอำเภอก็มีพิธีรีตองมากมายกับชาวบ้าน อันนี้เรียกว่าขาด มัททวะ ถ้าหากประชาชนและข้าราชการมีมัททวะ ก็สามารถทำประโยชน์ได้มากมาย และก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ราบรื่นได้ มัททวะไม่ได้หมายถึงการคลุกคลีตีโมง แต่หมายถึงการไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง เมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำการงานก็ไม่ติดที่พิธีรีตอง ไม่ให้พิธีรีตองมาเป็นเครื่องขัดขวางโดยเฉพาะการใกล้ชิดพสกนิกรของพระองค์

ธรรมะ ๕ ข้อแรก ให้สังเกตว่าเป็นธรรมะฝ่ายบวก เน้นที่การทำสิ่งดี ๆ ให้มากขึ้น ส่วน ๕ ข้อหลังเน้นธรรมะฝ่ายลบ หมายถึงการควบคุมสิ่งไม่ดี ไม่ให้มีอิทธิพลต่อจิตใจ หรือละเว้นการกระทำที่ไม่ดี

ข้อที่ ๖ ตปะ หรือตบะ คือการข่มใจ ไม่หลงใหลหมกมุ่นในความสุขสำราญหรือการปรนเปรอตนพูดง่าย ๆ คือ ข่มใจไม่ให้เพลิดเพลินหลงใหลในวัตถุรวมทั้งสิ่งเย้ายวนใจ ธรรมดาของผู้ที่เป็นใหญ่มีอำนาจมักมีคนมาปรนเปรอ ทั้งวัตถุและคำสรรเสริญ ผู้ใหญ่ที่ทรงธรรมจำเป็นต้องมีตบะ รู้จักข่มใจไม่ให้เพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้ หาไม่แล้วก็จะเสียผู้เสียคน ไม่เป็นอันทำงาน หรือใช้อำนาจในทางมิชอบได้

ลองถามตัวเราเองว่า เราเป็นอย่างนี้บ้างหรือเปล่า หรือว่าพอมีความเราสุขสบาย เราก็เพลินหลงใหลไปกับมัน ลองถามตัวเราเองว่าเราติดสบายหรือเปล่า จะไปนอนที่ไหนก็ต้องมีห้องติดแอร์ มีคนคอยบริการ พอมาอยู่วัดก็เลยอยู่ไม่ได้ อย่างนี้แล้วเราจะดำเนินตามรอยพระองค์ได้อย่างไร เราต้องรู้จักข่มใจไม่เพลิดเพลินกับความสุข ความสะดวกสบายมีก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีแล้วติดมันก็จะหน่วงเหนี่ยวให้เราทำความดีได้ยาก ไม่ว่าการปฏิบัติธรรมหรือการช่วยเหลือผู้อื่น

ข้อที่ ๗ ขันติ คือความอดทน ข้อนี้ดูเผิน ๆ คล้ายกับข้อที่ ๖ คือ ตบะหรือความข่มใจ แต่ที่จริงแตกต่างกัน ตบะนั้นเป็นการข่มใจต่อสิ่งที่น่ายินดีหรือให้ความสุขแก่เรา ส่วนขันตินั้นคือความอดทนต่อสิ่งที่ไม่น่ายินดีหรือสิ่งที่เป็นลบ เช่น อดทนต่องานที่ตรากตรำ ยากลำบากอย่างไรก็ไม่ท้อถอย แม้ถูกด่าทอต่อว่าถากถางอย่างไรก็ไม่เสียกำลังใจ ยังทำงานต่อไปได้ ถามตัวเราเองว่าเรามีธรรมะข้อนี้ไหม ถ้าไม่มีก็ควรสร้างขึ้นมา

ข้อที่ ๘ อักโกธะ คือ ความไม่โกรธ อันนี้ยากหน่อย แต่ถ้าเราฝึกสองข้อหลังที่กล่าวมาได้ คือ ตบะกับขันติ ก็จะทำให้เรามีจิตใจเข้มแข็ง เจออะไรก็ไม่รู้สึกขัดอกขัดใจง่าย ๆ คนที่ติดสบายพอเจอสถานที่ไม่สบายก็รู้สึกขัดใจแล้ว ทำไมไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ไม่มีน้ำแข็ง ถ้าไม่มีขันติ พอเจอความยากลำบาก เจออุปสรรค ก็เกิดความขุ่นเคืองใจแล้วกลายเป็นความโกรธในที่สุด

อักโกธะ หรือความไม่โกรธนั้น เราฝึกได้ด้วยการหมั่นรู้ทันความโกรธ ไม่ต้องข่มความโกรธ แค่รู้ทัน ความโกรธก็บรรเทาเบาบาง เมื่อไม่มีความโกรธแล้วก็บำเพ็ญข้อต่อไปได้ง่าย

ข้อที่ ๙ อวิหิงสา คือการไม่เบียดเบียน อักโกธะกับอวิหิงสาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้มีอำนาจ เริ่มจากพ่อแม่ พ่อแม่มีอำนาจเหนือลูก หัวหน้ามีอำนาจเหนือลูกน้อง ผู้บังคับบัญชามีอำนาจเหนือผู้ใต้บังคับบัญชา พอมีอำนาจก็มักจะระบายความโกรธและเบียดเบียนเขาได้ง่าย เช่น ถากถางด้วยคำพูด บางทีก็ถึงกับใช้กำลัง เช่น ตบหัว บางคนทำอย่างนี้กับลูก หรือกับลูกน้องเป็นอาจิณ เราควรเรียนจากในหลวงในข้อนี้ด้วย

ข้อสุดท้ายเป็นบทสรุปของธรรมะ ๙ ข้อก่อนหน้านี้ ได้แก่ อวิโรธนะ คือความไม่คลาดเคลื่อนในธรรม หรือตั้งมั่นในธรรมนั่นเอง เริ่มตั้งแต่ในใจ คือไม่ยินดียินร้าย เจอสิ่งสบาย เช่น โลกธรรมฝ่ายบวก ได้ลาภ ได้ยศ ได้รับคำสรรเสริญ หรือสุข ก็ไม่ยินดีกับมันจนกระทั่งลุ่มหลงประมาท หรือยอมผิดศีลผิดธรรมเพื่อให้ได้มันมา การทำความชั่ว เช่น คอรัปชั่นเกิดขึ้นได้ก็เพราะจิตใจไม่มั่นคงในธรรม เจอสิ่งล่อเร้าเย้ายวน เช่น กามสุข เงินทอง หรือมีโอกาสที่จะคดโกง ใจก็โอนเอนแล้ว ในทำนองเดียวกันพอเจอคำต่อว่าด่าทอ หรือเจอโลกธรรมฝ่ายลบ แม้กระทั่งเวลาเจออาหารไม่อร่อยก็เกิดความยินร้าย แล้วปล่อยใจให้ความยินร้ายครอบงำ อย่างนี้เรียกว่าคลาดเคลื่อนจากธรรมแล้ว

แต่ถ้าเราหมั่นเจริญสติ การเจริญอวิโรธะก็ทำได้ง่าย สติทำให้เราวางใจเป็นกลางต่อสิ่งต่าง ๆ ไม่ยินดีในอารมณ์ที่น่าพอใจ ไม่ยินร้ายในอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ อารมณ์ในที่นี้คือ รูปรส กลิ่น เสียง สัมผัส และรวมไปถึงความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นในใจ มีความโกรธเกิดขึ้นในใจก็ไม่รู้สึกยินร้ายอยากผลักไส แค่รู้เฉย ๆ เรียกว่ารู้ซื่อ ๆ มีความยินดีเกิดขึ้นในใจ ก็ไม่ได้หลงใหลเคลิ้มคล้อยไปกับมัน รู้เฉย ๆ เช่นกัน

ถ้าเราน้อมนำเอาธรรมะ ๑๐ นี้มาใช้ ชีวิตเราจะมีความสุขและเจริญงอกงาม ทำให้การดำเนินตามรอยพระยุคลบาทเป็นไปได้ง่าย หรือเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่น้อมนำธรรมะเหล่านี้มาไว้ในใจเรา ทำอย่างไรก็ไม่สามารถดำเนินตามพระองค์ได้ จะเดินตามได้ ใจก็ต้องเริ่มก่อน ถ้าใจไม่เริ่ม เท้าก็ไม่เดินหรอก

บางคนอาจจะคิดว่า ธรรมทั้ง ๑๐ เป็นเรื่องของพระราชาหรือผู้ปกครอง เราไม่ใช่พระราชา ทศพิธราชธรรมไม่เกี่ยวกับเรา จริงอยู่เราไม่ใช่ราชา ไม่ใช่พระมหากษัตริย์ แต่แทบทุกคนก็ต้องมีคนในปกครอง อย่างน้อยก็ลูก กว้างออกไปก็ลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา ที่สำคัญก็คือเราต้องครองตนให้ได้ด้วย บางคนไม่มีลูก ไม่มีลูกน้อง แต่เราก็ต้องรู้จักครองตน ครองใจไม่ให้กิเลสครอบงำ

ทศพิธราชธรรม เป็นธรรมที่เราเอามาใช้ครองใจไม่ให้กิเลสเข้ามาครอบงำ ไม่ให้มันฉวยโอกาสเข้ามาบงการเราให้ทำสิ่งชั่วร้าย ผิดศีลผิดธรรม ซึ่งสุดท้ายก็จะนำความทุกข์มาให้เรา

เพราะฉะนั้นในเวลาเช่นนี้ นอกจากความเศร้าโศกเสียใจแล้ว ขอให้เราระลึกถึงคุณความดีของพระองค์ มุ่งมั่นที่จะทำความดี เจริญรอยตามพระองค์ สิ่งแรกที่เราทำได้เลยคือ น้อมนำธรรมะที่พระองค์ทรงปฏิบัติ มาใช้กับตัวเราตั้งแต่เดี๋ยวนี้ วันนี้ ไม่ว่าทาน ศีล ปริจจาคะ อาชชวะ มัททวะ ตบะ ขันติ อักโกธะ อวิหิงสา และอวิโรธนะ อย่างน้อย ๆ ก็พยายามทำ ๕ ข้อแรกให้ได้ แล้ว ๕ ข้อหลังก็จะทำได้ง่ายขึ้น

พระไพศาล วิสาโล
รูปภาพจาก  สำนักข่าวทีนิวส์ admin



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 02, 2016, 07:05:53 am
(http://upic.me/i/9c/14956005_1593281807365797_4162057426372594204_n.jpg) (http://upic.me/show/59679768)


ในหลวงของเรา พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยอย่างไร ก็ทรงเหนื่อยแค่กาย แต่ว่าใจไม่ยอมเหนื่อย พวกเราก็ควรพยายามรักษาใจของเราอย่าให้เหนื่อย แม้จะมีความอาลัยอาวรณ์เพราะความสูญเสียก็อย่าจมอยู่ในอารมณ์นี้นาน

สำหรับพวกเราที่เป็นนักปฏิบัติ ก็ให้ถือว่าความเศร้าโศกอาลัยอาวรณ์ เป็นแบบบฝึกหัดของเรา เขามาเพื่อให้เราได้ฝึกสติ เรียนรู้การมีสติรู้ทันท่วงที ให้ถือว่าความเศร้าโศกเป็นการบ้าน แม้ว่าเป็นการบ้านที่ยาก เปรียบเสมือนพายุลูกใหญ่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต กระหน่ำจิตใจของเรา แต่เราก็อย่าท้อแท้ ถือว่าการรับมือความเศร้าโศกเสียใจอาลัยอาวรณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการบ้านของเรา เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ยอมรับว่า มันเป็นธรรมดาของปุถุชน เพราะแม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้าก็ยังมีความเศร้าโศก แต่ว่าเราจะไม่ยอมให้มาเล่นงานเราเฉยๆ หรือมาครอบงำจิตใจ ให้ถือว่านี่เป็นโอกาสให้เราฝึกสติเพื่อสร้างความรู้สึกตัว เพื่อรู้วิธีในการรับมือกับความเศร้าโศก

ความเศร้าโศกเมื่อเกิดขึ้น หากเราคิดจะกดข่มมัน ไม่ได้ผลนะ สิ่งที่เราต้องทำคือ รู้ทันมัน

เคยมีคนถามหลวงปู่ดุลย์ อตุโล ซึ่งเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่าหลวงปู่ ทำอย่างไรจึงจะตัดความโกรธให้ขาดได้ หลวงปู่ตอบว่า “ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก มีแต่รู้ทัน เมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง” ความโกรธฉันใด ความเศร้าก็ฉันนั้น มันมาเพื่อให้เราเรียนรู้ เพื่อให้เราได้ฝึกสติ เพื่อให้เรารู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร

หลวงพ่อคำเขียนเคยพูดว่า “ในความทุกข์มีความไม่ทุกข์” ฉันใดก็ฉันนั้น ในความเศร้าก็มีความไม่เศร้า อันนี้เป็นการบ้านให้เราลองหาคำเฉลยดูว่า ทำอย่างไร เมื่อมีความเศร้าเกิดขึ้นเราจึงจะพบความไม่เศร้า

ที่จริงสติช่วยได้มากเลย เมื่อมีความเศร้าเกิดขึ้น ถ้าเราไม่มีสติเห็นมัน ก็จะกลายเป็นผู้เศร้าเลย แต่ถ้ามีความเศร้าเกิดขึ้นแล้วเราไม่เข้าไปเป็น เราเห็นมัน ความเศร้าก็หายไป ความไม่เศร้ามาแทนที่ มันอยู่ที่เรานะ เมื่ออารมณ์อกุศลเกิดขึ้นแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไร

ถ้าเรารับมือไม่เป็น เช่น กดข่ม มันก็จะครองจิตใจเรา กลายเป็นผู้เศร้าไปโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าหากว่าเราเกี่ยวข้องกับมันถูก เช่น เห็นมัน ความเศร้าจะกลายเป็นความไม่เศร้า ทำให้เราพบว่า ในความเศร้านั้นมีความไม่เศร้า

อะไรเกิดขึ้นก็ตามไม่ว่าภายนอกหรือจิตใจเรา มันไม่สำคัญเท่ากับว่าเราจะวางใจอย่างไร มีความเจ็บความปวด แม้เป็นความเจ็บความปวดที่กาย แต่ถ้าหากว่าเรามีสติรู้ทัน มันก็มีแต่ความปวดกายแต่ใจไม่ปวด เราก็สามารถเปลี่ยนความปวดให้กลายเป็นความไม่ปวดได้ คือปวดกายแต่ใจไม่ปวด ความเศร้าก็เช่นกัน ให้ถือว่านี่เป็นการบ้านที่เราจะต้องเรียนรู้เพื่อใช้มันให้เป็นประโยชน์

ขอให้พวกเราใช้โอกาสนี้พิจารณาถึงความจริงที่เรียกว่า อนิจจัง หรือที่คนไทยสมัยก่อนเรียกว่าพระอนิจจลักษณะ คนไทยสมัยก่อนเรียกไตรลักษณ์ ด้วยความเคารพว่า พระอนิจจา พระอนัตตา เรียกอย่างนี้เพี่อเตือนใจว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ มีค่ามาก

ถ้าเราเกี่ยวข้องกับอนิจจังหรือพระอนิจจาถูก มันก็ทำให้เราไม่ทุกข์ จริงอยู่อนิจจาบ่อยครั้งทำให้เกิดความเจ็บปวด เพราะหมายถึงความพลัดพรากสูญเสีย ความเสื่อมสลาย ความวิบัติ ไม่พักต้องพูดถึงความแก่ ความเจ็บ และความตาย แต่ว่าถ้าเราเข้าใจพระอนิจจาอย่างแจ่มแจ้ง เราก็จะวางใจกับสิ่งต่าง ๆ ถูกจนพ้นทุกข์ได้ หรือถ้าเราเข้าใจพระอนัตตาอย่างแจ่มแจ้ง ก็จะพ้นทุกข์ได้เช่นกัน

คนโบราณถึงเรียกความจริงเหล่านี้ว่าเป็นพระ เสมือนเป็นของสูงที่ควรเคารพยำเกรง คือ พระอนิจจา พระอนัตตา ซึ่งเป็นธรรมะที่แสดงอยู่ตลอดเวลา...ถ้าเราใคร่ครวญพิจารณา ก็จะเกิดปัญญา ยกจิตใจให้อยู่เหนือความทุกข์ได้ ความทุกข์ที่เกิดจากอนิจจัง ความทุกข์ที่เกิดจากทุกขัง ความทุกข์ที่เกิดจากอนัตตา สามารถทำให้เราพ้นจากความทุกข์ได้ หากเราใคร่ครวญจนเกิดปัญญา

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 07:04:00 am
(http://upic.me/i/eq/14908226_1598582270169084_3096607079773929679_n1.jpg) (http://upic.me/show/59712255)


คนเราถ้าไม่ขาด ไม่สูญเสีย หรือไม่พลัดพรากห่างไกลจากสิ่งที่เคยมีเราจะไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นมีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือบุคคล

คนที่มีพ่อแม่จะค่อยไม่รู้สึกเลยว่าการที่ได้อยู่กับพ่อแม่ หรือพ่อแม่ยังอยู่กับเรานั้นมีความหมายเพียงใด พอไกลจากท่านหรือท่านเสียชีวิตไปจึงค่อยได้คิดว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรามีความสุขที่สุดในชีวิต แต่ตอนนั้นไม่รู้สึกนะว่าเป็นช่วงที่มีความสุขเพราะใจอยากได้อย่างอื่นที่ไม่เคยมี

คนเรามักจะแสวงหาสิ่งที่ไม่มี เราคิดว่าถ้าเราได้มันมาเราจะมีความสุข แต่เราลืมมองไปว่าสิ่งที่เรามีอยู่กับตัวตอนนี้ให้ความสุขกับเราแล้ว ไม่ต้องแสวงหาความสุขจากที่ไหนอีก

การที่เรามาลำบากอย่างนี้ อย่างน้อยๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าบ้านเอย หอพักเอย เป็นที่ ๆ ให้ความสุขแก่เรา ไม่ต้องดิ้นรนเรียกร้องแสวงหาอะไรมากกว่านี้ก็ได้ เป็นเพราะเราไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี เราถึงอยากได้โน่นอยากได้นี่ มีโทรศัพท์มือถือแล้ว ก็ไม่พอใจอยากได้รุ่นใหม่ อยากได้รุ่นที่มีลูกเล่นมากกว่านี้ แต่พอโทรศัพท์หายถึงค่อยรู้ว่ามันมีค่า เราอย่ามาคอยให้มันหายหรือสูญเสียมันไปก่อนแล้วค่อยเห็นคุณค่า ต้องรู้จักชื่นชมมันเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ตั้งแต่มันยังอยู่กับเรา

คนเรามักจะเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ อยู่ ๒ ช่วง ช่วงที่ ๑ คือตอนได้มาใหม่ๆ จะทะนุถนอมมากเลยไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า โทรศัพท์ เครื่องเล่น MP3 กล้องถ่ายรูป ตอนได้มาใหม่ๆ ก็ทะนุถนอม แต่พออยู่ไปนานๆ ก็ไม่เห็นคุณค่าแล้ว ไปเห็นคุณค่าอีกทีตอนมันหาย แต่ตอนที่มันอยู่กับเรากลับไม่เห็นคุณค่า

บางทีเจอเพื่อนก็ชอบเขา อยากได้เป็นแฟน พอได้เป็นแฟนใหม่ๆ มีความสุขมากเลย พออยู่ไปนานๆ ก็เบื่อแล้ว อยากได้คนใหม่อยากได้กิ๊ก คนเดิมไม่เอาแล้วไม่สวยน่าเบื่อ แต่พอเขาทิ้งเราไปแล้ว ก็มาเสียดาย ได้คิดว่าเขาดีกับเรามาก แต่ก็สายไปแล้ว

คนเราจะเริ่มเห็นคุณค่าของคน ของเพื่อน ของแฟนตอนที่ได้มาใหม่ๆ กับอีกตอนหนึ่งคือตอนที่เขาจากเราไป แต่ตอนที่เขาอยู่กับเรานั้นเราไม่ค่อยเห็นคุณค่าเท่าไหร่

การมาลำบากอย่างนี้ มาอยู่แบบขาดแคลนทุกอย่าง จะช่วยให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราเคยมี ความลำบากจึงมีประโยชน์ คนเราต้องเจอความลำบากบ้าง เพราะความลำบากจะทำให้ได้สติ ลำบากจะทำให้เกิดปัญญา ความลำบากจะทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราเคยมี

เพราะฉะนั้นอย่ากลัวความลำบากนะ ต้อนรับ ยิ้มรับ โอบกอดความลำบากเลยก็ได้ พรุ่งนี้ยังมีความลำบากอีกมากที่เราต้องอ้าแขนต้อนรับ ขอให้เตรียมใจไว้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
บรรยายธรรมยาตรา




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 17, 2016, 06:40:11 am
(http://upic.me/i/55/14993333_1601566419870669_4482974805619380916_n.jpg) (http://upic.me/show/59778484)


ธรรมยาตรา : ฝึกให้สุขง่าย ทุกข์ยาก

สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราคือ ทำให้เราเป็นคนสุขง่ายและทุกข์ยาก คนเดี๋ยวนี้มักจะสุขยากแต่ทุกข์ง่าย ทั้งๆ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อยู่ที่บ้านมีโทรทัศน์ มีโทรศัพท์มือถือ มีพัดลม มีแอร์ มีอาหารอร่อยๆ กิน แต่ว่าทุกข์ อยู่ที่บ้านไม่ได้ รู้สึกกระสับกระส่าย ต้องออกไปเที่ยวห้าง บางคนอยู่ว่างๆ ไม่เป็น ต้องโทรศัพท์หาเพื่อนคุยเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง อาการอยู่เฉยไม่ได้นี้เป็นสิ่งบ่งบอกถึงความทุกข์ใจ คนเราถ้ามีความสุขจะนิ่งได้ ถ้าอยู่เฉยไม่ได้แสดงว่าทุกข์ เสาร์อาทิตย์ก็อยู่นิ่งๆ ไม่เป็น ต้องไปเที่ยวห้าง ต้องไปทำโน่นทำนี่ อันนี้เขาเรียกว่าทุกข์ง่าย สุขยาก

แต่เมื่อมาที่นี่ หลายคนบอกว่ามีความสุขง่ายขึ้น เวลาเดินแค่มีลมพัดมาเบาๆ หรือได้พักใต้เงาไม้ก็มีความสุขแล้ว กำลังเหนื่อยๆ ได้กินน้ำ น้ำเปล่า ๆ ไม่ต้องแช่น้ำแข็ง ไม่ต้องเป็นน้ำอัดลมก็มีความสุขแล้ว ถ้าเป็นแต่ก่อนต้องกินน้ำอัดลม ต้องกินไอศกรีมฮาเก้นดาส แต่ว่าที่นี่เพียงแค่ได้กินน้ำเปล่าดับกระหายก็มีความสุขแล้ว ความสุขหาได้ง่ายเพราะไม่ต้องใช้เงินเลย ได้กินน้ำฝน น้ำประปา ไม่ต้องใส่น้ำแข็ง ได้นอนกลางดินก็หลับได้ ไม่จำเป็นต้องนอนบนเตียงในห้องที่หรูหรา

หลายๆ คนได้นอนบนเตียงราคาแพงในห้องที่หรูหราก็ยังไม่หลับ แต่มาที่นี่นอนในเต๊นท์กลับหลับได้สบาย ความสุขนั้นหาได้ง่ายมาก สังเกตหรือเปล่าว่า เราไม่มีโทรศัพท์มือถือ เราไม่ได้ดูโทรทัศน์ คืนนี้เป็นคืนที่ ๔ ก็ยังอยู่ได้ ไม่ตาย ไม่มีวีดีโอเกมส์ให้เล่น ไม่มีคอมพิวเตอร์ให้แชทก็ยังอยู่ได้ ขณะที่อยู่ในเมืองถ้าไม่มีอินเตอร์เน็ท ไม่มีโทรศัพท์มือถือจะตายให้ได้

เคยมีการสอบถามคนในเมือง โดยเฉพาะวัยรุ่นว่าอะไรเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิต มากกว่าครึ่งตอบว่าโทรศัพท์มือถือ ไม่รู้ว่ารวมถึงพวกเราด้วยหรือเปล่า แต่เห็นไหมว่าถึงแม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เราก็ยังอยู่ได้และอยู่ได้สบายด้วย

ลองไตร่ตรองดูว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ชีวิตต้องการจริงๆ หรือเปล่า หลายคนบอกว่าโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต แต่มาอยู่ที่นี่จะรู้เลยว่า ถึงไม่มีมันเราก็อยู่ได้ อยู่ที่นี่ไม่ต้องมีอะไรมาก แค่ได้พักใต้ร่มไม้ก็มีความสุขแล้ว มีข้าวกิน แม้ข้าวไม่อร่อย ก็ยังมีความสุขได้

มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุ ๑๓ ปี เขาอยากเป็นนักแสดง ก็เลยไปสมัครเข้าค่ายละคร พอไปเห็นค่ายก็รู้สึกผิดหวังมาก เพราะมันอยู่กลางทุ่งเป็นค่ายเหมือนที่เรากางเต็นท์แบบนี้ ที่แย่กว่านั้นคือไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ก็ไม่มีให้ดู รู้สึกผิดหวังมากเพราะฝันไว้อีกแบบหนึ่ง แต่พอเข้าค่ายละครได้สี่ห้าวัน ได้แสดงละครได้เข้ากลุ่มพูดคุยกันในเรื่องการกำกับละคร การเขียนบท เธอก็ลืมความทุกข์ไปเลย ถึงวันสุดท้ายเธอบอกว่ามีความสุขมาก แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าวันแรกเธอมีความทุกข์มากเพราะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ความสะดวกก็ไม่มี ห้องน้ำก็ลำบาก แต่ทำไมพอถึงวันที่ ๕ กลับมีความสุข ทำไมถึงมีความสุข ก็เพราะได้ทำสิ่งที่ชอบ เธอเห็นเลยว่าความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีสิ่งของสิ่งอำนวยความสะดวก ความสุขมันอยู่ที่ใจ อยู่ที่การทำสิ่งดีๆ ที่มีค่าที่น่าภาคภูมิใจ คนเราถ้าเห็นความจริงอย่างนี้จะเป็นคนสุขง่าย ทุกข์ยาก

ทุกข์ยากหมายความว่าเป็นคนที่ไม่ทุกข์ง่ายๆ อยู่ที่นี่ถ้ากินกล้วยใบหนึ่งแล้วรู้สึกอร่อย กินข้าวกับน้ำพริกก็อร่อย อันนี้เรียกว่าสุขง่าย ถ้าสุขง่ายแบบนี้ความทุกข์จะเกิดขึ้นได้ยาก เราอยากจะเป็นไหมคนสุขง่าย ทุกข์ยาก

หลายคนบอกว่ามาลำบากทำไม ประการแรกก็เพื่อให้เรารู้ว่าคนเราสามารถมีความสุขโดยไม่มีสิ่งมาอำนวยความสะดวกก็ได้ ของแบบนี้ถ้าไม่ได้ปฏิบัติเองก็ไม่รู้ คิดเอาเองก็ไม่รู้นะ

ประการที่สอง ก็เพื่อให้เราหันมาชื่นชมสิ่งที่เรามีอยู่ที่บ้าน หลายคนตอนอยู่บ้านมักมีเรื่องบ่นอยู่เรื่อย อาหารทานไม่อร่อย ที่นอนก็ไม่ค่อยดี ห้องนอนเล็ก ห้องน้ำไม่หรู แต่มาพออยู่อย่างนี้หลายคนจะคิดถึงบ้านและได้รู้ว่าบ้านนั้นคือสวรรค์ ถ้าไม่มาลำบากอย่างนี้ก็ไม่รู้นะว่าสิ่งที่เราเคยมี หรือกำลังมีอยู่นั้นมีค่ามากเพียงใด

พระไพศาล วิสาโล

สนใจเข้าร่วมกิจกรรม
ธรรมยาตราลุ่มน้ำลำปะทาว ครั้งที่ ๑๗
ระหว่างวันที่ ๑ - ๘ ธันวาคม ๒๕๕๙
ดูรายละเอียด https://lampatao.wordpress.com/  (https://lampatao.wordpress.com/)ตามลิงค์นี้

สอบถามที่
https://www.facebook.com/dhammawalk (https://www.facebook.com/dhammawalk)



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 17, 2016, 06:51:14 am
(http://upic.me/i/0m/15078885_1605717226122255_3525515085779971091_n1.jpg) (http://upic.me/show/59778502)


พวกเราเคยสังเกตหรือเปล่าเวลาตื่นเช้ามืด เราจะได้เห็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งซึ่งดูเหมือนธรรมดาในความรู้สึกของหลายคน แต่คนที่ตื่นแต่เช้ามืด จะเห็นปรากฏการณ์นั้นว่าไม่ธรรมดาคือ ช่วงเวลาก่อนฟ้าสาง ได้เห็นแสงเงินแสงทองจับขอบฟ้า ท้องฟ้าสวยมากสำหรับคนที่ได้เห็น

ถ้าใครที่ตื่นมาช่วงนั้นจะพบว่า ตอนท้องฟ้ายามอรุณรุ่งสวยงามเพราะว่ามีการแปรเปลี่ยน จากมืดกลายเป็นสว่าง ความสว่างจะมีค่าสำหรับคนที่เคยผ่านความมืดมาก่อน

มันก็เหมือนกับความสะดวกสบาย มันจะมีค่าหรือมีรสชาติมากขึ้นสำหรับคนที่ผ่านความทุกข์ยากมาก่อน ความสำเร็จจะมีคุณค่าและหอมหวานสำหรับคนที่พากเพียรฟันฝ่าความยากลำบากจนพบความสำเร็จ อะไรที่ได้มาด้วยความยากลำบากจะมีค่า มีความหมายสำหรับเรา

ขณะเดียวกันมันก็จะทำให้เราเห็นคุณค่าและความหมายของตัวเราเองด้วย เราจะได้เห็นว่า เรามีความเพียร มีความสามารถ รวมทั้งเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง

คนจำนวนมากไม่เข้าใจคุณค่าของความยากลำบาก เขาคิดว่าอะไรก็ตามที่ได้มาอย่างสะดวกสบายเป็นของดีเป็นของประเสริฐ เขาไม่เห็นว่าความยากลำบากนั้นมีข้อดีหรือมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ถ้าเรายอมหรือกล้าที่จะลำบาก กล้าที่จะทำสิ่งที่ยาก เราจะได้รับรางวัลที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งภายนอกหรือสิ่งมีค่าภายในก็ตาม

วันนี้เราเดินมาเป็นวันที่ ๕ นับว่าใกล้จุดหมายปลายทางเข้าไปทุกขณะ แต่ก็ขอย้ำเหมือนเดิม ว่า จะถึงหรือไม่ถึง อันนี้ไม่สำคัญเท่ากับว่าเราได้พากเพียรเต็มที่หรือไม่ เหมือนกับพระมหาชนกที่ลอยคออยู่กลางทะเล แล้วพยายามว่ายเข้าฝั่ง ว่าย ๗ วัน ๗ คืนก็ยังไม่ถึง แต่ท่านก็ไม่เลิกว่าย เพราะถึงฝั่งหรือไม่ถึงฝั่ง สำหรับท่านไม่สำคัญเท่ากับที่ได้เพียรพยายามอย่างเต็มที่

นางมณีเมขลาซึ่งเป็นผู้ดูแลท้องทะเลบอกว่าว่าว่ายทำไม ๗ วัน ๗ คืน ในเมื่อมองไม่เห็นฝั่งเลย กว่าจะถึงฝั่งก็ตายเสียก่อน นางมณีเมขลาพูดอย่างนี้เพราะอยากรู้ว่าพระมหาชนกคิดอย่างไร ถึงว่ายน้ำทั้งๆ ที่มองไม่เห็นฝั่งเลย พระมหาชนกก็ตอบว่า คนเราเมื่อทำความเพียรเต็มที่ แม้จะตายก็ได้ชื่อว่าไม่เป็นหนี้ ญาติ เทวดา มารดาและบิดาย่อมไม่ติเตียน

คนเราเมื่อทำการทั้งหลายด้วยความเพียร จะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ผลแห่งการงานนั้นย่อมประจักษ์แก่ตน

บ่อยครั้งความพยายามมีค่ามากกว่าความสำเร็จด้วยซ้ำ หมายความว่า เมื่อพยายามแล้ว แม้จะไม่สำเร็จ ก็ยังดีกว่าสำเร็จโดยไม่พยายาม หรือได้มาเปล่าๆ หรือได้ด้วยการโกง

เดี๋ยวนี้คนเราเน้นความสำเร็จมากไป จึงพร้อมจะทำทุกวิถีทาง แม้ไม่ถูกต้อง อย่างนักเรียนต้องการได้เกรดดี ๆ หลายคนก็ใช้วิธีโกง หลายคนไปขอเกรดจากอาจารย์ดื้อ ๆ บางคนหนักกว่านั้น ถึงกับยอมขายตัวแลกเกรดก็มี ส่วนคนที่ทำงานก็อยากรวยเร็ว โกงบ้าง หวังพึ่งการพนันบ้าง

สาเหตุที่การพนัน และล็อตเตอรี่แพร่ระบาดทั่วประเทศก็เพราะผู้คนต้องการรวยเร็วๆ โดยไม่ต้องเหนื่อย จตุคามรามเทพเป็นที่นิยมอยู่พักใหญ่ ก็เพราะคนอยากรวยทางลัด อยากรวยเร็วโดยไม่ต้องพยายาม ตอนนี้แม้จตุคามรามเทพตกแล้ว แต่ก็จะมีสินค้าตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อสนองความอยากรวยโดยไม่เหนื่อยของคนไทย

คนไทยเดี๋ยวนี้ยกย่องคนรวยมากกว่าคนเก่ง เดี๋ยวนี้ไปถึงขั้นว่า ถ้ารวยด้วยการโกงก็ถือว่าเก่ง ใครโกงได้ก็ภูมิใจ คุยอวดว่าฉันไปโกงเขามา แต่เขาไม่รู้หรอกว่าการทำเช่นนั้นกำลังทำร้ายตัวเอง และทำร้ายส่วนรวม

ในทางตรงข้าม เมื่อเราทำอะไรก็ตาม เราไม่ได้ปักใจว่าจะต้องสำเร็จให้ได้แต่เราจะเพียรเต็มที่ เพราะเมื่อเราเพียรในสิ่งที่ถูกต้องอย่างเต็มที่และสอดคล้องกับเหตุผลแล้ว ก็ย่อมเข้าใกล้ความสำเร็จทุกขณะ แต่จะถึงหรือไม่ถึง จะสำเร็จหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยมากมาย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราคนเดียว

อย่างบางคนตั้งใจว่าจะเดินไปให้ถึงวัดป่าภูตาดทองในวันที่ ๘ แต่จู่ๆ เกิดล้มป่วยกะทันหัน หรือได้รับโทรศัพท์จากทางบ้านว่าญาติผู้ใหญ่กำลังป่วยหนัก ก็ต้องรีบลับบ้าน เดินต่อไม่ได้ อันนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าเสียหายอะไร แต่ประเด็นคือว่าความสำเร็จหรือการบรรลุจุดหมายปลายทางได้ มันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่างมากมาย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราคนเดียว ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ ขึ้นอยู่กับผู้คนที่เกี่ยวข้อง ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์บ้านเมือง เป็นต้น

เพราะฉะนั้นจึงมีภาษิตจีนบอกว่า “ความพยายามเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จเป็นของฟ้า” ฟ้าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงโชคชะตา แต่หมายถึงเหตุปัจจัยต่างๆ มากมายที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา

เพราะฉะนั้นขอให้เราตั้งใจ ทำความเพียรให้เต็มที่ ซึ่งก็คือการอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำเช้านี้ให้ดีที่สุด ทำนาทีนี้ วินาทีนี้ให้ดีที่สุด ความสำเร็จเป็นเรื่องอนาคต เราจะไม่ปักใจอยู่ตรงนั้น จะไม่กังวลว่าจะฉันเพลที่ไหน จะไม่กังวลว่าจะค้างแรมตรงไหน เมื่อไหร่จะถึง แต่ว่าจะเทใจให้กับการเดิน อยากจะให้เราเทใจให้กับการเดินแต่ละก้าว เทใจคือใส่ใจ อย่าไปคิดว่าแต่ละก้าวไม่มีความหมาย

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

ธรรมยาตราลุ่มน้ำลำปะทาวปีที่ ๑๐
วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ เช้า



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 17, 2016, 06:54:56 am
(http://upic.me/i/y9/15056232_1608175012543143_635964311518540916_n.jpg) (http://upic.me/show/59778505)


ปุจฉา – นมัสการ พระอาจารย์ โยมมีความข้องใจ เรื่องความสำเร็จ ที่สังคม นิยามกัน เช่นเงินทองชื่อเสียง โยมมีอาชีพเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งมีชื่อเสียงน้อยมาก ที่จะมีงานที่โยมรับเอง งานโยมไม่มีมาเป็นปีแล้ว ขายล๊อตเตอรีส่ง พอได้เงินเป็นค่ายังชีพ แต่โยมได้อ่านพวกบทความเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จ และคนที่ไม่ประสบความสำเสร็จ โยมรู้สึกใจกวัดแกว่ง เหมือนโยมเป็นคนล้มเหลว นมัสการพระอาจารย์ ช่วยเมตตาแสดงธรรมบรรเทาทุกข์โยม นมัสการครับ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ความสำเร็จที่คุณพูดถึงนั้น หมายถึงความสำเร็จในอาชีพการงาน ซึ่งเป็นของชั่วคราว ไม่จิรัง หากยึดติดถือมั่นกับมัน ย่อมเป็นทุกข์เมื่อมันผันแปรไป ที่จริงเป็นทุกข์ตั้งแต่ดิ้นรนแสวงหาแล้ว ครั้นได้มาก็ต้องรักษาเอาไว้ บางคนถึงกับเครียดจัด จนเจ็บป่วย อีกทั้งยังไร้เพื่อน ชีวิตครอบครัวย่ำแย่ อาจถึงขั้นแตกสลายเลยด้วยซ้ำ

ความสำเร็จที่น่าสนใจกว่าคือ ความสำเร็จในชีวิต ซึ่งหมายถึงการมีชีวิตที่ทรงคุณค่าสมกับเป็นมนุษย์ ร่ำรวยด้วยความดี มีความเจริญงอกงามภายใน และมีปัญญารู้เท่าทันความจริงของโลกจนความผันผวนปรวนแปรใด ๆ ทำให้ใจเป็นทุกข์ไม่ได้ ถึงคุณไม่ร่ำรวย ไม่มีชื่อเสียง แต่ก็สามารถมีความสำเร็จอย่างนี้ได้ เป็นความสำเร็จที่ให้ความสุขอย่างแท้จริง และทำให้ได้รับประโยชน์แห่งการเกิดมาเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง

ใครที่มีความสำเร็จอย่างหลังนี้ แม้แก่ชรา เจ็บป่วย หรืออยู่ในช่วงขาลง ก็ยังมีความสุข สงบเย็น อิ่มเอมกับชีวิต ตรงข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน เมื่อถึงคราวที่ชีวิตเข้าสู่ขาลง (ซึ่งแทบทุกคนต้องเจอหากไม่รีบตายเสียก่อน) จะเป็นทุกข์ เศร้าโศก อาลัยอาวรณ์ และเมื่อใกล้ตาย ส่วนใหญ่มักเสียใจกับชีวิตที่ผ่านมา เพราะไม่ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่มีคุณค่าต่อชีวิต โดยที่เงินทอง ชื่อเสียง (หากยังมีอยู่) ก็ช่วยคลายทุกข์ไม่ได้


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 17, 2016, 07:07:02 am
(http://upic.me/i/0n/15037238_1156545264438045_3635758246350483650_n1.jpg) (http://upic.me/show/59778532)


บัวบานสอนธรรม

“เมื่อเห็นดอกบัวบาน ใจเราก็พลอยเบิกบานไปด้วย และถ้าพิจารณาอีกสักนิด ก็จะได้แง่คิดสำหรับชีวิตด้วย บัวนั้นถือกำเนิดจากโคลนตม ถ้าไม่มีโคลนตม ก็ไม่มีดอกบัว

ใช่หรือ ไม่ว่าทุกข์กับธรรม แยกจากกันไม่ได้ ไม่มี ทุกข์ ก็ไม่พบธรรม เมื่อใดที่มี ความทุกข์ ก็ขอให้ตระหนักว่า นั่นคือโอกาสที่จะดอกบัวจะเบ่งบานกลางใจเรา บัวเกิดในน้ำ แต่ก็สามารถเจริญเติบโตจนพ้นน้ำและชูดอกได้ อย่างสวยสดงดงาม คนเราก็ เช่นกัน แม้จะเกิดท่ามกลางกิเลส แต่ ก็สามารถยกจิตเหนือกิเลสได้

น้ำไม่อาจจับต้องใบบัวฉันใด เราก็พึงรักษาใจมิให้อกุศลและ ความทุกข์แปดเปื้อนฉันนั้น ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว บัวจึงถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ ของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หลุดพ้นจากกิเลสสิ้นเชิง ดังนั้นเมื่อเรา เห็นดอกบัว ขอให้ถือดอกบัวเป็นครูที่สอนธรรมอันลึกซึ้งแก่เรา”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต เพื่อธรรมะและธรรมชาติ
https://www.facebook.com/konkarnkhid/ (https://www.facebook.com/konkarnkhid/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 17, 2016, 07:15:53 am
(http://upic.me/i/nk/14991842_612928012247874_5752733433100272441_n.jpg) (http://upic.me/show/59778548)


เติมเต็มชีวิตในเวลาน้อยนิด

“แท้จริงแล้วมีสิ่งอื่นที่ดีกว่าที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของเรา นั่นคือ บุญกุศล ความดีงาม รวมทั้งความสงบเย็นในจิตใจ อันเกิดจากคุณธรรมและความเข้าใจชีวิต ใครที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในจิตใจ จะไม่รู้สึกพร่อง กลับรู้สึกเต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา คนแวดล้อมก็มีความสุข ตรงข้ามกับคนที่พรั่งพร้อมด้วยวัตถุ หากไร้สิ่งเหล่านี้ในจิตใจ จะรู้สึกพร่องอยู่ตลอดเวลา จึงดิ้นรนตักตวงไม่หยุดหย่อน แต่ได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้จักพอ ขณะเดียวกันคนแวดล้อมก็อยู่อย่างไม่เป็นสุข เพราะกลายเป็นที่ระบายความทุกข์ของคนเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา

เราทุกคนล้วนมีเวลาเพียงน้อยนิดในโลกนี้ เราไม่สามารถใช้เวลาทั้งหมดที่มีเพื่อหาวัตถุสิ่งเสพมาสนองความปรารถนาจนเต็มอิ่มได้ แต่เวลาน้อยนิดที่เรามีอยู่นั้นมากพอที่จะแสวงหาความดีงามมาเติมเต็มจิตใจจนอิ่มเอมได้”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 17, 2016, 07:19:26 am
(http://upic.me/i/g9/15078592_614762488731093_8291300037791081453_n.jpg) (http://upic.me/show/59778557)


"ถ้าเราเห็นแก่ตัวมากเท่าไหร่เราจะทุกข์ง่ายมากเท่านั้น แต่ถ้าเรานึกถึงคนอื่นมาก เราจะทุกข์น้อยและสุขง่าย ให้เราเรียนรู้ว่าจะเป็นผู้สุขง่ายและทุกข์ยากได้อย่างไร การเดินธรรมยาตราเป็นโอกาสให้เราได้ฝึกตนในส่วนนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นเราก็จะชีวิตไปตามกระแสความสะดวกสบาย ตามกระแสบริโภคนิยม ทำให้เราเป็นคนทุกข์ง่ายสุขยาก"

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 17, 2016, 07:22:01 am
(http://upic.me/i/z9/15135953_615184648688877_7211270413998933499_n.jpg) (http://upic.me/show/59778560)


"ความสุขที่แท้นั้นอยู่ที่การวางใจ

ของเราเอง โดยเฉพาะการรู้จักมอง

หรือการมีปัญญา รู้เท่าทันความจริง

ของชีวิต หากมีปัญญา หรือมองให้เป็น

ก็ย่อมเห็นและสัมผัสกับความสุขได้ตลอดเวลา"

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 30, 2016, 02:31:29 pm
(http://upic.me/i/ot/15241204_1619945728032738_7513046075655264331_n.jpg) (http://upic.me/show/59867290)


ทุกวันนี้มีความเชื่อที่แพร่หลายว่า คนเราจะก้าวหน้าได้ต้องมีความโลภ เพราะความโลภจะผลักดันให้เกิดความขยันขันแข็ง บางคนพูดไปถึงขั้นว่า ถ้าอยากรวยก็ต้องเป็นหนี้เยอะ ๆ เพราะเมื่อเป็นหนี้แล้ว จะอยู่นิ่งเฉย นั่งเล่นนอนเล่นไม่ได้ ต้องตั้งหน้าทำงานหาเงินเพื่อใช้หนี้ ในที่สุดก็จะรวยไปเอง

คำพูดข้างต้นถูกต้องเพียงครึ่งเดียว ตรงที่บอกว่าคนเราจะร่ำรวยหรือประสบความสำเร็จได้ต้องขยันขันแข็ง แต่ความขยันนั้นไม่จำเป็นต้องขับเคลื่อนด้วยความโลภเสมอไป มีคนเป็นอันมากที่เมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดความโลภแล้ว ก็เข้าหาการพนัน หรือหนักกว่านั้นคือลักขโมยและฉ้อโกง เพราะคิดว่าวิธีเหล่านั้นเป็นทางลัดที่จะทำให้รวยเร็ว ๆ ในสายตาของคนเหล่านั้น (ซึ่งมีอยู่มากมายในเมืองไทย) การขยันทำงานเป็นวิธีที่ให้ผลช้า แต่ก็อย่างที่เรารู้กัน คนที่หมกมุ่นกับการพนัน ลักขโมย หรือฉ้อโกงแล้ว แทนที่ชีวิตจะเจริญก้าวหน้า กลับเสื่อมถอยและตกต่ำไม่ช้าก็เร็ว

ไม่ใช่ความโลภดอก แต่เป็นความพอเพียงต่างหากที่ทำให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า ทุกวันนี้เราพูดถึงความพอเพียงกันมาก แต่เข้าใจกันน้อย ความพอเพียงที่จะทำให้ชีวิตก้าวหน้าได้ หมายถึง ความพอเพียงในการบริโภคเป็นเบื้องต้น มีเงินมากเท่าไรก็ตามแต่หากจับจ่ายใช้สอยไม่หยุด เอาแต่ “เที่ยว” และ “เล่น” (เช่น เที่ยวห้าง เที่ยวสถานบันเทิง เล่นการพนัน เล่นหวย ฯลฯ) สักวันก็ต้องยากจนหรือมีหนี้สินท่วมตัว ในทางตรงข้าม ความประหยัดมัธยัสถ์ จับจ่ายใช้สอยหรือบริโภคอย่างรู้จักประมาณ ไม่ฟุ่มเฟือย เป็นหนทางสู่ความเจริญก้าวหน้า

สิ่งหนึ่งที่คนไทยไม่ค่อยทราบกันก็คือ ประเทศที่เจริญก้าวหน้าอย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ล้วนเป็นผลมาจากความประหยัดมัธยัสถ์ของผู้คน แรนดี้ เพาช์ นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำด้านคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Last Lecture อันโด่งดัง เล่าว่าเมื่อเขาเป็นเด็ก แม้พ่อแม่มีฐานะการเงินที่ดี แต่ทั้งครอบครัวแทบไม่เคยไปกินอาหารนอกบ้านเลย ปีหนึ่ง ๆ พ่อแม่พาลูกไปดูหนังในโรงเพียงหนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น “ดูโทรทัศน์สิ” พ่อแม่มักจะบอกลูก ๆ อย่างนี้ “มันฟรีรู้ไหม ดีกว่านั้นก็ไปห้องสมุด ขอยืมหนังสือมาสักเล่ม”

คราวหนึ่งผู้เขียนมีโอกาสเยี่ยมเพื่อนที่ทำงานใน บริษัท GM ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เพื่อนผู้เขียนเป็นวิศวกรระดับปริญญาเอกซึ่งมีเงินเดือนสูงพอสมควร แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือเธอและเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับเดียวกัน นำอาหารกลางวันมากินที่สำนักงาน ไม่มีใครออกไปซื้ออาหารกินกันเลย เพื่อนอธิบายว่านี้เป็นวัฒนธรรมของคนที่นั่น ซึ่งคงไม่ได้หมายถึงที่บริษัท GM เท่านั้น

นอกจากความประหยัดมัธยัสถ์หรือความพอเพียงในการบริโภคแล้ว ความพอเพียงในการแสวงหาเงินก็สำคัญเช่นกัน ความพอเพียงดังกล่าวตรงข้ามกับความโลภในการหาเงิน ความโลภอย่างหลังดูเผิน ๆ ก็น่าจะดี เพราะถ้าโลภและขยันกอบโกยก็น่าจะรวยเร็ว ไม่ใช่หรือ แต่อย่าลืมว่าความโลภนั้นบ่อยครั้งก็บดบังปัญญา ทำให้ถูกหลอกง่ายหรือพลั้งพลาดจนสายเกินแก้

เราคงได้ยินเรื่องของคนที่หมดเนื้อหมดตัวเพราะเล่นแชร์ลูกโซ่ (เช่น แชร์แม่ชม้อย) หรือคนที่สูญเงินนับล้าน ๆ เพราะถูกหลอกว่าจะได้ผลตอบแทนหลายเท่าตัว คนเหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ แต่สาเหตุที่ถูกหลอกได้ก็เพราะความโลภอยากรวยเร็ว ๆ นั่นเอง

วิกฤตเศรษฐกิจปี ๔๐ จนทำให้สถาบันการเงินกว่า ๕๐ แห่งต้องปิดตัว และธุรกิจมากมายต้องล้มละลาย ส่วนหนึ่งก็เพราะหวังกำไรงามจากการกู้เงินดอลลาร์ดอกเบี้ยต่ำแล้วมาปล่อยกู้ในเมืองไทยด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูง แต่พอค่าเงินบาทตก ดอลลาร์ที่เคยราคา ๒๐ บาทก็เพิ่มเป็น ๕๐ บาท ผลก็คือหนี้เพิ่มเท่าตัวชั่วข้ามคืน จนบริษัทเหล่านี้ไม่อาจใช้หนี้ได้ ส่วนคนที่กู้เงินมาซื้อหุ้นหรือบ้านเพื่อเก็งกำไรก็เดือดร้อนด้วยเช่นกัน เพราะไม่มีเงินจ่ายหนี้

วิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาขณะนี้ก็มีสาเหตุคล้าย ๆ กัน คือสถาบันการเงินพากันปล่อยกู้ให้คนซื้อบ้าน โดยไม่สนใจว่าคนกู้จะมีปัญญาจ่ายหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อสถาบันเหล่านี้จะมีรายได้งาม ๆ จากการปล่อยกู้ ขณะเดียวกันก็แปลงหนี้คุณภาพต่ำเป็นตราสารหรือพันธบัตรออกขายราคาถูก ๆ คนที่อยากรวยเร็ว ๆ ก็รีบซื้อ แต่พอหนี้เหล่านั้นกลายเป็นหนี้เน่า จึงเดือดร้อนกันไปหมด เศรษฐีที่หวังรวยฉับพลันพากันสิ้นเนื้อประดาตัว ขณะที่สถาบันการเงินหลายแห่งถึงกับล้มละลาย ส่งผลกระเทือนไปทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจถดถอยไปทุกหนแห่ง

คนที่รู้จักพอในการแสวงหาเงินหรือกำไร ย่อมมีสติ จึงยากที่จะถูกหลอก ไม่กลายเป็นแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ จึงเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 30, 2016, 02:34:10 pm
(http://upic.me/i/24/15171150_1621915917835719_9057180439457719923_n.jpg) (http://upic.me/show/59867295)


“พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้” คือกุญแจสู่ความสุขและความก้าวหน้าของชีวิต พอใจในสิ่งที่มีแปลว่าได้เท่าไรก็พอใจ แม้คนอื่นจะได้มากกว่าก็ไม่เป็นทุกข์ อย่างไรก็ตามเมื่อพอใจสิ่งที่ได้มาแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่านั่งเฉย ๆ งอมืองอเท้า ตรงกันข้ามเราควรขยันหมั่นเพียรต่อไป

เพราะความสุขที่แท้จริงมิได้อยู่ที่การมีมาก ๆ หรือบริโภคเยอะ ๆ แต่อยู่ที่การทำงานและการสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่โลก

มนุษย์เราไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าให้แก่ตนเองและแก่โลกได้ หากไม่รู้จักพอกับการเที่ยวเล่นหรือปรนเปรอตนเอง ขณะเดียวกันหากมัวแต่หาเงินหาทองไม่รู้จักพอ ก็จะไม่มีเวลาและพลังงานเหลือสำหรับการทำสิ่งดีงามให้แก่ตนเองและแก่โลก ท่านอาจารย์พุทธทาสสอนว่า จงทำงานให้มาก แต่บริโภคให้น้อย เพื่อเอาส่วนเกินมาเจือจานผู้อื่น เศรษฐีที่เป็นพุทธสาวกในสมัยพุทธกาล ล้วนใช้สอยพอประมาณ ทั้งนี้เพื่อนำเงินที่เหลือไปเอื้อเฟื้อคนยากจน ขณะเดียวกันก็ขยันขันแข็งในการทำงาน ไม่ใช่เพื่อหาเงินมามาก ๆ แต่เพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวม

นอกจากการช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว เรายังควรมีเวลาสำหรับการฝึกฝนพัฒนาตน เพิ่มพูนความรู้ และทำจิตให้สงบด้วย หากเรามัวแต่เที่ยวเล่นหรือหาเงินหาทองไม่หยุดหย่อน เราจะมีเวลาเหลือสักเท่าไรในการทำสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิต

พอเพียงในการบริโภค ไม่โลภในการแสวงหาทรัพย์ แต่ขยันทำงานและสร้างสรรค์ความดีแก่ส่วนรวม คือเคล็ดลับสู่ความก้าวหน้าของตนเองและของโลก

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 17, 2016, 08:07:35 am
(http://upic.me/i/de/15317784_1636835283010449_6145952474685265627_n.jpg) (http://upic.me/show/59975548)


ให้โอกาสธรรมชาติช่วยให้ใจสงบ

เมื่อไปท่องทะเล เที่ยวป่า หรือปีนเขา สิ่งที่เราปรารถนาจะเห็นคือ ความตื่นตาตื่นใจจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเวิ้งฟ้าอันไร้ขอบเขต ลูกไฟดวงใหญ่ที่กำลังพ้นจากผืนน้ำ หมู่ปะการังอันสวยสด ดอกไม้นานาพรรณริมธารใส ม่านน้ำที่ตกลงมาจากผาสูงดังสนั่น หรือทะเลหมอกยามอรุณรุ่ง เราหวังจะได้พบกับ ทิวทัศน์อันงดงาม แปลกตา และโอฬาร ซึ่งเร้าใจให้ตื่นตลึงจนต้องอุทานออกมา และอดไม่ได้ที่จะคว้ากล้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

หลายคนแม้ไม่หวังจะได้สัมผัสกับความตระการตาของธรรมชาติ แต่ก็ไปท่องป่าเที่ยวทะเลเพื่อหาความสนุกสนานกับเพื่อนฝูงในบรรยากาศที่แปลกใหม่ ตั้งวงสนทนาฮาเฮ เล่นดนตรี หรือกินเหล้าโดยมีป่าหรือทะเลเป็นฉากหลัง บ้างก็หวังสนุกกับการดำว่ายและโต้คลื่น ขณะที่ บางคนก็เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ฟังเพลงเท่านั้น ไปไหนมาไหนจึงมีแต่เครื่องเล่น MP3 กรอกหูทั้งสองข้างอยู่ตลอดเวลา

ไม่ว่าจะเที่ยวธรรมชาติด้วยอาการอย่างไร ผู้คนส่วนใหญ่ปรารถนาจะได้สัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือเร้าจิตกระตุ้นใจให้ตื่นเต้น ชวนหลงใหล จะว่าไปก็ไม่ต่างจากการไปกินอาหารเมนูเด็ดตามภัตตาคารชื่อดัง เป็นแต่ว่าแทนที่จะไปรับรู้ด้วยลิ้น ก็ไปสัมผัสทางตา หู จมูก หรือกาย เป็นสำคัญ

ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ รสชาติที่เอร็ดอร่อย เสียงเพลงที่เร้าจิตกระตุ้นใจ หรือกิจกรรมที่สนุกสนาน สิ่งเหล่านี้ให้ความรู้สึกที่น่าพึงพอใจชวนหลงใหลก็จริง แต่ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นาน และถ้าเร้าจิตกระตุ้นใจมากเกินไป ก็ทำให้เหนื่อยทั้งกายและใจได้ (เสียงเพลงที่ดังสนั่นและหนังที่เต็มไปด้วยฉากบู๊ล้างผลาญ ย่อมส่งผลต่อกายและใจยิ่งกว่าเวลาชื่นชมทะเลหมอกสุดสายตา) ที่สำคัญก็คือรสชาติเหล่านี้ถ้าได้เสพหรือสัมผัสบ่อย ๆ ความรู้สึกเพลิดเพลินใจจะจางคลายลง จนกลายเป็นความปกติธรรมดาไป ชาวบ้านที่อยู่ริมทะเลจึงไม่ค่อยรู้สึกว่ายามอรุณรุ่งนั้นท้องทะเลงดงามเพียงใด

อย่างไรก็ตาม นอกจากความตื่นตาตื่นใจ หรือความสนุกสนานตื่นเต้นแล้ว ธรรมชาติยังสามารถบันดาลความรู้สึกอีกชนิดหนึ่งให้แก่เราได้ เป็นความรู้สึกที่ประณีตลุ่มลึกกว่าความรู้สึกชนิดแรก นั่นคือความสงบใจ ในขณะที่ความรู้สึกชนิดแรกนั้นเกิดจากการเร้าจิตกระตุ้นใจทางตา หู จมูก ลิ้น หรือกาย ความสงบใจกลับเกิดจากบรรยากาศที่วิเวกสงบงัน และจากจิตที่เป็นสมาธิกับภาพหรือเสียงที่ปรากฏ

ธรรมชาติที่งดงามและยิ่งใหญ่นั้น สามารถบันดาลให้เกิดความรู้สึกตื่นตาตื่นใจก็จริง แต่ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถน้อมใจเราให้เกิดความสงบได้ ขอเพียงแต่เรามีจิตจดจ่ออยู่กับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า หรือทำกายและจิตให้นิ่ง ไม่นานความตื่นตาตื่นใจก็จะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสงบใจ หรือพูดอีกอย่างก็ได้ว่า ความสงบใจจะบังเกิดขึ้นมาแทนที่ความตื่นตาตื่นใจ

หากจะกล่าวให้เห็นเป็นภาพ ความสงบใจนั้นมาจากส่วนลึกของจิต ส่วนความตื่นตาตื่นใจนั้นเป็นอาการที่เกิดกับเปลือกนอกของจิต หรือจิตชั้นแรก ดังนั้นเมื่อมีสิ่งน่ายินดีมากระทบใจ ความตื่นตาตื่นใจ รวมถึงความสนุกสนาน และความลิงโลดใจ จึงเกิดขึ้นเป็นอันดับแรก คนส่วนใหญ่รู้จักแต่ความรู้สึกชนิดนี้เท่านั้น ส่วนความสงบใจกลับแทบไม่เคยสัมผัสเลยก็ว่าได้ เพราะจิตใจถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าจากภายนอกรวมทั้งวัตถุสิ่งเสพอยู่ตลอดเวลา จนไม่มีเวลาที่จะได้อยู่นิ่ง ๆ

การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับความสงบจากภายใน แม้ว่าในเบื้องแรกปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นทิวทัศน์อันงดงามตระการตา คือความตื่นตาตื่นใจ หรือความพิศวงในสีสรร แต่หากให้เวลาแก่ตนเอง อานุภาพของธรรมชาติจะค่อย ๆ ซึมซับลงไปสัมผัสกับส่วนลึกของจิตใจ และบันดาลความสงบให้ผุดบังเกิดขึ้น เป็นความสงบที่นำความสุขอย่างประณีตลึกซึ้งมาให้แก่เรา ชนิดที่ความตื่นตาตื่นใจหรือความสนุกสนานกลายเป็นความรู้สึกอย่างหยาบไปทันที

แต่มีคนจำนวนไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันตระการตา กลับไม่สามารถสัมผัสกับความสงบใจ เพราะมัวติดข้องกับความตื่นตาตื่นใจ หรือพอใจเพียงแค่ความสนุกสนานเท่านั้น หลายคนไม่อดทนพอที่จะอยู่นิ่ง ๆ เอาแต่วิ่งหามุมถ่ายรูป พูดคุยหยอกล้อ หรือมัวฟังเพลง เมื่อกายไม่สงบ แถมยังหาเรื่องคิดจนฟุ้งซ่าน จึงได้แค่ความสนุก ทั้ง ๆ ที่ความงดงามของธรรมชาติเบื้องหน้าสามารถตรึงใจให้เราสงบนิ่งได้ไม่ยาก หากให้โอกาสธรรมชาติได้ทำงาน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 17, 2016, 08:13:39 am
(http://upic.me/i/rg/15349654_1641619659198678_1275729804991951868_n1.jpg) (http://upic.me/show/59975554)


เมื่อครั้งหลวงพ่อชา สุภัทโท ยังมีชีวิตอยู่ มีพระเซนจากญี่ปุ่นมากราบนมัสการท่าน พอพบท่านก็ตั้งคำถามท่านเรื่องการปฏิบัติธรรมเลยว่า “ปฏิบัติไปทำไม ปฏิบัติเพื่ออะไร ทำไมจึงต้องปฏิบัติด้วย ปฏิบัติแล้วได้อะไร” หลวงพ่อชาไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่ถามกลับไปว่า “กินข้าวไปทำไม กินข้าวเพื่ออะไร ทำไมจึงต้องกินข้าว กินข้าวแล้วได้อะไร” ปรากฏว่าพระเซนรูปนั้นพอใจมากกับคำตอบ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นการถามกลับ

สาเหตุที่พระญี่ปุ่นพอใจในคำตอบของหลวงพ่อชา ก็เพราะท่านชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ต่างจากการกินข้าว เพียงแต่ว่าการกินข้าวเป็นการบำรุงร่างกาย ส่วนการปฏิบัติธรรมเป็นการบำรุงจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต ไม่น้อยไปกว่าการกินข้าว

ใคร ๆ คงไม่คาดคิดว่าหลวงพ่อชาจะถามกลับว่า กินข้าวไปทำไม ทำไมถึงกินข้าว ทั้งนี้ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เราทำทุกวันจนลืมถามตัวเองว่ากินข้าวไปทำไม ที่จริงไม่ใช่เฉพาะกินข้าวอย่างเดียว มีกิจวัตรอีกมากมายที่เราทำในชีวิตประจำวันโดยไม่เคยถามเลยว่าทำไปทำไม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราไม่ค่อยได้ไตร่ตรองในเรื่องที่สำคัญเท่าไร แต่พอพูดถึงการปฏิบัติธรรม กลับตั้งคำถามมากมาย

จริง ๆ แล้วการปฏิบัติธรรมนั้นสำคัญพอ ๆ กับการกินข้าว เพียงแต่คนเราไม่ได้ตระหนัก เพราะการปฏิบัติธรรมไม่ได้ส่งผลหรือเห็นอานิสงส์ทันทีเหมือนการกินข้าว แต่การปฏิบัติธรรมก็สำคัญพอ ๆ กับการกินข้าว เพราะถ้าขาดการปฏิบัติธรรมเมื่อไร ชีวิตก็เป็นทุกข์ไม่ต่างจากการไม่มีข้าวกิน หากเราไม่สนใจการปฏิบัติธรรม เวลามีอะไรมากระทบกับชีวิต จะทำให้เสียศูนย์ จิตใจจะเกิดทุกข์ และส่งผลร้ายกับเรา ทำให้เป็นบ้าได้

มีผู้คนมากมายพอไฟไหม้บ้าน ธุรกิจล้มละลาย หรือคู่รักตีจาก ก็เสียศูนย์จนคลุ้มคลั่ง ที่เป็นบ้าไปเลยก็มี บางคนถึงกับฆ่าตัวตาย นั่นเป็นเพราะใจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง คนเราทุกวันนี้ไม่ค่อยมีความทุกข์กายเท่าไร เพราะเราอยู่ในยุคที่มีความสุขสบายเกือบทุกอย่าง บางคนแทบจะไม่รู้จักความหิวโหย ชีวิตประจำวันแทบจะไม่มีเหงื่อออก เพราะไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงทำมาหากิน ไม่เหมือนสมัยปู่ย่าตายาย ที่ต้องออกแรงทำงานทั้งวัน แต่ถึงแม้ไม่ค่อยมีความทุกข์กาย แต่คนสมัยนี้มีความทุกข์ใจเยอะมาก แล้วความทุกข์ใจก็บั่นทอนสุขภาพเรา ทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเราไม่ได้ฝึกฝนจิตใจ

หลายคนตั้งคำถาม ทำไมต้องปฏิบัติธรรมในเมื่อฉันก็สุขสบายดีอยู่แล้ว เขาพูดแบบนี้เพราะมักเห็นคนที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมมักเป็นคนที่มีปัญหา เช่นป่วย เป็นมะเร็ง ครอบครัวล้มเหลว ธุรกิจล้มละลาย เป็นเพราะเข้าใจแบบนี้ จึงอยู่ในความประมาท หลายคนที่พูดว่า ทำไมต้องปฏิบัติธรรมในเมื่อทุกวันนี้ฉันก็สบายดีอยู่แล้ว อาตมาอยากจะถามกลับว่า คนที่พูดเช่นนี้มีความสุขจริงหรือเปล่า อาตมาสังเกตดู หลาย ๆ คน เวลาทำงานก็เครียด กลับบ้านก็กังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะห่วงงาน ห่วงลูก ห่วงทรัพย์สมบัติ หลายคนถึงกับกินยานอนหลับ หรือกินยาลดความเครียด

ทีนี้สมมุติว่าเขามีความสุขจริง ๆ ธุรกิจรุ่งโรจน์ ครอบครัวอบอุ่น กินได้นอนหลับ คำถามก็คือ คนเหล่านี้ไม่ต้องปฏิบัติธรรมแล้วใช่ไหม อาตมาไม่แน่ใจ เพราะคนที่มีความสุขในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่า พรุ่งนี้จะมีความสุขด้วย วันนี้มีครอบครัวอบอุ่น ราบรื่น ไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้ชีวิตจะยังคงราบรื่น อบอุ่น วันนี้มีความสุข แต่แน่ใจได้อย่างไรว่าพรุ่งนี้จะไม่เป็นมะเร็ง หากพรุ่งนี้เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะที่ 3 เขาจะยังคงมีความสุขอยู่ไหม วันนี้มีลมหายใจ ใช่ว่าพรุ่งนี้จะยังคงมีลมหายใจอยู่ มีภาษิตธิเบตกล่าวว่า “ระหว่างพรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้หรอกว่า อะไรจะมาก่อน”

บางคนมีชีวิตราบรื่น ตั้งแต่เล็กจนโต ครอบครัวก็มีความสุข วันหนึ่งพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งลามไปถึงกระดูก ทั้งวันเอาแต่บ่นว่าอยากตาย อีกครอบครัวหนึ่ง สามีดูแลภรรยาและลูกดีมาก ครอบครัวก็อบอุ่น วันหนึ่งสามีเป็นมะเร็ง ไม่กี่เดือนต่อมาก็ตาย ภรรยารับไม่ได้ เสียศูนย์ไปเลย แม้จะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ทุกเช้าก็ยังทำอาหารให้สามีทาน โดยเอาอาหารมาวางบนโต๊ะที่มีแต่เก้าอี้ที่ว่างเปล่า ทุกวันก็จะโทรศัพท์ไปที่เบอร์ของสามี เพื่อจะได้ฟังเสียงของสามี ทั้งนี้เป็นเพราะเธอยอมรับไม่ได้ว่าสามีได้ตายไปแล้ว จึงยังคงทำเสมือนว่าสามียังมีชีวิตอยู่ ลูกสาวมีความทุกข์มาก เพราะแม่เอาแต่คิดถึงพ่อ จนลืมลูกไปเลย

เป็นเพราะไม่มีอะไรแน่นอน ความสุขวันนี้อาจกลายเป็นความทุกข์วันหน้า ดังนั้นเราจึงควรหันมาปฏิบัติธรรม ให้มีสติสัมปะชัญญะ และปัญญาเอาไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรที่อาจเกิดขึ้นกับเราหรือคนที่เรารักไม่วันใดก็วันหนึ่ง

อย่าประมาทหรือชะล่าใจว่าฉันมีความสุขแล้ว จะปฏิบัติธรรมไปทำไม มันไม่มีหลักประกันเลย ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีความสุข เราจะยังมีชีวิตอยู่ เคยคิดเคยเผื่อใจไว้บ้างไหม ว่าสักวันหนึ่ง เราอาจเป็นมะเร็ง สามี ภรรยา ลูก อาจมีอันเป็นไป ทรัพย์สินเงินทองอาจสูญเสีย ถูกทำลาย มันไม่แน่ใช่ไหม เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ ที่ภูเก็ต พังงา เช้าวันนั้น แดดใส ฟ้าสวย ไม่มีใครคิดเลยว่าอีกไม่กี่นาทีนรกจะแตกเพราะสึนามิซัดกระหน่ำ

ถ้าเราตระหนักว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน เราจำต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิต สำหรับคนที่มีความทุกข์อยู่แล้วตอนนี้ ก็ยิ่งต้องรีบปฏิบัติธรรม เวลาเราทุกข์ เรามักโทษคนอื่น แต่เราเคยหันมามองตัวเองไหมว่า ที่ทุกข์นี่อาจเป็นเพราะใจของเราเปิดรับเอาความทุกข์เข้ามา

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 17, 2016, 08:16:38 am
(http://upic.me/i/vx/15541418_1644771238883520_2183188707889259459_n.jpg) (http://upic.me/show/59975562)


ความสุขไม่ใช่มีให้หา แต่ต้องมองให้เห็น

มันไม่ต้องดิ้นรนหา ดิ้นรนแล้วมันเหนื่อย ม้นทุกข์

มันมีอยู่รอบตัวเราแล้ว บางทีมันอยู่ต่อหน้า

แต่เราไม่เห็นเพราะมัวแต่มองพื้น

เพียงถ้าเราเงยหน้าขึ้นมานิดเดียวก็จะมองเห็น

เมื่อแม่ชีและนักเรียนไปเดินธรรมยาตรา

เดินตากแดดทั้งวัน นอนกลางดิน กินกลางทราย

หลายคนทั้งชีวิตไม่เคยเดิน ๑๐ กม.ในหนึ่งวัน

การเดินบนลูกรัง เหนื่อย

รอบตัวแห้งแล้ง ต้นไม้เขรอะด้วยฝุ่น

ถ้ามัวแต่เดินก้มหน้าอย่างเดียว ก็จะทุกข์

แต่หากมองไปข้างหน้า เงยนิดหน่อย จะเห็นฟ้า เห็นเมฆ

มันต่างกันมาก จากที่เห็นแต่พื้นแตกระแหง ใจหม่นหมอง

พอเงยหน้าเห็นเมฆเบาๆ ความรู้สึกก็เบาไปด้วย

กลายเป็นคนที่มีความสุขง่าย

เดินพบร่มไม้ก็มีความสุขแล้ว
 
เจอลมพัดมาเบาๆ ก็มีความสุขแล้ว

จะพบว่าความสุขมันหาง่าย

แม้แดดร้อนก็มีความสุขเพราะได้เดินกับเพื่อน

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 21, 2016, 04:48:01 am
(http://upic.me/i/bs/15542253_1648276475199663_3676255223680300212_n.jpg) (http://upic.me/show/60001347)


มีเรื่องเล่าว่า มีภรรยาคนหนึ่งตื่นเช้าก็ลุกขึ้นมาบริหารกายในห้องนอน มองผ่านหน้าต่าง ก็เห็นราวตากผ้าของเพื่อนบ้าน จึงพูดขึ้นมาให้สามีที่กำลังนอนอยู่ว่า

“คุณดูสิ บ้านนี้ซักเสื้อผ้าไม่สะอาดเลย ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน มีรอยด่าง บ้านก็รวย แต่ทำไมไม่ซักให้สะอาด”

สามีฟังก็ไม่ว่าอะไร รุ่งขึ้นเธอก็บ่นเหมือนเดิม วันที่สามตื่นขึ้นมาเธอก็ทำเหมือนเดิม มองไปนอกหน้าต่าง แต่คราวนี้เธอแปลกใจว่า ทำไมเสื้อผ้าของบ้านนั้นสะอาดแล้ว จึงถามสามีว่า

“คุณไปบอกบ้านนั้นหรือว่าซักผ้าไม่สะอาด”

สามีตอบว่า “เปล่าหรอก ผมไม่ได้บอกเขา ผมเพียงแต่เช็ดกระจกหน้าต่างบ้านของเราให้สะอาดเท่านั้น”

ภรรยานั้นเห็นว่าเสื้อผ้าของเพื่อนบ้านไม่สะอาด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่หรอก มันเป็นเพราะกระจกบ้านของตัวเองต่างหากที่ไม่สะอาด

เรื่องนี้สอนเราว่า เวลาเรามองว่าใครมีปัญหานั้น บางครั้งปัญหาอาจอยู่ที่ตัวเราเอง แต่เรามักมองไม่ค่อยเห็น พอใจเราเป็นลบ เราก็มองคนอื่นเป็นลบ แน่นอนบางครั้งคนอื่นที่อยู่รอบตัวเรา เช่น เจ้านาย สามี เพื่อนร่วมงาน ก็มีส่วนเป็นปัญหาด้วย แต่ถ้าเราไม่เปิดใจรับเอาสิ่งเหล่านี้เข้ามาทิ่มแทงใจเรา เราก็ไม่ทุกข์

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

“มือที่ไม่มีแผล จับต้องยาพิษก็ไม่อันตราย”

แต่ถ้ามีแผลเมื่อไร แล้วไปถูกต้องยาพิษเข้า อันตรายก็เกิดกับตัว ใจเราก็เช่นกัน ถ้าใจเรามีแผล อะไรต่ออะไรแม้เล็กน้อยมากระทบก็เจ็บ เวลามือมีแผล แม้แต่ยอดหญ้ามาถูกต้องเรายังรู้สึกเจ็บเลยใช่ไหม

ที่จริงเวลาใครต่อว่าด่าทอเรา ถ้าเราไม่เอาใจไปรับ ก็ไม่เจ็บ สมมุติว่าเราเดินเล่นในสวนมะพร้าว มีลิงเกเรตัวหนึ่งขว้างมะพร้าวใส่เรา ถ้าเราเห็น เราจะเอาตัวเข้าไปรับไหม คนที่มีสติดีก็ต้องพยายามหลบลูกมะพร้าวทั้งนั้น แต่เวลามีคนสาดคำด่าใส่เรา ทำไมเราไม่หลบ ทำไมจึงเอาใจรับ

หลวงพ่อชาเคยกล่าวว่า เวลามีใครด่าเราว่าเป็นหมูเป็นหมา ก่อนจะโกรธให้เราคลำดูที่ก้นก่อนว่ามีหางงอกออกมาหรือไม่ ถ้าไม่มีหางก็อย่าไปโกรธเขา ถ้าโกรธแสดงว่าเรายอมรับว่าเป็นอย่างที่เขาว่าจริง ๆ

ถ้าลิงขว้างมะพร้าวใส่เรา แทนที่เราจะหลบ กลับเอาตัวเข้าไปรับแล้วเจ็บ อย่างนี้จะโทษใคร คำด่าที่พุ่งมาหาเรา ถ้าเราหลบหลีก ไม่เอาใจไปรับ เราก็ไม่ทุกข์ คำด่าว่านั้นเหมือนจดหมาย ถ้าเอาไปหย่อนในตู้ไปรษณีย์แล้วไม่มีผู้รับ สุดท้ายจดหมายนั้นก็จะตีกลับมายังผู้ส่งหรือเจ้าของ ฉันใดก็ฉันนั้น คำด่าถ้าเราไม่รับไว้ มันก็จะกลับไปหาคนด่า ดังนั้นเราอย่าไปรับเอามาทิ่มแทงใจเรา

ท่านอาจารย์ชยสาโรเคยกล่าวว่า “โลกนี้ไม่มีสิ่งใด ไม่มีคนใด จะบังคับให้เราทุกข์ได้ มีแต่สิ่งที่ชวนให้เราทุกข์ ชวนให้เราพอใจ ชวนให้เราไม่พอใจ มันมาเชิญเรา เราจะรับเชิญหรือไม่รับเชิญ มันเป็นเรื่องของเรา เขาบังคับไม่ได้” เมื่อมีอะไรมาชวนให้ทุกข์ เราเลือกได้ว่าจะรับคำชวนหรือไม่ เราไม่รับก็ได้ เป็นสิทธิของเรา จึงพูดได้ว่าคนเราทุกข์เพราะใจเรามีส่วนร่วมมือด้วย ความเจ็บ ความป่วยก็เช่นกัน โรคภัยไข้เจ็บทำให้กายป่วย แต่ที่ทุกข์ใจด้วยก็เพราะใจไปผสมโรงด้วย

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 21, 2016, 04:53:50 am
(http://upic.me/i/lg/15355622_628682324005776_6746595177393057966_n.jpg) (http://upic.me/show/60001364)


(http://upic.me/i/tb/15356524_628682190672456_1751974812668481264_n.jpg) (http://upic.me/show/60001365)


(http://upic.me/i/rj/15356593_628682094005799_2652445019487956291_n.jpg) (http://upic.me/show/60001366)


(http://upic.me/i/4x/15380599_628681800672495_8666170349946660231_n.jpg) (http://upic.me/show/60001367)


(http://upic.me/i/jx/15380644_628683397339002_846543889493652031_n.jpg) (http://upic.me/show/60001368)


(http://upic.me/i/9s/15380816_628682074005801_3419140574477215858_n.jpg) (http://upic.me/show/60001369)


(http://upic.me/i/lr/15400536_628683670672308_9124437697875063275_n.jpg) (http://upic.me/show/60001385)


(http://upic.me/i/we/15400921_628682564005752_7546640309888048135_n.jpg) (http://upic.me/show/60001386)


(http://upic.me/i/0o/15391115_628683514005657_2615008604417863358_n.jpg) (http://upic.me/show/60001371)


(http://upic.me/i/vm/15420877_628682484005760_6165558778783123181_n.jpg) (http://upic.me/show/60001375)


(http://upic.me/i/b3/15439878_628681890672486_7185130213297382500_n.jpg) (http://upic.me/show/60001377)


(http://upic.me/i/rl/15439896_628682380672437_5640646101260026772_n.jpg) (http://upic.me/show/60001378)


(http://upic.me/i/qb/15439924_628681417339200_8784592486652955752_n.jpg) (http://upic.me/show/60001379)


(http://upic.me/i/cm/15492384_628682110672464_5402378431587635434_n.jpg) (http://upic.me/show/60001381)


(http://upic.me/i/2q/15492334_628682460672429_5472414696874606420_n.jpg) (http://upic.me/show/60001382)


(http://upic.me/i/0y/15492360_628682184005790_8883996186757604105_n.jpg) (http://upic.me/show/60001383)


ภาพเดินธรรมยาตราครั้งที่ ๑๗

ตามรอยน้ำตามรอยธรรม

ชมบรรยากาศขึ้นเขาลงห้วย

บุกป่าฝ่าดง เดินผ่านท้องนา

เดินลุยน้ำหรือเดินถนนผ่านเมือง

วันที่ ๗ กว่าจะถึงที่พักแรมก็เย็น

ดวงตะวันกำลังค่อยๆลับขอบฟ้า

ทำให้มีภาพสวยๆมาฝากเพื่อนๆ

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

พูดงานเดินธรรมยาตราครั้งที่ ๑๗

ตามรอยน้ำตามรอยธรรม

ตั้งแต่เดินวันแรกจนถึงวันจบงาน

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย

https://archive.org/details/PS591130pm (https://archive.org/details/PS591130pm)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 27, 2016, 03:15:07 pm
(http://upic.me/i/s4/15697956_1656724581021519_4377757233135734855_n.jpg) (http://upic.me/show/60039055)


คุณป้าคนหนึ่งไม่สบายไปหาหมอหลายครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นอะไร วันหนึ่งหมอบอกว่าป้าเป็นมะเร็งตับนะ อยู่ได้ไม่เกิน ๓ เดือน ป้าตกใจมาก กลับบ้านก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งตื่นตระหนกและหมดอาลัยตายอยากในชีวิต อยู่ได้แค่ ๑๒ วันก็ตาย อย่างนี้เรียกว่าตายเร็วเพราะวิตกกังวลสารพัด บางคนป่วยเป็นมะเร็ง หมอบอกว่าอยู่ได้ ๓ เดือน แต่อยู่ได้ ๓-๕ ปีก็มี ดังนั้นความเจ็บป่วยนั้นมันไม่ใช่เรื่องของกายอย่างเดียว ใจก็สำคัญด้วย หากวิตกกังวลแทนที่จะมีสติ ปล่อยให้ใจฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานา ก็จะตายเร็ว ถ้าไม่อยากตายเร็ว ก็ควรหันมาปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรม ส่วนหนึ่งก็เพื่อฝึกจิตเพื่อให้มีสติและปัญญา ปฏิบัติธรรมเพื่อรักษาจิต ดูแลใจไม่ให้ปรุงแต่ง ไม่เผลอรับคำเชิญของสิ่งต่าง ๆ ที่มาชวนให้เป็นทุกข์ กายป่วยแต่ใจไม่ป่วยก็ได้ ทรัพย์สมบัติสูญเสียไป ใจไม่เสียศูนย์ก็ได้ คนรักตายจากไปแต่ใจเป็นปกติก็ทำได้เช่นกัน ถ้าเราปฏิบัติธรรมจนเกิดปัญญา แม้มีสิ่งร้าย ๆ มากระทบ เราไม่เพียงปกติเท่านั้น แต่กลับจะเข้มแข็งกว่าเดิมด้วย

มีคุณแม่ท่านหนึ่งเล่าว่า หลายปีก่อน ลูกชายขอไปเรียนต่อที่อินเดีย เขาเป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบสูง แม่จึงอนุญาตให้ไป แต่ไปอินเดียได้ไม่กี่เดือนลูกก็เกิดอุบัติเหตุจมน้ำตาย แม่เศร้าโศกเสียใจมาก และรู้สึกผิดด้วย เอาแต่โทษตนเองว่าทำให้ลูกตาย เธอเสียศูนย์มาก ทำการทำงานไม่ได้เลย แทบไม่เป็นผู้เป็นคน ต่อมามีคนชวนให้เธอไปปฏิบัติธรรม เมื่อได้มีโอกาสฟังธรรม จึงเข้าใจว่า แต่ละคนมีกรรมเป็นของตน และได้ตระหนักว่า ความตายและการสูญเสียพลัดพรากเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้คลายความเศร้า
ขณะเดียวกันเมื่อได้เจริญสติ เวลามีความรู้สึกผิดเกิดขึ้น ก็ดูมัน ไม่กดข่มผลักไสมัน ในที่สุดความรู้สึกผิดก็ไม่มารบกวนจิตใจต่อไป ทำให้จิตใจมีความสงบเย็น เป็นความสุขที่ไม่เคยประสบมาก่อน

การปฏิบัติธรรมทำให้คุณแม่ท่านนี้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ เข้มแข็งและมีความสุขกว่าเดิม เธอบอกว่าขอบคุณความตายของลูกที่ทำให้แม่เห็นธรรมะ อย่างนี้เรียกว่าเปลี่ยนร้ายกลายมาเป็นดี จะทำอย่างนั้นได้ต้องอาศัยธรรมะ หลายคนเข้าหาธรรมะเพราะเป็นมะเร็ง เพราะกลัวตาย แต่พอมาสนใจธรรมะ จึงรู้ว่าความเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องร้ายเสมอไป อีกทั้งสมาธิภาวนายังทำให้พบความสุขสงบเย็นอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน

การปฏิบัติธรรมหรือการทำบุญ ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเราจะไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่เจอความพลัดพราก สูญเสีย บางคนทำบุญสม่ำเสมอมาตลอด วันหนึ่งเป็นมะเร็ง ก็ตัดพ้อต่อว่า ทำไมฉันเป็นมะเร็ง ทั้งที่ทำบุญมาตลอดชีวิต ?

การรักษาศีลและทำบุญ ทำให้เกิดสุขก็จริง แต่ก็ป้องกันความทุกข์ได้ระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับป้องกันได้ทั้งหมด ถ้าเราถือศีล ๕ ไม่กินเหล้า เรามีสติสัมปะชัญญะ ก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุกับเราง่าย ๆ โอกาสที่จะขับรถชนต้นไม้หรือแหกโค้งจนพิการมีน้อยมาก แต่บางครั้งอาจจะมีรถคันอื่นแล่นมาชนรถเราได้เหมือนกัน

ประมาณ ๔๐ ปีก่อน เกิดไฟไหม้ใหญ่ที่กลางเมืองสุรินทร์ ผู้คนสิ้นเนื้อประดานับพัน บางคนตัดพ้อว่าทำบุญมามาก ทำไมบุญไม่รักษา ธรรมไม่คุ้มครอง บางคนเสื่อมศรัทธาในการทำบุญทำทานไปเลย ถึงกับบอกว่าจะไม่เข้าวัดแล้ว หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เจ้าอาวาสวัดบูรพาราม ซึ่งอยู่กลางเมืองสุรินทร์ ได้ยิน จึงพูดเตือนสติว่า

“ไฟมันทำตามหน้าที่ของมัน ธรรมะไม่ได้ช่วยใครในลักษณะนั้น หมายความว่า ความอันตรธาน ความวิบัติ ความเสื่อมสลาย ความพลัดพรากจากกัน สิ่งเหล่านี้มันมีประจำโลกอยู่แล้ว ทีนี้ผู้มีธรรมะ ผู้ปฏิบัติธรรมะ เมื่อประสบกับภาวะเช่นนั้นแล้ว จะวางใจอย่างไรจึงไม่เป็นทุกข์ อย่างนี้ต่างหาก ไม่ใช่ธรรมะช่วยไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว ไม่ให้ไฟไหม้ ไม่ใช่อย่างนั้น”

คนที่ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมจะไม่คาดหวังว่าเหตุร้ายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับตน เพราะเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เขาจะสนใจว่า ว่าทำอย่างไรใจจึงจะไม่เป็นทุกข์เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 27, 2016, 03:15:31 pm
(http://upic.me/i/ma/15726804_1662876403739670_2854584250902918821_n.jpg) (http://upic.me/show/60039056)




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน  พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 30, 2016, 06:43:09 am
(http://upic.me/i/a7/15781777_1666461150047862_1285034107903727710_n.jpg) (http://upic.me/show/60052278)


ถ้าเราปฏิบัติธรรม เราจะสามารถมองเห็นธรรมจากทุกสิ่งได้


ในสมัยพุทธกาล มีสามเณรรูปหนึ่ง เดินตามพระสารีบุตรไปบิณฑบาตตอนเช้า ระหว่างทางผ่านทุ่งนา เห็นชาวนากำลังไขน้ำเข้านา เมื่อเข้าไปในหมู่บ้าน เห็นช่างไม้กำลังถากท่อนไม้ทำด้ามจอบ เสียม เดินต่อไปเห็นช่างธนูกำลังดัดคันธนูอยู่ ท่านได้คิดว่า แม้แต่สิ่งที่ไม่มีจิตใจ เช่น น้ำ ไม้ เรายังสามารถดัดแปลงให้เกิดเป็นประโยชน์ได้ แล้วคนเราซึ่งมีจิตใจ ทำไมจะฝึกให้ประเสริฐไม่ได้

สามเณรยังมองต่อไปว่า ชาวนา ชาวไร่ ช่างไม้ มุ่งดัดแปลงควบคุมสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่นอกตัวให้เกิดประโยชน์ได้ แล้วบัณฑิตล่ะ ควรจะทำอะไร ก็ได้คำตอบว่า หน้าที่ของบัณฑิตคือเปลี่ยนแปลงหรือฝึกฝนตน

เมื่อคิดได้อย่างนั้น สามเณรก็เกิดแรงบันดาลใจ อยากฝึกตน จึงขอพระสารีบุตรกลับไปวัดเพื่อบำเพ็ญภาวนาในวิหาร จนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในเช้าวันนั้น

ขอให้สังเกตว่าท่านไม่ได้คติธรรมจากใคร แต่ได้จากชาวนา ช่างไม้ ช่างธนู ได้จากเหตุการณ์ที่แสนธรรมดาสามัญ เรื่องนี้ชี้ว่าทุกอย่างสอนธรรมได้ทั้งนั้น บางท่านบรรลุธรรมจากการได้เห็นดอกบัวที่ร่วงโรย จนเห็นไตรลักษณ์

การเจริญสติ ทำสมาธิภาวนา มีประโยชน์มากมาย อาทิ

๑. ทำให้เราปล่อยวางได้ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และไม่กังวลกับเรื่องในอนาคต
๒. ทำให้เห็นความจริงของชีวิตว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา ไม่มีใครหนีพ้นได้
๓. เราจะต้องพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจ มีความสูญเสียเป็นธรรมดา
๔. เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
๕. เห็นความสำคัญของการเตรียมตัวเตรียมใจสร้างความดี
๖.เห็นทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทำให้ลดความยึดมั่นถือมั่นลงไปได้

การปฏิบัติธรรมทำให้เห็นจริงว่า ทุกอย่างเป็นทุกข์ ถ้าหวังสุขจากอะไรก็ตาม เราจะผิดหวังในที่สุด ถ่านที่กำลังติดไฟย่อมร้อนเป็นธรรมดา ถ้าเรากำมันไว้ เราก็เป็นทุกข์ใช่ไหม เศษแก้วบนถนน ถ้าเราเดินไปเหยียบแล้วเจ็บ เราจะโทษเศษแก้ว หรือควรโทษตัวเอง ก้อนหินใหญ่ ถ้าเราแบกไว้มันก็หนัก จะบอกให้มันอย่าหนัก เราทำได้ไหม สิ่งเดียวที่เราทำได้ ถ้าไม่อยากเป็นทุกข์ ก็คือวางมันลง โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่อาจควบคุมบังคับให้ถูกใจเราได้ เราเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่เราปรับใจเราได้ คือปรับใจไม่ให้ยึดติดถือมั่นในสิ่งต่าง ๆ เห็นถ่านร้อน ๆ ก็ไม่กำมันเอาไว้ เห็นเศษแก้วบนถนน ก็ไม่เดินเตะมัน เห็นก้อนหินใหญ่ ก็ไม่แบกมัน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นเราจึงจะไม่ทุกข์ เรียกว่า

ตัวอยู่ในโลก แต่ใจอยู่เหนือโลก

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน  พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2017, 05:21:24 am
(http://upic.me/i/wr/15780925_637414753132533_9090879981895212443_n.jpg) (http://upic.me/show/60083400)



พรปีใหม่



“ขอให้ทุกท่านได้รับสิ่งนี้ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งประเสริฐ คำว่าพรแปลว่าสิ่งประเสริฐ สิ่งประเสริฐหรือสิริมงคลในพุทธศาสนา ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ
แต่คือธรรมะในจิตใจ ธรรมะในจิตใจไม่มีใครที่จะให้แก่เราได้ มีแต่เราต้องทำขึ้นมาเอง แต่ถ้าเราสามารถสร้างหรือทำขึ้นมาได้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นของขวัญอันประเสริฐที่สุด อยากให้เรามอบของขวัญอันประเสริฐนี้แก่ตัวเราเอง ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาให้ ไม่ต้องรอพรจากพระสงฆ์องคเจ้า เราสามารถมอบของขวัญให้ตัวเองสร้างสิ่งประเสริฐคือพรให้แก่ตัวเอง  แล้วเราจะได้ชีวิตใหม่ ทำให้เป็นปีใหม่อย่างแท้จริง”


พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2017, 05:22:34 am
(http://upic.me/i/po/15873188_1671354479558529_8221854457993954695_n.png) (http://upic.me/show/60083433)


ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ไพศาลครับ โยมกราบขออนุญาตถามดังนี้ครับ ความทุกข์ของพระโสดาบันเหลือเพียงเมล็ดถั่วเมล็ดงา นั้นหมายถึงอย่างไรครับ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงครับ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - หมายความว่า ความทุกข์ของท่านเหลือน้อยมาก เนื่องจากได้ละสังโยชน์หรือกิเลส ๓ ประการได้อย่างสิ้นเชิง อันได้แก่ ความเห็นว่ารูปกับนามเป็นตัวตน (สักกายทิฏฐิ) ความลังเลสงสัย (วิจิกิจฉา) และความถือมั่นในศีลพรตหรือข้อวัตร (สีลัพพตปรามาส)

อีกเหตุผลหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกันก็คือ พระโสดาบันนั้นจะเกิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติ ความทุกข์ที่เกิดกับท่านจึงนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับปุถุชนซึ่งต้องเกิดอีกนับครั้งไม่ถ้วน (ทุกข์ของปุถุชนนั้นท่านเปรียบเหมือนแผ่นดิน)


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2017, 05:26:55 am
(http://upic.me/i/2l/15822959_1671436252883685_3145986492178550630_n.jpg) (http://upic.me/show/60083432)


ปุจฉา - ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ที่บางท่านมีความโศกเศร้า โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่บางท่านแทบหมดกำลังใจในชีวิต นอกจากนี้ยังพบเห็นการวิพากวิจารย์ถึงการวางตัวที่เหมาะสมในการไปถวายความอาลัย ว่าบางท่านไปสนามหลวงเหมือนไปเพื่อเซ็ทภาพถ่ายรูป รวมถึงภาพในหลวงที่มีการปริ้นท์แจกมากมาย โดยอาจกลายเป็นการไม่ระวังในการจัดเก็บภาพ

โยมจึงอยากกราบขอพระอาจารย์เมตตาแนะนำว่าเราควรจะทำใจกับความพลัดพรากเช่นนี้อย่างไร เราในฐานะลูกหลานจะสามารถปลอบประโลมหรือช่วยให้กำลังใจกับผู้สูงอายุได้อย่างไร และควรวางตัวอย่างไรถึงจะเรียกว่าเหมาะสมและเป็นการเคารพและแสดงความอาลัยต่อพระองค์อย่างแท้จริงค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - เมื่อสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะยามนี้ที่เราสูญเสียพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไป หากนึกถึงแต่ความสูญเสียพลัดพราก จิตจะจมอยู่กับความเศร้า จนหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ไม่อาจทำกิจต่าง ๆ อันควรทำได้เลย

จะดีกว่าหากเรานึกถึงน้ำพระทัยและคุณงามความดีของพระองค์ จะทำให้เราเกิดความซาบซึ้งประทับใจ และเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำความดีตามรอยของพระองค์ ยิ่งได้ลงมือทำความดีโดยมีพระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง ยิ่งทำให้เราเกิดความปีติ ภาคภูมิใจที่เป็นพสกนิกรที่ดีของพระองค์ จะช่วยให้หลุดจากความเศร้าโศกเสียใจได้ง่ายขึ้น

สำหรับผู้เป็นลูกหลาน ควรชักชวนให้บิดามารดาหรือญาติผู้ใหญ่ที่ยังเศร้าโศกอยู่ ทำความดี เช่นเป็นจิตอาสา หรือทำบุญกุศลถวายพระองค์ท่าน ชวนท่านออกจากบ้าน ไปทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ จะช่วยท่านได้มาก

สำหรับการไปสนามหลวงหรือพระบรมมหาราชวังเพื่อถวายความเคารพแด่พระองค์ ควรไปด้วยใจที่ปรารถนาจะ “ให้” อย่าไปด้วยใจที่คิดจะ “เอา” (เช่น อยากได้มุมหรือฉากดี ๆ เพื่อถ่ายรูป หรือไปเพื่อรับของแจก) ใจที่คิดจะให้ (เช่น อยากให้พระองค์ซึ่งสถิตบนสรวงสวรรค์ เห็นความจงรักภักดีของพสกนิกรของพระองค์) จะทำให้เราทำสิ่งดีงาม ไม่เปิดโอกาสให้ความเห็นแก่ตัวมาครอบงำใจ ขณะเดียวกันก็มีความอดทน เจอความยากลำบากก็ไม่บ่น ตรงกันข้ามหากไปด้วยใจที่คิดจะ “เอา”แล้ว ก็อาจลืมตัว ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือหงุดหงิดง่าย



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2017, 05:30:44 am
(http://upic.me/i/sd/15823036_1674006035960040_6892324471793751601_n.jpg) (http://upic.me/show/60083436)


ชั่วชีวิตของคนเรา มีวิชามากมายที่ต้องเรียนรู้ มิใช่เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่ยังเพื่อความเจริญก้าวหน้าและผาสุก วิชาเหล่านี้เปิดสอนทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย โดยมีการวัดผลอย่างจริงจัง แต่มีวิชาหนึ่งที่มักถูกละเลย และแทบไม่มีสอนในสถาบันการศึกษาใด ๆ นั่นคือ "วิชาชีวิต"

มีวิชามากมายที่เรียนอย่างหน้าดำคร่ำเครียดในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ครั้นสอบผ่านแล้วหลายคนแทบไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์เลย แต่วิชาชีวิตนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตลอดเวลา

วิชาชีวิตช่วยให้เราไม่จมทุกข์ หรือซ้ำเติมตนเองยามประสบปัญหา ขณะเดียวกันก็ไม่หลงระเริงในลาภยศและความสำเร็จ มีภูมิคุ้มกันรักษาใจไม่ให้อารมณ์อกุศลครอบงำ และสามารถเป็นสุขได้ในทุกหนแห่ง เมื่อพลัดพรากก็ไม่เศร้าโศกเสียใจ เมื่อสูญเสียก็ไม่ตีอกชกหัว เมื่อเจ็บป่วยก็ไม่คร่ำครวญ และเมื่อจะตายก็ไม่พรั่นพรึง

วิชาชีวิตนั้นเรียนได้จากประสบการณ์ชีวิต โดยมีปัญหาต่าง ๆ เป็นทั้งการบ้านและบททดสอบ โดยมีความตายเป็นการสอบไล่ ชนิดที่ไม่มีการแก้ตัว หากสอบตกก็ทุรนทุรายก่อนตายโดยมีอบายเป็นที่หมาย หากสอบได้ก็จากไปอย่างสงบและเข้าถึงสุคติ

น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยพากันสอบตก เพราะไม่คิดว่าจะมีการสอบไล่ชนิดนี้รออยู่ จึงมิได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย หรือหนักกว่านั้นคือไม่คิดว่ามีวิชาชีวิตที่ต้องเรียนเลยด้วยซ้ำ ทั้งชีวิตจึงปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป

แต่ผู้มีปัญญานั้นย่อมตระหนักเสมอว่า ชีวิตนี้มีขึ้นเพื่อการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่สำคัญคือวิชาชีวิต ดังนั้นจึงหมั่นศึกษาหาบทเรียนจากวิชานี้อยู่เสมอ รางวัลที่ได้คือเมื่อยังมีลมหายใจก็เป็นสุขในทุกที่ ครั้นวาระสุดท้ายมาถึงก็พร้อมรับความตายด้วยใจสงบ

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2017, 10:32:45 am
(http://upic.me/i/2r/15781422_637666169774058_2712630756477778762_n.jpg) (http://upic.me/show/60083590)


ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

ส่งท้ายปีเก่าทั้งที ควรปล่อยให้อดีตที่เจ็บปวดไหลไปกับปีเก่าด้วย และเมื่อจะต้อนรับปีใหม่ทั้งที ก็ควรใช้โอกาสนี้เริ่มต้นใหม่ กล่าวคือ อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วก็เริ่มต้นใหม่ ไม่ท้อแท้ รวมทั้งเริ่มทำสิ่งใหม่ที่ดี ไม่ว่าดีต่อร่างกายและจิตใจ หรือดีต่อคนที่เรารักและห่วงใย รวมทั้งดีต่อส่วนรวม

ต้อนรับปีใหม่ ยังควรหมายรวมถึง การต้อนรับทุกอย่างที่เป็นของปีใหม่ ไม่ว่า ดี หรือ ร้าย สุข หรือ ทุกข์ เจริญ หรือ เสื่อม แม้ไม่ถูกใจ ก็ไม่บ่น โวยวาย ตีโพยตีพาย เพราะทำเช่นนั้นมีแต่จะทุกข์มากขึ้น ยิ่งปฏิเสธผลักไส ก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมตนเอง ทำให้จิตใจหมกมุ่นในสิ่งนั้นราวกับถูกมันจองจำ ในทางตรงข้ามการยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับสิ่งนั้นได้ดีขึ้น ใช้สติปัญญาเพื่อแก้ไขให้ร้ายกลายเป็นดีในที่สุด

ฉลองปีใหม่แล้ว ก็อย่าลืมว่า เราใกล้ความตายอีกหนึ่งปี และมีเวลาเหลือน้อยลงอีกหนึ่งปี แต่ละนาทีมีค่ามาก อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ ทำสิ่งที่ดีที่สุดเสียแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็น การทำความดี สร้างบุญกุศล ฝึกจิตรักษาใจ ให้เวลาแก่คนรัก เกื้อกูลส่วนรวม อย่าผัดผ่อนเพราะอาจไม่มีพรุ่งนี้สำหรับเราก็ได้ - พระไพศาล วิสาโล

“ทำอย่างไรจึงจะโชคดีปีใหม่”

เสียงธรรมจาก พระอ.ไพศาล วิสาโล

พูดหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

===> https://archive.org/details/Visalo2016 (https://archive.org/details/Visalo2016)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2017, 10:33:37 am
(http://upic.me/i/pk/15740880_637972916410050_3632796963881704745_n.jpg) (http://upic.me/show/60083597)


(http://upic.me/i/cd/15781240_637972716410070_3431869918146337829_n.jpg) (http://upic.me/show/60083596)


ปีใหม่นี้ขอให้ทุกท่านมั่นคงในธรรม มีฉันทะในการทำความดี หมั่นฝึกจิตบำรุงใจ เพียรสร้างบุญกุศล อำนวยอวยผลให้เกิดพลานามัย ไร้โรคภัย เจออะไรใจไม่ทุกข์ เป็นสุขในทุกสถาน การงานสัมฤทธิ์ ชีวิตสงบเย็น เห็นธรรมเป็นลำดับ จนถึงที่สุดแห่งทุกข์ในเร็ววัน

พระไพศาล วิสาโล


-------------------------------------------------------------------------------------------------

เสียงธรรมรับปีใหม่ ๒๕๖๐ จากพระอ.ไพศาล วิสาโล


===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2017, 10:34:56 am
(http://upic.me/i/z3/15871823_639408526266489_7002643954713614336_n.jpg) (http://upic.me/show/60084205)


ความสุขอยู่ที่ใจ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ

ธรรมนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง มิได้จำกัดอยู่แต่ในวัด คัมภีร์ หรือคำเทศนาเท่านั้น แต่มีสถานที่บางแห่งที่เอื้อให้เราเห็นธรรมได้ง่ายขึ้น เช่น ป่าเขาลำเนาไพร ทั้งนี้เพราะความสงบสงัดช่วยน้อมใจเราให้สงบ สามารถเห็นกายและใจตามความเป็นจริงได้ชัดขึ้น ขณะเดียวกันวัฏจักรของธรรมชาติรอบตัว ก็แสดงสัจธรรมให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ทำใจให้ว่าง อยู่กับปัจจุบัน ธรรมก็ปรากฏให้เห็นผ่านต้นไม้ สายน้ำ ขุนเขา และสิงสาราสัตว์

เมื่อพาตัวมาอยู่ท่ามกลางป่าเขา เราย่อมมิอาจพึ่งพาความสุขและความสะดวกสบายซึ่งมีอยู่อย่างครบครันจากชีวิตในเมืองได้อีกต่อไป นั่นคือโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และเข้าถึงความสุขจากชีวิตที่เรียบง่าย รวมทั้งความสุขจากใจของเรา ความสุขนั้นมีอยู่แล้วกลางใจเรา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนัก เพราะมัวเพลิดเพลินกับความสุขจากวัตถุสิ่งเสพภายนอก วิถีชีวิตที่ดึงจิตออกนอกตัวตลอดเวลา จนรู้สึกแปลกแยกกับตัวเอง ยิ่งทำให้ผู้คนตัดขาดจากความสุขด้านใน อันเป็นความสุขที่ประณีตลึกซึ้ง ผลก็คือผู้คนพากันพึ่งพิงวัตถุสิ่งเสพจนขาดอิสรภาพ ต่อเมื่อตระหนักและสัมผัสได้ถึงความสุขกลางใจ เราจึงจะมีอิสรภาพอย่างแท้จริง

การหาเวลาปลีกตัวมาอยู่กลางป่าเพื่อเปิดใจสัมผัสธรรมและความสุขภายใน เป็นการให้รางวัลแก่ตนเองอีกอย่างหนึ่ง ที่เรามิพึงมองข้าม ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้เราเรียนรู้ที่จะมีความสุขในทุกที่ เห็นธรรมในทุกสถาน ถึงตอนนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่เรา ใจก็เป็นปกติอยู่ได้ เพราะเห็นถึงความเป็นธรรมดาของมัน ถึงแม้จะเป็นความเจ็บป่วย ความพลัดพรากสูญเสีย หรือความตายก็ตาม

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 06, 2017, 10:39:20 am
(http://upic.me/i/d5/15826524_639569119583763_2362636109516487054_n.jpg) (http://upic.me/show/60084217)


คนไข้คือครูและเพื่อน


“แค่ได้ระบายความในใจคนไข้ก็สบายใจแล้ว

ความสบายใจบางทีดีกว่ายาที่หมอให้ซะอีก

ฉะนั้นการไปเยี่ยมคนไข้ในฐานะนักเรียน

ไปฟังธรรมจากเขาหรือไปเรียนรู้ธรรมะจากเขา

ถือว่าเขาเป็นครูอย่างที่หนึ่ง หรือสองถือว่า

เขาเป็นเพื่อน ไปพยายามเข้าใจความรู้สึกของเขา

ไปให้กำลังใจเขา ฟังเขาก่อนอย่าเพิ่งสอน

อย่าเพิ่งเทศน์ อันนี่แหละจะเป็นสิ่งที่ช่วย

คนไข้ได้แยอะและก็เป็นประโยชน์แก่เราด้วย”

เสียงธรรมจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

พูดหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 12, 2017, 05:52:58 am
(http://upic.me/i/m2/15826287_1675917209102256_6761309273886873663_n.jpg) (http://upic.me/show/60118638)


พรุ่งนี้ กับชาติหน้า อะไรจะมาก่อน ไม่มีใครตอบได้ สิ่งเดียวที่เป็นของเราคือเดี๋ยวนี้ วันข้างหน้าไม่ใช่ของเรา เราอาจไม่ได้รับรู้เหมือนวันนี้ถ้าเราเป็นอะไรไป ชั่วโมงข้างหน้าก็ไม่ใช่ของเรา ไม่มีใครรับประกันว่านาทีข้างหน้าเราจะคิดอะไร ไม่เชื่อลองนั่งสมาธิดู นั่งไปแป๊บเดียวฟุ้งแล้ว ฉะนั้นการให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีอยู่ปัจจุบันนี้สำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่เวลานะ แต่หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2017, 03:53:52 pm
(http://upic.me/i/if/15940998_1679727245387919_6635710000974229088_n.png) (http://upic.me/show/60159864)


ปุจฉา - ดิฉันปฏิบัติธรรมสวดมนต์ไหว้พระมาตั้งแต่เด็ก สวดมนต์ทุกวันตั้งแต่ 10 ขวบ จนตอนนี้อายุ 40 ช่วงนี้มีเรื่ององค์เทพมาสื่อ มาแฝงร่าง มาลงร่าง และบอกว่าเป็นนาคราช ท่านอนันตนาคราช ศรีสุทโธนาคราช ท่านปู่นเรศวรมหาราชบ้าง แม่ธรณีบ้าง และบอกว่าองค์ให้เป็นกายสังขารนี้เป็นองค์นเรศวร แต่ดิฉันยังไม่ไปรับขันธ์หรอกค่ะ แค่นำรูปปั้นนาคราชมาบูชา แรกดีใจมีองค์มารักษาแต่ช่วงนี้รู้สึกปวดหัว เวียนหัว ไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนผีเข้า เป็นแปลกๆๆ ทำตัวผิดปกติเดินเหมือนคนโบราณ เรียบร้อยผิดปกติ เหม่อลอย เหมือนคนบ้า คลื่นไส้ จะอาเจียนก็ไม่อาเจียน ไม่เข้าสังคมเก็บตัว คิดมาก

ช่วงนี้ไม่กล้านั่งสมาธิเลยค่ะ กลัวท่านมาลง และไม่แน่ใจว่าเป็นเทพจริง หรือผีมาลง ดิฉันปฏิบัติได้ถึงระดับไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร วางเฉยได้ระดับหนึ่งนะคะ แต่พอเจอเรื่องแบบนี้จิตตกคิดมาก กลัวมาก

เรียนถามพระอาจารย์ว่าควรจะทำยังไงดีคะ และการสวดมนต์ที่ถูกต้องคือสวดอะไรดี ทำวัตรเช้าเย็น หรือสวดมนต์อิติปิโส โพชฌงค์ พระไตรปิฏก ชินบัญชร สวดแบบนี้ตอนนี้ค่ะ ช่วยตอบด้วยค่ะ ถ้ามีองค์จะบรรลุธรรมได้มั้ยคะ ต้องจัดการยังไงดีคะ สาธุค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - คุณควรหมั่นทำความรู้สึกตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าทำอะไร ก็ให้มีสติ ใจเต็มตื่น หรืออยู่กับเนื้อกับตัว รับรู้สิ่งที่ทำ และรู้ทันความรู้สึกนึกคิด หากมีความรู้สึกตัว อาการต่าง ๆ ที่คุณเล่ามาย่อมเกิดขึ้นได้ยาก ดังมีพุทธภาษิตว่า

“เมื่อบุคคลรู้สึกตัวอยู่ กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดก็จะเกิดขึ้น อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วก็จะดับไป ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลเมื่อรู้สึกตัวอยู่ ความเป็นผู้รู้สึกตัวย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ เพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธานแห่งพระสัทธรรม”

สำหรับการสวดมนต์ ที่คุณทำนั้นถูกต้องแล้ว แต่ควรมีสติระหว่างสวดด้วย อย่าปล่อยใจลอย และควรทำความเข้าใจเนื้อหาของบทสวดด้วย (หาอ่านได้จากหนังสือทำวัตรสวดมนต์แปล ซึ่งมีขายทั่วไป) ปัญญากี่เกิดขึ้นจากการใคร่ครวญบทสวดมนต์อันเป็นพุทธพจน์ จะช่วยให้อาการต่าง ๆ ที่เกิดกับขึ้นทุเลาลง

สำหรับคำถามสุดท้ายนั้น ขอตอบว่า หากมี(ความเชื่อว่า)องค์มาลง ก็ไม่อาจบรรลุธรรมได้เลย

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2017, 03:55:19 pm
(http://upic.me/i/6y/16003216_1681811061846204_5530643846444296184_n.jpg) (http://upic.me/show/60159878)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2017, 03:58:14 pm
(http://upic.me/i/sb/15941088_1679730625387581_3560248821486605127_n.png) (http://upic.me/show/60159885)


ปุจฉา – พระอาจารย์คับ ผมประสบปัญหาอย่างหนึ่งอะคับ ไม่มั่นใจว่าเป็นผลข้างเคียงจากการปฏิบัติหรือป่าว คือผมรู้สึกว่าสมองมีความคิดที่น้อยลง และให้ความสนใจในสิ่งต่างๆรอบตัวน้อยลง ทำให้จำเนื้อหาความรู้ในด้านวิชาการ รวมถึงชื่อของบุคคลต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตน้อยลง ผมมีความรู้สึกเฉยๆกับสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไปในชีวิตมากขึ้น ทำให้หมดความดิ้นรนในการทำสิ่งต่างๆ
แต่ผมยังอยู่ในฐานะที่เป็นนักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง ที่ยังต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจในเนื้อหาที่มากมายอยู่อะคับ ทำให้เกิดเป็นทุกข์จากเรื่องการเรียนแทน แล้วรู้สึกว่าถ้าออกบวชจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขมากๆจากการได้สละทุกอย่างออก แต่อีกใจหนึ่งผมก็ยังคิดว่าสิ่งที่ผมควรทำมากที่สุดตอนนี้ คือกลับมาเรียนและสนใจสิ่งต่างๆ เพื่อจบไปเป็นแพทย์ที่ดี ช่วยเหลือผู้อื่น และทดแทนพระคุณพ่อแม่ให้ดีที่สุดอยู่อ่ะคับ ผมควรทำอย่างไรดีครับพระอาจารย์

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - การทำสมาธิภาวนาแบบพุทธ หากทำถูกต้อง จิตจะแจ่มใส เบิกบาน เกิดความตื่นตัว กระฉับกระเฉง เหมาะกับการทำงาน (กัมมนียะ) ในทางตรงข้ามหากทำผิด ก็อาจเงื่องหงอย เฉื่อยเนือย ความรู้สึกตัวไม่ชัดเจน คุณลองตรวจสอบดูว่าปฏิบัติถูกหรือ
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2017, 03:59:10 pm



"ถึงแม้ว่าน้ำจะท่วมบ้าน จะท่วมกาย แต่ถ้ามีเรามีสติแล้วก็จะไม่ถูกน้ำท่วมทบจิตใจจนมืดมิดได้ ในยามนี้แม้เราจะเสียบ้าน จะเสียสิ่งของไป แต่อย่าให้เราเสียความหวัง อย่าให้เสียกำลังใจ ถ้าเรามีสติ เราก็จะมองข้างหน้าไปได้อย่างมีความหวัง"

- พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2017, 04:04:12 pm
(http://upic.me/i/9n/15977090_1683800698313907_3053706308217183450_n1.jpg) (http://upic.me/show/60159949)


รู้ใจตัวเอง

เวลาเรามีเพื่อนเราก็อยากได้เพื่อนที่รู้ใจ
เวลาเราทำงาน ก็อยากได้ลูกน้องที่รู้ใจ
รวมทั้งเวลาเรามีแฟนมีคู่ครอง
ก็อยากได้แฟนหรือคู่ครองที่รู้ใจ
เวลาเรามีความทุกข์
เราก็อยากให้คนเห็นใจเรา
แต่ว่าเราเคยถามตัวเราเองหรือเปล่าว่า
ที่เรียกร้องให้ใครมารู้ใจ ให้ใครมาเห็นใจ
แล้วตัวเราเอง เคยคิดจะรู้ใจตัวเองบ้างไหม
เคยคิดจะเห็นใจตัวเองบ้างหรือเปล่า
มันยากนะ ไม่รู้ใจตัวเอง
แต่ว่าจะไปเรียกร้อง แสวงหา
หรือว่าไปกะเกณฑ์ให้ใครต่อใคร
มารู้ใจหรือเห็นใจเรา
อะไรที่ยากกว่ากัน
ระหว่างคนข้างนอกที่มารู้ใจเรา
หรือตัวเราเองที่รู้ใจตัวเอง
อะไรที่มันเป็นไปได้ง่ายกว่ากัน
ส่วนใหญ่เวลาบอกว่าอยากให้คนอื่นมารู้ใจเรา
ก็มักจะหมายความว่า
เค้ารู้ความตองการของเรา
รู้ว่าจะปรนเปรอตอบสนองความต้องการของเราอย่างไร
อันนั้นก็ดีอยู่
แต่สิ่งที่เราควรทำให้ได้ เวลารู้ใจตัวเอง
รู้ทันความรู้สึกนึกคิดของตัว
เวลาเราโกรธ
เราเคยรู้ใจตัวเองไหมว่ากำลังโกรธ
เวลาเราเกลียด
เรารู้ทันความเกลียดในใจเราไหม
เวลาเราเบื่อ เราเศร้า
เราเคยรู้ทัน ความเบื่อ ความเศร้า
ทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้นอยู่กลางใจเราหรือเปล่า
รู้ใจแบบนี้ที่สำคัญกว่าการกะเกณฑ์ให้ใครมารู้ใจเรา
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2017, 04:08:05 pm
(http://upic.me/i/by/16142609_1686315684729075_5095447693182563086_n.jpg) (http://upic.me/show/60159972)


คืนสู่ธรรมชาติ ที่นี่ ตรงนี้

เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ชีวิตอันผาสุกย่อมมีได้ ด้วยการธำรง ความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ การกลับสู่ธรรมชาติ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณภาพชีวิต แต่นี้ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าจะต้องไปสู่สถานหลีกเร้น

การคืนสู่ธรรมชาติที่แท้ และมีความหมายยิ่งกว่านั้นคือ การกลับสู่ธรรมชาติ ภายในตัวเราเอง กลับไปเพื่อการค้นหาและรู้ซึ้งถึงตัวเรา เข้าใจตนตามที่เป็นจริง และรู้จักธรรมชาติของจิตใจเรา อะไรที่ทำจิตเราให้เหนื่อยอ่อน ยังใจให้แจ่มใส ทุกข์ สุขภายในเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และทำไมเราจึงหัวปักหัวปำไปกับมันได้อย่างไม่รู้เนื้อ รู้ตัว ฯลฯ

การหมั่นพินิจตนและการฝึกฝนใจอย่างต่อเนื่อง จะนำเราเข้าสู่ธรรมชาติ ของตัวเราลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ และยังความผาสุกสงบแก่จิตใจ เป็นความแจ่มกระจ่าง

การคืนสู่ธรรมชาติโดยนัยนี้ มิต้องเริ่มต้นที่ภูหลวง ตะรุเตา หรือเขาใหญ่ แต่สามารถเริ่มต้นที่จิตใจของเรา ตรงนี้และเดี๋ยวนี้ได้ทันที

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2017, 04:13:53 pm
(http://upic.me/i/4k/15823148_640433242830684_9100837358109381856_n.jpg) (http://upic.me/show/60159979)


วิชาชีวิต

“วิชาชีวิตนั้นเรียนได้จากประสบการณ์ชีวิต โดยมีปัญหาต่าง ๆ เป็นทั้งการบ้านและบททดสอบ โดยมีความตายเป็นการสอบไล่ ชนิดที่ไม่มีการแก้ตัว หากสอบตกก็ทุรนทุรายก่อนตายโดยมีอบายเป็นที่หมาย หากสอบได้ก็จากไปอย่างสงบและเข้าถึงสุคติ น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยพากันสอบตก เพราะไม่คิดว่าจะมีการสอบไล่ชนิดนี้รออยู่ จึงมิได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย หรือหนักกว่านั้นคือไม่คิดว่ามีวิชาชีวิตที่ต้องเรียนเลยด้วยซ้ำ ทั้งชีวิตจึงปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป แต่ผู้มีปัญญานั้นย่อมตระหนักเสมอว่า ชีวิตนี้มีขึ้นเพื่อการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่สำคัญคือวิชาชีวิต ดังนั้นจึงหมั่นศึกษาหาบทเรียนจากวิชานี้อยู่เสมอ รางวัลที่ได้คือเมื่อยังมีลมหายใจก็เป็นสุขในทุกที่ ครั้นวาระสุดท้ายมาถึงก็พร้อมรับความตายด้วยใจสงบ”

พระไพศาล วิสาโล




(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)--------------------------------------------------------------------------------(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)


เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม

“ความทุกข์ไม่เพียงผลักดันให้เราเข้าหาธรรม หากยังแสดงธรรมให้เราเห็น เพราะทุกข์ก็คือธรรมนั้นเอง สัจธรรมที่ช่วยให้พ้นทุกข์นั้นล้วนอยู่ในสิ่งที่เราเรียกว่าทุกข์ แต่เป็นเพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเจอทุกข์แล้วมักปล่อยใจให้เป็นทุกข์ จึงถูกทุกข์กระทำย่ำยี อันที่จริง ทุกข์นั้นหากเราดูมันด้วยสติ พิจารณาด้วยปัญญา ก็สามารถเห็นธรรมที่ช่วยให้จิตเป็นอิสระจากทุกข์ได้ เพราะกุญแจที่ไขไปสู่ความพ้นทุกข์ก็อยู่ในทุกข์นั้นเอง ทุกข์จึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความพ้นทุกข์”

พระไพศาล วิสาโล




(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)--------------------------------------------------------------------------------(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)


การยอมรับปัจจุบัน

"ทำให้ทุกข์ลดลง เหลือแต่สิ่ง
ที่เกิดขึ้นนอกตัวเรา แต่ว่าไม่
กระทบกระเทือนไปถึงใจ
ทำให้เราหันมาใส่ใจจัดการกับ
ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เสียเวลา
ไปกับการบ่นไม่เสียอารมณ์
ไปกับการตีโพยตีพาย
นี่คือการยอมรับความเป็นจริง"

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2017, 04:20:15 pm
(http://upic.me/i/yy/15965957_1712687622374926_8865872628792611085_n.jpg) (http://upic.me/show/60160017)


ทางออกอยู่ที่ทางเข้า

“เมื่อมีปัญหา ใคร ๆ ก็ย่อมแสวงหาทางออก
แต่บ่อยครั้งเรามักได้ยินผู้คนบ่นว่า “ไม่มีทางออก ๆ”
อันที่จริงทางออกนั้นมีเสมอ แต่ถ้าไม่เจอ
ก็มักเป็นเพราะมองไม่ถี่ถ้วนหรือมองไม่รอบด้าน
เพราะถ้าเพียงแต่เหลียวหลังไปดู ก็จะพบว่าทุกปัญหา
โดยเฉพาะที่สร้างความทุกข์ใจ มีทางออกอย่างน้อ
ยก็ทางหนึ่ง นั่นคือทางเข้า เข้าทางไหน เราก็สามารถ
ออกทางนั้นได้ เป็นแต่ผู้คนจำนวนส่วนใหญ่มองไม่เห็น
หรือถึงมองเห็นก็ไม่คิดว่านั่นจะเป็นทางออกได้”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2017, 04:21:49 pm
(http://upic.me/i/d4/15940630_1715200738790281_3315847056293736904_n1.jpg) (http://upic.me/show/60160030)


มารกับมิตรปัญหากับปัญญา

อุปสรรคและตัวช่วยตลอดจน

ทุกข์และสุขมิใช่เป็นสิ่งที่แยก

จากกันหรืออยู่คนละขั้วหาก

อยู่ด้วยกัน เหมือนสองด้าน

ของเหรียญเดียวกันถ้ามอง

ให้เป็นก็จะเห็นได้ไม่ยาก

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 26, 2017, 06:40:05 pm
(http://upic.me/i/cb/16142197_1691780144182629_8816245581540918557_n1.jpg) (http://upic.me/show/60209236)


ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นประโยชน์ทั้งนั้น ถ้าเรารู้จักมอง ถ้าเราวางใจเป็นเราสามารถหาประโยชน์ได้จากทุกสิ่ง แม้ว่ามันจะเป็นความเจ็บปวด ความสูญเสีย

ตอนที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี ๒๕๕๔ มีผู้คนสิ้นเนื้อประดาตัวเป็นจำนวนมาก บางคนก็กลุ้มอกกลุ้มใจจนเป็นบ้า ฆ่าตัวตาย ซึ่งจัดว่าเป็นการซ้ำเติมตัวเอง เพราะว่าน้ำท่วมทำได้แค่พัดพาและทำลายทรัพย์สมบัติของเรา ไม่ได้ทำมากไปกว่านั้น แต่เมื่อวางใจไม่เป็นก็เลยกลุ้มอกกลุ้มใจจนเสียสติ จนเป็นบ้า หรือทำร้ายตัวเอง

แต่มีอยู่คนหนึ่งไม่ทุกข์เท่าไร เธอบอกว่าน้ำท่วมคราวนี้ทำให้เห็นเลยว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย ทุกอย่างมาอยู่กับเราแค่ชั่วคราวเท่านั้น อันนี้ถือว่าเธอได้ประโยชน์จากน้ำท่วม เพราะทำให้เห็นสัจธรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ไม่ทุกข์จากน้ำท่วมครั้งนั้น ยังรักษาใจไม่ให้ทุกข์เพราะความสูญเสียครั้งต่อ ๆ ไปด้วย

เราสามารถได้ประโยชน์จากความเจ็บป่วย ความเจ็บป่วยมาสอนเราว่า สังขารไม่เที่ยง มาเตือนให้เราไม่ประมาทกับเวลาที่เหลืออยู่

ท่านอาจารย์พุทธทาสเคยกล่าวว่า

“ความเจ็บป่วยมาเตือนให้เราฉลาด”

คือมีปัญญาเห็นสัจธรรมของสังขารร่างกาย

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ ซึ่งเป็นอาจารย์ของอาตมา ป่วยด้วยโรคมะเร็งครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๔๙ ตอนที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ท่านบอกว่า “มันแสนสบายหนอ เพราะมีคนทำให้ทุกอย่าง” ท่านยังกล่าวอีกว่า “ตอนนั้นไม่ต้องทำอะไรหรอก เห็นไตรลักษณ์อย่างเดียวพอแล้ว มันแสดงให้เราเอง”

เวลาเราป่วยก็ลองทำอย่างนี้ดูบ้าง คือพิจารณาไตรลักษณ์ จากร่างกายนี้ ไม่ใช่เอาแต่บ่นโวยวาย ตีโพยตีพาย ว่าทำไมต้องเป็นฉัน

การสูญเสียคนรักก็สอนให้เราเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร และเห็นโทษของความติดยึด อย่างนางกีสาโคตมี พอเห็นตรงนี้ได้ ท่านบรรลุเป็นพระโสดาบันทันที ก่อนหน้านั้นนางสูญเสียลูกน้อย ซึ่งอายุแค่ ๒-๓ ขวบ นางยอมรับไม่ได้ที่ลูกตาย อุ้มศพลูกเพื่อขอให้ใครต่อใครช่วยปลุกให้ฟื้น แต่สุดท้าย พอได้เจออุบายธรรมจากพระพุทธเจ้า ซึ่งรับปากว่าจะช่วยนางได้หากหาเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ไม่มีคนตายมาให้พระองค์ หลังจากที่ไปหาอยู่นาน ก็ไม่พบเมล็ดผักกาดที่ว่า เพราะทุกบ้านล้วนมีคนตายแล้วทั้งนั้น ในที่สุดนางก็เห็นชัดว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดา ทุกครอบครัวและทุกคนก็ล้วนสูญเสียทั้งนั้น

เมื่อกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า พระองค์แสดงธรรมสั้น ๆ ว่า

“มฤตยูย่อมพาเอาผู้คนที่มัวเมาในลูกและสัตว์เลี้ยง ผู้มีใจข้องอยู่ในอารมณ์ต่าง ๆ เหมือนห้วงน้ำใหญ่ย่อมพัดพาเอาผู้คนที่หลับใหลไป ฉะนั้น”

นางกีสาโคตมีพิจารณาตาม ปัญญาเกิด ก็บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันทันที นับว่าได้ประโยชน์จากความสูญเสียที่เกิดขึ้น หากนางไม่สูญเสียลูก อาจไม่มีโอกาสบรรลุธรรมเลยก็ได้

คำด่าก็มีประโยชน์หลายอย่างได้เช่นกัน เล็ก วิริยะพันธ์ อดีตเจ้าของเมืองโบราณ เคยพูดไว้ว่า “วันไหนไม่ถูกตำหนิ วันนั้นเป็นอัปมงคล”

มีเรื่องเล่าว่าสมัยที่หลวงปู่ขาว อนาลโย สมัยยังมีชีวิตอยู่ วันหนึ่งท่านมอบหมายให้พระลูกศิษย์ ๒ รูปไปดุด่าแม่ชีคนหนึ่งในวัด คือ แม่ชีสา ซึ่งเป็นคนอุปัฏฐากพระเณรดีมาก อีกทั้งยังใส่ใจในการปฏิบัติธรรมด้วย เมื่อพระทั้งสองรูปได้รับคำสั่งเช่นนั้น ก็ไปที่กุฏิแม่ชีสา แล้วทำตามที่หลวงปู่ขาวสั่ง คือเรียกแม่ชีสามาด่า ทีแรกแม่ชีสาก็งง แต่ว่าตั้งสติได้ นั่งพนมมือฟังคำดุด่าด้วยอาการสงบ

พระอาจารย์ทั้งสองดุด่าอยู่นานจนไม่รู้จะด่าอย่างไรแล้ว ก็หยุด แม่ชีสาแทนที่จะโกรธหรือน้อยใจว่าทำไมทำดีกลับถูกครูบาอาจารย์ด่า กลับพูดขึ้นมาว่า “ท่านอาจารย์ดุด่าดิฉันหมดหรือยัง หรือมีคำด่าว่าอยู่อีก ดิฉันได้ยินได้ฟังแล้วมันซาบซึ้งเหลือเกิน เสียงดุด่าเป็นเสียงธรรมทั้งหมดเลยเจ้าข้า” แม่ชีสายังบอกอีกว่า “ขอให้อาจารย์ทั้งสองมาด่าดิฉันให้บ่อย ๆ ด้วย มันจะได้หมดกิเลสสักที”

แม่ชีสาถูกด่า แต่ใจไม่ทุกข์เลย เพราะแทนที่จะมองว่าการถูกด่าเป็นเรื่องเลวร้าย กลับมองว่าคำดุด่าว่ากล่าวเป็นของดี ช่วยขูดกิเลสและลดละอัตตา

เมื่อเจอสิ่งที่เป็นลบหรือร้าย อย่ามัวแต่เสียใจหรือขุ่นเคือง เราควรมองหาประโยชน์จากมัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม เงินหาย ของหายก็สอนธรรมให้เราได้ แสดงให้เห็นถึงความไม่เที่ยง เห็นต้นไม้ล้ม ใบไม้ร่วง ก็เป็นธรรม แม้กระทั่งเห็นหญิงสาวยิ้มให้เป็นธรรมได้

ในสมัยพุทธกาลมีพระรูปหนึ่งชื่อพระนาคสมาล ขณะที่ท่านกำลังเดินบิณฑบาตในเมือง บังเอิญมีขบวนแห่ผ่านมา ท่านเห็นหญิงฟ้อนรำคนหนึ่งแต่งตัวสวยงาม มีเครื่องประดับแวววาว ทัดทรงดอกไม้ แทนที่จะเกิดกามราคะ ท่านกลับมองว่า นี่แหละคือบ่วงแห่งมัจจุราชที่มาดักรอ พอเห็นโทษของรูปที่เห็น ก็เกิดความเบื่อหน่าย จิตหลุดพ้นจากกิเลสตรงนั้นทันที

เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ชี้ว่าทุกอย่างสามารถเป็นประโยชน์ในทางธรรมได้ทั้งนั้น พูดอีกอย่างคือเราสามารถเห็นธรรมได้จากทุกอย่าง ไม่ว่าบวกหรือลบ ดีหรือร้าย สวยงามหรือน่าเกลียด

คนที่ทำได้เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นบัณฑิต ดังพุทธภาษิตอีกตอนหนึ่งที่พระนันทิยะได้ถ่ายทอดให้แก่พระองคุลิมาลฟังว่า

“ผู้รู้จักถือเอาประโยชน์ทั้งจากอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์...... พระผู้มีพระภาคตรัสสรรเสริญว่าเป็นบัณฑิต”

การที่เราจะเห็นหรือหาประโยชน์จากทุกสิ่งได้ โดยเฉพาะอนิฏฐารมณ์ หรือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่ไม่พึงปรารถนา สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องมีคือสติ หาไม่แล้วความรู้สึกยินร้าย ขัดเคืองใจ ก็จะครอบงำจิต จนคิดแต่จะผลักไส ทำลายสิ่งนั้น ๆ หรืออย่างน้อย ๆ ก็บ่นโวยวาย ตีโพยตีพาย ก่นด่าชะตากรรม กลายเป็นการซ้ำเติมตนเอง

แต่ถ้ามีสติ นอกจากใจจะไม่ทุกข์กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ยังสามารถใช้ปัญญาใคร่ครวญจนเห็นประโยชน์จากสิ่งนั้นได้ อันนี้รวมถึงอิฏฐารมณ์ หรือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่พึงปรารถนาด้วย หากไม่มีสติ ใจก็จะยินดี หลงใหลเพลิดเพลิน จนเกิดกิเลสตัณหา กลายเป็นโทษ แต่ถ้ามีสติ ก็จะรู้จักคิด และเห็นข้อเสียของมันว่าสามารถทำให้เกิดความยึดติดถือมั่น อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ หรือไม่ก็ทำให้เกิดความประมาท ซึ่งเป็นประเด็นที่จะได้กล่าวต่อไป

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 26, 2017, 06:43:55 pm
(http://upic.me/i/ar/16142738_1696837577010219_776393288454893951_n.jpg) (http://upic.me/show/60209257)


“อยู่ดี” กับ “ตายดี” เป็นสิ่งที่ไปด้วยกัน หากว่าการอยู่ดีนั้นหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า หมั่นทำความดี ละเว้นความชั่ว รวมทั้งลดละความเห็นแก่ตัวและอารมณ์อกุศลที่สร้างความทุกข์ให้แก่จิตใจ (ไม่ใช่ “อยู่ดีกินดี” หรืออยู่อย่างอัครฐาน พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ) การตายดีก็เป็นอันหวังได้
ในทำนองเดียวกันหากฝึกจิตอยู่เสมอเพื่อการตายดี ย่อมส่งผลให้การดำเนินชีวิตของเราเป็นไปในทางที่ดีงาม เช่น เห็นความสำคัญของการอยู่อย่างไม่ประมาท มีศรัทธาในสิ่งดีงาม ขณะเดียวกันก็รู้จักปล่อยวาง

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 26, 2017, 06:47:26 pm
(http://upic.me/i/zn/16142518_647569678783707_8468147006055742678_n.jpg) (http://upic.me/show/60209262)


พบสุขที่จิต พบมิตรที่ใจ

ผู้คนเป็นอันมากยอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไขว่คว้าหาความสุข ทั้งนี้เพราะคิดว่าความสุขนั้นอยู่นอกตัว ถ้าได้กินของอร่อย ฟังเพลงเพราะ ได้ของถูกใจ เที่ยวต่างประเทศ ได้คนรู้ใจมาเป็นคู่ครอง จึงจะมีความสุข แต่น้อยคนที่ตระหนักว่าความสุขนั้นพบได้ที่ใจตน หลายคนทำอะไรต่ออะไรมากมายเพราะอยากได้ความสุข แต่ก็ไม่พบความสุขเสียที ทั้งนี้ก็เพราะมีสิ่งหนึ่งที่เขามองข้ามไป นั่นคือ การดูแลรักษาใจของตน ซึ่งต้องอาศัยการหมั่นมองหมั่นสังเกตจิตใจของตนอยู่เสมอ เป็นเพราะละเลยจิตใจของตน ผู้คนจึงนอกจากหาความสุขไม่พบแล้ว ยังรู้สึกเหินห่างหมางเมินกับใจตน การอยู่คนเดียวจึงเป็นความทุกข์ทรมาน เกิดความรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยว ทั้ง ๆ ที่มิตรที่ดีที่สุดนั้นพบได้ที่ใจตนเช่นกัน

เมื่อใดก็ตามที่พบว่าความสุขหาได้ที่ใจ และมิตรที่ประเสริฐที่สุดก็คือใจของตน เมื่อนั้นเราก็มีความสุขได้ในทุกหนแห่ง เจออะไรก็ไม่ทุกข์ มีเท่าไรก็ไม่รู้สึกยากไร้ อยู่คนเดียวก็ไม่รู้สึกอ้างว้าง ใครจะมองเราอย่างไรใจก็ไม่หวั่นไหว สูญเสียเท่าใดใจก็ไม่เสียศูนย์ ภาวะเช่นนี้ย่อมประเสริฐกว่าชีวิตที่ร่ำรวยมั่งคั่ง มียศศักดิ์อัครฐาน ชื่อเสียงขจรไกล แต่ข้างในกลับไร้สุข ไม่รู้สึกพอในสิ่งที่ได้มา หวั่นไหวเพราะกลัวสูญเสีย และหงอยเหงาอ้างว้างเพราะไร้เพื่อนแท้

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 26, 2017, 06:49:14 pm
(http://upic.me/i/h3/16299138_650165745190767_1275030652092368633_n.jpg) (http://upic.me/show/60209267)


"เมื่อใดรู้สึกว่าเวลาเเล่นเร็วเกินไป

เราสามารถชะลอเวลาให้เคลื่อน

ช้าลงได้ ทำอย่างไรหรือ?

ก็ปลีกวิเวกไง ทิ้งงานการ

อย่างอื่นให้หมด แล้วมาอยู่

กับตัวเองจริงๆ เดินจงกรม

นั่งสมาธิ อย่าใจอ่อนเผลอนอน

เมื่อยังไม่ถึงเวลา แล้วเราจะ

พบว่าเวลาจะค่อยๆเดินเคียง

ข้างเรา ด้วยจังหวะเดียวกับเรา"

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 31, 2017, 06:15:15 am
(http://upic.me/i/bt/16388345_652496844957657_1286976583039082134_n.jpg) (http://upic.me/show/60236740)



รู้ใจตัวเอง

เวลาเรามีเพื่อนเราก็อยากได้เพื่อนที่รู้ใจ
เวลาเราทำงาน ก็อยากได้ลูกน้องที่รู้ใจ
รวมทั้งเวลาเรามีแฟนมีคู่ครอง
ก็อยากได้แฟนหรือคู่ครองที่รู้ใจ
เวลาเรามีความทุกข์
เราก็อยากให้คนเห็นใจเรา

แต่ว่าเราเคยถามตัวเราเองหรือเปล่าว่า
ที่เรียกร้องให้ใครมารู้ใจ ให้ใครมาเห็นใจ
แล้วตัวเราเอง เคยคิดจะรู้ใจตัวเองบ้างไหม
เคยคิดจะเห็นใจตัวเองบ้างหรือเปล่า
มันยากนะ ไม่รู้ใจตัวเอง

แต่ว่าจะไปเรียกร้อง แสวงหา
หรือว่าไปกะเกณฑ์ให้ใครต่อใคร
มารู้ใจหรือเห็นใจเรา อะไรที่ยากกว่ากัน
ระหว่างคนข้างนอกที่มารู้ใจเรา
หรือตัวเราเองที่รู้ใจตัวเอง
อะไรที่มันเป็นไปได้ง่ายกว่ากัน


ส่วนใหญ่เวลาบอกว่าอยากให้คนอื่น
มารู้ใจเรา ก็มักจะหมายความว่า
เค้ารู้ความต้องการของเรา
รู้ว่าจะปรนเปรอตอบสนองความ
ต้องการของเราอย่างไร อันนั้นก็ดีอยู่
แต่สิ่งที่เราควรทำให้ได้ เวลารู้ใจตัวเอง
รู้ทันความรู้สึกนึกคิดของตัว

เวลาเราโกรธ เราเคยรู้ใจตัวเองไหม
ว่ากำลังโกรธ เวลาเราเกลียด
เรารู้ทันความเกลียดในใจเราไหม
เวลาเราเบื่อ เราเศร้า เราเคยรู้ทัน
ความเบื่อ ความเศร้า ทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้น
อยู่กลางใจเราหรือเปล่ารู้ใจแบบนี้ที่
สำคัญกว่าการกะเกณฑ์ให้ใครมารู้ใจเรา

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)



หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2017, 07:26:07 pm
(http://upic.me/i/kp/16508290_1706742492686394_817161244981387197_n.jpg) (http://upic.me/show/60300913)


ส่วนใหญ่เราไม่เข้าใจว่าบุญหมายถึงอะไร คนไทยนั้นนึกว่าบุญเหมือนกับบัตรสะสมโชค รู้จักไหมโยมบัตรสะสมโชค บัตรสะสมโชคนั้น พอสะสมได้มาก ก็ไปแลกเอาของสมนาคุณได้ คนไทยมักจะเข้าใจบุญในแง่นี้ คือบุญที่เป็นบัตรสะสมโชค

ลองมาพิจารณาดูว่าเราคาดหวังอะไรบ้างจากบุญ สิ่งที่คาดหวังจากบุญคือความร่ำรวย ความมีทรัพย์สมบัติ ความมั่งมี เราคิดเพียงเท่านั้น นี่ก็ไม่ต่างจากเวลาเราอยากได้ของสมนาคุณ เราทำอย่างไรบ้าง เราก็มักไปศูนย์การค้าตามที่เขาโฆษณาว่า ที่นั้น ที่นี้ มีบัตรสะสมโชคเยอะๆ เพื่อแลกของ

ในทำนองเดียวกัน เวลาเราอยากได้บุญเยอะๆ เราทำอย่างไร เราก็คิดว่าต้องไปที่ๆมีการแจกบุญมากๆ หรือเพิ่มบุญเยอะ นั่นคือต้องไปทำบุญกับพระ ต้องไปทำบุญกับเกจิอาจารย์บุญถึงจะเพิ่มพูน และเมื่อสะสมบุญแบบนี้มากเข้า ก็หวังว่าจะรวยหรือถูกหวยในเวลาไม่นาน

สิ่งที่เราคาดหวังจากบุญนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการมีทรัพย์สินเงินทองมากๆ แต่เราไม่ได้คิดเลยว่า บุญ ตามความหมายที่แท้จริง หมายถึงการชำระใจให้สะอาด การชำระใจให้ผ่องแผ้ว ถ้าเราทำบุญแล้วเราไม่ได้ทำใจของเรา ให้โปร่งเบา หรือชำระจิตของเราให้สะอาด อันนั้นก็เป็นบุญที่แท้ไม่ได้

การทำบุญด้วยหวังผลดลบันดาล คือ ให้ร่ำรวย มีชื่อเสียง หรือว่ามีหน้ามีตา มียศศักดิ์ มีอำนาจ อันนั้นเป็นบุญแบบบัตรสะสมโชค ไม่ใช่บุญที่แท้จริงในทางพุทธศาสนา บุญในทางพุทธศาสนาจะต้องก่อให้เกิดผล ๒ อย่าง ประการหนึ่ง คือ มีผลต่อจิตใจ คือทำใจให้สงบ ทำใจให้เป็นสุข และขณะเดียวกันก็ทำใจให้สะอาด ถ้าเราทำบุญด้วยความโลภ อยากได้ผลตอบแทน หรือทำบุญเหมือนสะสมโชค อันนั้นจะได้บุญน้อย

ประการที่ ๒ บุญที่แท้จะต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย ถ้าทำบุญแล้ว คนอื่นไม่ได้ประโยชน์ หรืออานิสงส์ไม่เกิด ไม่แผ่ไปถึงผู้อื่น อันนั้นก็เป็นบุญไม่ได้ เช่น มีความเข้าใจว่า ทำบุญด้วยการไปเช่าวัตถุมงคลแล้ว ก็สามารถไปดูดทรัพย์จากคนอื่นได้ การไปดูดทรัพย์อย่างนี้เป็นการไปเบียดเบียนผู้อื่น จะเรียกเป็นบุญที่แท้ในทางพุทธศาสนาไม่ได้

ขอให้พิจารณาเวลาทำบุญว่า ถ้าทำแล้วไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น แล้วไม่ก่อให้เกิดความสงบใจ หรือช่วยลด ช่วยละกิเลสในจิตใจของเราแล้ว ก็ให้เข้าใจว่านั่นไม่ใช่บุญ

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2017, 07:32:16 pm
(http://upic.me/i/gi/16427636_1703703672990276_8012772167170624772_n.png) (http://upic.me/show/60300973)



ปุจฉา - ผมกำลังรู้สึกว่าแม่ผมกำลัง "เมาบุญ"แม่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง บอกว่าจะเอาไปทำบุญกฐิน แต่ฐานะเราก็ไม่ได้ร่ำรวยพอที่จะทำได้ขนาดนั้นเป็นเงินที่ไม่เยอะไม่น้อย ๓๐๐๐ บาท ก่อนหน้านั้นแม่ขอหมื่นนึงแต่ผมไปว่าใจเย็นๆแม่จะเอาไปทำอะไรเยอะขนาดนั้น แม่บอกว่าจะเอาไปทำบุญกฐินหายายที่เสียไปอะครับ แกบอกว่ายายจะได้ขึ้นสวรรค์

ผมบอกกับแม่ไปว่าบุญมันทำได้หลายวิธีนะแม่ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงินอย่างเดียวและมันก็อยู่ที่เจตนาเราด้วยว่าเจตนาเราคืออะไร จำนวนเงินกับบุญมันต่างกันที่เจตนาด้วย แม่ผมมักจะชอบคิดว่าการทำบุญโดยที่ให้จำนวนเยอะๆจะได้บุญเยอะด้วย ผมไม่ได้ห้ามแม่ทำบุญนะครับแต่ผมอยากให้แม่ผมรู้และเข้าใจว่าบุญมันได้หลายทางนอกจากเรื่องทานแล้ว มันมีอีกตั้งหลายวิธี โปรด พระอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ ซึ่งผมเป็นกำลังหลัก(คนเดียว) ต้องหาเงินส่งทางและกลัวว่าแม่จะไปกันใหญ่ในเรื่องการทำบุญ ผมควรจะมีวิธีบอกกับแม่อย่างไรดีครับ


พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว บุญทำได้หลายวิธี ทานเป็นแค่ ๑ ใน ๑๐ วิธีที่พุทธศาสนาสรรเสริญ วิธีอื่นได้แก่ การรักษาศีล การทำสมาธิภาวนา การฟังธรรม การขวนขวายช่วยเหลือ การทำความเห็นให้ตรง เป็นต้น อย่างไรก็ตามคนจำนวนมากชอบทำบุญด้วยการให้ทาน เพราะเป็นรูปธรรม เห็นผลชัดเจน อีกทั้งถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กจนโต ดังนั้นเป็นธรรมดาที่คุณแม่ของคุณอยากทำบุญด้วยการให้ทาน หากไม่ได้ทำก็จะรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนว่าไม่ได้ตอบแทนบุพการีเท่าที่ควร

ในเมื่อคุณแม่อยากทำบุญด้วยการให้ทาน คุณควรแนะนำท่านว่า การให้ทานที่มีอานิสงส์มาก คือการให้ทานอย่างสัตบุรุษ (สัปปุริสทาน) ซึ่งมีองค์ประกอบ ๘ ประการคือ ให้ของสะอาด ให้ของประณีต ให้ของถูกเวลา ให้ของที่เหมาะสมกับผู้รับ ให้ด้วยวิจารณญาณ ให้เนืองนิตย์ เมื่อให้ทำจิตผ่องใส ให้แล้ว เบิกบานใจ

เห็นได้ว่าอานิสงส์ของทานนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินหรือของราคาแพง แม้เป็นเงินจำนวนน้อย หรือของราคาไม่แพง ก็มีอานิสงส์มาก หากเป็นของสะอาด ของประณีต ของถูกเวลา และของที่เหมาะสมกับผู้รับ ที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษคือ ๒ ข้อหลัง คือ เมื่อให้ จิตผ่องใส ให้แล้ว เบิกบานใจ ชี้ให้เห็นว่า อานิสงส์ของบุญนั้นอยู่ที่คุณภาพของใจเป็นสำคัญ หากถวายเงินจำนวนมาก แต่จิตใจเศร้าหมอง วิตกกังวล ย่อมได้บุญน้อยกว่าคนที่ถวายเงินไม่มาก แต่จิตผ่องใสเบิกบานเพราะให้ด้วยศรัทธา


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2017, 07:39:44 pm
(http://upic.me/i/tf/16508220_656862707854404_5645862240241135680_n.jpg) (http://upic.me/show/60301023)


วางใจยังไงไม่ให้ทุกข์ เวลาช่วยชี้แนะคนอื่นแล้วไม่สำเร็จ?


ปุจฉา - กราบนมัสการพระคุณเจ้า กราบเรียนสอบถามถึงการพิจารณา เพื่อการวางใจให้เป็นกลางๆ ในกรณีที่เราเกิดความรู้สึกอยากให้คนใกล้ชิด หรือ คนรอบข้างทั่วๆไป ที่อยู่ร่วมกันในสังคมมีสัมมาทิฐิ เพราะเมื่อได้พบเห็น หรือได้ยิน การกระทำต่างๆ ของบุคคลเหล่านี้ แล้วเกิดความสงสารว่าทำไมพวกเขาจึงเข้าใจหรือหลงว่าการกระทำต่างๆนั้นว่าดี

ผมเข้าใจตรงข้อที่ว่าเราไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงบุคคลต่างๆให้เป็นไปตามความอยากของเราได้ เพราะทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่บางครั้งก็อยากเอาตัวเองเข้าไปเป็นปัจจัย (ทำไประดับหนึ่งแล้ว) ความอยากนี้ก่อให้เกิดอาการครุ่นคิดในใจในบางครั้งครับ เลยถือโอกาสนี้กราบเรียนสอบถามพระคุณเจ้าให้ช่วยชี้แนะเรื่องการวางใจในเรื่องนี้

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - การแนะนำให้คนรอบข้างมีสัมมาทิฏฐิ เป็นหน้าที่หรือคุณธรรมของกัลยาณมิตร แต่เขาจะเปลี่ยนความคิดหรือไม่ อยู่ที่ตัวเขาเอง กัลยาณมิตรเป็นแค่ปัจจัยภายนอก ซึ่งแม้สำคัญแต่ก็ไม่เท่ากับปัจจัยภายใน (คือมุมมอง วิธีคิด หรือทัศนคติของเขา) ด้วยเหตุนี้เมื่อคุณทำกิจในฐานะกัลยาณมิตรแล้ว ก็อย่าลืมทำจิตด้วย คือ ไม่ยึดติดถือมั่นในความสำเร็จ พูดอีกอย่างคือ วางความอยากให้สำเร็จลงเสีย หากวางใจเช่นนี้ แม้ไม่สำเร็จก็ไม่ทุกข์ และไม่ได้โกรธเกลียดเขาที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความคิด ยังมีความปรารถนาดีต่อเขาดังเดิม

การทำความดีนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องระวังใจของเราด้วย อย่าคาดหวังว่าเขาจะต้องดีในแบบของเรา หรือดีตามความคิดของเรา หากคิดเช่นนั้น ก็แสดงว่า เราไม่ได้ทำเพื่อเขา แต่กำลังทำเพื่อสนอง “ตัวกู ของกู” หรือเอา “ตัวกู ของกู” เป็นศูนย์กลาง


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2017, 07:45:09 pm
(http://upic.me/i/zp/16487875_657370587803616_1886223138368637111_o.jpg) (http://upic.me/show/60301094)


* สร้างพื้นที่สงบเย็นให้จิตใจ *


“ถ้าเราหมั่นดูใจของเรา มีสติ เราก็จะเห็นว่าที่จริงแล้วที่เราทุกข์ ที่เราโกรธ เป็นเพราะใจเราไปรับคำชวนของคนรอบตัว เพราะฉะนั้นจะโทษผู้อื่นฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องโทษตัวเองด้วยที่ไปรับคำชวนนั้น เขาไม่ได้บังคับให้เราโกรธ แต่เป็นเพราะเราไปรับคำชวน เราก็เลยโกรธ เป็นทุกข์ ร้อนรุ่มกลุ้มใจ แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่สงบสงัดแต่ใจก็ยังไม่สงบ แต่ถ้าเรามีสติ เรารู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่วุ่นวาย อึกทึกคึกโครม ใจก็ยังสงบได้”


-----------------------------------------------------------------------
เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต



 :) ดาวน์โหลด  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560  (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2017, 07:51:58 pm
(http://upic.me/i/pm/16602731_657649721109036_7545452981002834262_n.jpg) (http://upic.me/show/60301180)


* เรียนธรรมจากทุกข์ *

“เราสามารถมีจิตใจปกติ มั่นคง ไม่หวั่นไหวไปในยามที่มีสิ่งกระทบ มีเหตุร้ายมากระหน่ำย่ำยีอย่างไรก็ใจไม่ทุกข์ ถึงแม้ว่าจะเสียทรัพย์ หรือถึงแม้กายจะเจ็บป่วย แต่ว่าไม่กระเทือนไปถึงใจ เพราะว่าจิตใจมีธรรมะเป็นเครื่องรักษา การปฏิบัติธรรมนั้นทำให้เราสามารถอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุขในทางจิตใจ ถึงแม้ว่าชีวิตจะไม่ราบรื่น อาจมีความวุ่นวายหรือไม่สมหวังเกิดขึ้นก็ตาม”


----------------------------------------------------------------------------
เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต


 :) ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:07:06 am
(http://upic.me/i/jh/16681962_657929891081019_1422970055438205162_n.jpg) (http://upic.me/show/60342937)


ทำใจในวัยขาลง

เสียงธรรมจากพระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต


ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้ค่ะ

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:10:04 am
(http://upic.me/i/ta/16711595_658149364392405_8012770469777531797_n.jpg) (http://upic.me/show/60342941)


สงบได้เพราะใจยอมรับ


ถ้าเราฝึกใจให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

ยอมรับได้ใจก็สงบ ข้างนอกมัน

จะวุ่นวายอย่างไง ใจก็เห็นว่ามัน

เป็นธรรมดา ความล้มเหลวก็เป็นธรรมดา

อุปสรรคก็เป็นธรรมดา คนพูดจาไม่น่ารัก

ก็ธรรมดา เจ็บป่วยก็ธรรมดา

พอเห็นเป็นธรรมดา ใจก็ไม่ผลักไส

ไม่โวยวายไม่บ่น ไม่โอดครวญ

และนั่นแหละความสงบก็จะเกิดขึ้น

ได้กับใจของเรา อันนี้เป็นความสุข

ที่เราสามารถจะพบได้ ไม่ใช่ที่ไหน

เราพบได้ที่ใจของเรา เพียงแค่เรา

รู้จักการยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น

พระไพศาล วิสาโล

----------------------------------------------------------------------------   

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:17:40 am
(http://upic.me/i/vn/16684346_658451301028878_2561179337015530913_n.jpg) (http://upic.me/show/60342943)


คำสอนเพื่อชีวิตที่ดีงามและเป็นสุข

วันมาฆบูชาเตือนใจให้ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพุทธศาสนาเมื่อ ๒,๖๐๔ ปีที่แล้ว นั่นคือ จาตุรงคสันนิบาต หรือการประชุมที่ประกอบด้วยองค์ ๔ คือ ๑)เป็นวันเพ็ญเดือนสาม ๒)พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูปมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ๓)พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา ๖ ๔)พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็นเอหิภิกขุ คือ ภิกษุที่ได้รับการบวชโดยตรงจากพระพุทธเจ้า

แม้เหตุการณ์ดังกล่าวได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าในวันนั้น คือโอวาทปาฏิโมกข์ ยังใหม่เสมอ เหมาะกับยุคปัจจุบัน เพราะชี้แนะหนทางสู่ชีวิตที่ดีงามและเป็นสุข คือ นอกจากไม่ทำบาป และทำกุศลให้ถึงพร้อมแล้ว ที่ขาดไม่ได้คือ การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ พูดง่าย ๆ คือ ละชั่ว ทำดี ยังไม่พอ ต้องฝึกจิตให้กิเลสเบาบาง หาไม่ก็จะยังเศร้าโศกคับแค้นใจเมื่อพลัดพรากสูญเสีย เจ็บป่วย ถูกต่อว่าด่าทอ หรืออิจฉาริษยาเมื่อเห็นคนอื่นร่ำรวย มีหน้ามีตากว่าตน รวมทั้งน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อตนไม่ได้รับการยกย่องชื่นชมทั้ง ๆ ที่ทำดี ต่อเมื่อฝึกจิตไว้ดี อะไรเกิดขึ้นก็ไม่ทำให้ใจเป็นทุกข์ได้

พระไพศาล วิสาโล


----------------------------------------------------------------------------   

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:21:15 am
(http://upic.me/i/8d/16602895_1731294523847569_5143746575329567679_n.jpg) (http://upic.me/show/60342944)


ไม่เป็นอะไรกับอะไร

ตำแหน่งหน้าที่หรือยศถาบรรดาศักดิ์อันสูงส่ง ให้ความสุขแก่เราก็จริง แต่มันก็สามารถสร้างความทุกข์ให้แก่เราได้ไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเรายึดติดหวงแหนมัน เช่นเดียวกับหัวโขน มันเป็นสิ่งสมมติและเป็นของชั่วคราว ยิ่งยึดติดถือมั่นในมัน เราก็ยิ่งเป็นทุกข์เมื่อต้องสูญเสียมันไป เมื่อใดที่พอใจในความเป็นตัวเราโดยไม่แคร์หัวโขนใด ๆ เมื่อนั้นจึงจะเป็นสุขอย่างแท้จริง

พระไพศาล วิสาโล


----------------------------------------------------------------------------   

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:26:43 am
(http://upic.me/i/hc/16730505_660072874200054_9092844440158040061_n.jpg) (http://upic.me/show/60342946)


คุณธรรมในจิตใจ

“มโนธรรมทำให้เราได้สัมผัสกับความสุขทางจิตใจ เป็นความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพิงทรัพย์ ยศ อำนาจ แต่สุขเพราะได้ทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น หรือเห็นผู้อื่นมีความสุข ตรงข้ามกับความเห็นแก่ตัว ซึ่งแม้จะเป็นแรงผลักดันให้ผู้คนแสวงหาทรัพย์สมบัติและอำนาจ แต่แม้จะครอบครองสิ่งเหล่านั้นมากมายเพียงใด ใช่หรือไม่ว่าเขาเหล่านั้นก็ยังเป็นทุกข์ รู้สึกชีวิตไม่มีความหมาย เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์ หรือสร้างสรรค์สิ่งดีงามแก่ส่วนรวม”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)



หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:35:33 am
(http://upic.me/i/ga/16708397_1713569712003672_2782665163477256848_n.jpg) (http://upic.me/show/60342950)


หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเคยกล่าวว่า “ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา” คำพูดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) สงสัยว่าหลวงปู่มั่นเรียนปริยัติธรรมน้อย เอาแต่อยู่ป่า แต่ทำไมจึงรู้ธรรมได้ลึกซึ้ง

สมเด็จองค์นี้สมัยที่ท่านเป็นเจ้าคณะมณฑลอุบลราชธานี ท่านเห็นว่าปริยัติธรรมเป็นเรื่องสำคัญที่พระต้องเรียน ตัวท่านเองก็เรียนถึงประโยค ๕ ตอนนั้นท่านไม่ชอบพระป่าเอามาก ๆ โดยเฉพาะพระป่าสายหลวงปู่มั่น หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม เพราะพระเหล่านี้ไม่ยอมเรียนหนังสือ และไม่อยู่วัดเป็นหลักเป็นแหล่ง ธุดงค์จาริกในป่าเป็นอาจิณ คราวหนึ่งหลวงปู่สิงห์กับคณะธุดงค์มาถึงอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าคณะมณฑลจึงสั่งเจ้าคณะอำเภอ ให้บอกชาวบ้านว่า ขับไล่คณะพระธุดงค์กลุ่มนี้ออกไปจากอำเภอ แต่ชาวบ้านไม่ทำ

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์แต่เดิมท่านไม่เห็นว่าการทำสมาธิภาวนามีประโยชน์อะไร กระทั่งวันหนึ่งท่านล้มป่วย รักษาเท่าไรก็ไม่หาย ต่อมาพระอาจารย์ลี ธัมมธโร และพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ช่วยรักษาท่านให้หายจากโรค โดยใช้สมาธิภาวนาและสมุนไพร ปรากฏว่าท่านหายอย่างอัศจรรย์ จึงแปลกใจและประทับใจมาก ท่านถึงกับกล่าวว่า

“ตลอดชีวิตของเรา เราไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า สมาธิภาวนาจะมีประโยชน์ถึงเพียงนี้"

น่าคิดนะ สมเด็จพระมหาวีรวงค์ เป็นพระผู้ใหญ่ มีความรู้สูงด้านปริยัติธรรม แต่ไม่เคยเชื่อเลยว่า สมาธิภาวนาจะมีคุณค่ามาก เมื่อเห็นประโยชน์ของสมาธิภาวนาด้วยตนเอง ท่านจึงเริ่มทำสมาธิภาวนา และมีศรัทธาในหลวงปู่มั่น ต่อมาเมื่อได้เจอหลวงปู่มั่น ท่านจึงถามว่าหลวงปู่มั่นว่า ในเมื่อหลวงปู่มั่นไม่ได้เรียนหนังสือมามาก ทำไมจึงสอนธรรมะได้ลึกซึ้ง

หลวงปู่มั่นจึงตอบพูดว่า
“ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา”

เราสามารถเห็นธรรมได้จากทุกสิ่ง เมื่อเราเปิดใจรับรู้ทุกสิ่งอย่างมีโยนิโสมนสิการ ถ้าเราครองตนด้วยสติ ก็จะเห็นกายและใจตามที่เป็นจริง และเมื่อเรามองโลก เราก็จะเกิดปัญญาเห็นธรรม

เราจะเห็นกายและใจตามจริงได้อย่างไร ก็เริ่มจากการปฏิบัติ ซึ่งมีหลายวิธี หลักใหญ่ ๆ คือ เจริญสติปัฏฐาน 4 ได้แก่

กายานุปัสสนา คือ เห็นกายในกาย
เวทนานุปัสสนา คือ เห็นเวทนาในเวทนา
จิตตานุปัสสนา คือ เห็นจิตในจิต
ธัมมานุปัสสนา คือ เห็นธรรมในธรรม

อธิบายสั้น ๆ คือ เห็นกายว่าเป็นกาย ไม่ใช่เห็นกายว่าเป็นเรา เวลาเราเดิน หากเดินอย่างมีสติจะเห็นว่ากายเดิน ไม่ใช่ “ฉัน” เดินเวทนาเกิด ก็เห็นเป็นเวทนา ไม่ใช่เห็นว่าฉันปวด คนเราเวลาปวดก็จะรู้สึกว่าฉันปวด ๆ แต่ที่จริงเมื่อเจริญสติก็จะเห็นว่า การปวดเป็นอาการปวด ไม่ใช่ฉันปวด เวลาโกรธก็เห็นว่ามีความโกรธเกิดขึ้น ไม่ใช่ฉันโกรธ

ปฏิบัติธรรมไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเห็นสีหรือแสงข้างนอก ถ้าเป็นการภาวนาที่แท้จริงเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ วิธีการก็คือเห็นกายและใจตามที่เป็นจริง ด้วยการเจริญสติ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดปัญญา ถ้าเราเกี่ยวข้องกับโลกภายนอก ตาดู หูฟัง เมื่อเกิดโยนิโสมนสิการ ก็เกิดปัญญา

การปฏิบัติธรรมนั้นสามารถทำได้หลายวิธี มีรูปแบบการปฏิบัติ เช่น ตามลมหายใจ เดินจงกรม ยกมือเคลื่อนไหว ดูท้องพองยุบ หรือไม่มีรูปแบบก็ได้ เป็นการปฏิบัติที่กลืนกับชีวิตประจำวัน เป็นการเกี่ยวข้องโลกภายนอกอย่างมีสติ มีปัญญา ทั้งสองวิธีล้วนมีความสำคัญ บางคนไปเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมหมายถึงการเดินจงกรม นั่งสมาธิ ตามลมหายใจ เท่านั้น ทำอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรม อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด

หลวงพ่อชาเล่าว่า ท่านเคยไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่กินรี หลวงพ่อชาตั้งใจปฏิบัติมาก เดินจงกรม และนั่งสมาธิทั้งวัน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า หลวงปู่กินรีวัน ๆ ไม่ค่อยเดินจงกรม ไม่ค่อยนั่งสมาธิเลย ทำโน่นทำนี่ เกือบตลอดเวลา แล้วท่านจะเห็นอะไร แต่หลังจากที่ได้อยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่นาน ๆ และได้ฟังธรรมอันลุ่มลึกจากท่าน หลวงพ่อชาก็รู้ว่าเป็นความเขลาของท่านเองที่คิดเช่นนั้น ท่านพูดถึงบทเรียนที่ท่านได้จากประสบการณ์ครั้งนั้นว่า

“เรามันคิดผิด หลวงปู่ท่านรู้อะไร ๆ มากกว่าเราเสียอีก คำเตือนของท่านสั้น ๆ และไม่ค่อยมีให้ฟังบ่อยนัก เป็นสิ่งที่ลุ่มลึก แฝงไว้ด้วยปัญญาอันแยบคาย ความคิดของครูบาอาจารย์กว้างไกลเกินปัญญาเราเป็นไหน ๆ ตัวแท้ของการปฏิบัติคือความพากเพียร กำจัดอาสวกิเลสภายในใจ ไม่ใช่ถือเอากิริยาอาการภายนอกของครูบาอาจารย์เป็นเกณฑ์”

ท่านมาได้ตระหนักชัดอีกครั้งว่า การปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้อยู่ที่รูปแบบ แต่อยู่ที่การวางใจให้ถูกต้อง ไม่ว่าทำอะไร ก็สามารถเป็นการภาวนาได้

คราวหนึ่งท่านนั่งปะชุนจีวรที่ขาดวิ่น ใจนั้นนึกถึงการภาวนาอยู่ตลอดเวลา อยากรีบปะชุนให้เสร็จเร็ว ๆ เพื่อจะได้ไปภาวนาต่อ ขณะนั้นเองหลวงปู่กินรีเดินผ่านมา สังเกตเห็นอาการของพระหนุ่ม จึงพูดขึ้นมาว่า

“ท่านชา จะรีบร้อนไปทำไมเล่า”
“ผมอยากให้เสร็จเร็ว ๆ ครับหลวงปู่”
“เสร็จแล้วท่านจะทำอะไรล่ะ”
“จะไปทำอันนั้นอีก”
“ถ้าเสร็จอันนั้นแล้ว ท่านจะทำอะไรอีกล่ะ”
“ผมก็จะทำอย่างอื่นอีก”
“เมื่อทำอย่างอื่นเสร็จแล้ว ท่านจะไปทำอะไรอีกเล่า”

เมื่อเห็นว่าใจของหลวงพ่อชาไม่ได้อยู่กับงานที่กำลังทำ แต่คิดถึงงานชิ้นอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหน้า และรีบร้อนจะทำให้เสร็จไว ๆ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไปภาวนาต่อ หลวงปู่กินรีจึงเตือนว่า

“ท่านชา ท่านรู้ไหม นั่งเย็บผ้าผืนนี้ก็ภาวนาได้ ท่านดูจิตตัวเองสิว่าเป็นอย่างไร แล้วก็แก้ไขมัน ท่านจะรีบร้อนไปทำไมเล่า ทำอย่างนี้เสียหายหมด ความอยากมันเกิดขึ้นท่วมหัว ท่านยังไม่รู้เรื่องของตนอีก”

คำพูดของหลวงปู่กินรีกระตุกใจของหลวงพ่อชาอย่างแรง ทำให้ท่านได้สติ และเกิดความเข้าใจชัดเจนว่า ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร ก็ภาวนาได้ทั้งนั้น ขอให้หมั่นดูใจของตนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม นี้เป็นบทเรียนที่ประทับใจท่านมาก และถือเป็นหลักปฏิบัติของท่านตลอดมา

เมื่อท่านไปตั้งสำนักปฏิบัติธรรมที่หนองป่าพง จึงทำให้มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง และมีเรื่องเล่าว่า ตอนนั้นหลวงพ่อชาอายุมากแล้ว มีเด็กหนุ่มมาถามท่านว่า

“ทำไมพระจึงไม่นั่งสมาธิ”

พอหลวงพ่อชาได้ฟังน้ำเสียงแล้วรู้ว่า ไม่ได้ถามเพราะต้องการคำตอบที่แท้จริง ท่านจึงตอบว่า

“นั่งอย่างเดียวมันถ่ายไม่ออกว่ะ จะนั่งอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันต้องปฏิบัติกับการทำงานด้วย” และท่านก็บอกว่า

“การปฏิบัติธรรมมันต้องมาดูกายและใจ”

ไม่ว่าทำอะไร ต้องให้รู้ทันกายและใจ ทำงานก่อสร้างก็เป็นการปฏิบัติธรรมได้ อันนี้สำคัญมาก เดี๋ยวนี้นักปฏิบัติธรรมจำนวนมากคิดอย่างเดียวว่า เวลาปฏิบัติธรรมจะต้องเข้าวัด จะต้องหลบลี้หนี้หน้าผู้คน โดยไม่คิดว่า การอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติธรรมได้

อยู่บนท้องถนน รถติดก็กำหนดลมหายใจไปด้วย หรือเวลาเจอไฟแดง หงุดหงิดขึ้นมาก็ปฏิบัติธรรมได้ ถามว่าเวลารถติดทำไมถึงหงุดหงิด นั่นก็เพราะใจมันไปอยู่ที่จุดหมายปลายทางแล้ว ใจมันอยู่ข้างหน้าแล้ว ใจไม่อยู่กับปัจจุบัน จึงกลัวไปไม่ทัน กลัวไม่ทันประชุม เป็นต้น ดังนั้นให้พาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน จะตามลมหายใจด้วยก็ได้

การปฏิบัติธรรมก็คือ ติดไฟแดงทำอย่างไรจะไม่หงุดหงิด ทำอย่างไรเวลาถูกต่อว่าจะไม่หงุดหงิด เวลาเสียเงินจะไม่โมโห เวลาเงินหายก็หายแต่เงิน แต่ใจไม่หาย ถ้าทำได้อย่างนี้ก็เรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้ว


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:41:11 am
(http://upic.me/i/hj/16711636_1715684731792170_8607527288919622826_n.jpg) (http://upic.me/show/60342956)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:43:48 am
(http://upic.me/i/98/16711743_1716163151744328_582334963444820299_n.jpg) (http://upic.me/show/60342957)


รักที่แท้ในพุทธศาสนา

คือ เมตตา กรุณา หมายถึงการปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี มีความสุข และอยากให้เขาพ้นทุกข์ ทั้งหมดนี้อยู่ที่การเอาผู้อื่นเป็นตัวตั้ง แต่ความรักอีกแบบหนึ่งที่พุทธศาสนาไม่ส่งเสริม เรียกว่า "สิเนหา" หรือที่เราเรียก "เสน่หา" เพราะมันเป็นความรักที่เอาตัวกูหรืออัตตาเป็นตัวตั้ง...

การรักคนอื่นในทางพุทธศาสนานั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆ คือ การคลายความยึดติดถือมั่นในตัวตน ส่งผลให้ความเห็นแก่ตัวลดลง จิตใจจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ใจที่มีเมตตากรุณานั้นทำให้สามารถรักคนอื่นได้โดยบริสุทธิ์ใจ ปราศจากความอยากครอบครองหรือเอามาสนองตัวตน เรียกว่าเป็นจิตที่ไร้เขตแดน

อาตมาคิดว่าความรักแบบนี้ต่างจากความรักของฆราวาสหรือของปุถุชนทั่วไป เพราะรักของฆราวาสนั้นเป็นความรักที่ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเป็นของเรา เช่น ถ้าแต่งงานกับใคร คนนั้นก็ต้องเป็นของฉันทั้งๆ ที่เขาไม่มีทางเป็นของเราได้

ความรักแบบที่มี “ตัวกูของกูเป็นศูนย์กลาง” เป็นความรู้สึกที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า “สิเนหะ” หรือ เสน่หา ไม่ใช่ความเมตตาหรือกรุณา การได้มาศึกษาและบวชในพุทธศาสนา ทำให้อาตมาเรียนรู้เรื่องนี้ ได้เห็นความแตกต่างระหว่างความรักทั้ง 2 อย่างนี้

แต่การที่ปุถุชนจะมีความรู้สึกผูกพัน หรือมีความยึดมั่นในตัวกูของกู ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นสิเนหะที่มีเฉพาะกับเพศตรงข้าม หรือสิเนหะของแม่ที่มีต่อลูก ล้วนเป็นความรักที่มาพร้อมกับความคาดหวังที่ยึดโยงกับตัวตนทั้งสิ้น เช่นคาดหวังว่าลูกจะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ หรือว่าลูกจะต้องเรียนเก่ง เรียนในคณะที่แม่ชอบ ปุถุชนมักมีความรู้สึกแบบนี้ เพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้ความรักของเรา เป็นความรักที่ขยายวงกว้าง หมายถึงไม่ว่าเราจะรักเพื่อน หรือว่ารักพ่อแม่ก็ตาม ก็ขอให้เป็นความรักที่ไม่ใช่เพื่อปรนเปรอตัวเอง แต่เป็นรักด้วยความเมตตากรุณา มีความปรารถนาดีต่อเขา โดยไม่ได้มุ่งประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:49:16 am
(http://upic.me/i/e0/16730119_1715955711765072_5913181996409499770_n.png) (http://upic.me/show/60342965)

ปุจฉา - นมัสการหลวงพ่อคะ วันนี้เพื่อนต่างชาติถามว่า ทำไมศาสนาเราไม่มีพระเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าท่านอธิบายเรื่อง การสร้างโลกอย่างไร ดิฉันตอบเพื่อนไปคร่าวๆว่า มีการอธิบายไว้เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่แก่นที่ทำให้พ้นทุกข์ เราจึงไม่เอามาใส่ใจมากนัก เราเน้นปฏิบัติทำสมาธิ และให้พ้นทุกข์มากกว่า ไม่ทราบว่า ตอบแบบนี้ถูกต้องหรือไม่คะ แล้วจะอธิบายเรื่องพระเจ้า กับการสร้างโลกให้เค้าฟังอย่างไรดีคะหลวงพ่อ

อีกคำถามหนึ่งเกี่ยวเนื่องกับคำถามที่ดิฉันเคยถามไปแล้ว เรื่องการเกิด เพื่อนถามว่า ถ้าการเกิดนั้นใหม่เสมอ ไม่มีอะไรเป็นของเรา ทำไมดาไล ลามะ ถึงกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ แล้วจำสิ่งต่างๆ ในชาติก่อนได้ แล้วถ้าหากบอกว่า พระพุทธเจ้าไม่เกิดใหม่ในโลกมนุษย์นี้แล้ว ท่านไปเกิดใหม่ที่ไหนคะ
รบกวนหลวงพ่อช่วยตอบคำถามด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - พุทธศาสนาไม่เชื่อว่ามีใครหรือบุคคลใดเป็นผู้สร้างโลก แต่เห็นว่าโลกนี้เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ มากมาย ซึ่งวิทยาศาสตร์ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดลออ แม้วันหน้าอาจมีการค้นพบหลักฐานมากมายที่ทำให้อรรถาธิบายดังกล่าวแปรเปลี่ยนไป แต่ก็หนีไม่พ้นกรอบความจริงที่ว่าโลกนี้เกิดจากกระบวนการแห่งเหตุปัจจัยที่สลับซับซ้อน อย่างไรก็ตามพุทธศาสนาไม่เห็นความสำคัญของการอธิบายเรื่องนี้ เพราะถึงรู้ก็ไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์ อีกทั้งเป็นเรื่องอจินไตย หาข้อยุติได้ยาก

พุทธศาสนาไม่เชื่อว่ามีวิญญาณอมตะ ที่ไปเกิดในร่างกายใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะวิญญาณนั้นไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนเป็นนิจ ดังนั้นจึงไม่มีใครที่เกิดใหม่ (กล่าวอย่างถึงที่สุด หรือพูดในแง่ปรมัตถธรรม ไม่มีแม้กระทั่ง “ใคร”ที่เกิดหรือตายด้วยซ้ำ) การพูดว่าทะไลลามะไปเกิดใหม่นั้นเป็นการพูดอย่างชาวบ้านหรือพูดให้เข้าใจง่าย ทะไลลามะองค์ที่ ๑๔ หรือองค์ปัจจุบัน เป็นคนละองค์กับทะไลลามะองค์ที่ ๑๓ แต่อาจมีความเกี่ยวเนื่องกัน กล่าวคือ จิตของพระองค์อาจมีคุณสมบัติบางอย่างที่สืบทอดจากจิตของทะไลลามะองค์ที่ ๑๓ รวมทั้งความจำได้หมายรู้ในบางเรื่อง (เปรียบเหมือนกับยีนของลูกที่สืบทอดคุณสมบัติบางอย่างจากยีนของพ่อและแม่)

สำหรับพระพุทธเจ้านั้น เนื่องจากพระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรจนหมดกิเลสสิ้นกรรมแล้ว จึงไม่มีเหตุปัจจัยให้ไปเกิดอีก เหมือนกับไฟที่หมดเชื้อ ย่อมมอดดับลง หากถามว่าไฟดับแล้ว หายไปไหน คุณคงตอบไม่ได้ และอดคิดไม่ได้ว่าเป็นคำถามที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นหากถามว่าพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วไปเกิดที่ไหน อาตมาก็ตอบอย่างเดียวกัน




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2017, 06:51:53 am
(http://upic.me/i/bl/16730196_1719259011434742_8437989727101388697_n.jpg) (http://upic.me/show/60342967)




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 01, 2017, 10:23:16 am
(http://upic.me/i/yr/16832115_1725297287497581_1539090838604580551_n1.jpg) (http://upic.me/show/60405849)


 
 
"เพียงคำว่า...แค่"


ชายผู้หนึ่งมาหาหมอด้วยอาการอ่อนเพลียต่อเนื่องมานานหลายเดือน รูปร่างผอมซีดเพราะน้ำหนักตัวลดลงอย่างฮวบฮาบ หมอซักถามอาการได้สักพักก็สั่งเจาะเลือด

เมื่อผลตรวจเลือดมาถึง หมอก็แจ้งแก่คนไข้ว่า เขาเป็นเบาหวาน ทันทีที่รู้ผล เขายิ้มหน้าบานจนเกือบจะลิงโลดด้วยซ้ำ หมอแปลกใจจึงถามเขาว่า

“ทำไมลุงถึงดีใจล่ะครับ เป็นเบาหวานต้องกินยาตลอดชีวิตนะครับ”
“ทีแรกผมนึกว่าจะเป็นเอดส์ แต่พอรู้ว่าเป็นแค่เบาหวาน ก็เลยดีใจมาก”

เบาหวานเป็นโรคร้าย ใครเป็นก็ถือว่าโชคร้าย แต่ชายผู้นี้กลับดีใจที่เป็นเพราะเขาคิดว่าจะต้องเจอหนักกว่านั้น

สุขหรือทุกข์จึงไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเจออะไร แต่ขึ้นอยู่กับความคาดหวังของเรา ได้รางวัลเป็นเงินแสนแต่คาดหวังเงินล้าน ก็ย่อมเป็นทุกข์ ในทางตรงข้ามแม้เป็นเบาหวานแต่ใจคาดว่าจะเป็นเอดส์ ก็กลับทำให้ยิ้มได้

โรคร้ายกลายเป็นเบาเมื่อเทียบกับโรคที่ร้ายกว่า เด็กหญิงผู้หนึ่งเป็นมะเร็งสมอง ผมร่วงทั้งศีรษะเพราะผ่านการฉายแสง แต่เธอมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จนคนมาเยี่ยมแปลกใจ คุยกันได้สักพักเธอก็บอกว่า เธอโชคดีที่ไม่ได้เป็นมะเร็งปากมดลูก ญาติของเธอคนหนึ่งเป็นมะเร็งชนิดนั้น เจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก เธอจึงรู้สึกว่าโชคดีที่เป็นแค่มะเร็งสมอง

คนเราจะสุขหรือทุกข์อยู่ที่มุมมองเป็นสำคัญ มุมมอง(รวมทั้งความคาดหวัง)เป็นตัวสำคัญที่บ่งชี้หรือตีค่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ดีหรือร้าย เบาหรือหนัก น้อยหรือมาก

เพียงคำว่า "แค่"คำเดียวก็ทำให้ปัญหาต่าง ๆ ดูเบาลงไปและบรรเทาความทุกข์ของเราไปได้เยอะ แต่บ่อยครั้งเรามักลืมคำ ๆ นี้ไปในยามที่ประสบเหตุร้ายหรือสิ่งที่ไม่สมหวัง แต่กลับนึกถึงคำ ๆ นี้เวลาประสบโชคหรือได้รับสิ่งที่น่าพอใจ เช่น

"เขาชมฉันแค่นี้เอง"
"ฉันได้โบนัสแค่ ๔ แสนเท่านั้น"
"ฉันได้เป็นแค่ผู้จัดการฝ่าย" ผลที่ตามมาคือความทุกข์เกาะกินใจ

ชายผู้หนึ่งได้ทราบว่ามิตรอาวุโสขายหุ้นได้กำไร ๑๐ ล้านบาทเมื่อ ๒-๓ วันก่อน เขาจึงแสดงความยินดีกับเธอด้วย แต่คุณป้าผู้นั้นกลับตอบว่า "ยินดีอะไรกันล่ะ ถ้าฉันขายหุ้นวันนี้ ฉันก็ได้กำไรแล้ว ๒๐ ล้าน" วันรุ่งขึ้นคุณป้าผู้นี้ไม่มาตลาดหุ้นเหมือนเคย ชายผู้นี้จึงไปสอบถามโบรคเกอร์ซึ่งคุ้นเคยกับเธอ ก็ได้ความว่าเธอเข้าโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อเช้า สาเหตุก็เพราะเธอเครียดมาก

คุณป้าเครียดก็เพราะเป็นทุกข์ที่ได้กำไร "แค่" ๑๐ ล้านบาทเท่านั้น จะว่าไปเงินก้อนนี้มิใช่จำนวนน้อย ๆ พอ ๆ กับถูกลอตเตอรี่รางวัลที ๑ โชคลาภอย่างนี้ใครได้ไปก็น่าจะมีความสุข แต่พอมองไม่ถูก วางใจไม่เป็น เห็นว่ามันเป็น "แค่" ๑๐ ล้านบาทเท่านั้น ก็เป็นทุกข์ทันที

คำว่า "แค่" คำนี้มีอิทธิพลต่อจิตใจของเรามาก มันสามารถสร้างทุกข์หรือปัดเป่าความกลัดกลุ้มไปจากจิตใจของเราได้ อยู่ที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร หากใช้ให้เป็น เราก็สามารถรับมือกับเหตุร้ายได้โดยใจไม่ทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นการพลัดพรากสูญเสียของรัก หรือประสบกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์

เมื่อเจอเหตุร้ายคราวหน้า อย่าลืมนึกถึงคำนี้ เพียงเติมคำว่า "แค่" ไว้ข้างหน้าเหตุร้ายเหล่านั้น เรื่องร้ายก็จะกลายเป็นเบาไปได้ในความรู้สึกของเรา

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 01, 2017, 11:01:00 am
(http://upic.me/i/ke/16807175_662774627263212_8360941153115881913_n.jpg) (http://upic.me/show/60406138)


สุขจากการให้

"คนเราเมื่อเรามีน้ำใจต่อผู้อื่นแล้ว

ไม่ใช่เขาเท่านั้นที่มีความสุข เราก็พลอย

ได้รับความสุขด้วย ความสุขที่เราให้แก่เขา
 
ย้อนกลับมาสู่จิตใจของเรา เพราะฉะนั้นการ

ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น หากมองอย่างเห็นแก่ตัว

มันก็เป็นการเกื้อกูลช่วยตัวเราเองด้วย"


พระไพศาล วิสาโล


------------------------------------------------------------------------------------

ใจรู้สึกอย่างไร?

“คนเราจะทุกข์หรือไม่....ไม่ได้

อยู่ที่ว่ามีอะไรมากระทบกับเรา

แต่อยู่ตรงที่เรารู้สึกอย่างไรกับสิ่งนั้น

หรือทำอย่างไรกับมันต่างหาก

แม้จะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับเรา

แต่ถ้าเราทำใจรับได้ ความทุกข์

ก็เกิดขึ้นไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม

แม้มีเงินทองไหลมาเทมา

แต่ถ้าเราคิดว่ามันน้อยเกินไป

ทำให้รวยไม่พอหรือไม่เท่าคนอื่น

เมื่อนั้นใจเราก็เป็นทุกข์ทันที”


พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 07, 2017, 02:53:57 pm
(http://upic.me/i/kf/16998689_1733150410045602_1615081261654877712_n.jpg) (http://upic.me/show/60436395)


อารมณ์ที่เป็นปัจจุบัน ไม่ใช่ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเสียงดัง แดดร้อน แต่ปัญหาคือใจที่ผลักไส ใจที่ไม่ชอบต่างหาก

หลายคนบอกว่า ไม่อยากทำสมาธิ ไม่อยากเจริญสติ เพราะทำแล้วมันฟุ้งไปหมดเลย ฟุ้งตลอดเวลา บางคนนั่งสมาธิ ๕ นาทีก็ไม่ไหวแล้ว เพราะใจฟุ้ง ที่จริงความฟุ้งเป็นเรื่องธรรมดา และไม่ใช่ปัญหาด้วย แต่ปัญหาเกิดเมื่อใจเราไม่ชอบความฟุ้ง เมื่อใจเราไม่ชอบ ความทุกข์ก็เกิดขึ้นทันที

เพราะเมื่อไม่ชอบ จิตก็จะดิ้นรน ผลักไส อยากให้สิ่งนั้นหายไป แต่เมื่อมันไม่หาย ยังอยู่ ก็เกิดความผิดหวัง ไม่พอใจ เกิดความทุกข์ขึ้นมาทันที เราทุกข์เพราะเราอยากผลักไส แต่มันไม่ไป มันไม่หาย

แม้กระทั่งโรคภัยไข้เจ็บ มันทำได้อย่างมากคือ ทำให้เกิดความทุกข์กาย แต่ทำให้เกิดความทุกข์ใจไม่ได้ แต่ความทุกข์ใจจะเกิดขึ้นทันทีที่เราไม่ชอบ ผลักไส ยอมรับมันไม่ได้ ตีโพยตีพาย หรือโอดครวญ ยิ่งเรายอมรับมันไม่ได้ ก็ยิ่งเปิดช่องให้ความทุกข์เข้ามาเล่นงานจิตใจเราได้มากขึ้น

บางคนเป็นมะเร็ง แต่สามารถอยู่กับมะเร็งได้ด้วยใจปกติ เพราะเขายอมรับ ไม่รังเกียจ ไม่ผลักไสมัน บางคนกลับมีเมตตาต่อมันด้วย มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นมะเร็ง ปวดมาก แต่ว่าเธอไม่ค่อยกินยาระงับปวด เธอใช้วิธีคุยกับมะเร็ง เช่นพูดว่า

“มะเร็ง ตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วนะ ฉันจะนอนแล้ว เธอก็ควรนอนด้วยเหมือนกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”

แล้วเธอก็ร้องเพลงกล่อมมะเร็ง ทำนองเดียวกับกล่อมลูก แล้วก็หลับไปด้วยกัน ทั้งเธอทั้งมะเร็ง เธออยู่กับมะเร็งโดยไม่ต้องใช้ยาระงับปวด แล้วก็อยู่ได้นานด้วย

แต่บางคนพอรู้ว่าเป็นมะเร็งได้ไม่กี่วันก็แย่เลย มีคุณป้าคนหนึ่งเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งหมอบอกว่า “ป้าเป็นมะเร็งตับ อยู่ได้ไม่เกิน ๓ เดือนนะ” แกตกใจมาก กลุ้มอกกลุ้มใจ ยอมรับไม่ได้ รู้สึกวิตกกังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่มีเรี่ยวแรง หมดอาลัยตายอยาก ปรากฏว่าอยู่ได้แค่ ๑๒ วันก็ตาย

ถามว่ามะเร็งลุกลามอย่างรวดเร็วจนทำให้คุณป้าตายหรือเปล่า มันไม่ลุกลามเร็วขนาดนั้นหรอก แต่ที่เธอตายเป็นเพราะใจของเธอมากกว่า ใจเธอยอมรับไม่ได้ พยายามต่อต้าน ผลักไส เกิดความกลัววิตก ยิ่งกลัวยิ่งวิตกก็ยิ่งครุ่นคิดถึงมัน ยิ่งผลักไสก็ยิ่งยึดติด ยิ่งยึดติด กายและใจก็ยิ่งแย่ จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว

ปัญหาของคุณป้าคนนี้อยู่ที่ใจไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะโรคมะเร็ง พอใจไม่ยอมรับก็เกิดความทุกข์ใจขึ้นมาทันที แต่ถ้าใจยอมรับได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใจก็สามารถสงบได้

เพื่อนอาตมาคนหนึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่เชียงใหม่ วันหนึ่งมีธุระต้องบินมาที่กรุงเทพ ฯ ปกติก็นั่งเครื่องบิน บังเอิญเจอเพื่อนซึ่งมีเครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็ก เขากำลังจะเข้ากรุงเทพ ฯ วันเดียวกัน เลยชวนอาจารย์นั่งเครื่องบินเข้ากรุงเทพ ฯ ด้วยกัน

ก่อนบินมีฝนตกหนัก พอฝนหยุดก็ออกเดินทาง เครื่องบินขึ้นไปได้แค่ ๕ นาที ปรากฏว่าเครื่องดับ นักบินพยายามสตาร์ท แต่ทำอย่างไรก็ไม่ติด เลยคิดว่าเครื่องบินต้องตกแน่ ๆ ถึงตอนนั้นอย่างเดียวที่ทำได้ คือ ทำอย่างไรให้เครื่องบินไม่ตกในเขตชุมชนหรือหมู่บ้าน นักบินจึงพยายามบังคับเครื่องให้ร่อนไปยังภูเขา เพื่อให้เครื่องบินตกในป่า ตอนนั้นอาจารย์ทำใจแล้วว่าถ้าเครื่องบินตกก็ตายแน่

อาจารย์เล่าว่าตอนนั้นบรรยากาศรอบตัวสงบมาก เครื่องบินที่เคยส่งเสียงดังก็เงียบสนิท มองไปข้างบนเป็นท้องฟ้าสีคราม ข้างล่างเป็นภูเขา เป็นป่าเขียวขจี บรรยากาศทั้งสวยงามและเงียบสงบ

ในช่วงนั้นเขาทำใจได้แล้วว่าจะต้องตายแน่ ๆ พร้อมยอมรับความตายที่จะเกิดขึ้น จิตใจก็เลยสงบ เป็นความสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีความทุกข์ใจ ไม่มีความวิตกกังวลอะไรเลย ทุกอย่างรอบตัวสงบและสวยงามไปหมด

สักพักปรากฏว่าเครื่องยนต์สตาร์ทติด เครื่องต้องติดอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นอาจารย์คงไม่สามารถกลับมาเล่าให้ฟังได้ เมื่อเครื่องติดทั้งสองคนก็ปรึกษากันว่าจะบินต่อหรือกลับเชียงใหม่ ได้ข้อสรุปว่ากลับดีกว่า ไปตรวจสภาพเครื่องบินให้เรียบร้อย ตอนที่เครื่องบินกลับไปที่สนามบินเชียงใหม่ รถดับเพลิงมารอกันหลายคัน เพื่อเตรียมรับเหตุร้าย แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อเช็คเครื่องยนต์ก็พบว่ามีน้ำฝนเข้าไปในเครื่อง หลังจากแก้ไขเรียบร้อย เจ้าของเครื่องบินก็ถามอาจารย์ว่า ยังคิดจะบินเข้ากรุงเทพ ฯ ด้วยกันอยู่หรือเปล่า อาจารย์ตอบตกลง ในใจตอนนั้นไม่มีความรู้สึกกลัวเลย

เห็นได้ชัดว่า ความตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนหวาดกลัว แต่หากทำใจยอมรับได้ ความสงบก็เกิดขึ้นทันที เพราะฉะนั้น ความตายจะน่ากลัวหรือไม่ อยู่ที่ใจ ถ้าใจยอมรับได้ ความตายก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว หลายคนพบว่า พอทำใจยอมรับความตายได้ ความสงบก็เกิดขึ้นกับจิตใจ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 07, 2017, 02:57:44 pm
(http://upic.me/i/qn/75571_1738038262890150_5265718534441507433_n.jpg) (http://upic.me/show/60436416)


ตอนที่สวนโมกข์เริ่มมีการสร้างถาวรวัตถุ เช่น โรงมหรสพทางวิญญาณ หรืออาคารต่าง ๆ ก็ดี อาคารแต่ละแห่ง ใช้เวลานานหลายปี เพราะว่าอาศัยกำลังพระเณรช่วยกันสร้าง ไม่มีการจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาทำ พระเณรก็ทำกันวันละนิด วันละหน่อย

คราวหนึ่งท่านอาจารย์พุทธทาสสร้างอาคารชื่อว่า “ธรรมนาวา” เรียกสั้น ๆ ว่า “เรือ” เพราะมีรูปร่างคล้ายเรือ คราวหนึ่งมีลูกศิษย์มาเยี่ยมสวนโมกข์ เมื่อไปกราบท่านอาจารย์พุทธทาส ถามท่านว่าเรือสร้างถึงไหนแล้ว เสร็จหรือยัง อาจารย์พุทธทาสตอบว่าเสร็จแล้ว ชายคนนั้นก็แปลกใจ เพราะว่ามาสวนโมกข์เมื่อ ๒ เดือนก่อนก็เห็นว่ายังสร้างไปไม่ได้มากเท่าไร ทำไมเสร็จเร็วจัง จึงเดินไปดู ปรากฏว่าคืบหน้าไปได้ไม่มาก เขาจึงกลับมาหาท่านอาจารย์พุทธทาสและถามว่า เรือยังสร้างไปไม่ถึงไหนเลย ทำไมอาจารย์ถึงว่าเสร็จแล้ว ท่านอาจารย์พุทธทาสตอบว่า “เสร็จแล้ว เสร็จจริง ๆ วันนี้เสร็จ พรุ่งนี้ก็เสร็จ มะรืนนี้ก็เสร็จ เสร็จทุกวัน”

ชายคนนั้นคงงง เพราะตามความเข้าใจของเขา คำว่าเสร็จก็คือเรียบร้อยสมบูรณ์ แต่สำหรับท่านอาจารย์พุทธทาส เสร็จในความหมายของท่าน คือ วางลงจากใจแล้ว ไม่เอามาเป็นเครื่องกังวลใจ หมายความว่า เวลาจะทำอะไรก็ตาม ก็ทำเต็มที่ แต่พอเลิกงาน ก็วางมันลง อย่างนี้เรียกว่าเสร็จ คนเราเวลาทำอะไรสำเร็จเสร็จสิ้น จะรู้สึกว่ามันเบา ไม่มีความวิตกกังวลอีกต่อไป ท่านอาจารย์พุทธทาสก็มีความรู้สึกอย่างนั้นทุกครั้งที่เลิกงาน ได้แค่ไหนก็แค่นั้น พอเลิกงานก็วางงานลงจากใจ ไม่ใช่แค่วางค้อน วางเครื่องไม้เครื่องมือเท่านั้น ใจก็วางด้วย เสมือนว่ามันเสร็จแล้ว ถึงเวลาไปทำสมาธิ ภาวนา ทำวัตรสวดมนต์ หรือพักผ่อน ก็ไม่เอางานมาครุ่นคิดให้หนักอกหนักใจ แม้จะยังไม่เสร็จสมบรูณ์ เวลาเข้านอนก็นอนด้วยใจที่ปลอดโปร่ง เพราะว่าวางทุกอย่าง เสมือนว่ามันเสร็จแล้ว อันนี้คือความหมายหนึ่งของการทำงานด้วยใจที่ปล่อยวาง

พวกเราหลายคนพอมาปฏิบัติธรรม ก็นึกในใจว่า เมื่อไรคอร์สจะจบสักที อาจจะคิดอย่างนี้ทุกวันเลย ลองเอาคำสอนหรือคำแนะนำของท่านอาจารย์พุทธทาสไปใช้ก็ได้ คือว่า คอร์สนี้เสร็จทุกวัน ไม่ต้องไปคิดว่าอีกกี่วันถึงจะได้กลับบ้าน การคิดแบบนั้นมีแต่จะทำให้ทุกข์ และไม่ได้ช่วยให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้นกว่าเดิม

มิใช่แต่การปฏิบัติธรรมเท่านั้น ทำงานอย่างอื่นก็เช่นกัน เวลาเราทำงานก็ให้ลองนึกว่า เสร็จทุกวัน เลิกงานแล้วก็กลับบ้านไปหาลูก พ่อแม่ หรือคนรัก ด้วยใจที่ปลอดโปร่งเสมือนกับว่างานเสร็จแล้ว

แต่คนจำนวนมากทำอย่างนั้นไม่เป็น เวลากลับไปบ้านก็แบกเอางานไปด้วย ไม่ได้ถือแฟ้มแบกกลับไป แต่ว่าแบกที่ใจ เวลาอยู่กับลูก ก็นึกถึงงาน ใจไม่ได้อยู่กับลูกเต็มร้อย เวลานึกถึงงานก็รู้สึกวิตกกังวล หงุดหงิด แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าให้ลูกเห็น ลูกก็จะรู้สึกเครียดเวลาอยู่กับเรา เพราะใจเรายังแบกงานไว้เต็มที่ ให้เรานึกว่ามันเสร็จแล้ว วางมันลงเสีย เราจะได้กลับบ้าน จะได้อยู่กับลูก กับคนรัก หรืออยู่กับตัวเองด้วยใจที่ปลอดโปร่ง และทำสิ่งที่ควรทำเมื่ออยู่บ้าน เช่น พักผ่อน สวดมนต์ นั่งสมาธิ หลายคนแบกงานกลับบ้าน เอาเข้าห้องนอน แม้กระทั่งจะนอนก็ยังไม่ยอมวาง เลยนอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมาก็เลยไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 07, 2017, 03:04:37 pm
(http://upic.me/i/dx/16939350_667136860160322_7293284222664972170_n.jpg) (http://upic.me/show/60436445)


ยินดีเมื่อเขาได้ดี


“เวลาใครได้ดีหรือได้มากกว่า

เราไม่ควรอิจฉาเขาแต่ควรชื่นชม

ยินดีกับเขา เพราะความอิจฉา

จะทำให้จิตใจร้อนรุ่มเป็นทุกข์

ในทำนองเดียวกันเวลาใคร

เขาทำดีก็อย่าไปเขม่น

หรืออิจฉาเขา ควรชื่นชมยินดี

เพราะสิ่งนี้จะทำให้ ความดี

ในใจเราเจริญงอกงามขึ้นด้วย

และทำให้ใจเราเป็นบุญ”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 10, 2017, 04:14:51 pm
(http://upic.me/i/ec/17191358_1743980742578947_7584781142744509480_n.jpg) (http://upic.me/show/60453163)


ชีวิตไม่ได้แย่เสียทั้งหมด


“ลองถามตัวเองว่า แต่ละวันเราเสียเวลาและพลังงานไปกับการคร่ำครวญ หรือวิตกกังวลมากมายเพียงใด บางเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ ป่วยการที่จะนึกถึง ขณะที่บางเรื่องก็ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่เรากลับตีโพยตีพายไปล่วงหน้าแล้ว แม้แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ก็เถอะ ลองตั้งสติและมองให้รอบด้านอาจพบว่า มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหนักหนาเลย เป็นแต่ไม่ตรงกับความคาดหวังของเราเท่านั้น ลองปล่อยวางความคาดหวังนั้น ก็จะพบว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เหลือบ่ากว่าแรง อีกทั้งอาจมีแง่ดีบางอย่างที่ไม่เคยนึกมาก่อนก็ได้ ที่สำคัญก็คือ อย่ามัวจดจ่อปักใจอยู่กับสิ่งแย่ ๆ ที่เกิดขึ้น จนลืมว่าชีวิตนี้ยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่รอการชื่นชมจากเรา”



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 13, 2017, 03:49:01 pm
(http://upic.me/i/e0/17201065_1743208422373134_6105622372492168455_n.jpg) (http://upic.me/show/60468489)


ทำงานอย่างปล่อยวาง


เวลาเราทำงานก็ให้ลองนึกว่า เสร็จทุกวัน เลิกงานแล้วก็กลับบ้านไปหาลูก พ่อแม่ หรือคนรัก ด้วยใจที่ปลอดโปร่งเสมือนกับว่างานเสร็จแล้ว

แต่คนจำนวนมากทำอย่างนั้นไม่เป็น เวลากลับไปบ้านก็แบกเอางานไปด้วย ไม่ได้ถือแฟ้มแบกกลับไป แต่ว่าแบกที่ใจ เวลาอยู่กับลูก ก็นึกถึงงาน ใจไม่ได้อยู่กับลูกเต็มร้อย เวลานึกถึงงานก็รู้สึกวิตกกังวล หงุดหงิด แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าให้ลูกเห็น ลูกก็จะรู้สึกเครียดเวลาอยู่กับเรา เพราะใจเรายังแบกงานไว้เต็มที่

ให้เรานึกว่ามันเสร็จแล้ว วางมันลงเสีย เราจะได้กลับบ้าน จะได้อยู่กับลูก กับคนรัก หรืออยู่กับตัวเองด้วยใจที่ปลอดโปร่ง และทำสิ่งที่ควรทำเมื่ออยู่บ้าน เช่น พักผ่อน สวดมนต์ นั่งสมาธิ หลายคนแบกงานกลับบ้าน เอาเข้าห้องนอน แม้กระทั่งจะนอนก็ยังไม่ยอมวาง เลยนอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมาก็เลยไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน

ที่จริงงานไม่ใช่ปัญหา หลายคนมักจะบ่นว่างานเยอะ มีภาระมาก จริง ๆ แล้วงานไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่าเราแบกมันเอาไว้ไม่ยอมวางต่างหาก

เวลาทำงานใจก็ไม่ได้อยู่กับงานจริง ๆ มัวแต่จดจ่ออยู่กับผลของงาน ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ เจ้านายจะพอใจไหม เพื่อนร่วมงานจะว่าอย่างไร หรือไม่ก็เอาแต่คิดว่า เมื่อไรจะเสร็จ เวลามาปฏิบัติธรรมก็คิดว่าเมื่อไรจะได้กลับบ้าน เวลาเดินทางกลับบ้านก็เอาแต่คิดว่าเมื่อไรจะถึง อันที่จริงมันถึงทุกขณะอยู่แล้ว มันถึงทุกเวลา มันถึงทุกวินาที ให้ลองคิดแบบนี้ดูบ้าง

การที่ใจเรามัวคิดถึงจุดหมายปลายทางว่าเมื่อไรจะเสร็จ เมื่อไรจะถึง เมื่อไรไฟแดงจะเปลี่ยนเป็นไฟเขียว วิธีคิดแบบนี้สร้างความทุกข์ให้กับจิตใจมาก ทำให้เครียด วิตกกังวล จนส่งผลเสียต่อสุขภาพ อย่างนี้เรียกว่าเป็นการแบกอย่างหนึ่ง แต่ถ้าเราลองวางมันลงบ้าง อนาคตจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคต ให้นึกถึงคำของหลวงพ่อคำเขียนก็ได้ ท่านเคยพูดไว้ว่า “ถึงต่อเมื่อมันถึง”

เวลาเดินทางก็ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อไรจะถึง ถึงต่อเมื่อมันถึง หรือจะมองอย่างท่านอาจารย์พุทธทาสก็ได้ว่า มันเสร็จทุกเวลาอยู่แล้ว เสร็จทุกวัน เสร็จทุกชั่วโมง เสร็จทุกนาที สิ่งสำคัญก็คือ ใจอยู่กับปัจจุบัน

ใจอยู่กับปัจจุบัน เวลาทำงานก็ทำด้วยใจที่ปล่อยวาง คือปล่อยวางอดีต ปล่อยวางอนาคต เหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อน เดือนก่อน งานการล้มเหลวอย่างไร มีอุปสรรคอย่างไร ก็เป็นเรื่องของอดีต ปล่อยมันไป ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคต ไม่ต้องเอามาใส่ใจ ใจอยู่กับปัจจุบันก็พอ

เมื่อใดก็ตามเราทำงานตรงหน้าด้วยใจเต็มร้อย ก็เรียกได้ว่าทำงานด้วยใจปล่อยวาง ยิ่งถ้าเราทำใจถึงขั้นที่ว่า มันไม่ใช่งานของเรา ถึงแม้ไม่ใช่งานของเรา เราก็ทำเต็มที่ หากว่ามันมีประโยชน์ เราก็ทำ ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเป็นงานของเรา เราถึงจะทำ และเมื่องานเสร็จก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นผลงานของเรา

ท่านอาจารย์พุทธทาสบอกว่า “ยกผลงานให้เป็นของความว่าง” ทำงานเสร็จก็ยกผลงานให้เป็นของความว่าง หรือยกให้เป็นของส่วนรวมก็ได้ เพราะว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จ มีคนอีกมากมายที่ร่วมกันทำให้สำเร็จ ทั้งที่ทำด้วยกัน ทั้งที่อยู่เบื้องหลัง คนที่เป็นแม่ครัว คนที่เป็นนักการภารโรง แม้กระทั่งพ่อแม่ของเราที่บ้าน ก็มีส่วนช่วยทำให้งานสำเร็จ เพราะถ้าไม่มีคนเหล่านั้น ก็คงไม่มีเรา หรือเราก็คงจะไม่มีเรี่ยวแรง กำลัง หรือสติปัญญาที่จะทำให้งานสำเร็จได้ งานแต่ละชิ้นจึงเป็นผลงานร่วมของผู้คนมากมายด้วย การวางใจอย่างนี้ ก็เรียกได้ว่าทำงานด้วยใจที่ปล่อยวาง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 13, 2017, 04:08:10 pm
(http://upic.me/i/pm/17156305_673170659556942_2331275364592327999_n.jpg) (http://upic.me/show/60468635)


ฝึกจิตให้เป็นมิตรอันประเสริฐ


“การเอาความสุขของเราไปผูกติด

กับสิ่งใด ๆ ก็ตามจึงเต็มไปด้วยความ

ไม่แน่นอน และมักตามมาด้วยความทุกข์

เพราะทุกสิ่งก็ล้วนพึ่งพาสิ่งอื่น ไม่เป็นอิสระ

หรือเที่ยงแท้ยั่งยืน พูดอีกอย่างหนึ่ง

มันเป็นอนัตตา ดังนั้นจึงแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ

มิอาจเป็นไปดังใจได้ การพึ่งตัวเอง

ไม่หวังพึ่งพาความสุขจากสิ่งใด ๆ

จะช่วยให้เราเป็นอิสระอย่างแท้จริง

และเป็นสุขในทุกหนแห่ง ไม่ว่า

สิ่งต่าง ๆ จะผันผวนแปรปรวนอย่างใด”


*--------------------------------------------------------------------*

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 13, 2017, 04:14:35 pm
(http://upic.me/i/hh/17310083_673428569531151_1051806664817239308_o.jpg) (http://upic.me/show/60468685)


จากรู้สู่สงบ

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 16, 2017, 08:10:21 am
(http://upic.me/i/y4/17190554_1747349778625665_4220605940023273159_n.jpg) (http://upic.me/show/60485491)


สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ความสุขไม่ได้อยู่ที่ว่าตนมีเท่าไร แต่ขึ้นอยู่กับคนอื่นว่ามีเท่าไรต่างหาก ตราบใดที่เขามีมากกว่าฉัน ฉันก็ไม่มีความสุข

ความคิดเช่นนี้แหละเป็นที่มาของความทุกข์ของคนทุกวันนี้ เพราะไม่ว่าจะได้มากเท่าไร ก็ต้องมีคนอื่นที่ได้มากกว่าเราเสมอ

ตราบใดที่เราไม่เลิกเปรียบเทียบกับคนอื่น เราจะหาความสุขไม่ได้เลย

แม้จะมีโชคได้แหวนเพชรเม็ดงามก็ยังทุกข์ หากรู้ว่าคนอื่นได้เพชรเม็ดใหญ่กว่าหรือแพงกว่า

มีรถราคาเป็นล้านก็ยังทุกข์เมื่อเห็นเพื่อนบ้านขับรถราคาแพงกว่า

ได้เป็นผู้จัดการก็ยังทุกข์หากรู้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นได้เป็นซีอีโอบริษัทใหญ่กว่า

ได้คู่ครองที่ซื่อตรงก็ยังทุกข์เมื่อเห็นเพื่อนได้คู่ครองที่เอาอกเอาใจมากกว่า รูปร่างดีแต่ก็ยังเป็นทุกข์เพราะเห็นเพื่อนๆ สวยกว่า

ซื้อของได้ถูกก็ยังทุกข์เมื่อรู้ว่าคนอื่นซื้อได้ถูกกว่า

ตราบใดที่เรายังเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่เสมอ เราจะหาความสุขไม่ได้เลย ไม่ว่าร่ำรวยแค่ไหน ได้โชคได้ลาภเพียงใดก็ตาม แต่ทันทีที่เรารู้จักพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ความสุขจะบังเกิดขึ้นทันที

แทนที่จะเฝ้ามองสมบัติของคนอื่นว่าดีกว่าอย่างไร เราลองหันมาชื่นชมสิ่งที่เรามี เห็นข้อดีหรือประโยชน์ของสิ่งที่มีอยู่ ความพอใจก็จะเกิดขึ้น ความรุ่มร้อนก็จะหายไป แทนที่จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่เราไม่มีทำไมไม่หาความสุขจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในขณะนี้

ถ้าวางใจได้อย่างนี้ แม้จะมีเพื่อนที่รวยกว่า เก่งกว่า ดังกว่าหรือสวยกว่า เราก็ไม่มีความทุกข์เลย ไม่มีทั้งความรู้สึกด้อยหรืออิจฉากลับรู้สึกยินดีมีมุทาจิตด้วยซ้ำ

อันที่จริงแล้วเมื่อหันมาใส่ใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ เราก็จะพบว่าเรายังมีสิ่งดีๆ อีกมากมายที่น่าชื่นชม ซึ่งบางอย่างคนอื่นอาจไม่มีหรือมีไม่เท่าก็ได้ เช่น แม้จะมีเงินน้อยกว่า ตำแหน่งต่ำกว่า แต่เราก็มีสุขภาพดี มีครอบครัวที่อบอุ่น มีชีวิตที่ราบรื่น เพียงเท่านี้ก็น่าจะมีความสุขแล้วไม่ใช่หรือ

ความสุขมีอยู่กับเราอยู่แล้วทุกขณะ อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือไม่เท่านั้น

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 16, 2017, 08:15:15 am
(http://upic.me/i/zj/17264973_1747775381916438_4665617963736492648_n.png) (http://upic.me/show/60485497)



ปุจฉา - โยมขอเรียนถามว่า การอธิษฐานบารมี ควรอธิษฐานว่าอย่างไรคะ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ค่ะ


พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - อธิษฐาน แปลว่า ความตั้งใจมั่น หรือความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำการให้สำเร็จลุล่วง (ไม่ได้แปลว่า ตั้งจิตขอนั่นขอนี่ อันเป็นความหมายที่เข้าใจกันอยู่ในปัจจุบัน) ด้วยความหมายดังกล่าว อธิษฐานจึงเป็นบารมีหรือคุณความดีอย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถทำให้ปุถุชนพัฒนาตนจนเป็นพระพุทธเจ้าได้

การบำเพ็ญอธิษฐานบารมีนั้น จึงไม่ได้หมายถึงการตั้งจิต “อธิษฐาน”ขออะไรจากใคร แต่หมายถึงการตั้งใจแน่วแน่ในการทำความดี แม้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ตั้งใจว่าจะถือศีล ๕ หรือศีล ๘ ตลอดทั้งพรรษา หรือตั้งใจว่าจะทำสมาธิภาวนาทุกวัน เมื่อตั้งใจแล้วก็มั่นคงแน่วแน่ในการกระทำดังกล่าวจนบรรลุจุดมุ่งหมายหรือสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 16, 2017, 08:32:00 am
(http://upic.me/i/qz/17240649_1746428072334214_4155314982271557989_o.jpg) (http://upic.me/show/60485544)


จักจุดอ่อนของความหลง


“อารมณ์ที่บั่นทอนจิตใจ ไม่ว่าความโกรธ

หรือความอยาก เปรียบเสมือนโจรที่กลัว

คนเห็น ทันทีที่ถูกเห็น มันก็จะทนเฉยไม่ได้

ต้องล่าถอยไป เช่นเดียวกับความมืดที่

แพ้แสงสว่างถ้าไม่อยากให้โจรร้ายครองใจ

ก็ขอให้หมั่นดูใจของเราอยู่เสมอ”

*-----------------------------------------------------*

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===>  https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 16, 2017, 08:40:01 am
(http://upic.me/i/if/17342922_674912626049412_8451667275443798446_n.jpg) (http://upic.me/show/60485558)


เยียวยาใจด้วยสติ


“คนเรามักทุกข์เพราะความคิดของตน

หากไม่รู้จักทักท้วงหรือไตร่ตรองความคิด

ของตนเสียบ้าง ก็จะเป็นทุกข์ไม่หยุดหย่อน

เหตุการณ์ในอดีตนั้นแม้จะเลวร้ายเพียงใด

ก็ทำร้ายเราได้ไม่มากเท่ากับความคิดติดลบของเราเอง”


*-----------------------------------------------------*

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===>  https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 29, 2017, 12:39:28 pm
(http://upic.me/i/ad/17265102_1750266638333979_5941341380132976953_n.jpg) (http://upic.me/show/60561074)

เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนา แทนที่จะต่อสู้ขัดขืน อย่างแรกที่ควรทำคือยอมรับมัน ไม่ปฏิเสธหรือต่อสู้ขัดขืน อย่างน้อย ๆ มันช่วยทำให้เราทุกข์ใจน้อยลง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นของหาย งานหนัก หรือความเจ็บป่วย เมื่อเจ็บป่วยแล้วบ่นตีโพยตีพาย คุณจะทุกข์กว่าเดิม ไม่ใช่แค่ทุกข์กายเท่านั้น แต่ทุกข์ใจด้วยแต่ถ้ายอมรับว่าเมื่อความป่วยเกิดขึ้นกับเราแล้ว ป่วยการที่จะตีโพยตีพายหรือปฏิเสธมัน แทนที่จะตีโพยตีพาย ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะมาพิจารณาว่าจะรักษาตัวอย่างไรให้หายป่วย

การยอมรับไม่ใช่การยอมจำนน แต่หมายถึงการยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ไม่เสียเวลาหรือเสียอารมณ์ด้วยการตีโพยตีพายโวยวาย แต่เราจะยอมรับความจริงได้ก็ต้องมีสติรู้ทันใจของตัวเอง เพราะปฏิกิริยาแรกของใจก็คือการโวยวาย ต่อสู้ ขัดขืน ผลักไส เป็นธรรมดาของใจเมื่อเจอสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ใจก็จะผลักไสต่อต้านเป็นอย่างแรก ถ้าหนีไม่ได้ก็จะผลักไส แต่ถ้ามีสติรู้ทันอาการดังกล่าว มันก็จะคลายไป ช่วยทำให้ใจเราสงบ เพราะความสงบเกิดจากการยอมรับ แต่ถ้าเราดิ้นขัดขืนเมื่อไหร่ใจจะเป็นทุกข์ เร่าร้อนทันที

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 29, 2017, 12:44:40 pm
(http://upic.me/i/b5/17458159_1756699681024008_5634767178558609342_n.jpg) (http://upic.me/show/60561130)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 29, 2017, 12:46:04 pm
(http://upic.me/i/pl/17308728_1758174847543158_8491009860522431453_n.jpg) (http://upic.me/show/60561131)


ทุกคืนหลังจากทำการบ้านเสร็จ “แก้วใจ” เด็กหญิงวัย ๑๔ จะนั่งรถไปกับพ่อแม่ เพื่อตระเวนไปตามจุดที่เกิดอุบัติเหตุ เธอเป็นอาสาสมัครอายุน้อยที่สุดของมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง หน้าที่หลักของเธอคือ ช่วยส่งของให้พ่อแม่ และจดรายละเอียดของผู้ประสบเหตุ บางครั้งก็ช่วยยกคนเจ็บขึ้นรถและเช็ดเลือดให้

เธอเล่าว่าตอนที่ทำงานครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๑ ปีนั้น รู้สึกกลัวมาก แต่ตอนหลังรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยคน หลายคนรอดชีวิตได้เพราะเธอช่วยพาส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที

“แก้วใจ”เป็นหนึ่งในบรรดาผู้คนมากมายที่ทำงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่เงียบ ๆ บ้างก็ไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับเด็กอ่อนที่กำพร้าพ่อแม่ บ้างก็ไปช่วยดูแลคนชราที่เจ็บป่วย อีกไม่น้อยไปช่วยปลูกป่ารักษาธรรมชาติ

คนเหล่านี้เป็นคนเล็ก ๆ แต่สิ่งที่พวกเขาทำนั้นยิ่งใหญ่มาก แรงจูงใจของเขาเหล่านั้น ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลย เขาเพียงแต่นึกถึงคนอื่น อยากให้ผู้อื่นมีความสุข และอยากช่วยให้โลกนี้ดีขึ้น ที่สำคัญคือ เขาไม่ได้แค่ “อยาก”เท่านั้น แต่ยังลงมือทำด้วยตัวเอง

โลกนี้ไม่ได้งดงามเพราะดอกไม้หลากสีสันเท่านั้น แต่ยังงามเพราะน้ำใจของผู้คนหลากวัยหลากความคิดที่ไม่ยอมนิ่งดูดายกับความทุกข์ยากหรือปัญหาที่เกิดขึ้น

อันที่จริงน้ำใจของคนเหล่านี้ไม่ได้พร่างพรมให้โลกสดใสเท่านั้น แต่ยังชโลมใจของเราให้สดชื่นและอิ่มเอมด้วย เพียงแค่ได้ยินเรื่องของ “แก้วใจ” หรือเห็นหญิงสาวจูงคนตาบอดข้ามถนน รอยยิ้มก็บังเกิดขึ้นในหัวใจเรา

คนเราโหยหาความดีงามไม่น้อยไปกว่าน้ำ อากาศ และอาหาร ทั้งนี้เพราะในส่วนลึกของใจเราทุกคนล้วนต้องการความดีงามเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง แม้ว่าความสนุกสนานตื่นเต้นจะมีเสน่ห์ดึงดูดใจ แต่ในยามที่จิตนิ่งสงบ ปลอดจากสิ่งเร้าเย้ายวน ความรู้สึกปีติดื่มด่ำเมื่อได้ฟังเรื่องราวดี ๆ ของผู้คนกลับทำให้เราเป็นสุขได้มากกว่า

เมื่อได้ฟังเรื่องราวความเสียสละของใครก็ตาม เราจะรู้สึกอยากทำความดีด้วย นั่นเพราะเราทุกคนมีความดีอยู่ในจิตใจด้วยกันทั้งนั้น แม้เราจะนึกถึงตัวเองแค่ไหน เราก็ไม่อาจละเลยความดีดังกล่าวได้ จะเสพสุขใส่ตัวเพียงใด ในส่วนลึกก็ยังอยากทำความดี เพราะความดีกลางใจเรานั้นเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ ที่ปรารถนาจะแตกยอดออกเป็นต้นกล้า และรอวันเติบโตเป็นไม้ใหญ่

ความสุขไม่ได้เกิดจากการเสพหรือเอาเข้าตัวเท่านั้น ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลหรือการให้ก็เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขอย่างหนึ่ง สุขเพราะเห็นผู้ทุกข์ยากได้แย้มยิ้ม เห็นโลกที่หดหู่แห้งแล้งกลับสดใสสวยงาม สุขเพราะได้ทำสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต ดังนั้นจึงทำให้ชีวิตมีความหมายยิ่งกว่าเดิม ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันก็คือ สุขเพราะได้ตอบแทนโลก

ต้นไม้ไม่เคยลังเลที่จะทิ้งกิ่งใบเพื่อเป็นปุ๋ยแก่แผ่นดิน ทั้งนี้ก็เพราะต้นไม้สำนึกในบุญคุณของผืนดินที่เคยให้ปุ๋ยหล่อเลี้ยงแต่ครั้งยังเป็นต้นกล้า ต้นไม้ยังมีความสุขที่คายน้ำคืนสู่ฟ้า เพื่อขอบคุณที่ฟ้าได้โปรยฝนให้แก่ต้นไม้จนเติบใหญ่

วันนี้ต้นกล้าในใจเราอาจกำลังอัดแน่นด้วยความปรารถนาที่จะตอบแทนโลกและช่วยเหลือผู้คนอยู่ก็ได้ อย่าเฉยเมยความปรารถนาดังกล่าว อย่าปล่อยให้โอกาสดังกล่าวผ่านเลยไป

ลองลุกขึ้นมาช่วยเหลือผู้อื่น เกื้อกูลส่วนรวม แล้วใจเราจะเบ่งบานด้วยความสุข

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 11, 2017, 07:14:06 pm
(http://upic.me/i/3x/17554358_1764284896932153_7436230551898689612_n.jpg) (http://upic.me/show/60637752)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 11, 2017, 07:16:30 pm
(http://upic.me/i/pr/17523344_1768841689809807_1724844817272755794_n.jpg) (http://upic.me/show/60637759)



ความงามแห่งรุ่งอรุณ

ท้องฟ้ายามอรุณรุ่งคือความงดงามที่ชื่นชมได้ไม่รู้เบื่อ แต่จะงามประทับจิตยิ่งขึ้นหากได้ตื่นขึ้นมาก่อนฟ้าสาง เมื่อท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยน จากมืดมิดแล้วค่อย ๆ เรื่อเรืองด้วยแสงเงินแสงทอง จิตใจของผู้ชมก็จะค่อย ๆ แจ่มใสและเบิกบาน จนรู้ตื่นเต็มที่เมื่อท้องฟ้าสว่างไสวไปทุกทิศ

แสงเงินแสงทองงามที่สุดเมื่อประชันกับความมืดมิด ความงามของธรรมชาติเบื้องหน้าจะจับใจเมื่อความมืดมนค่อย ๆ ละลายหายไป กลายเป็นความสว่างเรือง ใครที่ไม่ได้เห็นความมืดมิดของท้องฟ้ามาก่อน ไหนจะเลยประจักษ์ถึงความงามของอรุณรุ่งได้อย่างเต็มที่

รุ่งอรุณงดงามจับใจยิ่งสำหรับผู้ที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมาก่อน ในยามทดท้อสิ้นหวังกับชีวิต จนไม่อยากอยู่ต่อไปในโลกนี้ เพียงแค่เห็นแสงอรุณจับขอบฟ้า ไล่ความมืดมิดไปทีละน้อย ๆ จิตก็สว่างไสว และหลุดพ้นจากความมืดมน เกิดความหวังและกำลังใจที่จะสู้ทุกข์ต่อไป ใช่หรือไม่ว่าเมื่อถึงที่สุดแห่งรัตติกาล อรุณรุ่งก็ปรากฏ เมื่อมืดมิดอย่างที่สุด ความแจ่มกระจ่างก็บังเกิด

ผู้ที่ตกอยู่ในความมืดมิดย่อมซึ้งใจในคุณค่าของแสงสว่าง แม้เพียงประพิมประพาย ฉันใดก็ฉันนั้น น้ำใจแม้เพียงเล็กน้อย กลับเป็นสิ่งยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่จมอยู่ในความทุกข์ ที่อาจตราตรึงใจเขาอย่างมิรู้ลืม ปราศจากความทุกข์ ไยจะเห็นคุณค่าของความเอื้อเฟื้อและความอิ่มเอิบใจ หากสุขสบายไปทั้งชาติไหนเลยจะซาบซึ้งใจกับความดีที่ผู้อื่นกระทำแก่ตน บางครั้งความทุกข์ก็ทำให้เราเห็นน้ำใจที่งดงามของเพื่อนมนุษย์ได้ชัดเจน เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในความมืดเท่านั้นที่จะประจักษ์ถึงความงามยามอรุณรุ่งอย่างยากจะพรรณนา

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 11, 2017, 07:21:34 pm
(http://upic.me/i/q8/17634429_1768844226476220_7977097965048918019_n.jpg) (http://upic.me/show/60637764)


บนยอดเขาเราสามารถมองเห็นโลกในมุมสูง สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องล่างน่าจะเตือนให้เราตระหนักว่ามนุษย์เรานั้นช่างเล็กกะจิดริด เมื่อมองลงไปจะพบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน คนขาวกับคนดำ เศรษฐีกับยาจก นายก ฯ หรือชาวบ้าน ไทยหรือฝรั่ง พุทธหรือมุสลิม ฯลฯ สมมุติบนพื้นโลกไม่มีความหมายเลยเมื่อมองลงมาจากยอดเขา เพราะทุกคนเหมือนกันหมด ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่มีใจสูง มีปัญญาเข้าถึงสัจธรรม ย่อมอยู่เหนือสมมติ ไม่เห็นผู้คนแตกต่างกันเลย ทุกคนมีค่าเสมอกันหมด

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 11, 2017, 07:25:17 pm
(http://upic.me/i/vm/17759928_1768848359809140_4716736463207627119_n.jpg) (http://upic.me/show/60637799)



มีเจ้าของบ้านคนหนึ่ง กำแพงบ้านของเขาชอบมีคนมีขีดเขียนอยู่เรื่อย เช่น ประกาศศักดาว่าวิทยาลัยนี้เป็นพ่อทุกสถาบันบ้าง ด่าคนโน้นคนนี้บ้าง เจ้าของบ้านพยายามขอร้องเพื่อนบ้านในซอยว่าอย่าขีดเขียนก็ไม่ได้ผล อุตส่าห์ปักป้ายหน้ากำแพงว่าห้ามเขียนกำแพงก็ไม่มีคนสนใจ ห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง สุดท้ายด้วยความโมโหแกก็เลยคว้ากระป่องสีไปที่กำแพง แล้วเขียนข้อความตัวโต ๆ บนกำแพงว่า "ใครเขียนเป็นหมา"

ชายคนนั้งต้องการด่าคนที่เขียนกำแพง แต่ความที่ต้องการด่ามากก็เลยลืมไปว่าตัวเองกำลังด่าตัวเอง คนอื่นยังไม่ทันเป็นหมาเลยตัวเองกลับเป็นหมาไปเสียก่อนแล้ว นี่เพราะอะไร เพราะไปคิดเล่นงานคนอื่นมากจนลืมมองตัว คนเรามักเป็นอย่างนี้

คนบางคนบางคนรำคาญคนที่ชอบโทรศัพท์ในโรงหนัง พยายามกระแอมก็ไม่ได้ผล หนักเข้าก็เลยตะโกนด่าว่า "ทำไมพูดเสียงดังวะ ไม่มีมารยาทเสียเลย ไม่รู้หรือไงวะว่ารบกวนคนอื่น" แต่ปรากฏว่าเสียงตะโกนด่าของเขารบกวนคนในโรงหนังมากกว่าคนใช้โทรศัพท์ที่ตัวเองกำลังด่าเสียอีก

เห็นไหมว่าเวลาเราเพ่งโทษคนอื่น เราเองอาจจะทำยิ่งกว่าเขาอีก เวลานึกอยากด่าใครจึงต้องหันมาดูตัวเองให้มาก ๆ เพราะเราอาจกำลังจะเป็นอย่างเขาก็ได้ ความโกรธมันไม่เข้าใครออกใคร เพราะฉะนั้นสติจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เราจะต้องกลับมาดูตัวเราเองเสมอ รู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เวลาไม่ชอบใครเมื่อไร ให้เตรียมใจไว้เลยว่าเราอาจจะกำลังเป็นอย่างเขา หรือยิ่งกว่าเขาก็ได้

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 11, 2017, 07:30:35 pm
(http://upic.me/i/3d/17796052_1771501476210495_8344965631429444794_n.jpg) (http://upic.me/show/60637815)


ความสุขนั้นเป็นยอดปรารถนาของทุกคน ไม่มีใครที่ไม่วาดหวังชีวิตอันผาสุก แต่น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่กลับรู้จักความสุขน้อยมาก กล่าวคือ มักเห็นว่าความสุขเกิดจากวัตถุสิ่งเสพเท่านั้น ต่อเมื่อได้เสพได้ครอบครองจึงมีความสุข เงินจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต แท้จริงแล้วยังมีความสุขที่ประเสริฐกว่านั้นอีก เช่น ความสุขที่เกิดจากใจอันสงบ ความสุขจากความภาคภูมิใจเมื่อได้ทำความดี รวมทั้งความสุขเมื่อได้ละวาง

ความสุขประเภทหลังนั้นเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุสิ่งเสพ แม้มีน้อย ไม่ร่ำรวย ก็มีความสุขได้ เป็นสุขที่พบได้กลางใจเรา เป็นเพราะมองไม่เห็นความสุขดังกล่าว ผู้คนจึงพากันดั้นด้นแสวงหาความสุขที่อยู่นอกตัว แต่ไม่ว่าจะมีหรือได้มากเท่าไร ก็ไม่พบความสุขที่แท้ ต่อเมื่อหยุดแสวงหาสิ่งภายนอก หันกลับมามองตน วางใจให้ถูก ดูแลใจให้ดี ก็จะพบความสุขอันประเสริฐได้ไม่ยาก เป็นความสุขที่สัมผัสได้แม้ประสบกับความเจ็บป่วย พลัดพราก หรือยากไร้

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 11, 2017, 07:34:38 pm
(http://upic.me/i/2c/17861613_1778521118841864_4647206456004398357_n.jpg) (http://upic.me/show/60637829)


จิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว สามารถที่จะทำให้เราเข้าถึงประโยชน์สูงสุดของความเป็นมนุษย์ได้ สามารถจะกลายเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา
มิตรที่ดีที่สุดของเรา กับศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของเรา ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย อยู่กลางใจเรานี้เอง

ถ้าฝึกจิตไว้ไม่ดีหรือไม่ฝึกเลย จิตก็จะกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด แต่ถ้าฝึกไว้ดีก็จะกลายเป็นมิตรที่ประเสริฐที่สุด ที่สามาถจะทำให้เราได้พบกับความสุขที่แท้และอยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวงได้

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 12:49:40 pm
(http://upic.me/i/7v/17903662_1781414061885903_869585229872144254_n.jpg) (http://upic.me/show/60674456)


หลายคนคิดว่าเวลาของพ่อแม่ยังมีอีกมาก จึงละเลยที่จะใช้เวลานั้นเพื่อท่าน ทั้ง ๆ ที่นั่นคือโอกาสทองที่เหลือน้อยลงทุกที สุดท้ายเมื่อท่านจากไป ก็มาเสียใจ รู้สึกผิดภายหลัง

มีคนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อพบว่าพ่อแม่ป่วยหนักอยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต เขาทำใจไม่ได้ที่จะให้ท่านตายตามวิถีธรรมชาติหรือตามจังหวะของสังขาร แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อยื้อชีวิตท่านให้ยืนยาวมากที่สุด ในขณะที่พี่น้องที่ดูแลท่านมาแต่แรกโดยตลอด รู้ดีว่าการยื้อชีวิตอย่างนั้นเป็นการทรมานคนไข้ เพราะต้องเจาะคอ ใส่ท่อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ปั๊มหัวใจ สารพัดที่คนที่ดูแลพ่อแม่มาตลอดตระหนักดีว่า หากท่านจากไปอย่างธรรมชาติ นั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่าน

แต่คนที่ไม่เคยมีเวลาให้กับพ่อแม่เลย เมื่อจังหวะนี้มาถึง เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ท่านจากไปอย่างธรรมชาติ แต่เขาจะยื้อเอาไว้ให้ได้นานที่สุดในนามของความกตัญญู แล้วก็ไม่ตระหนักเลยว่าการทำเช่นนั้น ทำให้ท่านทุกข์ทรมานอย่างไรบ้าง บางทีท่านส่งสายตาวิงวอน เพราะพูดไม่ได้ แต่ถึงตอนนั้นใคร ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะว่าหากถอดท่อหรือปิดเครื่องก็ไม่มั่นใจว่า การทำเช่นนั้นจะเป็นปาณาติบาตหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องยื้อไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้เพียงเพื่อตอบสนองความรู้สึกของลูกว่าได้ทำดีที่สุดแล้วกับพ่อแม่ ทั้ง ๆ ที่ตอนที่ท่านยังสุขสบายดีอยู่ ลูกกลับไม่มีเวลาให้ท่านเลย ครั้นท่านป่วยและพร้อมจะตายกลับพยายามยืดชีวิตท่าน กลายเป็นการเพิ่มหรือยื้อความทุกข์ทรมานของท่าน

แต่ถ้าเราทำหน้าที่ที่ดีที่สุดกับท่านแล้ว ในขณะที่ท่านมีสุขภาพดี เมื่อถึงเวลาที่ท่านจากไปก็ยอมรับได้ ครั้นท่านจากไปก็ไม่รู้สึกผิด เพราะมั่นใจว่าได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำต่อท่านแล้ว


พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 01:04:03 pm
(http://upic.me/i/py/17904446_1785264404834202_6530474336011176351_n.jpg) (http://upic.me/show/60674497)


ความสุขมิใช่อภิสิทธิ์ของคนรวย แต่เป็นสมบัติของทุกคน จริงอยู่เงินทองสามารถบันดาลความสะดวกสบายให้เกิดขึ้นได้ แต่ความสะดวกสบายหาใช่ความสุขไม่ คนจำนวนไม่น้อยมีความทุกข์ทั้ง ๆ ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ใช่หรือไม่ว่าคนสมัยนี้มีชีวิตที่สะดวกสบายและมั่งคั่งกว่าคนสมัยก่อนมาก แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความเครียด ความเจ็บป่วยทางจิต และอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าด้วยเช่นกัน

เจอสิ่งดี ๆ เช่น โชคลาภไม่ได้เป็นหลักประกันว่าใจจะดีหรือมีความสุขเสมอไป ในทำนองเดียวกันแม้เจอสิ่งร้าย ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าใจจะย่ำแย่หรือเป็นทุกข์ไปด้วย เจออะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าใจเป็นอย่างไร หากใจมีสติ ปัญญา หรือวางใจถูก แม้เจอสิ่งร้าย ๆ ใจก็ยังเป็นปกติ หรือมีความสุขได้ หลายคนไม่เพียงก้าวข้ามความยากลำบากและความสูญเสียพลัดพรากไปได้เท่านั้น หากยังเข้มแข็ง มั่นคง และฉลาดกว่าเดิม

ใจที่ฝึกไว้ดีแล้ว นอกจากจะเป็นปกติในยามเจอเหตุร้ายแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ด้วย ดังนั้นแทนที่จะร่ำร้องเรียกหาหรืออธิษฐานขอให้เจอสิ่งดี ๆ ควรที่เราจะให้ความสำคัญกับการหมั่นฝึกใจให้ดี มีคุณภาพ เพราะนี้ต่างหากที่เป็นหลักประกันแห่งความสุขที่แท้จริง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 01:09:18 pm
(http://upic.me/i/s1/17990911_1786604888033487_4026339568474164609_n.jpg) (http://upic.me/show/60674498)


ตายได้อย่างสงบ


การหมั่นพิจารณามรณสติ จะทำให้เรารู้จักใช้ประโยชน์จากการสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหน แทนที่จะเอาแต่ทุกข์ไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว ควรถือว่าความสูญเสียเหล่านั้นมิใช่อะไรอื่นหากคือสัญญาณเตือนภัยว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องประสบกับความสูญเสียที่ใหญ่หลวงกว่านั้น

ถ้าหากเรายังทำใจกับความสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหนไม่ได้ เราจะรับมือกับความตายได้อย่างไร เพราะถ้าวันนั้นมาถึงเราจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ไม่ว่าทรัพย์สมบัติ ครอบครัว คนรัก อำนาจ ตลอดจนชีวิตจิตใจและร่างกาย รวมทั้งโลกที่เรารู้จัก

นอกจากการระลึกถึงความตายอยู่เสมอแล้ว เรายังสามารถเตรียมตัวเผชิญความตายได้ด้วยการหมั่นทำความดีอยู่เสมอ เพราะความดีนั้นช่วยเสริมสร้างคุณภาพจิต ให้มีความสงบเย็น และเป็นปกติ ขณะเดียวกันการละเว้นความชั่วก็ทำให้จิตไร้สิ่งเศร้าหมอง คุณภาพจิตเหล่านี้มีความสำคัญมากในวาระสุดท้ายของชีวิตเพราะช่วยประคองใจไม่ให้อารมณ์อกุศลเข้ามาครอบงำจนเกิดความทุกข์ทรมาน ขณะเดียวกันความอิ่มเอิบปีติก็จะเกิดขึ้นเมื่อระลึกถึงบุญกุศลที่ได้เคยทำ ทำให้จากไปอย่างสงบ

ในทางตรงกันข้ามกับคนที่ทำความชั่วอยู่เป็นอาจิณ จิตจะเต็มไปด้วยอารมณ์อกุศล ในยามใกล้ตายบาปกรรมที่เคยกระทำจะมาปลุกเร้าอารมณ์อกุศลให้แผ่ซ่าน เช่น ความรู้สึกผิด ความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก ความเคียดแค้นชิงชัง ซึ่งทำให้ทุรนทุรายและตายอย่างไม่สงบ

ควบคู่ไปกับการทำความดีหมั่นบำเพ็ญกุศล ก็คือฝึกจิตอย่างสม่ำเสมอให้มีสติที่เข็มแข็งฉับไวหรือมีความตื่นรู้อยู่เป็นนิจ ในยามที่ร่างกายใกล้แตกดับ จิตจะแปรปรวนและง่ายที่จะเข้าไปในอารมณ์ที่เป็นอกุศล ซึ่งทำให้ทุกข์และทุรนทุรายมากขึ้น สติที่ฝึกฝนไว้ดีแล้วจะเป็นเครื่องรักษาใจไม่ให้ถลำจมในอารมณ์อกุศลทั้งหลาย และช่วยให้จิตใจเกิดความสงบเย็นเป็นสมาธิได้ง่าย

ยิ่งศึกษาและปฏิบัติจนเกิดปัญญาคือความเข้าใจแจ่มชัดในความจริงของสิ่งทั้งปวง ก็จะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ลงได้ง่ายดาย ไม่คิดเหนี่ยวรั้งสิ่งใด ๆ ไว้แม้กระทั่งร่างกายหรือชีวิต เพราะตระหนักชัดว่าสิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยงและไม่น่ายึดถือแต่อย่างใด ความตายจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป และดังนั้นจึงพร้อมรับความตายได้อย่างสงบ ไม่ต่างจากคนที่เมื่อได้ยินระฆังเลิกงานก็วางงานลงและกลับบ้านโดยไม่มีความรู้สึกอาลัยแต่อย่างใด

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 01:14:50 pm
(http://upic.me/i/rs/18057091_1789552997738676_2549216597234857570_n.jpg) (http://upic.me/show/60674531)


ชายหนุ่มทำโทรศัพท์มือถือหาย รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมากเพราะเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน แถมราคาก็แพงด้วย จึงไปหาหลวงพ่อขอคำปรึกษา เผื่อจะได้ของคืนมา

หลวงพ่อฟังปัญหาแล้ว แทนที่จะซักถามเรื่องโทรศัพท์มือถือ กลับถามว่า

“มีทองไหม ?”
“มีครับ”
“อีกไม่นานทองก็จะหาย” แล้วท่านก็ถามต่อว่า “มีรถไหม ?”
“มีครับ”
“อีกไม่นานรถก็จะหาย...แล้วมีแฟนไหม?”
“มีครับ”
“อีกไม่นานแฟนก็จะหาย”

ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็ได้คิด ปัญหาถูกเปลื้องไปจากใจ กราบหลวงพ่อแล้วเดินออกจากกุฏิด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น

ชายหนุ่มไม่รู้สึกเป็นทุกข์ที่สูญโทรศัพท์มือถืออีกต่อไป เพราะได้คิดว่านั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความสูญเสียอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เขาคงระลึกได้อีกด้วยว่าความสูญเสียพลัดพรากนั้นเป็นธรรมดาของชีวิต หลวงพ่อไม่ได้แช่งว่า ทอง รถ และแฟนของเขาจะมีอันเป็นไป หากแต่ท่านพูดถึงสัจธรรมของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น เพราะมีกับเสียนั้นเป็นของคู่กัน

คนเรามักลืมคิดถึงธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีการพลัดพรากสูญเสีย เมื่อมีหรือได้อะไรก็ตามก็ทึกทักเอาว่ามันจะต้องอยู่กับเราไปตลอด เรายอมไม่ได้ที่มันจะพรากจากเราไป (เว้นเสียแต่ว่าเราเป็นฝ่ายละทิ้งมันไปเอง) น้อยนักที่เราจะเผื่อใจนึกถึงความไม่เที่ยงของสิ่งที่เรามี

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 01:54:29 pm
(http://upic.me/i/tq/17523431_1760352884275066_1324941435318842353_n.jpg) (http://upic.me/show/60674657)

มาวัดจิตต้องพัฒนา

เวลาเรารู้สึกไม่ชอบอะไรสักอย่าง
ปัญหาจริง ๆ อาจไม่ได้อยู่ที่สิ่งนั้น
แต่เป็นความรู้สึกไม่ชอบของเราต่างหาก
พูดอีกอย่างก็คือ สิ่งนั้นไม่ได้สร้างปัญหาหรือ
ก่อความทุกข์ให้เรามากเท่ากับความรู้สึกไม่พอใจมัน

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่วัดป่าสุคะโต
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560  (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


---------------------------

“ในยามที่โลกกำลังร้อน เราจึงไม่ควรร้อนตามโลก แต่ควรมีธรรมเป็นที่พึ่ง เพื่อให้เรามีพลังในการดำเนินชีวิตและทำประโยชน์แก่โลกได้อย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าโลกจะร้อนเพียงใด แต่ธรรมนั้นร่มเย็นเสมอ เมื่อใดใจถึงธรรม ความสงบเย็นภายในก็เป็นไปได้แม้โลกภายนอกจะร้อนรุ่มเพียงใดก็ตาม”

พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 02:00:03 pm
(http://upic.me/i/7m/17883874_1761797560797265_7242646997427425961_n.jpg) (http://upic.me/show/60674672)



ยิ้มรับด้วยใจปล่อยวาง

“เมื่อต้องเจอกับปัญหาหรือเหตุร้าย การยิ้มรับมันย่อมดีกว่าการปฏิเสธมันด้วยความกลัว เพราะการยิ้มรับนั้นในแง่หนึ่งหมายถึงการไม่ยอมรับอำนาจคุกคามของมัน และทำให้มันไม่น่ากลัวอีกต่อไป แทนที่จะมองเป็นศัตรู กลับเห็นเป็นมิตรไปเสีย ท่าทีเช่นนี้ยังสามารถใช้ได้กับความตาย ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น เมื่อจะต้องเจอมันอย่างแน่นอน ควรเรียนรู้ที่จะยิ้มรับมันเสียแต่ตอนนี้ หรือถึงจะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลย เมื่อถึงคราวที่ต้องเจอมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ การเดินยิ้มเข้าหามัน ย่อมดีกว่าการพยายามเบือนหน้าหรือหลีกหนีมันด้วยความกลัว”




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 02:05:52 pm
(http://upic.me/i/pb/17952833_1762775367366151_1956890169056711959_n.jpg) (http://upic.me/show/60674706)


ไม่รวยก็สุขได้

ความสุขมิใช่อภิสิทธิ์ของคนรวย แต่เป็นสมบัติของทุกคน จริงอยู่เงินทองสามารถบันดาลความสะดวกสบายให้เกิดขึ้นได้ แต่ความสะดวกสบายหาใช่ความสุขไม่ คนจำนวนไม่น้อยมีความทุกข์ทั้ง ๆ ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ใช่หรือไม่ว่าคนสมัยนี้มีชีวิตที่สะดวกสบายและมั่งคั่งกว่าคนสมัยก่อนมาก แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความเครียด ความเจ็บป่วยทางจิต และอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าด้วยเช่นกัน

เจอสิ่งดี ๆ เช่น โชคลาภไม่ได้เป็นหลักประกันว่าใจจะดีหรือมีความสุขเสมอไป ในทำนองเดียวกันแม้เจอสิ่งร้าย ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าใจจะย่ำแย่หรือเป็นทุกข์ไปด้วย เจออะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าใจเป็นอย่างไร หากใจมีสติ ปัญญา หรือวางใจถูก แม้เจอสิ่งร้าย ๆ ใจก็ยังเป็นปกติ หรือมีความสุขได้ หลายคนไม่เพียงก้าวข้ามความยากลำบากและความสูญเสียพลัดพรากไปได้เท่านั้น หากยังเข้มแข็ง มั่นคง และฉลาดกว่าเดิม

ใจที่ฝึกไว้ดีแล้ว นอกจากจะเป็นปกติในยามเจอเหตุร้ายแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ด้วย ดังนั้นแทนที่จะร่ำร้องเรียกหาหรืออธิษฐานขอให้เจอสิ่งดี ๆ ควรที่เราจะให้ความสำคัญกับการหมั่นฝึกใจให้ดี มีคุณภาพ เพราะนี้ต่างหากที่เป็นหลักประกันแห่งความสุขที่แท้จริง

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 02:11:27 pm
(http://upic.me/i/t8/18033134_1763687423941612_7284449362136915565_n.jpg) (http://upic.me/show/60674728)


พอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้

“ตราบใดที่เรายังเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่เสมอ เราจะหาความสุขไม่ได้เลย ไม่ว่าร่ำรวยแค่ไหน ได้โชคได้ลาภเพียงใดก็ตาม แต่ทันทีที่เรารู้จักพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ความสุขจะบังเกิดขึ้นทันที แทนที่จะเฝ้ามองสมบัติของคนอื่นว่าดีกว่าอย่างไร เราลองหันมาชื่นชมสิ่งที่เรามี เห็นข้อดีหรือประโยชน์ของสิ่งที่มีอยู่ ความพอใจก็จะเกิดขึ้น ความรุ่มร้อนก็จะหายไป แทนที่จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่เราไม่มี ทำไมไม่หาความสุขจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในขณะนี้”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 02:14:04 pm
(http://upic.me/i/vy/18010353_1764262603884094_699553241774865835_n.jpg) (http://upic.me/show/60674727)


มองงาน มองชีวิต

งานนั้นจะเกื้อกูลชีวิตและจิตใจได้ก็ต่อเมื่อเราไม่ปล่อยให้งานกลายเป็นทั้งหมดของชีวิต เพราะชีวิตเรามีสิ่งทรงคุณค่าอีกมากมายนอกจากงาน เช่น สุขภาพกาย สุขภาพใจ ครอบครัว และความสัมพันธ์กับผู้อื่น เป็นต้น หากคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ และสามารถจัดวางชีวิตให้มีความสมดุลระหว่างสิ่งเหล่านี้ งานจะไม่ใช่ตัวบั่นทอนชีวิต แต่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกาย สุขภาพใจ ทำให้ครอบครัวแน่นแฟ้น และความสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นไปอย่างราบรื่น

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 20, 2017, 02:17:29 pm
(http://upic.me/i/nh/17523173_688075511399790_1077276757992231072_n1.jpg) (http://upic.me/show/60674750)

   
                                                                                       (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) คุณค่าของเวลา (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)



“ถ้าเราไม่ต้องตาย วันแต่ละวัน เวลาแต่ละวินาที ก็จะดูไม่มีค่า เหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่ไม่เห็นค่าของเวลา ตรงกันข้ามกับคนป่วยหนักหรือเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่จะเห็นค่าของวันเวลาที่เหลืออยู่ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเช้าวันใหม่ แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้วที่วันนี้ยังไม่ตาย ยังมีเวลาที่จะได้ทำสิ่งที่อยากทำ ความรู้สึกแบบนี้จะไม่มีกับวัยรุ่นหรือแม้แต่คนทั่วไปเพราะเขาคิดว่ายังมี เวลาเหลือเฟือในโลกนี้

ความสุขจะหาได้ง่ายขึ้นมาก ถ้าเราตระหนักว่าเราต้องตายไม่ช้าก็เร็ว มีบางคนที่ทุกเย็นเมื่อได้เห็นหน้าลูก หน้าสามีภรรยา แค่นี้เขาก็มีความสุข และขอบคุณชีวิต ในขณะที่หลายคนกลับมีความสุขยากเหลือเกิน ต้องการโน่น ต้องการนี่ ตัวเองมีอยู่แล้วก็ไม่พอ ก็เพราะเขาลืมว่าสักวันหนึ่งเขาต้องตาย ไม่ว่าจะได้อะไรมาก สักวันหนึ่งก็ต้องสูญเสียมันไป”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 21, 2017, 07:17:31 pm
(http://upic.me/i/m9/18056967_1791523370874972_3187571586487330242_n.jpg) (http://upic.me/show/60681884)


มองให้ดีจะพบว่าความวุ่นมักเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง ทั้งโดยการหากิจกรรมหรือสิ่งเสพต่าง ๆ มาทำให้วุ่น และโดยการเร่งรีบทำสิ่งต่าง ๆ จนเกิดความรู้สึกวุ่นขึ้นมา ประการหลังนี้ถูกตอกย้ำให้เป็นหนักขึ้นเมื่อมีทัศนคติว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” หรือ “เวลาเป็นของมีค่า”

คนมีเงินจะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากทัศนคติดังกล่าว ดังนั้นจึงคอยไม่เป็นและเร่งรีบจนเป็นนิสัย หนักกว่านั้นก็คือจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ “เป็นเงินเป็นทอง” จึงทนไม่ได้กับการนั่งเล่น เดินเล่น ปลูกต้นไม้ บางคนแม้แต่จะพูดคุยกับลูกเมีย ก็ไม่มีเวลาให้เพราะกลัวว่าจะเสียเวลาทำมาหากิน (แม้แต่เด็ก ๆ ก็ติดทัศนคติแบบนี้มากขึ้นทุกที เด็กคนหนึ่งเมื่อถูกถามว่าทำไมไม่คุยกับพ่อบ้าง คำตอบก็คือ “คุยแล้วไม่ได้คะแนน ก็เลยไม่รู้จะคุยทำไม)

คนที่คิดแบบนี้จึงชอบหมกมุ่นกับงาน หรือไม่ก็หางานมาทำตลอดเวลา หรือทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ถ้าหยุดหรือมีเวลาว่างเมื่อไรก็จะไม่สบายใจหรือรู้สึกผิด เมื่อเป็นเช่นนี้ชีวิตจะไม่วุ่นได้อย่างไร

ชีวิตจะหายวุ่นและมีเวลาว่างมากขึ้น จึงอยู่ที่ตัวเราเป็นสำคัญ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ผู้คนแวดล้อม หรือแม้แต่อาชีพการงาน (การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่าคนอเมริกันในปัจจุบันใช้เวลากับการทำมาหากินน้อยลงเมื่อเทียบกับ ๔ ทศวรรษที่แล้ว แต่กลับรู้สึกวุ่นมากกว่า)

ดังนั้นถ้าอยากให้ชีวิตวุ่นน้อยลง อย่างแรกที่ทำได้เลยคือลืมไปเสียบ้างว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” ถึงแม้สิ่งที่ทำจะไม่ให้ผลงอกเงยเป็นเงินทอง ก็ควรทำด้วยความใส่ใจ ไม่เร่งรีบ พึงตระหนักว่า “ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด” คือทำทุกอย่างในปัจจุบันให้ดีที่สุด แม้จะเป็นแค่การล้างมือ อาบน้ำ หรือถูฟัน เงินทองนั้นสำคัญก็จริงอยู่ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความสุขใจอันเกิดจากจิตที่ผ่อนคลาย เป็นสมาธิ

อย่าลืมว่ามีเงินมากเท่าไรก็ซื้อความสุขใจไม่ได้ การมีเวลาให้ใจได้อยู่นิ่ง ๆ และผ่อนคลาย เช่น ทำสวน เดินเล่น ทำโยคะ หรือนั่งสมาธิ เป็นการทำให้เวลามีค่ายิ่งกว่าเงินทองเสียอีก

ควบคู่กันไปก็คือการทำให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ การทำหลายอย่างพร้อมกันนอกจากจะทำไม่ได้ดีสักอย่างแล้ว ยังทำให้จิตเป็นสมาธิได้ยาก การแบ่งความใส่ใจให้แก่หลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดความรู้สึกเครียดและวุ่นได้ง่าย ถึงเวลาจะพักจิตให้สงบก็ทำไม่ได้ จึงกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 26, 2017, 05:46:55 am
(http://upic.me/i/qn/18033197_10155087969240535_6788828870293422315_n.jpg) (http://upic.me/show/60706046)


ก่อนที่เราจะมองอนาคตผ่านฐานคิดและชีวิตของท่านพุทธทาสภิกขุ ควรได้ย้อนกลับไปดูว่าท่านพุทธทาสภิกขุมองอนาคตอย่างไรตอนที่ท่านเริ่มตั้งสวนโมกขพลาราม

เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๔๗๕ เวลานั้นพุทธศาสนาดำเนินมาใกล้ถึงยุคกึ่งพุทธกาลแล้ว ห่างกันเพียง ๒๕ ปีเท่านั้น ในชาวพุทธจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าเมื่อพุทธศาสนายุกาลผ่านไปได้ ๕๐๐๐ ปีก็จะสิ้นอายุขัย ยุคกึ่งพุทธกาลจึงเป็นเครื่องเตือนใจถึงความเสื่อมถอยของพุทธศาสนาและกลียุคที่จะรุนแรงมากขึ้น

ความเชื่อดังกล่าวดูเหมือนจะมีอิทธิพลต่อความคิดของท่านพุทธทาสภิกขุในเวลานั้นไม่มากก็น้อย คือมองเห็นว่าความเสื่อมทางศีลธรรมจะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และความทุกข์จะแผ่ซ่านไปทั่ว

ทัศนะดังกล่าวยังปรากฏให้เห็นจากปาฐกถาธรรมของท่านแม้ในระยะหลัง อาทิ ปาฐกถาธรรมเรื่อง “โลกวิปริต” ซึ่งแสดงในปี ๒๕๑๙ มีบางตอนกล่าวว่า “เราเกิดมาในโลกที่วิปริต กำลังวิปริตอย่างยิ่ง และแสนจะวิปริต คือเต็มไปด้วยวิกฤตการณ์และความทุกข์”

แต่ท่านพุทธทาสภิกขุไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายอย่างเดียว ท่านมองว่าความทุกข์นั้นมีประโยชน์ในแง่ที่กระตุ้นให้ผู้คนขวนขวายหาหนทางดับทุกข์และเกิดปัญญาขึ้นมา

ในทำนองเดียวกันความตกต่ำเสื่อมโทรมหรือวิกฤตการณ์ในทางศีลธรรมก็มีประโยชน์ตรงที่ช่วยกระตุ้นเร่งเร้าให้ผู้คนช่วยกันฟื้นฟูศีลธรรมเพื่อมาทัดทานกับสภาพที่ตกต่ำ

แม้เวลานั้นพระหนุ่มวัย ๒๖ อย่างท่านอาจมิได้รู้สึกว่าตน “โชคดี”ที่ได้มาเกิดในยุคที่พุทธศาสนากำลังเสื่อมลง แต่ท่านก็หาได้รู้สึกท้อแท้หมดหวังไม่ ตรงกันข้ามกลับมีความมุ่งมั่นที่จะ “ช่วยกันส่งเสริมความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในยุคซึ่งเราสมมติกันว่าเป็นกึ่งพุทธกาล ”

นี้คือจุดเริ่มต้นของสวนโมกขพลาราม

ท่านพุทธทาสภิกขุมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย การที่พุทธศาสนาจะเสื่อมลงไปนั้นก็เพราะมีเหตุปัจจัย ขณะเดียวกันท่านก็เชื่อว่าเหตุปัจจัยเหล่านั้น บางส่วนก็อยู่ในวิสัยที่มนุษย์หรือคนเล็กๆ คนหนึ่งสามารถที่จะทัดทาน แปรเปลี่ยนหรือบรรเทาลงได้

อย่างไรก็ตามท่านตระหนักดีว่าท่านเองเป็นพระชั้นผู้น้อยที่มีกำลังไม่มาก จึงเริ่มต้นที่จุดเล็ก ๆ ด้วยการสร้างสวนโมกข์ให้เป็นสถานที่ส่งเสริมฟื้นฟูการปฏิบัติธรรมอย่างที่เคยทำในสมัยพุทธกาล โดยเน้นชีวิตที่เรียบง่าย อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และไม่แยกระหว่างปริยัติกับปฏิบัติ

โดยหวังว่าการกระทำเช่นนั้น “อาจเป็นเครื่องสะดุดตาสะกิดใจ ให้เพื่อนพุทธบริษัทเกิดสนใจในการส่งเสริมการปฏิบัติธรรม หรือรักการปฏิบัติด้วยตนเองขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย” ในตอนนั้นท่านคิดเพียงว่า

“เราทำตนเป็นเพียงผู้ปลุกเร้าความสนใจ ก็นับว่าได้บุญกุศลเหลือหลายแล้ว”

จะเห็นได้ว่าท่านพุทธทาสภิกขุมิได้คิดว่าท่านเป็นบุคคลสำคัญหรือมหาบุรุษที่เกิดมาเพื่อทำภารกิจทางประวัติศาสตร์ เช่น เปลี่ยนแปลงโลก หรือพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ท่านมีสำนึกอย่างชาวพุทธธรรมดาคนหนึ่งซึ่งตระหนักว่าตนมีหน้าที่ต่อพระศาสนา

อย่างไรก็ตามในฐานะปัจเจกบุคคล ท่านเชื่อว่าถ้าเรามีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวแล้ว ก็สามารถทำสิ่งที่ยากได้ โดยเฉพาะการบรรลุถึงอุดมคติของชาวพุทธ

ในจดหมายที่ท่านเขียนถึงนายธรรมทาส พานิช ผู้น้อง ก่อนจะทิ้งชีวิตที่สะดวกสบายในกรุงเทพ ฯ และกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อสร้างสวนโมกข์ ท่านได้ประกาศความมุ่งมั่นว่า

“เราเดินตามโลกตั้งแต่นาทีที่เกิดมา จนถึงนาทีที่มีความรู้สึกตอนนี้ ต่อนี้ไปเราจะไม่เดินตามโลก และลาโลกไปค้นหาสิ่งที่บริสุทธิ์ ตามรอยพระอริยะที่ค้นแล้วจนพบ...ถึงแม้ว่าเราะได้เกิดอีกตั้งแสนชาติก็ดี บัดนี้เราจะไม่เดินตามหลังโลกอีกต่อไป จะอาศัยโลกสักแต่กาย ส่วนใจเราจะทำให้เป็นอิสระจากโลกอย่างถึงที่สุด เพื่อเราจะได้พบความบริสุทธิ์ในขณะนั้น”

พระไพศาล วิสาโล
#๑๑๑ปีพุทธทาสภิกขุ #พุทธธรรมกับสังคม


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 26, 2017, 05:49:08 am
หลุดหลงเพราะรู้ทุกข์

ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น ดังมีคำกล่าวว่า “เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้ เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้”

อันนี้เป็นทุกข์แบบหนึ่ง เรียกว่าทุกข์ของสังขาร เป็นเรื่องของกาย

ทุกข์อีกแบบหนึ่งคือ ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ อันนี้เป็นเรื่องของอารมณ์ เรื่องของใจ ความทุกข์ทางอารมณ์หรือทุกข์ใจนี้ จะว่าไปแล้วล้วนเกิดจากความหลง

ความหลงมีสองอย่าง คือ “ไม่รู้ตัว” กับ “ไม่รู้ความจริง”

การไม่รู้ตัวเกิดจากความเผลอ ลืมตัว มันทำให้เราคิดไปในทางที่เพิ่มทุกข์ให้แก่ตนเอง เชื้อเชิญความทุกข์ใจให้เกิดขึ้นกับเรา

ความโศกความร่ำไรรำพันมักจะเกิดตอนที่เรานึกถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว สิ่งที่เสียไปแล้ว คนรักที่จากไปแล้ว ไม่สามารถจะเอากลับคืนมาได้ ก็เลยเศร้าโศกเสียใจ

ความคับแค้นใจมักจะเกิดตอนที่เรานึกถึงคนที่ขัดอกขัดใจเรา หรือคนที่ต่อว่าด่าทอเรา บางครั้งเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ใจก็ไม่ยอมวางเสียที บางทีก็จดจ่อหมกมุ่นกับอนาคต คิดไปในทางเลวร้าย มันจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็คิดไปในทางลบแล้ว เรียกว่ามโน ก็ทำให้เกิดความวิตกกังวล กระวนกระวาย ความทุกข์ใจเกิดขึ้นแล้วก็ยังหลงปกป้องรักษาฟูมฟักหล่อเลี้ยงมันเอาไว้ อันนี้ก็คือความหลง ไม่รู้ตัว

รากเหง้าของความทุกข์

แต่ที่จริงแล้วรากเหง้าของความทุกข์คือ หลงตัวที่สองคือ “ไม่รู้ความจริง” ความจริงที่ว่า คือ สิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ดับไป เรียกว่าเป็นทุกข์ หรือ ทุกขัง รวมทั้ง ไม่มีอะไรที่สามารถยึดเป็นตัวเป็นตนได้ คือเป็นอนัตตา

สรุปก็คือ สิ่งทั้งปวง ไม่ว่ารูปธรรมหรือนามธรรม ล้วนไม่น่ายึดถือเพราะยึดถือไม่ได้ เพราะว่ามันแปรเปลี่ยนเป็นนิจ มันต้องเสื่อมต้องดับไป แต่พอเราไม่รู้ความจริงข้อนี้ เราก็เลยมีความคิดหรือความอยากที่สวนทางกับความจริง หรือมิอาจเป็นจริงได้

เช่น ยึดว่าร่างกายนี้จะต้องหนุ่มต้องสาวตลอด จะต้องไม่แก่ จะต้องมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง มีกำลังวังชาไปเรื่อย ๆ จะต้องไม่เจ็บไม่ป่วย ทั้ง ๆ ที่ควรจะมองว่าคนเราที่ไม่แก่ ไม่ป่วยนั้นไม่มี แต่ว่าใจไม่ยอมรับเพราะหลงยึดเอาไว้

ยึดไว้ว่าอะไรที่ได้มาแล้วก็จะไม่เสื่อมสูญไป มีของรักมีของถูกใจแล้วก็จะยึดให้มันอยู่กับเราไปนาน ๆ ชั่วฟ้าดินสลาย แต่ความปรารถนาเหล่านี้ล้วนขัดแย้งกับความจริง ก็เลยเกิดความทุกข์ใจ เกิดความอาลัย เกิดความวิตก เมื่อของรักหายไปก็กลุ้มอกกลุ้มใจ เมื่อคนรักจากไปก็โศกเศร้าเสียอกเสียใจ นี่เป็นเพราะความหลง ไม่รู้ความจริง

ปีที่แล้วมีมิวสิควีดีโอซึ่งเป็นที่รู้จักในแวดวงคนจำนวนหนึ่ง ชื่อว่า “ห้านาทีบรรลุธรรม” เนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่หลงรักผู้หญิง ผู้หญิงก็รักผู้ชายคนนี้หมายมั่นว่าจะแต่งงานกัน แต่แล้ววันหนึ่งผู้หญิงก็ทิ้งเขาไป ชายหนุ่มคนนี้ก็เศร้าโศกเสียใจมาก สุดท้ายจึงตัดสินใจบวช ถือว่าเป็นการบวชเพราะอกหัก ช่วงที่กำลังโกนผม เขาถามหลวงพ่อว่าทำไมคนรักกันจึงทิ้งกันไป ทำไมสุดท้ายต้องจากกัน เป็นเพราะทำกรรมอะไรไว้หรือ

VDO ห้านาทีบรรลุธรรม ===> https://www.youtube.com/watch?v=3aIcqeZ1ktY (https://www.youtube.com/watch?v=3aIcqeZ1ktY)

หลวงพ่อไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่บอกให้ชายหนุ่มคนนี้ลองลืมตาสัก ๕ นาที โดยไม่ต้องกระพริบตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว ลองทำดูว่าเป็นอย่างไร ชายหนุ่มคนนี้ลองทำดูก็รู้สึกว่ามันยากมาก พอฝืนไม่กระพริบตา สักพักน้ำตาก็ไหล หลวงพ่อจึงบอกว่า

“เมื่อมีลืมตา สุดท้ายก็ต้องหลับตา” หากปฏิเสธหรือขัดขืนไม่ยอมกระพริบตา ก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมา แล้วหลวงพ่อก็สรุปว่า สรรพสิ่งนั้นไม่เที่ยง เกิดมาแล้วก็ดับไป

ความรักหรือคนรักนั้น ก็เช่นเดียวกับสิ่งต่าง ๆ ล้วนไม่เที่ยง ถ้าจะยึดมั่นถือมั่น พยายามให้มันเที่ยง มันก็เหมือนกับการพยายามลืมตาตลอดโดยไม่กระพริบตา ก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมา เพราะเป็นธรรมชาติของตาที่จะต้องกระพริบ ลมหายใจก็เช่นกัน ถ้าเราลองหายใจเข้าแล้วไม่หายใจออกก็จะเกิดความอึดอัดมาก ถ้าทำไปนาน ๆ ก็จะเกิดผลเสียต่อร่างกายหรืออาจถึงตายได้

ทุกสิ่งมีความแปรเปลี่ยนอยู่เป็นนิจ ก็เหมือนกับเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ นั่งไปสักพักเราก็ต้องขยับ ถ้าเราฝืนไม่ขยับก็จะปวดเมื่อย ยิ่งฝืนก็ยิ่งปวดเมื่อยเป็นทุกข์มากขึ้น ทุกข์ทำให้เราต้องขยับ แต่ถ้าเราต้องการตรึงให้ร่างกายเราอยู่ในท่านี้ ก็จะยิ่งทุกข์มากขึ้น มันบอกเราว่า ร่างกายนี้เป็นอนิจจัง ถ้าเราปฏิเสธอนิจจังก็จะทำให้เราเกิดทุกข์มากขึ้น เกิดความคับแค้น ความเครียด รวมถึงความอาลัยอาวรณ์ นี้คือรากเหง้าแห่งความทุกข์ของมนุษย์โดยเฉพาะความทุกข์ใจ

ความทุกข์ที่เกิดจากความหลงคือไม่รู้ความจริงนั้น ทำอย่างไรเราจะรู้ความจริงว่าทุกข์เพราะหลง สิ่งเดียวที่ทำให้รู้ได้ คือ #การเรียนรู้จากความทุกข์ ถ้าเรียนจากหนังสือหรือได้ยินได้ฟังจากครูบาอาจารย์ แต่ยังไม่เจอทุกข์ด้วยตนเอง ก็ยากที่จะเห็นความจริงที่ว่าได้


ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 26, 2017, 05:57:50 am
(http://upic.me/i/0q/18156829_1797355490291760_3881219744324675703_n.jpg) (http://upic.me/show/60706049)


มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “กานต์” เธอป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเมื่ออายุ ๓๐ ต้น ๆ โรคนี้มักเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุมาก ๆ ทีแรกหมอไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ หมอคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เธอป่วยเป็นมะเร็งนั้น อาจมาจากการที่เธอสูบบุหรี่ แต่เธอก็ไม่เคยสูบบุหรี่เลย

ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่กลัวความตายมาก ๆ ครั้งแรกที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งนั้น อารมณ์ของเธอแปรปรวน กลายเป็นคนขี้โกรธ โมโหใส่คนใกล้ชิดเป็นประจำ แต่ผ่านไปปีหนึ่งเธอก็สามารถทำใจได้ และสงบนิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดหนึ่งเธอก็พบว่า มะเร็งนั้นไม่ร้ายเท่ากับความทุกข์ใจ เธอบอกว่า

“มะเร็งไม่ได้ทำให้ยิ้มคุณหายไป ทุกข์ในใจต่างหากเป็นตัวทำ”

เธอกำลังจะบอกว่ามะเร็งที่เกิดขึ้นกับเธอนั้น อย่างมากก็ทำให้เกิดทุกข์ทางกายเท่านั้น มันไม่สามารถทำให้รอยยิ้มหายไปได้ หากรอยยิ้มจะหายไปก็เป็นเพราะความทุกข์ใจล้วน ๆ ถามว่าความทุกข์ใจเกิดจากอะไร ความทุกข์ใจเกิดจากการที่ไม่ยอมรับความจริง เธอเคยกล่าวว่า

“ในขณะที่เราคิดว่าความจริงมันโหดร้าย แต่การไม่ยอมรับความจริงนั้นโหดร้ายกว่า เพราะมันเปรียบเหมือนคุกที่ขังใจเราไว้”

มะเร็งเป็นเรื่องของกาย ส่วนความทุกข์ใจเป็นเรื่องของจิตใจที่ไม่ยอมรับความจริง คนที่จะเห็นอย่างนี้ต้องเจอความทุกข์มาด้วยตนเอง ถามว่าอะไรทำให้คนเราไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นมะเร็ง คำตอบก็คือความยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย

แต่หลังจากที่กานต์ได้หันมาศึกษาธรรม เธอพยายามไตร่ตรองมองตน จนพบว่า ทุกข์กายอันหนึ่ง ทุกข์ใจก็อีกอันหนึ่ง ทุกข์กายเกิดจากมะเร็ง ส่วนทุกข์ใจเกิดจากการวางใจผิด เพราะความหลงนั่นเอง การได้เห็นความจริงทำให้เธอมีใจที่สงบ และยอมรับความตายได้ ในที่สุดเธอก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ

หากใคร่ครวญดี ๆ จะพบว่าความทุกข์ใจนั้นไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก มันเกิดจากใจของเรา ใจที่วางผิด ใจที่หลง ใจที่ไม่เห็นความจริง หรือใจที่ลืมตัว หลงจมอยู่กับความทุกข์ คนเราทุกข์เพราะหลง แต่ความทุกข์นั้นเองทำให้เราเห็นความจริงได้ เพราะอะไร ก็เพราะเราหันมาพิจารณาความทุกข์ เมื่อเราพิจารณาความทุกข์ก็ทำให้เราเห็นความจริง

เป็นเพราะเหตุนี้เมื่อพระพุทธเจ้าทรงสอนอริยสัจ ๔ จึงทรงยกเอาทุกข์เป็นอริยสัจข้อแรก พระองค์ตรัสว่า ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้ให้รอบ ให้ทั่วถึง ท่านทรงใช้คำว่าปริญญา คือ รู้รอบรู้ทั่ว หมายความว่า ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน จะทำให้เกิดปัญญาที่ทำให้ออกจากทุกข์ได้ แต่การที่เราจะเห็นความจริงอย่างรอบด้านก็ต้องเจอทุกข์ด้วยตัวเองก่อน เมื่อเราเห็นทุกข์ พิจารณาทุกข์ ปัญญาก็จะเกิดขึ้น

คนเราเมื่อเกิดทุกข์ ก็มักหลงเข้าไปเป็นผู้ทุกข์ แต่ถ้ามีสติ จิตก็จะออกจากทุกข์ มาเป็นผู้เห็นทุกข์ พิจารณาทุกข์อย่างรอบด้านทั่วถึง ความทุกข์ที่พิจารณานั้นไม่ใช่ความทุกข์ที่ไหน ก็เป็นความทุกข์ที่เกิดจากความหลงนั่นเอง เมื่อเราหันกลับมาใคร่ครวญ ก็จะรู้ว่าเราทุกข์เพราะหลง ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศร้อน ไม่ใช่ทุกข์เพราะคำพูดของคนอื่น ไม่ใช่ทุกข์เพราะเกิดโรคร้ายกับตน แต่เกิดจากความหลง ไม่รู้ตัว หรือวางใจผิด

ดังนั้นเราจะต้องหมั่นมองตนด้วยสติ พิจารณาตัวเรา ดูร่างกายไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นความจริงว่ากายและใจมันไม่จีรังยั่งยืน เกิดแล้วก็ดับไป มีแล้วก็เสื่อมไป เพราะมันเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เมื่อมีความทุกข์เกิดขึ้น ลองใช้ความทุกข์มาเป็นแบบฝึกหัดในการใคร่ครวญด้วยปัญญา โดยเริ่มจากสติ ดูว่าความโศกเศร้า ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจนั้นเกิดจากอะไร ดูเพื่อให้เรารู้ว่าเรากำลังคับแค้นอยู่ กำลังทุกข์อยู่ โดยไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่รู้แค่นั้นพอ

ถ้าหากยังไม่รู้ใจ ก็ขอให้รู้กายก่อน แล้วค่อยตามรู้ใจทีหลัง โดยหมั่นฝึกฝนเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่าเราทุกข์เพราะความคิด ไม่ได้ทุกข์เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ใช่เพราะมีสิ่งภายนอกมากระทบเรา ไม่ใช่เพราะแดด ไม่ใช่เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่เพราะรถติด ไม่ใช่เพราะคำพูดของคนอื่น แต่เป็นเพราะใจที่หลงต่างหากทำให้เป็นทุกข์

เราจะพ้นจากความหลง เห็นความจริงได้ ก็ด้วยการหมั่นรู้ตัวอยู่บ่อย ๆ เห็นความจริงบ่อย ๆ ปัญญาก็จะเกิด ตอนแรกจะเห็นด้วยสติ ตอนหลังเราจะเห็นด้วยปัญญา การเห็นด้วยสติ คือ การรู้ตัว ส่วนการเห็นด้วยปัญญา คือรู้ความจริง ทำให้หลุดจากความหลงซึ่งเป็นรากเหง้าของความทุกข์

ดังนั้นเราขอให้หมั่นเจริญสติ สร้างความรู้สึกตัวบ่อย ๆ เพื่อรับมือความทุกข์ที่จะเกิดขึ้น จนสามารถเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งปวงได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 02, 2017, 07:20:49 pm
(http://upic.me/i/ry/18194666_1800449556649020_2640374931728438749_n.jpg) (http://upic.me/show/60746567)


การปลอบประโลมใจหรือให้ความหวังแก่คนที่ถูกทุกข์รุมเร้านั้น เป็นบทบาทที่สำคัญ(ของพุทธศาสนา) อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการปล่อยให้เขาจมอยู่ในความทุกข์ ไร้ทางออก สิ้นหวัง จนต้องหันไปทำร้ายตนเองหรือทำร้ายผู้อื่น

แต่พุทธศาสนาหรือบุคลากรทางศาสนา เช่น พระสงฆ์ ไม่ควรหยุดเพียงแค่นั้น เพราะการปลอบประโลมใจหรือให้ความหวังแก่ผู้คนนั้น เป็นการช่วยเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้น แม้เขาจะมีเรี่ยวแรงกลับมาตั้งหลักสู้ชีวิตจนปัญหาผ่านพ้นไป อาจจะหายป่วย พ้นจากหนี้สิน หรือทำงานลุล่วง แต่ในที่สุดเขาก็ต้องประสบกับความเจ็บป่วย ความพลัดพรากสูญเสีย และความตายในที่สุด หากเขาไม่ตระหนักถึงความจริงดังกล่าว หรือไม่เตรียมตัวเตรียมใจเผชิญกับความจริงเหล่านี้ ก็จะทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่งเมื่อมันมาอยู่ต่อหน้า

การปลอบประโลมใจจึงเป็นเสมือน "ยาระงับปวด" ที่ช่วยบรรเทาทุกข์เพียงชั่วคราวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามทุกวันนี้วัดและพระสงฆ์ส่วนใหญ่มุ่งปลอบประโลมใจญาติโยม พูดให้เขาสบายใจสถานเดียว นอกจากไม่ยอมบอกความจริงอันระคายหู(แต่จำเป็น)แล้ว ยังถึงขั้นตามใจหรือพะเน้าพะนอญาติโยม เช่น อวยพรให้เขา "รวย ๆๆ" อย่างเดียว กลายเป็นการพะเน้าพะนอกิเลส ส่งเสริมตัณหา ซึ่งมีมากอยู่แล้ว ให้มีมากขึ้น

ในฝ่ายญาติโยมก็เช่นกัน พากันมาวัดเพียงเพื่อหาความสบายใจ ไม่ใช่เพื่อคลายทุกข์เท่านั้น แต่ยังอยากได้ยินคำพูดที่ถูกใจถูกกิเลสจากพระ ครั้นพระพูดถึงความจริงของชีวิตที่กระตุกใจให้ไม่ประมาท กระทุ้งใจไม่ให้เพลิดเพลินหลงใหลในสิ่งที่เป็นมายา หรือกระแทกกิเลสไม่ให้กำเริบ กลับไม่อยากได้ยิน อุดหูสถานเดียว จำนวนไม่น้อยมาวัดเพื่อทำบุญ ครั้นได้เวลาพระแสดงธรรม ก็รีบกลับบ้านทันที

ท่าทีดังกล่าวไม่ได้เกิดกับญาติโยมที่มาวัดเพื่อทำบุญ ขอน้ำมนต์ เช่าวัตถุมงคล เท่านั้น แม้กระทั่งผู้ที่เรียกตนว่านักปฏิบัติธรรม จำนวนไม่น้อยก็เข้าวัดเพียงเพื่อความสบายใจชั่วคราว มาภาวนาเพียงเพื่อให้ใจสงบ ไม่มีเรื่องว้าวุ่นใจ แต่ไม่คิดที่จะขูดกิเลส ลดความเห็นแก่ตัว หรือขัดเกลาตนเอง ลึก ๆ ก็ยังยึดติดในลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข แม้ครูบาอาจารย์จะพูดถึงโทษของกิเลสและความยึดติดถือมั่น ก็ไม่สนใจที่จะนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง หลายคนอยากไปหาครูบาอาจารย์ที่พูดนุ่ม ๆ ไปอยู่สำนักที่สบาย เลี่ยงไปหาครูบาอาจารย์ที่มุ่งขนาบลูกศิษย์

พระพุทธองค์แม้ทรงเปี่ยมด้วยพระมหากรุณา ปรารถนาจะช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ อีกทั้งให้ความหวังแก่เราว่าการพ้นทุกข์นั้นเป็นไปได้ ดังที่เคยตรัสว่า ผู้ใดอาศัยพระองค์เป็นกัลยาณมิตรแล้ว ย่อมพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ และความทุกข์ แต่ในเวลาเดียวกันอีกด้านหนึ่งของพระองค์ก็คือการเคี่ยวเข็นไม่อ่อนข้อกับกิเลสของผู้คน ดังตรัสกับพระอานนท์ว่า "เราจะไม่ทำกับพวกเธออย่างทะนุถนอม .....เราจะขนาบแล้วขนาบอีกไม่มีหยุด”

คำสอนของพระองค์ก็เช่นกัน นอกจากด้านที่ให้ความหวังแก่ผู้คนแล้ว ยังมีอีกด้านที่คอย "ขนาบ" ผู้คน เพื่อขูดเกลากิเลส และรื้อถอนอวิชชา ด้วยเหตุนี้พุทธศาสนาไทยนอกจากจะมีหลวงพ่อคูณ แล้วจำเป็นต้องมีพระอย่างหลวงตามหาบัวด้วย

เป็นชาวพุทธทั้งทีควรได้ประโยชน์สูงสุดจากพุทธศาสนา จึงไม่ควรหวังความสบายใจจากพุทธศาสนาอย่างเดียว แต่ต้องพร้อมที่จะฟังความจริงที่ไม่หวานหู ไม่พะนอกิเลส แต่เขย่าใจให้ตื่น รวมทั้งกล้าที่จะเคี่ยวเข็นตนเอง เข้าหาการปฏิบัติที่ขูดเกลากิเลส สั่นคลอนความหลง ท้าทาย(ความยึดติดใน)อัตตา พร้อมให้ครูบาอาจารย์ขนาบแล้วขนาบอีก ด้วยวิธีอย่างนี้เท่านั้นที่ความทุกข์จะลดลงจนไม่เหลืออีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 02, 2017, 07:41:06 pm
(http://upic.me/i/y8/18157553_1360040164083695_1682069455794900751_n.jpg) (http://upic.me/show/60746577)


“เวลาเรารู้สึกไม่ชอบอะไรสักอย่าง
ปัญหาจริง ๆ อาจไม่ได้อยู่ที่สิ่งนั้น
แต่เป็นความรู้สึกไม่ชอบของเรา
ต่างหาก พูดอีกอย่างก็คือ
สิ่งนั้นไม่ได้สร้างปัญหาหรือ
ก่อความทุกข์ให้เรามากเท่า
กับความรู้สึกไม่พอใจมัน”

พระไพศาล วิสาโล

*---------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/pj/17992036_1767852260191795_4472818215890114604_n.jpg) (http://upic.me/show/60746611)


ทุกข์เพราะความคิด

“คนเรามักทุกข์เพราะความคิดของตน
หากไม่รู้จักทักท้วงหรือไตร่ตรอง
ความคิดของตนเสียบ้าง ก็จะเป็นทุกข์
ไม่หยุดหย่อน เหตุการณ์ในอดีตนั้นแม้
จะเลวร้ายเพียงใด ก็ทำร้ายเราได้ไม่มาก
เท่ากับความคิดติดลบของเราเอง”

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/sj/18198240_697345643806110_8677496050563590441_n.jpg) (http://upic.me/show/60746653)

สุขปัจจุบัน

“มีแต่คนที่อยู่กับปัจจุบันขณะเท่านั้น
จึงจะรู้สึกตื่นและมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง
เป็นคุณภาพที่ต่างจากคนซึ่งฝันถึงความสุข
ในอนาคต ใช้ชีวิตราวคนหลงละเมอ
ปัจจุบันคือเวลาประเสริฐสุด เพราะเป็น
โอกาสเดียวเท่านั้นที่เราสามารถทำสิ่งดีงาม
ให้เกิดขึ้นได้ ถ้าต้องการความสำเร็จ
ก็ต้องลงมือทำเสียแต่บัดนี้ ถ้าต้องการ
ความสุข ก็ต้องรู้จักเป็นสุขเสียแต่ตอนนี้”

พระไพศาล วิสาโล

*-----------------------------------------*

(http://upic.me/i/ya/18119588_1768732553437099_107097854175559890_n.jpg) (http://upic.me/show/60746613)

อย่าด่วนสรุป

“อย่าด่วนสรุป และถึงแม้ว่าเราจะมีความคิดหรือสรุปล่วงหน้าแล้วก็ให้รู้จักทักท้วงความคิดเหล่านั้นบ้าง อย่าเชื่อความคิดของตัวเองไปเสียหมด ให้ตระหนักว่ามันเป็นแค่ความคิด ไม่ใช่ความจริง ความจริงอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ ถ้าเราเผื่อใจ หรือทักท้วงความคิดของตัวเองบ้าง ก็จะช่วยให้เราไม่เผลอทำอะไรผิดพลาด จนเกิดความเสียหายขึ้นมา นอกจากจะช่วยไม่ให้เราสร้างความทุกข์หรือความขัดแย้งให้กับคนอื่นแล้ว ก็ยังป้องกันไม่ให้เราเกิดความเดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง”

พระไพศาล วิสาโล

*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/ie/18194791_1770241453286209_8451128877021519708_n.jpg) (http://upic.me/show/60746654)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  สุขจากการทำความดี  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“การทำความดีนั้นบ่อยครั้งหมายถึงการเสียสละ
เช่น เสียสละเงินทอง เวลา หรือแรงงาน แต่ก็ทำ
ให้เกิดความอิ่มเอมใจเมื่อเห็นผู้ทุกข์ได้รับความสุข
อีกทั้งยังช่วยให้อัตตาของเราเบาบางลง อัตตายิ่งเบาบางมากเท่าไร เราก็ยิ่งมีความสุขได้ง่ายเท่านั้น
เพราะเพียงแค่เห็นผู้อื่นเป็นสุข เราก็สุขแล้ว โดยไม่จำต้องไปดิ้นรนแสวงหาสิ่งต่าง ๆ มาครอบครอง การทำความดีจึงเป็นเสมือนกุญแจ ที่เปิดประตูให้ใจได้สัมผัสกับความสุขภายใน ซึ่งประเสริฐและประณีตกว่าความสุขจากวัตถุ”

พระไพศาล วิสาโล





ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 05, 2017, 06:49:04 am
(http://upic.me/i/oh/18221697_1807966739230635_3078246478014013027_n.jpg) (http://upic.me/show/60761529)



สำหรับพุทธศาสนาชีวิตที่สูงส่งคือชีวิตที่กอปรด้วยปัญญาและกรุณา ปัญญาคือความรู้ความเข้าใจความจริงของชีวิตจะเป็นอิสระจากความผันผวนปรวนแปรของโลกได้ ส่วนกรุณาคือความรักความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิต โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตน อุดมคติดังกล่าวมักถ่ายทอดผ่านพระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนของบุคคลที่พัฒนาตนจนถึงอุตมภาวะอย่างเต็มศักยภาพแห่งความเป็นมนุษย์

วิหารอานันทะในเมืองพุกาม ประเทศพม่า เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีอายุนานนับพันปี หนึ่งในสององค์นั้นนักท่องเที่ยวชาวไทยเรียกว่า “พระยิ้ม-บึ้ง” เนื่องจากหากมองไกลจะเห็นพระพักตร์แย้มยิ้ม แต่ถ้าเดินเข้าไปใกล้ ๆ จะพบว่ารอยยิ้มแปรเปลี่ยนไป ตามสายตาของคนส่วนใหญ่ ภาพที่เห็นคือพระพักตร์ที่ “บึ้ง”

แท้จริงหากมองอย่างพินิจ พระพักตร์ที่มองจากมุมใกล้นั้น หามีอาการบึ้งไม่ หากเป็นพระพักตร์ที่สงบต่างหาก จะถูกต้องกว่าหากเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระยิ้ม-สงบ” เหตุใดพระพุทธรูปองค์เดียวจึงมีสองลักษณะเมื่อมองจากต่างมุม คำตอบน่าจะเป็นเพราะช่างโบราณนั้นประสงค์ที่จะแสดงพุทธคุณสองประการอันเป็นอุดมคติของมนุษย์ ได้แก่ พระกรุณาคุณ และพระปัญญาคุณ
พระกรุณาคุณนั้นแสดงออกด้วยพระพักตร์ที่แย้มยิ้ม เปี่ยมด้วยความรักต่อสรรพชีวิต ใครที่รอนแรมจากที่ไกลเมื่อได้เห็นย่อมรู้สึกอบอุ่นใจ ใครที่มีความทุกข์ใจ ย่อมมีความหวังว่าจะได้รับการปกปักรักษาจากพระองค์

ส่วนพระปัญญาคุณนั้นแสดงออกด้วยพระพักตร์ที่สงบนิ่งเมื่อมองจากมุมใกล้ เป็นอาการของผู้รู้แจ้งความเป็นไปของโลก จึงไม่หวั่นไหวในสุขหรือทุกข์ โลกธรรมไม่ว่าบวกหรือลบจึงไม่สามารถทำอะไรพระองค์ได้

ผู้ใดที่พินิจพระพุทธรูปพระองค์นี้ด้วยใจที่ใคร่ครวญ ย่อมตระหนักชัดว่า สิ่งที่พึงยึดถือเป็นอุดมคติของชีวิตนี้ก็คือการบ่มเพาะปัญญาและกรุณาให้เจริญมั่นคงในใจ เพราะเราจะพ้นทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อมีปัญญารู้แจ้งความจริงของชีวิตว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จึงไม่ยึดติดในโลกหรือสังขารทั้งปวง และเมื่อพ้นทุกข์ ละวางตัวตน ไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัวทั้งปวง จึงมีจิตกรุณาต่อสรรพสัตว์ไม่มีที่สุดประมาณ ปรารถนาช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์

พระไพศาล วิสาโล

ภาพจาก http://bit.ly/29D6KBV




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 16, 2017, 04:33:09 pm
(http://upic.me/i/ci/18402603_1815376615156314_9042358514512395235_n.jpg) (http://upic.me/show/60829217)



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ปุจฉา : ความสำคัญของวันวิสาขบูชาและพระพุทธศาสนาในประเทศไทยวันนี้ ที่พุทธบริษัทควรจะได้ประโยชน์สูงสุด และในวิถีบรรพชิตกว่า ๓๐ พรรษาของพระอาจารย์ ได้รับประโยชน์อันสูงสุดจากพระพุทธศาสนาอย่างไรบ้าง


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  วิสัชนา : วันวิสาขบูชาเป็นวันแห่งการประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธองค์ ในด้านหนึ่งวันนี้เตือนใจให้เราระลึกถึงความจริงของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น นั่นคือความไม่เที่ยง เมื่อเกิดแล้วก็ต้องตาย แต่ในเวลาเดียวกันก็ชี้ชวนให้เราตระหนักถึง อุดมคติของชีวิตที่ทุกคนควรทำให้เป็นจริง การตรัสรู้ของพระองค์เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ที่มีอยู่ในเราทุกคน นั่นคือความสามารถที่จะลุถึงอิสรภาพจากความทุกข์ทั้งปวง การอยู่อย่างไร้ทุกข์คือประโยชน์สูงสุดที่ชาวพุทธควรจะได้รับจากพระพุทธศาสนา

คำสอนของพระพุทธองค์ช่วยให้อาตมาเห็นชัดว่าอุดมคติหรือจุดหมายสูงสุดของชีวิต คือจิตที่สงบเย็น ไร้ทุกข์ ควบคู่กับการบำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์แก่สรรพสัตว์ ซึ่งสรุปด้วยคำสองคำของท่านอาจารย์พุทธทาส คือ “สงบเย็น และเป็นประโยชน์”

คำสอนของพระองค์ยังทำให้อาตมาเห็นวิธีการเพื่อบรรลุถึงอุดมคติดังกล่าว นั่นคือ การฝึกจิตรักษาใจมิให้ความคิดและอารมณ์ปรุงแต่งทั้งหลายมารบกวนรังควานหรือสร้างทุกข์ให้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดหรือเจออะไรมากระทบก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นก็คือการเปิดใจและใคร่ครวญชีวิตจนเห็นความจริงว่า เต็มไปด้วยความผันผวนปรวนแปรและไม่แน่นอน มิอาจยึดติดถือมั่นหรือคาดหวังให้เป็นดั่งใจได้ รวมทั้งเห็นโทษของการหลงติดในตัวตน การเห็นความจริงดังกล่าวช่วยให้อารมณ์ปรุงแต่งต่าง ๆ รบกวนจิตใจน้อยลง และอยู่กับอนิฏฐารมณ์หรือเหตุร้ายฝ่ายลบต่าง ๆ ได้ด้วยใจที่สงบขึ้น

ในอีกด้านหนึ่งก็ช่วยให้ความเห็นแก่ตัวลดน้อยลง และเกื้อกูลผู้อื่นได้มากขึ้น ประสบการณ์ที่ผ่านมาของอาตมายังชี้ว่า การช่วยเหลือผู้อื่นนั้น เป็นประโยชน์แก่ตนเองด้วย กล่าวคือ ช่วยขัดเกลาจิตใจ ให้ยึดติดในตัวตนน้อยลง นึกถึงคนอื่นมากขึ้น และอดทนต่อสิ่งที่มากระทบได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรค ความยากลำบาก คำนินทา อีกทั้งยังฝึกให้รู้เท่าทันสิ่งล่อเร้าเย้ายวน เช่น คำสรรเสริญ หรือลาภสักการะทั้งหลาย

หากไม่ได้รู้จักและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ ชีวิตของอาตมาคงเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน ขึ้นลงไปตามกระแสโลก และถูกสิ่งต่าง ๆ รอบตัวรุมเร้าหรือบงการจิตใจ จนหาความสุขสงบเย็นได้ยาก

หมายเหตุ พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล มีอายุครบ ๖๐ ปี
เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม (วิสาขบูชา) ที่ผ่านมา



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 16, 2017, 04:41:11 pm
(https://upic.me/i/ky/18301841_1813702448657064_6212349182879978716_n.jpg) (http://upic.me/show/60829234)



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   พุทธศาสนาเป็นมากกว่าสิ่งปลอบประโลมใจ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


ผู้คนเข้าวัดหรือนับถือพุทธศาสนาด้วยเหตุผลที่หลากหลาย แต่เหตุผลหลักย่อมได้แก่การแสวงหาสิ่งปลอบประโลมใจหรือให้ความหวังแก่ชีวิต หลายคนเข้าวัดเพื่อหวังว่าบุญกุศลจะช่วยเสริมสร้างสิริมงคลหรือปัดเป่าอันตราย บ้างก็มาสะเดาะเคราะห์เพราะหวังว่าโรคร้าย หนี้สิน และเคราะห์กรรมทั้งปวงจะมลายไป ประสบแต่ความมั่งมีศรีสุข ได้รับความสำเร็จ

ส่วนคนที่สูญเสียคนรัก ก็หวังว่าทานที่ถวายแก่สงฆ์จะช่วยให้ผู้ล่วงลับไปสู่สุคติ ไม่เพียงการมาวัดจะช่วยคลายความเศร้าโศกเท่านั้น หากยังช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับคนรัก ด้วยการทำบุญอุทิศให้แก่เขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก หรือลูกในท้อง

คนจำนวนไม่น้อยมาวัดเพราะปรารถนาน้ำมนต์และวัตถุมงคลเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ ด้วยความเชื่อว่าได้มาแล้วจะแคล้วคลาดจากอันตราย ประสบความสุขความเจริญ มีหลายคนที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่แค่มาวัด ได้กราบพระพุทธรูป เห็นพระพักตร์อันสงบอิ่มเอบ ความร้อนใจก็บรรเทาลง เกิดกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไป

กล่าวได้ว่าหน้าที่หลักประการหนึ่งของพุทธศาสนาในสังคมไทยก็คือ การให้ความหวังและกำลังใจ รวมทั้งช่วยให้สบายใจ นี้คือแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้ผู้คนเข้าหาวัดและนับถือพุทธศาสนา อย่างไรก็ตามพุทธศาสนายังมีบทบาทหลักอีกประการหนึ่ง ที่มิอาจมองข้ามได้เลย นั่นคือ การกระตุก เขย่า และกระทุ้งจิตใจของผู้คน เพื่อให้พ้นจากความหลงและความประมาทด้วย

ในขณะที่พุทธศาสนาให้ความหวังแก่เราว่า เมื่อทำความดี หมั่นสร้างบุญกุศล ก็จะประสบความสุขความเจริญ อีกด้านหนึ่งพุทธศาสนาก็เตือนเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ความสุขความเจริญนั้นไม่เที่ยง ลาภและยศนั้นมีแล้วก็หมด มาแล้วก็ไป ความมั่งมี อำนาจ และความสำเร็จ แม้ให้ความสุขแก่เราก็จริง แต่ก็เจือไปด้วยทุกข์ ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจหากยึดติดถือมั่น เราจึงไม่ควรยึดเป็นสรณะ

ในขณะที่น้ำมนต์และวัตถุมงคลที่ได้จากวัดให้ความหวังว่าเราจะหายป่วยหายไข้ อีกด้านหนึ่งพุทธศาสนาก็ย้ำว่า เราทุกคนหนีความแก่ ความเจ็บ และความตายไม่พ้น ชีวิตที่ผาสุก ร่ำรวย พรั่งพร้อมด้วยวัตถุ ในที่สุดก็จะต้องจบสิ้น มีมากมายเท่าไรก็เอาไปไม่ได้เลยแม้แต่สลึงเดียว ใช่แต่เท่านั้นขณะที่ชีวิตยังไม่สิ้น เรายังต้องพบกับความพลัดพรากสูญเสีย ไม่ว่าคนรักของรัก ล้วนอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น

พุทธศาสนาไม่เพียงแต่บอกเราว่า ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง หากยังย้ำอีกว่า ทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ คือนอกจากจะไม่คงทน ต้องเสื่อมดับไปแล้ว ยังบีบคั้นแก่ผู้ยึดถือ เป็นเสมือนของร้อนหรือคบไฟที่กำไว้ได้ไม่นานก็ต้องรีบปล่อย ใช่แต่เท่านั้นความทุกข์ยังอยู่กับเราตลอดเวลาและรอเราอยู่ข้างหน้าด้วย “เราทั้งหลายเป็นผู้ที่ถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้ว เป็นผู้ที่มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว” คือข้อความตอนหนึ่งในบทสวดทำวัตรเช้าที่ชาวพุทธจำนวนมากคุ้นเคย

นี้คือคำสอนของพุทธศาสนาที่ตีแผ่ความจริงให้เราตระหนัก แต่เป็นความจริงที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากฟัง เพราะสั่นคลอนความรู้สึกของผู้คนที่ปรารถนาจะให้ชีวิตนี้ยั่งยืน เต็มไปด้วยความสุข อยากให้ของรักคนรักอยู่กับเราไปตลอดชั่วฟ้าดินสลาย ความจริงดังกล่าวเป็นสิ่งที่เสียดแทงหรือสั่นคลอนความรู้สึกของผู้คน จนไม่อยากได้ยิน

ยิ่งกว่านั้นพุทธศาสนายังย้ำเตือนว่า ไม่มีอะไรที่ยึดมั่นเป็นตัวเราของเราได้เลย แม้แต่ตัวเราหรือ “ตัวกู” ก็ไม่มีจริง เพราะทุกอย่างเป็นอนัตตาทั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ตามเพียงแค่ได้ยินว่า ตัวกู ไม่เที่ยง ต้องตาย ก็ไม่สบายใจแล้ว ยิ่งพระมาบอกว่า ตัวกู ไม่มีจริง เป็นแค่มายาภาพ ก็ยิ่งรับไม่ได้

อย่างไรก็ตามการบอกและย้ำเตือนความจริงเหล่านี้คือหน้าที่สำคัญที่สุดของพุทธศาสนา เพราะช่วยเตือนใจไม่ให้เพลิดเพลินในความสุขอันเป็นของชั่วคราว หรือติดยึดในยศ ทรัพย์ อำนาจ จนกลายเป็นทาสของมัน และพร้อมที่จะทำชั่วเพื่อมัน จนแม้ยอมตายเพื่อมัน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 16, 2017, 04:46:13 pm
(http://upic.me/i/sd/18342047_1816113081749334_928384852631740287_n.png) (http://upic.me/show/60829236)



ปุจฉา : หนูอยากทราบว่าเวลาทำบุญต่าง ๆเสร็จแล้ว ควรจะอธิษฐานว่าอย่างไรจึงจะถูกต้อง หรือว่าไม่ต้องอธิษฐานคะ เพราะจะได้ไม่โลภ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา : คุณสามารถตั้งจิตอธิษฐานได้หลายอย่าง คนส่วนใหญ่มักขอให้ความสุขอย่างโลก ๆ (โลกียสุข) บังเกิดแก่ตนเอง เช่น ร่ำรวย มีโชคลาภ ฯลฯ อย่างไรก็ตามการอธิษฐานดังกล่าวยังเจือด้วยกิเลส จะดีกว่าหากตั้งจิตอธิษฐานให้แก่ผู้อื่น เช่น อุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้มีพระคุณที่ล่วงลับ หรือถ้าจะขอให้อานิสงส์บังเกิดแก่ตนเอง ก็ขอให้เป็นประโยชน์ทางธรรม เช่น มีความเพียรในการปฏิบัติธรรม จนกิเลสเบาบาง หรือเกิดปัญญาเห็นธรรมจนพ้นจากทุกข์

คนแต่ก่อนจะอธิษฐานสั้น ๆ โดยมุ่งปรมัตถธรรม นั่นคือ “นิพพานะ ปัจจโย เหตุ” แปลว่า ขอให้เป็นปัจจัยไปสู่พระนิพพาน เป็นคำอธิษฐานที่สั้น กระชับ แต่เข้าถึงแก่นของพุทธศาสนา และตรงกับคำสอนของพระสารีบุตรที่ว่า “บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมไม่ให้ทานเพราะเห็นแก่อุปธิสุข(โลกียสุข) ย่อมไม่ให้ทานเพื่อภพใหม่ แต่ บัณฑิตเหล่านั้นย่อมให้ทานเพื่อกำจัดกิเลส เพื่อไม่ก่อภพต่อไป”



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 25, 2017, 07:08:14 am
(http://upic.me/i/ef/18622351_1780314392278915_3062564584016814100_n.jpg) (http://upic.me/show/60875588)


ความสุขนั้นบ่อยครั้งมารออยู่ข้างหน้าแล้ว

แต่ผู้คนกลับปล่อยให้มันผ่านเลยไป

เพราะมัวจดจ่ออยู่กับจุดเล็ก ๆ ที่เป็นลบ

แค่ไม่กี่จุดเท่านั้น หากมองข้ามมันไปบ้าง

ความสุขก็จะมานั่งในใจเราทันที

พระไพศาล วิสาโล


* -------------------------------------------------------- *

อยู่กับกิเลสอย่างมีสติ

“เพียงแค่หมั่นดูใจของตนอยู่เสมอ ทำอะไรใจก็อยู่กับสิ่งนั้น ใจลอยไปไหน ก็รู้ แล้วกลับมาอยู่กับสิ่งนั้น ทำบ่อย ๆ สติก็จะว่องไวปราดเปรียว ช่วยคุ้มกันใจ ไม่ให้อารมณ์ใด ๆ ครอบงำ เพียงเท่านี้ ความสงบเย็น โปร่งโล่งเบาสบาย จะกลายเป็นเรื่องง่าย แม้รอบตัววุ่นวายเพียงใดก็ตาม”


* -------------------------------------------------------- *

ใช้”สมอง”จนลืม “หัวใจ”

อารมณ์ความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเราอย่างยิ่ง เกิดขึ้นเมื่อใดใจก็น่าจะรับรู้ได้ทันที แต่นับวันผู้คนที่ไม่รับรู้อารมณ์ความรู้สึกของตนมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถูกถามว่า “คุณรู้สึกอย่างไรขณะนี้” หรือ “เมื่อกี้รู้สึกอย่างไร” หลายคนกลับตอบไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร บางคนเอาความคิดในหัวของตนมาตอบ นั่นเป็นเพราะทุกวันนี้ผู้คนเหินห่างแปลกแยกกับตัวเองมาก เนื่องจากหมกมุ่นอยู่กับสิ่งภายนอกมากเกินไป เช่น งานการ เงินทอง จนละเลยความรู้สึกของตน หาไม่ก็ใช้ “สมอง”มากเกินไป จนลืมใช้ “หัวใจ”ของตน

พระไพศาล วิสาโล


* -------------------------------------------------------- *


เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อให้รู้จักตัวเอง

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 07, 2017, 07:45:56 am
(http://upic.me/i/se/18767382_1835939056433403_7212803821718891118_n.jpg) (http://upic.me/show/60941380)


"ทนแบกต่อไปถ้าไร้สติ"


อดทนอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีสติเข้ามาด้วย เพราะถ้ามีสติมันไม่ต้องทน มันเห็นแล้วมันก็ปล่อยได้ ทนนี่คือยังแบกอยู่ เหมือนเราแบกของหนักเอาไว้ เราแบกของหนักเราต้องทน เหมือนนักยกน้ำหนักต้องใช้ความอดทนมาก เวลาแบกน้ำหนัก จนกว่าจะถึงเวลา 5 วินาทีถึงจะค่อยปล่อย

แต่ว่าเราไม่ต้องทนก็ได้ หากเรามีสติ เพราะเราจะรู้ว่าไปแบกทำไม?

ถ้าเราแบกเราก็ต้องใช้ความทน แต่ถ้าเราปล่อย เราวาง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องทน และเราปล่อยวางได้ เพราะเรามีสติ แต่ที่เราไปแบกเพราะเราไม่มีสติ เราก็เลยไปแบกเอาไว้ มันก็เลยต้องใช้ความทนเข้ามาช่วยประคองเอาไว้

แต่ถ้าปล่อย ถ้าวางเมื่อไร มันก็ไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องทน เพราะมันเบาสบายอยู่แล้ว
นี่คือความต่างระหว่างการใช้ความอดทนหรือขันติ กับการมีสติ อดทนเพราะต้องแบก แต่ว่าสตินี้ไม่แบก มันปล่อย เพราะไม่เผลอ

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 07, 2017, 07:49:49 am
(http://upic.me/i/wr/18835788_1840724115954897_3230526712878441573_n.jpg) (http://upic.me/show/60941382)


ในสมัยพุทธกาล มีพราหมณีคนหนึ่งร่ำรวยมาก ชื่อว่าเวเทหิกา นางมีความสุขมาก จิตใจนิ่งสงบ เธอคิดว่าเป็นเพราะตัวเองปฏิบัติธรรมดี พูดอวดคนนั้นคนนี้ทำนองว่าฉันเก่ง นางทาสีคนหนึ่งได้ยิน วันหนึ่งจึงอยากทดสอบนาง แกล้งนอนตื่นสาย ไม่ลุกมาตักน้ำให้นางเวเทหิกาล้างหน้า พอนางเวเทหิการู้เข้าก็ไม่พอใจ ด่าว่านางทาสีคนนั้นด้วยความโกรธ นางทาสีจึงได้โอกาสบอกให้นางเวเทหิการู้ว่า ที่เธอเป็นสุขและใจสงบได้นั้น ไม่ใช่เพราะปฏิบัติธรรมดี แต่เป็นเพราะทุกอย่างรอบตัวเธอราบรื่นหรือถูกใจเธอต่างหาก แต่พอมีอะไรไม่ถูกใจ ไม่สมหวัง ก็ขุ่นมัวขึ้นมาทันที

การที่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราจะเป็นไปอย่างราบรื่นตามใจหวังตลอดเวลานั้นเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่อยู่วัดก็อาจเจอสิ่งขัดใจ ทำให้ว้าวุ่นใจ มีหลายคนไม่อยากรับผิดชอบงานในวัด อยากอยู่ในกุฏิเฉย ๆ เพราะกลัวว่าถ้าทำงานแล้วใจจะไม่สงบ ความคิดแบบนี้ทำให้กลายเป็นคนไม่รับผิดชอบ ไม่เอื้อเฟื้อต่อส่วนรวม และที่สำคัญคือกลายเป็นคนจิตใจอ่อนแอ เพราะเจออะไรมากระทบนิดหน่อยจิตใจก็เป็นทุกข์แล้ว ใครก็ตามที่พยายามหนีไปอยู่ในที่ที่สงบสงัด ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เพื่อจะได้มีความสงบสุข พึงตระหนักว่าความสงบสุขแบบนั้นเป็นสิ่งที่เปราะบางมาก เพราะอะไรมากระทบก็ไม่ได้ ถ้าพึ่งพาสิ่งแวดล้อมที่สงบอย่างเดียว จะผิดหวังเพราะของแบบนี้ไม่จิรัง ไม่ยั่งยืน มันเป็นของชั่วคราว

เราต้องเรียนรู้ที่จะเข้าถึงความสงบแบบไม่ต้องอิงอาศัยสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องอาศัยคนอื่นมาปรนนิบัติให้ถูกใจเรา เราต้องเรียนรู้ที่จะหาความสงบได้ด้วยตัวเอง ความสงบแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการฝึกใจ ด้วยการปฏิบัติธรรม เจริญสติ ฝึกสมาธิภาวนา ไม่เช่นนั้นความสุขหรือความสงบที่เกิดขึ้นกับเรา ก็จะหลุดลอยไปจากเราได้ง่าย ๆ เพียงแค่มีคนมาพูดกระทบ ตำหนิ หรือแม้แต่ท้วงติง จิตใจเราก็รุ่มร้อนแล้ว ถ้าไม่อยากให้จิตใจเรารุ่มร้อนหรือวุ่นวายง่าย ๆ ก็ต้องฝึกใจให้มั่นคง ไม่หวั่นไหวง่าย ๆ มีการวางจิตวางใจที่ถูกต้อง ถ้าเราฝึกจิตฝึกใจจนมั่นคง รู้จักวางใจให้ถูก เราก็จะพบกับความสงบได้ในทุกที่ ทุกสถานการณ์ แม้แต่เวลาเจ็บป่วยก็ยังพบกับความสงบใจได้ ใครพูดอะไรมาใจก็ไม่กระเพื่อม รู้จักปล่อยวางได้ หรือว่าเจอสิ่งไม่สมหวัง งานล้มเหลว ใจก็ไม่ทุกข์

อาจารย์ของอาตมา หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ ท่านทำงานเยอะตั้งแต่ยังหนุ่ม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการสอนธรรมเท่านั้น ท่านยังทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชน การช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก การอนุรักษ์ธรรมชาติ ท่านทำมาเป็นเวลาหลายสิบปี เคยมีคนถามว่างานที่ท่านทำนั้นสำเร็จหรือไม่ ท่านก็มักจะตอบว่า “งานที่หลวงพ่อทำล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงแม้งานล้มเหลว แต่หลวงพ่อไม่ล้มเหลว" คือแม้งานของท่านล้มเหลว แต่ท่านก็ยังสงบเย็นอยู่ได้ อย่างนี้เรียกว่าเข้าถึงความสงบที่ใจ เพราะว่าได้ฝึกจิตฝึกใจมาจนกระทั่งวางใจถูก เมื่อวางใจถูก มีอะไรมากระทบใจก็สงบได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 08, 2017, 02:46:06 pm
(http://upic.me/i/7b/18622420_1781103578866663_3050945725398157704_n.jpg) (http://upic.me/show/60948571)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  อย่าให้อัตตาครองใจ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“เพียงแค่เปิดใจฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ คำท้วงติง ก็ช่วยได้มาก เพราะเวลาเจอคำท้วงติง อัตตาจะไม่ยอม มันจะฮึดฮัดขัดขืน เมื่อไรก็ตามที่เรารู้ว่ามันฮึดฮัดขัดขืน แทนที่จะเดือดร้อนกับมัน ควรสมน้ำหน้ามัน ถือว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นการทรมานอัตตาให้กร่างน้อยลง มันจะได้สงบเสงี่ยมเจียมตัวมากขึ้น เพราะถ้าเราไม่ทรมานมันบ้าง ไม่ฝึกให้มันอยู่เป็นที่เป็นทางบ้าง มันก็จะยกหูชูหาง แล้วมาครอบงำเรา ทำให้เป็นทุกข์อยู่ร่ำไป “

พระไพศาล วิสาโล

*---------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/6y/18699757_1781476915495996_2566165481365543930_n.jpg) (http://upic.me/show/60948529)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ช้าลงสักนิด ชีวิตเป็นสุข


"ความสุขที่คนเราได้มาโดยไม่ต้องลงทุนขวนขวาย แสวงหาจากภายนอก มักเป็นความสุขลึก ๆ ที่เกิดขึ้นภายในจากการปล่อยวางบางสิ่งบางอย่างลง"

ไม่ต้องปล่อยวางอะไรมาก แค่วางงานที่ผ่านไปแล้วหรือยังมาไม่ถึง ให้ออกไปจากใจ แล้วใส่ใจอยู่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่เฉพาะหน้า แม้สิ่งที่กำลังทำอยู่ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งสำคัญ เช่น กินข้าว อาบน้ำ ถูฟัน แต่หากทำสิ่งนั้นให้ช้าลง ไม่ต้องรนหรือรีบทำให้เสร็จไว ๆ เพื่อทำอย่างอื่นต่อ จะช่วยให้จิตใจเราผ่อนคลายขึ้น และส่งผลให้ชีวิตเราช้าลง มีเวลาใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้าง เพียงเท่านี้ความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีก็จะตามมามากมาย ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

พระไพศาล วิสาโล

*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/l6/18700103_1781912302119124_3189153955659540311_n.jpg) (http://upic.me/show/60948530)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  สุขใจเมื่อช่วยผู้อื่น  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ต้นไม้ไม่เคยลังเลที่จะทิ้งกิ่งใบเพื่อเป็นปุ๋ยแก่แผ่นดิน ทั้งนี้ก็เพราะต้นไม้สำนึกในบุญคุณของผืนดินที่เคยให้ปุ๋ยหล่อเลี้ยงแต่ครั้งยังเป็นต้นกล้า ต้นไม้ยังมีความสุขที่คายน้ำคืนสู่ฟ้า เพื่อขอบคุณที่ฟ้าได้โปรยฝนให้แก่ต้นไม้จนเติบใหญ่

วันนี้ต้นกล้าในใจเราอาจกำลังอัดแน่นด้วยความปรารถนาที่จะตอบแทนโลกและช่วยเหลือผู้คนอยู่ก็ได้ อย่าเฉยเมยความปรารถนาดังกล่าว อย่าปล่อยให้โอกาสดังกล่าวผ่านเลยไป ลองลุกขึ้นมาช่วยเหลือผู้อื่น เกื้อกูลส่วนรวม แล้วใจเราจะเบ่งบานด้วยความสุข

พระไพศาล วิสาโล

*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  เริ่มต้นใหม่  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

คนเรานั้นไม่ว่าทำความผิดพลาด
อะไรลงไป​ ก็สามารถเริ่มต้นใหม่
ได้เสมออย่ามัวครุ่นคิดอยู่กับ
ความผิดพลาดในอดีต​ใจจะ
พลอยเศร้าหมองและหนักอึ้ง
จนไม่มีเรี่ยวแรงในการทำความดี
หากวางมันลง​ จิตใจจะโปร่งเบา
และกลับมีพลังในการทำความดี

พระไพศาล วิสาโล

*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ช่างมัน..ไม่เป็นไร  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

"ปัญหาไม่ได้มีไว้กลุ้ม
ปัญหามีไว้แก้ ก็ขอให้
ตั้งหน้าตั้งตาแก้ ตั้งหน้า
ตั้งตาจัดการกับมัน
การปฎิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน
เวลาเกิดอะไรขึ้นที่ไม่น่าพอใจ
ก็ให้ท่องคาถาว่า
"ช่างมัน"ไม่เป็นไร"
มันเครียดก็ไม่เป็นไร
มันหงุดหงิดก็ไม่เป็นไร
อันนี้จะทำให้เรา.....
ยิ้มรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในใจได้"

พระไพศาล วิสาโล

*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/xj/18835738_713993945474613_767996359324321577_n.jpg) (http://upic.me/show/60948569)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  อยู่ที่ใจ (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“ถ้าเราไปคาดหวังว่าจะต้องเจอ
แต่สิ่งดีๆเนี่ยมันเป็นความเพ้อฝัน
แม้จะมีอำนาจวาสนายิ่งใหญ่แค่ไหนนะ
มันก็ต้องเจอความผิดหวังเป็นธรรมดา
แต่ว่าถ้าใจเราดีเสียแล้ว
ใจเราฉลาดเสียแล้ว
ใจเราเป็นกุศลเสียแล้วเนี่ย
เจอสิ่งที่แย่เราก็ไม่ทุกข์ได้”

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/t1/18767631_1784318795211808_6414918893676535787_n.jpg) (http://upic.me/show/60948531)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  อย่าลืมมองตนเอง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

เป็นเพราะลืมมองตน ผู้คนจึงมัก
สร้างปัญหาหรือมีส่วนทำให้
ปัญหาลุกลามขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นเมื่อใดที่คิดจะแก้ปัญหา
ควรหันมาสำรวจตนเองก่อนที่
จะเรียกร้องหรือจัดการคนอื่น
แม้แต่การช่วยคนอื่นก็เช่นกัน
เพียงแค่ดูแลตนเองให้ดี
ก็สามารถช่วยคนอื่นได้มาก
ภาษิตของพระพุทธเจ้าที่ว่า
“เมื่อรักษาตน ก็เท่ากับรักษาผู้อื่น(ด้วย)”

พระไพศาล วิสาโล

*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/e2/18815122_1786017565041931_7615872634364897108_o.jpg) (http://upic.me/show/60948786)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ยิ้มสร้างกำลังใจ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“เมื่องานล้มเหลว ควรหรือไม่
ที่จะปล่อยให้ใจล้มเหลวด้วย
งานล้มแต่อย่าให้ใจล้ม
ระหว่างคนที่หัวฟัดหัวเหวี่ยง
เมื่องานล้มเหลวกับคนที่ยิ้มได้
เมื่อพบกับความล้มเหลว
คนไหนที่เป็นสุขและฉลาดกว่ากัน”

พระไพศาล วิสาโล

*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/tr/18882280_717096108497730_4398759373420966519_n.jpg) (http://upic.me/show/60948787)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  อย่าให้”ตัวกู”ออกหน้า  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

”คำพูดใด ๆ ก็ตาม แม้เป็นคำด่าว่า
ก็ไม่ทำให้เราเจ็บปวดได้เลย
หากไม่ชูตัวกูขึ้นมารับคำด่านั้น
หรือปล่อยให้ตัวกูออกโรง
เพียงแค่รู้สึกว่า “กูถูกด่า”
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ที่จะสร้างความทุกข์แก่เรา
ในทางตรงข้ามหากเราเอาสติ
หรือปัญญานำหน้า เมื่อถูกคน
ทักท้วงต่อว่า ก็หันมาพิจารณาว่า
ที่เขาพูดนั้นจริงไหมถูกต้องไหม
มีประโยชน์ไหม ทำอย่างนี้
นอกจากจะไม่ทุกข์แล้ว
ยังได้ประโยชน์อีกด้วย”

พระไพศาล วิสาโล

*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/nh/19029269_1786930938283927_6764241891376628828_n.jpg) (http://upic.me/show/60948661)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  คุณค่าของเวลา  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ถ้าเราไม่ต้องตาย วันแต่ละวัน เวลาแต่ละวินาที ก็จะดูไม่มีค่า เหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่ไม่เห็นค่าของเวลา ตรงกันข้ามกับคนป่วยหนักหรือเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่จะเห็นค่าของวันเวลาที่เหลืออยู่ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเช้าวันใหม่ แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้วที่วันนี้ยังไม่ตาย ยังมีเวลาที่จะได้ทำสิ่งที่อยากทำ ความรู้สึกแบบนี้จะไม่มีกับวัยรุ่นหรือแม้แต่คนทั่วไปเพราะเขาคิดว่ายังมี เวลาเหลือเฟือในโลกนี้

ความสุขจะหาได้ง่ายขึ้นมาก ถ้าเราตระหนักว่าเราต้องตายไม่ช้าก็เร็ว มีบางคนที่ทุกเย็นเมื่อได้เห็นหน้าลูก หน้าสามีภรรยา แค่นี้เขาก็มีความสุข และขอบคุณชีวิต ในขณะที่หลายคนกลับมีความสุขยากเหลือเกิน ต้องการโน่น ต้องการนี่ ตัวเองมีอยู่แล้วก็ไม่พอ ก็เพราะเขาลืมว่าสักวันหนึ่งเขาต้องตาย ไม่ว่าจะได้อะไรมาก สักวันหนึ่งก็ต้องสูญเสียมันไป

พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 15, 2017, 07:13:46 am
(http://upic.me/i/wp/18920572_718221491718525_7366256497153879637_n.jpg) (http://upic.me/show/60981106)



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   "ทนแบกต่อไปถ้าไร้สติ"   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)



อดทนอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีสติเข้ามาด้วย เพราะถ้ามีสติมันไม่ต้องทน มันเห็นแล้วมันก็ปล่อยได้ ทนนี่คือยังแบกอยู่ เหมือนเราแบกของหนักเอาไว้ เราแบกของหนักเราต้องทน เหมือนนักยกน้ำหนักต้องใช้ความอดทนมาก เวลาแบกน้ำหนัก จนกว่าจะถึงเวลา 5 วินาทีถึงจะค่อยปล่อย

แต่ว่าเราไม่ต้องทนก็ได้ หากเรามีสติ เพราะเราจะรู้ว่าไปแบกทำไม?

ถ้าเราแบกเราก็ต้องใช้ความทน แต่ถ้าเราปล่อย เราวาง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องทน และเราปล่อยวางได้ เพราะเรามีสติ แต่ที่เราไปแบกเพราะเราไม่มีสติ เราก็เลยไปแบกเอาไว้ มันก็เลยต้องใช้ความทนเข้ามาช่วยประคองเอาไว้

แต่ถ้าปล่อย ถ้าวางเมื่อไร มันก็ไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องทน เพราะมันเบาสบายอยู่แล้ว นี่คือความต่างระหว่างการใช้ความอดทนหรือขันติ กับการมีสติ อดทนเพราะต้องแบก แต่ว่าสตินี้ไม่แบก มันปล่อย เพราะไม่เผลอ

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 15, 2017, 07:19:16 am
(http://upic.me/i/p7/19059426_720950674778940_6398189428917611595_n.jpg) (http://upic.me/show/60981108)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ทุกข์หรือสุขอยู่ที่การวางใจ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


“ความทุกข์ในใจ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่ามีสิ่งแย่ ๆ เกิดขึ้นกับเรา แต่อยู่ที่ว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไร ถ้าเรารู้สึกลบ เราก็เป็นทุกข์ ถ้าเราไม่รู้สึกลบ ใจเราก็เป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นเสียงดัง แดดร้อน อากาศหนาว คำต่อว่าด่าทอ ความเจ็บป่วย ความสูญเสีย ถ้าเรายอมรับได้ ความทุกข์ก็เกิดขึ้นไม่ได้ ใจก็เป็นปกติ แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ข้างหน้าเราคือความตาย ใจก็ยังสงบเย็นได้”

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2017, 02:10:08 pm
(http://upic.me/i/dn/19149259_1790561154587572_65572448681961945_n.jpg) (http://upic.me/show/61015903)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  อย่าเห็นแก่ตัว  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“ความเห็นแก่ตัวหรือความยึดติดในตัวตน คนที่คิดถึงแต่ตนเอง จิตใจจะคับแคบ และมีความสุขได้ยาก ต่อเมื่อนึกถึงผู้อื่นอยู่เสมอ จิตใจจึงจะขยายใหญ่ และมีความสุขได้ง่ายขึ้น เพราะเห็นความทุกข์ของตนเองเป็นเรื่องเล็กลง ยิ่งให้ก็ยิ่งมีความสุข ทำให้เห็นชัดว่า ความสุขมิได้เกิดจากการมีการเสพเท่านั้น ที่ประเสริฐและยั่งยืนกว่านั้นคือความสุขที่เกิดจากการให้และการเกื้อกูลผู้อื่น”

พระไพศาล วิสาโล


*---------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/oa/19225771_1802769089750065_4829633659726150770_n.jpg) (http://upic.me/show/61015906)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  “การทำงานคือการปฏิบัติธรรม”  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ท่านอาจารย์พุทธทาสย้ำเสมอว่า “การทำงานคือการปฏิบัติธรรม” ไม่ว่าจะทำอาชีพการงาน หรือทำกิจวัตรประจำวัน ก็สามารถเป็นโอกาสปฏิบัติธรรมหรือฝึกฝนจิตใจได้เสมอ เช่น ฝึกให้มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ หรือลดละความเห็นแก่ตัว บ่มเพาะเมตตากรุณา รวมทั้งเสริมสร้างมโนธรรมให้เข้มแข็ง อันจะนำไปสู่การปล่อยวางจากความยึดติดถือมั่นในตัวตน หากปล่อยวางสิ่งติดยึดได้มากและลึกเท่าใด โพธิจิตซึ่งอยู่แกนกลางของใจก็จะงอกงามและเปล่งประกายสุกสว่างมากเท่านั้น ทำให้ชีวิตปลอดโปร่งสงบเย็นอย่างยิ่ง

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2017, 02:22:18 pm
(http://upic.me/i/08/19225811_1856415354385773_8097308707659040528_n.jpg) (http://upic.me/show/61015925)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2017, 02:24:30 pm
(http://upic.me/i/ot/19396833_1858008237559818_1449118442127048115_n.jpg) (http://upic.me/show/61015926)


เมื่อประมาณ ๔๐-๕๐ ปีมาแล้ว มีชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งขับเครื่องบินใบพัด แล้วเกิดอุบัติเหตุเครื่องตกบนเทือกเขาแอนดิส ในทวีปอเมริกาใต้ เทือกเขานี้สูงมาก มีแต่หิมะทั้งนั้น เครื่องตกลงมาพังยับเยิน แต่ตัวเขาไม่ตาย ต้องกระเสือกกระสน เดินฝ่าหิมะไปขอความช่วยเหลือจากผู้คน แต่เทือกเขานั้นกว้างใหญ่มาก เดินฝ่าหิมะ ๓ วันก็ยังไม่เห็นวี่แววของผู้คน อากาศก็หนาวเหน็บ จนกระทั่งเขาหมดแรง แต่เขารู้ว่าถ้าล้มฟุบตรงนั้นก็จะลุกขึ้นมาไม่ได้อีกเลย เขาจึงพยายามลุกขึ้นมาเดินต่อ เดินลุยหิมะไปได้สักพักก็หมดแรง

ตอนนั้นเขาคิดว่าต้องตายแน่นอน จึงร่ำลาลูกเมียและเตรียมตัวตาย แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าตายตรงนั้นคงไม่มีใครพบศพเขา เมียก็จะลำบาก เพราะประเทศฝรั่งเศส ถ้าไม่พบศพ ต้องใช้เวลาถึง ๔ ปี ศาลจึงจะประกาศว่าเป็นบุคคลสูญหาย บริษัทประกันภัยถึงจะจ่ายเงินให้เมียหรือทายาท เขาจึงคิดว่าจะตายตรงนั้นไม่ได้ แล้วเขาเหลือบไปมองเห็นหินก้อนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากหิมะ อยู่ห่างประมาณ ๑๐๐ เมตร เขาคิดว่าถ้าทิ้งร่างกายไว้บนหินก้อนนั้น คงมีโอกาสที่คนอื่นจะมาพบศพเขาได้ เขาจึงรวบรวมเรี่ยวแรง เดินกระเสือกกระสนไปจนถึงหินก้อนนั้น แต่ปรากฏเขาไม่ได้หยุดแค่ตรงหินก้อนนั้น เขายังมีแรงเดินต่อไปอีก ๑๐๐ กิโลเมตร จนกระทั่งไปถึงหมู่บ้าน แล้วมีคนช่วยชีวิตเขาไว้ได้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก คนซึ่งไม่มีเรี่ยวแรง กำลังจะตายอยู่แล้ว แต่สุดท้าย ด้วยความรักเมีย ด้วยความห่วงลูก อยากให้ลูกเมียได้รับเงินประกันชีวิต จะได้ไม่ต้องลำบาก ทำให้เขามีเรี่ยวแรง ทีแรกคิดว่าเดินไปอีก ๑๐๐ เมตรก็แย่แล้ว แต่ก็กัดฟันเดินด้วยความรักเมีย ด้วยความห่วงลูก สุดท้ายกลับมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นมาอีก จนกระทั่งสามารถเดินไปได้ไกลกว่าเดิมหลายเท่า เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ใจของคนเรามีพลังมาก และสิ่งหนึ่งที่เป็นพลังให้กับคนเราได้คือความรัก ความห่วงใย

คนเรานั้นมีทั้งพลังบวกและพลังลบในตัว พลังลบ ได้แก่ ความโกรธ ความอาฆาตพยาบาท พลังบวก ได้แก่ ความเมตตากรุณา ความรัก ความห่วงใย ทำให้เราสามารถที่จะทำในสิ่งที่ยามปกติทำได้ยาก

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 22, 2017, 04:54:35 pm
(http://upic.me/i/cr/19396967_1859045077456134_4719143260079286568_n.jpg) (http://upic.me/show/61021819)


มีคุณลุงคนหนึ่ง เป็นคนที่ธัมมะธัมโมมาก ชอบชักชวนเพื่อน ๆ ไปทำบุญ ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน เพื่อสร้างโบสถ์ สร้างวิหารให้แก่วัดในชนบท ยิ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดารมากเท่าไร แกก็ยิ่งใส่ใจมากเท่านั้น ทำอย่างนี้ติดต่อมานานนับสิบปี วันหนึ่งพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง แล้วมะเร็งก็ลุกลามเร็วมาก จนกระทั่งแกอยู่ในระยะสุดท้าย

เมื่อใกล้ตาย แกมีอาการกระสับกระส่าย ลูกหลานเห็นว่าแกเป็นคนธัมมะธัมโม ถ้าได้ฟังเทปธรรมะ ฟังพระสวดมนต์คงจะสงบ แต่ปรากฏว่าไม่ได้ผล แกยังมีอาการกระสับกระส่ายเหมือนเดิม ลูกหลานแปลกใจว่าทำไมคนธัมมะธัมโมฟังเทปธรรมะ ฟังพระสวดมนต์แล้วยังไม่สงบ

จนกระทั่งเพื่อนสนิทของลุงคนนี้มาถึง พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนก็ไปพูดกับคนไข้ว่า “โบสถ์ที่ยังสร้างไม่เสร็จไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะช่วยกันสร้างให้เสร็จ” พูดจบคนไข้ก็สงบ หายกระสับกระส่ายทันที แสดงว่าคำพูดนี้โดนใจแก ที่แกกระสับกระส่ายคงเป็นเพราะมีห่วงว่ายังสร้างโบสถ์ไม่เสร็จ จึงยังตายไม่ได้ ใจต่อต้านความตาย แต่พอได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้ ก็สบายใจ และปล่อยวางได้ ในที่สุดก็ตายอย่างสงบ ไม่มีอาการทุรนทุราย กระสับกระส่าย

เรื่องนี้เตือนใจว่า การทำบุญทำกุศล เช่น การสร้างโบสถ์ แม้ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องตาย ก็ต้องวาง ถ้ายังยึดติด แม้เป็นเรื่องบุญกุศล ก็ทำให้ทุกข์ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อถึงเวลาใกล้ตายก็ต้องรู้จักวาง อะไรที่ยังทำไม่เสร็จก็ต้องวางให้ได้

ลุงคนนี้ทำใจไม่ได้ แต่ยังดีที่มีเพื่อนมาช่วยพูดให้ปล่อยวางได้ แต่เมื่อถึงคราวของเรา อาจไม่มีใครมาพูดแนะนำให้ปล่อยวางได้ เมื่อหวังพึ่งใครไม่ได้ก็ต้องพึ่งตัวเอง ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางด้วยตัวเอง

เมตตากรุณามีประโยชน์ แต่ก็ต้องรู้จักความพอดี และต้องรู้จักวางด้วยเหมือนกัน การทำความดี การทำบุญทำกุศล การสร้างวัดวานั้นดี มีประโยชน์ เป็นบุญกุศลมาก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องวาง เพราะถ้าไม่วาง ยังยึดติดอยู่ ก็สามารถก่อโทษแก่ตัวเราได้ ท่านอาจารย์พุทธทาสเตือนว่า ระวังอย่าให้ความดีกัดเจ้าของ

พระพุทธเจ้าทรงอุปมาว่า ธรรมะของพระองค์นั้นเหมือนกับแพ มีไว้เพื่อให้เราข้ามฟาก เมื่อถึงฝั่งแล้วเราก็เดินขึ้นฝั่ง ไม่ต้องแบกเอาแพติดตัวไปด้วย นั่นคือ ต้องรู้จักปล่อย รู้จักวาง ขนาดกุศลธรรมซึ่งมีประโยชน์ เรายังต้องรู้จักวาง นับประสาอะไรกับอกุศลธรรม ยิ่งมิอาจยึดติดได้เลย

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 07, 2017, 05:58:59 am
(http://upic.me/i/a8/19511095_1472315752807165_1055337204785003051_n.jpg) (http://upic.me/show/61105068)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ทำงานอย่างปล่อยวาง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


ท่านอาจารย์พุทธทาสจึงแนะว่าให้เรา
"ยกผลงานให้เป็นของความว่าง”
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร
ก็อย่าไปยึดว่ามันเป็นของเรา
ถ้าเป็นความสำเร็จ ก็มิใช่ความสำเร็จของเรา

หากเรายึดมั่นว่าเป็นความสำเร็จของเรา
อัตตาก็จะพองโต เกิดความหลงใหลได้ปลื้ม หรือหลงตัวลืมตนได้ง่าย
จนเกิดความสำคัญมั่นหมายว่า “กูแน่”
ใครที่เคยอยู่ใกล้กับคนที่มีความคิดเช่นนี้
ย่อมรู้ได้เองว่าคนอย่างนี้น่ารักและน่าคบหรือไม่

ในทำนองเดียวกันหากผลออกมาเป็นความล้มเหลว
ก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นความล้มเหลวของเรา
มันเป็นแค่ความล้มเหลวของงานเท่านั้น
แต่เราไม่ได้ล้มเหลวด้วย จึงไม่ได้ทุกข์ท้อ
หรือหดหู่

ขณะเดียวกัน เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า
เป็นความล้มเหลวของเรา
ใครจะวิจารณ์ผลงานเหล่านั้น เราก็ไม่ทุกข์
แต่พร้อมจะรับฟังเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข
ในครั้งต่อไป

พระไพศาล วิสาโล



ภาพ : Ekaterina Zagumennova


ที่มา : Facebook Kanlayanatam
https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704/ (https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 04:45:47 am
(http://upic.me/i/gs/as7s2p.jpg) (http://upic.me/show/61133418)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  สงบด้วยปัญญา  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ความสงบใจอีกประเภทหนึ่ง เกิดขึ้นได้ทั้ง ๆ ที่รับรู้ ไม่ว่าจะรับรู้เสียงดัง รับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่ใจก็สงบได้ ความสงบแบบนี้ต่างหากที่น่าสนใจ เพราะไม่ขึ้นกับสถานที่ ไม่ต้องไปอยู่ที่วัดหรือห้องแอร์ ไม่ต้องอยู่แต่ในบ้าน ถึงจะอยู่ข้างนอก หรืออยู่ในที่ทำงานก็สามารถสงบใจได้ อาตมาคิดว่าเราควรสนใจความสงบประเภทนี้ให้มาก

ความสงบทั้ง ๆ ที่รับรู้เกิดขึ้นได้ เพราะมีสติ ... อารมณ์จะเข้ามารบกวนจิตใจเราได้ก็เพราะเราไม่มีสติรักษาใจเอาไว้ สติเปรียบเหมือนยามเฝ้าประตูเมือง...

ความสงบประเภทนี้เป็นความสงบเพราะรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น รู้ทันใจเมื่อกระเพื่อม ตอนที่ใจกระเพื่อมขึ้นคงไม่ค่อยเท่าใดนัก แต่ตอนที่ใจกระเพื่อมลงนี่เองที่เราไม่ค่อยชอบกัน ถ้าเรามีสติรู้ทัน ก็จะช่วยดึงจิตใจที่เคยแฟบลงให้กลับมาเป็นปกติ ที่เคยกระเพื่อมให้กลับมานิ่ง ที่มีอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความเศร้า มาครอบงำให้จมลงไปในอารมณ์เหล่านั้น ก็สามารถดึงจิตออกมาจากอารมณ์เหล่านั้นได้

คนมักคิดว่าที่เราหงุดหงิดเป็นทุกข์นั้นก็เพราะมีสิ่งมากระทบจิตใจ เช่น เสียงหรือการกระทำของคนอื่น อันที่จริงแล้ว หากใจเราไม่เปิดช่อง สิ่งเหล่านั้นก็ทำอะไรใจเราไม่ได้ ไม่มีอารมณ์ใดมาครอบงำใจเราได้ ไม่มีใครสร้างความทุกข์หรือรบกวนความสงบของเราได้ ถ้าใจเราไม่ร่วมมือด้วย หากใจเรามี "สติ" เสียงดังแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เสียงก็แค่มากระทบที่หูแล้วผ่านเลยไป สักแต่ว่าได้ยิน

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 04:51:20 am
(http://upic.me/i/f1/ilpysf.jpg) (http://upic.me/show/61133419)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ในเมื่อชีวิตเป็นทุกข์ จะทำใจให้เบิกบานตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


ปุจฉา – กราบนมัสการ พระไพศาล วิสาโล ครับ กระผมมีคำถามที่ยังไม่เข้าใจในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเรื่องการทำจิตใจให้เบิกบาน คือผมเข้าใจว่าชีวิตของมนุษย์นั้นส่วนใหญ่ก็มีความทุกข์มากๆ กว่าความสุข เวลาที่เราทุกข์ทำไมคำสอนของพระพุทธองค์จึงบอกว่าให้เราทำใจให้เบิกบาน อย่างนี้มันมิใช่เป็นการโกหกหรือครับ (ผิดศีลห้าครับ)

ผมตั้งใจจะกราบเรียนถามอยู่หลายครั้งแล้วครับ วันนี้จึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องถามให้ได้ ที่ถามนี่มิใช่ดูหมิ่นพระศาสนาครับ ผมเองก็เชื่อและศรัทธาในคำสอนของพระพุทธองค์และพระอาจารย์ทุกๆท่านครับ มีเกิด มีดับ มีเสื่อม มีรุ่งโรจน์ มีล้มหายตายจาก ข้อนี้ผมสงสัยจริงๆ ครับ กราบนมัสการช่วยตอบกระผมด้วยนะครับ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา – เวลาเรามีความทุกข์ พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้เราทำใจเบิกบานอย่างที่คุณเข้าใจ พระองค์จะสอนให้เราสืบสาวหาเหตุแห่งทุกข์ จากนั้นก็แก้ไขทุกข์ พระองค์ทรงสอนว่าวิธีแก้ทุกข์นั้นมีหลายวิธี เช่น “ละด้วยการใช้สอย” คือ หิวก็กิน หนาวก็หาผ้ามาห่ม หรือ “ละด้วยการละเว้น” เช่น หนีห่างจากอันตราย หรือ “ละด้วยการอดกลั้น” เช่น อดทนต่อทุกขเวทนา รวมทั้ง “ละด้วยการเจริญ” ก็คือการฝึกฝนพัฒนาจิตใจให้มีธรรมมากขึ้น เช่น มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา พูดอีกอย่างคือ เจริญในมรรค(มีองค์)แปดนั่นเอง เมื่อฝึกฝนพัฒนาตนจนเกิดสติและปัญญา ก็จะสามารถดับทุกข์ในใจได้ แม้จะยังมีทุกข์กายอยู่ก็ตาม

จิตของเราเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในการบังคับบัญชาของเราได้ จะสั่งให้สุขก็ไม่ได้ ดังนั้นพระพุทธองค์จึงไม่เคยสอนว่าให้เราทำใจให้เบิกบาน แต่ถ้าหากมีสติ สมาธิ ปัญญา มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ใจก็จะเบิกบานผ่องใสเอง แต่สติ สมาธิ ปัญญา และความรู้ตัวทั่วพร้อมนั้นไม่อาจเกิดขึ้นเอง เราต้องสร้าง ต้องพัฒนา หรือทำให้มีมากขึ้น

คุณพูดถูกแล้วที่ว่าชีวิตมนุษย์มีทุกข์มากกว่าสุข หรือจะเรียกว่าทุกข์ล้วน ๆ ก็ได้ แต่ถ้าไม่ยึดติดถือมั่นว่าชีวิตนี้จะต้องเป็นสุข หรือไม่ยึดติดถือมั่นในทุกข์นั้นว่าเป็นเราเป็นของเรา หรือไม่ปรุงแต่งตัวตนขึ้นมาเป็นผู้ทุกข์ ความทุกข์ที่เกิดกับชีวิต(เช่น เจ็บป่วย พลัดพราก สูญเสีย) ก็ไม่อาจทำให้ใจเป็นทุกข์ได้ เรียกว่าจิตอยู่เหนือทุกข์ การไม่ยึดติดถือมั่นดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีปัญญาเห็นสัจธรรม ปัญญาดังกล่าวเกิดจากการฝึกฝนปฏิบัติ ไม่ใช่แค่คิดทำใจให้เบิกบานเท่านั้น (ซึ่งทำไม่ได้ดังที่ได้อธิบายในย่อหน้าก่อน)

ภาพ http://www.youtube.com


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 04:54:23 am
(http://upic.me/i/1o/ntkyp7.jpg) (http://upic.me/show/61133422)



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 04:57:34 am
(http://upic.me/i/64/qajpfr.jpg) (http://upic.me/show/61133429)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  “ฉันทำผิดอะไร ถึงต้องมาเป็นอย่างนี้ ?” หญิงชราวัย ๗๕ ตัดพ้อกับหลวงพ่อที่เธอเคารพนับถือ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


หญิงชราผู้นี้จัดว่าเป็นผู้หญิงเก่ง ธุรกิจของเธอประสบความสำเร็จ สร้างความร่ำรวยให้แก่เธออย่างรวดเร็ว แต่แม้อายุล่วงเลยมาถึงปานนี้แล้ว เธอก็ยังคงคร่ำเคร่งกับงาน ทั้ง ๆ ที่ลูกทุกคนขอร้องให้วางมือเสียที อันที่จริงเธอไม่มีภาระใด ๆ ที่ต้องเป็นห่วงเลย ลูกทั้งห้าของเธอล้วนเจริญก้าวหน้าในการงาน มีฐานะดีกันทั้งนั้น หลาน ๆ ก็น่ารักทุกคน เธอมีทุกอย่างที่ใคร ๆ ปรารถนา ยกเว้นอย่างเดียวคือสุขภาพ เธอเป็นโรคพาร์คินสันมาได้ ๕ ปีแล้ว ทุกวันนี้ต้องนั่งรถเข็น พูดไม่ถนัด มือสั่นเกือบตลอดเวลา สร้างความทุกข์ทรมานแก่เธอมาก เธอเฝ้าแต่ถามตนเองว่า เธอทำผิดอะไร ทำไมจึงเจอเคราะห์กรรมแบบนี้ อดคิดไม่ได้ถึงบาปกรรมที่เคยทำในอดีตชาติ

“ผิดแน่นอน” หลวงพ่อตอบ “โยมผิดที่ไม่ยอมฟังคำเตือนของร่างกาย ก่อนที่โยมจะป่วยเพราะโรคพาร์คินสัน ร่างกายเขาเตือนโยมมาเป็นปี ๆ แล้วว่า ‘หยุดพักบ้าง ฉันเหนื่อยเต็มที’ แต่โยมก็ไม่ฟัง ยังทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ถึงเวลาพักผ่อน โยมก็ยังหมกมุ่นงาน ไม่ปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนเลย ก่อนหน้านี้โยมคงป่วยด้วยโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นคือสัญญาณเตือนของร่างกายที่ส่งเสียงดังขึ้น แต่โยมก็ไม่ฟังอีก พอหายป่วยก็โหมงานอีก ครั้งแล้วครั้งเล่าที่โยมไม่ฟังเสียงเตือนของร่างกาย ในที่สุดจึงเป็นโรคพาร์คินสัน ที่จริงนี้เป็นคำเตือนอีกระลอกหนึ่งของร่างกาย หากโยมยังดื้อดึง ต่อไปก็จะเจอหนักกว่านี้”

“โยมรู้ไหมว่า ตอนนี้โยมไม่ได้ป่วยกายเท่านั้น แต่ป่วยใจด้วย” หลวงพ่อพูดต่อ “ที่จริงป่วยกายแล้ว ไม่ป่วยใจก็ได้ แต่น้ำเสียงและสีหน้าของโยมบ่งบอกว่าโยมป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งใจ และสาเหตุที่โยมป่วยใจก็เพราะทำผิดอีกข้อหนึ่ง นั่นคือไปยึดมั่นในร่างกายนี้”

“หมายความว่าอย่างไร ?” หญิงชราสงสัย

“โยมยึดมั่นในร่างกายนี้ว่ามันต้องเที่ยง ต้องเป็นสุข เคยมีสุขภาพดีอย่างไร ก็ต้องมีสุขภาพดีอย่างนั้นไปตลอด โยมรู้ไหมว่าความคาดหวังของโยมสวนทางกับความจริง เพราะจริง ๆ แล้วไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน ร่างกายนี้ในที่สุดก็ต้องแก่และเจ็บป่วย แต่เนื่องจากโยมวางใจผิด ไม่สอดคล้องกับความจริง โยมจึงทุกข์ใจมากเมื่อร่างกายเจ็บป่วย”

หญิงชรามีสีหน้าครุ่นคิด เธอสงสัยมาตลอดว่าเธอทำกรรมอะไรในชาติที่แล้วหรือ ชาตินี้จึงล้มป่วยแบบนี้ แต่คำอธิบายของหลวงพ่อ เป็นสิ่งเธอไม่เคยคิดมาก่อน และเถียงได้ยากเพราะมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

“โยมคงสงสัยด้วยใช่ไหมว่า โยมทำดีมาตลอด บุญก็ทำเป็นนิจ ทำไมจึงมาเจอเคราะห์กรรมแบบนี้” หลวงพ่อถามเหมือนจะรู้ใจหญิงชรา

“โยมคิดว่าโยมเป็นคนโชคร้ายที่มาล้มป่วยแบบนี้ แต่นั่นเป็นเพราะโยมมองเห็นแต่ด้านลบ ชีวิตของโยมทุกวันนี้เต็มไปด้วยสิ่งดี ๆ มากมาย เช่น มีฐานะร่ำรวย กินอิ่มนอนอุ่น ลูกทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครล้มหายตายจาก หรือล้มป่วยด้วยโรคร้าย เป็นคนดีทุกคน การงานก็มั่นคง ไม่ทำอะไรให้โยมเดือดเนื้อร้อนใจ สามีโยมก็ยังอยู่ โยมอยากไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ไปมาแล้วทั้งนั้น ถ้าสิ่งดี ๆ ในชีวิตมี ๑๐ อย่าง โยมก็ได้มา ๙ อย่างแล้ว ขาดอย่างเดียวคือ สุขภาพดี ถ้าชีวิตของโยมเปรียบกับการสอบ คะแนนเต็ม ๑๐๐ โยมก็สอบได้ ๙๐ คะแนน ชีวิตอย่างนี้ไม่น่าพอใจอีกหรือ”

หลวงพ่อมองหน้าหญิงชรา ก่อนจะพูดต่อ “สมัยที่โยมเรียนหนังสือ ถ้าโยมสอบได้ ๘๐% โยมก็พอใจแล้วใช่ไหม นี่โยมสอบได้ถึง ๙๐% ทำไมจึงเสียใจ เป็นเพราะโยมมัวเป็นทุกข์กับ ๑๐ คะแนนที่หายไปใช่ไหม อย่าลืมว่าข้อสอบวิชาชีวิตนั้น ไม่มีใครที่สอบได้ ๑๐๐% หรอก ชีวิตนี้ไม่มีใครที่ได้สมปรารถนาในทุกเรื่อง สิ่งสำคัญก็คือ ชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ อย่ามัวหมกมุ่นกับสิ่งที่หายไป”

หญิงชราเริ่มยิ้มได้ เธอเพิ่งตระหนักว่าที่จริงเธอเป็นคนโชคดีมาก แต่เพราะมองไม่เป็น จึงเห็นแต่ทุกข์ คำพูดของหลวงพ่อทำให้เธอได้คิด จากนี้ไปเธอต้องวางใจให้ถูก รวมทั้งรู้จักวางงานลงบ้าง ให้กายและใจได้พักผ่อนจริง ๆ เสียที

“ขอบคุณหลวงพ่อมาก” หญิงชรากล่าวก่อนที่จะลากลับบ้าน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 05:01:13 am
(http://upic.me/i/o0/yn5vh6.jpg) (http://upic.me/show/61133431)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  มุมมองของความสุข  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


มีผู้หญิงคนหนึ่งเล่าว่า บ่ายวันหนึ่งมีรถแท๊กซี่มาจอดอยู่หน้าบ้านของเธอ ซึ่งอยู่ในซอย พอเห็นรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน เธอรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที รู้สึกว่าหากมีรถในบ้านจะเข้าจะออกจะทำอย่างไร พอมองไปที่ร่มไม้ก็ยิ่งไม่พอใจว่า นั่นเป็นต้นไม้ที่พ่อปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงาหน้าบ้าน ไม่ใช่ที่ที่จะให้ใครมาจอดเพื่ออาศัยร่มเงา

แต่สักพักเธอก็ได้สติ เพราะมาคิดทบทวนใหม่ว่าตอนนี้เราก็ยังไม่มีธุระจะออกจากบ้าน ถนนหรือซอยนั้นก็เป็นของสาธารณะมี ขนาดกว้างพอสมควร ถ้าจะเข้า-ออก ก็คงจะไม่ลำบาก เธอคิดด้วยว่าคนขับคงเหนื่อย อากาศร้อน พอเห็นร่มเงาจึงมาจอดพัก พอเธอนึกถึงคนขับแท็กซี่คนนั้น ที่คงจะร้อนเพราะอากาศอบอ้าว และได้มาอาศัยร่มเงาหน้าบ้านของเธอเป็นที่ดับร้อน เธอก็รู้สึกดีขึ้น

และยิ่งรู้สึกดีขึ้นอีกเมื่อเห็นคนขับแท๊กซี่เอาข้าวมากิน เธอดีใจว่าต้นไม้ที่พ่อปลูกได้ให้ร่มเงาแก่คนที่ร้อน คนขับแท๊กซี่อาจจะเหนื่อย ยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า ได้มาอาศัยร่มเงาของต้นไม้ที่พ่อเธอปลูกไว้ ได้ใช้ประโยชน์ ดับทุกข์ เธอจึงดีใจความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปจากทีแรกที่เธอรู้สึกไม่พอใจเพราะรู้สึกว่านี่เป็นบ้าน "ของฉัน" หน้าบ้านของฉันซึ่งที่จริงเป็นถนนสาธารณะ แต่พอไปนึกเองว่าถนนหน้าบ้านนี้เป็นของฉันก็เลยเกิดความไม่พอใจทันทีที่มีรถแท๊กซี่มาจอด และยิ่งไม่พอใจเมื่อนึกว่าต้นไม้ "ของพ่อฉัน" ปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงากับลูกๆ

แต่พอเธอกลับมาคิดอีกมุมหนึ่งมองถึงความรู้สึกของคนขับแท็กซี่ว่า เขาคงร้อน เหนื่อย หิวความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไป เกิดความเห็นใจความเมตตาขึ้นมาและสิ่งที่ตามมาคือความสุข ความดีใจที่เขาได้ดับทุกข์โดยอาศัยร่มเงาหน้าบ้านของเธอ

คนบางคนเมื่อเจอเหตุการณ์นี้ จะโมโหไม่พอใจ อาจจะเดินไปต่อว่าคนขับแท๊กซี่แต่คนบางคนกลับรู้สึกดีใจ อันนี้เป็นเพราะ "คุณภาพจิต" หรือ "มุมมอง"

เธอดูอยู่สักพัก คนขับแท๊กซี่กินข้าวเสร็จและขับรถออกไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่หน้าบ้านของเธอ รถจะเข้าจะออกก็ไม่มีปัญหา เธอจึงคิดได้ว่าเมื่อสักครู่เรากังวลไปเองว่าหากรถจะเข้าจะออกจะทำอย่างไร ที่จริงเป็นการกังวลไปล่วงหน้า เพราะแท๊กซี่อยู่ประเดี๋ยวเดียวก็ไปแล้ว เธอกังวลเพราะไปคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น คนเราก็ทุกข์เพราะเหตุนี้เหมือนกัน อะไรบางอย่างยังไม่เกิดขึ้นเลยแต่กังวลไปล่วงหน้าแล้ว เป็นเพราะว่าใจไปอยู่กับอนาคต มองข้ามปัจจุบันไป

คนเราจะทุกข์หรือสุขอยู่ที่มุมมอง ซึ่งมีส่วนทำให้ใจเราเล็กหรือแคบ หรือทำให้ใจเรากว้างใหญ่ ถ้าเราคิดถึงแต่ตัวเอง ทำให้ใจเราคับแคบ เช่น คิดว่าบ้านของฉัน ถนนของฉัน ต้นไม้ของพ่อฉัน แต่ถ้าเราคิดถึงคนอื่น ก็ทำให้ใจเรากว้างขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าใจเราก็แคบ เราก็คิดถึงตัว เองอยู่เสมอ แต่ถ้าใจเรากว้างเราจะคิดถึงคนอื่นๆ ได้ง่าย เวลาเจอเหตุการณ์อะไรแล้วทุกข์ ลองนึกดูว่าเป็นเพราะเราคิดถึงแต่ตัวเองหรือเปล่า หรือเอาแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 05:04:29 am
(http://upic.me/i/4c/tkzf7l.jpg) (http://upic.me/show/61133430)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  "ทำไมรู้ว่าโกรธแล้วไม่หายโกรธ"  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ความโกรธเกิดขึ้นเมื่อจิตเผลอ
ไม่มีสติ หลง
เมื่อสติเกิดขึ้น ความหลงจะหายไป
ความเผลอจะหายไป
เพราะความโกรธนั้นไม่มีที่ตั้ง

ปัญหาของผู้ปฏิบัติก็คือ
ขณะที่รู้ว่าโกรธนั้น
ลึกลงไปในใจมีความรู้สึก
ไม่ชอบความโกรธนั้นร่วมอยู่ด้วย
จึงไม่ใช่แค่ "รู้เฉยๆ" แต่มีความรู้สึกว่า
อยากผลักไสความโกรธออกไปด้วย
จึงไม่ใช่สติที่บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
หากจะเปรียบความโกรธเหมือนไฟ
และสติเหมือนน้ำ เหตุใดน้ำนี้จึงดับไฟไม่ได้?

สาเหตุที่น้ำนี้ไม่สามารถดับไฟได้
ก็เพราะน้ำนี้ไม่บริสุทธิ์ แต่เจือด้วยน้ำมัน
น้ำมันในที่นี้ คือ ความรู้สึกลบต่อความโกรธ

อยากจะให้ความโกรธหายไป
มันมีทั้งตัณหาและโทสะร่วมอยู่ด้วยกัน
ตัณหา คือ ความอยากให้ความโกรธหายไป

โทสะ คือ ไม่ชอบความโกรธ รู้สึกลบต่อความโกรธ
จึงเปรียบเหมือนน้ำที่ไม่บริสุทธิ์ เจือด้วยน้ำมัน
หลายคนมักบ่นว่า "ทำไมรู้ว่าโกรธแล้วไม่หายโกรธ"
สาเหตุก็เพราะว่าไม่ได้แค่รู้เฉยๆ
ไม่ได้รู้ด้วยใจที่เป็นกลาง
แต่มีความรู้สึกลบต่อความโกรธร่วมอยู่ด้วย...

สิ่งใดก็ตามที่ถูกกดข่มจะสู้ จะต่อต้าน
มีคำพูดหนึ่งที่อาตมาใช้ได้ดี คือ
อะไรที่เธอผลักไสจะคงอยู่
อะไรที่เธอตระหนักรู้จะหายไป
เราจึงต้องมีสติรู้ให้เท่าทันตรงนี้ให้มากขึ้น

ซึ่งเป็นตัวที่ละเอียด เมื่อเราแค่รู้เฉยๆ
ความโกรธจะดับไปเอง
ความฟุ้งซ่านก็เช่นเดียวกัน
แต่หากยิ่งพยายามกดข่มไว้
ความฟุ้งซ่านก็จะยิ่งรังควานจิตใจเรา
สิ่งใดที่เรากดข่มจะไม่ยอมไปง่ายๆ
ถ้าเป็นความรู้สึกผิด ยิ่งพยายามกดข่ม
ยิ่งพยายามลืม ก็จะยิ่งรบกวนจิตใจหนักขึ้นไปอีก

หนทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้ก็คือ
ต้องรู้มันด้วยใจที่เป็นกลาง
อารมณ์เหล่านั้นก็จะไม่มีที่ตั้งอีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล
#เจริญสติ #รู้ซื่อๆ


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 05:07:01 am
(http://upic.me/i/91/odbt3q.jpg) (http://upic.me/show/61133423)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ขี้น้อยใจ ชอบชักสีหน้า ทำอย่างไรจึงจะรู้ทันและมีสติที่ว่องไว?  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)



ปุจฉา – กราบนมัสการพระอาจารย์ ดิฉัน ได้อ่านเจอหัวข้อ “สติที่ว่องไว้ ช่วยพาจิตใจให้เป็นปกติสุข” จึงอยากทราบวิธีปฏิบัติตัวให้เป็นผู้มีสติที่ว่องไวค่ะ โดยดิฉันเป็นคนขี้ใจน้อย เวลามีอะไรที่ทำให้รู้สึกแย่ มักแสดงออกด้วยอาการเงียบ สีหน้าก็เป็นภัยแก่ตัว พอรู้ตัวและสำนึกได้ ก็ทำให้ผู้คนรอบข้างอึดอัด และมองเราเป็นคนไม่ดี จึงขอกราบเรียนพระอาจารย์ ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ _/|\_

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา – สติจะว่องไวได้ก็ด้วยการฝึกบ่อย ๆ ทั้งด้วยการฝึกในรูปแบบ เช่น นั่งสมาธิ ตามลมหายใจ หรือเดินจงกรม และการฝึกอย่างไม่มีรูปแบบ คือการฝึกในชีวิตประจำวัน หรือฝึกจากกิจกรรมและอิริยาบถต่าง ๆ เช่น เวลาอาบน้ำ ถูฟัน ล้างจาน ก็มีสติอยู่กับงานนั้น การฝึกสติมีหลักง่าย ๆ ว่า ตัวอยู่ไหน ใจอยู่นั่น ทำอะไร ใจก็อยู่กับสิ่งนั้น ขอให้สังเกตว่า เวลาทำอะไรก็ตาม ใจมักจะล่องลอยไปที่อื่นเสมอ หรือเวลาตัวอยู่บ้าน แต่ใจออกไปนอกบ้าน ตัวอยู่ในห้องครัว แต่ใจแล่นออกไปยังที่ทำงาน ฯลฯ เมื่อรู้ตัวว่าใจลอยไปที่อื่น ก็ดึงจิตกลับมา ทำอย่างนี้บ่อย ๆ ใจก็จะอยู่กับเนื้อกับตัว เกิดความรู้สึกตัวต่อเนื่องมากขึ้น ทำอะไรก็จะมีสติ

ต่อมาก็ให้หมั่นดูใจ รู้ทันความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเผลอคิด เผลอโกรธ เผลอน้อยใจ ถ้าไม่รู้ทัน มันก็จะครอบงำจิต และผลักให้คิด พูด และทำในทางที่ก่อปัญหา ทำให้ทุกข์เป็นอาจิณ ถ้าคุณหมั่นตามดูรู้ใจเสมอ ก็จะรู้ทันความน้อยใจเร็วขึ้น และอาจเห็นต่อไปว่าอะไรเป็นสาเหตุให้น้อยใจบ่อย ๆ เป็นเพราะมัวคาดหวังพึ่งพาคนอื่น หรือแคร์ความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นมากเกินไปใช่ไหม

สาวไปลึก ๆ ก็จะโยงไปถึงเรื่องตัวตนหรืออัตตา เห็นได้ว่าที่น้อยใจบ่อย ๆ ก็เพราะอยากให้คนอื่นพะเน้าพะนออัตตา หรืออยากให้คนอื่นเห็นความสำคัญของเรา ซึ่งเป็นการสนองอัตตาแบบหนึ่ง ถ้าคุณรู้ทันอัตตาเร็วเท่าไร มันจะก่อกวนรังควาญจิตใจคุณน้อยลง และทำให้ไม่น้อยใจหรือหวั่นไหวง่าย ๆ ต่อการกระทำของคนอื่น

ภาพ ketchula-eng.blogspot.com


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 05:21:24 am
(http://upic.me/i/ku/aisp69.jpg) (http://upic.me/show/61133697)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   เมตตากรุณา  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

คนเราเวลามีความทุกข์ นอกจากการเยียวยาร่างกายด้วยยา หรือเยียวยาทุกขเวทนาตามเหตุปัจจัยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยเพิ่มพลังให้กับจิตใจ และทำให้จิตใจเป็นปกติสุขมากขึ้นคือความเมตตากรุณา มันมีผลดีทั้งต่อจิตใจและร่างกาย ความรักความห่วงใยที่มีให้กับคนใกล้ชิด คนรู้จัก คนที่อยู่ไกลออกไป หรือแม้แต่สัตว์ ล้วนส่งผลดีต่อตัวเรา

พระไพศาล วิสาโล



*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/40/yqaf1m.jpg) (http://upic.me/show/61133557)


พึงระลึกว่าผลสำเร็จนั้นไม่อยู่ในอำนาจของเรา แต่ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยต่าง ๆ มากมาย สิ่งเดียวที่เราพอจะคุมได้ก็คือการกระทำของเราเอง ถ้าเราอยากให้งานสำเร็จ เราต้องทำให้ดีที่สุด แต่แม้จะทำดีที่สุด ก็ใช่ว่าจะสำเร็จได้ดังใจ จึงมีภาษิตจีนกล่าวว่า “การกระทำเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จเป็นของฟ้า” พูดอย่างพุทธก็คือ เรามีหน้าที่ประกอบเหตุ ส่วนผลนั้นเป็นเรื่องของกฎธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้เวลาเราทำงาน จึงควรทำให้ดีที่สุด ปล่อยให้ผลสำเร็จเป็นเรื่องของธรรมชาติไป

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------*





จิตสดใสแม้ชีวิตมืดมน

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่ภูหลง

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/yu/0v0mgt.jpg) (http://upic.me/show/61133534)

หล่อเลี้ยงใจด้วยความสุข

ธรรมะรับอรุณที่ภูหลง

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

บรรยายหลังทำวัตรเช้าที่ภูหลง

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/wl/mpeqm3.jpg) (http://upic.me/show/61133550)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ทำงานอย่างไรให้มีความสุข  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

การทำงานสามารถเป็นเครื่องฝึกฝนจิตใจได้เป็นอย่างดี นอกจากการฝึกสติหรือดูใจของตนระหว่างทำงานได้ งานยังช่วยเสริมสร้างมโนธรรมให้เข้มแข็งได้ หากวางใจอย่างถูกต้อง เช่น เมื่อทำงานก็นึกถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับส่วนรวม ไม่มัวคิดว่า “ทำแล้วฉันจะได้อะไร ?” การคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอทำให้อุปสรรคและความเหนื่อยยากที่เกิดขึ้นกับเรากลายเป็นเรื่องเล็กน้อย ดังนั้นจึงทำให้เรามีความทุกข์น้อยลงจากการงานและทำให้เราทำงานได้อย่างต่อเนื่อง


เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

พูดให้กลุ่มฟังเรื่องการทำงานที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*--------------------------------------------*


(https://upic.me/i/a7/mbnkuq.jpg) (http://upic.me/show/61133549)


อย่าปล่อยให้ความหลงครองใจ

อารมณ์ก็เช่นเดียวกัน ตัวหลงก็เช่นเดียวกัน มันพยายามทุกทางที่จะครองใจของเรา แต่ว่ามันแพ้ทางสติ มันกลัวถูกรู้ ถูกเห็น นี่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญ ดังนั้นเราจึงควรเพียรเจริญสติ หมั่นรู้สึกตัวบ่อย ๆ หมั่นสังเกตความคิด หมั่นมองตนบ่อย ๆ เราจะรู้ทันอารมณ์ได้เร็วขึ้น และไม่เปิดโอกาสให้มันครองใจเรา หรือบงการชีวิตของเราไปตามอำนาจของมัน

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/2c/jbx6i3.jpg) (http://upic.me/show/61133548)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   สุขได้เมื่อใจสงบ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

คนทุกวันนี้ไม่ต่างจากคนหนีเงา พยายามทำทุกอย่างเพื่อหนีทุกข์ โดยคิดว่าเป็นความสุข แต่ทุกข์ก็ยังตามมาไม่หยุด เขาหารู้ไม่ว่า ความทุกข์จะหมดไปเมื่อเขาหันเข้าหาร่มแห่งธรรมและทำใจให้นิ่งสงบ ถึงที่สุดแล้ว ใครจะมีความสุขหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาออกไปตักตวงแสวงหาทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศได้สำเร็จหรือไม่ แต่อยู่ที่เขามีความสงบนิ่งได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/e3/pkrkdb.jpg) (http://upic.me/show/61133551)

เราทุกคนล้วนมีเวลาเพียงน้อยนิดในโลกนี้ เราไม่สามารถใช้เวลาทั้งหมดที่มีเพื่อหาวัตถุสิ่งเสพมาสนองความปรารถนาจนเต็มอิ่มได้ แต่เวลาน้อยนิดที่เรามีอยู่นั้นมากพอที่จะแสวงหาความดีงามมาเติมเต็มจิตใจจนอิ่มเอมได้

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 21, 2017, 05:46:20 pm
(http://upic.me/i/yf/20031760_1888759464484695_1945482890084951709_n.jpg) (http://upic.me/show/61261260)


บ้านที่แท้จริงนั้นประเสริฐกว่าบ้านที่เราจากมา บ้านที่เป็นอาคาร ที่ก่อด้วยอิฐ สร้างด้วยไม้ แต่บ้านที่เราจะได้พบสัมผัสด้วยใจนี้ คือความรู้สึกตัว

ความรู้สึกตัวเป็นบ้านของใจที่ประเสริฐมาก เพราะไม่มีอะไรที่จะทำให้เราต้องวิตกกังวลเหมือนบ้านที่ก่อด้วยอิฐหรือปูนซึ่งเดี๋ยวหลังคาก็รั่ว เดี๋ยวฝาก็ร้าว เดี๋ยวพื้นก็ทรุด เดี๋ยวท่อก็แตกบางแห่งพื้นทรุด จนไม่กล้าอยู่ กลัวว่ามันจะพังครืนลงมานั่นแหละ
คือบ้านที่ก่อด้วยอิฐด้วยปูน แม้จะราคาหลายล้าน แต่ก็สร้างความกังวลได้ แต่บ้านของใจหรือความรู้สึกตัวนั้น ไม่มีอะไรที่จะทำให้เรากังวลเลย อย่แล้วมีแต่ความสบายใจ มีแต่ความโปร่งเบา

บ้านนี้เราจะพบได้ก็ด้วยการมีสติ สติทำให้เราไม่ลืมตัว ทำให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ทำให้จิตกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา

ความรู้สึกตัว ภาษาบาลีเรียกว่า “สัมปชัญญะ” สติและ สัมปชัญญะนั้นคู่กัน สติคือไม่ลืม สัมปชัญญะคือไม่หลง ไม่หลง คือรู้ตัวหรือรู้สึกตัว เราจะเกิดภาวะนี้ได้ ก็ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ วัดป่าสุคะโตมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สถาบันสติปัฏฐาน” คือเป็นสถานที่ที่จะช่วยให้เรารู้วิธีเข้าถึงสิ่งประเสริฐของชีวิต

พระพุทธเจ้าตรัสว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นทางเอกที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้น คำว่าทางเอก ภาษาบาลีเรียกว่า “เอกายโนมัคโค” แปลอีกอย่างว่า ทางตรงสู่ความพ้นทุกข์ ส่วนทางที่ไม่ตรง แต่ไปถึงเหมือนกัน อาจจะช้าหน่อย เช่น การให้ทาน การรักษาศีล

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 21, 2017, 05:49:51 pm
(http://upic.me/i/15/20108093_1892778860749422_6888047354424154439_n.jpg) (http://upic.me/show/61261273)



ความทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น แต่เมื่อความแก่ ความเจ็บ ความพลัดพราก ความล้มเหลวบังเกิดขึ้น ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเศร้าโศก เสียใจ อาลัยอาวรณ์ ขุ่นเคือง ท้อแท้ หรือจมอยู่กับความตกต่ำย่ำแย่เสมอไป เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเป็นอุปกรณ์สอนธรรม ฝึกใจเราให้เข้มแข็ง เตือนให้ไม่ประมาทกับชีวิต อีกทั้งยังเปิดใจให้เห็นสัจธรรมได้ด้วย

ความทุกข์ไม่เพียงผลักดันให้เราเข้าหาธรรม หากยังแสดงธรรมให้เราเห็น เพราะทุกข์ก็คือธรรมนั้นเอง

สัจธรรมที่ช่วยให้พ้นทุกข์นั้นล้วนอยู่ในสิ่งที่เราเรียกว่าทุกข์ แต่เป็นเพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเจอทุกข์แล้วมักปล่อยใจให้เป็นทุกข์ จึงถูกทุกข์กระทำย่ำยี อันที่จริง ทุกข์นั้นหากเราดูมันด้วยสติ พิจารณาด้วยปัญญา ก็สามารถเห็นธรรมที่ช่วยให้จิตเป็นอิสระจากทุกข์ได้ เพราะกุญแจที่ไขไปสู่ความพ้นทุกข์ก็อยู่ในทุกข์นั้นเอง ทุกข์จึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความพ้นทุกข์

ปราศจากโคลนตม ดอกบัวอันงดงามย่อมมิอาจเกิดขึ้นได้ฉันใด ปราศจากความทุกข์ ปัญญาหรือความรู้แจ้งก็มิอาจเกิดขึ้นได้ฉันนั้น ดังนั้นเมื่อประสบทุกข์จึงไม่ควรตีโพยตีพาย หรือปล่อยใจให้จมอยู่ในความทุกข์ แทนที่จะเป็นผู้ทุกข์ พึงถอยออกมาเห็นทุกข์ ทุกข์จะกลายเป็นธรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 21, 2017, 06:13:53 pm
(http://upic.me/i/qs/tnews_1500543167_5176.jpg) (http://upic.me/show/61261342)


ก่อนหน้านี้ ๒ เดือน วันวิสาขบูชาเป็นเครื่องเตือนใจให้เราตระหนักว่าการพ้นทุกข์นั้นเป็นไปได้ ส่วนวันอาสาฬบูชา ซึ่งเวียนมาอีกครั้งในวันนี้ บอกให้เรารู้ว่า การพ้นทุกข์นั้นทำได้อย่างไร กล่าวคือการปฏิบัติตามหลักอริยมรรคมีองค์ ๘ หรือทางสายกลาง (ซึ่งไม่ได้มีความหมายแค่ “ความพอดี”เท่านั้น) คือทางที่ไม่ข้องแวะกับความสุดโต่ง ๒ ประการ คือการปรนเปรอตนด้วยกาม และการทรมานตน เพราะทั้ง ๒ ประการนอกจากไม่ทำให้พ้นทุกข์แล้ว ยังทำให้ทุกข์มากขึ้นทั้งกายและใจ

แม้ผู้คนจำนวนมากไม่ปรารถนาความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิง แต่ทางสายกลางที่พระองค์ทรงแสดงในวันนี้เมื่อ ๒๖๐๐ กว่าปีก่อนนั้น ก็ยังมีประโยชน์กับเขาเหล่านั้น เพราะช่วยให้อยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุขได้ ท่ามกลางความผันผวนปรวนแปรไม่หยุดหย่อน เพราะการทำความดีทั้งทางกายและวาจา ย่อมช่วยป้องกันความเดือดเนื้อร้อนใจมากมายไม่ให้มาถึงตัว และหากรักษาใจให้เป็นปกติ ไม่ “เพลินในสุข” และไม่ “จมในทุกข์” อันเป็นความสุดโต่งชนิดหนึ่งที่ทุกคนมักทำเป็นประจำ ก็ช่วยให้ชีวิตมีความเบาสบาย ไม่ตกเป็นทาสของเหตุการณ์และสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบ

ใช่หรือไม่ว่า หากเพลินในสุข ถึงเวลาที่สุขนั้นเจือจางหรือสลายไป ใจก็เป็นทุกข์ทันที (ยังไม่ต้องพูดถึงสุขส่วนใหญ่ ที่หากไม่รู้จักความพอดี ก็ทำให้เดือดร้อนทั้งกายและใจ) ส่วนความทุกข์นั้น แม้ผู้คนไม่ชอบ แต่พอเกิดขึ้นทีไร ใจก็จมหมกมุ่นในสิ่งนั้น แม้จะผ่านไปแล้วก็ตาม บางครั้งทุกข์ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ แต่ก็ชอบครุ่นคิดจนวิตกกังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และไม่ยอมถอนใจออกมารับรู้ความสุขที่อยู่ตรงหน้า

ลองฝึกใจให้ไม่เพลินในสุข และไม่จมในทุกข์ ก็จะรู้จักความสงบเย็นที่มีอยู่แล้วในใจเรา

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------*

(http://upic.me/i/i9/tnews_1500543167_5176.jpg) (http://upic.me/show/61261349)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ไม่เพลินในสุขไม่จมในทุกข์  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


ใช่หรือไม่ว่า หากเพลินในสุข ถึงเวลาที่สุขนั้นเจือจางหรือสลายไป ใจก็เป็นทุกข์ทันที (ยังไม่ต้องพูดถึงสุขส่วนใหญ่ ที่หากไม่รู้จักความพอดี ก็ทำให้เดือดร้อนทั้งกายและใจ) ส่วนความทุกข์นั้น แม้ผู้คนไม่ชอบ แต่พอเกิดขึ้นทีไร ใจก็จมหมกมุ่นในสิ่งนั้น แม้จะผ่านไปแล้วก็ตาม บางครั้งทุกข์ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ แต่ก็ชอบครุ่นคิดจนวิตกกังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และไม่ยอมถอนใจออกมารับรู้ความสุขที่อยู่ตรงหน้า ลองฝึกใจให้ไม่เพลินในสุข และไม่จมในทุกข์ ก็จะรู้จักความสงบเย็นที่มีอยู่แล้วในใจเรา

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
บรรยายธรรมวันอาสาฬหบูชา
หลังทำวัตรสวดมนต์เย็นที่วัดป่าสุคะโต
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===>  https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)






หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 22, 2017, 05:51:24 am
(http://upic.me/i/0x/19702929_734947293379278_2466727268004520687_o.jpg) (http://upic.me/show/61263851)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ทำความดีในพรรษานี้  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)
 

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

พูดรับอรุณวันเข้าพรรษาที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/it/tnews_1500543167_5176.jpg) (http://upic.me/show/61263855)


 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  เข้าพรรษา ช่วงเวลาแห่งการฝึกตน   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

พูดหลังทำวัตรเย็นวันเข้าพรรษา

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/2d/tnews_1500543167_5176.jpg) (http://upic.me/show/61263856)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ทิ้งของเดิม เรียนของใหม่   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) 



ธรรมะรับอรุณที่วัดป่าสุคะโต

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/e4/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263857)


 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ยิ่งผลักไส ยิ่งอยู่นาน   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


ลองวางใจเป็นกลางต่อสุขและทุกข์ดูบ้าง สุขมาก็ไม่ยินดี ทุกข์มาก็ไม่ยินร้าย เมื่อได้รับคำชมก็ไม่ระเริง เมื่อถูกตำหนิก็ไม่ห่อเหี่ยว ยามสำเร็จก็ไม่ลิงโลด ยามล้มเหลวก็ไม่ซึมเซา แต่ถ้าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นกับใจ ไม่ว่าบวกหรือลบ ก็แค่รับรู้เฉย ๆ ด้วยใจเป็นกลาง ดีใจก็รู้ว่าดีใจ ไม่ไขว่คว้าคลอเคลีย เสียใจก็รู้ว่าเสียใจ ไม่ปฏิเสธผลักไส ถือว่าต่างคนต่างอยู่ ไม่นานก็จะพบว่าพอไม่รักสุข สุขกลับมา พอไม่เกลียดทุกข์ ทุกข์กลับลาจาก แม้ทุกข์กายยังต้องเจออยู่ แต่ใจไม่ทุกข์ แม้เสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสียไปด้วย

ธรรมะรับอรุณป่าภูหลง

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

พูดหลังสวดมนต์ทำวัตรเช้า

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN (https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN)



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/sz/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263862)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  มีตนเป็นที่พึ่ง   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


ธรรมะรับอรุณป่าภูหลง

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

พูดหลังสวดมนต์ทำวัตรเช้า

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN (https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN)



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/zw/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263865)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  เมตตากรุณา ไม่เพียงกับคน   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


แม้กระทั่งกับสัตว์และต้นไม้

มีอานุภาพต่อกายและใจของเรา

อย่างคาดไม่ถึง เป็นธรรมโอสถที่หาได้ง่าย

เพราะมีอยู่แล้วในใจเรา ขอเพียงแต่เปิดใจ

นึกถึงคนอื่นให้มากขึ้นเท่านั้น

เมตตากรุณาก็จะเบ่งบานขึ้นในใจเรา

พระไพศาล วิสาโล



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/dm/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263866)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  Back to Basic   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


อารมณ์ฝ่ายลบหากเกิดขึ้นบ่อย ๆ น่าจะช่วยให้เรารู้จักมันดีขึ้น รู้ทันมันฉับไวขึ้น ธรรมชาติได้ให้สติแก่เราซึ่งช่วยให้เราสามารถจัดการกับอารมณ์เหล่านั้นได้ เป็นแต่เราไม่ค่อยได้ใช้มัน ผลก็คือ แทนที่เราจะรู้เล่ห์กลของอารมณ์เหล่านี้และพาจิตห่างไกลจากมัน มันกลับรู้วิธีควบคุมและบงการจิตของเราให้เป็นไปตามอำนาจของมัน กลายเป็นว่ายิ่งนานวันมันก็ยิ่งฉลาดกว่าเรา ลองหมั่นสังเกตอารมณ์ของเราบ่อย ๆ อย่าเพิ่งเชื่อหรือทำตามมันอยู่ร่ำไป

เสียงธรรมะรับอรุณป่าภูหลง

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN (https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN)



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/a1/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263867)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  วิถีแห่งความสุข   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


เสียงธรรมก่อนนอน วัดป่าสุคะโต

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/9u/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263941)


 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  เพิ่มตัวรู้สู้ตัวหลง   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


เมื่อใดที่มีสติ ใจจะไม่เผลอพุ่งออกไปข้างนอก

และโทษสิ่งรอบตัวว่าเป็นตัวการทำให้เราทุกข์

แต่จะกลับมารู้เท่าทันตนเอง ไม่เปิดทางหรือยินยอม

ให้ใครหรืออะไรมายัดเยียดความทุกข์แก่เราได้

เสียงธรรมรับอรุณ วัดป่าสุคะโต

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/zp/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263959)


 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ความสุขเป็นเรื่องง่าย   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560



*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/h0/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263960)



 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ฟื้นฟูป่า รักษาธรรม   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


เสียงธรรมรับอรุณ วัดป่าสุคะโต

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)

*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/5l/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263961)


 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  เมื่อรู้ตัว..ตัวกูก็หมดฤทธิ์   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


อารมณ์ก็เช่นเดียวกัน ตัวหลงก็เช่นเดียวกัน มันพยายามทุกทางที่จะครองใจของเรา แต่ว่ามันแพ้ทางสติ มันกลัวถูกรู้ ถูกเห็น นี่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญ ดังนั้นเราจึงควรเพียรเจริญสติ หมั่นรู้สึกตัวบ่อย ๆ หมั่นสังเกตความคิด หมั่นมองตนบ่อย ๆ เราจะรู้ทันอารมณ์ได้เร็วขึ้น และไม่เปิดโอกาสให้มันครองใจเรา หรือบงการชีวิตของเราไปตามอำนาจของมัน

ธรรมะฟังสบายๆ วัดป่าสุคะโต

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)



*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/w3/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263962)


 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ทำเหตุวางผล  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


เสียงธรรมรับอรุณ วัดป่าสุคะโต

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/4r/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263963)

 
 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  “พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้”    (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


คือกุญแจสู่ความสุขและความก้าวหน้าของชีวิต พอใจในสิ่งที่มีแปลว่าได้เท่าไรก็พอใจ แม้คนอื่นจะได้มากกว่าก็ไม่เป็นทุกข์ อย่างไรก็ตามเมื่อพอใจสิ่งที่ได้มาแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่านั่งเฉย ๆ งอมืองอเท้า ตรงกันข้ามเราควรขยันหมั่นเพียรต่อไป เพราะความสุขที่แท้จริงมิได้อยู่ที่การมีมาก ๆ หรือบริโภคเยอะ ๆ แต่อยู่ที่การทำงานและการสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่โลก

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/zy/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263964)


 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  รับมือกับเสียงในหัว   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


ธรรมะรับอรุณป่าภูหลง

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล


ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN (https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN)


*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/oa/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263965)


 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  รู้ทันอุบายของอัตตา   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


ชีวิตจิตใจของเราเปรียบเสมือนกับสมรภูมิแห่งการต่อสู้ระหว่างอัตตากับมโนธรรม ธรรมชาติทั้งสองส่วนต่างขับเคี่ยวเพื่อครองใจเรา อะไรจะมีชัยชนะขึ้นอยู่กับว่าเราดำเนินชีวิตอย่างไร หากเราพยายามทำความดี นึกถึงสิ่งดีงาม มโนธรรมก็จะเข้มแข็ง แต่ถ้าเรานึกถึงแต่ตัวเอง ทำเพื่อตัวเองอยู่เสมอ อัตตาก็จะกล้าแกร่ง มิตรสหายหรือชุมชนแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญ การมีชีวิตแวดล้อมด้วยกัลยาณมิตร ย่อมทำให้มโนธรรมเจริญงอกงาม แต่หากอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เห็นแก่ตัว หรือหมกมุ่นอยู่กับสื่อที่กระตุ้นความโลภ อัตตาก็จะครอบงำใจได้ง่าย

ธรรมะรับอรุณป่าภูหลง

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN (https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN)


*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/vh/20140066_740990582774949_3290589804785165158_n.jpg) (http://upic.me/show/61263966)


ธรรมะรับอรุณป่าภูหลง

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN (https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN)


*--------------------------------------------*



(http://upic.me/i/ff/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263967)


การบิณฑบาตเป็นกิจวัตรที่พระภิกษุควรทำทุกวัน ทั้งนี้เพราะความเป็นอยู่ของพระขึ้นอยู่กับญาติโยม นี้เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ช่วยกำกับให้พระภิกษุประพฤติอยู่ในพระธรรมวินัย ทำตนให้น่าศรัทธา เพราะหาไม่แล้วญาติโยมก็จะไม่ใส่ใจอุปถัมภ์

การบิณฑบาตยังเป็นการโปรดญาติโยม ให้มีโอกาสได้ทำบุญ บำเพ็ญทาน สละทรัพย์เพื่อลดละความเห็นแก่ตัว ส่วนพระภิกษุก็อาจได้บำเพ็ญทาน โปรดสัตว์ตามทางด้วย นอกเหนือจากการได้ออกกำลังกายรับอรุณทุกเช้า

พระไพศาล วิสาโล

ธรรมะรับอรุณป่าภูหลง

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN (https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN)



*--------------------------------------------*


(http://upic.me/i/9n/19883994_736190543254953_2624742516527186581_n.jpg) (http://upic.me/show/61263969)


 (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  รู้ทุกข์ จึงพ้นทุกข์   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


ธรรมะรับอรุณป่าภูหลง

จากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN  (https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN)




ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 26, 2017, 07:56:20 pm
(http://upic.me/i/jx/20292794_1897463083614333_1797311198997476506_n.jpg) (http://upic.me/show/61292306)



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  มองดูให้ดี ไม่มีอะไรเลย  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ที่เมื่อยึดมั่นว่าเป็น "ของเรา" แล้ว

เราไม่กลับเป็น "ของมัน"

แม้กระทั่งความคิด

ความคิดใดก็ตามเมื่อเกิดขึ้นมาในใจแล้ว เรามักคิดว่ามันเป็นของเรา แต่ในความเป็นจริงมันไม่ยอมอยู่ในอำนาจของเราเลย มีหลายเรื่องที่เราไม่อยากคิด แต่มันกลับผุดขึ้นมาเอง

ไม่เชื่อ ก็ลองนั่งสมาธิทำใจสงบดู หรือเวลาเกลียดใครสักคน แล้วไม่อยากคิดถึงหมอนั่น ไม่ช้าไม่นานเราจะเผลอคิดถึงเขา แล้วก็จะคิดไม่หยุด บางทีกินก็คิด นอนก็คิด ทั้งๆที่ไม่อยากคิดเลย

ความคิดนั้นเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว มันดูเหมือนจะมีชีวิตของมันเอง เช่น ต้องการดำรงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ยอมตาย ดังนั้น มันจึงพยายามกระตุ้นให้เราคิดถึงมันอยู่บ่อยๆ เพราะถ้าไม่คิดถึงมัน มันก็จะตายไปในที่สุด

เหมือนไฟที่ไม่มีเชื้อ ยิ่งคิดก็เท่ากับเติมชีวิตให้มัน เสมือนเติมเชื้อเพลิงให้กองไฟ สังเกตได้เวลาอยู่ในที่เงียบๆ หรือหลีกเร้น ความคิดต่างๆจะพรั่งพรูออกมา เพื่อหลอกล่อหรือยั่วยุให้เราคิดถึงมันเรื่อยๆ

ใช่แต่เท่านั้น มันยังต้องการให้เราปกปักรักษามัน หรือเผยแพร่มันไปเรื่อยๆ

ใครก็ตามที่พยายามหักล้าง หรือขัดขวางความคิด(ที่หลงคิดว่าเป็น)ของเรา เราจึงอยู่เฉยไม่ได้ ต้องไปเถียงหรือทะเลาะกับเขา จนอาจถึงขั้นทำร้ายกัน บางทีถึงกับทำสงครามกัน เพื่อปกป้องความคิด ซึ่งอาจมาในรูปของศาสนาหรืออุดมการณ์ทางการเมืองการที่เรายอมให้ความคิดผลักดันเราไปตายหรือไปฆ่าคนอื่น แสดงว่ามันอยู่ในอำนาจของเรา หรือเราอยู่ในอำนาจของมันกันแน่

น่าแปลกก็คือ พอไปยึดมั่นว่าเป็นความคิดของเราแล้ว มันสามารถผลักดันให้เราทำอะไรได้ร้อยแปด ทั้งๆที่เป็นผลเสียกับเราเอง (แม้ไม่ถึงขั้นพาไปตายก็ตาม)

ชายคนหนึ่งรักและหวงแหนสนามหญ้ามาก พยายามดูแลรักษามันทั้งเช้า-เย็น ทั้งฉีดยาและใส่ปุ๋ยอย่างดี ใครมาเดินเหยียบก็ไม่ยอม เป็นต้องทะเลาะกัน (ตกลงสนามหญ้าเป็น "ของเขา" หรือเขา "เป็นของสนามหญ้า" กันแน่)

แล้ววันหนึ่ง เขาก็พบว่า มี ตัวตุ่น มาขุดรูทำรังอยู่ใต้สนามหญ้า นับวันรูตุ่นก็ขยายเป็นเครือข่ายกว้างขวาง ทำให้สนามหญ้ามีรอยนูนไปทั่ว เขาเห็นแล้วก็ทนไม่ได้ พยายามกำจัดมันหลายวิธีแต่ก็ไร้ผล

นับวันเขาก็ยิ่งคั่งแค้นเจ้าตัวตุ่นทั้งวันทั้งคืน คิดแต่จะหาทางเอาชนะเจ้าตุ่นนรกนี้ให้ได้ แล้วในที่สุดเขาก็พบวิธีเผด็จศึก

วันรุ่งขึ้นเขาเอาน้ำมันฉีดอัดเข้าไปในรูตุ่น จนกระทั่งแน่ใจว่าน้ำมันท่วมรูตุ่นทุกชั้นและทั้งเครือข่าย แล้วเขาก็โยนไม้ขีดไฟใส่เข้าไปในรู ไม่นานไฟก็ไหม้ลามตามรูตุ่นจนทั่วหมด ไม่มีตุ่นตัวไหนมีชีวิตรอด

แต่ผลที่เกิดขึ้นตามมา ก็คือ สนามหญ้าแสนรักแสนหวงของเขาก็พังพินาศด้วย

เมื่อคิดจะเอาชนะใครสักคน(หรือสักตัว) ความคิดนั้นก็สามารถผลักดันให้เราทำทุกอย่าง เพื่อจะได้ชัยชนะ โดยไม่สนใจหรือเผื่อใจคิดว่าจะสูญเสียอะไรบ้าง

ใช่หรือไม่ว่า บ่อยครั้งสิ่งที่เราสูญเสียไป ก็คือ สิ่งที่เราแสนรักแสนห่วง และหมายจะปกป้องนั่นเอง ไม่ว่าทรัพย์สมบัติ บุคคล ความคิด รวมไปถึงชื่อเสียงเกียรติยศ หรืออะไรก็ตาม

เมื่อใดที่เราถือว่ามันเป็นของเรา เมื่อนั้นเราก็กลายเป็นของมันทันที

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? คำตอบก็คือ เป็นเพราะความยึดมั่นนั่นเอง

เมื่อเรายึดมั่นอะไรก็ตาม ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเอาสุขหรือทุกข์ของเราไปขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น ถ้ามันเป็นไปตามใจเรา เราก็สุข แต่ถ้ามันไม่เป็นไปตามใจเรา เราก็ต้องทุกข์ ดังนั้น เราจึงพยายามที่จะควบคุมบังคับมัน ให้เป็นไปตามใจเราให้ได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 26, 2017, 08:03:24 pm
(http://upic.me/i/o9/20374700_1898867106807264_5996518957431171458_n.jpg) (http://upic.me/show/61292392)


ในบทสวดมนต์ มีข้อความตอนหนึ่งซึ่งเป็นพุทธพจน์ว่า "เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ เมื่อนั้นย่อมเบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลงนั่นแหละ เป็นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็นธรรมหมดจด" ข้อความนี้ระบุชัดว่า “เห็นด้วยปัญญา” คือเมื่อมีปัญญารู้ชัดว่า สิ่งทั้งปวงเป็นทุกข์ไม่น่ายึดถือ จิตก็จะสงบอย่างแท้จริง เพราะปัญญาที่เกิดขึ้นนั้นคงอยู่ไม่แปรเปลี่ยน ในขณะที่สติ ถ้าไม่ฝึกก็หายไปหรืออ่อนแรงไป ต้องฝึกอยู่เสมอ แต่เมื่อฝึกจนถึงที่สุด ก็เกิดปัญญาเห็นกายและใจตามความเป็นจริง ช่วยให้เห็นสัจธรรมแจ่มแจ้ง โดยไม่มีอคติเจือปน

สติกับอคตินั้นตรงข้ามกัน อคติคือเห็นอย่างคลาดเคลื่อน เห็นไม่ตรงตามความเป็นจริง เหมือนกับกระจกที่บิดเบี้ยว อคติเกิดจากความโลภ ความโกรธ ความกลัว ความหลง ทำให้เห็นความจริงคลาดเคลื่อน แต่สติทำให้เห็นกายและใจตามความเป็นจริง จนถึงที่สุดก็จะเกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนิจจา

ความสงบที่ดีที่สุดคือ สงบเพราะรู้ เริ่มต้นด้วยการรู้เพราะสติ ต่อจากนั้นก็รู้ด้วยปัญญา จะทำเกิดสภาวะจิตอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตัวอยู่ในโลก แต่จิตอยู่พ้นโลก หรือจิตอยู่เหนือโลก เปรียบเหมือนกับดอกบัวที่เกิดในน้ำ โตในน้ำ แต่สามารถเจริญพ้นน้ำได้ นี้คือสภาพจิตของคนที่มีปัญญา เกิดในโลก โตในโลก แต่จิตอยู่เหนือโลกได้ น้ำไม่สามารถฉาบติดดอกบัวหรือใบบัวได้ฉันใด กิเลสหรือความทุกข์ก็ไม่อาจแปดเปื้อนจิตใจได้ฉันนั้น นี้แหละคือความสงบอันประเสริฐสุด ที่เราควรรู้จักและไปให้ถึง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 01, 2017, 07:03:08 pm
(http://upic.me/i/he/enter-site2_210760_03-01.jpg) (http://upic.me/show/61322358)




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 01, 2017, 07:05:23 pm
(http://upic.me/i/0t/20479713_1903643712996270_8134791357547835462_n.jpg) (http://upic.me/show/61322361)


ตัวหลงมักครอบงำใจเราอยู่บ่อย ๆ สังเกตไหม เวลากินข้าว ล้างหน้า ถูฟัน แล้วใจเผลอไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ นั่นแหละเรียกว่า “หลง””

“หลง” คือ ลืมตัว หรือไม่รู้ตัว คนเราถ้าหลงเข้าไปในความคิดแล้วก็จะออกมาได้ยาก สาเหตุที่ผู้คนทะเลาะกันไม่ว่าในบ้าน ที่ทำงาน ในเฟซบุ๊ค นั่นเพราะหลง หลงเข้าไปในความคิด พอได้ยินหรือได้อ่านสิ่งที่คนอื่นคิดไม่เหมือนเราก็เกิดความไม่พอใจ ความยึดมั่นที่เกิดขึ้นในใจก็จะสั่งให้เราตอบโต้ วิพากษ์วิจารณ์ โจมตี จนถึงขั้นด่าทอ อันนั้นเรียกว่าทำไปเพราะอานุภาพของความหลง สังเกตไหมเวลามันสั่งให้ด่าว่าคนที่คิดไม่เหมือนเรา แม้เป็นคนรู้จักกันแต่ความเห็นต่างกัน

เวลาประชุมกันเราพยายามหักล้างความคิดที่ต่างจากเรา แตกต่างจากที่เราคิด โดยไม่สนใจว่าเราพูดอะไรออกไป บางทีก็ด่าว่าเขา ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจหรือโกรธแค้น อันนั้นเป็นความหลง บางครั้งก็หลงถึงขั้นลงมือลงไม้ ยกพวกห้ำหั่นกันในนามของลัทธิที่แตกต่างกัน ยิ่งมีความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างกันก็ยิ่งทำร้ายกันหนักเข้าไปใหญ่ ถึงขนาดนี้ผู้คนก็ยังไม่รู้ว่านี้คือตัวหลง ให้เรารู้จักไว้ว่านี่คือ “ตัวหลง”

เวลาจมอยู่ในความคิด หลงในอารมณ์ ใจจะเตลิดเปิดเปิงไป ยากที่จะรู้เนื้อรู้ตัวได้ ยิ่งอารมณ์ครอบงำใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เราเมาเหมือนกับเมากิเลส เรียกว่าเมาอารมณ์ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นความโศกเศร้า ความเสียใจ ความโกรธ เกิดขึ้นเมื่อใด ถ้าไม่รู้ตัวใจก็จมดิ่งเข้าไปในอารมณ์นั้น เป็นการยากที่จะรู้ทันอารมณ์ถ้าเราไม่ได้ฝึกสติมาเลย

สติช่วยให้เรารู้ทันความคิดและอารมณ์ที่ครอบงำจิตอยู่ สติเป็นตัวดึงจิตออกมาจากความหลง ออกมาจากความคิดและอารมณ์ กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา ถ้าเราไม่ฝึกสติ สติไม่เข้มแข็งว่องไว ใจก็จะหลงจมเข้าไปในความคิดและอารมณ์ เรียกว่าดิ่งลงไปเลยก็ว่าได้

คนทั่วไปเวลาจมอยู่ในอารมณ์ กว่าจะรู้ตัวได้ ต้องอาศัยตัวช่วย อย่างเช่น เวลาเราใจลอย ฝันกลางวัน ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้โศกเศร้า พอมีคนเรียกชื่อเราหรือมีคนมาแตะไหล่เรา เราก็จะได้สติ จิตกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ทำให้เกิดความรู้สึกตัวขึ้น อย่างนี้ก็เรียกว่ามีสติ แต่ได้สติเพราะมีคนเรียกชื่อเราหรือมีคนแตะตัวเรา ทำให้จิตหลุดจากความคิดฟุ้งซ่าน หลุดจากอารมณ์มาได้
เวลาที่เราโกรธ หน้ามืดจนอาจทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว เช่น ต่อว่าบุพการี ต่อว่าลูก หรือต่อว่าคนรัก บางทีขว้างปาข้าวของ ถึงแม้จะรู้ว่าข้าวของอยู่ไหน แม้จะรู้ว่าต้องพูดอย่างไรเขาถึงจะเจ็บแสบ หรือรู้ว่าขว้างอะไรจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ ก็รู้แค่นั้น แต่ไม่รู้ตัว

พออารมณ์ได้รับการปลดปล่อยหรือลดลง เพราะด่าไปแล้ว ทำลายข้าวของไปแล้ว ตอนนั้นแหละสติจะมาทำงาน รู้ตัวขึ้นมา พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ก็รู้สึกเสียใจ แล้วก็หลงเข้าไปในอารมณ์อีก แต่คราวนี้เป็นอารมณ์เสียใจ รู้สึกผิด จนกว่าจะมีคนมาพูดมาเตือนจึงค่อยได้สติหรือรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อเรามีสติรู้ทันความคิดและอารมณ์บ่อย ๆ ต่อไปก็จะรู้ทางว่าความคิดจะมาแบบไหน อารมณ์จะมาไม้ไหน คนเราเวลาจมอยู่ในอารมณ์ อารมณ์เหล่านี้จะพยายามครองจิตครองใจให้นานที่สุด มันมีลูกไม้หลายอย่าง เช่นเวลาเราโกรธ ความโกรธจะสั่งให้จิตส่งออกนอก ไปจดจ่ออยู่กับคนที่พูดไม่ดีกับเรา ทำไม่ดีกับเรา เราก็จะโกรธแล้วก็ด่าเขากลับ หรือถึงขั้นทำร้ายร่างกายเลย อันนี้เป็นอุบายของความโกรธ มันต้องการให้จิตเราส่งออกนอก จะได้ไม่หันกลับมาดูใจจนรู้ทันว่ามีอารมณ์เกิดขึ้น

การที่เรา "ส่งจิตออกนอก" เป็นเพราะความหลง ตลอดเวลาที่ส่งจิตออกนอกนี่เราไม่รู้ตัวนะ เพราะคิดว่าเป็นการทำงาน ตัวหลงก็มาเนียน ๆ ฉวยโอกาสที่เราจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า บางทีเราอ่านหนังสือหรือดูรายงานใจก็เผลอแวบไปข้างนอก ไปดูอีเมล์บ้าง ดูข้อความทางโทรศัพท์มือถือบ้าง เสร็จแล้วก็เกิดความขุ่นมัวที่เห็นข้อความไม่ถูกใจ หรืออาจจะลิงโลดดีใจกับภาพที่ปรากฏอยู่ข้างหน้า นั่นก็เป็นความหลงเหมือนกัน ไม่ใช่หลงความคิดแต่เป็นหลงอารมณ์ หลงเข้าไปในอารมณ์ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในขณะที่เราทำงาน แต่ปะปนอยู่เราจึงไม่ได้สังเกต ครั้นเรามาปฏิบัติธรรม ทำสมาธิภาวนาก็จะเห็นชัดว่ามีการส่งจิตออกนอกอยู่ทุกนาทีเลยก็ว่าได้

เวลาจมอยู่ในความคิด หลงในอารมณ์ ใจจะเตลิดเปิดเปิงไป ยากที่จะรู้เนื้อรู้ตัวได้ ยิ่งอารมณ์ครอบงำใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เราเมาเหมือนกับเมากิเลส เรียกว่าเมาอารมณ์ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นความโศกเศร้า ความเสียใจ ความโกรธ เกิดขึ้นเมื่อใด ถ้าไม่รู้ตัวใจก็จมดิ่งเข้าไปในอารมณ์นั้น เป็นการยากที่จะรู้ทันอารมณ์ถ้าเราไม่ได้ฝึกสติมาเลย

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 01, 2017, 07:06:29 pm
(http://upic.me/i/i2/20431510_1905326256161349_2089892519840990654_n.jpg) (http://upic.me/show/61322359)


เติมเต็มชีวิตในเวลาน้อยนิด


อาจารย์วิษณุเป็นคุรุชาวอินเดียที่มีลูกศิษย์ลูกหามาก วันหนึ่งอาจารย์เรียกศิษย์สองคนที่ใกล้ชิดมาหาแล้วพาไปยังห้องเปล่าสองห้อง ให้เงินคนละ ๑ รูปีแล้วสั่งว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ห้องเต็ม ไชยารีบวิ่งไปที่ตลาดทันทีและพยายามหาของที่สามารถซื้อมาใส่ห้องให้เต็มด้วยเงิน ๑ รูปี แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เพราะ ๑ รูปีนั้นน้อยเกินไป สุดท้ายเขาก็คิดออก เขาไปหาคนเก็บขยะ ใช้เวลาเจรจาไม่นาน เขาก็ขนขยะกองใหญ่ไปใส่ในห้องของตนจนเต็มด้วยความภาคภูมิใจที่ทำงานสำเร็จ

ส่วนจิตรนั้นเมื่อได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ก็นั่งสมาธิ ทำจิตสงบอยู่ในห้องพักใหญ่ จากนั้นก็เดินไปที่ตลาด ซื้อไม้ขีดไฟ ธูป และประทีป เมื่อกลับมายังห้องของตน เขาก็จุดธูปและประทีป ไม่นานห้องก็อบอวลด้วยกลิ่นหอมและเต็มไปด้วยแสงสว่าง

เมื่ออาจารย์วิษณุมาตรวจงานของลูกศิษย์ทั้งสอง เขาเบือนหน้าหนีทันทีที่ย่างเท้าเข้าห้องของไชยาเพราะกลิ่นเหม็นโชยมาอย่างแรงจากกองขยะ แต่อาจารย์กลับแย้มยิ้มเมื่อเดินเข้าไปในห้องของจิตร ซึ่งสว่างไสวและอบอวลด้วยกลิ่นมะลิและไม้จันทน์

นิทานเรื่องนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความแตกต่างทางสติปัญญาของศิษย์ทั้งสองเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นมุมมองหรือทัศนคติที่แตกต่างกันด้วย ไชยานั้นให้ความสำคัญกับวัตถุหรือสิ่งที่จับต้องได้ เขาจึงนึกถึงแต่การหาวัตถุสิ่งของมาใส่ห้องให้เต็ม แต่ในเมื่อเงิน ๑ รูปีนั้นซื้ออะไรได้ไม่มาก เขาจึงลงเอยด้วยการซื้อกองขยะ กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาวัดความสำเร็จด้วยปริมาณ

ตรงข้ามกับจิตร เขาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่เน้นที่ปริมาณ แต่มุ่งที่คุณภาพ เมื่อต้องหาอะไรมาใส่ในห้องให้เต็ม เขาจึงนึกถึงแสงสว่างและกลิ่นหอม ซึ่งให้ความสุขและรื่นรมย์ใจแก่เจ้าบ้านและผู้มาเยือน

มองให้ลึก เรื่องของไชยาและจิตร มิใช่อะไรอื่น หากคือภาพสะท้อนของผู้คนในโลกนี้ ห้องนั้นคืออุปมาของชีวิต ส่วนเงิน ๑ รูปีนั้นหมายถึงเวลาอันน้อยนิดที่เรามีอยู่ในโลกนี้ ผู้คนทั้งหลายปรารถนาที่จะเห็นชีวิตของตนได้รับการเติมเต็ม แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเติมเต็มชีวิตของตนด้วยวัตถุ ดังนั้นจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีเพื่อแสวงหาเงินทองและสะสมทรัพย์สมบัติให้มากที่สุด
คนเหล่านั้นรู้สึกว่าชีวิตตนจะมีคุณค่าได้ต่อเมื่อมีวัตถุประดับประดา ใช้รถหรูราคาแพง หรือใช้สินค้าแบรนด์เนม อย่างไรก็ตามบ่อยครั้งสิ่งที่หามานั้นมีสภาพไม่ต่างจากกองขยะ คือนอกจากไม่ได้ใช้แล้ว ยังรกบ้าน เป็นภาระแก่จิตใจ ยิ่งทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากการคดโกงหรือการผิดศีลด้วยแล้ว ก็เป็นขยะดี ๆ นี้เอง เพราะเต็มไปด้วยโทษและส่งกลิ่นเหม็นประจานเจ้าของ

แท้จริงแล้วมีสิ่งอื่นที่ดีกว่าที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของเรา นั่นคือ บุญกุศล ความดีงาม รวมทั้งความสงบเย็นในจิตใจ อันเกิดจากคุณธรรมและความเข้าใจชีวิต ใครที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในจิตใจ จะไม่รู้สึกพร่อง กลับรู้สึกเต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา คนแวดล้อมก็มีความสุข ตรงข้ามกับคนที่พรั่งพร้อมด้วยวัตถุ หากไร้สิ่งเหล่านี้ในจิตใจ จะรู้สึกพร่องอยู่ตลอดเวลา จึงดิ้นรนตักตวงไม่หยุดหย่อน แต่ได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้จักพอ ขณะเดียวกันคนแวดล้อมก็อยู่อย่างไม่เป็นสุข เพราะกลายเป็นที่ระบายความทุกข์ของคนเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา

เราทุกคนล้วนมีเวลาเพียงน้อยนิดในโลกนี้ เราไม่สามารถใช้เวลาทั้งหมดที่มีเพื่อหาวัตถุสิ่งเสพมาสนองความปรารถนาจนเต็มอิ่มได้ แต่เวลาน้อยนิดที่เรามีอยู่นั้นมากพอที่จะแสวงหาความดีงามมาเติมเต็มจิตใจจนอิ่มเอมได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 01, 2017, 07:09:05 pm
(http://upic.me/i/23/20476422_1907276549299653_1132604861348993402_n.jpg) (http://upic.me/show/61322360)



ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เราสามารถค้นพบธรรมะได้ในทุกอิริยาบถและทุกลมหายใจ ไม่เคยมีใครบ่นว่าฉันไม่มีเวลาหายใจฉันใด เราก็ไม่สมควรตัดพ้อว่าไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมฉันนั้น เว้นเสียแต่ว่าเราปฏิบัติธรรมมิใช่เพื่อเข้าถึงธรรม แต่เพื่อความพิเศษมหัศจรรย์หรืออิทธิปาฏิหาริย์ แต่ถ้ามีจุดมุ่งหมายอย่างนั้นจะเรียกว่าการปฏิบัติธรรมได้อย่างไร

ธรรมขั้นสูงสุดนั้นมิได้อยู่ที่ไหน หากอยู่ในความธรรมดาสามัญ เพราะธรรมดาสามัญนั้นเอง ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา กลมกลืนกับธรรมดา ไม่ขัดขืนโต้แย้งกับธรรมดา ทั้งไม่ผลักไสหรือยึดติดธรรมดา เพราะธรรมดานั้นไม่มีบวกหรือลบ สูงหรือต่ำ น่ายินดีหรือไม่น่ายินดี หากเป็นใจเราต่างหากที่ไปกำหนดหมายหรือให้ค่าเอาเอง

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโลกที่เร่งรีบอึกทึก และถูกปรุงแต่งจนพอกหนาด้วยสมมติและมายา บางครั้งเราจำเป็นต้องหลีกเร้นไปยังที่ที่สงบสงัดและปลอดโปร่งจากภารกิจ เพื่อมีเวลาพินิจจิตใจของตน จนหยั่งเห็นธรรมะหรือธรรมดาท่ามกลางความผันผวนของความรู้สึกนึกคิด ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างกลมกลืน และเป็นมิตรกับธรรมดามากขึ้น

แต่ในที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องกลับมาสู่โลกกว้างและชีวิตที่เป็นจริง ต้องเกี่ยวข้องกับงานการและผู้คน เผชิญกับความแปรปรวนของสรรพสิ่งรอบตัว พบกับความสมหวังและไม่สมหวัง จนบางครั้งเราอดไม่ได้ที่จะคิดหัวนกลับไปสู่สำนักปฏิบัติอันสงบสงัด หรือไม่ก็อยากจะเก็บตัวอยู่ในห้องพระเพื่อเจริญสมาธิภาวนานานเท่านาน แต่ใช่หรือไม่ว่าในชั่วขณะนั้น เรากำลังคิดหันหลังให้กับธรรมะที่อยู่ท่ามกลางความธรรมดาสามัญ

ชีวิตที่นั่งหรือเดินภาวนาทั้งวันเป็นชีวิตที่ไม่ธรรมดาสามัญ แม้จะจำเป็น แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ตลอด เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องพร้อมกลับมาสู่ชีวิตธรรมดาสามัญ ซึ่งมีภารกิจและความรับผิดชอบที่ต้องใส่ใจ แต่งานการใช่ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม แท้จริงเป็นอุปกรณ์แห่งการเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เมื่อพระรูปหนึ่งขอร้องให้อาจารย์สอนธรรม ท่านกลับถามว่า เธอฉันภัตตาหารเช้าเสร็จแล้วหรือ เมื่อศิษย์ตอบว่า ฉันเสร็จแล้ว ท่านกลับตอบว่า งั้นเธอก็กลับไปล้างจานได้แล้ว

การปฏิบัติธรรมในสำนักอันสงบสงัด เปรียบไปก็ไม่ต่างจากการฝึกซ้อมของนักกีฬา แต่การฝึกซ้อมจะมีประโยชน์อะไรหากไม่ลงไปสู่สนามจริง นักกีฬาย่อมไม่กลัวสนามจริงฉันใด นักปฏิบัติธรรมก็ไม่พรั่นพรึงโลกกว้างและชีวิตจริงฉันนั้น จะว่าไปแล้ว โลกว้างและชีวิตจริงนั่นแหละคือสถานที่ดีที่สุดสำหรับการปฏิบัติธรรม เพราะความเป็นจริงโดยเฉพาะความทุกข์คือครูที่ฉลาดทีสุดในการเคี่ยวเข็ญเราให้เข้าถึงธรรมและธรรมดา

การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความพลัดพราก ความสูญเสีย และความไม่สมหวังอย่างไม่เป็นทุกข์ สามารถเข้าถึงความสงบเย็นได้ ท่ามกลางความผันผวนของโลกและชีวิต อีกทั้งยังสามารถเอื้อเฟื้อเกื้อกูลและเป็นมิตรกับผู้อื่นได้ โดยไม่แบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง ทั้งหมดนี้เราสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตสามัญที่มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งมิตรและศัตรู มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 08, 2017, 06:49:24 pm
(http://upic.me/i/ko/20708063_1638404536179467_9085029263571597037_n.png) (http://upic.me/show/61360758)


ความทุกข์ก็เหมือนกับเกลือ มันจะเค็มหรือไม่ขึ้นอยู่กับใจเราว่าเป็นแค่น้ำแก้วหนึ่ง หรือเป็นลำธารหนึ่งสาย
ความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรามันเป็นอย่างนั้น มันจะหนักหรือเบา ก็ขึ้นอยู่กับใจของเรา ว่าใจเราเปรียบเหมือนกับน้ำแก้วเล็ก ๆ หรือลำน้ำอันกว้างใหญ่ เวลาเราเจออะไรที่ไม่พอใจ ถ้าหากว่าเรามีความขุ่นเคือง มีความทุกข์มาก แสดงว่าใจของเรานั้นเล็กและแคบเหมือนกับแก้วน้ำ สิ่งที่มากระทบเรา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา จะทำให้เราเจ็บปวดหรือขุ่นเคืองหรือไม่ อยู่ที่ใจเรา

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) ===>  http://www.visalo.org/article/5000s20.html (http://www.visalo.org/article/5000s20.html)

ขยายใจให้ใหญ่ขึ้น /พระไพศาล วิสาโล

นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ

ฉบับที่ ๒๐ กรกฏาคม - สิงหาคม ๒๕๖๐


ที่มา : Facebook visalo.org
https://www.facebook.com/visalo.org/ (https://www.facebook.com/visalo.org/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 08, 2017, 07:08:39 pm
(http://upic.me/i/t1/20476036_1908381175855857_1494503612375639633_n.jpg) (http://upic.me/show/61360816)





ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 08, 2017, 07:09:54 pm
(http://upic.me/i/3l/20525617_1909188942441747_4937601272046149800_n.jpg) (http://upic.me/show/61360828)



การทำตามความฝันหรืออุดมคตินั้น ไม่ได้หมายถึงการไม่อยู่กับปัจจุบัน คนเราควรมีจุดมุ่งหมายในชีวิต เมื่อตั้งจุดหมายและกำหนดเส้นทางชัดแล้ว พอเริ่มก้าวเดิน ตอนนี้แหละที่ใจควรอยู่กับปัจจุบัน อย่ามัวกังวลว่าเมื่อไหร่จะถึง ขอให้เดินไปเรื่อย ๆ และเดินแต่ละก้าวอย่างดีที่สุด (ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องรีบเดิน จ้ำเอา ๆ ) ในที่สุดก็จะถึงเป้าหมายเอง (หากเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง) แต่ถ้าไม่ถึงเป้าหมายเพราะเหตุใดก็แล้วแต่ ก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะทำดีที่สุดแล้ว และได้เรียนรู้มากมายระหว่างทาง เป็นกำไรชีวิตที่ทรงคุณค่า



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 08, 2017, 07:11:44 pm
(http://upic.me/i/64/20604743_1911492518878056_8367999664311824884_n.jpg) (http://upic.me/show/61360830)



ที่จริงเรามีสติและใช้สติอยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว สติ แปลว่า ความระลึกได้ จำได้ เช่นเราจำได้ว่ากุฏิที่พักเราอยู่ตรงไหน ออกจากศาลานี้จะเลี้ยวซ้ายหรือตรงไป เราจำได้ว่าเมื่อวานนี้หรือเมื่อเช้านี้เรากินอะไร กับข้าวมีอะไรบ้าง เวลาเราทำงาน เราก็ใช้ความจำความระลึกได้ ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวสวน หมอ วิศวกร นักบัญชี นักกฎหมาย เป็นวิศวกรก็ต้องเล่าเรียนและนำใช้ความรู้ในการทำงาน หมอต้องใช้ความรู้ที่จดจำมาในการวินิจฉัยโรคคนไข้ นักบัญชีก็ต้องจดจำระเบียบวิธีการในการทำบัญชี นักกฎหมายก็ต้องจำกฎหมายและมาตราที่สำคัญ ๆ ได้ พวกนี้เป็นงานของสติทั้งนั้น

แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนี้เป็นการระลึกได้ในเรื่องนอกตัว สติที่เราจำเป็นจะต้องฝึกให้มีก็คือ การระลึกได้ในเรื่องกายใจ ซึ่งจะช่วยทำให้รู้ทันหรือรู้ตัวเวลาหลง ไม่ว่าหลงเข้าไปในความคิด หลงเข้าไปในอารมณ์ สติแบบนี้เรียกว่า “สัมมาสติ” ไม่ใช่สติสามัญ สติสามัญที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่เรียกว่าสัมมาสติ อาจจะเป็นมิจฉาสติก็ได้ เช่น การจำได้ในเรื่องที่ทำให้หม่นหมอง ขุ่นมัว โกรธแค้น ทำให้จิตไม่เป็นกุศลเรียกว่า “มิจฉาสติ” เพราะทำให้เกิดอารมณ์อกุศลขึ้นมา

สัมมาสติ คือการระลึกได้ในเรื่องกายใจ ทำให้เรารู้ทันความคิดและอารมณ์ที่ครอบงำจิตอยู่ สติเป็นตัวดึงจิตออกมาจากความหลง ออกมาจากความคิดและอารมณ์ กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา ถ้าเราไม่ฝึกสติที่เรียกว่าสัมมาสติ ใจก็จะหลงจมเข้าไปในความคิดและอารมณ์ เรียกว่าดิ่งลงไปเลยก็ว่าได้ พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าคนธรรมดาจะไม่มีสัมมาสตินะ ก็มี แต่ว่าสติของเขาทำงานช้า บางทีต้องอาศัยตัวช่วย อย่างเช่น เวลาเราใจลอย ฝันกลางวัน ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้โศกเศร้า พอมีคนเรียกชื่อเราหรือมีคนมาแตะไหล่เรา เราก็จะได้สติ จิตกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ทำให้เกิดความรู้สึกตัวขึ้น อย่างนี้ก็เรียกว่ามีสติ แต่ได้สติเพราะมีคนเรียกชื่อเราหรือมีคนแตะตัวเรา ทำให้จิตหลุดจากความคิดฟุ้งซ่าน หลุดจากอารมณ์มาได้

ส่วนใหญ่คนเราจะหลุดออกจากความหลงที่รุนแรงได้ ก็หลังจากระบายหรือทำตามอารมณ์ไปจนกระทั่งหมดแม็คแล้ว เช่น ด่าจนหนำใจถึงค่อยรู้ตัว หรือต้องมีตัวช่วย มีคนมาพูดเตือน แต่ถ้าไม่มีใครมาเตือน เราก็อาจเผลอทำสิ่งเลวร้ายที่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหมั่นสร้างสติเพื่อช่วยทักท้วงและตักเตือนเวลาถูกอารมณ์ครอบงำ

เมื่อเรามีสติรู้ทันความคิดและอารมณ์บ่อย ๆ ต่อไปก็จะรู้ทางว่าความคิดจะมาแบบไหน อารมณ์จะมาไม้ไหน คนเราเวลาจมอยู่ในอารมณ์ อารมณ์เหล่านี้จะพยายามครองจิตครองใจให้นานที่สุด มันมีลูกไม้หลายอย่าง เช่นเวลาเราโกรธ ความโกรธจะสั่งให้จิตส่งออกนอก ไปจดจ่ออยู่กับคนที่พูดไม่ดีกับเรา ทำไม่ดีกับเรา เราก็จะโกรธแล้วก็ด่าเขากลับ หรือถึงขั้นทำร้ายร่างกายเลย อันนี้เป็นอุบายอย่างหนึ่งของความโกรธ มันต้องการให้จิตเราส่งออกนอก จะได้ไม่หันกลับมาดูใจจนรู้ทันว่ามีอารมณ์เกิดขึ้น

ทันทีที่รู้ทันว่ามีอารมณ์เกิดขึ้น มันจะฝ่อหรือสลายตัวไป เพราะจุดอ่อนของมันก็คือการถูกรู้ถูกเห็น ยิ่งมีสติรู้ทันมันเร็วเท่าไร มันก็ครอบงำจิตใจเราได้น้อยเท่านั้น ดังนั้นเราจึงควรหมั่นสังเกตความคิด หมั่นดูจิตใจ หมั่นมองตนบ่อย ๆ หากไม่อยากพลาดท่าเสียทีเพราะอารมณ์อกุศลเหล่านั้น

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 08, 2017, 07:16:50 pm
(http://upic.me/i/fn/20620829_1913699051990736_7305106260888519517_n.jpg) (http://upic.me/show/61360837)



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 08, 2017, 07:18:15 pm
(http://upic.me/i/4z/20604604_1913704551990186_8445480851427722974_n.png) (http://upic.me/show/61360836)




ปุจฉา - กราบนมัสการพระอาจารย์ไพศาลเจ้าค่ะ โยมมีความสงสัยว่า เงินปัจจัยที่พระสงฆ์ได้รับถวายจากญาติโยมในระหว่างที่บวชนั้น เมื่อสึกแล้ว จะถือว่าปัจจัยนี้เป็นของส่วนตัว สามารถนำมาใช้ได้ หรือปัจจัยนี้จะถือเป็นของสงฆ์ และควรนำถวายวัดคืนเจ้าคะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - เงินเหล่านั้นถ้าญาติโยมถวายเป็นการส่วนตัว เมื่อสึกแล้วตามธรรมเนียมก็ยังถือว่า เป็นเงินส่วนตัว ที่เจ้าตัวสามารถนำไปใช้ได้ แต่ถ้าพูดถึงพระวินัย ท่านก็ไม่สามารถรับได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะมีข้อห้ามเอาไว้



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 18, 2017, 06:08:09 pm
(http://upic.me/i/la/img_2513-522x696.jpg) (http://upic.me/show/61413029)


ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วหวังเพียงแค่มีชีวิตที่ยืนยาวเท่านั้น หากยังปรารถนาที่จะได้รับประโยชน์สุขจากชีวิตนี้ด้วย ในทัศนะของคนทั่วไป ประโยชน์สุขที่พึงได้นั้นย่อมได้แก่ การมีทรัพย์สินเงินทอง สุขภาพ สถานภาพ รวมถึง การมีครอบครัวดี

อย่างไรก็ตามในทัศนะของพุทธศาสนา นั่นเป็นแค่ประโยชน์เบื้องต้น (ทิฏฐธัมมิกัตถะ) เราทุกคนมีศักยภาพที่จะเข้าถึงประโยชน์สุขที่ประเสริฐกว่านั้น (สัมปรายิกัตถะ) ซึ่งเป็นที่มาแห่งความสุขทางใจ ได้แก่ความเจริญงอกงามทางธรรม อันเกิดจากการสร้างบุญกุศลเป็นนิจ เหนือขึ้นไปกว่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์สูงสุด (ปรมัตถะ) ที่พึงได้จากชีวิตนี้ก็คือ การเป็นอิสระจากกองทุกข์ทั้งปวง เพราะมีปัญญารู้ชัดในสัจธรรม จนไม่มีความยึดติดถือมั่นในสิ่งใด

แม้ผู้คนในยุคนี้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น แต่วิสัยทัศน์เกี่ยวกับชีวิตกลับหดสั้นลง หวังเพียงแค่ประโยชน์สุขเฉพาะหน้า เวลาเกือบทั้งชีวิตจึงหมดไปกับการทำมาหาเงินและการแสวงหาความสะดวกสบายทางวัตถุหรือความเพลิดเพลินทางโลก ซึ่งให้ความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ตามมาด้วยความทุกข์ทางใจ อาทิ ความเครียด ความวิตกกังวล ความรุ่มร้อนเพราะอยากได้ไม่หยุดหย่อน มิหนำซ้ำเมื่อต้องพบกับความพลัดพรากสูญเสีย หรือความแก่ ความเจ็บ และความตาย อันเป็นธรรมดาโลก สิ่งต่าง ๆ ที่สะสมพอกพูนมาไม่ว่าเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ ก็มิอาจช่วยให้จิตใจคลายทุกข์ได้เลย

ผู้ที่มีปัญญาย่อมตระหนักดีว่าชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความผันผวนปรวนแปร หาความจิรังยั่งยืนมิได้ จึงมองพ้นความสุขเฉพาะหน้า ไม่ฝากความหวังไว้กับเงินทอง ชื่อเสียง และอำนาจ หากมุ่งบำเพ็ญธรรม หมั่นฝึกฝนพัฒนาตน เพื่อกายวาจาที่สะอาด จิตที่สงบ และปัญญาที่สว่างไสว มิใช่เพียงเพื่อความสุขในปัจจุบันเท่านั้น แต่เพื่อความสงบเย็นในยามที่ต้องเผชิญกับความพลัดพรากสูญเสียและความแปรเปลี่ยนในวันข้างหน้า

ความผันผวนปรวนแปรเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น แต่เราไม่จำต้องเป็นทุกข์เพราะมันก็ได้ เราสามารถรักษาใจให้เป็นสุขได้ นี้คือประโยชน์ที่จะได้จากธรรมอันน้อมนำมาสู่ใจ และยังช่วยให้เราสามารถบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ได้อย่างไม่มีประมาณ

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 31, 2017, 05:31:00 am
(http://upic.me/i/lp/21032778_1929610050399636_2755730322426171235_n.jpg) (http://upic.me/show/61486878)


ปัญหาที่เกิดกับคนจำนวนไม่น้อยทุกวันนี้ก็คือ รู้สึกว่าไม่ค่อยมีคนฟังตน การฟังที่ว่าหมายถึงการฟังจริงๆ โดยไม่ต้องชี้แนะ ไม่ต้องสอน การฟังด้วยความใส่ใจนั้นสามารถเยียวยาผู้อื่นได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้คนฟังโดยไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร ถึงแม้เราจะได้ยินเสียงที่เขาพูด แต่จริงๆ แล้วเราอาจไม่ได้เข้าใจอะไรเลย มีคำพูดที่ว่า ได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง ซึ่งเป็นปัญหามาก ความขัดแย้งเกิดขึ้นเป็นเพราะเราไม่ได้ฟังกันอย่างจริงจัง และเมื่อไม่ฟังก็ทำให้ปัญหาลุกลามมากขึ้น

นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์ เคยเล่าว่า ระหว่างที่เป็นวิทยากรได้พบว่าหมอฟันกับผู้ช่วยคู่หนึ่งมีความขัดแย้งกัน จึงชวนมาพูดคุยปรับความเข้าใจกัน โดยมีกติกาว่าให้แต่ละคนผลัดกันพูดว่า ตนไม่พอใจอีกฝ่ายด้วยเรื่องอะไร แต่ละคนมีเวลาพูด ๕ นาที ขณะที่ฝ่ายหนึ่งพูด อีกฝ่ายหนึ่งฟังอย่างเดียว ห้ามซัก เมื่อผู้พูด พูดจนครบ ๕ นาทีแล้ว ให้ฝ่ายที่เป็นผู้ฟังสรุปสิ่งที่ได้ยิน หากเจ้าของเรื่องฟังแล้วเห็นว่าการสรุปนั้นตรงกับสิ่งที่ตนพูดก็พยักหน้า แล้วสลับบทบาท ให้อีกฝ่ายพูด ตนเป็นฝ่ายฟัง

เบื้องต้น ผู้ช่วยทันตแพทย์เป็นผู้พูดก่อน เขาเล่าว่าเขาไม่พอใจทันตแพทย์อย่างไรบ้าง เมื่อฟังจบทันตแพทย์ก็สรุปว่าตนได้ยินผู้ช่วยฯ พูดว่าอะไร ไม่พอใจเธอเรื่องอะไร เธอสรุปได้ถูกต้อง ผู้ช่วยจึงพยักหน้า จากนั้นทันตแพทย์ก็เป็นฝ่ายพูดบ้าง ส่วนผู้ช่วยฯเป็นฝ่ายรับฟัง ทันตแพทย์เล่าว่าตนไม่พอใจผู้ช่วยอย่างไร เมื่อครบ 5 นาที ผู้ช่วยฯ ก็สรุปว่าตนได้ยินทันตแพทย์พูดว่าอะไร ปรากฏว่าสรุปไม่ตรง ทันตแพทย์ส่ายหน้า เธอจึงเล่าซ้ำ ครั้งที่สองผู้ช่วยฯ ก็ยังสรุปไม่ถูก ทันตแพทย์จึงต้องพูดอีกครั้ง คราวนี้ผู้ช่วยฯ ตั้งใจฟังมากขึ้น เมื่อทันตแพทย์พูดจบ เขาก็สรุปเป็นครั้งที่สาม คราวนี้เขาสรุปได้ถูกต้อง จากนั้นก็เป็นกระบวนการของการแบ่งปันความรู้สึก

ทันตแพทย์บอกว่า หลังจากที่เธอฟังผู้ช่วยฯ เล่า เธอเข้าใจเขามากขึ้น และยอมรับว่า หากตนเป็นผู้ช่วย ฯ ก็คงไม่พอใจทันตแพทย์เช่นเดียวกัน จากนั้นผู้ช่วยฯ ก็เป็นฝ่ายแบ่งปันความรู้สึกบ้าง หมอวิธานถามผู้ช่วยฯ ว่า ทำไมสองครั้งแรกจึงจับใจความไม่ได้ว่าทันตแพทย์พูดอะไร ผู้ช่วยฯ บอกว่าเมื่อได้ยินทันตแพทย์พูด ใจเขามีแต่ความคิดที่จะเถียงจะแย้ง จึงฟังไม่เต็มที่ สุดท้ายจึงสรุปใจความไม่ได้ว่าทันตแพทย์พูดอะไร นี่เรียกว่า ได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง เพราะใจไม่ว่าง ใจคอยแต่จะเถียง แต่พอครั้งที่สามไม่เถียงแล้ว ตั้งใจฟังอย่างเดียว ความเข้าใจจึงเริ่มเกิดขึ้น

ดังนั้น อุปสรรคสำคัญที่สุดในการฟังคือใจ

ใจไม่ว่างพอที่จะรับฟังอย่างจริงจัง

การฟังที่ดีนั้นหมายความว่าเราต้องวางเรื่องที่จะโต้แย้งไว้ก่อน การฟังไม่สมบูรณ์ก็เพราะจิตไม่ว่าง และนี่คือคำตอบว่า ทำไมความขัดแย้งบ่อยครั้งจึงกลายเป็น “พูดไม่รู้เรื่อง” เพราะต่างฝ่ายต่างจับไม่ได้ว่าปัญหาของอีกฝ่ายคืออะไร เขาไม่พอใจเรื่องอะไร เพราะเหตุใด โดยเฉพาะหากความขัดแย้งนั้นยืดเยื้อยาวนาน ผู้คนก็จะยิ่งไม่ฟังกัน ความจริงแล้ว กติกาง่ายๆ ก็คือ ฝ่ายหนึ่งพูดแล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งฟัง ยังไม่ต้องยกมือขอพูด นี่เป็นกระบวนการพื้นฐานของการไกล่เกลี่ยและระงับความขัดแย้ง คือ ฟังว่าอีกฝ่ายกำลังทุกข์เรื่องอะไร ต้องการอะไร

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 31, 2017, 05:35:23 am
(http://upic.me/i/qi/21078471_1934839479876693_3469640481184989804_n.jpg) (http://upic.me/show/61486879)



ความทุกข์เป็นสิ่งที่เราทุกคนหลีกหนีไม่พ้น ไม่ว่าร่ำรวยหรือยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องพบกับความไม่สมหวัง รวมทั้งความพลัดพรากสูญเสีย ดูแลรักษาสุขภาพดีอย่างไร ก็ยังต้องเจ็บป่วย ตั้งใจทำงานเพียงใดก็ยังเจอความล้มเหลว ระมัดระวังเพียงใด ก็ยังต้องเสียทรัพย์

แต่ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างไร ใจเราก็ยังสามารถเป็นปกติ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เพราะความสุขนั้นแท้ที่จริงอยู่ที่ใจ ป่วยกาย แต่ใจไม่ป่วย เสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสีย เป็นสิ่งที่เราทำได้ หาเกินความสามารถของเราไม่

ไม่ว่าเจออะไร ย่ำแย่แค่ไหน ก็ยังมีความสุขให้เราสัมผัส หรือพบได้แม้ในท่ามกลางความทุกข์ ดังมีพุทธภาษิตว่า “ผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ” ความสุขอย่างหนึ่งที่เราพบได้ในทุกหนแห่งก็คือความสุขที่ใจ ขอเพียงแต่เรารู้จักรักษาใจ หรือหันกลับมาดูแลใจ รวมทั้งคิดให้ถูก มองให้เป็น ก็พบความสุขได้ไม่ยาก

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 31, 2017, 05:41:28 am
(http://upic.me/i/90/21106623_1936238136403494_1162590717002975696_n.jpg) (http://upic.me/show/61486880)



คนเราถ้าไม่ขาด ไม่สูญเสีย หรือไม่พลัดพรากห่างไกลจากสิ่งที่เคยมีเราจะไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นมีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือบุคคล คนที่มีพ่อแม่จะค่อยไม่รู้สึกเลยว่าการที่ได้อยู่กับพ่อแม่ หรือพ่อแม่ยังอยู่กับเรานั้นมีความหมายเพียงใด พอไกลจากท่านหรือท่านเสียชีวิตไปจึงค่อยได้คิดว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรามีความสุขที่สุดในชีวิต แต่ตอนนั้นไม่รู้สึกนะว่าเป็นช่วงที่มีความสุขเพราะใจอยากได้อย่างอื่นที่ไม่เคยมี

คนเรามักจะแสวงหาสิ่งที่ไม่มี เราคิดว่าถ้าเราได้มันมาเราจะมีความสุข แต่เราลืมมองไปว่าสิ่งที่เรามีอยู่กับตัวตอนนี้ให้ความสุขกับเราแล้ว ไม่ต้องแสวงหาความสุขจากที่ไหนอีก

การที่เรามาลำบากอย่างนี้ อย่างน้อยๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าบ้านเอย หอพักเอย เป็นที่ ๆ ให้ความสุขแก่เรา ไม่ต้องดิ้นรนเรียกร้องแสวงหาอะไรมากกว่านี้ก็ได้ เป็นเพราะเราไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี เราถึงอยากได้โน่นอยากได้นี่ มีโทรศัพท์มือถือแล้ว ก็ไม่พอใจอยากได้รุ่นใหม่ อยากได้รุ่นที่มีลูกเล่นมากกว่านี้ แต่พอโทรศัพท์หายถึงค่อยรู้ว่ามันมีค่า ราอย่ามาคอยให้มันหายหรือสูญเสียมันไปก่อนแล้วค่อยเห็นคุณค่า ต้องรู้จักชื่นชมมันเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ตั้งแต่มันยังอยู่กับเรา

คนเรามักจะเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ อยู่ ๒ ช่วง ช่วงที่ ๑ คือตอนได้มาใหม่ๆ จะทะนุถนอมมากเลยไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า โทรศัพท์ เครื่องเล่น MP3 กล้องถ่ายรูป ตอนได้มาใหม่ๆ ก็ทะนุถนอม แต่พออยู่ไปนานๆ ก็ไม่เห็นคุณค่าแล้ว ไปเห็นคุณค่าอีกทีตอนมันหาย แต่ตอนที่มันอยู่กับเรากลับไม่เห็นคุณค่า บางทีเจอเพื่อนก็ชอบเขา อยากได้เป็นแฟน พอได้เป็นแฟนใหม่ๆ มีความสุขมากเลย พออยู่ไปนานๆ ก็เบื่อแล้ว อยากได้คนใหม่อยากได้กิ๊ก คนเดิมไม่เอาแล้วไม่สวยน่าเบื่อ แต่พอเขาทิ้งเราไปแล้ว ก็มาเสียดาย ได้คิดว่าเขาดีกับเรามาก แต่ก็สายไปแล้ว

คนเราจะเริ่มเห็นคุณค่าของคน ของเพื่อน ของแฟนตอนที่ได้มาใหม่ๆ กับอีกตอนหนึ่งคือตอนที่เขาจากเราไป แต่ตอนที่เขาอยู่กับเรานั้นเราไม่ค่อยเห็นคุณค่าเท่าไหร่
การมาลำบากอย่างนี้ มาอยู่แบบขาดแคลนทุกอย่าง จะช่วยให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราเคยมี

ความลำบากจึงมีประโยชน์ คนเราต้องเจอความลำบากบ้าง เพราะความลำบากจะทำให้ได้สติ ลำบากจะทำให้เกิดปัญญา ความลำบากจะทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราเคยมี เพราะฉะนั้นอย่ากลัวความลำบากนะ ต้อนรับ ยิ้มรับ โอบกอดความลำบากเลยก็ได้ พรุ่งนี้ยังมีความลำบากอีกมากที่เราต้องอ้าแขนต้อนรับ ขอให้เตรียมใจไว้


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 31, 2017, 05:53:27 am
(http://upic.me/i/e7/21106623_1936238136403494_1162590717002975696_n.jpg) (http://upic.me/show/61486881)


เสียงธรรมรับอรุณป่ามหาวัน
จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/Mahawan



*---------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/rt/20953812_754963678044306_8422020728621391177_n.jpg) (http://upic.me/show/61486882)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  รู้จักเห็น ก็ไม่เป็นทุกข์  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

เสียงธรรมรับอรุณจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

พูดหลังทำวัตรเช้าที่หอจดหมายเหตุสวนโมกข์กรุงเทพ

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://drive.google.com/file/d/0B4zSJiq633eBYV9Dam10amJ4RW8/view (https://drive.google.com/file/d/0B4zSJiq633eBYV9Dam10amJ4RW8/view)



*---------------------------------------------------*

การบิณฑบาตเป็นกิจวัตรที่พระภิกษุควรทำทุกวัน ทั้งนี้เพราะความเป็นอยู่ของพระขึ้นอยู่กับญาติโยม นี้เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ช่วยกำกับให้พระภิกษุประพฤติอยู่ในพระธรรมวินัย ทำตนให้น่าศรัทธา เพราะหาไม่แล้วญาติโยมก็จะไม่ใส่ใจอุปถัมภ์

การบิณฑบาตยังเป็นการโปรดญาติโยม ให้มีโอกาสได้ทำบุญ บำเพ็ญทาน สละทรัพย์เพื่อลดละความเห็นแก่ตัว ส่วนพระภิกษุก็อาจได้บำเพ็ญทาน โปรดสัตว์ตามทางด้วย นอกเหนือจากการได้ออกกำลังกายรับอรุณทุกเช้า

พระไพศาล วิสาโล
ธรรมะรับอรุณป่าภูหลง

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) ===>  https://archive.org/details/VISALOPAMAHAVAN



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 31, 2017, 03:31:31 pm
(http://upic.me/i/3z/20934874_756303424576998_2948072830661219158_o.jpg) (http://upic.me/show/61488501)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ธรรมะจากการเดินทาง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ความเจ็บป่วยมันก็เป็นธรรมชาติที่สอนเราได้

รวมทั้งความตายเป็นธรรมชาติที่เตือนให้เรา

ไม่ประมาท เตือนให้เรารู้จักปล่อยวาง

ปล่อยวางทุกอย่างถึงจะผ่านตลอดได้

ถ้าไม่ปล่อยมันติดมันตัน มันทุรนทุราย

อันนี้แหละเป็นธรรมะที่ใช้ในการเดินทาง

สังเกตและเรียนรู้ได้ผ่านการเดินทางจาก

ความทุกข์ต่างๆ ยังไม่ต้องถึงขั้นเจ็บป่วยหนัก

เอาความไม่สมหวังนั่นแหละมาสอนเรา


เสียงธรรมรับอรุณป่ามหาวัน

จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/Mahawan (https://archive.org/details/Mahawan)


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/2q/20935074_756507561223251_2202252171937030811_o.jpg) (http://upic.me/show/61488522)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

เสียงธรรมจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

พูดหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

งานอาจาริยบูชาคุณหลวงพ่อคำเขียน

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*-----------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/ff/20915583_756725111201496_3999844343397486031_n.jpg) (http://upic.me/show/61488523)


เสียงธรรมจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

พูดหลังทำวัตรเย็นและทำวัตรเช้า

งานอาจาริยบูชาคุณหลวงพ่อคำเขียน

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/ky/20953516_1823729264604094_1160271656451235622_n.jpg) (http://upic.me/show/61488539)


การทำบุญที่หลวงพ่อต้องการ

เสียงธรรมะสั้นๆก่อนอาหารเช้า

จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/PS.visalo2017  (https://archive.org/details/PS.visalo2017)


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/yq/20953516_1823729264604094_1160271656451235622_n.jpg) (http://upic.me/show/61488542)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  สิ่งที่เป็นเครื่องกีดขวางความจริง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

เสียงธรรมรับอรุณป่าภูหลง

จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/Mahawan (https://archive.org/details/Mahawan)


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/er/21055845_757583624448978_8557780769611003017_o.jpg) (http://upic.me/show/61488546)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  รักตัวเองด้วยการทำความดี  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

การช่วยเหลือผู้อื่นนั้น ช่วยขัดเกลาและปรับปรุงจิตใจของเราโดยไม่รู้ตัว ทำให้เราเห็นแก่ตัวน้อยลง และมีจิตใจอ่อนโยนมากขึ้น ที่สำคัญอีกประการก็คือ ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทีแรกคิดจะไปให้ความสุขแก่เขา กลับกลายเป็นว่า เขาให้ความสุขแก่เรา สอดคล้องกับพุทธพจน์ที่ว่า “ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข”

เสียงธรรมรับอรุณป่าภูหลง

จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/Mahawan  (https://archive.org/details/Mahawan)


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/4g/21032522_1824657244511296_3298376560567773030_n.jpg) (http://upic.me/show/61488553)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  สิ่งที่ทันสมัยอยู่เสมอ(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) 

เดี๋ยวนี้ใคร ๆ มักจะบ่นว่าชีวิตเร่งรีบมากขึ้น มีเวลาว่างน้อยลง และเครียดกว่าเดิม หลายคนโทษสภาพแวดล้อมในเมืองที่วุ่นวาย แต่ลืมมองไปว่า ตนเองก็มีส่วนไม่น้อยที่ทำให้วิถีชีวิตของตนอยู่ในภาวะดังกล่าวเวลาในแต่ละวันไม่เพียงหมดไปกับการทำมาหากินเท่านั้น แต่จำนวนไม่น้อยยังถูกใช้ไปกับการบริโภคสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลข่าวสาร ถ้าเราเพียงแต่บริโภคให้น้อยลง จะพบว่าเรามีเวลาว่างมากขึ้น สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น ความเครียดน้อยลง

ข้อมูลนั้นมีประโยชน์ตราบเท่าที่เราเป็นนายมัน สามารถควบคุมมันให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมได้ แต่หากมันกลายเป็นนายเราเมื่อใด ยอมให้มันแย่งชิงเวลาเราไปเท่าไรก็ได้ ชีวิตเราก็ย่ำแย่เมื่อนั้น

เสียงธรรมจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

พูดหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/xy/21083105_757912671082740_7941190634775666395_o.jpg) (http://upic.me/show/61488559)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  นิ่งสงบสยบข่าวลือ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

เสียงธรรมรับอรุณวัดป่าสุคะโต

จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560  (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/sg/21083105_757912671082740_7941190634775666395_o.jpg) (http://upic.me/show/61488562)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  รับมือกับความโกรธ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ความโกรธลุกลามได้ก็เพราะเราหมกมุ่นครุ่นคิดถึงคนหรือเหตุการณ์ที่เราไม่ชอบ การหมกมุ่นครุ่นคิดเช่นนั้นไม่ต่างจากการเติมฟืนให้กับกองไฟ ยิ่งเติมก็ยิ่งร้อน แต่ทำไมถึงยังเติมไม่หยุด นั่นก็เพราะเราเผลอปล่อยใจไปตามความโกรธ แต่เมื่อใดที่เรากลับมารู้ทันความโกรธ หรือเห็นความโกรธกลางใจ ความโกรธก็อ่อนแรงเพราะขาดเชื้อ ไม่นานก็ดับไป

จะรู้ทันความโกรธได้ต้องมีสติที่รวดเร็ว ถ้าสติเชื่องช้า กว่าจะรู้ตัวว่าโกรธก็ด่าหรือทำร้ายเขาไปเรียบร้อยแล้ว แล้วก็มานั่งเสียใจที่ทำสิ่งนั้นลงไป

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/5e/21122666_758289697711704_1544934727375019983_o.jpg) (http://upic.me/show/61488580)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ได้ดีเพราะกัลยาณมิตรและคิดเป็น   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

แม้จะผ่านความเจ็บปวดมาอย่างไร

แต่ถ้ามองให้เป็นมันก็มีประโยชน์

มันก็เป็นคุณในการส่งเสริมให้มี

ความตั้งมั่นตั้งใจในการทำความดีได้


เสียงธรรมรับอรุณวัดป่าสุคะโต

จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560 (https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560)


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/s4/21078766_758289697711704_1544934727375019983_n.jpg) (http://upic.me/show/61488572)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ยิ้มให้ชีวิต  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ชีวิตเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา

จึงควรยิ้ม.....ให้กับชีวิต

อย่าโกรธเกลียดเคียดแค้นชีวิต

ที่นำความทุกข์หรือความผิดหวังมาให้

อย่าคิดว่าทำไมชีวิตจึงโหดร้ายกับฉันนัก

มองให้ดีนั่นอาจเป็นโชคที่มาในรูปของเคราะห์

มันคือสิ่งที่เตรียมเราให้พบ

สิ่งวิเศษที่รอคอยอยู่ข้างหน้า

พระไพศาล วิสาโล


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/v9/21106689_1825960727714281_8629818647558883437_n.jpg) (http://upic.me/show/61488581)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ไม่เป็นตัวของตัวเอง (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

บ่อยครั้งเรามักเผลอเอาสายตา

ของคนอื่น มาเป็นเครื่องวัดคุณค่าของเรา

พอผู้คนไม่นิยมยกย่องเรา ก็เลยรู้สึกว่า

ตัวเองไร้ค่า คุณงามความดีที่มีอยู่ในตัว

ก็เลยไร้ความหมายชวนให้ท้อแท้

หมดกำลังใจในการทำสิ่งดีงาม"

พระไพศาล วิสาโล


*-----------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/mq/21150477_1826802620963425_2421658348078480518_n.jpg) (http://upic.me/show/61488605)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ความดีไม่สูญเปล่า (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

การให้ทาน หากเป็นการให้ที่แท้จริง คือให้โดยไม่หวังอะไรเข้าตัวเลย ไม่ว่าจะเป็นการให้แก่ใครก็ตาม จะช่วยบรรเทาความยึดติดถือมั่นดังกล่าวได้ ซึ่งช่วยให้ใจโปร่งโล่งเบาสบายแช่มชื่นเบิกบาน


เสียงธรรมรับอรุณป่าภูหลง

จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ===> https://archive.org/details/Mahawan (https://archive.org/details/Mahawan)



*-----------------------------------------------------*

ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:20:28 am
(http://upic.me/i/i4/21192807_1939407479419893_197799932966742674_n.jpg) (http://upic.me/show/61624013)


(http://upic.me/i/fh/21150381_1939626819397959_7991390106512166370_n.jpg) (http://upic.me/show/61624016)


(http://upic.me/i/9w/21231153_1941876349173006_6030253069746042470_n1.jpg) (http://upic.me/show/61624015)




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:32:40 am
(http://upic.me/i/y3/21314685_1944581372235837_2617813282156244371_n1.jpg) (http://upic.me/show/61624056)


มีพระหนุ่มรูปหนึ่ง อารมณ์ไม่ค่อยเบิกบานสักเท่าไร แต่ละวันมีเรื่องขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจอยู่เสมอ เวลานั่งสมาธิ ถ้ายินเสียงคนพูดคุยกันก็ไม่พอใจ บางครั้งตบะแตกก็ไปต่อว่าคนที่พูดคุยกัน เวลากวาดใบไม้ก็บ่นว่าใบไม้ร่วงเยอะ กวาดไปก็หงุดหงิดไป เวลาทำงานก็มักรู้สึกว่าถูกเพื่อนกินแรงอยู่เสมอ บางทีเขียนหนังสือแล้วปากกาฝืด ก็โมโหขว้างปากกาทิ้ง ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของหลวงพ่อมาตลอด

วันหนึ่งหลวงพ่อบอกให้พระหนุ่มไปเอาเกลือจากในครัวมาหนึ่งห่อ เอาน้ำมาหนึ่งแก้ว แล้วก็ให้เทเกลือครึ่งหนึ่งลงไปในแก้ว จากนั้นก็ให้พระหนุ่มชิมน้ำนั้นดู แล้วถามว่าเป็นอย่างไร พระหนุ่มก็ตอบว่า เค็มมากครับหลวงพ่อ ทีนี้หลวงพ่อก็พาไปที่ลำธาร เอาเกลือที่เหลือโรยลงไปในลำธาร แล้วให้พระหนุ่มชิมน้ำในลำธาร

หลวงพ่อถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง พระหนุ่มตอบว่าจืดครับหลวงพ่อ ในใจก็สงสัยว่าหลวงพ่อตั้งใจจะสอนอะไรหรือ หลวงพ่อให้พระหนุ่มคิดสักพัก พระหนุ่มก็คิดไม่ออก หลวงพ่อจึงบอกพระหนุ่มว่า ความทุกข์ก็เหมือนกับเกลือ มันจะเค็มหรือไม่ขึ้นอยู่กับใจเราว่าเป็นแค่น้ำแก้วหนึ่ง หรือเป็นลำธารหนึ่งสาย

ความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรามันเป็นอย่างนั้น มันจะหนักหรือเบา ก็ขึ้นอยู่กับใจของเรา ว่าใจเราเปรียบเหมือนกับน้ำแก้วเล็ก ๆ หรือลำน้ำอันกว้างใหญ่ เวลาเราเจออะไรที่ไม่พอใจ ถ้าหากว่าเรามีความขุ่นเคือง มีความทุกข์มาก แสดงว่าใจของเรานั้นเล็กและแคบเหมือนกับแก้วน้ำ

สิ่งที่มากระทบเรา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา จะทำให้เราเจ็บปวดหรือขุ่นเคืองหรือไม่ อยู่ที่ใจเรา ถึงแม้ใบไม้จะเยอะ เพื่อนร่วมงานจะไม่น่ารัก ดินฟ้าอากาศจะไม่เป็นใจ แต่มันทำให้เราทุกข์ไม่ได้ ถ้าหากว่าใจเราใหญ่เหมือนแม่น้ำ จะสุขหรือทุกข์นั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพจิตของเรา คนที่ใจแคบ ใจเล็ก คิดถึงแต่ตัวเอง เจออะไรมากระทบก็ทุกข์ โกรธ ไม่พอใจไปหมด แต่คนที่ใจกว้างใหญ่ แม้จะมีเรื่องใหญ่ ๆ เกิดขึ้น เขาก็สามารถรักษาใจให้เป็นปกติได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:37:37 am
(http://upic.me/i/gy/21432923_1946157178744923_7220511521417801804_n1.jpg) (http://upic.me/show/61624151)


ลองพิจารณาดูว่าเวลาทุกข์เมื่อมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าเราคิดถึงแต่ตัวเอง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางหรือเปล่า

คนที่มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกูมาก จะเป็นคนที่ทุกข์ง่าย หากว่าเรามีตัวกูของกูสูง หรือว่ามีอัตตาสูง เวลาใครแนะนำอะไรเรา เราก็ไม่พอใจแล้ว บ่นในใจทันทีว่า มาแนะนำฉันได้อย่างไร แล้วเธอล่ะ ทำดีแค่ไหน เราทุกข์เมื่อได้ยินคำแนะนำของเพื่อนก็เพราะเราปล่อยให้มันมากระทบกระแทกอัตตา จึงรู้สึกเสียหน้า หรือรู้สึกว่าฉันยังดีไม่พอ ยังมีข้อบกพร่อง ตัวอัตตามันจะไม่ชอบเลย ถ้าหากว่ามีคนมาเตือน มาบอกว่าฉันยังมีข้อบกพร่อง ฉันยังไม่ดีพอ

แต่สำหรับคนที่รู้ทันอัตตา หรือคนที่มีอัตตาน้อย เขาจะขอบคุณคนที่มาทักท้วงหรือแนะนำ เพราะชี้ช่องทางให้เขาปรับปรุงงานหรือปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น เขาจะไม่คิดว่าเขาว่ากู ทำให้กูเสียหน้า แต่จะมองว่าที่เขาพูดมามันถูกไหม จริงไหม มันมีประโยชน์หรือเปล่า การมองแบบนี้ทำให้ใจไม่ทุกข์ และได้ประโยชน์ด้วย การมองแบบนี้พุทธศาสนาเรียกว่า ธรรมาธิปไตย คือการเอาธรรมะหรือความถูกต้องเป็นใหญ่

อธิปไตยแปลว่าความเป็นใหญ่ ในกรณีนี้หมายความว่า เราเอาอะไรเป็นใหญ่ เอาอะไรเป็นหลักในการตัดสินใจ ธรรมาธิปไตย หมายถึงการตัดสินหรือคิดโดยเอาธรรมะเป็นใหญ่ ธรรมะในที่นี้หมายถึงความจริง ความถูกต้อง ความดี เช่น เวลามีคนมาวิพากษ์วิจารณ์ เขาก็จะดูว่าที่พูดมานั้นจริงไหม ถูกไหม มีประโยชน์ไหม เรียกว่าเอาธรรมะเป็นใหญ่ แต่คนที่เมื่อถูกแนะนำหรือต่อว่า เอาแต่คิดว่าเขาว่ากู เขาหักหน้ากู อย่างนี้เรียกว่าเอาตัวตนเป็นใหญ่ คือ อัตตาธิปไตย

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:40:09 am
(http://upic.me/i/uv/21430398_1948092635218044_6436513209616874470_n.jpg) (http://upic.me/show/61624152)


พวกเราเคยสังเกตหรือเปล่าเวลาตื่นเช้ามืด เราจะได้เห็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งซึ่งดูเหมือนธรรมดาในความรู้สึกของหลายคน แต่คนที่ตื่นแต่เช้ามืด จะเห็นปรากฏการณ์นั้นว่าไม่ธรรมดาคือ ช่วงเวลาก่อนฟ้าสาง ได้เห็นแสงเงินแสงทองจับขอบฟ้า ท้องฟ้าสวยมาก
สำหรับคนที่ได้เห็น

ถ้าใครที่ตื่นมาช่วงนั้นจะพบว่า ตอนท้องฟ้ายามอรุณรุ่งสวยงามเพราะว่ามีการแปรเปลี่ยน จากมืดกลายเป็นสว่าง ความสว่างจะมีค่าสำหรับคนที่เคยผ่านความมืดมาก่อน

มันก็เหมือนกับความสะดวกสบาย มันจะมีค่าหรือมีรสชาติมากขึ้นสำหรับคนที่ผ่านความทุกข์ยากมาก่อน ความสำเร็จจะมีคุณค่าและหอมหวานสำหรับคนที่พากเพียรฟันฝ่าความยากลำบากจนพบความสำเร็จ อะไรที่ได้มาด้วยความยากลำบากจะมีค่า มีความหมายสำหรับเรา ขณะเดียวกันมันก็จะทำให้เราเห็นคุณค่าและความหมายของตัวเราเองด้วยเราจะได้เห็นว่า เรามีความเพียร มีความสามารถ รวมทั้งเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง

คนจำนวนมากไม่เข้าใจคุณค่าของความยากลำบาก เขาคิดว่าอะไรก็ตามที่ได้มาอย่างสะดวกสบายเป็นของดีเป็นของประเสริฐ เขาไม่เห็นว่าความยากลำบากนั้นมีข้อดีหรือมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ถ้าเรายอมหรือกล้าที่จะลำบาก กล้าที่จะทำสิ่งที่ยาก เราจะได้รับรางวัลที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งภายนอกหรือสิ่งมีค่าภายในก็ตาม...

บ่อยครั้งความพยายามมีค่ามากกว่าความสำเร็จด้วยซ้ำ หมายความว่า เมื่อพยายามแล้ว แม้จะไม่สำเร็จ ก็ยังดีกว่าสำเร็จโดยไม่พยายาม หรือได้มาเปล่าๆ หรือได้ด้วยการโกง

เดี๋ยวนี้คนเราเน้นความสำเร็จมากไป จึงพร้อมจะทำทุกวิถีทาง แม้ไม่ถูกต้อง อย่างนักเรียนต้องการได้เกรดดี ๆ หลายคนก็ใช้วิธีโกง หลายคนไปขอเกรดจากอาจารย์ดื้อ ๆ บางคนหนักกว่านั้น ถึงกับยอมขายตัวแลกเกรดก็มี ส่วนคนที่ทำงานก็อยากรวยเร็ว โกงบ้าง หวังพึ่งการพนันบ้าง สาเหตุที่การพนัน และล็อตเตอรี่แพร่ระบาดทั่วประเทศก็เพราะผู้คนต้องการรวยเร็วๆ โดยไม่ต้องเหนื่อย จตุคามรามเทพเป็นที่นิยมอยู่พักใหญ่ ก็เพราะคนอยากรวยทางลัด อยากรวยเร็วโดยไม่ต้องพยายาม ตอนนี้แม้จตุคามรามเทพตกแล้ว แต่ก็จะมีสินค้าตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อสนองความอยากรวยโดยไม่เหนื่อยของคนไทย

คนไทยเดี๋ยวนี้ยกย่องคนรวยมากกว่าคนเก่ง เดี๋ยวนี้ไปถึงขั้นว่า ถ้ารวยด้วยการโกงก็ถือว่าเก่ง ใครโกงได้ก็ภูมิใจ คุยอวดว่าฉันไปโกงเขามา แต่เขาไม่รู้หรอกว่าการทำเช่นนั้นกำลังทำร้ายตัวเอง และทำร้ายส่วนรวม


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:45:07 am
(http://upic.me/i/mc/21558773_1949021521791822_5771193934903270682_n1.jpg) (http://upic.me/show/61624154)



(http://upic.me/i/g2/21728130_1951361041557870_8840694097938889790_n.png) (http://upic.me/show/61624155)




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:46:21 am
(http://upic.me/i/5p/21728083_1951851598175481_7356146004872401408_n.jpg) (http://upic.me/show/61624156)



อัตตาเป็นเหมือนกรงที่ขังจิตเอาไว้ ทำให้ใจคับแคบ ไม่สามารถมองอะไรให้พ้นจมูกของตัวเองได้ แต่ถ้าหากว่ามีธรรมาธิปไตย หรือเอาธรรมะเป็นใหญ่ ใจก็จะแผ่กว้าง จะมีมุมมองที่กว้างขึ้น มีใจนึกถึงคนอื่น และสามารถมองจากมุมของคนอื่นได้

เมื่อเรามองจากมุมของคนอื่น หรือนึกถึงคนอื่น เราจะมีความสุขได้ง่าย และยิ่งมองแบบนี้บ่อย ๆ ก็ยิ่งช่วยทำให้อัตตาตัวตนเล็กลง นอกจากนี้ยังสามารถฝึกฝนได้ด้วยการให้ เช่น การให้ทาน ทำให้เห็นแก่ตัวน้อยลง ทำให้นึกถึงผู้อื่นมากขึ้น เพราะว่าเวลาให้ทาน ถ้าเราน้อมใจนึกถึงประโยชน์ของผู้อื่น เช่น ให้เพราะอยากให้เขามีความสุข คลายจากความทุกข์ พอเราคิดแบบนี้บ่อย ๆ จิตใจเราก็จะมีเมตตากรุณามากขึ้น

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:51:35 am
(http://upic.me/i/l3/21462931_1955712967789344_4742071175607082756_n.jpg) (http://upic.me/show/61624157)


ลองพิจารณาดูว่าเวลาทุกข์เมื่อมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าเราคิดถึงแต่ตัวเอง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางหรือเปล่า

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:56:31 am
(http://upic.me/i/nr/21768471_1962627693764538_5168183018676252736_n.jpg) (http://upic.me/show/61624159)



เมื่อมองว่าอะไรเป็นปัญหา ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นทันที ทำไมจึงมองว่ามันเป็นปัญหา ก็เพราะมันกระทบกับสิ่งที่เรายึดติดถือมั่น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็น กำไร สุขภาพ ความรัก ครอบครัว ความสำเร็จ พูดอีกอย่างก็คือ ความทุกข์ใจเกิดขึ้นเพราะความยึดติดถือมั่น ยิ่งยึดมั่นก็ยิ่งเป็นทุกข์เมื่อมันไม่เป็นดั่งใจ ความยึดมั่นจึงเป็นเสมือนประตูสู่ความทุกข์ ถ้าไม่อยากทุกข์ต่อไป ก็เพียงแต่เดินออกทางประตูนั้น นั่นคือการปล่อยวาง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:57:00 am
(http://upic.me/i/bf/21559045_1958878370806137_8165131265312274089_n.png) (http://upic.me/show/61624158)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 29, 2017, 06:58:05 am
(http://upic.me/i/mb/21768178_1964337423593565_3159177760277282759_n.jpg) (http://upic.me/show/61624161)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 04, 2017, 06:32:50 am
(http://www.mx7.com/i/04f/gFv4EJ.jpg) (http://www.mx7.com/view2/A9BRuzoJK7cSonsA)



* รับมือกับความเศร้าโศกในยามสูญเสีย *

คนไทยส่วนใหญ่เกิดมาก็มีในหลวงแล้ว อยู่ใต้บารมีของพระองค์มาตั้งแต่เกิด ไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์
ก็มีพระองค์อยู่เหนือหัวเรา หลายคนคงรู้สึกว่าในหลวงจะอยู่กับเราไปจนตลอด เพราะตั้งแต่เกิดมาก็มีในหลวงแล้ว หลายคนพ่อแม่ตายไปแล้ว ญาติผู้ใหญ่หลายคนก็ตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีในหลวง เพราะฉะนั้นเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต อาตมาเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อย เรียกว่าคนเกือบทั้งประเทศก็ได้รู้สึกว่าตนเป็นกำพร้าทันที เป็นกำพร้าพร้อมกันทั้งประเทศเลย

การเป็นกำพร้า เช่น กำพร้าพ่อ กำพร้าแม่ ปกติเราผลัดกันเป็น ไม่ได้เป็นกันทีเดียวทั้งประเทศ แต่การสูญเสียในหลวงครั้งนี้ พูดได้ว่าพวกเรากำพร้าทั้งประเทศพร้อมๆ กันเลย ทำให้รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ทรงคุณค่าหายไปจากชีวิต รู้สึกได้ถึงความสูญเสียอันใหญ่หลวงในจิตใจของเรา เกิดความรู้สึกเคว้งคว้าง ว่างโหวง ขาดที่พึ่ง

ความรู้สึกเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเป็นเหตุการณ์ที่พวกเราไม่เคยประสบมาก่อน คนที่สูญเสียพ่อทีแรกอาจจะเศร้าโศกเสียใจมาก แต่เมื่อผ่านประสบการณ์นี้แล้ว พอสูญเสียแม่ก็ทำใจได้ บางคนสูญเสียแม่มาก่อนก็เสียอกเสียใจมาก แต่ก็ทำให้พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง ครั้นสูญเสียพ่อก็ทำใจได้

แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นความสูญเสียที่คนเกือบทั้งชาติไม่เคยผ่านพบมาก่อน ซึ่งอาจมีถึง ๙๙ เปอร์เซนต์ของคนทั้งประเทศ จึงย่อมมีความเศร้าโศกเสียใจอาลัยอาวรณ์เป็นธรรมดา ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเรามีความเสียใจอาลัยอาวรณ์ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าในหลวงทรงประชวรมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว การประชวรกับการสวรรคตนั้นแตกต่างกันมากทีเดียว ก็เหมือนกับเวลาพ่อแม่ของเราล้มป่วย แม้ป่วยหนัก ถึงขั้นเข้าห้องไอซียู แม้สถานการณ์จะเลวร้ายอย่างไร ก็แตกต่างอย่างมากกับเวลาที่ท่านสิ้นลม ตอนที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ เราก็ยังรู้สึกอบอุ่น รู้สึกว่าเรายังมีที่พึ่ง ยังมีคนรักอยู่ใกล้ๆ ยังมีคนที่เราจะพูดคุยได้ รวมทั้งยังมีความหวังด้วย แม้จะริบหรี่เพียงใด ก็มีความหมายต่อจิตใจของเรา แต่พอท่านสิ้นลมไป ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่างกันมากเลย ความโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ย่อมท่วมท้นเป็นธรรมดา เพราะความหวังดับสิ้นแล้ว เป็นการขาดเสาหลักของชีวิตไปอย่างถาวร

ดังได้กล่าวแล้วความโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ที่เกิดจากการสูญเสียพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ ปกติแล้วเกิดขึ้นกับคนไม่กี่คน แล้วก็ผลัดกันโศกเศร้า ผลัดกันสูญเสีย แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่คนทั้งประเทศสูญเสียพร้อมๆ กันอย่างนี้ บางคนก็ทำใจได้ ไม่โศกเศร้า ไม่ร้องห่มร้องไห้ ก็ดีแล้ว แต่ก็ควรเข้าใจคนที่เสียอกเสียใจ ร้องไห้ น้ำตานองหน้า ต้องเข้าใจเขา เห็นอกเห็นใจเขา อย่าไปตำหนิหรือต่อว่า ว่าทำไมเธอเศร้าโศกเสียใจ ไม่รู้หรือว่ามันเป็นธรรมดาของโลก อาจะมีบางคนที่คิดแบบนั้น

อาตมาอยากให้เรามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นที่มีความเศร้าโศกเสียใจ อย่าไปสำคัญตนว่าฉันมีธรรมะสูง ทำใจได้ พวกเธอเป็นชาวพุทธเสียเปล่า เข้าวัดเสียเปล่า ยังอดกลั้นหรือข่มใจไม่ได้ ความคิดแบบนี้เป็นอกุศลนะ เพราะว่ามันแสดงถึงการยกตนข่มท่านอยู่ในที ในยามนี้ถ้าเราไม่เศร้าโศกเสียใจ เพราะทำใจได้ ก็อย่าคิดว่ากูเก่งกูแน่ ให้มีเมตตาต่อเขา เห็นอกเห็นใจที่เขายังทำใจไม่ได้ ไม่ต่อว่าเขา ในทางตรงข้ามกลับควรให้กำลังใจ เพื่อให้เขาสามารถผ่านพ้นความเศร้าโศกไปได้

ส่วนคนที่เศร้าโศกเสียใจก็ให้รับรู้และยอมรับว่ามีความเศร้าเกิดขึ้นในใจ ไม่ต้องปฏิเสธผลักไสความรู้สึกนั้น ที่จริงมันก็มีประโยชน์เหมือนกัน เพราะเวลาที่เราเศร้าโศก แล้วคนอื่นเศร้าโศกกับเรา เราจะรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนทุกข์ คนที่เคยกินแหนงแคลงใจกัน ที่เคยบาดหมางใจกัน ความเศร้าจะเชื่อมให้เราเข้ามาใกล้กัน เพราะว่าเรามีความรู้สึกเหมือนกัน หัวอกเดียวกัน ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจหรือเป็นปฏิปักษ์ก็จะบรรเทาเบาบางลง เพราะว่าเราเป็นเพื่อนทุกข์กัน พยายามใช้ความรู้สึกนี้มาเป็นประโยชน์ เมื่อพบคนที่เคยผิดใจกัน เกลียดชังกัน ในยามนี้อยากให้มองว่า เขาเป็นเพื่อนทุกข์ของเรา

พระไพศาล วิสาโล


ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ

ที่มา : Facebook ปรีชา แสนเขียว
https://www.facebook.com/preecha.saenkhiaw (https://www.facebook.com/preecha.saenkhiaw)



หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 06, 2017, 03:10:25 pm
(http://upic.me/i/4s/buangbanjathorn_ch3-13.jpg) (http://upic.me/show/61735553)


เมื่อวันถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาถึง ความโศกเศร้าอาดูรของพสกนิกรทั้งหลายย่อมเพิ่มพูน อย่างไรก็ตาม หากนึกถึงแต่ความสูญเสียพลัดพราก จิตจะจมอยู่กับความเศร้าและหดหู่ จนไม่อาจทำกิจต่าง ๆ อันควรทำได้เลย จะดีกว่าหากเรานึกถึงน้ำพระทัยและคุณงามความดีของพระองค์ จะทำให้เราเกิดความซาบซึ้งประทับใจ และเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำความดีตามรอยของพระองค์

ยิ่งได้ลงมือทำความดีโดยมีพระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง ใจเราก็ยิ่งเกิดความปีติ ภาคภูมิใจที่เป็นพสกนิกรที่ดีของพระองค์ จะช่วยให้หลุดจากความ เศร้าโศกเสียใจได้ง่ายขึ้น สำหรับผู้เป็นลูกหลาน ควรชักชวนให้บิดามารดาหรือญาติผู้ใหญ่ที่ยังเศร้าโศกอยู่ ทำความดี เช่นเป็นจิตอาสา หรือทำบุญกุศลถวายพระองค์ท่าน ชวนท่านออกจากบ้าน ไปทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ จะช่วยท่านได้มาก

พร้อมกันนั้นเราพึงพิจารณาเหตุการณ์นี้ว่า ความตายเป็นธรรมดาของทุกชีวิต ไม่ว่าใครก็ตาม ย่อมหนีความตายไม่พ้น จะว่าไปแล้วนี้คือสัจธรรมที่พระองค์กำลังแสดงให้เราผ่านพระบรมศพของพระองค์ เราจึงควรเปิดใจน้อมรับสัจธรรมดังกล่าวจากพระองค์ นอกจากจะช่วยให้เราคลายความเศร้าโศกลง เพราะเข้าใจธรรมดาของชีวิตแล้ว ยังเป็นการเตือนใจให้เราไม่ประมาทในชีวิต เพราะสักวันหนึ่งเราเองก็ต้องตาย

ดังนั้น แทนที่จะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ พึงหมั่นสร้างความดี ละเว้นความชั่ว รวมทั้งเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมรับความตายที่จะมาถึง ดียิ่งกว่านั้นก็คือฝึกจิตพัฒนาใจจนเห็นความจริงของชีวิต อันจะช่วยให้พ้นทุกข์ พ้นตาย เพราะไม่ต้องเกิดอีกต่อไป

สำหรับชาวพุทธทั้งหลาย ไม่มีอะไรที่จะช่วยให้เราวางใจได้อย่างถูกต้องต่อเหตุการณ์ในวันนี้ได้ดีเท่า คำตรัสเตือนพระสาวกก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน

“ทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ว่าพาลหรือบัณฑิต ไม่ว่ามั่งมีหรือยากจน ล้วนแต่มีความตายรออยู่เบื้องหน้า ภาชนะดินที่ช่างหม้อทำขึ้น ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทั้งสุกทั้งดิบ ในที่สุดก็ต้องแตกสลายทุกชนิด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็เหมือนกัน

“วัยของเราแก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเรามีอยู่น้อยนิด จำต้องจากพวกเธอไป เราได้ทำที่พึ่งให้แก่ตนเองแล้ว ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงอย่าได้ประมาท ขอให้มีสติ มีศีลให้จงดี จงหมั่นรักษาจิตของตนเถิด ผู้ใดไม่ประมาทในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักไม่เวียนเกิดเวียนตาย แล้วถึงที่สุด(แห่งทุกข์)ได้”

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
ภาพ Naris Pichedpan


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 06, 2017, 03:33:56 pm
(http://upic.me/i/8g/buangbanjathorn_ch3-13.jpg) (http://upic.me/show/61735585)


เคยเข้าใจกันว่าการทำบุญเป็นเรื่องของคนรุ่นปู่ย่าตายายหรือรุ่นพ่อรุ่นแม่ เมื่อคนเหล่านี้แก่ตัวหรือล้มหายตายจากไป การทำบุญก็จะลดน้อยถอยลง แต่ดูเหมือนว่าทุกวันนี้การทำบุญไม่ได้ลดน้อยลงเลย หรือถึงลดน้อยลงก็ไม่มากนัก คนรุ่นลูกซึ่งบัดนี้กลายเป็นพ่อคนแม่คนก็ยังนิยมทำบุญกันอยู่ สิ่งบ่งชี้อย่างหนึ่งก็คือปัจจุบันเครื่องสังฆทานหาได้ง่ายตามห้างใหญ่ ๆ ไม่ได้กระจุกอยู่ในร้านสังฆทานหรือเสาชิงช้าดังแต่ก่อน

การนิยมทำบุญตามวัดวาอารามนั้นเป็นเรื่องดี หากเป็นการต่อยอดจากความดีที่เคยทำกันเป็นพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว แต่หากการทำบุญดังกล่าวกลับทำให้ความดีที่เคยทำหรือพึงกระทำลดน้อยถอยลง ก็คงจะถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ได้ ที่น่าเป็นห่วงก็คือ นี้คือแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น

ครอบครัวหนึ่งมีแม่ที่ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ การดูแลแม่ตกเป็นหน้าที่ของลูกสาวคนสุดท้อง ซึ่งทิ้งอาชีพการงานมาพยาบาลแม่นานนับสิบปี โดยที่พี่ ๆ แทบจะไม่ได้มาช่วยเหลือเลยนอกจากให้เงินค่าดูแล วันหนึ่งน้องสาวมีธุระนอกบ้าน จึงขอให้พี่สาวมาช่วยดูแลแม่แทนเธอสักวัน คำตอบที่ได้รับจากพี่สาวคือ ไม่ว่างเพราะจะไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งชานเมือง

การที่พี่สาวอยากทำบุญที่วัดนั้นเป็นเรื่องน่าอนุโมทนา แต่ไม่ถูกต้องแน่หากเข้าใจว่าการทำบุญต้องทำที่วัดหรือทำกับพระเท่านั้น การดูแลแม่ก็เป็นการทำบุญเช่นกัน คำตอบดังกล่าวของพี่สาวสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจเกี่ยวกับบุญที่คับแคบและคลาดเคลื่อน ซึ่งเกิดกับผู้คนเป็นจำนวนมาก จะว่าไปแล้วก่อนที่จะทำบุญกับพระที่วัด สิ่งหนึ่งที่ควรทำคือการทำบุญกับพ่อแม่ที่บ้าน การไปทำบุญกับพระ โดยไม่สนใจพ่อแม่ที่เจ็บป่วยนั้น ย่อมไม่ใช่วิสัยของผู้ใฝ่ธรรม

บางรายพ่อแม่ไม่ถึงกับเจ็บป่วย แต่ก็ชรามาก แม้กระนั้นลูกก็ปล่อยให้พ่อแม่ทำงานบ้านตามลำพัง ทั้งกวาดบ้าน ทำครัว ล้างจาน ซักผ้า ส่วนลูกแค่ไปทำงานหาเงิน กลับมาบ้านก็ขลุกอยู่ในห้องของตัว เสาร์อาทิตย์ก็เข้าวัดทำบุญหรือไปปฏิบัติธรรม ไม่สนใจช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ที่บ้านเลย จนบางคราวพ่อแม่เหนื่อยถึงกับเป็นลม เพื่อนบ้านอดสงสัยไม่ได้ว่าความใฝ่บุญกับความกตัญญูนั้นเป็นคนละเรื่องกันหรือ

มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้อยู่ว่าการดูแลพ่อแม่นั้นเป็นบุญอย่างหนึ่ง แต่ก็ยังนิยมทำบุญกับพระมากกว่าที่จะทำบุญกับพ่อแม่ เหตุผลก็เพราะว่า การทำบุญกับพระนั้น ทำได้ง่ายกว่า กล่าวคือเพียงแต่ถวายเงินเท่านั้น และใช้เวลาไม่นาน ขณะที่การทำบุญกับพ่อแม่ นั้น ต้องใช้ทั้งแรงและเวลา เช่น ช่วยทำงานบ้าน ล้างจาน ทำอาหารให้กิน หากท่านเจ็บป่วย ก็ต้องเช็ดตัว ป้อนข้าว บางครั้งก็ต้องอุ้มขึ้นและลงเตียง คนทุกวันนี้ชอบอะไรที่สะดวก ง่าย และเร็ว การทำบุญกับพระจึงเป็นที่นิยมมากกว่าการทำบุญกับพ่อแม่

ที่สำคัญคือความเชื่อว่าถ้าทำบุญกับพระ โดยเฉพาะพระที่มีคุณวิเศษหรือเกจิอาจารย์ ก็จะทำให้เกิดอานิสงส์มาก เช่น มั่งมี ประสบโชค ซึ่งบางสำนักสรุปเป็นคำขวัญว่า “รอดตาย หายป่วย ร่ำรวย มีชื่อเสียง” ขณะที่มีความเข้าใจกันว่าการดูแลพ่อแม่ ซึ่งเป็นคนธรรมดานั้นไม่ทำให้เกิดอานิสงส์ดังกล่าว พูดอีกอย่างคือ การทำบุญกับพระนั้นให้ผลตอบแทนสูงกว่า (ไม่ต่างจากการซื้อหุ้นตัวสวย ๆ ) อีกทั้งยังสามารถถ่ายรูปขึ้นเฟซบุ๊คให้ผู้คนชื่นชมสรรเสริญได้ ขณะที่การดูแลพ่อแม่นั้นไม่ใช่โอกาสที่จะทำอย่างนั้นได้ง่าย ๆ หรือบ่อย ๆ

มีหลายคนให้เหตุผลว่า การไปทำบุญที่วัด หรือการไปปฏิบัติธรรม ก็เป็นการช่วยพ่อแม่อย่างหนึ่ง นั่นคือ ส่งบุญไปให้ท่าน บางรายพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายเจ็บป่วย แทนที่จะช่วยพยาบาลท่าน กลับเลือกที่จะไปปฏิบัติธรรมนานเป็นเดือน แล้วใช้วิธีแผ่เมตตาหรือส่งบุญมาให้ท่านเพื่อให้หายป่วยไว ๆ เขาคงลืมไปว่า พุทธศาสนาไม่ได้สอนเรื่อง “การทำจิต”เท่านั้น แต่ยังสอนเรื่อง “การทำกิจ” ด้วย กล่าวคือ นอกจากน้อมจิตแผ่เมตตาตามหลักพรหมวิหาร ๔ แล้ว ควรบำเพ็ญธรรมตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ด้วย ซึ่งข้อหนึ่งได้แก่ อัตถจริยา นั่นคือ การลงมือช่วยเหลือ เช่น ดูแลหรือพยาบาลท่าน แม้จะดูแลทางกายได้ไม่ดีเท่าหมอหรือพยาบาล แต่ก็สามารถให้ความช่วยเหลือทางจิตใจได้ ยิ่งมีประสบการณ์ทางธรรมมามาก ก็ยิ่งอยู่ในวิสัยที่จะให้คำแนะนำทางจิตใจแก่ผู้ป่วยได้ดีกว่าผู้อื่น ซึ่งช่วยให้ป่วยแต่กาย ใจไม่ป่วย หรือรักษาใจให้เป็นปกติได้ นี้เป็นการกระทำที่ให้ประโยชน์หรืออานิสงส์มากกว่าการส่งบุญมาให้หลายเท่า

อันที่จริงจริยวัตรของพระพุทธองค์เป็นแบบอย่างให้แก่เราได้ในเรื่องนี้ เมื่อทรงทราบว่ามีผู้ประสบทุกข์ เช่น เจ็บป่วย ไม่มีครั้งใดเลยที่พระองค์จะส่งบุญไปให้เขาเหล่านั้น สิ่งที่พระพุทธองค์ทำคือ เสด็จไปช่วยเหลือเขาเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง เช่น พยาบาล (ดังกรณีพระติสสะ) หรือให้คำแนะนำทางธรรม (ดังกรณีนกุลบิดาและทีฆาวุอุบาสก) พระอรหันต์ทั้งหลายก็ทำเช่นเดียวกัน

การทำบุญนั้นมีความหมายกว้างขวางกว่าการให้ทาน และการช่วยเหลือผู้คนนั้นเราสามารถทำได้มากกว่าการส่งบุญไปให้เขา แต่ดูเหมือนว่าทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังใช้การทำบุญเป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงการทำความดีขั้นพื้นฐาน มิใช่แค่ละเลยการทำดีต่อผู้ประสบทุกข์ที่เป็นคนแปลกหน้าเท่านั้น หากยังละเลยที่จะกตัญญูต่อบุพการีหรือผู้มีพระคุณ

ใช่หรือไม่ว่าการทำบุญของผู้คนจำนวนไม่น้อยทุกวันนี้ แรงผลักดันสำคัญคือ ประโยชน์ส่วนตน เช่น หวังความมั่งมี ร่ำรวย โชคลาภ หาใช่ความมีน้ำใจ หรือความตั้งใจที่จะลดละกิเลสไม่ เมื่อมีความเห็นแก่ตัวเป็นแรงจูงใจในการทำบุญ จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมเขาจึงละเลยได้แม้กระทั่งการช่วยเหลือบุพาการี

เป็นเพราะไม่รู้เท่าทันแรงจูงใจดังกล่าว ปล่อยให้มันครอบงำจิตใจ การทำบุญของคนไทยจำนวนไม่น้อยจึงกลายเป็นการเดินห่างจากธรรม สวนทางกับบุญที่แท้จริง และสร้างปัญหาให้แก่สังคม

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 06, 2017, 03:38:10 pm
(http://upic.me/i/2i/buangbanjathorn_ch3-13.jpg) (http://upic.me/show/61735590)


เมื่อครั้งหลวงพ่อชา สุภัทโท ยังมีชีวิตอยู่ มีพระเซนจากญี่ปุ่นมากราบนมัสการท่าน พอพบท่านก็ตั้งคำถามท่านเรื่องการปฏิบัติธรรมเลยว่า “ปฏิบัติไปทำไม ปฏิบัติเพื่ออะไร ทำไมจึงต้องปฏิบัติด้วย ปฏิบัติแล้วได้อะไร” หลวงพ่อชาไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่ถามกลับไปว่า “กินข้าวไปทำไม กินข้าวเพื่ออะไร ทำไมจึงต้องกินข้าว กินข้าวแล้วได้อะไร” ปรากฏว่าพระเซนรูปนั้นพอใจมากกับคำตอบ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นการถามกลับ

สาเหตุที่พระญี่ปุ่นพอใจในคำตอบของหลวงพ่อชา ก็เพราะท่านชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ต่างจากการกินข้าว เพียงแต่ว่าการกินข้าวเป็นการบำรุงร่างกาย ส่วนการปฏิบัติธรรมเป็นการบำรุงจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต ไม่น้อยไปกว่าการกินข้าว

ใคร ๆ คงไม่คาดคิดว่าหลวงพ่อชาจะถามกลับว่า กินข้าวไปทำไม ทำไมถึงกินข้าว ทั้งนี้ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เราทำทุกวันจนลืมถามตัวเองว่ากินข้าวไปทำไม ที่จริงไม่ใช่เฉพาะกินข้าวอย่างเดียว มีกิจวัตรอีกมากมายที่เราทำในชีวิตประจำวันโดยไม่เคยถามเลยว่าทำไปทำไม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราไม่ค่อยได้ไตร่ตรองในเรื่องที่สำคัญเท่าไร แต่พอพูดถึงการปฏิบัติธรรม กลับตั้งคำถามมากมาย

จริง ๆ แล้วการปฏิบัติธรรมนั้นสำคัญพอ ๆ กับการกินข้าว เพียงแต่คนเราไม่ได้ตระหนัก เพราะการปฏิบัติธรรมไม่ได้ส่งผลหรือเห็นอานิสงส์ทันทีเหมือนการกินข้าว แต่การปฏิบัติธรรมก็สำคัญพอ ๆ กับการกินข้าว เพราะถ้าขาดการปฏิบัติธรรมเมื่อไร ชีวิตก็เป็นทุกข์ไม่ต่างจากการไม่มีข้าวกิน หากเราไม่สนใจการปฏิบัติธรรม เวลามีอะไรมากระทบกับชีวิต จะทำให้เสียศูนย์ จิตใจจะเกิดทุกข์ และส่งผลร้ายกับเรา ทำให้เป็นบ้าได้

มีผู้คนมากมายพอไฟไหม้บ้าน ธุรกิจล้มละลาย หรือคู่รักตีจาก ก็เสียศูนย์จนคลุ้มคลั่ง ที่เป็นบ้าไปเลยก็มี บางคนถึงกับฆ่าตัวตาย นั่นเป็นเพราะใจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง คนเราทุกวันนี้ไม่ค่อยมีความทุกข์กายเท่าไร เพราะเราอยู่ในยุคที่มีความสุขสบายเกือบทุกอย่าง บางคนแทบจะไม่รู้จักความหิวโหย ชีวิตประจำวันแทบจะไม่มีเหงื่อออก เพราะไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงทำมาหากิน ไม่เหมือนสมัยปู่ย่าตายาย ที่ต้องออกแรงทำงานทั้งวัน แต่ถึงแม้ไม่ค่อยมีความทุกข์กาย แต่คนสมัยนี้มีความทุกข์ใจเยอะมาก แล้วความทุกข์ใจก็บั่นทอนสุขภาพเรา ทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเราไม่ได้ฝึกฝนจิตใจ

หลายคนตั้งคำถาม ทำไมต้องปฏิบัติธรรมในเมื่อฉันก็สุขสบายดีอยู่แล้ว เขาพูดแบบนี้เพราะมักเห็นคนที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมมักเป็นคนที่มีปัญหา เช่นป่วย เป็นมะเร็ง ครอบครัวล้มเหลว ธุรกิจล้มละลาย เป็นเพราะเข้าใจแบบนี้ จึงอยู่ในความประมาท หลายคนที่พูดว่า ทำไมต้องปฏิบัติธรรมในเมื่อทุกวันนี้ฉันก็สบายดีอยู่แล้ว อาตมาอยากจะถามกลับว่า คนที่พูดเช่นนี้มีความสุขจริงหรือเปล่า อาตมาสังเกตดู หลาย ๆ คน เวลาทำงานก็เครียด กลับบ้านก็กังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะห่วงงาน ห่วงลูก ห่วงทรัพย์สมบัติ หลายคนถึงกับกินยานอนหลับ หรือกินยาลดความเครียด

ทีนี้สมมุติว่าเขามีความสุขจริง ๆ ธุรกิจรุ่งโรจน์ ครอบครัวอบอุ่น กินได้นอนหลับ คำถามก็คือ คนเหล่านี้ไม่ต้องปฏิบัติธรรมแล้วใช่ไหม อาตมาไม่แน่ใจ เพราะคนที่มีความสุขในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่า พรุ่งนี้จะมีความสุขด้วย วันนี้มีครอบครัวอบอุ่น ราบรื่น ไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้ชีวิตจะยังคงราบรื่น อบอุ่น วันนี้มีความสุข แต่แน่ใจได้อย่างไรว่าพรุ่งนี้จะไม่เป็นมะเร็ง หากพรุ่งนี้เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะที่ 3 เขาจะยังคงมีความสุขอยู่ไหม วันนี้มีลมหายใจ ใช่ว่าพรุ่งนี้จะยังคงมีลมหายใจอยู่ มีภาษิตธิเบตกล่าวว่า “ระหว่างพรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้หรอกว่า อะไรจะมาก่อน”

บางคนมีชีวิตราบรื่น ตั้งแต่เล็กจนโต ครอบครัวก็มีความสุข วันหนึ่งพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งลามไปถึงกระดูก ทั้งวันเอาแต่บ่นว่าอยากตาย อีกครอบครัวหนึ่ง สามีดูแลภรรยาและลูกดีมาก ครอบครัวก็อบอุ่น วันหนึ่งสามีเป็นมะเร็ง ไม่กี่เดือนต่อมาก็ตาย ภรรยารับไม่ได้ เสียศูนย์ไปเลย แม้จะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ทุกเช้าก็ยังทำอาหารให้สามีทาน โดยเอาอาหารมาวางบนโต๊ะที่มีแต่เก้าอี้ที่ว่างเปล่า ทุกวันก็จะโทรศัพท์ไปที่เบอร์ของสามี เพื่อจะได้ฟังเสียงของสามี ทั้งนี้เป็นเพราะเธอยอมรับไม่ได้ว่าสามีได้ตายไปแล้ว จึงยังคงทำเสมือนว่าสามียังมีชีวิตอยู่ ลูกสาวมีความทุกข์มาก เพราะแม่เอาแต่คิดถึงพ่อ จนลืมลูกไปเลย

เป็นเพราะไม่มีอะไรแน่นอน ความสุขวันนี้อาจกลายเป็นความทุกข์วันหน้า ดังนั้นเราจึงควรหันมาปฏิบัติธรรม ให้มีสติสัมปะชัญญะ และปัญญาเอาไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรที่อาจเกิดขึ้นกับเราหรือคนที่เรารักไม่วันใดก็วันหนึ่ง

อย่าประมาทหรือชะล่าใจว่าฉันมีความสุขแล้ว จะปฏิบัติธรรมไปทำไม มันไม่มีหลักประกันเลย ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีความสุข เราจะยังมีชีวิตอยู่ เคยคิดเคยเผื่อใจไว้บ้างไหม ว่าสักวันหนึ่ง เราอาจเป็นมะเร็ง สามี ภรรยา ลูก อาจมีอันเป็นไป ทรัพย์สินเงินทองอาจสูญเสีย ถูกทำลาย มันไม่แน่ใช่ไหม เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ ที่ภูเก็ต พังงา เช้าวันนั้น แดดใส ฟ้าสวย ไม่มีใครคิดเลยว่าอีกไม่กี่นาทีนรกจะแตกเพราะสึนามิซัดกระหน่ำ

ถ้าเราตระหนักว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน เราจำต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิต สำหรับคนที่มีความทุกข์อยู่แล้วตอนนี้ ก็ยิ่งต้องรีบปฏิบัติธรรม เวลาเราทุกข์ เรามักโทษคนอื่น แต่เราเคยหันมามองตัวเองไหมว่า ที่ทุกข์นี่อาจเป็นเพราะใจของเราเปิดรับเอาความทุกข์เข้ามา

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 06, 2017, 03:41:27 pm
(http://upic.me/i/4x/buangbanjathorn_ch3-13.jpg) (http://upic.me/show/61735594)


คุณป้าคนหนึ่งไม่สบายไปหาหมอหลายครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นอะไร วันหนึ่งหมอบอกว่าป้าเป็นมะเร็งตับนะ อยู่ได้ไม่เกิน ๓ เดือน ป้าตกใจมาก กลับบ้านก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งตื่นตระหนกและหมดอาลัยตายอยากในชีวิต อยู่ได้แค่ ๑๒ วันก็ตาย อย่างนี้เรียกว่าตายเร็วเพราะวิตกกังวลสารพัด บางคนป่วยเป็นมะเร็ง หมอบอกว่าอยู่ได้ ๓ เดือน แต่อยู่ได้ ๓-๕ ปีก็มี ดังนั้นความเจ็บป่วยนั้นมันไม่ใช่เรื่องของกายอย่างเดียว ใจก็สำคัญด้วย หากวิตกกังวลแทนที่จะมีสติ ปล่อยให้ใจฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานา ก็จะตายเร็ว ถ้าไม่อยากตายเร็ว ก็ควรหันมาปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรม ส่วนหนึ่งก็เพื่อฝึกจิตเพื่อให้มีสติและปัญญา ปฏิบัติธรรมเพื่อรักษาจิต ดูแลใจไม่ให้ปรุงแต่ง ไม่เผลอรับคำเชิญของสิ่งต่าง ๆ ที่มาชวนให้เป็นทุกข์ กายป่วยแต่ใจไม่ป่วยก็ได้ ทรัพย์สมบัติสูญเสียไป ใจไม่เสียศูนย์ก็ได้ คนรักตายจากไปแต่ใจเป็นปกติก็ทำได้เช่นกัน ถ้าเราปฏิบัติธรรมจนเกิดปัญญา แม้มีสิ่งร้าย ๆ มากระทบ เราไม่เพียงปกติเท่านั้น แต่กลับจะเข้มแข็งกว่าเดิมด้วย

มีคุณแม่ท่านหนึ่งเล่าว่า หลายปีก่อน ลูกชายขอไปเรียนต่อที่อินเดีย เขาเป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบสูง แม่จึงอนุญาตให้ไป แต่ไปอินเดียได้ไม่กี่เดือนลูกก็เกิดอุบัติเหตุจมน้ำตาย แม่เศร้าโศกเสียใจมาก และรู้สึกผิดด้วย เอาแต่โทษตนเองว่าทำให้ลูกตาย เธอเสียศูนย์มาก ทำการทำงานไม่ได้เลย แทบไม่เป็นผู้เป็นคน ต่อมามีคนชวนให้เธอไปปฏิบัติธรรม เมื่อได้มีโอกาสฟังธรรม จึงเข้าใจว่า แต่ละคนมีกรรมเป็นของตน และได้ตระหนักว่า ความตายและการสูญเสียพลัดพรากเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้คลายความเศร้า ขณะเดียวกันเมื่อได้เจริญสติ เวลามีความรู้สึกผิดเกิดขึ้น ก็ดูมัน ไม่กดข่มผลักไสมัน ในที่สุดความรู้สึกผิดก็ไม่มารบกวนจิตใจต่อไป ทำให้จิตใจมีความสงบเย็น เป็นความสุขที่ไม่เคยประสบมาก่อน
การปฏิบัติธรรมทำให้คุณแม่ท่านนี้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ เข้มแข็งและมีความสุขกว่าเดิม เธอบอกว่าขอบคุณความตายของลูกที่ทำให้แม่เห็นธรรมะ อย่างนี้เรียกว่าเปลี่ยนร้ายกลายมาเป็นดี จะทำอย่างนั้นได้ต้องอาศัยธรรมะ หลายคนเข้าหาธรรมะเพราะเป็นมะเร็ง เพราะกลัวตาย แต่พอมาสนใจธรรมะ จึงรู้ว่าความเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องร้ายเสมอไป อีกทั้งสมาธิภาวนายังทำให้พบความสุขสงบเย็นอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน

การปฏิบัติธรรมหรือการทำบุญ ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเราจะไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่เจอความพลัดพราก สูญเสีย บางคนทำบุญสม่ำเสมอมาตลอด วันหนึ่งเป็นมะเร็ง ก็ตัดพ้อต่อว่า ทำไมฉันเป็นมะเร็ง ทั้งที่ทำบุญมาตลอดชีวิต ?

การรักษาศีลและทำบุญ ทำให้เกิดสุขก็จริง แต่ก็ป้องกันความทุกข์ได้ระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับป้องกันได้ทั้งหมด ถ้าเราถือศีล ๕ ไม่กินเหล้า เรามีสติสัมปะชัญญะ ก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุกับเราง่าย ๆ โอกาสที่จะขับรถชนต้นไม้หรือแหกโค้งจนพิการมีน้อยมาก แต่บางครั้งอาจจะมีรถคันอื่นแล่นมาชนรถเราได้เหมือนกัน

ประมาณ ๔๐ ปีก่อน เกิดไฟไหม้ใหญ่ที่กลางเมืองสุรินทร์ ผู้คนสิ้นเนื้อประดานับพัน บางคนตัดพ้อว่าทำบุญมามาก ทำไมบุญไม่รักษา ธรรมไม่คุ้มครอง บางคนเสื่อมศรัทธาในการทำบุญทำทานไปเลย ถึงกับบอกว่าจะไม่เข้าวัดแล้ว หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เจ้าอาวาสวัดบูรพาราม ซึ่งอยู่กลางเมืองสุรินทร์ ได้ยิน จึงพูดเตือนสติว่า “ไฟมันทำตามหน้าที่ของมัน ธรรมะไม่ได้ช่วยใครในลักษณะนั้น หมายความว่า ความอันตรธาน ความวิบัติ ความเสื่อมสลาย ความพลัดพรากจากกัน สิ่งเหล่านี้มันมีประจำโลกอยู่แล้ว ทีนี้ผู้มีธรรมะ ผู้ปฏิบัติธรรมะ เมื่อประสบกับภาวะเช่นนั้นแล้ว จะวางใจอย่างไรจึงไม่เป็นทุกข์ อย่างนี้ต่างหาก ไม่ใช่ธรรมะช่วยไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว ไม่ให้ไฟไหม้ ไม่ใช่อย่างนั้น”

คนที่ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมจะไม่คาดหวังว่าเหตุร้ายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับตน เพราะเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เขาจะสนใจว่า ว่าทำอย่างไรใจจึงจะไม่เป็นทุกข์เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 06, 2017, 03:49:27 pm
(http://upic.me/i/46/22815512_1997894170237890_6985901825416925367_n.jpg) (http://upic.me/show/61735601)


ความสุขไม่ใช่มีให้หา แต่ต้องมองให้เห็น

มันไม่ต้องดิ้นรนหา ดิ้นรนแล้วมันเหนื่อย ม้นทุกข์

มันมีอยู่รอบตัวเราแล้ว บางทีมันอยู่ต่อหน้า

แต่เราไม่เห็นเพราะมัวแต่มองพื้น

เพียงถ้าเราเงยหน้าขึ้นมานิดเดียวก็จะมองเห็น

เมื่อแม่ชีและนักเรียนไปเดินธรรมยาตรา

เดินตากแดดทั้งวัน นอนกลางดิน กินกลางทราย

หลายคนทั้งชีวิตไม่เคยเดิน ๑๐ กม.ในหนึ่งวัน

การเดินบนลูกรัง เหนื่อย

รอบตัวแห้งแล้ง ต้นไม้เขรอะด้วยฝุ่น

ถ้ามัวแต่เดินก้มหน้าอย่างเดียว ก็จะทุกข์

แต่หากมองไปข้างหน้า เงยนิดหน่อย จะเห็นฟ้า เห็นเมฆ

มันต่างกันมาก จากที่เห็นแต่พื้นแตกระแหง ใจหม่นหมอง

พอเงยหน้าเห็นเมฆเบาๆ ความรู้สึกก็เบาไปด้วย

กลายเป็นคนที่มีความสุขง่าย

เดินพบร่มไม้ก็มีความสุขแล้ว

เจอลมพัดมาเบาๆ ก็มีความสุขแล้ว

จะพบว่าความสุขมันหาง่าย

แม้แดดร้อนก็มีความสุขเพราะได้เดินกับเพื่อน

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 06, 2017, 03:52:53 pm
(http://upic.me/i/og/buangbanjathorn_ch3-13.jpg) (http://upic.me/show/61735600)


ชั่วชีวิตของคนเรา มีวิชามากมายที่ต้องเรียนรู้ มิใช่เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่ยังเพื่อความเจริญก้าวหน้าและผาสุก วิชาเหล่านี้เปิดสอนทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย โดยมีการวัดผลอย่างจริงจัง แต่มีวิชาหนึ่งที่มักถูกละเลย และแทบไม่มีสอนในสถาบันการศึกษาใด ๆ นั่นคือ วิชาชีวิต

มีวิชามากมายที่เรียนอย่างหน้าดำคร่ำเครียดในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ครั้นสอบผ่านแล้วหลายคนแทบไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์เลย แต่วิชาชีวิตนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตลอดเวลา วิชามากมายเรียนแล้วช่วยให้ร่ำรวยมีสถานภาพทางสังคม แต่ไม่ได้ช่วยแก้ทุกข์ได้เลย ไม่ว่ายามเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกต่อว่าด่าทอ สูญเสียคนรัก หรือล้มป่วย ในขณะที่วิชาชีวิตนั้นช่วยให้เราก้าวข้ามปัญหาชีวิตไปได้ด้วยดี แม้ประสบกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิต จิตก็ยังเป็นปกติสุขอยู่ได้

วิชาชีวิตช่วยให้เราไม่จมทุกข์ หรือซ้ำเติมตนเองยามประสบปัญหา ขณะเดียวกันก็ไม่หลงระเริงในลาภยศและความสำเร็จ มีภูมิคุ้มกันรักษาใจไม่ให้อารมณ์อกุศลครอบงำ และสามารถเป็นสุขได้ในทุกหนแห่ง เมื่อพลัดพรากก็ไม่เศร้าโศกเสียใจ เมื่อสูญเสียก็ไม่ตีอกชกหัว เมื่อเจ็บป่วยก็ไม่คร่ำครวญ และเมื่อจะตายก็ไม่พรั่นพรึง

วิชาชีวิตนั้นเรียนได้จากประสบการณ์ชีวิต โดยมีปัญหาต่าง ๆ เป็นทั้งการบ้านและบททดสอบ โดยมีความตายเป็นการสอบไล่ ชนิดที่ไม่มีการแก้ตัว หากสอบตกก็ทุรนทุรายก่อนตายโดยมีอบายเป็นที่หมาย หากสอบได้ก็จากไปอย่างสงบและเข้าถึงสุคติ น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยพากันสอบตก เพราะไม่คิดว่าจะมีการสอบไล่ชนิดนี้รออยู่ จึงมิได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย หรือหนักกว่านั้นคือไม่คิดว่ามีวิชาชีวิตที่ต้องเรียนเลยด้วยซ้ำ ทั้งชีวิตจึงปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป แต่ผู้มีปัญญานั้นย่อมตระหนักเสมอว่า ชีวิตนี้มีขึ้นเพื่อการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่สำคัญคือวิชาชีวิต ดังนั้นจึงหมั่นศึกษาหาบทเรียนจากวิชานี้อยู่เสมอ รางวัลที่ได้คือเมื่อยังมีลมหายใจก็เป็นสุขในทุกที่ ครั้นวาระสุดท้ายมาถึงก็พร้อมรับความตายด้วยใจสงบ


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 08, 2017, 03:28:45 pm
(http://upic.me/i/9o/22365561_1843339069309780_7098757185671507842_n.jpg) (http://upic.me/show/61744685)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) มองเป็น ก็เห็นสุข (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) 


เรารู้จักพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ความสุขจะบังเกิดขึ้นทันที แทนที่จะเฝ้ามองสมบัติของคนอื่นว่าดีกว่าอย่างไร เราลองหันมาชื่นชมสิ่งที่เรามี เห็นข้อดีหรือประโยชน์ของสิ่งที่มีอยู่ ความพอใจก็จะเกิดขึ้น ความรุ่มร้อนก็จะหายไป แทนที่จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่เราไม่มี ทำไมไม่หาความสุขจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในขณะนี้

ถ้าวางใจได้อย่างนี้ แม้จะมีเพื่อนที่รวยกว่า เก่งกว่า ดังกว่า หรือสวยกว่า เราก็ไม่มีความทุกข์เลย ไม่มีทั้งความรู้สึกด้อยหรืออิจฉา กลับรู้สึกยินดีมีมุทาจิตด้วยซ้ำ อันที่จริงแล้วเมื่อหันมาใส่ใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ เราก็จะพบว่าเรายังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่น่าชื่นชม ซึ่งบางอย่างคนอื่นอาจไม่มีหรือมีไม่เท่าก็ได้ เช่น แม้จะมีเงินน้อยกว่า ตำแหน่งต่ำกว่า แต่เราก็มีสุขภาพดี มีครอบครัวที่อบอุ่น มีชีวิตที่ราบรื่น เพียงเท่านี้ก็น่าจะมีความสุขแล้วไม่ใช่หรือ ความสุขมีอยู่กับเราอยู่แล้วทุกขณะ อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือไม่เท่านั้น

พระไพศาล วิสาโล



*--------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/h2/22490227_777932982414042_7471765967177885909_n.jpg) (http://upic.me/show/61744702)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  การทำบุญที่ถูกต้อง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“การทำบุญนั้นจุดหมายสำคัญก็เพื่อลดความตระหนี่ บรรเทาความเห็นแก่ตัว หรือลดความยึดติดถือมั่น หากเราทำบุญเพื่อจะได้นั่นได้นี่เพื่อตัวเอง โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางวัตถุ ความโลภหรือความเห็นแก่ตัวจะลดลงได้อย่างไร การทำเพราะนึกถึงผู้อื่น อยากช่วยเหลือผู้อื่น โดยนึกถึงตัวเองแต่น้อย หรือไม่นึกถึงเลยต่างหาก เป็นการทำบุญอย่างแท้จริง”

พระไพศาล วิสาโล



*--------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/qp/22448525_1845440629099624_6867082008043357330_n.jpg) (http://upic.me/show/61744749)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ทุกข์ลดลงเมื่อนึกถึงผู้อื่น  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“หากเราเปิดใจมองเห็นความทุกข์ของคนอื่น

เราจะมีความเห็นใจกันมากขึ้น เราจะรู้สึกว่า

ทุกคนเป็นเพื่อนทุกข์ ความรู้สึกว่าทุกคนเป็น

เพื่อนทุกข์ จะทำให้เราเข้ามาใกล้กันมากขึ้น

ช่องว่างระหว่างกันจะน้อยลง ความเห็นใจจะมีเพิ่มขึ้น เมื่อเรารู้สึกว่าเราต่างร่วมชะตากรรมเดียวกัน

การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อเยียวยาความเจ็บปวด จะเกิดขึ้น ตรงนี้เองที่จะทำให้เมตตากรุณาเบ่งบานขึ้น"

พระไพศาล วิสาโล



*--------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/z3/22552796_779880485552625_770081830983185055_n.jpg) (http://upic.me/show/61744750)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ทำงานอย่างปล่อยวาง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“ทำงานอะไรก็ตาม พึงทำด้วยความใส่ใจและรับผิดชอบ โดยไม่ถือว่างานนั้นเป็นตัวกูของกู ทำเสร็จแล้วก็มอบผลงานให้เป็นของธรรมชาติไป ไม่ยึดว่าเป็นเราหรือของเรา คำสรรเสริญเยินยอและชื่อเสียงเกียรติยศที่เกิดขึ้นก็มอบให้แก่ธรรมชาติ หรือมอบให้แก่ผู้คนที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้คิดว่าเป็นของเรา ใครสรรเสริญก็ไม่ได้หลงใหลได้ปลื้ม ใครมาตำหนินินทาก็ไม่ได้ทุกข์ร้อน เพราะไม่ได้ยึดว่าเป็นของเราตั้งแต่ต้น ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะว่าเวลาทำงานเรามักคาดหวังผล แถมยังไปยึดติดกับคำสรรเสริญเยินยอและคำนินทาว่ากล่าว จึงทำงานอย่างไม่มีความสุข”

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  มองเป็นมีประโยชน์  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

คำตำหนิหรือคำต่อว่า

ถ้ารู้จักมองก็มีประโยชน์

ถึงแม้คนพูดจะมีเจตนาร้ายก็ตาม

ลองพิจารณาดูเถอะ ที่เขาว่าเรานั้น

อาจจะมีส่วนจริง หรือมีส่วนที่เป็น

ประโยชน์อยู่บ้าง อาจมีสักห้าเปอร์เซนต์

แต่ถ้าเรารู้จักใช้ห้าเปอร์เซนต์นั้น

เราก็ได้กำไร แต่ถ้าเราทุกข์

หรือโกรธขึ้นมา แสดงว่าเราขาดทุนแล้ว

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/dp/22815251_785168451690495_5585387048995865571_n.jpg) (http://upic.me/show/61744777)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ชนะใจด้วยไมตรี (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ในส่วนลึกของใจทุกดวงที่แข็งกระด้าง ก็คือความรักและความอ่อนโยน ที่ยังหลับใหลอยู่ แต่มันจะตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้สัมผัสกระแสแห่งความเป็นมิตรจากผู้อื่น ความรักและความอ่อนโยนที่ถูกปลุกขึ้นมานี้หากมีพลังมากพอก็สามารถเอาชนะความแข็งกระด้าง และเปลี่ยนใจของผู้นั้น ให้หันมาเป็นมิตรกับผู้อื่น และทำสิ่งที่ถูกต้องดีงามได้

อย่างไรก็ตามก่อนที่คิดจะชนะใจผู้อื่น อย่างแรกที่ต้องทำคือชนะใจตนเอง นั่นคือ รู้จักให้อภัย ไม่ปล่อยใจไปตามอำนาจของความโกรธเกลียด หรือผูกใจเจ็บไม่เลิกรา

พระไพศาล วิสาโล


*--------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/rr/23032427_1852181125092241_4953029845072017486_n.jpg) (http://upic.me/show/61744829)

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  บุญที่แท้จริง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

การทำบุญนั้นจุดหมายสำคัญก็เพื่อลดความตระหนี่ บรรเทาความเห็นแก่ตัว หรือลดความยึดติดถือมั่น หากเราทำบุญเพื่อจะได้นั่นได้นี่เพื่อตัวเอง โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางวัตถุ ความโลภหรือความเห็นแก่ตัวจะลดลงได้อย่างไร การทำเพราะนึกถึงผู้อื่น อยากช่วยเหลือผู้อื่น โดยนึกถึงตัวเองแต่น้อย หรือไม่นึกถึงเลยต่างหาก เป็นการทำบุญอย่างแท้จริง

พระไพศาล วิสาโล




(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)

ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 08, 2017, 04:06:27 pm
(http://upic.me/i/z6/23167895_2004537419573565_1283971348609864386_n.jpg) (http://upic.me/show/61744840)


การเดินตามพระองค์ไม่ใช่เรื่องง่าย จะทำได้ก็ต้องมีเหตุปัจจัยที่สำคัญ คือใจ การบำเพ็ญตามพระกรณีกิจแม้เพียงแค่หนึ่งในร้อยของพระองค์ ต้องอาศัยใจเป็นสำคัญ

อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจประเสริฐสุด สำเร็จได้ด้วยใจ” จะทำได้อย่างในหลวงเพียงเศษเสี้ยว ก็ต้องมีใจอย่างพระองค์ หรือว่าพูดอีกอย่างว่า มีธรรมะในใจอย่างที่พระองค์มี ถ้ามีธรรมะดังกล่าวในใจแล้ว การพูดการกระทำก็ออกมาได้ง่ายขึ้น

ธรรมะหรือความดีงามของพระองค์มีมากมาย แต่ถ้าสรุปอย่างสั้น ๆ ก็รวมลงที่ธรรมะ ๑๐ ข้อ ที่เรียกว่า ทศพิธราชธรรม แม้เป็นธรรมะสำหรับผู้ปกครอง แต่ก็เป็นธรรมะที่เราควรน้อมนำมาใส่จิตใจของเราด้วย

...ข้อที่ ๓ ปริจจาคะ คือบริจาค ไม่ใช่บริจาคเงินทอง แต่มากกว่านั้น คือ สละความสุขสบายส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม อันนี้เราเห็นได้ชัดจากพระกรณียกิจของพระองค์ ว่าที่จริงพระองค์สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระราชามหากษัตริย์ แต่พระองค์ทรงบำเพ็ญกรณียกิจต่างๆ มากมาย ไม่ใช่แค่เปิดงานอย่างผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง แต่เสด็จพระราชดำเนินไปถึงชนบท ถิ่นทุรกันดาร สมัยก่อนเส้นทางลำบากมาก บางแห่งมีถนน แต่หลายแห่งก็ไม่มีถนน เต็มไปด้วยภูเขา เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน พระองค์ก็เสด็จไป ทรงพระดำเนินด้วยเท้าก็บ่อย อันนี้เราเห็นตัวอย่างได้จากภาพยนต์หรือวิดีโอ จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงโดดเด่นในคุณธรรมข้อนี้ ทรงเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อพสกนิกร

หลายคนตั้งใจรักษาศีล แต่ถ้าหากต้องละทิ้งความสุขส่วนตัว เช่นมาอยู่วัด ก็กลัวลำบาก เลยปฏิเสธ ไม่ยอมมา จะให้ทานหรือรักษาศีลที่บ้านก็ยังไหว แต่จะให้มาวัดไม่เอา เพราะมันลำบาก บางคนอยากช่วยเหลือคนชนบท แต่พอรู้ว่ามีความลำบากรออยู่ ก็ปฏิเสธทันที อย่างนี้เรียกว่ายังไม่มีปริจจาคะ ยังหวงแหนความสุขส่วนตัว ซึ่งในหลวงของเราไม่มีอันนี้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 10, 2017, 03:22:34 pm
(http://upic.me/i/4d/22894463_808923569290686_1870133629148841517_n.jpg) (http://upic.me/show/61752295)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 05:46:57 am
(http://upic.me/i/05/23376593_2009078435786130_8921387134203752412_n.jpg) (http://upic.me/show/61773333)


รู้ใจตัวเอง

เวลาเรามีเพื่อนเราก็อยากได้เพื่อนที่รู้ใจ

เวลาเราทำงาน ก็อยากได้ลูกน้องที่รู้ใจ

รวมทั้งเวลาเรามีแฟนมีคู่ครอง ก็อยากได้แฟนหรือคู่ครองที่รู้ใจ

เวลาเรามีความทุกข์ เราก็อยากให้คนเห็นใจเรา

แต่ว่าเราเคยถามตัวเราเองหรือเปล่าว่า

ที่เรียกร้องให้ใครมารู้ใจ ให้ใครมาเห็นใจ

แล้วตัวเราเอง เคยคิดจะรู้ใจตัวเองบ้างไหม

เคยคิดจะเห็นใจตัวเองบ้างหรือเปล่า

มันยากนะ ไม่รู้ใจตัวเอง แต่ว่าจะไปเรียกร้อง แสวงหา

หรือว่าไปกะเกณฑ์ให้ใครต่อใครมารู้ใจหรือเห็นใจเรา

อะไรที่ยากกว่ากัน ระหว่างคนข้างนอกที่มารู้ใจเรา

หรือตัวเราเองที่รู้ใจตัวเอง อะไรที่มันเป็นไปได้ง่ายกว่ากัน

ส่วนใหญ่เวลาบอกว่าอยากให้คนอื่นมารู้ใจเรา

ก็มักจะหมายความว่า เค้ารู้ความต้องการของเรา

รู้ว่าจะปรนเปรอตอบสนองความต้องการของเราอย่างไร

อันนั้นก็ดีอยู่

แต่สิ่งที่เราควรทำให้ได้ เวลารู้ใจตัวเอง

รู้ทันความรู้สึกนึกคิดของตัว

เวลาเราโกรธ เราเคยรู้ใจตัวเองไหมว่ากำลังโกรธ

เวลาเราเกลียดเรารู้ทันความเกลียดในใจเราไหม

เวลาเราเบื่อ เราเศร้า เราเคยรู้ทัน ความเบื่อ ความเศร้า

ทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้นอยู่กลางใจเราหรือเปล่า

รู้ใจแบบนี้ที่สำคัญกว่าการกะเกณฑ์ให้ใครมารู้ใจเรา



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 29, 2017, 01:08:09 pm
(http://upic.me/i/xm/24068274_1984013371625635_1714214983170592918_n.jpg) (http://upic.me/show/61836516)



ครั้งหนึ่งเคยมีความคิดในหมู่นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำว่า มนุษย์สามารถเอาชนะเชื้อโรคทั้งหลายได้ สักวันหนึ่งจะไม่มีใครล้มป่วยเพราะโรคติดเชื้ออีกต่อไป แต่มาถึงทุกวันนี้ก็เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า นั่นเป็นความฝัน เชื้อโรคจะต้องอยู่คู่กับมนุษย์เราไปตลอดกาล มิใช่อยู่รอบตัวเราเท่านั้น หากยังอยู่ในตัวเราด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อป้องกันมิให้ล้มป่วยก็คือ การสร้างภูมิคุ้มกันโรค

ภูมิคุ้มกันโรคเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็มาจากการที่ร่างกายของเราได้รับเชื้อโรคจากภายนอก หากเป็นเชื้อโรคที่ไม่แรงถึงกับทำให้ตาย ร่างกายเราจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคนั้น ๆ ขึ้นมา ทำให้ไม่ป่วยหากเชื้อโรคนั้นเข้ามาในร่างกายอีก การฉีดวัคซีนมิใช่อะไรอื่น หากเป็นการฉีดเชื้อโรคอ่อน ๆ หรือเชื้อที่ตายแล้ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายของเรานั่นเอง

เชื้อโรคฉันใด ความทุกข์ก็ฉันนั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราที่ไม่อาจหนีพ้นได้ ไม่ว่าเราจะมีเทคโนโลยีล้ำหน้า มีความมั่งคั่งและอำนาจยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องเจอความทุกข์อยู่นั่นเอง ดังนั้นแทนที่จะคิดหนีความทุกข์ (ซึ่งเป็นไปไม่ได้) เราจึงควรหาทางรับมือกับความทุกข์ วิธีหนึ่งก็คือ สร้างภูมิคุ้มกันความทุกข์ขึ้นมาในจิตใจ

ชีวิตที่มีแต่ความสะดวกสบาย ได้ทุกอย่างที่ปรารถนา ไม่รู้จักความผิดหวังนั้น ดูเหมือนเป็นชีวิตที่น่าอิจฉา แต่แท้จริงเป็นชีวิตที่เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง เพราะขาดภูมิคุ้มกันความทุกข์ หากวันใดพบกับความผิดหวังหนัก ๆ ก็อาจเสียศูนย์ หรือถึงกับฆ่าตัวตาย เคยมีมาแล้วที่คนเรียนดีตั้งแต่เล็กจนโตแต่สุดท้ายกลับฆ่าตัวตายเพราะทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกไม่สำเร็จ หรือลูกที่พ่อแม่เลี้ยงดูอย่างประคบประหงมกลับฆ่าตัวตายเมื่ออกหัก ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือคอขาดบาดตาย แต่เป็นเพราะไม่มีภูมิคุ้มกันความทุกข์มาก่อน จึงโดนความทุกข์ท่วมทับจนไม่เห็นทางออกอย่างอื่นนอกจากความตาย

ดังนั้นใครที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอ มีชีวิตราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ จึงไม่ควรด่วนดีใจว่าเป็นคนมีโชค เพราะนั่นอาจเป็นเคราะห์ที่แฝงมาในรูปของโชคก็ได้ ส่วนคนที่เจออุปสรรคและความยากลำบากเป็นนิจ ก็อย่าน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ลองสำรวจให้ดีก็จะพบว่าความทุกข์ให้สิ่งดี ๆ แก่คุณ อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณอดทนมากขึ้น และไม่กลัวความยากลำบาก

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 29, 2017, 01:13:09 pm
(http://upic.me/i/1n/23659586_2018880998139207_6494349614217437071_n.jpg) (http://upic.me/show/61836529)



นักธุรกิจคนหนึ่งเป็นผู้ที่กลัวความล้มเหลวอย่างมาก ไม่ว่าลงทุนอะไร จะเลือกแต่กิจการที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด แม้เป็นกิจการที่ตนไม่ชอบก็ตาม จึงทำงานอย่างไม่ค่อยมีความสุข แล้ววันหนึ่งกิจการของตนก็ประสบปัญหา ขาดทุนอย่างหนัก จนต้องเลิกกิจการ แม้เขาจะเสียใจ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาพบก็คือ ความล้มเหลวนั้นไม่ได้เลวร้ายน่ากลัวอย่างที่เขาคิด ฟ้ายังไม่ถล่ม แผ่นดินยังไม่ทลาย นับแต่นั้นเขาก็ไม่กลัวความล้มเหลวอีกเลย เขากล้าเสี่ยงกล้าลงทุนมากขึ้น ทำให้มีความสนุกกับการทำงานอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ความล้มเหลวนั้นมีประโยชน์อย่างหนึ่ง ก็คือ ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันความล้มเหลว ไม่เสียศูนย์ง่าย ๆ เมื่อเจอมันอีก สามารถปรับใจรับมือกับมันได้ดีขึ้น พูดอีกอย่างก็คือ ทำให้มันมีอิทธิพลในทางลบต่อเราน้อยลง นี้ก็เช่นเดียวกับสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบกับเรา แม้ไม่น่าพึงพอใจ แต่การที่ได้เจอมันบ่อย ๆ หรือเจอมันนาน ๆ ก็ทำให้เราเป็นทุกข์กับมันน้อยลง

เคยมีการทดลองแบ่งคนเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้นั่งอยู่ในห้องซึ่งมีเครื่องดูดฝุ่นส่งเสียงดังนาน ๔๕ วินาที อีกกลุ่มหนึ่งอยู่ในห้องที่ดังก้องด้วยเสียงเครื่องดูดฝุ่นเช่นกัน แต่เสียงดังแค่ ๕ วินาที จากนั้นผู้ทดลองขอให้ทุกคนตอบคำถามว่ารู้สึกรำคาญมากน้อยเพียงใดในช่วง ๕ วินาทีสุดท้าย ปรากฏว่ากลุ่มที่รู้สึกรำคาญมากที่สุดคือ กลุ่มที่สอง ส่วนกลุ่มแรกนั้นไม่รู้สึกรำคาญเท่าใดเพราะหลังจากที่ฟังมาตลอด ๔๕ วินาทีก็รู้สึกทนกับเสียงนั้นได้

กลุ่มที่สองนั้นดูเผิน ๆ เหมือนโชคดีที่มีเสียงรบกวนแค่ ๕ วินาที แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับทุกข์มากกว่า ทั้งนี้เพราะยังไม่คุ้นกับเสียงนั้นนั่นเอง ตรงข้ามกับกลุ่มแรกซึ่งเจอเสียงนั้นมาก่อนแล้วจึงมีภูมิคุ้มกันเสียงนั้น

ใครที่ไม่เคยเจอน้ำท่วมบ้าน ย่อมเป็นทุกข์อย่างมากเมื่อเจอมันเป็นครั้งแรก แต่ถ้าคุณเจอมันเป็นครั้งที่สอง เชื่อได้ว่าคุณจะรู้สึกเป็นทุกข์น้อยลง นี้เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ มีการวิจัยพบว่า เมื่อเกิดเหตุร้าย ผู้คนจะมีความรู้สึกเป็นบวกมากขึ้น หรือเป็นลบน้อยลงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว หากว่าเคยประสบมันมาแล้วในอดีต ไม่ว่าเหตุร้ายนั้นจะได้แก่ความสูญเสีย ความล้มเหลว หรือความเจ็บป่วยก็ตาม ในทำนองเดียวกันคนที่เคยประสบกับความเจ็บปวดที่รุนแรงมาก่อน (เช่น จากอุบัติเหตุ) จะสามารถทนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในภายหลังได้มากขึ้น

ภูมิคุ้มกันความทุกข์นั้น ในเบื้องต้นเกิดจากความเคยชินและความสามารถในการปรับตัวปรับใจของมนุษย์ แต่ยังมีภูมิคุ้มกันความทุกข์อีกระดับหนึ่ง ซึ่งเกิดจากปัญญาที่เข้าใจความทุกข์อย่างแจ่มแจ้ง จนตระหนักว่ามันเป็นธรรมดา ที่ไม่มีใครหนีพ้น อีกทั้งยังเห็นความจริงต่อไปด้วยว่า ความสูญเสีย ความเจ็บป่วย ความล้มเหลว ไม่ทำให้ใจเป็นทุกข์ได้เลย หากไม่ยึดติดถือมั่นกับสิ่งต่าง ๆ ว่าต้องเป็นไปดั่งใจ เมื่อรู้เช่นนี้ก็ปล่อยวาง ไม่ยึดติดถือมั่น แต่ยังเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ ตามเหตุปัจจัยมากกว่าตามความอยากของตน

ภูมิคุ้มกันความทุกข์ประเภทหลังนี้แหละที่คุ้มกันใจให้ปลอดพ้นจากความทุกข์อย่างแท้จริง แม้มีเหตุร้ายแรงใด ๆ เกิดขึ้นกับชีวิต ไม่เว้นแม้กระทั่งความตาย

แต่ภูมิต้านทานประเภทหลังนี้ใช่ว่าจะเกิดได้ง่าย ๆ ไม่อาจได้มาจากการคิดเอา แต่ต้องเกิดจากการเจอความทุกข์บ่อย ๆ จนเกิดปัญญา เพราะมีแต่เจอทุกข์เท่านั้นจึงจะเห็นธรรม

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 29, 2017, 01:24:27 pm
(http://upic.me/i/6n/23659341_2021004297926877_300321165207302995_n.jpg) (http://upic.me/show/61836549)


หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเคยกล่าวว่า “ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา” คำพูดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) สงสัยว่าหลวงปู่มั่นเรียนปริยัติธรรมน้อย เอาแต่อยู่ป่า แต่ทำไมจึงรู้ธรรมได้ลึกซึ้ง

สมเด็จองค์นี้สมัยที่ท่านเป็นเจ้าคณะมณฑลอุบลราชธานี ท่านเห็นว่าปริยัติธรรมเป็นเรื่องสำคัญที่พระต้องเรียน ตัวท่านเองก็เรียนถึงประโยค ๕ ตอนนั้นท่านไม่ชอบพระป่าเอามาก ๆ โดยเฉพาะพระป่าสายหลวงปู่มั่น หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม เพราะพระเหล่านี้ไม่ยอมเรียนหนังสือ และไม่อยู่วัดเป็นหลักเป็นแหล่ง ธุดงค์จาริกในป่าเป็นอาจิณ คราวหนึ่งหลวงปู่สิงห์กับคณะธุดงค์มาถึงอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าคณะมณฑลจึงสั่งเจ้าคณะอำเภอ ให้บอกชาวบ้านว่า ขับไล่คณะพระธุดงค์กลุ่มนี้ออกไปจากอำเภอ แต่ชาวบ้านไม่ทำ

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์แต่เดิมท่านไม่เห็นว่าการทำสมาธิภาวนามีประโยชน์อะไร กระทั่งวันหนึ่งท่านล้มป่วย รักษาเท่าไรก็ไม่หาย ต่อมาพระอาจารย์ลี ธัมมธโร และพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ช่วยรักษาท่านให้หายจากโรค โดยใช้สมาธิภาวนาและสมุนไพร ปรากฏว่าท่านหายอย่างอัศจรรย์ จึงแปลกใจและประทับใจมาก ท่านถึงกับกล่าวว่า “ตลอดชีวิตของเรา เราไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า สมาธิภาวนาจะมีประโยชน์ถึงเพียงนี้

น่าคิดนะ สมเด็จพระมหาวีรวงค์ เป็นพระผู้ใหญ่ มีความรู้สูงด้านปริยัติธรรม แต่ไม่เคยเชื่อเลยว่า สมาธิภาวนาจะมีคุณค่ามาก เมื่อเห็นประโยชน์ของสมาธิภาวนาด้วยตนเอง ท่านจึงเริ่มทำสมาธิภาวนา และมีศรัทธาในหลวงปู่มั่น ต่อมาเมื่อได้เจอหลวงปู่มั่น ท่านจึงถามว่าหลวงปู่มั่นว่า ในเมื่อหลวงปู่มั่นไม่ได้เรียนหนังสือมามาก ทำไมจึงสอนธรรมะได้ลึกซึ้ง หลวงปู่มั่นจึงตอบพูดว่า “ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา”

เราสามารถเห็นธรรมได้จากทุกสิ่ง เมื่อเราเปิดใจรับรู้ทุกสิ่งอย่างมีโยนิโสมนสิการ ถ้าเราครองตนด้วยสติ ก็จะเห็นกายและใจตามที่เป็นจริง และเมื่อเรามองโลก เราก็จะเกิดปัญญาเห็นธรรม

เราจะเห็นกายและใจตามจริงได้อย่างไร ก็เริ่มจากการปฏิบัติ ซึ่งมีหลายวิธี หลักใหญ่ ๆ คือ เจริญสติปัฏฐาน 4 ได้แก่
กายานุปัสสนา คือ เห็นกายในกาย
เวทนานุปัสสนา คือ เห็นเวทนาในเวทนา
จิตตานุปัสสนา คือ เห็นจิตในจิต
ธัมมานุปัสสนา คือ เห็นธรรมในธรรม


อธิบายสั้น ๆ คือ เห็นกายว่าเป็นกาย ไม่ใช่เห็นกายว่าเป็นเรา เวลาเราเดิน หากเดินอย่างมีสติจะเห็นว่ากายเดิน ไม่ใช่ “ฉัน” เดินเวทนาเกิด ก็เห็นเป็นเวทนา ไม่ใช่เห็นว่าฉันปวด คนเราเวลาปวดก็จะรู้สึกว่าฉันปวด ๆ แต่ที่จริงเมื่อเจริญสติก็จะเห็นว่า การปวดเป็นอาการปวด ไม่ใช่ฉันปวด เวลาโกรธก็เห็นว่ามีความโกรธเกิดขึ้น ไม่ใช่ฉันโกรธ

ปฏิบัติธรรมไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเห็นสีหรือแสงข้างนอก ถ้าเป็นการภาวนาที่แท้จริงเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ วิธีการก็คือเห็นกายและใจตามที่เป็นจริง ด้วยการเจริญสติ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดปัญญา ถ้าเราเกี่ยวข้องกับโลกภายนอก ตาดู หูฟัง เมื่อเกิดโยนิโสมนสิการ ก็เกิดปัญญา

การปฏิบัติธรรมนั้นสามารถทำได้หลายวิธี มีรูปแบบการปฏิบัติ เช่น ตามลมหายใจ เดินจงกรม ยกมือเคลื่อนไหว ดูท้องพองยุบ หรือไม่มีรูปแบบก็ได้ เป็นการปฏิบัติที่กลืนกับชีวิตประจำวัน เป็นการเกี่ยวข้องโลกภายนอกอย่างมีสติ มีปัญญา ทั้งสองวิธีล้วนมีความสำคัญ บางคนไปเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมหมายถึงการเดินจงกรม นั่งสมาธิ ตามลมหายใจ เท่านั้น ทำอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรม อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด

หลวงพ่อชาเล่าว่า ท่านเคยไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่กินรี หลวงพ่อชาตั้งใจปฏิบัติมาก เดินจงกรม และนั่งสมาธิทั้งวัน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า หลวงปู่กินรีวัน ๆ ไม่ค่อยเดินจงกรม ไม่ค่อยนั่งสมาธิเลย ทำโน่นทำนี่ เกือบตลอดเวลา แล้วท่านจะเห็นอะไร แต่หลังจากที่ได้อยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่นาน ๆ และได้ฟังธรรมอันลุ่มลึกจากท่าน หลวงพ่อชาก็รู้ว่าเป็นความเขลาของท่านเองที่คิดเช่นนั้น ท่านพูดถึงบทเรียนที่ท่านได้จากประสบการณ์ครั้งนั้นว่า

“เรามันคิดผิด หลวงปู่ท่านรู้อะไร ๆ มากกว่าเราเสียอีก คำเตือนของท่านสั้น ๆ และไม่ค่อยมีให้ฟังบ่อยนัก เป็นสิ่งที่ลุ่มลึก แฝงไว้ด้วยปัญญาอันแยบคาย ความคิดของครูบาอาจารย์กว้างไกลเกินปัญญาเราเป็นไหน ๆ ตัวแท้ของการปฏิบัติคือความพากเพียร กำจัดอาสวกิเลสภายในใจ ไม่ใช่ถือเอากิริยาอาการภายนอกของครูบาอาจารย์เป็นเกณฑ์”

ท่านมาได้ตระหนักชัดอีกครั้งว่า การปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้อยู่ที่รูปแบบ แต่อยู่ที่การวางใจให้ถูกต้อง ไม่ว่าทำอะไร ก็สามารถเป็นการภาวนาได้

คราวหนึ่งท่านนั่งปะชุนจีวรที่ขาดวิ่น ใจนั้นนึกถึงการภาวนาอยู่ตลอดเวลา อยากรีบปะชุนให้เสร็จเร็ว ๆ เพื่อจะได้ไปภาวนาต่อ ขณะนั้นเองหลวงปู่กินรีเดินผ่านมา สังเกตเห็นอาการของพระหนุ่ม จึงพูดขึ้นมาว่า

“ท่านชา จะรีบร้อนไปทำไมเล่า”
“ผมอยากให้เสร็จเร็ว ๆ ครับหลวงปู่”
“เสร็จแล้วท่านจะทำอะไรล่ะ”
“จะไปทำอันนั้นอีก”
“ถ้าเสร็จอันนั้นแล้ว ท่านจะทำอะไรอีกล่ะ”
“ผมก็จะทำอย่างอื่นอีก”
“เมื่อทำอย่างอื่นเสร็จแล้ว ท่านจะไปทำอะไรอีกเล่า”

เมื่อเห็นว่าใจของหลวงพ่อชาไม่ได้อยู่กับงานที่กำลังทำ แต่คิดถึงงานชิ้นอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหน้า และรีบร้อนจะทำให้เสร็จไว ๆ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไปภาวนาต่อ หลวงปู่กินรีจึงเตือนว่า

“ท่านชา ท่านรู้ไหม นั่งเย็บผ้าผืนนี้ก็ภาวนาได้ ท่านดูจิตตัวเองสิว่าเป็นอย่างไร แล้วก็แก้ไขมัน ท่านจะรีบร้อนไปทำไมเล่า ทำอย่างนี้เสียหายหมด ความอยากมันเกิดขึ้นท่วมหัว ท่านยังไม่รู้เรื่องของตนอีก”

คำพูดของหลวงปู่กินรีกระตุกใจของหลวงพ่อชาอย่างแรง ทำให้ท่านได้สติ และเกิดความเข้าใจชัดเจนว่า ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร ก็ภาวนาได้ทั้งนั้น ขอให้หมั่นดูใจของตนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม นี้เป็นบทเรียนที่ประทับใจท่านมาก และถือเป็นหลักปฏิบัติของท่านตลอดมา

เมื่อท่านไปตั้งสำนักปฏิบัติธรรมที่หนองป่าพง จึงทำให้มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง และมีเรื่องเล่าว่า ตอนนั้นหลวงพ่อชาอายุมากแล้ว มีเด็กหนุ่มมาถามท่านว่า “ทำไมพระจึงไม่นั่งสมาธิ” พอหลวงพ่อชาได้ฟังน้ำเสียงแล้วรู้ว่า ไม่ได้ถามเพราะต้องการคำตอบที่แท้จริง ท่านจึงตอบว่า “นั่งอย่างเดียวมันถ่ายไม่ออกว่ะ จะนั่งอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันต้องปฏิบัติกับการทำงานด้วย” และท่านก็บอกว่า “การปฏิบัติธรรมมันต้องมาดูกายและใจ” ไม่ว่าทำอะไร ต้องให้รู้ทันกายและใจ ทำงานก่อสร้างก็เป็นการปฏิบัติธรรมได้ อันนี้สำคัญมาก เดี๋ยวนี้นักปฏิบัติธรรมจำนวนมากคิดอย่างเดียวว่า เวลาปฏิบัติธรรมจะต้องเข้าวัด จะต้องหลบลี้หนี้หน้าผู้คน โดยไม่คิดว่า การอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติธรรมได้

อยู่บนท้องถนน รถติดก็กำหนดลมหายใจไปด้วย หรือเวลาเจอไฟแดง หงุดหงิดขึ้นมาก็ปฏิบัติธรรมได้ ถามว่าเวลารถติดทำไมถึงหงุดหงิด นั่นก็เพราะใจมันไปอยู่ที่จุดหมายปลายทางแล้ว ใจมันอยู่ข้างหน้าแล้ว ใจไม่อยู่กับปัจจุบัน จึงกลัวไปไม่ทัน กลัวไม่ทันประชุม เป็นต้น ดังนั้นให้พาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน จะตามลมหายใจด้วยก็ได้ การปฏิบัติธรรมก็คือ ติดไฟแดงทำอย่างไรจะไม่หงุดหงิด ทำอย่างไรเวลาถูกต่อว่าจะไม่หงุดหงิด เวลาเสียเงินจะไม่โมโห เวลาเงินหายก็หายแต่เงิน แต่ใจไม่หาย ถ้าทำได้อย่างนี้ก็เรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้ว

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 10, 2018, 03:56:04 pm
(http://upic.me/i/0w/24862564_802885913252082_6674096790498458403_n.jpg) (http://upic.me/show/61913112)


อย่าร้องไห้เมื่ออาทิตย์ลับฟ้า

แทนที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เสียไป เพียงแค่หันมาชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัว ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก ใช่หรือไม่ว่าผู้คนจำนวนมากทั้ง ๆ ที่มีอะไรต่ออะไรมากมาย แต่ก็ยังเป็นทุกข์ ก่นด่าชะตากรรม เพราะมัวแต่นึกถึงสิ่งที่หลุดลอยไป ใจที่เอาแต่เศร้าซึมเสียใจทำให้เขามองข้ามสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ต่อหน้าไปอย่างน่าเสียดาย กลายเป็นว่าแทนที่จะเสียหนึ่ง ก็เสียสองหรือสามซ้ำเข้าไปอีก

มีคนหนึ่งกล่าวไว้น่าฟังมากว่า “อย่าร้องไห้เมื่อดวงอาทิตย์ลับฟ้า เพราะน้ำตาจะทำให้เธอมองไม่เห็นดวงดาว” อะไรที่เสียไปแล้วป่วยการที่จะอาลัยอาวรณ์ หันมาใส่ใจกับสิ่งดี ๆ มีคุณค่า ตรงนี้และเดี๋ยวนี้ไม่ดีกว่าหรือ

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 10, 2018, 03:59:20 pm
(http://upic.me/i/wf/24991445_1869231166720570_3620920758920887354_n.jpg) (http://upic.me/show/61913114)


ธุลีจักรวาล

เมื่อแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงดาวพราวพร่างฟ้าสามารถสะกดใจเราให้สงบได้ ในยามนั้นแหละที่เราจะระลึกได้ถึงตำแหน่งแห่งหนที่แท้จริงของเราในจักรวาล

ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน คุณจะรู้สึกถึงความกะจิริดของตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าดวงดาวนับล้านและทางช้างเผือกที่พาดผ่านฟ้า ดวงดาวเหล่านี้มีขนาดมโหฬารเกินจินตนาการ บ้างก็เป็นดาราจักรที่กว้างหลายปีแสง แต่แล้วกลับกลายเป็นแค่จุดเล็ก ๆ ระยิบระยับเบื้องหน้าเรา

ใช่หรือไม่ว่าแท้จริงเราไม่ต่างจากธุลีของจักรวาล การปรากฏตัวของเราบนพื้นโลกนั้นแม้จะเป็นเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของใครบางคน แต่ก็ไม่ต่างจากการเกิดขึ้นของฝุ่นผงเม็ดหนึ่งในจักรวาล พันปีนั้นนานเกินกว่าที่ทุกคนใฝ่ฝันจะอยู่ในโลกนี้ แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับอายุหลายพันล้านปีของดวงดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้า มิไยต้องเอ่ยถึงอายุของจักรวาล

เมื่อดาวดวงหนึ่งแตกดับ อาจเกิดแรงสั่นสะเทือนไปยังดวงดาวใกล้เคียง แต่แทบไม่มีความหมายเลยสำหรับจักรวาลที่มีดาวแสนล้านดวงเกลื่อนกล่นเต็มฟ้า เมื่อดาราจักรที่ไกลหลายร้อยปีแสงระเบิดกัมปนาท เราเคยรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนหรือไม่ อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่แรงกระเพื่อมเล็ก ๆ ที่เครื่องมืออันละเอียดอ่อนเท่านั้นสามารถดักจับได้ แล้วเหตุใดเราจึงคิดว่าการตายของเราเป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ที่โลกจะไม่มีวันลืม

เป็นเพราะเราคิดว่าตัวเรานั้นเป็นคนสำคัญ จึงเห็นความปรารถนาของตัวเองเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ยิ่งคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้า ก็ยิ่งเป็นทุกข์อย่างยิ่งเมื่อไม่สมหวัง อดไม่ได้ที่จะกราดเกรี้ยวต่อโลกทั้งโลก และเมื่อถึงวันที่จะลาลับโลก เราอดสงสัยไม่ได้ว่าโลกจะขับเคลื่อนอย่างไรเมื่อไม่มีเรา แต่ความจริงก็คือการตายของเรานั้นไม่ได้ต่างอะไรเลยกับการหายวับของฝุ่นธุลีในอวกาศ โลกก็ยังหมุนอยู่ต่อไป และในที่สุดก็จะลืมเรา

ตราบใดที่ยังคิดถึงแต่ตัวเอง ก็ย่อมสำคัญผิดคิดว่าฉันคือคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นประหนึ่งศูนย์กลางของโลก ที่ทุกคนต้องหมุนรอบ แต่เมื่อเปิดตาเบิ่งมองท้องฟ้ายามดึก แสงระยิบระยับของดวงดาวเต็มฟ้าสามารถสาดส่องใจเราให้สว่างไสวและโปร่งเบา ความทุกข์จะลดลงและรู้สึกเจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 10, 2018, 04:01:36 pm
(http://upic.me/i/b8/25151866_803842323156441_5958876864768108440_n.jpg) (http://upic.me/show/61913115)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) รักษาใจให้เป็นปกติ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

เมื่อมีความทุกข์ใจ คนส่วนใหญ่มักจะโทษปัจจัยภายนอก มองไม่เห็นสาเหตุที่ใจของตน ดังนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไร ใจก็ยังเป็นทุกข์อยู่นั่นเอง ต่อเมื่อตระหนักว่าตัวการที่แท้นั้นอยู่ที่ภายใน มิใช่ภายนอก การทำใจให้กลับมาเป็นปกติจึงจะเกิดขึ้นได้

ใจจะเป็นอิสระจากทุกข์อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อละความเห็นผิดในตัวกูของกูได้อย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะที่ยังละความเห็นผิดดังกล่าวไม่ได้ อีกทั้งยังลดไม่ได้มาก ทุกข์ใจก็ยังบรรเทาได้ ด้วยการรู้จักวางใจอย่างถูกต้องจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องมีสติรู้ทันอาการของใจเมื่อเกิดทุกข์หรือมีเหตุร้ายมากระทบ แม้เหตุร้ายยังแก้ไขไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ซ้ำเติมตัวเอง ด้วยการรักษาใจให้เป็นปกติ

พระไพศาล วิสาโล



*-------------------------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) ธรรมชาติ (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ธรรมชาติมิใช่เป็นแค่ทรัพยากรสำหรับการดำรงชีวิตหรือสิ่งสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจเท่านั้น หากยังสามารถน้อมใจให้สงบเย็น และเป็นสื่อนำพาเราให้เข้าถึงธรรมอันลุ่มลึก การได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่มีความหมายต่อจิตใจ ผู้ที่ปรารถนาความสุขและความเจริญงอกงามในจิตใจจึงมักแสวงหาอาศัยธรรมชาติเป็นวิหารธรรมอยู่เนืองนิตย์

พระไพศาล วิสาโล




*-------------------------------------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ยิ้มรับความทุกข์ ได้สุขเป็นรางวัล (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ความสุขนั้นเป็นยอดปรารถนาของทุกคน ไม่มีใครที่ไม่วาดหวังชีวิตอันผาสุก แต่น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่กลับรู้จักความสุขน้อยมาก กล่าวคือ มักเห็นว่าความสุขเกิดจากวัตถุสิ่งเสพเท่านั้น ต่อเมื่อได้เสพได้ครอบครองจึงมีความสุข เงินจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต แท้จริงแล้วยังมีความสุขที่ประเสริฐกว่านั้นอีก เช่น ความสุขที่เกิดจากใจอันสงบ ความสุขจากความภาคภูมิใจเมื่อได้ทำความดี รวมทั้งความสุขเมื่อได้ละวาง

ความสุขประเภทหลังนั้นเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุสิ่งเสพ แม้มีน้อย ไม่ร่ำรวย ก็มีความสุขได้ เป็นสุขที่พบได้กลางใจเรา เป็นเพราะมองไม่เห็นความสุขดังกล่าว ผู้คนจึงพากันดั้นด้นแสวงหาความสุขที่อยู่นอกตัว แต่ไม่ว่าจะมีหรือได้มากเท่าไร ก็ไม่พบความสุขที่แท้ ต่อเมื่อหยุดแสวงหาสิ่งภายนอก หันกลับมามองตน วางใจให้ถูก ดูแลใจให้ดี ก็จะพบความสุขอันประเสริฐได้ไม่ยาก เป็นความสุขที่สัมผัสได้แม้ประสบกับความเจ็บป่วย พลัดพราก หรือยากไร้

พระไพศาล วิสาโล




*-------------------------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/12/25348858_1577755185645524_6843759387473296995_n.jpg) (http://upic.me/show/61913119)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ทำงานใจก็สงบได้ (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


“การทำงานคือการปฏิบัติธรรม” ไม่ว่าจะทำอาชีพการงาน หรือทำกิจวัตรประจำวัน ก็สามารถเป็นโอกาสปฏิบัติธรรมหรือฝึกฝนจิตใจได้เสมอ เช่น ฝึกให้มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ หรือลดละความเห็นแก่ตัว บ่มเพาะเมตตากรุณา รวมทั้งเสริมสร้างมโนธรรมให้เข้มแข็ง อันจะนำไปสู่การปล่อยวางจากความยึดติดถือมั่นในตัวตน หากปล่อยวางสิ่งติดยึดได้มากและลึกเท่าใด โพธิจิตซึ่งอยู่แกนกลางของใจก็จะงอกงามและเปล่งประกายสุกสว่างมากเท่านั้น ทำให้ชีวิตปลอดโปร่งสงบเย็นอย่างยิ่ง



*-------------------------------------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/23/25398739_805754962965177_2576540107093469455_n.jpg) (http://upic.me/show/61913120)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ทุกปัญหามีทางออก (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา แทนที่จะคร่ำครวญหรือตีอกชกหัว ลองใคร่ครวญดูให้ดี จะพบว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าเรามองสัญญาณนี้ออก นั่นแสดงว่าปัญญาได้เกิดแก่เราแล้ว ขั้นต่อไปก็คือเปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรม หรือการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง เหมาะสม และชาญฉลาด
ไม่ควรมองว่าปัญหาคือ “ทางตัน” ถ้ามองให้ดี ในตัวปัญหานั้นก็มี “ทางออก” ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมว่า สลักที่ล็อคประตูนั้นก็เป็นสลักอันเดียวกับที่ใช้เปิดประตู สวิตช์ที่ปิดไฟก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เปิดไฟให้สว่าง ฉันใดก็ฉันนั้นในคำถามก็มีคำตอบเฉลยอยู่

พระไพศาล วิสาโล




*-------------------------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ยิ้มรับเช้าวันใหม่  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


“เพราะเรายังโชคดี ที่ยังมีลมหายใจ

ยังมีเช้าวันใหม่ เพราะมีคนอีกมาก

ที่ไม่มีวันใหม่แล้ว แต่เรายังมีชีวิต

ที่จะได้ทำดี ได้พบเห็นคนที่

เรารักต่อไป...อย่าเพิ่งไปนึก

อะไรทั้งสิ้น ยิ้มรับเช้าวันใหม่ก่อน”


พระไพศาล วิสาโล




*-------------------------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/dk/25443012_807113066162700_5668350504192691860_n.jpg) (http://upic.me/show/61913122)

(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377) ต้นไม้สูงต้องมีรากลึก (http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)

ต้นไม้สูงใหญ่ได้ มิใช่เพราะมัวแต่แทงยอดขึ้นฟ้าเท่านั้น หากยังหยั่งรากลึกลงไปในดินด้วย ยิ่งสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีรากลึกเท่านั้น จึงสามารถตั้งมั่นอยู่ได้ แม้ลมกล้าพายุฝนกระหน่ำก็ไม่หักโค่น

ผู้ที่มีฐานะสูงเด่น สามารถฝ่าฟันอุปสรรค ยืนหยัดมั่นคงได้ มิใช่เพราะมัวแต่สร้างผลงานให้ผู้คนประจักษ์ หากยังเพราะมีฐานใจที่หยั่งลึก จึงไม่หวั่นไหวกับความผันผวนปรวนแปรของโลกธรรม ยิ่งสามารถหยั่งลงไปถึงต้นธารแห่งความสุขภายใน จิตใจย่อมแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ แม้จะจนทรัพย์ ไร้เกียรติยศ ไม่มีผู้คนสรรเสริญ เช่นเดียวกับไม้ใหญ่ที่เขียวขจีตลอดปี แม้ในฤดูแล้งที่แห้งผากและร้อนผ่าวก็ตาม

พระไพศาล วิสาโล


*-------------------------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377) มันไม่เที่ยง (http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)

“โลกนี้หาความจีรังยั่งยืนไม่ได้

แปรเปลี่ยนเป็นนิจ สิ่งที่เรา...

ยกย่องเชิดชูว่าดีวิเศษในวันนี้

สามารถกลายเป็นอื่นในวันหน้า

นี้เป็นธรรมดาของสิ่งที่เรียกว่าสมมุติ

ใครที่ยึดติดถือมั่นกับสมมุติ

ปักใจเชื่อว่ามันต้องดีไปตลอด

ย่อมเป็นทุกข์เมื่อเจอความเปลี่ยนแปลง”

พระไพศาล วิสาโล


*-------------------------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377) เปิดใจเปลี่ยนมุมมอง (http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)

“เราลองใจกว้างซะหน่อย

อย่าตัดสินว่า​ ความคิดที่ต่าง

กับเรานั้นใช้ไม่ได้ ควรมองว่า

ความคิดต่างนั้นช่วยให้เรา

เห็นมุมที่แตกต่างจากเดิม

หากมองได้เช่นนี้เราจะมี

ความรู้สึกลบกับ​ คนที่เห็น

ต่างน้อยลง และมีความสุข

ในการทำงานง่ายขึ้น พูดง่ายๆ

คือถ้าเราคลายความยึดมั่น

ถือมั่นในความคิด ใจเราจะเปิด

รับความเห็นต่างได้ง่ายขึ้น”

พระไพศาล วิสาโล


*-------------------------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377) โชคดีถ้ามีสติ (http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)

พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้มีสติ

ย่อมโชคดีทุกเมื่อจริงๆแล้ว

ถ้าเรามีสติไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น

กับเราแม้จะเป็นเหตุร้าย

เราก็สามารถมองเห็นข้อดีหรือ

เปลี่ยนให้มันกลายเป็นโชคได้
 
เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีสามารถ

จะใช้เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเครื่อง

สอนธรรม ให้เกิดปัญญามากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล



*-------------------------------------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377) วันดีหรือวันร้ายอยู่ที่เรา (http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)

“วันดีหรือวันร้าย สุขหรือทุกข์

จึงเป็นสิ่งที่เราเลือกได้

ถ้าเลือกวันดี​หรือความสุข

ก็พึงมีสตินำหน้าเมื่อ

มีสิ่งต่าง ๆ มากระทบ

แต่ถ้าอยาก​เลือกวันร้าย

หรือความทุกข์ ก็ปล่อยให้

อารมณ์ครอบงำใจ แล้วปล่อยตัว

ไปตามเหตุการณ์ต่าง ๆ

สุดแท้แต่มันจะพาไป”

พระไพศาล วิสาโล

*-------------------------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)  ยารักษาใจ (http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)

ถ้าความเคียดแค้นพยาบาท

คือ “พิษ”ที่กัดแผลในใจให้เรื้อรัง

การให้อภัยและการมีเมตตาจิต

ก็คือ “ยา”ที่สมานแผลให้ดีดังเดิม

การให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา

เป็นเรื่องยาก แต่การที่จะมีชีวิต

อย่างผาสุก ตราบใดที่ยังมีความโกรธ

เกลียดสั่งสมในใจ กลับเป็นเรื่องที่ยากกว่า


พระไพศาล วิสาโล

*-------------------------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/3t/1330153919_orig.jpg) (http://upic.me/show/61914158)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ความสุขอยู่ที่มุมมอง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“หากมองเห็นแต่สิ่งที่มี

ไม่มองสิ่งที่ขาด นอกจาก

จะไม่ทุกข์เพราะยังไม่มีนั่นนี่แล้ว
 
เมื่อถึงคราวที่ต้องสูญเสีย

บางสิ่งบางอย่างไป ก็ไม่ทุกข์ง่าย ๆ

เพราะยังมีสิ่งของต่าง ๆ อีกมากมาย”


พระไพศาล วิสาโล


(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 10, 2018, 04:47:28 pm
(http://upic.me/i/j3/26055561_812774085596598_2503242712954145635_n1.jpg) (http://upic.me/show/61913266)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ใจใหม่รับปีใหม่  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ปีใหม่มาแล้ว อย่าให้ใหม่แต่ปี ใจเราก็ควรจะใหม่ด้วย ถ้าปีใหม่มาแล้ว แต่ใจยังถูกล่ามกับอดีต หมกมุ่นอยู่กับความผิดหวัง ความพลัดพรากสูญเสีย หรือความเจ็บปวดในปีที่ผ่านมา นั่นแปลว่าใจเรายังเก่าอยู่ ถ้าตัวอยู่ปีใหม่ แต่ใจอยู่ปีเก่า เราจะไม่สามารถพาชีวิตไปข้างหน้าได้เลย

ชีวิตก็จะจมปลักอยู่กับอดีต ดังนั้นเราจึงควรปล่อยวางเรื่องร้าย ๆ ในอดีต อย่าปล่อยให้มันล่ามใจเรา มองไปข้างหน้าด้วยใจที่สดใส เบิกบาน และมีความหวัง จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเอาประสบการณ์จากอดีตมาเป็นบทเรียน เพื่อนำพาชีวิตให้ประสบความสุขความเจริญในปีใหม่นี้

พระไพศาล​ วิสาโล




*_________________________________________________*



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  พรปีใหม่  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ขอให้ทุกท่านได้รับสิ่งนี้ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งประเสริฐ คำว่าพรแปลว่าสิ่งประเสริฐ สิ่งประเสริฐหรือสิริมงคลในพุทธศาสนา ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ แต่คือธรรมะในจิตใจ ธรรมะในจิตใจไม่มีใครที่จะให้แก่เราได้ มีแต่เราต้องทำขึ้นมาเอง แต่ถ้าเราสามารถสร้างหรือทำขึ้นมาได้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นของขวัญอันประเสริฐที่สุด อยากให้เรามอบของขวัญอันประเสริฐนี้แก่ตัวเราเอง ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาให้ ไม่ต้องรอพรจากพระสงฆ์องคเจ้า เราสามารถมอบของขวัญให้ตัวเอง สร้างสิ่งประเสริฐคือพรให้แก่ตัวเอง แล้วเราจะได้ชีวิตใหม่ ทำให้เป็นปีใหม่อย่างแท้จริง

พระไพศาล วิสาโล


(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)

ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 10, 2018, 04:55:28 pm
(http://upic.me/i/v1/26219146_816629565211050_5683929322096295410_n.jpg) (http://upic.me/show/61913247)



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  แมวสอนธรรม  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“เราช่วยเขาก็อย่าไปคิดว่าเขาจะตอบแทนบุญคุณของเรา อย่าไปคิดว่าเขาจะมาภักดีกับเรา หลายคนมีความทุกข์เพราะคาดหวังว่าเขาจะต้องสำนึกในบุญคุณของเรา เขาจะต้องดีกับเรา พอเขาไม่ดีกับเราหรือเพราะเขาอาจสำนึกบุญคุณแต่ไม่มากอย่างที่เราต้องการ เราก็มีความทุกข์ รู้สึกว่าทำไมเขาไม่ตอบแทนบุญคุณของเราเลย ให้เงินเขาไปหรือให้ยืมเงินแล้วเขาก็ไม่สนใจที่จะมาตอบแทนบุญคุณของเรา หรือไม่ดีกับเราก็เลยเกิดความบาดหมาง เกิดความคับแค้นใจ กลายเป็นว่าทำความดีหรือแม้ช่วยเขาแล้ว เกิดความทุกข์ใจในภายหลัง

อันนี้เพราะไปคาดหวังให้เขาทำดีกับเราให้เขาภักดีกับเรา แต่ถ้าเราลองมานึกเออเขาก็เหมือนกับแมวนะ เราให้อาหาร เค้ากินอาหารแล้วเขาก็ไปไม่รู้สึกภักดีอะไรกับเรา ถ้าเราช่วยคนเหมือนกับเราเลี้ยงแมว ไม่ได้หวังความภักดีจากเค้า พอได้รับการช่วยเหลือ หมดทุกข์หายหิวแล้วเขาก็ไป นี่การเลี้ยงแมวก็สามารถจะสอนเราได้เหมือนกัน สอนให้เราทำดีกับผู้อื่นด้วยการวางใจเหมือนกับเลี้ยงแมว”

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 10, 2018, 05:34:18 pm
(http://upic.me/i/2k/26229450_2071624042864902_2503516461182073011_n.jpg) (http://upic.me/show/61913268)



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 12, 2018, 04:20:57 pm
(http://upic.me/i/v6/26230250_2079031712124135_8811496369920204381_n.jpg) (http://upic.me/show/61915606)



(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)  เลิกจมทุกข์  (http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)


ความเศร้าโศกหดหู่ ก็เช่นเดียวกับอารมณ์อกุศลอื่น ๆ เมื่อเกิดขึ้นในใจ จะพยายามครองใจเราให้นานที่สุด มันจะสั่งใจเราให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อจะได้เศร้าโศกไม่เลิกรา ใครชวนไปไหน มันจะสั่งให้เราปฏิเสธ เพื่อจะได้นั่งเจ่าจุกคิดถึงเรื่องนั้นเป็นวัน ๆ เท่านั้นไม่พอ มันยังสั่งให้เราฟังเพลงเศร้า ๆ เพื่อจะได้เศร้าหนักขึ้น ใครเปิดเพลงสนุกสนานให้เราฟัง หวังให้คลายความเศร้าโศก เราจะไม่พอใจทันที เพราะในยามนั้นเราอยู่ในอำนาจของความเศร้าจนเกือบหมดเนื้อหมดตัว

การออกไปช่วยเหลือผู้อื่น หรือนึกถึงคนที่ทุกข์ยาก เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ใจเราหลุดจากความเศร้าโศกหรือหดหู่ได้ เราอาจใช้ความสูญเสียพลัดพราก เป็นแรงผลักดันในการทำสิ่งดีงามก็ได้ มองในแง่หนึ่งนั่นคือการเปลี่ยนความพลัดพรากสูญเสียให้เป็นพลังสร้างสรรค์

หญิงผู้หนึ่งสูญเสียลูกสาววัยเด็กทั้งสามคน รวมทั้งพ่อแม่ผู้ชราในกองเพลิง ซึ่งไหม้บ้านเธอต่อหน้าต่อตา โดยที่เธอช่วยคนเหล่านั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ตอนนั้นใจเธอแทบสลาย

อย่างไรก็ตาม ในงานศพของคนทั้งห้า แทนที่เธอจะคร่ำครวญถึงคนเหล่านั้น เธอเชิญชวนให้ญาติมิตรที่มาร่วมงาน นึกถึงลูก ๆ ของเธอ ด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น “โปรดรักษาเด็กน้อยเหล่านี้ไว้ในหัวใจของคุณด้วยการแสดงความรักพร้อมกับการกระทำที่เปี่ยมด้วยเมตตาอันบริสุทธิ์ ด้วยการรักซึ่งกันและกัน และหาทางช่วยเหลือผู้อื่นทุกวัน” ไม่เพียงแต่พูด เธอยังก่อตั้งมูลนิธิขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากตามเจตนารมณ์ดังกล่าว

มีน้อยคนที่สูญเสียคนรักพร้อมกันมากมายขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเศร้าโศกท่วมท้นใจเธอมากมายเพียงใด ใครที่เจอความสูญเสียเช่นนี้คงยากที่จะประคองตนให้เป็นผู้เป็นคนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน แต่เป็นเพราะการนึกถึงผู้อื่นและลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อคนเหล่านี้ เธอจึงคลายจากความเศร้าโศก ใช่หรือไม่ว่าการทำสิ่งดีงามดังกล่าว ช่วยให้การตายของลูกเธอเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ไม่ไร้ประโยชน์ หรือเป็นแค่เคราะห์กรรมอันเลวร้ายที่บั่นทอนจิตใจอย่างเดียว

ไม่เพียงช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ยากเท่านั้น แม้แต่การช่วยเหลือสัตว์เลี้ยง ก็ช่วยเยียวยาจิตใจได้ ผู้เฒ่าคนหนึ่งสูญเสียภรรยาที่อยู่ร่วมกันมานานกว่า ๖๐ ปี เขารู้สึกหดหู่ หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ถึงกับพยายามฆ่าตัวตาย จนลูกต้องพาไปอยู่บ้านพักคนชรา จะได้มีเพื่อนและคนช่วยดูแล

แต่ตลอดสามเดือนที่นั่น เขายังคงหงอยเหงาเซื่องซึม เก็บตัวอยู่แต่บนเตียง ไม่พูดจากับใคร และไม่ยอมกินอะไรเลย จนหมอคิดว่าเขาคงไม่รอดแล้ว เพราะหมดแรงจูงใจในการมีชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าหน้าที่บ้านพักคนชราก็เอานกแก้วมาให้เขาคู่หนึ่ง ทีแรกเขาไม่มีทีท่าสนใจมัน ต่อมาก็เริ่มหันมาจ้องดูมันบ้าง วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่มาให้อาหารนก เขาก็เล่าให้ฟังว่า นกเป็นอย่างไร และมันชอบอะไรบ้าง เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงให้เห็นถึงความสนใจสิ่งนอกตัว แทนที่จะจมอยู่กับตัวเอง

ไม่นานเขาก็เริ่มกิน สวมเสื้อผ้าเอง และเดินออกจากห้อง เมื่อเขารู้ว่าบ้านพักแห่งนี้เอาหมามาเลี้ยง เขาก็เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ ขออาสาพาหมาไปเดินเล่น สามเดือนหลังจากนั้นเขาก็กลับเป็นปกติ และกลับบ้านได้

ความเมตตามีอานุภาพในการเยียวยา ช่วยให้พลังชีวิตที่ถูกกดทับกลับคืนมา ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นเท่านั้น หากยังมีอานิสงส์แก่ตัวเราเองอย่างที่นึกไม่ถึง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 17, 2018, 10:45:44 am
(http://upic.me/i/1t/26733612_819511044922902_527687509628401579_n.jpg) (http://upic.me/show/61921291)


ทำอย่างไรถึงมีสติรู้สึกตัวเร็วขึ้น?


ปุจฉา - กราบนมัสการเจ้าค่ะ การมีสติในชีวิตประจำวันนั้น จะมีวิธีฝึกอย่างไรให้ “รู้สึกตัว” ได้เร็วขึ้นเจ้าคะ โยมพยายามเจริญสติในชีวิตประจำวัน ทว่ากว่าจะรู้สึกตัว รู้อีกทีก็หมดวันแล้วเจ้าค่ะ และหากยังไม่สามารถ “รู้ซื่อๆ” หรือ “รู้เฉยๆ” ได้ มักจะดิ้นกระโจนตามสิ่งที่มากระทบ ณ ขณะนั้นเสมอ ควรจะมีวิธีจัดการตัวเอง หรือทำอย่างไรดี กราบขอพระอาจารย์เมตตาชี้แนะเจ้าค่ะ

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - เวลาทำอะไร ก็ให้ใจอยู่กับสิ่งนั้น หรือทำสิ่งนั้นด้วยใจเต็มร้อย ไม่พะวงหรือคิดถึงเรื่อง รวมทั้งไม่ทำอย่างอื่นในเวลาเดียวกัน เช่น ขณะที่กำลังอาบน้ำ ใจก็อยู่กับการอาบน้ำ พูดง่าย ๆ ตัวอยู่ไหน ใจอยู่นั่น ไม่ใช่ว่า ขณะที่อาบน้ำ ก็นึกถึงงานว่า เช้านี้จะต้องนัดพบใครบ้าง มีอะไรที่จะต้องปรึกษาหารือเพื่อนร่วมงานบ้าง พูดอีกอย่างคือ เวลาทำอะไร ก็ขอให้ทำทีละอย่าง ไม่ใช่ว่า กินข้าวไปด้วย คิดงานไปด้วย หรือเล่นไลน์ไปด้วย

พยายามทำอย่างนี้ตั้งแต่ตื่นนอน ไม่ว่าล้างหน้า เก็บที่นอน หรือทำกิจใด ๆ ก็ตาม แม้เป็นงานเล็กงานน้อย หรือเป็นกิจวัตรประจำวัน ก็ให้ทำอย่างมีสติ ใจอยู่กับสิ่งนั้น จะเผลอไปบ้างก็ไม่เป็นไร รู้ตัวเมื่อไหร่ก็พาใจกลับมาอยู่กับสิ่งนั้น ทำใหม่ ๆ เราจะเผลอหรือลืมตัวมากกว่ารู้ตัว แต่ต่อไปจะรู้ตัวมากขึ้น ใจกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวไวขึ้น

อย่าไปกังวลว่าใจจะกระโจนไปตามสิ่งที่มากระทบอยู่เรื่อย ๆ นั่นเป็นธรรมดาของจิต สิ่งสำคัญอยู่ที่การพยายามกลับมารู้ตัวให้ไวขึ้น นั่นเป็นงานของสติ ถ้าสติระลึกได้ไวขึ้น (ว่ากำลังทำอะไรอยู่ขณะนั้น ๆ) ความรู้สึกตัวก็จะเกิดขึ้นเร็วและต่อเนื่องมากขึ้น

เวลาอยู่ว่าง ๆ ไม่ได้ทำอะไร เช่น นั่งรถ หรือคอยคน ก็อย่าอยู่เฉย ๆ ใจจะลอยได้ง่าย ลองคลึงนิ้วหรือกระดิกนิ้ว เบา ๆ ส่วนใจก็รับรู้อาการเคลื่อนไหวของนิ้วไปด้วย ไม่ต้องถึงกับไปเพ่งมัน แค่รับรู้เบา ๆ แม้ว่าทำไปสักพัก ใจจะลอยไปที่อื่น อดีตบ้าง อนาคตบ้าง แต่สักพักความรู้สึกที่นิ้วจะเรียกใจกลับมา หรือ “สะกิด”ให้ใจมีสติ กลับมาอยู่กับปัจจุบัน วิธีนี้เป็นการฝึกสติในชีวิตประจำวัน ที่ทำได้ง่าย และทำได้บ่อย ๆ แม้แต่เวลาอยู่ในห้องน้ำ ก็ทำได้



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 17, 2018, 10:53:29 am
(http://upic.me/i/9n/26904129_1608093962611646_168781715339071944_n.jpg) (http://upic.me/show/61921292)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) เป็นมิตรกับตัวเอง (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


การพึ่งตัวเอง ไม่หวังพึ่งพาความสุขจากสิ่งใด ๆ จะช่วยให้เราเป็นอิสระอย่างแท้จริง และเป็นสุขในทุกหนแห่ง ไม่ว่าสิ่งต่าง ๆ จะผันผวนแปรปรวนอย่างใด เราจะไม่มัวคาดหวังสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นดั่งใจ เพราะรู้ว่ามันไม่อยู่ในอำนาจของเรา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยสิ่งต่าง ๆ หากยังพร้อมจะเข้าไปเกี่ยวข้องดูแลโดยทำตามเหตุปัจจัย มิใช่เพราะความยึดติดถือมั่นอยากให้เป็นตามใจปรารถนา

ความสุขที่แท้อยู่ที่การพึ่งตน ซึ่งที่จริงก็คือการพึ่งธรรม ดำเนินชีวิตตามธรรมและอย่างถูกธรรมนั่นเอง


ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 17, 2018, 10:57:10 am
(http://upic.me/i/i1/26733422_1608829665871409_2720672620977245693_n.jpg) (http://upic.me/show/61921301)


(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)  รู้ทันกิเลส (http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)

เวลาเกิดความอยากได้นั่นได้นี่ เรามักทำตามความอยากทันที คือขวนขวายไปหามันมา จึงไม่มีโอกาสที่จะเห็นหรือรู้ทันความอยาก แต่หากเราลองไม่ทำตามมันดูบ้าง เช่น ไม่ซื้อหรือผัดผ่อนไปก่อน มันจะแสดงตัวให้เราเห็นอย่างชัดเจน ด้วยการ “โวยวาย”หรือดิ้นรนผลักดันให้เราคล้อยตามมันให้ได้ ตรงนี้เองหากเราลองตั้งสติและดูมันไปเรื่อย ๆ ไม่ช้าไม่นานมันก็จะสงบลงไปเอง

อารมณ์ที่บั่นทอนจิตใจ ไม่ว่าความโกรธหรือความอยาก เปรียบเสมือนโจรที่กลัวคนเห็น ทันทีที่ถูกเห็น มันก็จะทนเฉยไม่ได้ ต้องล่าถอยไป เช่นเดียวกับความมืดที่แพ้แสงสว่าง



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 17, 2018, 02:16:44 pm
(http://upic.me/i/w1/26804626_2083037138390259_8826956513788535653_n.jpg) (http://upic.me/show/61921925)



“อยู่ดี” กับ “ตายดี” เป็นสิ่งที่ไปด้วยกัน หากว่าการอยู่ดีนั้นหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า หมั่นทำความดี ละเว้นความชั่ว รวมทั้งลดละความเห็นแก่ตัวและอารมณ์อกุศลที่สร้างความทุกข์ให้แก่จิตใจ (ไม่ใช่ “อยู่ดีกินดี” หรืออยู่อย่างอัครฐาน พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ) การตายดีก็เป็นอันหวังได้

ในทำนองเดียวกันหากฝึกจิตอยู่เสมอเพื่อการตายดี ย่อมส่งผลให้การดำเนินชีวิตของเราเป็นไปในทางที่ดีงาม เช่น เห็นความสำคัญของการอยู่อย่างไม่ประมาท มีศรัทธาในสิ่งดีงาม ขณะเดียวกันก็รู้จักปล่อยวาง

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2018, 08:17:39 am
(http://upic.me/i/xb/26992500_2086285898065383_266137405302739698_n.jpg) (http://upic.me/show/61926022)



(http://upic.me/i/2h/n8b50.gif) (http://upic.me/show/35851938)  ทุกวันนี้เรามีชีวิตที่สบายกว่าเมื่อก่อนมาก ความทุกข์ทางกายลดน้อยถอยลงไปมาก เพราะมีเครื่องทุ่นแรงและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แม้กระนั้นความทุกข์ใจก็ไม่ได้ลดลงเลย กลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เห็นได้จากคนที่เป็นโรคจิต โรคประสาท และโรคซึมเศร้า ซึ่งมีจำนวนมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้ที่เจ็บป่วยเพราะความวิตกกังวลรุมเร้า

(http://upic.me/i/2h/n8b50.gif) (http://upic.me/show/35851938)  บ่อยครั้งเรามักโทษสิ่งภายนอกว่าเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ใจ เช่น ดินฟ้าอากาศ รถติด เพื่อนร่วมงาน คนรอบข้าง เศรษฐกิจ การเมือง แต่หากใคร่ครวญให้ถ่องแท้ จะพบว่าสาเหตุแท้จริงนั้นอยู่ที่ใจเรานี้เอง เป็นเพราะเราไม่ยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น หรือเก็บเอาคำต่อว่าด่าทอของคนอื่นมาทิ่มแทงจิตใจตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงรู้สึกเจ็บปวด ขุ่นเคือง โกรธแค้น เป็นเพราะใจที่มองลบคิดร้าย เราจึงกลัดกลุ้มและวิตกกังวลกับอนาคตทั้ง ๆ ที่มันยังไม่เกิด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เรากล่าวโทษสิ่งรอบตัวว่าผิดพลาดเพราะมันไม่เป็นไปตามใจเรา แต่ลืมมองว่าเป็นเพราะความหลงของเราต่างหากที่อยากให้ทุกสิ่งเป็นไปดังใจหวัง

(http://upic.me/i/2h/n8b50.gif) (http://upic.me/show/35851938)  ความทุกข์ใจนั้นเกิดเพราะความหลงของเรายิ่งกว่าอะไรอื่น เริ่มตั้งแต่หลงอยากให้โลกเป็นไปตามใจเรา เมื่อผิดหวัง เกิดความโกรธเคืองและเศร้าโศกตามมา ก็หลงแบกความผิดหวัง และหลงยึดอารมณ์เหล่านั้น ทั้ง ๆ ที่ทุกข์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ใจก็ไม่ยอมปล่อย ยังคงแบกต่อไปเพราะลืมตัว แต่เมื่อใดที่เราเกิดความตื่นรู้ เริ่มจากรู้ตัวว่าหลงแบกหลงยึด การปล่อยวางก็จะเกิดขึ้น และเมื่อรู้ความจริงว่าทุกอย่างแปรเปลี่ยนเป็นนิจ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยต่าง ๆ มากมาย ไม่อยู่ในอำนาจของใคร ที่จะบงการให้เป็นไปดังใจหวังได้ อีกทั้งยังไม่อาจยึดติดถือมั่นให้เที่ยงแท้ได้ เมื่อนั้นความทุกข์ก็จะจางคลายไป

(http://upic.me/i/2h/n8b50.gif) (http://upic.me/show/35851938)  ทุกข์นั้นคลายได้เมื่อใจตื่นรู้ ดังนั้นจึงควรหมั่นฝึกใจให้มีความรู้ตัวอยู่เสมอ อันจะเป็นบาทฐานสู่การรู้ความจริงอย่างแจ่มแจ้ง จนไม่ยึดติดถือมั่นให้เกิดทุกข์อีกต่อไป ในขณะที่พยายามทำกิจเพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ก็ควรทำจิตรักษาใจไม่ให้เป็นทุกข์เพราะปัญหาเหล่านั้น

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(http://upic.me/i/0w/3images2.jpg) (http://upic.me/show/60307878)

ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2018, 08:32:16 am
(http://upic.me/i/of/26992518_1609842965770079_1061463295189285095_n.jpg) (http://upic.me/show/61926023)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  คิดเป็น คิดถูก เป็นสุขทุกเมื่อ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ความรังเกียจชิงชังมักทำให้เราเผลอทำสิ่งที่เกินเลย (over-react) จนได้ไม่คุ้มเสีย

ดังนั้นก่อนที่จะจัดการกับปัญหาใด ๆ ควรหันมาสำรวจตนเองเสียก่อนว่า เรามีความรังเกียจชิงชังมากไปหรือเปล่า มองให้ดีอาจพบว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราไม่ได้สร้างความทุกข์ให้แก่เรามาก

เท่ากับความรู้สึกลบต่อสิ่งนั้น บ่อยครั้งเพียงแค่เราลดความรู้สึกดังกล่าวลง สิ่งนั้นก็ไม่กลายเป็นปัญหาอีกต่อไป


เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===>  https://drive.google.com/file/d/1oa99wFDsE5U5aOH1H_ta6kFrr12b_m-X/view (https://drive.google.com/file/d/1oa99wFDsE5U5aOH1H_ta6kFrr12b_m-X/view)



*--------------------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/57/26992243_821442271396446_2575977163975215518_n.jpg) (http://upic.me/show/61926035)


(http://upic.me/i/2h/n8b50.gif) (http://upic.me/show/35851938) คุกของใจ (http://upic.me/i/2h/n8b50.gif) (http://upic.me/show/35851938)


เสียงธรรมรับอรุณวัดป่าสุคะโต

จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

พูดหลังทำวัตรเช้าใหม่ล่าสุด

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://drive.google.com/file/d/1d8ftL5Yi5HHm6qmGA2LxkmZsPiXRYZoK/view (https://drive.google.com/file/d/1d8ftL5Yi5HHm6qmGA2LxkmZsPiXRYZoK/view)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 25, 2018, 07:01:06 am
(http://upic.me/i/o2/26993568_2091310697562903_7080050742990318332_n.jpg) (http://upic.me/show/61933072)


เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนา แทนที่จะต่อสู้ขัดขืน อย่างแรกที่ควรทำคือยอมรับมัน ไม่ปฏิเสธหรือต่อสู้ขัดขืน อย่างน้อย ๆ มันช่วยทำให้เราทุกข์ใจน้อยลง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นของหาย งานหนัก หรือความเจ็บป่วย เมื่อเจ็บป่วยแล้วบ่นตีโพยตีพาย คุณจะทุกข์กว่าเดิม ไม่ใช่แค่ทุกข์กายเท่านั้น แต่ทุกข์ใจด้วยแต่ถ้ายอมรับว่าเมื่อความป่วยเกิดขึ้นกับเราแล้ว ป่วยการที่จะตีโพยตีพายหรือปฏิเสธมัน แทนที่จะตีโพยตีพาย ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะมาพิจารณาว่าจะรักษาตัวอย่างไรให้หายป่วย

การยอมรับไม่ใช่การยอมจำนน แต่หมายถึงการยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ เสียเวลาหรือเสียอารมณ์ด้วยการตีโพยตีพายโวยวาย แต่เราจะยอมรับความจริงได้ก็ต้องมีสติรู้ทันใจของตัวเอง เพราะปฏิกิริยาแรกของใจก็คือการโวยวาย ต่อสู้ ขัดขืน ผลักไส เป็นธรรมดาของใจเมื่อเจอสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ใจก็จะผลักไสต่อต้านเป็นอย่างแรก ถ้าหนีไม่ได้ก็จะผลักไส แต่ถ้ามีสติรู้ทันอาการดังกล่าว มันก็จะคลายไป ช่วยทำให้ใจเราสงบ เพราะความสงบเกิดจากการยอมรับ แต่ถ้าเราดิ้นขัดขืนเมื่อไหร่ใจจะเป็นทุกข์ เร่าร้อนทันที

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 25, 2018, 07:21:53 am
(http://upic.me/i/k5/26903732_1616023425152033_4916852644196944874_n.jpg) (http://upic.me/show/61933075)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  คำถามเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยนโลก  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


เวลาเราเจอคนตำหนิต่อว่าเราก็ทุกข์

เพราะเรามัวแต่คิดในใจว่าทำไมมาว่าฉัน

ถือดียังไงมาว่าฉัน ถ้าคิดแบบนี้ถือว่าทุกข์นะ

แต่ถ้าเราเปลี่ยนคำถามใหม่ ว่าเราทำไม

ถึงอ่อนไหวถึงไปทุกข์ กับลมปากของเขา

คำด่าของเขาก็ไม่ต่างจากลมปากหรอก

มันมาแล้วมันก็ไป ลองถามแบบนี้กับตัวเองบ้าง

บางทีเราจะพบว่าเราไม่น่าโง่กับลมปาก

ของเขาเลย หลายคนเป็นทุกข์ ว่าทำไม

เพื่อนไม่เข้าใจฉัน พ่อแม่ไม่เข้าใจฉัน

ทำไมแฟนถึงไม่เข้าใจฉัน คนเรามักจะทุกข์

เมื่อคิดอย่างนี้ แต่เราลองเปลี่ยนคำถาม

เสียใหม่ว่าแล้วเราละเข้าใจเขาแล้วหรือยัง



เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===>  https://drive.google.com/file/d/1gIN_ovJ3X162xraRbeAkvGcB9cigSyy3/view (https://drive.google.com/file/d/1gIN_ovJ3X162xraRbeAkvGcB9cigSyy3/view)



ที่มา : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2018, 02:57:15 pm
(http://upic.me/i/aq/27332501_1466465026804824_4536488534236001282_n.jpg) (http://upic.me/show/61951097)


จิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว สามารถที่จะทำให้เราเข้าถึงประโยชน์สูงสุดของความเป็นมนุษย์ได้ สามารถจะกลายเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา

มิตรที่ดีที่สุดของเรา กับศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของเรา ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย อยู่กลางใจเรานี้เอง

ถ้าฝึกจิตไว้ไม่ดีหรือไม่ฝึกเลย จิตก็จะกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด แต่ถ้าฝึกไว้ดีก็จะกลายเป็นมิตรที่ประเสริฐที่สุด ที่สามาถจะทำให้เราได้พบกับความสุขที่แท้และอยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวงได้

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2018, 03:00:17 pm
(http://upic.me/i/24/27459973_2104639836229989_2378961852610570879_n.jpg) (http://upic.me/show/61951096)



ชั่วชีวิตของคนเรา มีวิชามากมายที่ต้องเรียนรู้ มิใช่เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่ยังเพื่อความเจริญก้าวหน้าและผาสุก วิชาเหล่านี้เปิดสอนทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย โดยมีการวัดผลอย่างจริงจัง แต่มีวิชาหนึ่งที่มักถูกละเลย และแทบไม่มีสอนในสถาบันการศึกษาใด ๆ นั่นคือ วิชาชีวิต

มีวิชามากมายที่เรียนอย่างหน้าดำคร่ำเครียดในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ครั้นสอบผ่านแล้วหลายคนแทบไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์เลย แต่วิชาชีวิตนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตลอดเวลา วิชามากมายเรียนแล้วช่วยให้ร่ำรวยมีสถานภาพทางสังคม แต่ไม่ได้ช่วยแก้ทุกข์ได้เลย ไม่ว่ายามเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกต่อว่าด่าทอ สูญเสียคนรัก หรือล้มป่วย ในขณะที่วิชาชีวิตนั้นช่วยให้เราก้าวข้ามปัญหาชีวิตไปได้ด้วยดี แม้ประสบกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิต จิตก็ยังเป็นปกติสุขอยู่ได้

วิชาชีวิตช่วยให้เราไม่จมทุกข์ หรือซ้ำเติมตนเองยามประสบปัญหา ขณะเดียวกันก็ไม่หลงระเริงในลาภยศและความสำเร็จ มีภูมิคุ้มกันรักษาใจไม่ให้อารมณ์อกุศลครอบงำ และสามารถเป็นสุขได้ในทุกหนแห่ง เมื่อพลัดพรากก็ไม่เศร้าโศกเสียใจ เมื่อสูญเสียก็ไม่ตีอกชกหัว เมื่อเจ็บป่วยก็ไม่คร่ำครวญ และเมื่อจะตายก็ไม่พรั่นพรึง

วิชาชีวิตนั้นเรียนได้จากประสบการณ์ชีวิต โดยมีปัญหาต่าง ๆ เป็นทั้งการบ้านและบททดสอบ อีกทั้งมีความตายเป็นการสอบไล่ ชนิดที่ไม่มีการแก้ตัว หากสอบตกก็ทุรนทุรายก่อนตายโดยมีอบายเป็นที่หมาย หากสอบได้ก็จากไปอย่างสงบและเข้าถึงสุคติ น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยพากันสอบตก เพราะไม่คิดว่าจะมีการสอบไล่ชนิดนี้รออยู่ จึงมิได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย หรือหนักกว่านั้นคือไม่คิดว่ามีวิชาชีวิตที่ต้องเรียนเลยด้วยซ้ำ ทั้งชีวิตจึงปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป แต่ผู้มีปัญญานั้นย่อมตระหนักเสมอว่า ชีวิตนี้มีขึ้นเพื่อการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่สำคัญคือวิชาชีวิต ดังนั้นจึงหมั่นศึกษาหาบทเรียนจากวิชานี้อยู่เสมอ รางวัลที่ได้คือเมื่อยังมีลมหายใจก็เป็นสุขในทุกที่ ครั้นวาระสุดท้ายมาถึงก็พร้อมรับความตายด้วยใจสงบ


ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2018, 12:34:34 pm
(http://upic.me/i/12/27657761_2107372109290095_3236564278195580079_n.jpg) (http://upic.me/show/61956683)


หลายคนคิดว่าเวลาของพ่อแม่ยังมีอีกมาก จึงละเลยที่จะใช้เวลานั้นเพื่อท่าน ทั้ง ๆ ที่นั่นคือโอกาสทองที่เหลือน้อยลงทุกที สุดท้ายเมื่อท่านจากไป ก็มาเสียใจ รู้สึกผิดภายหลัง

มีคนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อพบว่าพ่อแม่ป่วยหนักอยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต เขาทำใจไม่ได้ที่จะให้ท่านตายตามวิถีธรรมชาติหรือตามจังหวะของสังขาร แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อยื้อชีวิตท่านให้ยืนยาวมากที่สุด ในขณะที่พี่น้องที่ดูแลท่านมาแต่แรกโดยตลอด รู้ดีว่าการยื้อชีวิตอย่างนั้นเป็นการทรมานคนไข้ เพราะต้องเจาะคอ ใส่ท่อ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ปั๊มหัวใจ สารพัดที่คนที่ดูแลพ่อแม่มาตลอดตระหนักดีว่า หากท่านจากไปอย่างธรรมชาติ นั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่าน

แต่คนที่ไม่เคยมีเวลาให้กับพ่อแม่เลย เมื่อจังหวะนี้มาถึง เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ท่านจากไปอย่างธรรมชาติ แต่เขาจะยื้อเอาไว้ให้ได้นานที่สุดในนามของความกตัญญู แล้วก็ไม่ตระหนักเลยว่าการทำเช่นนั้น ทำให้ท่านทุกข์ทรมานอย่างไรบ้าง บางทีท่านส่งสายตาวิงวอน เพราะพูดไม่ได้ แต่ถึงตอนนั้นใคร ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะว่าหากถอดท่อหรือปิดเครื่องก็ไม่มั่นใจว่า การทำเช่นนั้นจะเป็นปาณาติบาตหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องยื้อไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้เพียงเพื่อตอบสนองความรู้สึกของลูกว่าได้ทำดีที่สุดแล้วกับพ่อแม่ ทั้ง ๆ ที่ตอนที่ท่านยังสุขสบายดีอยู่ ลูกกลับไม่มีเวลาให้ท่านเลย ครั้นท่านป่วยและพร้อมจะตายกลับพยายามยืดชีวิตท่าน กลายเป็นการเพิ่มหรือยื้อความทุกข์ทรมานของท่าน

แต่ถ้าเราทำหน้าที่ที่ดีที่สุดกับท่านแล้ว ในขณะที่ท่านมีสุขภาพดี เมื่อถึงเวลาที่ท่านจากไปก็ยอมรับได้ ครั้นท่านจากไปก็ไม่รู้สึกผิด เพราะมั่นใจว่าได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำต่อท่านแล้ว

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2018, 03:35:31 pm
(http://upic.me/i/er/27657692_2110492482311391_2752117825278296625_n.jpg) (http://upic.me/show/61964211)


ความสุขมิใช่อภิสิทธิ์ของคนรวย แต่เป็นสมบัติของทุกคน จริงอยู่เงินทองสามารถบันดาลความสะดวกสบายให้เกิดขึ้นได้ แต่ความสะดวกสบายหาใช่ความสุขไม่ คนจำนวนไม่น้อยมีความทุกข์ทั้ง ๆ ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ใช่หรือไม่ว่าคนสมัยนี้มีชีวิตที่สะดวกสบายและมั่งคั่งกว่าคนสมัยก่อนมาก แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความเครียด ความเจ็บป่วยทางจิต และอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าด้วยเช่นกัน

เจอสิ่งดี ๆ เช่น โชคลาภไม่ได้เป็นหลักประกันว่าใจจะดีหรือมีความสุขเสมอไป ในทำนองเดียวกันแม้เจอสิ่งร้าย ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าใจจะย่ำแย่หรือเป็นทุกข์ไปด้วย เจออะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าใจเป็นอย่างไร หากใจมีสติ ปัญญา หรือวางใจถูก แม้เจอสิ่งร้าย ๆ ใจก็ยังเป็นปกติ หรือมีความสุขได้ หลายคนไม่เพียงก้าวข้ามความยากลำบากและความสูญเสียพลัดพรากไปได้เท่านั้น หากยังเข้มแข็ง มั่นคง และฉลาดกว่าเดิม

ใจที่ฝึกไว้ดีแล้ว นอกจากจะเป็นปกติในยามเจอเหตุร้ายแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ด้วย ดังนั้นแทนที่จะร่ำร้องเรียกหาหรืออธิษฐานขอให้เจอสิ่งดี ๆ ควรที่เราจะให้ความสำคัญกับการหมั่นฝึกใจให้ดี มีคุณภาพ เพราะนี้ต่างหากที่เป็นหลักประกันแห่งความสุขที่แท้จริง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2018, 03:37:09 pm
(http://upic.me/i/mj/27654749_2111575158869790_5772463831315697175_n.jpg) (http://upic.me/show/61964204)


ชายหนุ่มทำโทรศัพท์มือถือหาย รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมากเพราะเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน แถมราคาก็แพงด้วย จึงไปหาหลวงพ่อขอคำปรึกษา เผื่อจะได้ของคืนมา

หลวงพ่อฟังปัญหาแล้ว แทนที่จะซักถามเรื่องโทรศัพท์มือถือ กลับถามว่า

“มีทองไหม ?”

“มีครับ”

“อีกไม่นานทองก็จะหาย” แล้วท่านก็ถามต่อว่า “มีรถไหม ?”

“มีครับ”

“อีกไม่นานรถก็จะหาย...แล้วมีแฟนไหม?”

“มีครับ”

“อีกไม่นานแฟนก็จะหาย”

ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็ได้คิด ปัญหาถูกเปลื้องไปจากใจ กราบหลวงพ่อแล้วเดินออกจากกุฏิด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น

ชายหนุ่มไม่รู้สึกเป็นทุกข์ที่สูญโทรศัพท์มือถืออีกต่อไป เพราะได้คิดว่านั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความสูญเสียอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เขาคงระลึกได้อีกด้วยว่าความสูญเสียพลัดพรากนั้นเป็นธรรมดาของชีวิต หลวงพ่อไม่ได้แช่งว่า ทอง รถ และแฟนของเขาจะมีอันเป็นไป หากแต่ท่านพูดถึงสัจธรรมของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น เพราะมีกับเสียนั้นเป็นของคู่กัน

คนเรามักลืมคิดถึงธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีการพลัดพรากสูญเสีย เมื่อมีหรือได้อะไรก็ตามก็ทึกทักเอาว่ามันจะต้องอยู่กับเราไปตลอด เรายอมไม่ได้ที่มันจะพรากจากเราไป (เว้นเสียแต่ว่าเราเป็นฝ่ายละทิ้งมันไปเอง) น้อยนักที่เราจะเผื่อใจนึกถึงความไม่เที่ยงของสิ่งที่เรามี

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2018, 03:39:12 pm
(http://upic.me/i/v5/27750596_2114984728528833_3445686027521378637_n.jpg) (http://upic.me/show/61964212)


(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)  ตายได้อย่างสงบ  (http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)

การหมั่นพิจารณามรณสติ จะทำให้เรารู้จักใช้ประโยชน์จากการสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหน แทนที่จะเอาแต่ทุกข์ไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว ควรถือว่าความสูญเสียเหล่านั้นมิใช่อะไรอื่นหากคือสัญญาณเตือนภัยว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องประสบกับความสูญเสียที่ใหญ่หลวงกว่านั้น

ถ้าหากเรายังทำใจกับความสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหนไม่ได้ เราจะรับมือกับความตายได้อย่างไร เพราะถ้าวันนั้นมาถึงเราจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ไม่ว่าทรัพย์สมบัติ ครอบครัว คนรัก อำนาจ ตลอดจนชีวิตจิตใจและร่างกาย รวมทั้งโลกที่เรารู้จัก

นอกจากการระลึกถึงความตายอยู่เสมอแล้ว เรายังสามารถเตรียมตัวเผชิญความตายได้ด้วยการหมั่นทำความดีอยู่เสมอ เพราะความดีนั้นช่วยเสริมสร้างคุณภาพจิต ให้มีความสงบเย็น และเป็นปกติ ขณะเดียวกันการละเว้นความชั่วก็ทำให้จิตไร้สิ่งเศร้าหมอง คุณภาพจิตเหล่านี้มีความสำคัญมากในวาระสุดท้ายของชีวิตเพราะช่วยประคองใจไม่ให้อารมณ์อกุศลเข้ามาครอบงำจนเกิดความทุกข์ทรมาน ขณะเดียวกันความอิ่มเอิบปีติก็จะเกิดขึ้นเมื่อระลึกถึงบุญกุศลที่ได้เคยทำ ทำให้จากไปอย่างสงบ

ในทางตรงกันข้ามกับคนที่ทำความชั่วอยู่เป็นอาจิณ จิตจะเต็มไปด้วยอารมณ์อกุศล ในยามใกล้ตายบาปกรรมที่เคยกระทำจะมาปลุกเร้าอารมณ์อกุศลให้แผ่ซ่าน เช่น ความรู้สึกผิด ความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก ความเคียดแค้นชิงชัง ซึ่งทำให้ทุรนทุรายและตายอย่างไม่สงบ

ควบคู่ไปกับการทำความดีหมั่นบำเพ็ญกุศล ก็คือฝึกจิตอย่างสม่ำเสมอให้มีสติที่เข็มแข็งฉับไวหรือมีความตื่นรู้อยู่เป็นนิจ ในยามที่ร่างกายใกล้แตกดับ จิตจะแปรปรวนและง่ายที่จะเข้าไปในอารมณ์ที่เป็นอกุศล ซึ่งทำให้ทุกข์และทุรนทุรายมากขึ้น สติที่ฝึกฝนไว้ดีแล้วจะเป็นเครื่องรักษาใจไม่ให้ถลำจมในอารมณ์อกุศลทั้งหลาย และช่วยให้จิตใจเกิดความสงบเย็นเป็นสมาธิได้ง่าย

ยิ่งศึกษาและปฏิบัติจนเกิดปัญญาคือความเข้าใจแจ่มชัดในความจริงของสิ่งทั้งปวง ก็จะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ลงได้ง่ายดาย ไม่คิดเหนี่ยวรั้งสิ่งใด ๆ ไว้แม้กระทั่งร่างกายหรือชีวิต เพราะตระหนักชัดว่าสิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยงและไม่น่ายึดถือแต่อย่างใด ความตายจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป และดังนั้นจึงพร้อมรับความตายได้อย่างสงบ ไม่ต่างจากคนที่เมื่อได้ยินระฆังเลิกงานก็วางงานลงและกลับบ้านโดยไม่มีความรู้สึกอาลัยแต่อย่างใด

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2018, 02:11:13 pm
(http://upic.me/i/zn/28378570_1604585136315392_5421023946390702070_n.jpg) (http://upic.me/show/61978066)




(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377)  รักที่แท้ในพุทธศาสนา(http://upic.me/i/kw/vw656.gif) (http://upic.me/show/55181377) คือ เมตตา กรุณา หมายถึงการปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี มีความสุข และอยากให้เขาพ้นทุกข์ ทั้งหมดนี้อยู่ที่การเอาผู้อื่นเป็นตัวตั้ง แต่ความรักอีกแบบหนึ่งที่พุทธศาสนาไม่ส่งเสริม เรียกว่า "สิเนหา" หรือที่เราเรียก "เสน่หา" เพราะมันเป็นความรักที่เอาตัวกูหรืออัตตาเป็นตัวตั้ง...

การรักคนอื่นในทางพุทธศาสนานั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆ คือ การคลายความยึดติดถือมั่นในตัวตน ส่งผลให้ความเห็นแก่ตัวลดลง จิตใจจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ใจที่มีเมตตากรุณานั้นทำให้สามารถรักคนอื่นได้โดยบริสุทธิ์ใจ ปราศจากความอยากครอบครองหรือเอามาสนองตัวตน เรียกว่าเป็นจิตที่ไร้เขตแดน

อาตมาคิดว่าความรักแบบนี้ต่างจากความรักของฆราวาสหรือของปุถุชนทั่วไป เพราะรักของฆราวาสนั้นเป็นความรักที่ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเป็นของเรา เช่น ถ้าแต่งงานกับใคร คนนั้นก็ต้องเป็นของฉันทั้งๆ ที่เขาไม่มีทางเป็นของเราได้

ความรักแบบที่มี “ตัวกูของกูเป็นศูนย์กลาง” เป็นความรู้สึกที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า “สิเนหะ” หรือ เสน่หา ไม่ใช่ความเมตตาหรือกรุณา การได้มาศึกษาและบวชในพุทธศาสนา ทำให้อาตมาเรียนรู้เรื่องนี้ ได้เห็นความแตกต่างระหว่างความรักทั้ง 2 อย่างนี้

แต่การที่ปุถุชนจะมีความรู้สึกผูกพัน หรือมีความยึดมั่นในตัวกูของกู ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นสิเนหะที่มีเฉพาะกับเพศตรงข้าม หรือสิเนหะของแม่ที่มีต่อลูก ล้วนเป็นความรักที่มาพร้อมกับความคาดหวังที่ยึดโยงกับตัวตนทั้งสิ้น เช่นคาดหวังว่าลูกจะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ หรือว่าลูกจะต้องเรียนเก่ง เรียนในคณะที่แม่ชอบ ปุถุชนมักมีความรู้สึกแบบนี้ เพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้ความรักของเรา เป็นความรักที่ขยายวงกว้าง หมายถึงไม่ว่าเราจะรักเพื่อน หรือว่ารักพ่อแม่ก็ตาม ก็ขอให้เป็นความรักที่ไม่ใช่เพื่อปรนเปรอตัวเอง แต่เป็นรักด้วยความเมตตากรุณา มีความปรารถนาดีต่อเขา โดยไม่ได้มุ่งประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก



(http://upic.me/i/69/1images6.jpg) (http://upic.me/show/60445576)



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2018, 02:19:07 pm
(http://upic.me/i/ri/28166872_2121897191170920_3686422919833599776_n.jpg) (http://upic.me/show/61978072)


มองให้ดีจะพบว่าความวุ่นมักเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง ทั้งโดยการหากิจกรรมหรือสิ่งเสพต่าง ๆ มาทำให้วุ่น และโดยการเร่งรีบทำสิ่งต่าง ๆ จนเกิดความรู้สึกวุ่นขึ้นมา ประการหลังนี้ถูกตอกย้ำให้เป็นหนักขึ้นเมื่อมีทัศนคติว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” หรือ “เวลาเป็นของมีค่า”

คนมีเงินจะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากทัศนคติดังกล่าว ดังนั้นจึงคอยไม่เป็นและเร่งรีบจนเป็นนิสัย หนักกว่านั้นก็คือจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ “เป็นเงินเป็นทอง” จึงทนไม่ได้กับการนั่งเล่น เดินเล่น ปลูกต้นไม้ บางคนแม้แต่จะพูดคุยกับลูกเมีย ก็ไม่มีเวลาให้เพราะกลัวว่าจะเสียเวลาทำมาหากิน (แม้แต่เด็ก ๆ ก็ติดทัศนคติแบบนี้มากขึ้นทุกที เด็กคนหนึ่งเมื่อถูกถามว่าทำไมไม่คุยกับพ่อบ้าง คำตอบก็คือ “คุยแล้วไม่ได้คะแนน ก็เลยไม่รู้จะคุยทำไม)

คนที่คิดแบบนี้จึงชอบหมกมุ่นกับงาน หรือไม่ก็หางานมาทำตลอดเวลา หรือทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ถ้าหยุดหรือมีเวลาว่างเมื่อไรก็จะไม่สบายใจหรือรู้สึกผิด เมื่อเป็นเช่นนี้ชีวิตจะไม่วุ่นได้อย่างไร

ชีวิตจะหายวุ่นและมีเวลาว่างมากขึ้น จึงอยู่ที่ตัวเราเป็นสำคัญ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ผู้คนแวดล้อม หรือแม้แต่อาชีพการงาน (การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่าคนอเมริกันในปัจจุบันใช้เวลากับการทำมาหากินน้อยลงเมื่อเทียบกับ ๔ ทศวรรษที่แล้ว แต่กลับรู้สึกวุ่นมากกว่า)

ดังนั้นถ้าอยากให้ชีวิตวุ่นน้อยลง อย่างแรกที่ทำได้เลยคือลืมไปเสียบ้างว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” ถึงแม้สิ่งที่ทำจะไม่ให้ผลงอกเงยเป็นเงินทอง ก็ควรทำด้วยความใส่ใจ ไม่เร่งรีบ พึงตระหนักว่า “ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด” คือทำทุกอย่างในปัจจุบันให้ดีที่สุด แม้จะเป็นแค่การล้างมือ อาบน้ำ หรือถูฟัน เงินทองนั้นสำคัญก็จริงอยู่ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความสุขใจอันเกิดจากจิตที่ผ่อนคลาย เป็นสมาธิ

อย่าลืมว่ามีเงินมากเท่าไรก็ซื้อความสุขใจไม่ได้ การมีเวลาให้ใจได้อยู่นิ่ง ๆ และผ่อนคลาย เช่น ทำสวน เดินเล่น ทำโยคะ หรือนั่งสมาธิ เป็นการทำให้เวลามีค่ายิ่งกว่าเงินทองเสียอีก

ควบคู่กันไปก็คือการทำให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ การทำหลายอย่างพร้อมกันนอกจากจะทำไม่ได้ดีสักอย่างแล้ว ยังทำให้จิตเป็นสมาธิได้ยาก การแบ่งความใส่ใจให้แก่หลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดความรู้สึกเครียดและวุ่นได้ง่าย ถึงเวลาจะพักจิตให้สงบก็ทำไม่ได้ จึงกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2018, 02:25:36 pm
(http://upic.me/i/ve/27973685_2122980984395874_2641345467919678970_n.jpg) (http://upic.me/show/61978080)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) พุทธศาสนาเป็นมากกว่าสิ่งปลอบประโลมใจ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ผู้คนเข้าวัดหรือนับถือพุทธศาสนาด้วยเหตุผลที่หลากหลาย แต่เหตุผลหลักย่อมได้แก่การแสวงหาสิ่งปลอบประโลมใจหรือให้ความหวังแก่ชีวิต หลายคนเข้าวัดเพื่อหวังว่าบุญกุศลจะช่วยเสริมสร้างสิริมงคลหรือปัดเป่าอันตราย บ้างก็มาสะเดาะเคราะห์เพราะหวังว่าโรคร้าย หนี้สิน และเคราะห์กรรมทั้งปวงจะมลายไป ประสบแต่ความมั่งมีศรีสุข ได้รับความสำเร็จ

ส่วนคนที่สูญเสียคนรัก ก็หวังว่าทานที่ถวายแก่สงฆ์จะช่วยให้ผู้ล่วงลับไปสู่สุคติ ไม่เพียงการมาวัดจะช่วยคลายความเศร้าโศกเท่านั้น หากยังช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับคนรัก ด้วยการทำบุญอุทิศให้แก่เขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก หรือลูกในท้อง

คนจำนวนไม่น้อยมาวัดเพราะปรารถนาน้ำมนต์และวัตถุมงคลเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ ด้วยความเชื่อว่าได้มาแล้วจะแคล้วคลาดจากอันตราย ประสบความสุขความเจริญ มีหลายคนที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่แค่มาวัด ได้กราบพระพุทธรูป เห็นพระพักตร์อันสงบอิ่มเอบ ความร้อนใจก็บรรเทาลง เกิดกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไป

กล่าวได้ว่าหน้าที่หลักประการหนึ่งของพุทธศาสนาในสังคมไทยก็คือ การให้ความหวังและกำลังใจ รวมทั้งช่วยให้สบายใจ นี้คือแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้ผู้คนเข้าหาวัดและนับถือพุทธศาสนา อย่างไรก็ตามพุทธศาสนายังมีบทบาทหลักอีกประการหนึ่ง ที่มิอาจมองข้ามได้เลย นั่นคือ การกระตุก เขย่า และกระทุ้งจิตใจของผู้คน เพื่อให้พ้นจากความหลงและความประมาทด้วย

ในขณะที่พุทธศาสนาให้ความหวังแก่เราว่า เมื่อทำความดี หมั่นสร้างบุญกุศล ก็จะประสบความสุขความเจริญ อีกด้านหนึ่งพุทธศาสนาก็เตือนเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ความสุขความเจริญนั้นไม่เที่ยง ลาภและยศนั้นมีแล้วก็หมด มาแล้วก็ไป ความมั่งมี อำนาจ และความสำเร็จ แม้ให้ความสุขแก่เราก็จริง แต่ก็เจือไปด้วยทุกข์ ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจหากยึดติดถือมั่น เราจึงไม่ควรยึดเป็นสรณะ

ในขณะที่น้ำมนต์และวัตถุมงคลที่ได้จากวัดให้ความหวังว่าเราจะหายป่วยหายไข้ อีกด้านหนึ่งพุทธศาสนาก็ย้ำว่า เราทุกคนหนีความแก่ ความเจ็บ และความตายไม่พ้น ชีวิตที่ผาสุก ร่ำรวย พรั่งพร้อมด้วยวัตถุ ในที่สุดก็จะต้องจบสิ้น มีมากมายเท่าไรก็เอาไปไม่ได้เลยแม้แต่สลึงเดียว ใช่แต่เท่านั้นขณะที่ชีวิตยังไม่สิ้น เรายังต้องพบกับความพลัดพรากสูญเสีย ไม่ว่าคนรักของรัก ล้วนอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น

พุทธศาสนาไม่เพียงแต่บอกเราว่า ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง หากยังย้ำอีกว่า ทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ คือนอกจากจะไม่คงทน ต้องเสื่อมดับไปแล้ว ยังบีบคั้นแก่ผู้ยึดถือ เป็นเสมือนของร้อนหรือคบไฟที่กำไว้ได้ไม่นานก็ต้องรีบปล่อย ใช่แต่เท่านั้นความทุกข์ยังอยู่กับเราตลอดเวลาและรอเราอยู่ข้างหน้าด้วย “เราทั้งหลายเป็นผู้ที่ถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้ว เป็นผู้ที่มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว” คือข้อความตอนหนึ่งในบทสวดทำวัตรเช้าที่ชาวพุทธจำนวนมากคุ้นเคย

นี้คือคำสอนของพุทธศาสนาที่ตีแผ่ความจริงให้เราตระหนัก แต่เป็นความจริงที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากฟัง เพราะสั่นคลอนความรู้สึกของผู้คนที่ปรารถนาจะให้ชีวิตนี้ยั่งยืน เต็มไปด้วยความสุข อยากให้ของรักคนรักอยู่กับเราไปตลอดชั่วฟ้าดินสลาย ความจริงดังกล่าวเป็นสิ่งที่เสียดแทงหรือสั่นคลอนความรู้สึกของผู้คน จนไม่อยากได้ยิน

ยิ่งกว่านั้นพุทธศาสนายังย้ำเตือนว่า ไม่มีอะไรที่ยึดมั่นเป็นตัวเราของเราได้เลย แม้แต่ตัวเราหรือ “ตัวกู” ก็ไม่มีจริง เพราะทุกอย่างเป็นอนัตตาทั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ตามเพียงแค่ได้ยินว่า ตัวกู ไม่เที่ยง ต้องตาย ก็ไม่สบายใจแล้ว ยิ่งพระมาบอกว่า ตัวกู ไม่มีจริง เป็นแค่มายาภาพ ก็ยิ่งรับไม่ได้

อย่างไรก็ตามการบอกและย้ำเตือนความจริงเหล่านี้คือหน้าที่สำคัญที่สุดของพุทธศาสนา เพราะช่วยเตือนใจไม่ให้เพลิดเพลินในความสุขอันเป็นของชั่วคราว หรือติดยึดในยศ ทรัพย์ อำนาจ จนกลายเป็นทาสของมัน และพร้อมที่จะทำชั่วเพื่อมัน จนแม้ยอมตายเพื่อมัน

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2018, 02:36:07 pm
(http://upic.me/i/99/28168171_2124150517612254_1053456803757826518_n.jpg) (http://upic.me/show/61978086)


การปลอบประโลมใจหรือให้ความหวังแก่คนที่ถูกทุกข์รุมเร้านั้น เป็นบทบาทที่สำคัญ(ของพุทธศาสนา) อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการปล่อยให้เขาจมอยู่ในความทุกข์ ไร้ทางออก สิ้นหวัง จนต้องหันไปทำร้ายตนเองหรือทำร้ายผู้อื่น

แต่พุทธศาสนาหรือบุคลากรทางศาสนา เช่น พระสงฆ์ ไม่ควรหยุดเพียงแค่นั้น เพราะการปลอบประโลมใจหรือให้ความหวังแก่ผู้คนนั้น เป็นการช่วยเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้น แม้เขาจะมีเรี่ยวแรงกลับมาตั้งหลักสู้ชีวิตจนปัญหาผ่านพ้นไป อาจจะหายป่วย พ้นจากหนี้สิน หรือทำงานลุล่วง แต่ในที่สุดเขาก็ต้องประสบกับความเจ็บป่วย ความพลัดพรากสูญเสีย และความตายในที่สุด หากเขาไม่ตระหนักถึงความจริงดังกล่าว หรือไม่เตรียมตัวเตรียมใจเผชิญกับความจริงเหล่านี้ ก็จะทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่งเมื่อมันมาอยู่ต่อหน้า

การปลอบประโลมใจจึงเป็นเสมือน "ยาระงับปวด" ที่ช่วยบรรเทาทุกข์เพียงชั่วคราวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามทุกวันนี้วัดและพระสงฆ์ส่วนใหญ่มุ่งปลอบประโลมใจญาติโยม พูดให้เขาสบายใจสถานเดียว นอกจากไม่ยอมบอกความจริงอันระคายหู(แต่จำเป็น)แล้ว ยังถึงขั้นตามใจหรือพะเน้าพะนอญาติโยม เช่น อวยพรให้เขา "รวย ๆๆ" อย่างเดียว กลายเป็นการพะเน้าพะนอกิเลส ส่งเสริมตัณหา ซึ่งมีมากอยู่แล้ว ให้มีมากขึ้น

ในฝ่ายญาติโยมก็เช่นกัน พากันมาวัดเพียงเพื่อหาความสบายใจ ไม่ใช่เพื่อคลายทุกข์เท่านั้น แต่ยังอยากได้ยินคำพูดที่ถูกใจถูกกิเลสจากพระ ครั้นพระพูดถึงความจริงของชีวิตที่กระตุกใจให้ไม่ประมาท กระทุ้งใจไม่ให้เพลิดเพลินหลงใหลในสิ่งที่เป็นมายา หรือกระแทกกิเลสไม่ให้กำเริบ กลับไม่อยากได้ยิน อุดหูสถานเดียว จำนวนไม่น้อยมาวัดเพื่อทำบุญ ครั้นได้เวลาพระแสดงธรรม ก็รีบกลับบ้านทันที

ท่าทีดังกล่าวไม่ได้เกิดกับญาติโยมที่มาวัดเพื่อทำบุญ ขอน้ำมนต์ เช่าวัตถุมงคล เท่านั้น แม้กระทั่งผู้ที่เรียกตนว่านักปฏิบัติธรรม จำนวนไม่น้อยก็เข้าวัดเพียงเพื่อความสบายใจชั่วคราว มาภาวนาเพียงเพื่อให้ใจสงบ ไม่มีเรื่องว้าวุ่นใจ แต่ไม่คิดที่จะขูดกิเลส ลดความเห็นแก่ตัว หรือขัดเกลาตนเอง ลึก ๆ ก็ยังยึดติดในลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข แม้ครูบาอาจารย์จะพูดถึงโทษของกิเลสและความยึดติดถือมั่น ก็ไม่สนใจที่จะนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง หลายคนอยากไปหาครูบาอาจารย์ที่พูดนุ่ม ๆ ไปอยู่สำนักที่สบาย เลี่ยงไปหาครูบาอาจารย์ที่มุ่งขนาบลูกศิษย์

พระพุทธองค์แม้ทรงเปี่ยมด้วยพระมหากรุณา ปรารถนาจะช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ อีกทั้งให้ความหวังแก่เราว่าการพ้นทุกข์นั้นเป็นไปได้ ดังที่เคยตรัสว่า ผู้ใดอาศัยพระองค์เป็นกัลยาณมิตรแล้ว ย่อมพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ และความทุกข์ แต่ในเวลาเดียวกันอีกด้านหนึ่งของพระองค์ก็คือการเคี่ยวเข็นไม่อ่อนข้อกับกิเลสของผู้คน ดังตรัสกับพระอานนท์ว่า "เราจะไม่ทำกับพวกเธออย่างทะนุถนอม .....เราจะขนาบแล้วขนาบอีกไม่มีหยุด”

คำสอนของพระองค์ก็เช่นกัน นอกจากด้านที่ให้ความหวังแก่ผู้คนแล้ว ยังมีอีกด้านที่คอย "ขนาบ" ผู้คน เพื่อขูดเกลากิเลส และรื้อถอนอวิชชา ด้วยเหตุนี้พุทธศาสนาไทยนอกจากจะมีหลวงพ่อคูณ แล้วจำเป็นต้องมีพระอย่างหลวงตามหาบัวด้วย

เป็นชาวพุทธทั้งทีควรได้ประโยชน์สูงสุดจากพุทธศาสนา จึงไม่ควรหวังความสบายใจจากพุทธศาสนาอย่างเดียว แต่ต้องพร้อมที่จะฟังความจริงที่ไม่หวานหู ไม่พะนอกิเลส แต่เขย่าใจให้ตื่น รวมทั้งกล้าที่จะเคี่ยวเข็นตนเอง เข้าหาการปฏิบัติที่ขูดเกลากิเลส สั่นคลอนความหลง ท้าทาย(ความยึดติดใน)อัตตา พร้อมให้ครูบาอาจารย์ขนาบแล้วขนาบอีก ด้วยวิธีอย่างนี้เท่านั้นที่ความทุกข์จะลดลงจนไม่เหลืออีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2018, 07:18:29 pm
(http://upic.me/i/dn/28468295_10210958371267300_9069745852360136151_n.jpg) (http://upic.me/show/61978235)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  สุขทุกข์อยู่ที่ใจ   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ฝึกใจให้ฉลาดในการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยความไม่ประมาท ในขณะที่ยังมีเรี่ยวแรงและความมุ่งมั่นในการ “ทำกิจ” เพื่อบรรลุความใฝ่ฝันนั้น ก็ไม่ละเลยที่จะ “ทำจิต” เพื่อพร้อมเผชิญกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในยามสำเร็จหรือรุ่งเรืองก็ไม่หลงระเริง เมื่อล้มเหลวหรือตกยาก ก็ไม่ทุกข์ระทม เพราะรู้ดีว่ามันเป็นธรรมดาของชีวิต

ถึงที่สุดแล้วอะไรเกิดขึ้นแก่เรา ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกต่อสิ่งนั้นอย่างไร มีมากเท่าไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรามีท่าทีต่อสิ่งที่มีอย่างไร แม้มีน้อยแต่พอใจ ความสุขก็พลันบังเกิด ถึงมีมากแต่ไม่พอใจที่เห็นคนอื่นมีมากกว่า ก็ย่อมทุกข์สถานเดียว ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจ


พระไพศาล วิสาโล



*------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/oq/28468295_10210958371267300_9069745852360136151_n.jpg) (http://upic.me/show/61978239)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   เตรียมตัวสอบไล่วิชาชีวิต   (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

วิชาชีวิตนั้นเรียนได้จากประสบการณ์ชีวิต โดยมีปัญหาต่าง ๆ เป็นทั้งการบ้านและบททดสอบ อีกทั้งมีความตายเป็นการสอบไล่ ชนิดที่ไม่มีการแก้ตัว หากสอบตกก็ทุรนทุรายก่อนตายโดยมีอบายเป็นที่หมาย หากสอบได้ก็จากไปอย่างสงบและเข้าถึงสุคติ น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยพากันสอบตก เพราะไม่คิดว่าจะมีการสอบไล่ชนิดนี้รออยู่ จึงมิได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย หรือหนักกว่านั้นคือไม่คิดว่ามีวิชาชีวิตที่ต้องเรียนเลยด้วยซ้ำ ทั้งชีวิตจึงปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป แต่ผู้มีปัญญานั้นย่อมตระหนักเสมอว่า ชีวิตนี้มีขึ้นเพื่อการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่สำคัญคือวิชาชีวิต ดังนั้นจึงหมั่นศึกษาหาบทเรียนจากวิชานี้อยู่เสมอ รางวัลที่ได้คือเมื่อยังมีลมหายใจก็เป็นสุขในทุกที่ ครั้นวาระสุดท้ายมาถึงก็พร้อมรับความตายด้วยใจสงบ

เสียงธรรมจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟัง

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://drive.google.com/file/d/1cdsn0KLKyvlQIrEZQ_3BtIVhJA6QRsHt/view (https://drive.google.com/file/d/1cdsn0KLKyvlQIrEZQ_3BtIVhJA6QRsHt/view)


*------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/jb/27971557_835999449940728_4936870260738643555_n.jpg) (http://upic.me/show/61978247)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  หล่อเลี้ยงใจด้วยความสุข (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

คนเราไม่ได้ต้องการแค่ปัจจัยสี่และความปลอดภัยเท่านั้น แต่ก็ยังต้องการคุณค่าทางจิตใจ อาทิ เช่น สายสัมพันธ์กับผู้อื่นหรือสิ่งอื่น ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง การได้ทำสิ่งที่มีความหมาย รวมทั้งความรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่า สิ่งเหล่านี้ประมวลกันเป็นเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ คนชราและคนป่วยจำนวนไม่น้อย แม้จะได้รับการดูแลทางกายอย่างดี แต่เป็นเพราะขาดคุณค่าทางจิตใจดังกล่าว จึงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่หากมิติดังกล่าวได้รับการตอบสนอง แม้จะทุพพลภาพเพียงใด เขาก็อยู่ด้วยความสุขใจ และอาจจากไปอย่างสงบสุขด้วยเช่นกัน

เสียงธรรมรับอรุณวัดป่าสุคะโต
จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟัง


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://drive.google.com/file/d/17Ivzrac9FXUjNpXnUoxUGlOUc-0mln_9/view (https://drive.google.com/file/d/17Ivzrac9FXUjNpXnUoxUGlOUc-0mln_9/view)


*------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/f8/27972523_1902636946713325_3225337415538883025_n.jpg) (http://upic.me/show/61978250)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)   ช่วยเหลือเขา​ เราได้สุข  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

เบื้องหลังพฤติกรรมอันเลวร้ายของผู้คนนั้น มักได้แก่การขาดความรักและรู้สึกไร้คุณค่า ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เพียงทำร้ายคนอื่นเท่านั้น หากยังนำไปสู่พฤติกรรมที่ทำร้ายตนเองอีกด้วย ต่อเมื่อจิตใจได้รับการเติมเต็มด้วยความรัก ชีวิตจึงจะหันไปสู่ความดีงามทั้งต่อตนเองและผู้อื่น แต่ความรักที่ได้จากใครนั้น มากเพียงใดก็ไม่สำคัญเท่ากับความรักที่บ่มเพาะในใจตน รวมทั้งความรักที่ให้แก่ตนเอง เมื่อรักตนเองได้อย่างแท้จริง ความรักผู้อื่นก็จะเป็นเรื่องง่าย

เสียงธรรมรับอรุณป่าภูหลง
จากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟัง

(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://drive.google.com/file/d/1RTqhbpN8zIEIPZqiYe84ef8pGHgI8F_d/view (https://drive.google.com/file/d/1RTqhbpN8zIEIPZqiYe84ef8pGHgI8F_d/view)



*------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/0e/28276708_837091199831553_1055954470327017869_n.jpg) (http://upic.me/show/61978251)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ยิ้มให้ชีวิต (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ชีวิตก็สามารถให้สิ่งดี ๆ แก่เราได้มากมาย แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราเจอะเจอ ก็สามารถเป็นประโยชน์แก่เรา หากเรารู้จักเรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมา ประสบการณ์ชีวิตสามารถสอนเราให้รู้จักเปลี่ยนทุกข์เป็นสุข อีกทั้งโอกาสต่าง ๆ ที่ชีวิตมอบให้แก่เรา ก็สามารถทำให้เราพบประโยชน์สูงสุดของชีวิต นั่นคือ อิสรภาพจากทุกข์ อันเป็นสุขที่ประเสริฐยิ่ง

ชีวิตเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา จึงควรยิ้มให้กับชีวิต อย่าโกรธเกลียดเคียดแค้นชีวิตที่นำความทุกข์หรือความผิดหวังมาให้ อย่าคิดว่าทำไมชีวิตจึงโหดร้ายกับฉันนัก มองให้ดีนั่นอาจเป็นโชคที่มาในรูปของเคราะห์ มันคือสิ่งที่เตรียมเราให้พบกับสิ่งวิเศษสุดที่รอคอยอยู่ข้างหน้า

พระไพศาล วิสาโล



*------------------------------------------------------*

(http://upic.me/i/ln/28468295_10210958371267300_9069745852360136151_n.jpg) (http://upic.me/show/61978252)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ทำจิตอย่างไรจึงไกลทุกข์  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ไม่ว่าเราจะพยายามเพียงใด ก็หนีทุกข์ไม่พ้น ทุกข์นั้นมีสองอย่าง คือ ทุกข์กาย กับ ทุกข์ใจ ทุกข์กายนั้นมักจะเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ดินฟ้าอากาศ เชื้อโรค สารพิษ อุบัติเหตุ รวมทั้งคนที่มุ่งร้าย ส่วนทุกข์ใจนั้น แม้มีปัจจัยภายนอกมาเกี่ยวข้อง แต่สาเหตุหลักนั้นอยู่ที่ใจของเราเอง เช่น มองลบ คิดร้าย ผูกใจเจ็บ และเมื่อสาวไปให้ถึงที่สุด ก็จะพบว่า เกิดจากความเห็นผิดในตัวกูของกู

เมื่อมีความทุกข์ใจ คนส่วนใหญ่มักจะโทษปัจจัยภายนอก มองไม่เห็นสาเหตุที่ใจของตน ดังนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไร ใจก็ยังเป็นทุกข์อยู่นั่นเอง ต่อเมื่อตระหนักว่าตัวการที่แท้นั้นอยู่ที่ภายใน มิใช่ภายนอก การทำใจให้กลับมาเป็นปกติจึงจะเกิดขึ้นได้

ใจจะเป็นอิสระจากทุกข์อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อละความเห็นผิดในตัวกูของกูได้อย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะที่ยังละความเห็นผิดดังกล่าวไม่ได้ อีกทั้งยังลดไม่ได้มาก ทุกข์ใจก็ยังบรรเทาได้ ด้วยการรู้จักวางใจอย่างถูกต้องจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องมีสติรู้ทันอาการของใจเมื่อเกิดทุกข์หรือมีเหตุร้ายมากระทบ แม้เหตุร้ายยังแก้ไขไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ซ้ำเติมตัวเอง ด้วยการรักษาใจให้เป็นปกติ

ผู้คนยุคนี้มีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น ทุกข์กายมีน้อยลง แต่ทุกข์ใจกลับเพิ่มมากขึ้น จนผู้คนมากมายหันไปพึ่งยาและวัตถุสิ่งเสพ สาเหตุสำคัญเป็นเพราะเรามองข้ามจิตใจของตน ไม่เห็นความสำคัญของการฝึกจิตรักษาใจ แต่ในระยะยาวแล้วเราทุกคนก็หนีความทุกข์กายไม่พ้น โดยเฉพาะเมื่อร่างกายแก่ชราหรือล้มป่วย ถึงตอนนั้นหากไม่รู้จักรักษาใจ ก็จะยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้น จะว่าไปแล้ว กายนั้นมีแต่จะทุกข์มากขึ้น ส่วนใจนั้นสามารถเป็นอิสระจากความทุกข์ได้ หากเราหมั่นฝึกจิตรักษาใจ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ปล่อยวางความทุกข์ได้อย่างรวดเร็ว ปัญญาที่เกิดขึ้นยังช่วยให้ละวางความเห็นผิดในตัวกูของกูได้ในที่สุด จนทุกข์ไม่อาจย่ำยีบีฑาได้อีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล


*------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/qy/28166323_839424772931529_1301434586472655324_n.jpg) (http://upic.me/show/61978255)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  มันไม่เที่ยง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

การหมั่นระลึกถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เรายึดติดถือมั่นในสิ่งต่าง ๆ น้อยลง เพราะตระหนักได้ว่าไม่ช้าไม่นานมันก็ต้องจากเราไป ไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ทุกอย่างเป็นของชั่วคราวทั้งนั้น ยิ่งระลึกถึงความจริงที่ว่า เราเกิดมามือเปล่า และเมื่อสิ้นลม เราก็ต้องจากไปมือเปล่า ทรัพย์สมบัติที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นจึงเป็นเสมือนกำไร หากสูญไปจนหมดก็แค่เท่าทุน ไม่อาจเรียกว่าขาดทุนหรือสูญเสียด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ได้เป็นของเราตั้งแต่แรก การระลึกเช่นนี้ยังกระตุ้นให้เราหมั่นให้ทานหรือสละทรัพย์ให้ผู้อื่น ไม่คิดจะเก็บเอาไว้กับตัวเอง เพราะรู้ว่าตายแล้วก็เอาไปไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว

พระไพศาล วิสาโล


*------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/1d/28059342_1906161146360905_5809370292935415303_n.jpg) (http://upic.me/show/61978256)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  อะไรจะมาก่อน  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ความจริงอย่างหนึ่งที่ผู้คนไม่อยากนึกถึงก็คือ ความตายสามารถเกิดกับเราได้ทุกเวลา การเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเผชิญความตายอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่คนส่วนใหญ่กลับมองข้ามความจริงข้อนี้โดยให้เหตุผลว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว แท้จริงแล้วความตายอยู่ใกล้ตัวเราอย่างยิ่ง มีภาษิตธิเบตกล่าวว่า “ระหว่างพรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรจะมาก่อน” นี้คือความจริงที่ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธ ใครที่คิดว่าพรุ่งนี้จะมาก่อนชาติหน้า ล้วนแต่คาดเดาด้วยความประมาททั้งนั้น เพราะเราแน่ใจได้อย่างไรว่า วันนี้จะไม่ใช่วันสุดท้ายของเรา พ้นจากวันนี้ไปแล้วก็อาจเป็นชาติหน้าเลย หามีพรุ่งนี้ไม่

ความตายกับภาวะใกล้ตาย
 
เสียงธรรมจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟัง


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ===> https://drive.google.com/file/d/1zx2nLX14yBfPLA3bLTOJ2Rx2VlwthGDi/view (https://drive.google.com/file/d/1zx2nLX14yBfPLA3bLTOJ2Rx2VlwthGDi/view)


*------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/z5/28468295_10210958371267300_9069745852360136151_n.jpg) (http://upic.me/show/61978261)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  มหัศจรรย์ของชีวิตขาลง  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

หลังจากเกษียณจากราชการก่อนกำหนด ประมวล เพ็งจันทร์ ได้ทำสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน นั่นคือเดินเท้าจากเชียงใหม่กลับไปยังบ้านเกิดที่เกาะสมุย เป็นการจาริกที่ไม่มีเงินติดตัวเลยสักสลึงเดียว หากฝากชีวิตไว้กับน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ตามเส้นทางที่ยาวเหยียดร่วม ๑,๕๐๐ กิโลเมตร

ตลอด ๖๖ วันของการเดินทาง เขาได้พานพบประสบการณ์มากมายที่ตราตรึงใจ และให้บทเรียนล้ำค่าแก่ชีวิต หนึ่งในนั้นได้แก่ตอนที่เดินขึ้นและลงจากดอยอินทนนท์

เขาเล่าว่าขณะที่เดินขึ้นดอยอินทนนท์นั้น รู้สึกเหนื่อยมาก ความย่ำแย่ของสภาพร่างกายที่สะสมมากหลายวันทำให้เกือบจะถอดใจเพราะหายใจแทบไม่ออก รู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย จนต้องนอนแผ่แน่นิ่ง ทั้ง ๆ ที่เหลือเพียงกิโลเมตรกว่า ๆ เขาคงจะอยู่ตรงนั้นอีกนาน หากไม่มีรถคันหนึ่งจอดรับเขาขึ้นไปถึงยอด

ขากลับเขาเดินลงมาช้า ๆ แล้วเขาก็เพิ่งสังเกตว่าสองข้างทางนั้นมีสิ่งสวยงามอยู่มากมาย ไกลออกไปก็เป็นทิวทัศน์ที่ชวนพินิจ แต่ทั้งหมดนั้นเขาไม่ทันได้มองเลยขณะที่เดินขึ้นเขา เพราะใจนึกถึงแต่ยอดดอย อยากจะไปให้ถึงจุดหมายอย่างเดียว

ระหว่างเดินลงเขาได้หยุดดูทิวทัศน์อันกว้างไกล และชื่นชมกับธรรมชาติอันงดงามสองข้างทาง จิตใจเบิกบานและเป็นสุขอย่างยิ่ง แม้ตอนนั้นร่างกายจะเจ็บปวดก็ตาม “มหัศจรรย์” คือความรู้สึกของเขาเมื่อย้อนระลึกนึกถึงประสบการณ์ยามลงเขา

“ขาลง”นั้นมีเสน่ห์แต่มักถูกมองข้าม คนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับ “ขาขึ้น”มากกว่า เพราะมั่นใจว่ามีสิ่งใหม่ ๆ ที่ดึงดูดใจคอยอยู่ข้างบน ไม่ใช่แค่ทะเลหมอกหรือทิวทัศน์อันงดงามที่เห็นชัดเจนจากยอดดอยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสำเร็จ ชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง ยามขึ้นถึงจุดสูงสุดของชีวิต

ใคร ๆ ก็อยากให้ชีวิตของตนอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะหวังจะได้เสพได้ครอบครองอะไรอีกมากมายที่ยังไม่เคยประสบสัมผัส แต่น่าคิดว่ามีสักกี่คนที่เป็นสุขอย่างแท้จริงในช่วงขาขึ้น ใช่หรือไม่ว่า ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความเครียด เพราะใจนั้นกังวลแต่จุดหมายปลายทาง และกลัวว่าจะไปไม่ถึง แถมยังหงุดหงิดหากเห็นใครแซงไปต่อหน้าต่อตา และเป็นทุกข์มากขึ้นเมื่อมีคนถึงจุดหมายปลายทางก่อน โดยเฉพาะคนที่ออกเดินพร้อมกับตัวเอง

ความเหนื่อยอ่อนบอบช้ำของประมวลยามเดินขึ้นเขา คงไม่ต่างจากหลายคนที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ยิ่งเร่งจะให้ถึงจุดหมายปลายทางมากเท่าไร ก็ยิ่งเหนื่อยมากเท่านั้น บางคนไปไม่ถึงเพราะหมดแรงเสียก่อน ต้องพักรักษาตัวกว่าสังขารจะอำนวย แต่บางคนก็ต้องยุติการเดินทางแต่เพียงเท่านี้
อันที่จริงประสบการณ์ยามขาขึ้นไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยความทุกข์ แม้จะยังไม่ถึงเป้าหมาย แต่อย่าลืมว่าสองข้างทางนั้นก็อุดมไปด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ให้ความสุขแก่เราได้ตลอดเวลา ประมวลมาค้นพบความจริงข้อนี้ยามเดินลงเขา แต่ถ้าใจเราไม่จดจ่อกับเป้าหมายข้างหน้ามากเกินไป ในช่วงขาขึ้นเราก็สามารถเป็นสุขได้ หากรู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ ตามรายทางบ้าง

ความสุขนั้นมีอยู่รอบตัว แต่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น เพราะใจจดจ่อแต่ความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า ผลก็คือขณะที่ความสุขข้างหน้ายังมาไม่ถึง เรากลับละทิ้งความสุขที่มีอยู่รอบตัว ทั้ง ๆ ที่เป็นสิทธิของเราโดยชอบธรรม กลายเป็นว่าเสียสองต่อ

จะไม่ดีกว่าหรือ ขณะที่ยังไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เราก็เปิดใจชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัวหรือตามรายทาง แม้ความสุขข้างหน้ายังมาไม่ถึง แต่เราก็ได้สัมผัสกับความสุขที่มีอยู่แล้วทุกขณะ

แต่ถึงจะพลาดโอกาสนั้นไป ก็ยังไม่สาย เพราะขาลงเราก็ยังสามารถชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่ให้ความสุขและความเบิกบานใจแก่เราได้ แต่นั่นหมายความว่าเราต้องไม่ห่วงหาอาลัยความสำเร็จที่กลายเป็นอดีตไปแล้ว หากยังมัวนึกถึงประสบการณ์อันตราตรึงใจบนยอดเขาที่ผ่านพ้นไปแล้ว ใจเราจะเปิดรับความสุขตามรายทางในยามขาลงได้อย่างไร

ขาลงไม่ใช่ประสบการณ์อันน่าเศร้า หากเราเดินลงอย่างช้า ๆ และหัดพินิจพิจารณา เราจะมีความสุข เป็นสุขที่อาจจะยิ่งกว่าช่วงขาขึ้นหรือเมื่อถึงจุดสูงสุดของการเดินทางเสียอีก เพราะใจเป็นอิสระจากความคาดหวังทั้งปวง


ในยามนี้แหละที่เราอาจพบกับ “มหัศจรรย์” ของชีวิต ที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อน

พระไพศาล วิสาโล


*------------------------------------------------------*


(http://upic.me/i/ek/28468295_10210958371267300_9069745852360136151_n.jpg) (http://upic.me/show/61978263)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  คืนสู่สามัญ  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

“ขุนเขาแม้จะสูงเพียงใด

เมื่อปีนถึงยอดเขาแล้ว

ในที่สุดก็ต้องลงมา

จะประสบความสำเร็จ

สูงสุดเพียงใดก็ตามในที่สุด

ก็ต้องกลับสู่สามัญใจที่พร้อม

จะคืนสู่สามัญนี่แหล่ะคือใจที่

พร้อมบรรลุจุดสูงสุดอย่างแม้จริง”

พระไพศาล วิสาโล



(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)

(http://upic.me/i/4y/2ebe2.gif) (http://upic.me/show/3655007)   ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2018, 08:27:59 pm
(http://upic.me/i/ei/27458903_1895911900719163_2580839822151436042_n.jpg) (http://upic.me/show/61978275)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ตื่นจากทุกข์ (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ทุกวันนี้เรามีชีวิตที่สบายกว่าเมื่อก่อนมาก ความทุกข์ทางกายลดน้อยถอยลงไปมาก เพราะมีเครื่องทุ่นแรงและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แม้กระนั้นความทุกข์ใจก็ไม่ได้ลดลงเลย กลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เห็นได้จากคนที่เป็นโรคจิต โรคประสาท และโรคซึมเศร้า ซึ่งมีจำนวนมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้ที่เจ็บป่วยเพราะความวิตกกังวลรุมเร้า

บ่อยครั้งเรามักโทษสิ่งภายนอกว่าเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ใจ เช่น ดินฟ้าอากาศ รถติด เพื่อนร่วมงาน คนรอบข้าง เศรษฐกิจ การเมือง แต่หากใคร่ครวญให้ถ่องแท้ จะพบว่าสาเหตุแท้จริงนั้นอยู่ที่ใจเรานี้เอง เป็นเพราะเราไม่ยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น หรือเก็บเอาคำต่อว่าด่าทอของคนอื่นมาทิ่มแทงจิตใจตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงรู้สึกเจ็บปวด ขุ่นเคือง โกรธแค้น เป็นเพราะใจที่มองลบคิดร้าย เราจึงกลัดกลุ้มและวิตกกังวลกับอนาคตทั้ง ๆ ที่มันยังไม่เกิด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เรากล่าวโทษสิ่งรอบตัวว่าผิดพลาดเพราะมันไม่เป็นไปตามใจเรา แต่ลืมมองว่าเป็นเพราะความหลงของเราต่างหากที่อยากให้ทุกสิ่งเป็นไปดังใจหวัง

ความทุกข์ใจนั้นเกิดเพราะความหลงของเรายิ่งกว่าอะไรอื่น เริ่มตั้งแต่หลงอยากให้โลกเป็นไปตามใจเรา เมื่อผิดหวัง เกิดความโกรธเคืองและเศร้าโศกตามมา ก็หลงแบกความผิดหวัง และหลงยึดอารมณ์เหล่านั้น ทั้ง ๆ ที่ทุกข์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ใจก็ไม่ยอมปล่อย ยังคงแบกต่อไปเพราะลืมตัว แต่เมื่อใดที่เราเกิดความตื่นรู้ เริ่มจากรู้ตัวว่าหลงแบกหลงยึด การปล่อยวางก็จะเกิดขึ้น และเมื่อรู้ความจริงว่าทุกอย่างแปรเปลี่ยนเป็นนิจ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยต่าง ๆ มากมาย ไม่อยู่ในอำนาจของใคร ที่จะบงการให้เป็นไปดังใจหวังได้ อีกทั้งยังไม่อาจยึดติดถือมั่นให้เที่ยงแท้ได้ เมื่อนั้นความทุกข์ก็จะจางคลายไป

ทุกข์นั้นคลายได้เมื่อใจตื่นรู้ ดังนั้นจึงควรหมั่นฝึกใจให้มีความรู้ตัวอยู่เสมอ อันจะเป็นบาทฐานสู่การรู้ความจริงอย่างแจ่มแจ้ง จนไม่ยึดติดถือมั่นให้เกิดทุกข์อีกต่อไป ในขณะที่พยายามทำกิจเพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ก็ควรทำจิตรักษาใจไม่ให้เป็นทุกข์เพราะปัญหาเหล่านั้น

พระไพศาล วิสาโล



(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)

(http://upic.me/i/4y/2ebe2.gif) (http://upic.me/show/3655007)   ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2018, 08:34:11 pm
(http://upic.me/i/8w/28468295_10210958371267300_9069745852360136151_n.jpg) (http://upic.me/show/61978276)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  เกิดมาทั้งที ต้องมีวิชาชีวิต  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)

ชั่วชีวิตของคนเรา มีวิชามากมายที่ต้องเรียนรู้ มิใช่เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่ยังเพื่อความเจริญก้าวหน้าและผาสุก วิชาเหล่านี้เปิดสอนทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย โดยมีการวัดผลอย่างจริงจัง แต่มีวิชาหนึ่งที่มักถูกละเลย และแทบไม่มีสอนในสถาบันการศึกษาใด ๆ นั่นคือ วิชาชีวิต

มีวิชามากมายที่เรียนอย่างหน้าดำคร่ำเครียดในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ครั้นสอบผ่านแล้วหลายคนแทบไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์เลย แต่วิชาชีวิตนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตลอดเวลา วิชามากมายเรียนแล้วช่วยให้ร่ำรวยมีสถานภาพทางสังคม แต่ไม่ได้ช่วยแก้ทุกข์ได้เลย ไม่ว่ายามเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกต่อว่าด่าทอ สูญเสียคนรัก หรือล้มป่วย ในขณะที่วิชาชีวิตนั้นช่วยให้เราก้าวข้ามปัญหาชีวิตไปได้ด้วยดี แม้ประสบกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิต จิตก็ยังเป็นปกติสุขอยู่ได้

วิชาชีวิตช่วยให้เราไม่จมทุกข์ หรือซ้ำเติมตนเองยามประสบปัญหา ขณะเดียวกันก็ไม่หลงระเริงในลาภยศและความสำเร็จ มีภูมิคุ้มกันรักษาใจไม่ให้อารมณ์อกุศลครอบงำ และสามารถเป็นสุขได้ในทุกหนแห่ง เมื่อพลัดพรากก็ไม่เศร้าโศกเสียใจ เมื่อสูญเสียก็ไม่ตีอกชกหัว เมื่อเจ็บป่วยก็ไม่คร่ำครวญ และเมื่อจะตายก็ไม่พรั่นพรึง

วิชาชีวิตนั้นเรียนได้จากประสบการณ์ชีวิต โดยมีปัญหาต่าง ๆ เป็นทั้งการบ้านและบททดสอบ อีกทั้งมีความตายเป็นการสอบไล่ ชนิดที่ไม่มีการแก้ตัว หากสอบตกก็ทุรนทุรายก่อนตายโดยมีอบายเป็นที่หมาย หากสอบได้ก็จากไปอย่างสงบและเข้าถึงสุคติ น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยพากันสอบตก เพราะไม่คิดว่าจะมีการสอบไล่ชนิดนี้รออยู่ จึงมิได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย หรือหนักกว่านั้นคือไม่คิดว่ามีวิชาชีวิตที่ต้องเรียนเลยด้วยซ้ำ ทั้งชีวิตจึงปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป แต่ผู้มีปัญญานั้นย่อมตระหนักเสมอว่า ชีวิตนี้มีขึ้นเพื่อการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่สำคัญคือวิชาชีวิต ดังนั้นจึงหมั่นศึกษาหาบทเรียนจากวิชานี้อยู่เสมอ รางวัลที่ได้คือเมื่อยังมีลมหายใจก็เป็นสุขในทุกที่ ครั้นวาระสุดท้ายมาถึงก็พร้อมรับความตายด้วยใจสงบ

พระไพศาล วิสาโล



(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)

(http://upic.me/i/4y/2ebe2.gif) (http://upic.me/show/3655007)   ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 15, 2018, 06:57:28 am
(http://upic.me/i/4b/29101266_2145994112094561_590838318535540736_n.jpg) (http://upic.me/show/61993048)




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 15, 2018, 06:59:50 am
(http://upic.me/i/kh/29136837_2146446508715988_7476951417048006656_n.jpg) (http://upic.me/show/61993047)


เวลาเรามีความทุกข์ แทนที่จะไปโทษสิ่งนอกตัว เราควรย้อนกลับมาดูตัวเองว่าเป็นเพราะเราไปยึดติดกับมัน จนทำให้เกิดปฏิกิริยาเกินเหตุหรือเปล่า เพื่อนร่วมงานอาจพูดถึงเราด้วยความรู้สึกธรรมดา แต่เราไปคิดปรุงแต่งว่าเขาไม่พอใจเรา เขาไม่ทักเรา เราก็ไปคิดว่าเขาโกรธเรา ทั้งๆ ที่เขาอาจมองไม่เห็นเราก็ได้ หรือเขาอาจกำลังมีความทุกข์อยู่ในใจก็ได้ ถ้าเราหันมามองตัวเองบ้าง เราก็อาจพบว่าปัญหาอยู่ที่ใจของเราเองที่ปรุงแต่งเกินเหตุ

คนที่แพ้เกสรดอกไม้ หรือแพ้ฝุ่นละอง วิธีแก้ก็คือกินยาเพื่อกดภูมิคุ้มกัน หรือทำให้มันปราดเปรียวว่องไวน้อยลง หรือทำให้ประสาทตื่นตัวช้าลง นั่นเป็นเรื่องของกาย แต่ในเรื่องของจิตใจ สิ่งที่ทำให้ใจหายตื่นเต้นตูมตามหรือมีปฏิกิริยาเกินเหตุก็คือสติ เราแพ้อะไร เรากลัวอะไร เราไปติดยึดกับอะไรจนเกินเหตุ ก็ต้องจัดการด้วยการมีสติให้มากๆ ไม่มีอะไรที่จะดีกว่าสติ

สติช่วยให้ใจนิ่งลง ปล่อยวางได้มากขึ้น ไม่วิตกกับสิ่งต่างๆ จนเกินเหตุ แม้จะเกิดโทสะ แต่เมื่อมีสติ ก็จะวางมันลงได้ แทนที่จะปรุงแต่งไปในทางที่ทิ่มแทงทำร้ายตัวเอง ก็วางใจเป็นกลาง ๆ เห็นมันเป็นธรรมดา หรือเป็นเช่นนั้นเอง ใครตำหนิ แทนที่จะโกรธ สติก็ช่วยให้ใจไม่โกรธง่ายๆ ปล่อยวางได้เร็วขึ้น

นอกจากทำให้ใจนิ่งได้แล้ว ยังช่วยให้มองในทางบวกได้ด้วย เช่น มองว่าที่เขาตำหนิก็ดีนะ ทำให้เราเห็นในสิ่งที่มองข้ามไป มีคนบอกว่าปรปักษ์หรือศัตรูมีประโยชน์ตรงที่ช่วยให้เราเห็นความจริงอีกด้านหนึ่งของเราที่เพื่อนๆ ไม่เคยบอกเรา มองแง่นี้เราก็ได้ประโยชน์จากศัตรู จึงไม่ควรรังเกียจ ผลักไส หรือปิดหูปิดใจไม่รับฟังเขา

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล





(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 15, 2018, 07:01:46 am
(http://upic.me/i/p5/29178268_2148828198477819_3272962497723760640_n.jpg) (http://upic.me/show/61993045)


(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ความทุกข์ใจ...ต้องอาศัยทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน  (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)


นั่นหมายความว่า คำต่อว่าด่าทอ เสียงดัง แดดร้อน ทำให้ทุกข์ใจไม่ได้ ถ้าใจเราไม่ไปร่วมมือด้วย

หากว่ามีคนตะโกนด่า แต่เราไม่สนใจ ไม่นำพา เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จะเกิดความโกรธได้ไหม ความโกรธเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าใจเราไม่เอาคำเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์ หรือหวนระลึกนึกถึงคำเหล่านั้น

การกระทำก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีคนมากลั่นแกล้ง เอาเปรียบ รบกวน รังควาน แต่ถ้าเราไม่เก็บเอามาคิด ไม่นำพาไม่สนใจ ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นไม่ได้

ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่เรามีความทุกข์ใจ จะโทษรูปที่เห็น โทษเสียงที่ได้ยิน โทษใครต่อใครที่รู้จักอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องโทษที่ใจเราด้วย เป็นเพราะใจเรามีส่วนร่วม ไปสมยอมเปิดทางอนุญาตให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาสร้างความทุกข์ใจให้กับเรา

ก้อนหินใหญ่แค่ไหนก็ตาม ถ้าเราไม่แบกจะเป็นทุกข์ไหม จะเหนื่อยไหม จะรู้สึกหนักไหม หนามแหลมเพียงใด ถ้าเราไม่เผลอเดินเตะ เราจะปวดไหม หินก้อนหนักๆ ทำให้เราทุกข์ไม่ได้ ถ้าเราไม่ไปแบกมัน หนามแหลมๆ ทำให้เราปวดไม่ได้ถ้าเราไม่เดินเตะมัน เมื่อรู้สึกหนักหรือรู้สึกปวด เราจะโทษก้อนหินหรือหนามแหลมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องกลับมาดูว่าเป็นเพราะเรามีส่วนด้วย พูดอีกอย่างก็คือไม่มีใครยัดเยียดความทุกข์ให้เราได้ ถ้าเราไม่ยินยอม

ไม่มีใครขโมยความสุขไปจากเราได้ ถ้าหากเราไม่เออออห่อหมกด้วย

เคยมีนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งไปปรึกษาปัญหาชีวิตกับหลวงพ่อชา สุภัทโท สมัยนั้นราว ๔๐ ปีก่อนท่านยังไม่อาพาธ นายตำรวจคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์มาก แต่ถูกกลั่นแกล้ง เจ้านายไม่ส่งเสริม เพื่อนร่วมงานขัดแข้งขัดขา นอกจากเลื่อยขาเก้าอี้ ยังเล่นงานข้างหลังเพราะไม่กินตามน้ำเหมือนคนอื่นเขา เขากลุ้มใจมากก็มาระบายกับหลวงพ่อชา หลวงพ่อก็ฟังโดยไม่ได้ว่าอะไร ท่านปล่อยให้เขาพูดจนจบ เสร็จแล้วท่านก็ชี้ไปที่หินก้อนใหญ่ที่อยู่ในลานหน้ากุฏิท่าน แล้วถามว่า “เห็นหินก้อนนั้นไหม” “เห็นครับ” “หินก้อนนั้นหนักไหม” “หนักครับ” “คุณแบกไหวไหม” “แบกไม่ไหวครับ” แล้วท่านก็บอกว่า “ถ้าไม่ไหวก็อย่าแบกมัน”

ได้ยินเพียงเท่านี้นายตำรวจคนนั้นก็ได้คิดเลยว่า ที่ตัวเองทุกข์ก็เพราะแบกเรื่องราวต่าง ๆ เอาไว้นั่นเอง เรื่องราวเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ตนเองเป็นทุกข์ได้หากไม่ไปแบกเอาไว้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็รู้สึกโปร่งโล่งขึ้นมาก ทำให้มีแรงทำงานต่อไป ปัญหาในที่ทำงานยังคงมีอยู่ แต่ใจไม่ทุกข์แล้ว เพราะไม่ไปแบกมัน นายตำรวจคนนี้จึงรับราชการต่อจนเกษียณ

เห็นไหมว่าเมื่อมีความทุกข์ใจเกิดขึ้น มันไม่ใช่เป็นเพราะคนนั้นคนนี้ทำอะไรไม่ถูกใจหรือกลั่นแกล้งเราอย่างเดียว แต่เป็นเพราะใจเราให้ความร่วมมือด้วยการแบกมันเอาไว้ เลยกลายเป็นการซ้ำเติมตนเอง

พระไพศาล วิสาโล






(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 30, 2018, 01:13:33 pm
(http://upic.me/i/d6/29497572_427347277715135_5576027036880542916_n.jpg) (http://upic.me/show/62007204)


ผู้ใดทำกรรมอย่างไร ต้องรับผลอย่างนั้นก็จริง แต่แม้จะเป็นกรรมเลว ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อดำเนินชีวิตอันประเสริฐในปัจจุบันได้ อดีตเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ปัจจุบันก็เป็นโอกาสที่เราสามารถกลับตัวกลับใจหรือทำความดีได้ คนเราสามารถทำความดีได้ทุกเวลาแม้อดีตจะเคยทำชั่วมามากมายก็ตาม องคุลีมาลเป็นตัวอย่างของคน ที่กลับตัวกลับใจ จากฆาตกรกลายเป็นพระอรหันต์ เข้า ทำนอง “ต้นคด ปลายตรง”

กฎแห่งกรรมนั้น ให้ความสำคัญกับอดีตน้อยมาก จุดเน้นอยู่ที่ปัจจุบัน เพราะปัจจุบันคือโอกาสเดียวเท่านั้นที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต เราไปในทางที่ดีได้ ดังนั้นจึงควรทำปัจจุบัน ให้ดีที่สุด อย่าเสียเวลาอาลัยอดีตหรือพะวงกับอนาคต

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 30, 2018, 01:17:11 pm
(http://upic.me/i/ir/29339781_2153708131323159_4012232888849268736_n.jpg) (http://upic.me/show/62007205)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 30, 2018, 01:18:57 pm
(http://upic.me/i/1m/29512522_2161045517256087_8164164188002583840_n.jpg) (http://upic.me/show/62007206)



การปล่อยวางนั้น หากทำถูกต้อง จิตใจจะโปร่งเบา เบิกบาน มีความกระตือรือร้น และมีความสุขทุกเมื่อ ไม่ว่ามีอะไรมากระทบหรือมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นก็ตาม

ความหดหู่ เฉื่อยเนือย หรือเหนื่อยหน่าย ไม่ใช่การปล่อยวาง แต่เกิดจากความยึดติดหรือมีความคาดหวัง แล้วไม่ได้อย่างที่ยึดอยากวาดหวัง เป็นอารมณ์อกุศลที่พึงบรรเทาหรือกำจัด

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 19, 2018, 04:49:44 am
(http://upic.me/i/ws/30688668_1929021847408168_8591474500984373248_n.jpg) (http://upic.me/show/62031331)



(http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120)  ความงามแห่งรุ่งอรุณ (http://upic.me/i/92/el1f.gif) (http://upic.me/show/1183120) 


ท้องฟ้ายามอรุณรุ่งคือความงดงามที่ชื่นชมได้ไม่รู้เบื่อ แต่จะงามประทับจิตยิ่งขึ้นหากได้ตื่นขึ้นมาก่อนฟ้าสาง เมื่อท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยน จากมืดมิดแล้วค่อย ๆ เรื่อเรืองด้วยแสงเงินแสงทอง จิตใจของผู้ชมก็จะค่อย ๆ แจ่มใสและเบิกบาน จนรู้ตื่นเต็มที่เมื่อท้องฟ้าสว่างไสวไปทุกทิศ

แสงเงินแสงทองงามที่สุดเมื่อประชันกับความมืดมิด ความงามของธรรมชาติเบื้องหน้าจะจับใจเมื่อความมืดมนค่อย ๆ ละลายหายไป กลายเป็นความสว่างเรือง ใครที่ไม่ได้เห็นความมืดมิดของท้องฟ้ามาก่อน ไหนจะเลยประจักษ์ถึงความงามของอรุณรุ่งได้อย่างเต็มที่

รุ่งอรุณงดงามจับใจยิ่งสำหรับผู้ที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมาก่อน ในยามทดท้อสิ้นหวังกับชีวิต จนไม่อยากอยู่ต่อไปในโลกนี้ เพียงแค่เห็นแสงอรุณจับขอบฟ้า ไล่ความมืดมิดไปทีละน้อย ๆ จิตก็สว่างไสว และหลุดพ้นจากความมืดมน เกิดความหวังและกำลังใจที่จะสู้ทุกข์ต่อไป ใช่หรือไม่ว่าเมื่อถึงที่สุดแห่งรัตติกาล อรุณรุ่งก็ปรากฏ เมื่อมืดมิดอย่างที่สุด ความแจ่มกระจ่างก็บังเกิด

ผู้ที่ตกอยู่ในความมืดมิดย่อมซึ้งใจในคุณค่าของแสงสว่าง แม้เพียงประพิมประพาย ฉันใดก็ฉันนั้น น้ำใจแม้เพียงเล็กน้อย กลับเป็นสิ่งยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่จมอยู่ในความทุกข์ ที่อาจตราตรึงใจเขาอย่างมิรู้ลืม ปราศจากความทุกข์ ไยจะเห็นคุณค่าของความเอื้อเฟื้อและความอิ่มเอิบใจ หากสุขสบายไปทั้งชาติไหนเลยจะซาบซึ้งใจกับความดีที่ผู้อื่นกระทำแก่ตน บางครั้งความทุกข์ก็ทำให้เราเห็นน้ำใจที่งดงามของเพื่อนมนุษย์ได้ชัดเจน เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในความมืดเท่านั้นที่จะประจักษ์ถึงความงามยามอรุณรุ่งอย่างยากจะพรรณนา

พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook Zen Sukato
https://www.facebook.com/profile.php?id=100009011159513 (https://www.facebook.com/profile.php?id=100009011159513)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 17, 2018, 03:05:34 pm
(https://uppicimg.com/s/5Ss2KrM0) (https://uppicimg.com/v/5Ss2KrM0)


(https://uppicimg.com/s/hLreAW95) (https://uppicimg.com/v/hLreAW95)   มุมมองของความสุข  (https://uppicimg.com/s/hLreAW95) (https://uppicimg.com/v/hLreAW95)

มีผู้หญิงคนหนึ่งเล่าว่า บ่ายวันหนึ่งมีรถแท๊กซี่มาจอดอยู่หน้าบ้านของเธอ ซึ่งอยู่ในซอย พอเห็นรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน เธอรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที รู้สึกว่าหากมีรถในบ้านจะเข้าจะออกจะทำอย่างไร พอมองไปที่ร่มไม้ก็ยิ่งไม่พอใจว่า นั่นเป็นต้นไม้ที่พ่อปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงาหน้าบ้าน ไม่ใช่ที่ที่จะให้ใครมาจอดเพื่ออาศัยร่มเงา

แต่สักพักเธอก็ได้สติ เพราะมาคิดทบทวนใหม่ว่าตอนนี้เราก็ยังไม่มีธุระจะออกจากบ้าน ถนนหรือซอยนั้นก็เป็นของสาธารณะมี ขนาดกว้างพอสมควร ถ้าจะเข้า-ออก ก็คงจะไม่ลำบาก เธอคิดด้วยว่าคนขับคงเหนื่อย อากาศร้อน พอเห็นร่มเงาจึงมาจอดพัก พอเธอนึกถึงคนขับแท็กซี่คนนั้น ที่คงจะร้อนเพราะอากาศอบอ้าว และได้มาอาศัยร่มเงาหน้าบ้านของเธอเป็นที่ดับร้อน เธอก็รู้สึกดีขึ้น

และยิ่งรู้สึกดีขึ้นอีกเมื่อเห็นคนขับแท๊กซี่เอาข้าวมากิน เธอดีใจว่าต้นไม้ที่พ่อปลูกได้ให้ร่มเงาแก่คนที่ร้อน คนขับแท๊กซี่อาจจะเหนื่อย ยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า ได้มาอาศัยร่มเงาของต้นไม้ที่พ่อเธอปลูกไว้ ได้ใช้ประโยชน์ ดับทุกข์ เธอจึงดีใจความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปจากทีแรกที่เธอรู้สึกไม่พอใจเพราะรู้สึกว่านี่เป็นบ้าน "ของฉัน" หน้าบ้านของฉันซึ่งที่จริงเป็นถนนสาธารณะ แต่พอไปนึกเองว่าถนนหน้าบ้านนี้เป็นของฉันก็เลยเกิดความไม่พอใจทันทีที่มีรถแท๊กซี่มาจอด และยิ่งไม่พอใจเมื่อนึกว่าต้นไม้ "ของพ่อฉัน" ปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงากับลูกๆ

แต่พอเธอกลับมาคิดอีกมุมหนึ่งมองถึงความรู้สึกของคนขับแท็กซี่ว่า เขาคงร้อน เหนื่อย หิวความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไป เกิดความเห็นใจความเมตตาขึ้นมาและสิ่งที่ตามมาคือความสุข ความดีใจที่เขาได้ดับทุกข์โดยอาศัยร่มเงาหน้าบ้านของเธอ

คนบางคนเมื่อเจอเหตุการณ์นี้ จะโมโหไม่พอใจ อาจจะเดินไปต่อว่าคนขับแท๊กซี่แต่คนบางคนกลับรู้สึกดีใจ อันนี้เป็นเพราะ "คุณภาพจิต" หรือ "มุมมอง"

เธอดูอยู่สักพัก คนขับแท๊กซี่กินข้าวเสร็จและขับรถออกไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่หน้าบ้านของเธอ รถจะเข้าจะออกก็ไม่มีปัญหา เธอจึงคิดได้ว่าเมื่อสักครู่เรากังวลไปเองว่าหากรถจะเข้าจะออกจะทำอย่างไร ที่จริงเป็นการกังวลไปล่วงหน้า เพราะแท๊กซี่อยู่ประเดี๋ยวเดียวก็ไปแล้ว เธอกังวลเพราะไปคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น คนเราก็ทุกข์เพราะเหตุนี้เหมือนกัน อะไรบางอย่างยังไม่เกิดขึ้นเลยแต่กังวลไปล่วงหน้าแล้ว เป็นเพราะว่าใจไปอยู่กับอนาคต มองข้ามปัจจุบันไป

คนเราจะทุกข์หรือสุขอยู่ที่มุมมอง ซึ่งมีส่วนทำให้ใจเราเล็กหรือแคบ หรือทำให้ใจเรากว้างใหญ่ ถ้าเราคิดถึงแต่ตัวเอง ทำให้ใจเราคับแคบ เช่น คิดว่าบ้านของฉัน ถนนของฉัน ต้นไม้ของพ่อฉัน แต่ถ้าเราคิดถึงคนอื่น ก็ทำให้ใจเรากว้างขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าใจเราก็แคบ เราก็คิดถึงตัว เองอยู่เสมอ แต่ถ้าใจเรากว้างเราจะคิดถึงคนอื่นๆ ได้ง่าย เวลาเจอเหตุการณ์อะไรแล้วทุกข์ ลองนึกดูว่าเป็นเพราะเราคิดถึงแต่ตัวเองหรือเปล่า หรือเอาแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง

พระไพศาล วิสาโล

(https://uppicimg.com/s/hLreAW95) (https://uppicimg.com/v/hLreAW95)   download หนังสือ ขยายใจให้ใหญ่ขึ้นได้ที่ ===>  http://www.visalo.org/book/WordaPdf/kayaijai.pdf (http://www.visalo.org/book/WordaPdf/kayaijai.pdf)



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 17, 2018, 03:56:30 pm
(https://uppicimg.com/s/24yQWJ0Z) (https://uppicimg.com/v/24yQWJ0Z)



" ทำไมรู้ว่าโกรธแล้วไม่หายโกรธ "

ความโกรธเกิดขึ้นเมื่อจิตเผลอ ไม่มีสติ หลง
เมื่อสติเกิดขึ้น ความหลงจะหายไป
ความเผลอจะหายไป
เพราะความโกรธนั้นไม่มีที่ตั้ง

ปัญหาของผู้ปฏิบัติก็คือ ขณะที่รู้ว่าโกรธนั้น
ลึกลงไปในใจมีความรู้สึก
ไม่ชอบความโกรธนั้นร่วมอยู่ด้วย
จึงไม่ใช่แค่ "รู้เฉยๆ" แต่มีความรู้สึกว่า
อยากผลักไสความโกรธออกไปด้วย
จึงไม่ใช่สติที่บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์

หากจะเปรียบความโกรธเหมือนไฟ
และสติเหมือนน้ำ เหตุใดน้ำนี้จึงดับไฟไม่ได้?

สาเหตุที่น้ำนี้ไม่สามารถดับไฟได้
ก็เพราะน้ำนี้ไม่บริสุทธิ์ แต่เจือด้วยน้ำมัน

น้ำมันในที่นี้ คือ ความรู้สึกลบต่อความโกรธ
อยากจะให้ความโกรธหายไป
มันมีทั้งตัณหาและโทสะร่วมอยู่ด้วยกัน
ตัณหา คือ ความอยากให้ความโกรธหายไป
โทสะ คือ ไม่ชอบความโกรธ รู้สึกลบต่อความโกรธ
จึงเปรียบเหมือนน้ำที่ไม่บริสุทธิ์ เจือด้วยน้ำมัน

หลายคนมักบ่นว่า "ทำไมรู้ว่าโกรธแล้วไม่หายโกรธ"
สาเหตุก็เพราะว่าไม่ได้แค่รู้เฉยๆ
ไม่ได้รู้ด้วยใจที่เป็นกลาง
แต่มีความรู้สึกลบต่อความโกรธร่วมอยู่ด้วย...

สิ่งใดก็ตามที่ถูกกดข่มจะสู้ จะต่อต้าน
มีคำพูดหนึ่งที่อาตมาใช้ได้ดี คือ

อะไรที่เธอผลักไสจะคงอยู่
อะไรที่เธอตระหนักรู้จะหายไป

เราจึงต้องมีสติรู้ให้เท่าทันตรงนี้ให้มากขึ้น
ซึ่งเป็นตัวที่ละเอียด เมื่อเราแค่รู้เฉยๆ
ความโกรธจะดับไปเอง
ความฟุ้งซ่านก็เช่นเดียวกัน
แต่หากยิ่งพยายามกดข่มไว้
ความฟุ้งซ่านก็จะยิ่งรังควานจิตใจเรา
สิ่งใดที่เรากดข่มจะไม่ยอมไปง่ายๆ
ถ้าเป็นความรู้สึกผิด ยิ่งพยายามกดข่ม
ยิ่งพยายามลืม ก็จะยิ่งรบกวนจิตใจหนักขึ้นไปอีก

หนทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้ก็คือ
ต้องรู้มันด้วยใจที่เป็นกลาง
อารมณ์เหล่านั้นก็จะไม่มีที่ตั้งอีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 17, 2018, 04:01:38 pm
(https://uppicimg.com/s/bSfg6ser) (https://uppicimg.com/v/bSfg6ser)


สำหรับคนที่ยังไกลโรคไกลความตาย แม้จะ “รู้” ว่าชีวิตนั้นมีระยะที่จำกัด แต่นั่นก็เป็นแค่ “ความคิด” ยังไม่ “รู้สึก” หรือรู้ซึ้งถึงใจ และบ่อยครั้งก็อาจจะหลงลืมเพราะมัวเพลิดเพลินกับความสุขสนุกสนาน หาไม่ก็ง่วนอยู่กับการแสวงหาทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง และอำนาจ เพราะคิดว่านั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต ต่อเมื่อใกล้ตายจึงรู้ความจริงว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่แท้จริงได้ คนที่ใกล้ตายนั้นไม่มีใครเลยสักคนที่ร้องว่า “ขอให้ฉันเป็นผู้จัดการ(หรือรัฐมนตรี)นานกว่านี้” หรือ “ขอให้ฉันถูกรางวัลที่ ๑ สักครั้งเถิด”

เรามักคิดว่าชีวิตนั้นผัดผ่อนได้ อีกทั้งยังฝากความหวังไว้กับวันพรุ่งนี้ว่าฉันจะมีความสุขกว่านี้แน่ถ้ามีเงินมากกว่านี้หรือมีบ้านหลังใหญ่กว่าเดิม แต่คนใกล้ตายนั้นรู้ดีว่าชีวิตนั้นผัดผ่อนไม่ได้อีกแล้ว และไม่สามารถฝากความหวังไว้กับอนาคต ถ้าต้องการความสุขและชีวิตที่ไพบูลย์ก็ต้องหาจากปัจจุบัน เดี๋ยวนี้และตรงนี้ นั่นหมายถึงการเปลี่ยนมุมมองจนเห็นแง่งามหรือคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่ ซึ่งแต่เดิมถูกมองข้ามไปเพราะไปจดจ่ออยู่กับสิ่งนอกตัว หรือคอยคาดหวังว่าจะมีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ข้างหน้า

ความตายนอกจากจะบังคับให้เราหยุดไล่ล่าอนาคต และหันมาเผชิญหน้ากับปัจจุบันแล้ว ยังอาจทำให้เราตื่นจากความหลง และพบว่าสิ่งพื้น ๆ สามัญนั้นทรงคุณค่าอย่างยิ่ง เช่น ความดี ความรัก ความเอื้ออาทร รวมทั้งการรู้จักตัวเอง เมื่อภาวะแตกดับใกล้มาถึง สิ่งเหล่านี้สามารถนำพาชีวิตที่เหลืออยู่ให้พบกับความสุข และประคองใจให้ไปถึงที่สุดอย่างสงบ

ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเราประจักษ์แจ้งถึงสัจธรรมได้ดีกว่าความตายและความพลัดพรากสูญเสีย ดังผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่าในมหาวิทยาลัยที่ชื่อว่าชีวิต หลักสูตรสำคัญที่สุดก็คือความพลัดพรากสูญเสีย ผู้ที่ผ่านหลักสูตรนี้ได้ย่อมเรียกว่า “บัณฑิต” ได้โดยแท้ แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถผ่านหลักสูตรนี้ได้เพราะไม่สามารถเรียนรู้อะไรเลยจากความพลัดพรากสูญเสีย ต่อเมื่อความตายมาประชิดตัวจึงค่อยเห็นสัจธรรมและเข้าใจบทเรียนชีวิต

เราไม่จำเป็นต้องรอให้ความตายมาถึงตัวจึงค่อยเกิดปัญญา เราสามารถเรียนรู้สัจธรรมและบทเรียนชีวิตโดยหมั่นสดับฟังคำสอนจากผู้รู้ หนึ่งในบรรดาผู้รู้ก็คีอผู้ใกล้ตายนั่นเอง เขาเหล่านั้นเป็นครูที่สอนบทเรียนชีวิตที่ดีที่สุดแก่เรา และบทเรียนอย่างหนึ่งที่ทรงคุณค่ายิ่งก็คือความจริงที่ว่าในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เราสามารถค้นพบสิ่งประเสริฐที่สุดในตัวเรา สิ่งประเสริฐที่สุดในตัวเรา ซึ่งทางพุทธศาสนาเรียกว่า สติ ปัญญา สมาธิ เมตตา นี้แหละที่สามารถนำพาเราผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดี แม้วิกฤตนั้นจะหมายถึงที่สุดของความพลัดพรากอันได้แก่ความตายก็ตาม

ความตายและความพลัดพรากสูญเสียจึงมิใช่สิ่งที่น่ากลัว หากเป็นสิ่งที่เราควรทำความเข้าใจตามความเป็นจริง และรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น แน่นอนว่าด่านแรกที่ต้องเอาชนะให้ได้คือความกลัว แม้แต่ความตายก็ไม่น่ากลัวเท่ากับความกลัวตาย เรากลัวเพราะเราไม่รู้ และเราไม่รู้ก็เพราะเราไม่กล้าออกไปเผชิญ การออกไปเผชิญกับสิ่งที่เรากลัวคือการเอาชนะความกลัว ชนะเพราะรู้ มิใช่ชนะเพราะขจัดสิ่งที่เรากลัวออกไป ความตายและความพลัดพรากไม่มีใครหนีพ้น แต่เราสามารถเอาชนะได้ด้วยการกล้าเผชิญจนรู้และเข้าใจตามความจริง ไม่กลัวและไม่ทุกข์เพราะมันอีกต่อไป

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
ส่วนหนึ่งจาก คำนำจากหนังสือ Life Lessons ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง
http://www.visalo.org/prefaces/lifeLessons.html (http://www.visalo.org/prefaces/lifeLessons.html)




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 17, 2018, 04:06:42 pm
(https://uppicimg.com/s/q36C4r7O) (https://uppicimg.com/v/q36C4r7O)


บ้านที่แท้จริงนั้นประเสริฐกว่าบ้านที่เราจากมา บ้านที่เป็นอาคาร ที่ก่อด้วยอิฐ สร้างด้วยไม้ แต่บ้านที่เราจะได้พบสัมผัสด้วยใจนี้ คือ "ความรู้สึกตัว"

ความรู้สึกตัวเป็นบ้านของใจที่ประเสริฐมาก เพราะไม่มีอะไรที่จะทำให้เราต้องวิตกกังวลเหมือนบ้านที่ก่อด้วยอิฐหรือปูนซึ่งเดี๋ยวหลังคาก็รั่ว เดี๋ยวฝาก็ร้าว เดี๋ยวพื้นก็ทรุด เดี๋ยวท่อก็แตก  บางแห่งพื้นทรุด จนไม่กล้าอยู่ กลัวว่ามันจะพังครืนลงมานั่นแหละ

คือบ้านที่ก่อด้วยอิฐด้วยปูน แม้จะราคาหลายล้าน แต่ก็สร้างความกังวลได้ แต่บ้านของใจหรือความรู้สึกตัวนั้น ไม่มีอะไรที่จะทำให้เรากังวลเลย อย่แล้วมีแต่ความสบายใจ มีแต่ความโปร่งเบา

บ้านนี้เราจะพบได้ก็ด้วยการมีสติ สติทำให้เราไม่ลืมตัว ทำให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ทำให้จิตกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา

ความรู้สึกตัว ภาษาบาลีเรียกว่า “สัมปชัญญะ” สติและ สัมปชัญญะนั้นคู่กัน สติคือไม่ลืม สัมปชัญญะคือไม่หลง ไม่หลง คือรู้ตัวหรือรู้สึกตัว เราจะเกิดภาวะนี้ได้ ก็ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ วัดป่าสุคะโตมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สถาบันสติปัฏฐาน” คือเป็นสถานที่ที่จะช่วยให้เรารู้วิธีเข้าถึงสิ่งประเสริฐของชีวิต

พระพุทธเจ้าตรัสว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นทางเอกที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้น คำว่าทางเอก ภาษาบาลีเรียกว่า “เอกายโนมัคโค” แปลอีกอย่างว่า ทางตรงสู่ความพ้นทุกข์ ส่วนทางที่ไม่ตรง แต่ไปถึงเหมือนกัน อาจจะช้าหน่อย เช่น การให้ทาน การรักษาศีล

พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 17, 2018, 04:16:49 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload69/jgd1gpVnhm9I.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=699571&s=jgd1gpVnhm9I)


“ความทุกข์”เปรียบเสมือนการแบกหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเอาไว้ ระหว่างทางปากเราก็บ่นว่าหนัก พยายามเรียกหาคนช่วย บนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำสารพัดวิธีเพื่อหวังให้สบายขึ้น แต่สิ่งเดียวที่เราไม่ทำคือ วางหินก้อนนั้นลง เมื่อรู้สึกหนักจึงทำให้เราเกิดทุกข์ แต่สิ่งที่ทำให้เราทุกข์นั้นกลับไม่ใช่หิน แต่เป็นเพราะการแบกหินดังนั้นวิธีที่จะทำให้เราหลุดพ้นได้คือ“วางมันลง”

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 06, 2018, 01:21:33 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload79/KOO2lINCDJ4X.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=799722&s=KOO2lINCDJ4X)


คุณป้าคนหนึ่งไม่สบายไปหาหมอหลายครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นอะไร วันหนึ่งหมอบอกว่าป้าเป็นมะเร็งตับนะ อยู่ได้ไม่เกิน ๓ เดือน ป้าตกใจมาก กลับบ้านก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งตื่นตระหนกและหมดอาลัยตายอยากในชีวิต อยู่ได้แค่ ๑๒ วันก็ตาย อย่างนี้เรียกว่าตายเร็วเพราะวิตกกังวลสารพัด บางคนป่วยเป็นมะเร็ง หมอบอกว่าอยู่ได้ ๓ เดือน แต่อยู่ได้ ๓-๕ ปีก็มี ดังนั้นความเจ็บป่วยนั้นมันไม่ใช่เรื่องของกายอย่างเดียว ใจก็สำคัญด้วย หากวิตกกังวลแทนที่จะมีสติ ปล่อยให้ใจฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานา ก็จะตายเร็ว ถ้าไม่อยากตายเร็ว ก็ควรหันมาปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรม ส่วนหนึ่งก็เพื่อฝึกจิตเพื่อให้มีสติและปัญญา ปฏิบัติธรรมเพื่อรักษาจิต ดูแลใจไม่ให้ปรุงแต่ง ไม่เผลอรับคำเชิญของสิ่งต่าง ๆ ที่มาชวนให้เป็นทุกข์ กายป่วยแต่ใจไม่ป่วยก็ได้ ทรัพย์สมบัติสูญเสียไป ใจไม่เสียศูนย์ก็ได้ คนรักตายจากไปแต่ใจเป็นปกติก็ทำได้เช่นกัน ถ้าเราปฏิบัติธรรมจนเกิดปัญญา แม้มีสิ่งร้าย ๆ มากระทบ เราไม่เพียงปกติเท่านั้น แต่กลับจะเข้มแข็งกว่าเดิมด้วย

มีคุณแม่ท่านหนึ่งเล่าว่า หลายปีก่อน ลูกชายขอไปเรียนต่อที่อินเดีย เขาเป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบสูง แม่จึงอนุญาตให้ไป แต่ไปอินเดียได้ไม่กี่เดือนลูกก็เกิดอุบัติเหตุจมน้ำตาย แม่เศร้าโศกเสียใจมาก และรู้สึกผิดด้วย เอาแต่โทษตนเองว่าทำให้ลูกตาย เธอเสียศูนย์มาก ทำการทำงานไม่ได้เลย แทบไม่เป็นผู้เป็นคน ต่อมามีคนชวนให้เธอไปปฏิบัติธรรม เมื่อได้มีโอกาสฟังธรรม จึงเข้าใจว่า แต่ละคนมีกรรมเป็นของตน และได้ตระหนักว่า ความตายและการสูญเสียพลัดพรากเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้คลายความเศร้า ขณะเดียวกันเมื่อได้เจริญสติ เวลามีความรู้สึกผิดเกิดขึ้น ก็ดูมัน ไม่กดข่มผลักไสมัน ในที่สุดความรู้สึกผิดก็ไม่มารบกวนจิตใจต่อไป ทำให้จิตใจมีความสงบเย็น เป็นความสุขที่ไม่เคยประสบมาก่อน

การปฏิบัติธรรมทำให้คุณแม่ท่านนี้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ เข้มแข็งและมีความสุขกว่าเดิม เธอบอกว่าขอบคุณความตายของลูกที่ทำให้แม่เห็นธรรมะ อย่างนี้เรียกว่าเปลี่ยนร้ายกลายมาเป็นดี จะทำอย่างนั้นได้ต้องอาศัยธรรมะ หลายคนเข้าหาธรรมะเพราะเป็นมะเร็ง เพราะกลัวตาย แต่พอมาสนใจธรรมะ จึงรู้ว่าความเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องร้ายเสมอไป อีกทั้งสมาธิภาวนายังทำให้พบความสุขสงบเย็นอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน

การปฏิบัติธรรมหรือการทำบุญ ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเราจะไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่เจอความพลัดพราก สูญเสีย บางคนทำบุญสม่ำเสมอมาตลอด วันหนึ่งเป็นมะเร็ง ก็ตัดพ้อต่อว่า ทำไมฉันเป็นมะเร็ง ทั้งที่ทำบุญมาตลอดชีวิต ?

การรักษาศีลและทำบุญ ทำให้เกิดสุขก็จริง แต่ก็ป้องกันความทุกข์ได้ระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับป้องกันได้ทั้งหมด ถ้าเราถือศีล ๕ ไม่กินเหล้า เรามีสติสัมปะชัญญะ ก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุกับเราง่าย ๆ โอกาสที่จะขับรถชนต้นไม้หรือแหกโค้งจนพิการมีน้อยมาก แต่บางครั้งอาจจะมีรถคันอื่นแล่นมาชนรถเราได้เหมือนกัน

ประมาณ ๔๐ ปีก่อน เกิดไฟไหม้ใหญ่ที่กลางเมืองสุรินทร์ ผู้คนสิ้นเนื้อประดานับพัน บางคนตัดพ้อว่าทำบุญมามาก ทำไมบุญไม่รักษา ธรรมไม่คุ้มครอง บางคนเสื่อมศรัทธาในการทำบุญทำทานไปเลย ถึงกับบอกว่าจะไม่เข้าวัดแล้ว หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เจ้าอาวาสวัดบูรพาราม ซึ่งอยู่กลางเมืองสุรินทร์ ได้ยิน จึงพูดเตือนสติว่า “ไฟมันทำตามหน้าที่ของมัน ธรรมะไม่ได้ช่วยใครในลักษณะนั้น หมายความว่า ความอันตรธาน ความวิบัติ ความเสื่อมสลาย ความพลัดพรากจากกัน สิ่งเหล่านี้มันมีประจำโลกอยู่แล้ว ทีนี้ผู้มีธรรมะ ผู้ปฏิบัติธรรมะ เมื่อประสบกับภาวะเช่นนั้นแล้ว จะวางใจอย่างไรจึงไม่เป็นทุกข์ อย่างนี้ต่างหาก ไม่ใช่ธรรมะช่วยไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว ไม่ให้ไฟไหม้ ไม่ใช่อย่างนั้น”

คนที่ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมจะไม่คาดหวังว่าเหตุร้ายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับตน เพราะเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เขาจะสนใจว่า ว่าทำอย่างไรใจจึงจะไม่เป็นทุกข์เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 06, 2018, 01:24:08 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload79/fA8wVLMbnFs3.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=799724&s=fA8wVLMbnFs3)



ร่างกายของเรามีสองสภาวะคือ ตื่น กับ หลับ จิตใจของเราก็มีสองสภาวะเช่นกัน คือ รู้ กับ หลง ในยามปกติคนเราตื่นมากกว่าหลับ แต่จิตใจนั้นกลับหลงมากกว่ารู้ เช่น หลงอยู่ในอดีตหรืออนาคต โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ในปัจจุบัน การหลับนั้นเป็นประโยชน์แก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายได้พักผ่อน หายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่ความหลงนั้นเป็นโทษแก่เราอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อหลงอยู่ในความคิดหรืออารมณ์ที่เป็นอกุศล ไม่เพียงทำให้เราจมในความทุกข์จนไถ่ไถ่ถอนไม่ขึ้นแล้ว ยังเป็นเหตุให้เราสร้างความทุกข์แก่ผู้อื่น เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจตามมา

กล่าวได้ว่าความทุกข์ใจของผู้คนทุกวันนี้เกิดจากความหลงเป็นสำคัญ ความโกรธ เกลียด เศร้า วิตก กังวล เครียด จึงสามารถครอบงำ เผาลน และทิ่มแทงจิตใจได้ ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งหลง และยิ่งหลงก็ยิ่งทุกข์ แต่เมื่อใดที่มีสติ รู้สึกตัวขึ้นมา ใจก็หลุดจากอารมณ์เหล่านั้นทันที การนำความรู้สึกตัวมาแทนที่ความหลง เป็นหนทางออกจากทุกข์ ที่ทุกคนทำได้ ความรู้สึกตัวนี้แหละเป็นพื้นฐานของการรู้ความจริงของกายและใจอย่างแจ่มแจ้ง เป็น “รู้” ที่จะทำลาย “หลง”ได้อย่างสิ้นเชิง จนไม่มีทุกข์หลงเหลือ

การฝึกฝนจิตใจให้รู้มาแทนหลง คือหนทางสู่ความพ้นทุกข์ แต่การที่เราจะรู้ได้ ก็ต้องหลงก่อน จะว่าไปแล้วหลงนั้นแม้เป็นโทษ แต่ก็มีประโยชน์ตรงที่หากเห็นมัน ความรู้ก็เกิดแก่เรา ดังที่หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณได้กล่าวในหนังสือเล่มนี้ว่า “ความหลงไม่ใช่ผิด มันเป็นความรู้ต่างหาก” นั่นคือความรู้ว่า หลงก็ไม่เที่ยง รวมทั้งรู้ว่า หลงมีอาการอย่างไร ต่างจากความรู้ตัวอย่างไร การรู้จักอาการของมัน ทำให้เรารู้เท่าทันเมื่อมันเกิดขึ้น ซึ่งช่วยให้ได้สติ และความรู้ตัวตามมา

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 06, 2018, 01:30:00 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload79/9PFhSKTOq6LD.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=799726&s=9PFhSKTOq6LD)



มีนักธุรกิจหญิงคนหนึ่งเป็นโรคหัวใจ ต้องผ่าตัด เมื่อเธอขึ้นไปบนเตียงผ่าตัดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้สั่งเสียธุระเรื่องหนึ่งกับลูกน้อง เป็นเรื่องสำคัญเสียด้วย ต้องรีบสั่งเสีย เพราะไม่รู้ว่าการผ่าตัดครั้งนี้เธอจะรอดหรือไม่

ความวิตกกังวลทำให้เธอไม่ยอมสลบทั้ง ๆ ที่หมอวางยาสลบแล้ว ยาสลบทำอะไรเธอไม่ได้เลย หมอก็แปลกใจว่าทำไมไม่สลบ จนกระทั่งเธอขอยืมโทรศัพท์มือถือจากหมอ พอสั่งเสียลูกน้องจนเสร็จ เธอก็สลบไปเลย แล้วก็ผ่าตัดได้สำเร็จเรียบร้อย

ถ้าจิตของคนเรามีความกังวล ไม่ปล่อย ไม่วาง บางครั้งยาก็เอาไม่อยู่ ร่างกายจะตื่นอยู่ตลอดเวลา แต่พอเสร็จธุระ ความกังวลหมดไป กายก็สลบ ชี้ให้เห็นว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว

ถ้าหากว่าเราไม่หมั่นฝึกจิต หรือดูแลใส่ใจจิตของเรา จิตก็สามารถที่จะอาละวาด หรือซ้ำเติมเราได้ เพราะมันมีพลัง อะไรก็ไม่สามารถต้านทานได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากเราฝึกใจให้ดี ก็อาจทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อได้เหมือนกัน

คุณหมอสุมาลี นิมมานนิตย์ เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญโรคไตของศิริราช ท่านเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ท่านเล่าว่ามีคนไข้อยู่คนหนึ่ง ป่วยเป็นโรคพุ่มพวง หรือโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง(SLE) คือภูมิต้านทานมันทำอวัยวะตัวเอง เรียกง่าย ๆ ว่าร่างกายไม่เป็นมิตรกับตัวเอง

ตอนอายุสิบสองเคยถูกหมอคนหนึ่งฉีดยาที่ไขสันหลัง หมอคงมือหนัก และอาจจะไม่มีจิตวิทยา ทำให้เด็กเจ็บมาก เจ็บจนเกลียดหมอและกลัวเข็มฉีดยา ถึงกับด่าหมอและร้องกรี๊ดจนชัก เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง บางครั้งก็หมดสติไปเลย

ต่อมาแม่พาเธอไปรักษาที่ศิริราช ได้รู้จักกับคุณหมอสุมาลี คุณหมอพูดคุยกับเธอ จนเกิดความคุ้นเคย เช่น ไต่ถามเธอว่าร้องไห้เรื่องอะไร โกรธใคร มีเรื่องเครียดหรือไม่ เวลาเด็กตอบว่าฝันร้าย คุณหมอก็ให้เด็กวาดรูปให้ดู สิ่งที่คุณหมอทำคือช่วยให้เด็กกลับมาดูความรู้สึกของตัว และเข้าใจความกลัวของตัว

พอเธอโตขึ้นคุณหมอก็สอนวิธีเดินจงกรม แล้วพาไปเข้าคอร์สเจริญสติ หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกดีขึ้น ไม่เครียด ความดันไม่ขึ้น และไม่กลัวเข็มฉีดยา เวลาฟอกไต ต้องใช้เข็มขนาดใหญ่กว่าตะปู เธอก็นิ่งมาก มองเข็มโดยไม่มีอาการอะไร แถมยังกำหนดลมหายใจจนหลับไป จากเด็กที่กลัวเข็มจนเป็นลม ตอนหลังก็สามารถดูเข็มฉีดยาแทงเข้าร่างกายตัวเองได้

เมื่อถึงวันที่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนไต ปรากฏว่าเธอแพ้ยาระงับปวดอย่างหนักจนอาเจียน แผลระบม หมอไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่เธอบอกว่า ไม่เป็นไรหมอ ขอยาพาราหนึ่งเม็ด เธอกินพาราเสร็จก็กำหนดลมหายใจเข้าออกจนหลับไป ปรากฏว่าหมอสามารถผ่าตัดต่อไปได้จนสำเร็จ โดยไม่มีเสียงร้องเจ็บจากเธอเลย หมออัศจรรย์ใจมาก กลายเป็นกรณีศึกษาว่าอำนาจจิตมีพลังมาก ถ้าใช้ให้เป็น ก็สามารถช่วยให้เราอยู่กับความเจ็บปวดได้ โดยไม่มีอาการทุกข์ทรมาน

จิตนั้นมีพลังมาก อยู่ที่ว่าเราจะใช้ไปทางไหน ถ้าปล่อยจิตให้จมอยู่กับความกลัว ความตื่นตระหนก มันก็สามารถทำให้เราตายได้ง่าย ๆ เพราะว่าร่างกายแย่ลงจนไม่ทำงาน ถ้ามีความกังวล ยาก็เอาไม่อยู่ แต่ถ้ามีความสงบ มีสมาธิ มีสติ กายเจ็บแค่ไหน จิตก็เอาอยู่ จิตนั้นมีพลัง สามารถทำให้กายซึ่งท้อแท้หรือปวกเปียก กลับมามีพลังขึ้นมาได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 06, 2018, 01:33:26 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload79/mrUxgd40VBve.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=799727&s=mrUxgd40VBve)


ชั่วชีวิตของคนเรา มีวิชามากมายที่ต้องเรียนรู้ มิใช่เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่ยังเพื่อความเจริญก้าวหน้าและผาสุก วิชาเหล่านี้เปิดสอนทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย โดยมีการวัดผลอย่างจริงจัง แต่มีวิชาหนึ่งที่มักถูกละเลย และแทบไม่มีสอนในสถาบันการศึกษาใด ๆ นั่นคือ วิชาชีวิต

มีวิชามากมายที่เรียนอย่างหน้าดำคร่ำเครียดในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ครั้นสอบผ่านแล้วหลายคนแทบไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์เลย แต่วิชาชีวิตนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตลอดเวลา วิชามากมายเรียนแล้วช่วยให้ร่ำรวยมีสถานภาพทางสังคม แต่ไม่ได้ช่วยแก้ทุกข์ได้เลย ไม่ว่ายามเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกต่อว่าด่าทอ สูญเสียคนรัก หรือล้มป่วย ในขณะที่วิชาชีวิตนั้นช่วยให้เราก้าวข้ามปัญหาชีวิตไปได้ด้วยดี แม้ประสบกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิต จิตก็ยังเป็นปกติสุขอยู่ได้

วิชาชีวิตช่วยให้เราไม่จมทุกข์ หรือซ้ำเติมตนเองยามประสบปัญหา ขณะเดียวกันก็ไม่หลงระเริงในลาภยศและความสำเร็จ มีภูมิคุ้มกันรักษาใจไม่ให้อารมณ์อกุศลครอบงำ และสามารถเป็นสุขได้ในทุกหนแห่ง เมื่อพลัดพรากก็ไม่เศร้าโศกเสียใจ เมื่อสูญเสียก็ไม่ตีอกชกหัว เมื่อเจ็บป่วยก็ไม่คร่ำครวญ และเมื่อจะตายก็ไม่พรั่นพรึง

วิชาชีวิตนั้นเรียนได้จากประสบการณ์ชีวิต โดยมีปัญหาต่าง ๆ เป็นทั้งการบ้านและบททดสอบ โดยมีความตายเป็นการสอบไล่ ชนิดที่ไม่มีการแก้ตัว หากสอบตกก็ทุรนทุรายก่อนตายโดยมีอบายเป็นที่หมาย หากสอบได้ก็จากไปอย่างสงบและเข้าถึงสุคติ น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยพากันสอบตก เพราะไม่คิดว่าจะมีการสอบไล่ชนิดนี้รออยู่ จึงมิได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย หรือหนักกว่านั้นคือไม่คิดว่ามีวิชาชีวิตที่ต้องเรียนเลยด้วยซ้ำ ทั้งชีวิตจึงปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป แต่ผู้มีปัญญานั้นย่อมตระหนักเสมอว่า ชีวิตนี้มีขึ้นเพื่อการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่สำคัญคือวิชาชีวิต ดังนั้นจึงหมั่นศึกษาหาบทเรียนจากวิชานี้อยู่เสมอ รางวัลที่ได้คือเมื่อยังมีลมหายใจก็เป็นสุขในทุกที่ ครั้นวาระสุดท้ายมาถึงก็พร้อมรับความตายด้วยใจสงบ



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 06, 2018, 01:36:08 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload79/Qw5py7HXDvAW.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=799729&s=Qw5py7HXDvAW)


รู้ใจตัวเอง

เวลาเรามีเพื่อนเราก็อยากได้เพื่อนที่รู้ใจ
เวลาเราทำงาน ก็อยากได้ลูกน้องที่รู้ใจ
รวมทั้งเวลาเรามีแฟนมีคู่ครอง ก็อยากได้แฟนหรือคู่ครองที่รู้ใจ
เวลาเรามีความทุกข์ เราก็อยากให้คนเห็นใจเรา

แต่ว่าเราเคยถามตัวเราเองหรือเปล่าว่า
ที่เรียกร้องให้ใครมารู้ใจ ให้ใครมาเห็นใจ
แล้วตัวเราเอง เคยคิดจะรู้ใจตัวเองบ้างไหม
เคยคิดจะเห็นใจตัวเองบ้างหรือเปล่า

มันยากนะ ไม่รู้ใจตัวเอง แต่ว่าจะไปเรียกร้อง แสวงหา
หรือว่าไปกะเกณฑ์ให้ใครต่อใครมารู้ใจหรือเห็นใจเรา

อะไรที่ยากกว่ากัน ระหว่างคนข้างนอกที่มารู้ใจเรา
หรือตัวเราเองที่รู้ใจตัวเอง อะไรที่มันเป็นไปได้ง่ายกว่ากัน

ส่วนใหญ่เวลาบอกว่าอยากให้คนอื่นมารู้ใจเรา
ก็มักจะหมายความว่า เค้ารู้ความตองการของเรา
รู้ว่าจะปรนเปรอตอบสนองความต้องการของเราอย่างไร
อันนั้นก็ดีอยู่

แต่สิ่งที่เราควรทำให้ได้ เวลารู้ใจตัวเอง
รู้ทันความรู้สึกนึกคิดของตัว
เวลาเราโกรธ เราเคยรู้ใจตัวเองไหมว่ากำลังโกรธ
เวลาเราเกลียดเรารู้ทันความเกลียดในใจเราไหม
เวลาเราเบื่อ เราเศร้า เราเคยรู้ทัน ความเบื่อ ความเศร้า
ทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้นอยู่กลางใจเราหรือเปล่า

รู้ใจแบบนี้ที่สำคัญกว่าการกะเกณฑ์ให้ใครมารู้ใจเรา



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 06, 2018, 01:39:15 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload79/Bi2wp8vnWVYr.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=799734&s=Bi2wp8vnWVYr)


สังเวชนียสถาน ๔ แห่งในประเทศอินเดีย เป็นจุดหมายที่ชาวพุทธไทยจำนวนไม่น้อยนิยมไปเยือน เพราะถือว่าเป็นการจาริกที่ได้บุญมาก หลายคนนอกจากตั้งใจไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ครั้งหนึ่งพระบรมศาสดาเคยประทับและบำเพ็ญศาสนกิจแล้ว ยังเตรียมเงินไปทำบุญตามรายทาง เช่น ทอดผ้าป่าถวายวัดไทย ถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ และที่ขาดไม่ได้คือ บริจาคเงินแก่ขอทาน ซึ่งต่างนิยมชมชื่นชาวไทยมาก เพราะมีกิตติศัพท์ว่าใจบุญสุนทาน เวลาเจอคณะชาวไทยก็จะพากันรุมล้อม โดยเฉพาะอุบาสิกา ที่มีอายุสักหน่อย วณิพกอินเดียจะเรียกว่า “มหารานี”เลยทีเดียว

หญิงไทยสูงวัยผู้หนึ่ง ก็เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมคณะ เมื่อเห็นขอทานมารุมล้อม ก็ยื่นเงินรูปีให้คนละ ๑๐ รูปีบ้าง ๒๐ รูปีบ้างด้วยความยินดี อย่างไม่คิดเสียดายเงิน จากนั้นก็เข้าไปสักการะพระเจดีย์พุทธคยาและต้นพระศรีมหาโพธิ์ เสร็จแล้วก็ออกมาซื้อของที่ระลึก ซึ่งแม่ค้าพากันเอามาขาย ของแต่ละชิ้น ราคาไม่แพง แต่เธอก็ไม่ยอมซื้อง่าย ๆ ต่อแล้วต่ออีก แม้ราคาที่แม่ค้าบอกขายจะต่างจากราคาที่เธอต่อรองเพียงแค่ ๑๐ รูปีเธอก็ไม่ยอม มีโอกาสเมื่อใด เธอจะกดราคาให้ต่ำเท่าที่จะต่ำได้

พระรูปหนึ่งซึ่งร่วมคณะเดียวกับเธอ สงสารแม่ค้า จึงพูดเตือนสติหญิงไทยผู้นี้ว่า “โยม เวลาเจอขอทาน โยมควักเงินให้เขาทันที แต่พอมีแม่ค้าเอาของมาขาย โยมกลับกดราคาเขา จนเขาแทบไม่ได้กำไรเลย โยมรู้ไหมถ้าเขาเจอแบบนี้บ่อย ๆ เขาคงอยากไปเป็นขอทานมากกว่า เพราะได้เงินง่ายโดยไม่ต้องเหนื่อย”

คำทักท้วงของพระรูปนี้ไม่ได้เตือนสติหญิงสูงวัยผู้นี้คนเดียว แต่เตือนใจคนไทยที่ไปแสวงบุญที่อินเดียได้เป็นอย่างดี ข้อที่น่าคิดก็คือ ทำไมอุบาสิกาท่านนี้ใจดีกับขอทาน แต่ตระหนี่กับแม่ค้า ทั้ง ๆ ที่สารรูปของทั้ง ๒ คนก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร ใช่หรือไม่ว่า เป็นเพราะอุบาสิกาท่านนี้เห็นว่าการให้เงินแก่ขอทาน เป็นการทำบุญ ซึ่งจะมีอานิสงส์ให้ตนประสบโชคลาภ หรือมีความสุขความเจริญในภายภาคหน้า ดังนั้นจึงยินดีให้โดยไม่คิดมาก ส่วนการจ่ายเงินให้แม่ค้านั้น เธอมองว่าเป็นเรื่องการซื้อขายแลกเปลี่ยน จึงคิดแต่เพียงว่า ทำอย่างไรจะเสียเงินให้น้อยที่สุด โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่า การทำเช่นนั้นคือการผลักไสให้คนเหล่านั้นไปเป็นขอทาน

อันที่จริงถ้าตั้งใจจะทำบุญจริง ๆ การซื้อของจากแม่ค้าในราคาที่สมเหตุสมผล ให้เขาได้กำไรพอสมควร ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งได้เช่นกัน คนที่ควรได้รับเมตตาจากเราไม่ใช่มีแค่ขอทานเท่านั้น พ่อค้าแม่ค้าก็สมควรได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคนที่ยากจน มีฐานะต่ำต้อยกว่าเรา

พฤติกรรมของหญิงไทยผู้นี้ สะท้อนทัศนะของชาวพุทธไทยจำนวนไม่น้อย ที่มองว่า การทำบุญหมายถึงการให้เงินแก่พระสงฆ์หรือขอทานเท่านั้น ส่วนการช่วยเหลือคนในรูปแบบอื่น เช่น ซื้อสินค้าในราคาที่ช่วยให้เขาอยู่ได้ สามารถประกอบสัมมาอาชีวะได้ต่อไป ไม่ใช่การทำบุญ

แรงจูงใจอย่างหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการทำบุญของชาวพุทธจำนวนไม่น้อย ก็คือ อยากได้รับอานิสงส์ที่เป็นความสุขความเจริญ หรือโชคลาภในภายภาคหน้า ดังนั้นเวลาทำบุญ จึงไม่เสียดายเงิน เพราะถือว่าเป็น “การลงทุน”อย่างหนึ่ง แต่หากจ่ายเงินแล้วไม่มีอานิสงส์ดังว่ากลับคืนมา ก็จะคิดแล้วคิดอีก หรือจ่ายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหญิงไทยผู้นี้จึงต่อแล้วต่ออีก แม้แต่ ๑๐ รูปีก็ไม่อยากจ่ายเพิ่ม

การทำบุญนั้นจุดหมายสำคัญก็เพื่อลดความตระหนี่ บรรเทาความเห็นแก่ตัว หรือลดความยึดติดถือมั่น หากเราทำบุญเพื่อจะได้นั่นได้นี่เพื่อตัวเอง โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางวัตถุ ความโลภหรือความเห็นแก่ตัวจะลดลงได้อย่างไร การทำเพราะนึกถึงผู้อื่น อยากช่วยเหลือผู้อื่น โดยนึกถึงตัวเองแต่น้อย หรือไม่นึกถึงเลยต่างหาก เป็นการทำบุญอย่างแท้จริง

นี้คือบุญที่เราควรทำอย่างยิ่งเมื่อไปจาริกแสวงบุญไม่ว่าที่สังเวชนียสถานหรือที่ใดก็ตาม และหากทำเป็นประจำในชีวิตประจำวัน ก็ยิ่งน่าอนุโมทนา

พระไพศาล วิสาโล




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 06, 2018, 01:43:38 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload79/mj0BOc3bdubZ.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=799735&s=mj0BOc3bdubZ)


ครั้งหนึ่งเคยมีความคิดในหมู่นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำว่า มนุษย์สามารถเอาชนะเชื้อโรคทั้งหลายได้ สักวันหนึ่งจะไม่มีใครล้มป่วยเพราะโรคติดเชื้ออีกต่อไป แต่มาถึงทุกวันนี้ก็เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า นั่นเป็นความฝัน เชื้อโรคจะต้องอยู่คู่กับมนุษย์เราไปตลอดกาล มิใช่อยู่รอบตัวเราเท่านั้น หากยังอยู่ในตัวเราด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อป้องกันมิให้ล้มป่วยก็คือ การสร้างภูมิคุ้มกันโรค

ภูมิคุ้มกันโรคเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็มาจากการที่ร่างกายของเราได้รับเชื้อโรคจากภายนอก หากเป็นเชื้อโรคที่ไม่แรงถึงกับทำให้ตาย ร่างกายเราจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคนั้น ๆ ขึ้นมา ทำให้ไม่ป่วยหากเชื้อโรคนั้นเข้ามาในร่างกายอีก การฉีดวัคซีนมิใช่อะไรอื่น หากเป็นการฉีดเชื้อโรคอ่อน ๆ หรือเชื้อที่ตายแล้ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายของเรานั่นเอง

เชื้อโรคฉันใด ความทุกข์ก็ฉันนั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราที่ไม่อาจหนีพ้นได้ ไม่ว่าเราจะมีเทคโนโลยีล้ำหน้า มีความมั่งคั่งและอำนาจยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องเจอความทุกข์อยู่นั่นเอง ดังนั้นแทนที่จะคิดหนีความทุกข์ (ซึ่งเป็นไปไม่ได้) เราจึงควรหาทางรับมือกับความทุกข์ วิธีหนึ่งก็คือ สร้างภูมิคุ้มกันความทุกข์ขึ้นมาในจิตใจ

ชีวิตที่มีแต่ความสะดวกสบาย ได้ทุกอย่างที่ปรารถนา ไม่รู้จักความผิดหวังนั้น ดูเหมือนเป็นชีวิตที่น่าอิจฉา แต่แท้จริงเป็นชีวิตที่เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง เพราะขาดภูมิคุ้มกันความทุกข์ หากวันใดพบกับความผิดหวังหนัก ๆ ก็อาจเสียศูนย์ หรือถึงกับฆ่าตัวตาย เคยมีมาแล้วที่คนเรียนดีตั้งแต่เล็กจนโตแต่สุดท้ายกลับฆ่าตัวตายเพราะทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกไม่สำเร็จ หรือลูกที่พ่อแม่เลี้ยงดูอย่างประคบประหงมกลับฆ่าตัวตายเมื่ออกหัก ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือคอขาดบาดตาย แต่เป็นเพราะไม่มีภูมิคุ้มกันความทุกข์มาก่อน จึงโดนความทุกข์ท่วมทับจนไม่เห็นทางออกอย่างอื่นนอกจากความตาย

ดังนั้นใครที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอ มีชีวิตราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ จึงไม่ควรด่วนดีใจว่าเป็นคนมีโชค เพราะนั่นอาจเป็นเคราะห์ที่แฝงมาในรูปของโชคก็ได้ ส่วนคนที่เจออุปสรรคและความยากลำบากเป็นนิจ ก็อย่าน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ลองสำรวจให้ดีก็จะพบว่าความทุกข์ให้สิ่งดี ๆ แก่คุณ อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณอดทนมากขึ้น และไม่กลัวความยากลำบาก

นักธุรกิจคนหนึ่งเป็นผู้ที่กลัวความล้มเหลวอย่างมาก ไม่ว่าลงทุนอะไร จะเลือกแต่กิจการที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด แม้เป็นกิจการที่ตนไม่ชอบก็ตาม จึงทำงานอย่างไม่ค่อยมีความสุข แล้ววันหนึ่งกิจการของตนก็ประสบปัญหา ขาดทุนอย่างหนัก จนต้องเลิกกิจการ แม้เขาจะเสียใจ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาพบก็คือ ความล้มเหลวนั้นไม่ได้เลวร้ายน่ากลัวอย่างที่เขาคิด ฟ้ายังไม่ถล่ม แผ่นดินยังไม่ทลาย นับแต่นั้นเขาก็ไม่กลัวความล้มเหลวอีกเลย เขากล้าเสี่ยงกล้าลงทุนมากขึ้น ทำให้มีความสนุกกับการทำงานอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ความล้มเหลวนั้นมีประโยชน์อย่างหนึ่ง ก็คือ ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันความล้มเหลว ไม่เสียศูนย์ง่าย ๆ เมื่อเจอมันอีก สามารถปรับใจรับมือกับมันได้ดีขึ้น พูดอีกอย่างก็คือ ทำให้มันมีอิทธิพลในทางลบต่อเราน้อยลง นี้ก็เช่นเดียวกับสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบกับเรา แม้ไม่น่าพึงพอใจ แต่การที่ได้เจอมันบ่อย ๆ หรือเจอมันนาน ๆ ก็ทำให้เราเป็นทุกข์กับมันน้อยลง



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 08, 2018, 12:04:44 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/u4iKgdDsHNq7.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=801161&s=u4iKgdDsHNq7)



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/a6uQyyN1uLZD.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=801173&s=a6uQyyN1uLZD) อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์ (https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/a6uQyyN1uLZD.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=801173&s=a6uQyyN1uLZD)


ใคร ๆ ก็รักสุขเกลียดทุกข์ แต่ไม่ว่าจะเกลียดทุกข์แค่ไหน ก็ไม่มีใครหนีทุกข์พ้น ถึงจะร่ำรวยและ ยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องประสบกับความสูญเสียพลัดพรากทั้งของรักและคนรัก เก่งเพียงใด ก็ต้องเจอกับคำวิพากษ์วิจารณ์ และความล้มเหลว แข็งแรงเพียงใด ในที่สุดก็ต้องล้มป่วย อายุยืนเพียงใด สุดท้ายก็ต้องตายกันทุกคน

ในเมื่อทุกข์เป็นสิ่งที่เราหนีไม่พ้น เราจึงควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์ให้ได้ ไม่ใช่คิดแต่จะหนีทุกข์ให้ไกลที่สุด หรือมุ่งควบคุมบงการให้ทุกสิ่งเป็นไปดั่งใจ จริงอยู่การเตรียมป้องกันและบรรเทาเหตุร้าย เป็นสิ่งที่ควรต้องทำ แต่นอกจากการ “ทำกิจ”ดังกล่าวแล้ว การ “ทำจิต” ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะไม่ว่าพยายามป้องกันเพียงใด ในที่สุดเหตุร้ายก็ย่อมเกิดขึ้นจนได้ แม้พยายามดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ยังล้มป่วยจนได้ เพราะเป็นธรรมดาของสังขาร แต่ถึงเหตุร้ายจะเกิดขึ้น ยังมีอย่างหนึ่งที่เราทำได้และควรทำอย่างยิ่งนั่นคือ รักษาใจไม่ให้ทุกข์ กล่าวคือแม้ป่วยกายแต่ใจไม่ป่วย แม้สูญเสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสียศูนย์ แม้งานล้มเหลวแต่ใจยังตั้งมั่นเป็นปกติ

เมื่อเจอทุกข์ อย่างแรกที่ควรทำก็คือ การยอมรับ กล่าวคือ ไม่ผลักไส ปฏิเสธ หรือตีโพยตีพาย โวยวายคร่ำครวญ เพราะการทำเช่นนั้นมีแต่จะเพิ่มทุกข์ให้แก่เรา นั่นคือทุกข์ใจ แต่ทันทีที่เรายอมรับได้ หยุดบ่น หยุดโวยวาย ใจก็จะกลับมาเป็นปกติ ทำให้สมองโล่ง สามารถนำปัญญามาใช้แก้ทุกข์ให้ลุล่วง หรือแก้ปัญหาให้เบาบางลงได้

จะว่าไปแล้ว อะไรเกิดขึ้นกับเรา ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกหรือมีท่าทีกับมันอย่างไร เจอเหตุร้าย แต่ใจยอมรับได้ หรือรู้จักมองบวก คือ หาประโยชน์จากมัน รวมทั้งมองว่ามันเป็นธรรมดาของชีวิตและโลก รู้จักปล่อยวางได้ ใจก็ไม่เป็นทุกข์ ในทางตรงข้ามแม้เจอโชคลาภ แต่ไม่รู้จักพอ อยากได้มากกว่านั้น หรือเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ได้มากกว่า ใจกลับเป็นทุกข์ด้วยซ้ำ

พระไพศาล วิสาโล





(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)

(http://upic.me/i/4y/2ebe2.gif) (http://upic.me/show/3655007)   ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 08, 2018, 12:15:30 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/FHGDf15wBmfo.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=801177&s=FHGDf15wBmfo)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/a6uQyyN1uLZD.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=801173&s=a6uQyyN1uLZD)   ธรรมะจากดอกบัว  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/a6uQyyN1uLZD.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=801173&s=a6uQyyN1uLZD)


“เมื่อเห็นดอกบัวบาน ใจเราก็พลอย

เบิกบานไปด้วย และถ้าพิจารณาอีกสักนิด

ก็จะได้แง่คิดสำหรับชีวิตด้วย บัวนั้นถือกำเนิด

จากโคลนตม ถ้าไม่มีโคลนตม ก็ไม่มีดอกบัว

ใช่หรือ ไม่ว่าทุกข์กับธรรม แยกจากกันไม่ได้

ไม่มี ทุกข์ ก็ไม่พบธรรม เมื่อใดที่มี ความทุกข์

ก็ขอให้ตระหนักว่า นั่นคือโอกาสที่จะดอกบัว

จะเบ่งบานกลางใจเรา บัวเกิดในน้ำ แต่ก็สามารถ

เจริญเติบโตจนพ้นน้ำและชูดอกได้ อย่างสวยสด

งดงาม คนเราก็ เช่นกัน แม้จะเกิดท่ามกลางกิเลส

แต่ ก็สามารถยกจิตเหนือกิเลสได้


น้ำไม่อาจจับต้องใบบัวฉันใด เราก็พึงรักษาใจ

มิให้อกุศลและ ความทุกข์แปดเปื้อนฉันนั้น

ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว บัวจึงถูกเลือก

ให้เป็นสัญลักษณ์ ของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

หลุดพ้นจากกิเลสสิ้นเชิง ดังนั้นเมื่อเรา เห็นดอกบัว

ขอให้ถือดอกบัวเป็นครูที่สอนธรรมอันลึกซึ้งแก่เรา”

พระไพศาล วิสาโล



(http://upic.me/i/hg/1images5.jpg) (http://upic.me/show/61744711)

(http://upic.me/i/4y/2ebe2.gif) (http://upic.me/show/3655007)   ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 11, 2018, 05:45:26 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/PC4Snn8mPjbM.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=803148&s=PC4Snn8mPjbM)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/A7j2HtEZDqUW.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=803151&s=A7j2HtEZDqUW)  พบสุขที่ใจ  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/A7j2HtEZDqUW.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=803151&s=A7j2HtEZDqUW)


ใจที่มองเป็น เห็นถูก มีเมตตา เข้าใจความจริงของชีวิต และรู้จักปล่อยวาง คือใจที่เปี่ยมสุข สุขจึงมิใช่สิ่งที่ต้องดิ้นรนแสวงหาจากที่ใด หากวางใจให้เป็น ก็พบสุขได้ทันที ดังนั้นแทนที่จะมองออกไปนอกตัว ควรหันกลับมาที่ใจของตน ปรับจิตรักษาใจให้ดี ก็จะพบความสุข ดังพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า “จิตที่ฝึกไว้ดีแล้วนำสุขมาให้”

พระไพศาล วิสาโล


*----------------------------------------------------------------------------------------------------------------*

เสียงธรรมจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล

ใหม่และอัพเดตตลอด ปี ๒๕๖๑

ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลด

เสียงธรรมหลังทำวัตรเช้าเย็น

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/A7j2HtEZDqUW.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=803151&s=A7j2HtEZDqUW)  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/A7j2HtEZDqUW.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=803151&s=A7j2HtEZDqUW)  ===> https://drive.google.com/drive/folders/1yYy4OZR39_MEvuqEfrDHdHdJiUeDX3z-?usp=sharing

เสียงธรรมสั้นๆก่อนอาหารเช้า

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/A7j2HtEZDqUW.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=803151&s=A7j2HtEZDqUW)  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload80/A7j2HtEZDqUW.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=803151&s=A7j2HtEZDqUW)  ===> https://drive.google.com/drive/folders/150iSVnuXs_rrGSaaU0ggFPgw7lPQyt8N?usp=sharing



ที่มา : Facebook  Zen Sukato
https://www.facebook.com/profile.php?id=100009011159513 (https://www.facebook.com/profile.php?id=100009011159513)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 20, 2018, 06:52:13 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/5cDH2iWjmZEH.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=810371&s=5cDH2iWjmZEH)


ความตาย

เป็นเพราะเห็นความตายเป็นเรื่องน่าสะพรึงกลัว เราจึงไม่อยากนึกถึงความตายของตนเอง (แต่อาจสนใจอยากรู้ความตายของคนอื่น ทั้งโดยผ่านสื่อนานาชนิดและด้วยพฤติกรรม “ไทยมุง”) สุดท้ายก็เลยลืม (หรือแกล้งลืม)ว่าตนเองจะต้องตาย แต่ไม่ว่าจะปัดไปให้พ้นตัวเพียงใด ในที่สุดความตายก็ต้องมาถึงจนได้

ความตายนั้นเป็นบททดสอบที่สำคัญที่สุดของชีวิต บททดสอบอื่น ๆ นั้นเราสามารถสอบได้หลายครั้ง แม้สอบตกก็ยังสามารถสอบใหม่ได้อีก แต่บททดสอบที่ชื่อว่าความตายนั้น เรามีโอกาสสอบได้ครั้งเดียว และไม่สามารถสอบแก้ตัวได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบททดสอบที่ยากมาก และสามารถเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ทันได้ตั้งตัว เป็นบททดสอบที่เราแทบจะควบคุมอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าเวลา สถานที่ หรือแม้กระทั่งร่างกายและจิตใจของตนเอง

พระไพศาล วิสาโล





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 22, 2018, 06:38:57 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/bRGxyV3RgR1D.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=812072&s=bRGxyV3RgR1D)




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 25, 2018, 06:27:53 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/FQ1GYiCTnjH2.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=814339&s=FQ1GYiCTnjH2)



ในทัศนะของคนทั่วไป ความสุขของชีวิตอยู่ที่การมีหรือหามาได้มาก ๆ ไม่ว่าทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ อำนาจ ยิ่งมีมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นสุขมากเท่านั้น ความสำเร็จหรือความเจริญก้าวหน้าก็เช่นกัน วัดกันที่ตรงนั้น ถ้ามีเงินมากขึ้น มีรถยนต์เพิ่มขึ้น มีบ้านหลังใหญ่ขึ้น หรือมีตำแหน่งที่สูงขึ้น ก็ถือว่ามีความสำเร็จและเจริญก้าวหน้ามากกว่าเดิม

แต่ความสุขทางใจหรือความสุขทางธรรมนั้นสวนทางกับความสุขทางโลก คนเราจะพบกับความสุขทางใจได้ต่อเมื่อรู้จักลดละหรือสละออกไป เริ่มจากการสละหรือให้สิ่งของที่มีอยู่แก่ผู้อื่น เมื่อเราให้ทานหรือบริจาคข้าวของเงินทอง เราย่อมรู้สึกปีติยินดี โดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้รับมีความสุข เราก็พลอยมีความสุขด้วย คนที่คิดแต่จะเอาเข้าตัวอย่างเดียว จะไม่มีวันรู้จักความสุขชนิดนี้ เพราะถูกความเห็นแก่ตัวครอบงำ

การให้หรือสละสิ่งของนอกจากเป็นการลดความเห็นแก่ตัวแล้ว ยังเป็นการลดความยึดติดถือมั่นในทรัพย์ด้วย ยิ่งของนั้น ๆเป็นสิ่งที่เรารักหรือหวงแหนมากเท่าไร การสละออกไปก็ยิ่งทำให้ความยึดมั่นใน “ของกู”เบาบางลงมากเท่านั้น เป็นการฝึกฝนจิตใจให้รู้จักปล่อยวาง จึงช่วยให้เรามีความสุขใจได้ง่ายขึ้น เพราะหากมีเหตุให้ต้องสูญเสียทรัพย์ เราก็จะปล่อยวางได้รวดเร็ว ไม่มัวเศร้าโศกเสียใจหรือหวนหาอาลัย หรือเป็นทุกข์สองต่อ คือ นอกจากเสียของแล้ว ยังเสียอารมณ์อีกต่างหาก

นอกจากความยึดติดถือมั่นในทรัพย์แล้ว ความยึดติดในอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ความโกรธเกลียด ความคับแค้นข้องขัด ความน้อยเนื้อต่ำใจ ก็เป็นสิ่งที่ต้องลดละด้วยจึงจะทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง การลดละอย่างหลัง ทำไม่ได้ด้วยการให้ทาน แต่ต้องอาศัยวิธีการอื่น ได้แก่ การควบคุมกายวาจาไม่ให้ทำตามอำนาจของอารมณ์ และการฝึกจิตให้เป็นอิสระหรือปล่อยวางอารมณ์เหล่านั้นได้ วิธีการดังกล่าวก็คือ ศีล และ ภาวนา นั่นเอง

จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติธรรมหรือการทำบุญในพุทธศาสนา ล้วนเป็นไปเพื่อการลดละหรือสละวางสิ่งซึ่งก่อความข้องขัดในจิตใจ ซึ่งมีแก่นแกนอยู่ที่ความยึดติดถือมั่นในตัวตน หรือยึดมั่นว่าเป็น “ตัวกู ของกู” ความยึดติดถือมั่นดังกล่าวแสดงอาการออกมาในหลายรูปลักษณ์ เช่น อยากได้ไม่รู้จักพอ (ตัณหา) อยากใหญ่ใคร่เด่น(มานะ) และติดยึดในความเห็นของตน(ทิฏฐิ) ตราบใดที่ยังมีความยึดติดถือมั่นในตัวตนอย่างแน่นหนา ก็ยากจะมีความสุขใจได้ แม้มีวัตถุพรั่งพร้อมและมีอำนาจล้นแผ่นดินก็ตาม

ความสำเร็จทางโลกนั้นมุ่งที่การแสวงหาสิ่งต่าง ๆ มาครอบครองให้มากที่สุด สิ่งที่มักตามมาก็คือ ความยึดติดถือมั่นในตัวตนเพิ่มพูนมากขึ้น ทำให้เกิดความอยากได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่มีความสุขกับสิ่งที่มี ขณะเดียวกันก็เกิดความหลงตัวว่าเก่งและสูงเด่น รวมทั้งยึดมั่นในความเห็นของตนเหนียวแน่นกว่าเดิม ซึ่งมักนำไปสู่การวิวาทบาดหมางและทะเลาะวิวาท ดังนั้นจึงมักมีเรื่องร้อนใจอยู่เนือง ๆ สุขแต่กาย แต่ใจไม่เป็นสุข

ข้อธรรมคำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 25, 2018, 06:49:03 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/QDlp18lgrJIA.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=814340&s=QDlp18lgrJIA)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/UpcxAXD9l6sa.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=814341&s=UpcxAXD9l6sa)  มองเป็น ก็เห็นสุข  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/UpcxAXD9l6sa.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=814341&s=UpcxAXD9l6sa)

เรารู้จักพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ความสุขจะบังเกิดขึ้นทันที แทนที่จะเฝ้ามองสมบัติของคนอื่นว่าดีกว่าอย่างไร เราลองหันมาชื่นชมสิ่งที่เรามี เห็นข้อดีหรือประโยชน์ของสิ่งที่มีอยู่ ความพอใจก็จะเกิดขึ้น ความรุ่มร้อนก็จะหายไป แทนที่จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่เราไม่มี ทำไมไม่หาความสุขจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในขณะนี้

ถ้าวางใจได้อย่างนี้ แม้จะมีเพื่อนที่รวยกว่า เก่งกว่า ดังกว่า หรือสวยกว่า เราก็ไม่มีความทุกข์เลย ไม่มีทั้งความรู้สึกด้อยหรืออิจฉา กลับรู้สึกยินดีมีมุทาจิตด้วยซ้ำ อันที่จริงแล้วเมื่อหันมาใส่ใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ เราก็จะพบว่าเรายังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่น่าชื่นชม ซึ่งบางอย่างคนอื่นอาจไม่มีหรือมีไม่เท่าก็ได้ เช่น แม้จะมีเงินน้อยกว่า ตำแหน่งต่ำกว่า แต่เราก็มีสุขภาพดี มีครอบครัวที่อบอุ่น มีชีวิตที่ราบรื่น เพียงเท่านี้ก็น่าจะมีความสุขแล้วไม่ใช่หรือ ความสุขมีอยู่กับเราอยู่แล้วทุกขณะ อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือไม่เท่านั้น

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2018, 05:16:09 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/yTLs6Vnnv5op.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=819723&s=yTLs6Vnnv5op)



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/Sw3IkSl6DEAu.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=819730&s=Sw3IkSl6DEAu)  พรที่คู่ควรกับชีวิต  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/Sw3IkSl6DEAu.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=819730&s=Sw3IkSl6DEAu)

สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก จังหวัดอยุธยา เป็นพระที่มีผู้คนเคารพนับถือมาก หลายคนมาหาท่านเพราะได้ยินกิตติศัพท์ของท่านในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิปาฏิหาริย์ มีเรื่องเล่าว่า ชายผู้หนึ่งมาบวชที่วัดสะแกอยู่พักใหญ่ เมื่อจะลาสิกขาก็มาหาหลวงปู่เพื่อขอให้ท่านพรมน้ำมนต์และให้พร ขณะที่หลวงปู่พรมน้ำมนต์ให้ พระรูปนั้นตั้งจิตอธิษฐานในใจว่า “ขอความร่ำรวยมหาศาล ขอลาภขอผลพูนทวี มีกินมีใช้ ไม่รู้หมด จะได้แบ่งไปทำบุญมาก ๆ”

พอท่านอธิษฐานเสร็จ หลวงปู่ก็มองหน้าพร้อมกับพูดว่า

“ท่าน...ที่ท่านคิดน่ะมันต่ำ คิดให้มันสูงไว้ไม่ดีหรือ แล้วเรื่องที่ท่านคิดน่ะจะตามมาทีหลัง”

เมื่อพูดถึงพรหรือสิ่งประเสริฐ ผู้คนมักคิดถึงแต่เงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ แต่แท้จริงแล้ว มีสิ่งที่ประเสริฐกว่านั้นอีก ซึ่งจะช่วยนำความสุขมาให้แก่ชีวิตอย่างยั่งยืน สิ่งนั้นได้แก่คุณธรรมหรือคุณภาพจิตที่ดีงาม อาทิ วิริยะ ศีล สมาธิ สติ และ ปัญญา หากมีขึ้น นอกจากความสงบเย็นและมั่นคงในจิตใจแล้ว ความสำเร็จทางโลกก็จะตามมา

ด้วยเหตุนี้พระสุปฏิปันโนซึ่งเปี่ยมด้วยปัญญาอย่างหลวงปู่ดู่จึงเตือนพระรูปนั้นให้นึกถึงสิ่งที่ประเสริฐกว่าความร่ำรวยและโชคลาภ

เรื่องราวของหลวงปู่ดู่ยังสอดคล้องกับชาดกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวของพระพุทธเจ้าสมัยยังเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ชื่อกัณหาฤาษี ฤาษีท่านนี้ทำความเพียรและบำเพ็ญคุณธรรมจนท้าวสักกะหรือพระอินทร์ยกย่องนับถือ

วันหนึ่งท้าวสักกะเสด็จมาเยี่ยมกัณหาฤาษีเพื่อประทานพร ๔ ประการ แต่แทนที่ฤาษีจะขอให้มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ หรือทรัพย์สมบัติ กลับบอกท้าวสักกะว่า

“หากพระองค์จะประทานพรแก่อาตมา อาตมาหวังเฉพาะความประพฤติของตน คือ อย่ามีความโกรธ อย่ามีโทสะ อย่ามีความโลภ และอย่ามีความเสน่หา ขอพระองค์ทรงประทานพรทั้ง ๔ ประการเหล่านี้แก่อาตมาเถิด”

ท้าวสักกะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำตอบแบบนี้ แน่นอนว่าพระองค์ไม่สามารถประทานให้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวเท่านั้นที่จะทำให้เกิดขึ้นแก่ตนได้

มีชาดกอีกเรื่องที่คล้าย ๆ กัน อกิตติฤาษีเป็นอีกผู้หนึ่งท้าวสักกะเสด็จมาเพื่อประทานพร ๔ ประการแต่คำตอบที่ได้จากฤาษีก็คือ

“ขอให้อาตมาไม่พึงพบเห็นคนพาล ไม่พึงได้ยิน ไม่พึงอยู่ร่วมกับคนพาล ไม่พึงทำการเจรจาปราศรัย และไม่พึงพอใจการเจรจาปราศรัยกับคนพาลเลย”

ฤาษีคงรู้ว่าท้าวสักกะประทานพรดังกล่าวให้ไม่ได้ จึงเปลี่ยนใจ ขอพรเพียงแค่ข้อเดียวคือ

“ขอมหาบพิตรอย่าเสด็จมาหาอาตมาอีกเลย”

ทั้งนี้ท่านให้เหตุผลว่า การเสด็จมาของท้าวสักกะ อาจทำให้ท่านประมาทในการบำเพ็ญเพียร “การพบเห็นมหาบพิตรจะเป็นภัยแก่อาตมา”

เมื่อได้อ่านเรื่องราวของหลวงปู่ดู่และฤาษีทั้งสองแล้ว ผู้มีปัญญาย่อมตัดสินได้เองว่าอะไรคือพรอันประเสริฐที่ตนควรตั้งจิตปรารถนาให้บังเกิดขึ้นกับตน

ข้อธรรมคำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2018, 05:19:38 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/2uEhNPszvw5F.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=819721&s=2uEhNPszvw5F)



ชายผู้หนึ่งไปซื้อของที่ตลาดคลองเตย เห็นแผงมะม่วงเรียงติด ๆ กันหลายแผง เขาจึงเดินดูและสอบถามราคาตั้งแต่แผงแรกไปจนถึงแผงสุดท้าย จากนั้นก็กลับมาที่แผงแรก และเลือกมะม่วงมาได้จำนวนหนึ่ง แต่เมื่อจะจ่ายเงิน พ่อค้ากลับพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ไปดูร้านอื่นแบบนี้ อั๊วไม่ขายให้แล้ว”

พ่อค้าไม่พอใจที่เห็นชายผู้นั้นเดินผ่านแผงของเขาทีแรก ไปสนใจแผงอื่น ความรู้สึกว่า “ตัวกู” ถูกกระทบเพราะไม่ได้รับความสนใจ ทำให้รู้สึกขุ่นเคืองชายผู้นั้น จึงตอบโต้ด้วยการไม่ยอมขายมะม่วงให้

พ่อค้าคงรู้สึกสะใจที่ชายผู้นั้นไม่ได้มะม่วงอย่างที่ต้องการ เขาอาจรู้สึกว่า “กูชนะ” แล้ว แต่ถ้าถามว่าพ่อค้าผู้นี้ฉลาดหรือโง่ คำตอบย่อมชัดเจนอยู่แล้ว

ธรรมดาพ่อค้าควรดีใจที่มีลูกค้ามาซื้อของ เพราะนั่นคือรายได้ที่จะตามมา จะว่าไปแล้วเขามาเป็นพ่อค้าก็เพราะเหตุนี้ การปฏิเสธลูกค้าย่อมไม่เป็นผลดีแก่ตัวเขาเอง แต่อะไรทำให้เขาทำเช่นนั้น คำตอบก็คือ ความลืมตัว

พ่อค้าลืมตัวเพราะถูกความขุ่นเคืองครอบงำจิตใจ จึงคิดแต่จะตอบโต้หรือเอาชนะผู้อื่น จนลืมไปว่าผลเสียจะเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไรบ้าง มะม่วงของเขาแม้จะดี หอมหวาน แถมราคาถูก แต่หากเขาลืมตัวแบบนี้บ่อย ๆ เพราะปล่อยให้ความหงุดหงิดขุ่นเคืองเกิดขึ้นเป็นประจำ ก็หวังความเจริญในอาชีพนี้ได้ยาก

คนเราไม่ว่าฉลาดหรือเก่งเพียงใดก็ตาม หากลืมตัวเสียแล้ว ก็สามารถทำสิ่งที่เป็นโทษแก่ตัวเองได้ทั้งนั้น นักธุรกิจต้องการเสนอขายผลิตภัณฑ์ลูกค้า แต่เมื่อถูกลูกค้าวิจารณ์ ก็โกรธ ห้ามใจไม่อยู่ ใช้ถ้อยคำรุนแรงตอบโต้ลูกค้า ผลก็คือเสียลูกค้า ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เขาควรทำคือตั้งสติ ไม่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำใจ พยายามโน้มน้าวลูกค้าให้เห็นข้อดีของผลิตภัณฑ์ หรือใช้เหตุผลหักล้างคำวิจารณ์ดังกล่าว

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม นอกจากความรู้ ความสามารถ เงินทุน เครือข่าย และโอกาสแล้ว อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ สติหรือความรู้ตัว ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในการงาน เป็นซีอีโอ ศาสตราจารย์ ดาราดัง แต่หากขาดสติ จนลืมตัว แม้เพียงชั่วขณะ ชีวิตก็อาจดำดิ่ง ประสบหายนะได้ เพราะอารมณ์ชั่ววูบชักนำให้ทำสิ่งเลวร้าย จนต้องติดคุกติดตะราง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2018, 05:23:36 pm
(https://uppic.cc/d/EaK) (https://uppic.cc/v/EaK)


คนที่ไม่เห็นหรือไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของตนเองต่างหาก ที่พยายามเรียกร้องคาดหวังให้คนอื่นยกย่องเชิดชูหรือสรรเสริญตนเอง หรือมิเช่นนั้นก็พยายามหาสินค้าแบรนด์เนมมาใช้ หารถแพง ๆ มาขับเพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ตนเอง แต่การเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกติดกับคนอื่นหรือวัตถุนอกตัวนั้นเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนเป็นนิจ เมื่อใดที่มันผันแปรไป ใครกันที่ทุกข์ถ้าไม่ใช่เรา

ถ้าคุณไม่อยากทุกข์ ก็ควรฝากใจไว้กับคนอื่นหรือสิ่งอื่นให้น้อยลง ฝากใจไว้ในธรรม จนมั่นใจในคุณค่าของตน หรือรักตนเองได้อย่างแท้จริง นี้ต่างหากที่จะทำให้คุณมีความสุขอยู่ได้ในโลกที่ผันผวนเรรวนอยู่เสมอ

พระไพศาล วิสาโล
#หอจดหมายเหตุพุทธทาส #BIA


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2018, 05:27:07 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload81/se9xIQFaDfC6.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=819724&s=se9xIQFaDfC6)



หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเคยกล่าวว่า “ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา” คำพูดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากสมเด็จพระมหาวีรวงศ์  สงสัยว่าหลวงปู่มั่นเรียนปริยัติธรรมน้อย เอาแต่อยู่ป่า แต่ทำไมจึงรู้ธรรมได้ลึกซึ้ง

สมเด็จองค์นี้สมัยที่ท่านเป็นเจ้าคณะมณฑลอุบลราชธานี ท่านเห็นว่าปริยัติธรรมเป็นเรื่องสำคัญที่พระต้องเรียน ตัวท่านเองก็เรียนถึงประโยค ๕ ตอนนั้นท่านไม่ชอบพระป่าเอามาก ๆ โดยเฉพาะพระป่าสายหลวงปู่มั่น หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม เพราะพระเหล่านี้ไม่ยอมเรียนหนังสือ และไม่อยู่วัดเป็นหลักเป็นแหล่ง ธุดงค์จาริกในป่าเป็นอาจิณ คราวหนึ่งหลวงปู่สิงห์กับคณะธุดงค์มาถึงอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าคณะมณฑลจึงสั่งเจ้าคณะอำเภอ ให้บอกชาวบ้านว่า ขับไล่คณะพระธุดงค์กลุ่มนี้ออกไปจากอำเภอ แต่ชาวบ้านไม่ทำ

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์แต่เดิมท่านไม่เห็นว่าการทำสมาธิภาวนามีประโยชน์อะไร กระทั่งวันหนึ่งท่านล้มป่วย รักษาเท่าไรก็ไม่หาย ต่อมาพระอาจารย์ลี ธัมมธโร และพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ช่วยรักษาท่านให้หายจากโรค โดยใช้สมาธิภาวนาและสมุนไพร ปรากฏว่าท่านหายอย่างอัศจรรย์ จึงแปลกใจและประทับใจมาก ท่านถึงกับกล่าวว่า “ตลอดชีวิตของเรา เราไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า สมาธิภาวนาจะมีประโยชน์ถึงเพียงนี้

น่าคิดนะ สมเด็จพระมหาวีรวงค์ เป็นพระผู้ใหญ่ มีความรู้สูงด้านปริยัติธรรม แต่ไม่เคยเชื่อเลยว่า สมาธิภาวนาจะมีคุณค่ามาก เมื่อเห็นประโยชน์ของสมาธิภาวนาด้วยตนเอง ท่านจึงเริ่มทำสมาธิภาวนา และมีศรัทธาในหลวงปู่มั่น ต่อมาเมื่อได้เจอหลวงปู่มั่น ท่านจึงถามว่าหลวงปู่มั่นว่า ในเมื่อหลวงปู่มั่นไม่ได้เรียนหนังสือมามาก ทำไมจึงสอนธรรมะได้ลึกซึ้ง หลวงปู่มั่นจึงตอบพูดว่า “ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา”

เราสามารถเห็นธรรมได้จากทุกสิ่ง เมื่อเราเปิดใจรับรู้ทุกสิ่งอย่างมีโยนิโสมนสิการ ถ้าเราครองตนด้วยสติ ก็จะเห็นกายและใจตามที่เป็นจริง และเมื่อเรามองโลก เราก็จะเกิดปัญญาเห็นธรรม

เราจะเห็นกายและใจตามจริงได้อย่างไร ก็เริ่มจากการปฏิบัติ ซึ่งมีหลายวิธี หลักใหญ่ ๆ คือ เจริญสติปัฏฐาน 4 ได้แก่
กายานุปัสสนา คือ เห็นกายในกาย
เวทนานุปัสสนา คือ เห็นเวทนาในเวทนา
จิตตานุปัสสนา คือ เห็นจิตในจิต
ธัมมานุปัสสนา คือ เห็นธรรมในธรรม


อธิบายสั้น ๆ คือ เห็นกายว่าเป็นกาย ไม่ใช่เห็นกายว่าเป็นเรา เวลาเราเดิน หากเดินอย่างมีสติจะเห็นว่ากายเดิน ไม่ใช่ “ฉัน” เดินเวทนาเกิด ก็เห็นเป็นเวทนา ไม่ใช่เห็นว่าฉันปวด คนเราเวลาปวดก็จะรู้สึกว่าฉันปวด ๆ แต่ที่จริงเมื่อเจริญสติก็จะเห็นว่า การปวดเป็นอาการปวด ไม่ใช่ฉันปวด เวลาโกรธก็เห็นว่ามีความโกรธเกิดขึ้น ไม่ใช่ฉันโกรธ

ปฏิบัติธรรมไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเห็นสีหรือแสงข้างนอก ถ้าเป็นการภาวนาที่แท้จริงเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ วิธีการก็คือเห็นกายและใจตามที่เป็นจริง ด้วยการเจริญสติ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดปัญญา ถ้าเราเกี่ยวข้องกับโลกภายนอก ตาดู หูฟัง เมื่อเกิดโยนิโสมนสิการ ก็เกิดปัญญา

การปฏิบัติธรรมนั้นสามารถทำได้หลายวิธี มีรูปแบบการปฏิบัติ เช่น ตามลมหายใจ เดินจงกรม ยกมือเคลื่อนไหว ดูท้องพองยุบ หรือไม่มีรูปแบบก็ได้ เป็นการปฏิบัติที่กลืนกับชีวิตประจำวัน เป็นการเกี่ยวข้องโลกภายนอกอย่างมีสติ มีปัญญา ทั้งสองวิธีล้วนมีความสำคัญ บางคนไปเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมหมายถึงการเดินจงกรม นั่งสมาธิ ตามลมหายใจ เท่านั้น ทำอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรม อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด

หลวงพ่อชาเล่าว่า ท่านเคยไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่กินรี หลวงพ่อชาตั้งใจปฏิบัติมาก เดินจงกรม และนั่งสมาธิทั้งวัน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า หลวงปู่กินรีวัน ๆ ไม่ค่อยเดินจงกรม ไม่ค่อยนั่งสมาธิเลย ทำโน่นทำนี่ เกือบตลอดเวลา แล้วท่านจะเห็นอะไร แต่หลังจากที่ได้อยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่นาน ๆ และได้ฟังธรรมอันลุ่มลึกจากท่าน หลวงพ่อชาก็รู้ว่าเป็นความเขลาของท่านเองที่คิดเช่นนั้น ท่านพูดถึงบทเรียนที่ท่านได้จากประสบการณ์ครั้งนั้นว่า

“เรามันคิดผิด หลวงปู่ท่านรู้อะไร ๆ มากกว่าเราเสียอีก คำเตือนของท่านสั้น ๆ และไม่ค่อยมีให้ฟังบ่อยนัก เป็นสิ่งที่ลุ่มลึก แฝงไว้ด้วยปัญญาอันแยบคาย ความคิดของครูบาอาจารย์กว้างไกลเกินปัญญาเราเป็นไหน ๆ ตัวแท้ของการปฏิบัติคือความพากเพียร กำจัดอาสวกิเลสภายในใจ ไม่ใช่ถือเอากิริยาอาการภายนอกของครูบาอาจารย์เป็นเกณฑ์”

ท่านมาได้ตระหนักชัดอีกครั้งว่า การปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้อยู่ที่รูปแบบ แต่อยู่ที่การวางใจให้ถูกต้อง ไม่ว่าทำอะไร ก็สามารถเป็นการภาวนาได้

คราวหนึ่งท่านนั่งปะชุนจีวรที่ขาดวิ่น ใจนั้นนึกถึงการภาวนาอยู่ตลอดเวลา อยากรีบปะชุนให้เสร็จเร็ว ๆ เพื่อจะได้ไปภาวนาต่อ ขณะนั้นเองหลวงปู่กินรีเดินผ่านมา สังเกตเห็นอาการของพระหนุ่ม จึงพูดขึ้นมาว่า

“ท่านชา จะรีบร้อนไปทำไมเล่า”
“ผมอยากให้เสร็จเร็ว ๆ ครับหลวงปู่”
“เสร็จแล้วท่านจะทำอะไรล่ะ”
“จะไปทำอันนั้นอีก”
“ถ้าเสร็จอันนั้นแล้ว ท่านจะทำอะไรอีกล่ะ”
“ผมก็จะทำอย่างอื่นอีก”
“เมื่อทำอย่างอื่นเสร็จแล้ว ท่านจะไปทำอะไรอีกเล่า”

เมื่อเห็นว่าใจของหลวงพ่อชาไม่ได้อยู่กับงานที่กำลังทำ แต่คิดถึงงานชิ้นอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหน้า และรีบร้อนจะทำให้เสร็จไว ๆ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไปภาวนาต่อ หลวงปู่กินรีจึงเตือนว่า

“ท่านชา ท่านรู้ไหม นั่งเย็บผ้าผืนนี้ก็ภาวนาได้ ท่านดูจิตตัวเองสิว่าเป็นอย่างไร แล้วก็แก้ไขมัน ท่านจะรีบร้อนไปทำไมเล่า ทำอย่างนี้เสียหายหมด ความอยากมันเกิดขึ้นท่วมหัว ท่านยังไม่รู้เรื่องของตนอีก”

คำพูดของหลวงปู่กินรีกระตุกใจของหลวงพ่อชาอย่างแรง ทำให้ท่านได้สติ และเกิดความเข้าใจชัดเจนว่า ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร ก็ภาวนาได้ทั้งนั้น ขอให้หมั่นดูใจของตนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม นี้เป็นบทเรียนที่ประทับใจท่านมาก และถือเป็นหลักปฏิบัติของท่านตลอดมา

เมื่อท่านไปตั้งสำนักปฏิบัติธรรมที่หนองป่าพง จึงทำให้มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง และมีเรื่องเล่าว่า ตอนนั้นหลวงพ่อชาอายุมากแล้ว มีเด็กหนุ่มมาถามท่านว่า “ทำไมพระจึงไม่นั่งสมาธิ” พอหลวงพ่อชาได้ฟังน้ำเสียงแล้วรู้ว่า ไม่ได้ถามเพราะต้องการคำตอบที่แท้จริง ท่านจึงตอบว่า “นั่งอย่างเดียวมันถ่ายไม่ออกว่ะ จะนั่งอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันต้องปฏิบัติกับการทำงานด้วย” และท่านก็บอกว่า “การปฏิบัติธรรมมันต้องมาดูกายและใจ” ไม่ว่าทำอะไร ต้องให้รู้ทันกายและใจ ทำงานก่อสร้างก็เป็นการปฏิบัติธรรมได้ อันนี้สำคัญมาก เดี๋ยวนี้นักปฏิบัติธรรมจำนวนมากคิดอย่างเดียวว่า เวลาปฏิบัติธรรมจะต้องเข้าวัด จะต้องหลบลี้หนี้หน้าผู้คน โดยไม่คิดว่า การอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติธรรมได้

อยู่บนท้องถนน รถติดก็กำหนดลมหายใจไปด้วย หรือเวลาเจอไฟแดง หงุดหงิดขึ้นมาก็ปฏิบัติธรรมได้ ถามว่าเวลารถติดทำไมถึงหงุดหงิด นั่นก็เพราะใจมันไปอยู่ที่จุดหมายปลายทางแล้ว ใจมันอยู่ข้างหน้าแล้ว ใจไม่อยู่กับปัจจุบัน จึงกลัวไปไม่ทัน กลัวไม่ทันประชุม เป็นต้น ดังนั้นให้พาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน จะตามลมหายใจด้วยก็ได้ การปฏิบัติธรรมก็คือ ติดไฟแดงทำอย่างไรจะไม่หงุดหงิด ทำอย่างไรเวลาถูกต่อว่าจะไม่หงุดหงิด เวลาเสียเงินจะไม่โมโห เวลาเงินหายก็หายแต่เงิน แต่ใจไม่หาย ถ้าทำได้อย่างนี้ก็เรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้ว



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 05, 2018, 05:44:28 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload82/hdfkM1IS1Itw.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=823145&s=hdfkM1IS1Itw)


“รู้” ตรงข้ามกับ “หลง” เมื่อใดที่เราหลง ปัญหาและความทุกข์ก็มักจะตามมา เราไม่เพียงแต่หลงทางหรือหลงเชื่อคนอื่นเท่านั้น ที่สำคัญและเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็คือ “หลงความคิด” และ“หลงอารมณ์” ซึ่งทำให้เราไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนพลั้งเผลอหรือผิดพลาด เช่น พูดร้าย หรือทำร้ายผู้อื่น กระทั่งทำร้ายตนเอง แม้ไม่ถึงขั้นนั้น แต่สิ่งที่มักเกิดขึ้นก็คือ จมอยู่ในความทุกข์ เพราะจิตหลงเข้าไปในอดีตอันเจ็บปวด หรือติดอยู่ในภาพอนาคตที่ปรุงแต่งในทางลบ จนเกิดความเศร้าโศก อาลัยอาวรณ์ โกรธแค้น ขุ่นมัว หรือไม่ก็วิตกกังวล หนักอกหนักใจ

เพียงแค่กลับมารู้สึกตัว หรือรู้ทันความคิดและอารมณ์ที่เผลอพลัดเข้าไปเท่านั้น จิตก็จะกลับมาเป็นปกติสุข หลุดพ้นจากอารมณ์เหล่านั้นได้ ทุกวันสามารถเป็นวันแห่งความสดชื่นเบิกบานได้ หากเรามีความรู้สึกตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีสติช่วยเตือนใจให้รู้ทัน ไม่หลงเข้าไปในความคิดและอารมณ์เหล่านั้นจนหมดเนื้อหมดตัว

ความรู้สึกตัวหรือความรู้ตัว เป็นพื้นฐานให้เกิด “รู้” อีกชนิดหนึ่ง คือ รู้ความจริง หรือเห็นธรรมชาติของกายและใจตามความเป็นจริง เห็นกระทั่งว่า มันไม่ใช่ “กู”หรือ “ของกู” ดังนั้นจึงช่วยไถ่ถอนจิตจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อใดที่รู้สึกตัว “ตัวกู”ก็หายไป แม้ปุถุชนยากที่จะรู้สึกตัวได้ต่อเนื่อง แต่ละวัน ๆ อาจหลงมากกว่ารู้ แต่ความรู้สึกตัวที่เพิ่มพูนขึ้น ย่อมช่วยลดความยึดติดถือมั่นในตัวตน ความทุกข์จึงบรรเทาเบาบางตามไปด้วย สิ่งที่มาแทนที่คือความปกติสุข สดชื่น เบิกบาน

“รู้ตัว” และ “รู้ความจริง” คือสิ่งที่ช่วยให้ใจเป็นสุขได้อย่างแท้จริง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 05, 2018, 05:49:15 pm
(https://uppic.cc/d/E3g) (https://uppic.cc/v/E3g)


การเคารพความเห็นต่าง หมายความว่า ไม่มองว่าเป็นความเห็นที่งี่เง่า ไม่ได้เรื่อง หรือเหยียดหยามความเห็นนั้นเพียงแค่เขาเห็นต่างจากเรา พร้อมรับฟังอย่างตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่โต้แย้งเลย แม้เคารพความคิดเห็นของเขา ก็ไม่ได้แปลว่าเราต้องเห็นด้วยกับเขา

เราสามารถมีความเห็นต่างได้ แต่จะพูดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเหตุหลายอย่าง เช่น สถานการณ์แวดล้อม หรือความพร้อมของอีกฝ่าย แต่ถ้าเรามีความปรารถนาดีต่อเขา และเห็นว่าประเด็นที่พูดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ก็ควรพูดให้เขารู้ ในเรื่องนี้พระพุทธองค์ให้หลักไว้ว่า ๑.พูดความจริง ๒.มีประโยชน์ ๓.ถูกเวลา ๔.วาจาสุภาพ ๕.มีจิตปรารถนาดี

พระไพศาล วิสาโล
หอจดหมายเหตุพุทธทาส BIA
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 12, 2018, 05:19:54 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload82/DDj8LGpHxD3V.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=828568&s=DDj8LGpHxD3V)


ไม่ว่าเราจะพยายามเพียงใด ก็หนีทุกข์ไม่พ้น ทุกข์นั้นมีสองอย่าง คือ ทุกข์กาย กับ ทุกข์ใจ ทุกข์กายนั้นมักจะเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ดินฟ้าอากาศ เชื้อโรค สารพิษ อุบัติเหตุ รวมทั้งคนที่มุ่งร้าย ส่วนทุกข์ใจนั้น แม้มีปัจจัยภายนอกมาเกี่ยวข้อง แต่สาเหตุหลักนั้นอยู่ที่ใจของเราเอง เช่น มองลบ คิดร้าย ผูกใจเจ็บ และเมื่อสาวไปให้ถึงที่สุด ก็จะพบว่า เกิดจากความเห็นผิดในตัวกูของกู

เมื่อมีความทุกข์ใจ คนส่วนใหญ่มักจะโทษปัจจัยภายนอก มองไม่เห็นสาเหตุที่ใจของตน ดังนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไร ใจก็ยังเป็นทุกข์อยู่นั่นเอง ต่อเมื่อตระหนักว่าตัวการที่แท้นั้นอยู่ที่ภายใน มิใช่ภายนอก การทำใจให้กลับมาเป็นปกติจึงจะเกิดขึ้นได้

ใจจะเป็นอิสระจากทุกข์อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อละความเห็นผิดในตัวกูของกูได้อย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะที่ยังละความเห็นผิดดังกล่าวไม่ได้ อีกทั้งยังลดไม่ได้มาก ทุกข์ใจก็ยังบรรเทาได้ ด้วยการรู้จักวางใจอย่างถูกต้องจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องมีสติรู้ทันอาการของใจเมื่อเกิดทุกข์หรือมีเหตุร้ายมากระทบ แม้เหตุร้ายยังแก้ไขไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ซ้ำเติมตัวเอง ด้วยการรักษาใจให้เป็นปกติ

ผู้คนยุคนี้มีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น ทุกข์กายมีน้อยลง แต่ทุกข์ใจกลับเพิ่มมากขึ้น จนผู้คนมากมายหันไปพึ่งยาและวัตถุสิ่งเสพ สาเหตุสำคัญเป็นเพราะเรามองข้ามจิตใจของตน ไม่เห็นความสำคัญของการฝึกจิตรักษาใจ แต่ในระยะยาวแล้วเราทุกคนก็หนีความทุกข์กายไม่พ้น โดยเฉพาะเมื่อร่างกายแก่ชร หรือล้มป่วย ถึงตอนนั้นหากไม่รู้จักรักษาใจ ก็จะยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้น จะว่าไปแล้ว กายนั้นมีแต่จะทุกข์มากขึ้น ส่วนใจนั้นสามารถเป็นอิสระจากความทุกข์ได้ หากเราหมั่นฝึกจิตรักษาใจ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ปล่อยวางความทุกข์ได้อย่างรวดเร็ว ปัญญาที่เกิดขึ้นยังช่วยให้ละวางความเห็นผิดในตัวกูของกูได้ในที่สุด จนทุกข์ไม่อาจย่ำยีบีฑาได้อีกต่อไป


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 12, 2018, 05:22:36 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload82/NsEXUyJx8SF6.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=828569&s=NsEXUyJx8SF6)



ความรักนั้นสำคัญไม่น้อยไปกว่าวิชาความรู้ สำคัญไม่น้อยไปกว่าข้าวปลาอาหาร พ่อแม่หลายคนมีเงินทองให้ลูก แต่ว่าสิ่งที่ทำน้อยไปคือการให้ความรัก มาโรงเรียนเขาก็ต้องการความรัก เขาไม่ได้แค่ต้องการวิชาความรู้อย่างเดียว วิชาความรู้อาจจะไปเติมเต็มที่สมอง แต่ว่าจิตใจก็ต้องการความรักมาเติมเต็มด้วย ถ้าขาดความรักก็อาจจะมีอาการผิดปกติ ไม่ใช่อาการทางกาย เช่น ความเจ็บป่วยเท่านั้น อาจจะมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น ก้าวร้าว หรือทำตัวน่าระอา ใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้อาจเป็นเพราะขาดความรักก็ได้

บางทีการขาดความรักอาจจะเกิดขึ้นกับเราเองก็ได้ หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองพร่องหรือขาดสิ่งนี้ บางทีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมีอาการแบบนี้ เช่น ขี้อิจฉา ก้าวร้าว หงุดหงิด เครียด จนเป็นโรคนั้นโรคนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ถ้าเราขาดความรัก เราก็สามารถเติมเต็มความรักให้กับตัวเองได้เหมือนกัน ไม่ต้องรอคอยหรือคาดหวังความรักจากคนอื่น เพราะว่าเขาอาจจะไม่รู้ หนทางหนึ่งที่จะเติมเต็มความรักให้ตัวเราคือการให้ความรักกับผู้อื่น ซึ่งจะย้อนกลับมาช่วยเติมเต็มความรักให้กับจิตใจของเราด้วย

ความสุขนั้น ถ้าเราอยากได้ความสุข เราต้องเริ่มด้วยการให้ความสุขแก่ผู้อื่น ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข” ถ้าเป็นการให้ที่จริงใจ ด้วยใจบริสุทธิ์ ความสุขที่ให้เขาก็จะกลับมาสู่จิตใจของเรา ความรักก็เช่นกัน เมื่อเราให้ความรักแก่ผู้อื่นด้วยความจริงใจ ความรักนั้นก็จะกลับมาเติมเต็มจิตใจของเราในที่สุด


ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 20, 2018, 06:27:17 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload83/dEICLYW79RgO.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=836259&s=dEICLYW79RgO)


เกื้อจิตร แขรัมย์ เป็นพยาบาลที่ทำงานกับผู้ป่วยระยะท้ายมานานนับสิบปี เธอได้พบผู้ป่วยจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีน้อยคนที่ก่อความสะเทือนใจได้มากเท่ากับวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งอายุประมาณ ๑๗ ปี

ผู้ป่วยคนนี้กำพร้าพ่อแม่ ตั้งแต่อายุ ๒ ขวบ พ่อแม่ตายเพราะเอดส์ อยู่กับยาย ยายเลี้ยงเด็กคนนี้มาจนโต ยายยากจนมาก มีอาชีพหาของเก่าหรือคุ้ยขยะขาย พออายุ ๑๗ ปีก็เป็นมะเร็งที่กระดูกแล้วลามไปที่สมอง มารักษาตัวที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ไม่นาน ก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ทีแรกเด็กหนุ่มไม่ยอมไป อ้างว่าไม่มีเงิน ต้องช่วยยายหาเงิน แต่ภายหลังก็ยอมไป

ปรากฏว่า ๓ วันต่อมาโรงพยาบาลมหาราชฯ แจ้งให้โรงพยาบาลบุรีรัมย์มารับเขากลับ เพราะว่าเขาไม่ให้ความร่วมมือ เอาแต่ร้องว่าจะกลับบ้านท่าเดียว จะกลับไปหายาย เขารักยายมาก ห่วงยาย กลับมาที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ อาการแย่ลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าสู่ระยะสุดท้าย มะเร็งลามไปที่สมองและลูกอัณฑะ พยาบาลคุยกับยายก็ทราบว่า เขามีน้องอีกคนหนึ่ง น้องร่วมพ่อแม่เดียวกัน แต่ไม่เคยได้พบเจอกันเลย เพราะน้องไปอยู่กับย่า พยาบาลจึงไปตามหา เพราะว่าเขาใกล้เสียชีวิตแล้ว อยากให้ได้พบน้อง มีโอกาสมาดูใจ

น้องสาวอายุ ๑๕ ปี แม้จะไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าพี่ชายมาก่อน แต่พอมาเยี่ยมก็เอาเงินมาให้ ซื้อนมกล่องมาให้ ๑ ห่อ คนป่วยเห็นก็ดีใจมาก นม ๑ ห่อนี้เขาไม่กินเลย เก็บไว้ที่หัวเตียง บางทีก็เอามาลูบ มาคลำ เพราะว่าไม่เคยได้ของขวัญจากใคร ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมนอกจากยาย

ทุกวันยายมาเยี่ยมก็เดินมาจากบ้าน แล้วกินข้าวถาดเดียวกับหลาน เพราะจนมาก ช่วงหลัง ๆ หมอต้องให้มอร์ฟีนทุก ๓ ชั่วโมง เพราะเขาปวดมาก จนกระทั่งวันหนึ่งพยาบาลจะมาให้มอร์ฟีน เขาจึงพูดว่า “หมอครับ ยาแก้ปวดมอร์ฟีนใช่ไหมครับ ผมไม่ปวด ผมไม่เอาได้ไหมครับ ฉีดแล้วมันไม่มีประโยชน์” ว่าแล้วเขาก็พูดต่อ “ผมขอนิดเดียวได้ไหมครับ”

ว่าแล้วเขาก็เอื้อมมือไปจับแขนพยาบาลไว้แน่น พยาบาลก็ใจดี ยืนนิ่งให้เขาจับ

เด็กหนุ่มคนนี้จับแขนพยาบาลโดยไม่พูดอะไรเลยถึงครึ่งชั่วโมง พยาบาลก็ให้จับ นานเป็นครึ่งชั่วโมง โดยไม่ได้พูดไม่ได้คุยอะไรกันเลย จนกระทั่งเพื่อนพยาบาลอีกคนหนึ่งเห็น แล้วก็พูดว่า ไม่มีงานทำหรือไง ไปยืนให้มันจับแขนอยู่ได้ ต้องฉีดยาคนไข้อีกมากมาย แต่พยาบาลคนนั้นเข้าใจความรู้สึกของคนป่วย จึงยืนนิ่งให้เขาจับแขนต่อไป ฝ่ายคนป่วยเมื่อได้ยินอย่างนั้น เลยพูดว่า “หมอครับ พอแล้วครับ ชีวิตผมต้องการแค่นี้แหละครับ หมอไปทำงานเถอะครับ ผมเข้าใจดี” ว่าแล้วเขาก็ปล่อยมือ ตีหนึ่งคืนนั้นเขาก็จากไป

วาระสุดท้ายของเด็กหนุ่มคนนี้ต้องการแค่นี้ คือจับแขนพยาบาล แล้วเขาก็เจาะจงพยาบาลคนนี้ เขาคงสังเกตเวลาพยาบาลคนอื่นมาพลิกตัว มาฉีดยา มาให้ยา ก็ทำไปตามหน้าที่ แต่พยาบาลคนนี้มีท่าทีใส่ใจคนป่วย ทำด้วยความอ่อนโยน เขารู้สึกประทับใจในน้ำใจของพยาบาลคนนี้ จึงปรารถนาจะได้สัมผัสเธอก่อนตาย เป็นความปรารถนาที่จะได้รับความรัก ความใส่ใจ ในวาระสุดท้ายของชีวิต ทั้งชีวิตอาจจะไม่เคยได้รับการสวมกอด หรือการสัมผัสด้วยความอ่อนโยนมาก่อน ยายเองก็คงจะไม่ได้ทำอย่างนั้นกับเขา เขาจึงขาดความรักมาตั้งแต่เล็ก ความรักของยายคงไม่พอเพียง เพราะว่ายายต้องทำมาหากิน

มีคนจำนวนไม่น้อยเมื่อจะตายมีสิ่งเดียวที่เขาปรารถนา คือการได้รับความรักมาเติมเต็ม สำหรับบางคน เพียงแค่ใครคนหนึ่งมีเมตตายอมให้เขาจับแขน เขาก็มีความสุขแล้ว สามารถที่จะตายอย่างสงบ ทั้งที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้าย

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าความรักเป็นสิ่งสำคัญมาก คนเราถ้าพร่องความรักก็จะทุกข์ทั้งใจ ทุกข์ทั้งกาย แต่หากได้รับความรัก ความทุกข์กายและความทุกข์ใจก็บรรเทาได้ บางครั้งแม้เยียวยากายไม่ได้เพราะโรคที่เป็นอยู่มันหนัก แต่ความรักก็เยียวยาใจได้ อย่างน้อยก็ในวาระสุดท้าย

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 20, 2018, 06:31:57 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload83/zPEDV4ZVwX8F.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=836260&s=zPEDV4ZVwX8F)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload83/clI4WtLblrB3.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=836262&s=clI4WtLblrB3)   ทำงานอย่างปล่อยวาง   (https://image.goosiam.com/imgupload/upload83/clI4WtLblrB3.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=836262&s=clI4WtLblrB3)


เวลาเราทำงานก็ให้ลองนึกว่า เสร็จทุกวัน เลิกงานแล้วก็กลับบ้านไปหาลูก พ่อแม่ หรือคนรัก ด้วยใจที่ปลอดโปร่งเสมือนกับว่างานเสร็จแล้ว

แต่คนจำนวนมากทำอย่างนั้นไม่เป็น เวลากลับไปบ้านก็แบกเอางานไปด้วย ไม่ได้ถือแฟ้มแบกกลับไป แต่ว่าแบกที่ใจ เวลาอยู่กับลูก ก็นึกถึงงาน ใจไม่ได้อยู่กับลูกเต็มร้อย เวลานึกถึงงานก็รู้สึกวิตกกังวล หงุดหงิด แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าให้ลูกเห็น ลูกก็จะรู้สึกเครียดเวลาอยู่กับเรา เพราะใจเรายังแบกงานไว้เต็มที่

ให้เรานึกว่ามันเสร็จแล้ว วางมันลงเสีย เราจะได้กลับบ้าน จะได้อยู่กับลูก กับคนรัก หรืออยู่กับตัวเองด้วยใจที่ปลอดโปร่ง และทำสิ่งที่ควรทำเมื่ออยู่บ้าน เช่น พักผ่อน สวดมนต์ นั่งสมาธิ หลายคนแบกงานกลับบ้าน เอาเข้าห้องนอน แม้กระทั่งจะนอนก็ยังไม่ยอมวาง เลยนอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมาก็เลยไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน

ที่จริงงานไม่ใช่ปัญหา หลายคนมักจะบ่นว่างานเยอะ มีภาระมาก จริง ๆ แล้วงานไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่าเราแบกมันเอาไว้ไม่ยอมวางต่างหาก

เวลาทำงานใจก็ไม่ได้อยู่กับงานจริง ๆ มัวแต่จดจ่ออยู่กับผลของงาน ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ เจ้านายจะพอใจไหม เพื่อนร่วมงานจะว่าอย่างไร หรือไม่ก็เอาแต่คิดว่า เมื่อไรจะเสร็จ เวลามาปฏิบัติธรรมก็คิดว่าเมื่อไรจะได้กลับบ้าน เวลาเดินทางกลับบ้านก็เอาแต่คิดว่าเมื่อไรจะถึง อันที่จริงมันถึงทุกขณะอยู่แล้ว มันถึงทุกเวลา มันถึงทุกวินาที ให้ลองคิดแบบนี้ดูบ้าง

การที่ใจเรามัวคิดถึงจุดหมายปลายทางว่าเมื่อไรจะเสร็จ เมื่อไรจะถึง เมื่อไรไฟแดงจะเปลี่ยนเป็นไฟเขียว วิธีคิดแบบนี้สร้างความทุกข์ให้กับจิตใจมาก ทำให้เครียด วิตกกังวล จนส่งผลเสียต่อสุขภาพ อย่างนี้เรียกว่าเป็นการแบกอย่างหนึ่ง แต่ถ้าเราลองวางมันลงบ้าง อนาคตจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคต ให้นึกถึงคำของหลวงพ่อคำเขียนก็ได้ ท่านเคยพูดไว้ว่า “ถึงต่อเมื่อมันถึง”

เวลาเดินทางก็ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อไรจะถึง ถึงต่อเมื่อมันถึง หรือจะมองอย่างท่านอาจารย์พุทธทาสก็ได้ว่า มันเสร็จทุกเวลาอยู่แล้ว เสร็จทุกวัน เสร็จทุกชั่วโมง เสร็จทุกนาที สิ่งสำคัญก็คือ ใจอยู่กับปัจจุบัน

ใจอยู่กับปัจจุบัน เวลาทำงานก็ทำด้วยใจที่ปล่อยวาง คือปล่อยวางอดีต ปล่อยวางอนาคต เหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อน เดือนก่อน งานการล้มเหลวอย่างไร มีอุปสรรคอย่างไร ก็เป็นเรื่องของอดีต ปล่อยมันไป ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคต ไม่ต้องเอามาใส่ใจ ใจอยู่กับปัจจุบันก็พอ

เมื่อใดก็ตามเราทำงานตรงหน้าด้วยใจเต็มร้อย ก็เรียกได้ว่าทำงานด้วยใจปล่อยวาง ยิ่งถ้าเราทำใจถึงขั้นที่ว่า มันไม่ใช่งานของเรา ถึงแม้ไม่ใช่งานของเรา เราก็ทำเต็มที่ หากว่ามันมีประโยชน์ เราก็ทำ ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเป็นงานของเรา เราถึงจะทำ และเมื่องานเสร็จก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นผลงานของเรา

ท่านอาจารย์พุทธทาสบอกว่า “ยกผลงานให้เป็นของความว่าง” ทำงานเสร็จก็ยกผลงานให้เป็นของความว่าง หรือยกให้เป็นของส่วนรวมก็ได้ เพราะว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จ มีคนอีกมากมายที่ร่วมกันทำให้สำเร็จ ทั้งที่ทำด้วยกัน ทั้งที่อยู่เบื้องหลัง คนที่เป็นแม่ครัว คนที่เป็นนักการภารโรง แม้กระทั่งพ่อแม่ของเราที่บ้าน ก็มีส่วนช่วยทำให้งานสำเร็จ เพราะถ้าไม่มีคนเหล่านั้น ก็คงไม่มีเรา หรือเราก็คงจะไม่มีเรี่ยวแรง กำลัง หรือสติปัญญาที่จะทำให้งานสำเร็จได้ งานแต่ละชิ้นจึงเป็นผลงานร่วมของผู้คนมากมายด้วย การวางใจอย่างนี้ ก็เรียกได้ว่าทำงานด้วยใจที่ปล่อยวาง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 20, 2018, 06:42:52 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload83/gDNewi0Yjz9H.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=836261&s=gDNewi0Yjz9H)




ที่มา : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 07:39:41 am
(https://uppic.cc/d/KJaQ) (https://uppic.cc/v/KJaQ)


คนเรา ถ้าสามารถเรียกร้องอะไรได้จากชีวิต เพียงแค่ขอให้กินง่าย ถ่ายคล่อง นอนสบาย เท่านี้ชีวิตก็เป็นสุขแล้ว

พูดอย่างนี้ หลายคนคงต่อว่าในใจว่า..."อะไรกัน ขอเพียงเท่านี้เองเหรอ..." ถ้าขออะไรได้ ใครต่อใครคงขอให้ร่ำรวย เจริญด้วยยศศักดิ์ อำนาจและชื่อเสียง ได้เป็นดาราที่เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากแฟนๆไม่หยุดหย่อน หรือไม่ก็เป็นรัฐมนตรีมีระดับที่สูงทั้งไอคิวและไอเดีย อย่างน้อยๆก็ขอให้มีแฟนสวย เจ้าบ่าวหล่อ อะไรทำนองนั้น(และที่ลืมไม่ได้อย่างเด็ดขาดก็คือขอให้ค่าเงินบาทและราคาหุ้นพุ่งกระฉูด)

การกินง่าย ถ่ายคล่อง นอนสบายดูเหมือนจะเป็นสิ่งพื้น ๆ ประเภทหญ้าปากคอก ไม่มีค่าไม่มีราคา จะใช้หากินหรือเอาไปอวดใครก็ไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโตก็กินง่ายถ่ายคล่องอยู่แล้ว จะไปน่าสนใจอะไร

แต่ของที่เป็นหญ้าปากคอกนี่แหละ สำคัญนักแล ลองกลั้นลมหายใจสักนาทีดู ก็จะรู้ว่าอากาศนั้นมีความหมายเพียงใดต่อชีวิต ถึงจะเป็นเซียนหุ้นฝีมือล้ำเลิศเพียงใด ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างทุกวันนี้ ย่อมประจักษ์แก่ใจว่า ถ้าคืนไหนสามารถหลับได้เต็มตา ก็นับว่าโชคดีทีเดียว

แม้ในยามเงินตราไหลสะพัด ก็ใช่ว่าการนอนหลับสนิทจะเป็นเรื่องที่ทำกันได้ง่าย ๆ คนเป็นอันมาก ทำงานตักตวงเงินจนเป็นเศรษฐีเงินล้าน แต่พบว่าสิ่งหนึ่งที่สูญเสียไปคือ ความสามารถที่จะนอนหลับสนิท ตอนเป็นเด็ก การหลับนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่พอโตขึ้น ของง่ายก็กลับเป็นเรื่องยากไป

การนอน การกิน การถ่าย ไม่มีราคาค่างวดอะไรก็จริง แต่ก็เพราะไม่มีราคาค่างวดนี่แหละ ถึงได้เป็นปัญหาสำหรับคนยุคนี้นักธุรกิจถึงจะมีเงินร้อยล้านพันล้าน ก็ไม่สามารถเอาเงินซื้อสภาวะกินง่ายถ่ายคล่อง นอนสบายได้ ทุกวันนี้ปัญหาพื้นๆแบบนี้ ไม่ได้เป็นเฉพาะกับเจ้าของเบนซ์คันหรูเท่านั้น แม้กระทั่งเจ้าอีแตีกอีต๋อยก็เจอ"โรคสมัยใหม่"แบบนี้มากขึ้นทุกที

ถ้าอยากนอนง่ายถ่ายคล่องจริง ๆ ก็ต้องรู้จักปล่อยวางให้เป็นด้วย นั่นหมายความว่าต้องฝึกใจให้คิดเป็นเรื่อง ๆ คิดเป็นที่เป็นทาง ไม่ใช่คิดแบบ "เรี่ยราด" คนที่ปล่อยใจคิดไปเรื่อย ๆ สุดแท้แต่อารมณ์ความรู้สึกจะพาไป ง่ายที่จะเป็นคนครุ่นคิดติดยึดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เก็บเอาเรื่องเล็กน้อยในสำนักงานมาเป็นอารมณ์ติดค้าง แม้กระทั่งเวลากลับมาบ้าน บางเรื่องแม้จะดูเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าหมกมุ่นครุ่นคิดกับมัน ไม่รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง มันก็จะเข้ามาครอบงำเรา กลายเป็นใหญ่เหนือเรา คราวนี้ถึงอยากจะวาง มันก็ไม่ยอมให้เราวาง มีแต่จะบังคับให้จิตของเรา ครุ่นคิดปรุงแต่งไปตามที่มันกำหนดทั้งวี่ทั้งวัน กระทั่งเวลานอนก็นอนไม่ได้ เพราะสลัดมันไปไม่สำเร็จ ปลิงที่ว่าเหนียวหนึบ ยังสู้ความครุ่นคิดกังวลใจไม่ได้

พระไพศาล วิสาโล
#หอจดหมายเหตุพุทธทาส #BIA



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 07:46:15 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/dBft7OO5JbZp.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863220&s=dBft7OO5JbZp)


ธรรมชาติพื้นฐานอย่างหนึ่งของสิ่งมีชีวิตก็คือพยายามอยู่รอดให้ได้และเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ "อารมณ์อกุศล" ก็มีธรรมชาติคล้ายๆ กัน มันพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวมันเติบใหญ่และแพร่ขยายไปเรื่อยๆ มันจะสั่งให้เราทำทุกอย่างเพื่อเราจะได้จมอยู่ในอารมณ์นั้นนานๆ เวลาเราโกรธใคร บางครั้งเรากลัวว่าจะลืมโกรธเขา จึงต้องตอกย้ำ เช่น สักชื่อเขาไว้ที่แขนบ้าง เขียนชื่อติดกระจกในห้องนอนบ้าง เพื่อย้ำเตือนว่าไอ้นี่มันเลว จะต้องโกรธมันชั่วฟ้าดินสลาย

ในทำนองเดียวกัน เวลาเราเศร้า ความเศร้าจะบงการให้เราอยู่ในอำนาจของมันไปเรื่อยๆ สังเกตไหมเวลาเศร้าเราอยากฟังเพลงอะไร อยากฟังเพลงสนุกหรือเปล่า ไม่อยากหรอก เราอยากฟังเพลงเศร้า เพื่ออะไร เพื่อเศร้าหนักขึ้นๆ ถามว่าอะไรสั่งให้เราฟังเพลงเหล่านั้น ความเศร้ามันสั่ง มันสั่งใจเราว่าให้เปิดแต่เพลงเศร้าๆ มันจะได้ครองจิตใจเราไปนานๆ นี้คืออุบายของมัน

สุดท้ายมันก็จะบงการให้เราคอยปกปักรักษามันไม่ให้อ่อนแรง เวลาเราโกรธใครบางคน ถ้าหากมีเพื่อนแนะนำเราว่า ให้อภัยเขาไปเถอะ ความโกรธมันจะสั่งให้เราเล่นงานเพื่อนคนนั้นทันที เช่น ต่อว่าเขา หาว่าเขาเป็นพวกเดียวกับคนนั้น เขาไม่รักเราจริง ฯลฯ ความโกรธมันสั่งให้เราทำเช่นนั้น ก็เพราะมันรู้ว่าถ้าเราทำตามคำแนะนำของเขา คือให้อภัย ความโกรธก็จะจืดจางหรือเลือนหายไป

มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นห่วงแม่ซึ่งอายุ ๗๐ กว่า แม่เป็นคนที่นิสัยดี มีเมตตา แต่เวลาพูดถึงผู้ชายคนหนึ่งจะโกรธมาก พฤติกรรมจะเปลี่ยนไปเลย เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่ใช่เหล้าเท่านั้น ความโกรธก็เปลี่ยนนิสัยคนได้ พอแม่นึกถึงหรือพูดถึงชายคนนั้นก็จะโกรธมาก เพราะอุตส่าห์ช่วยเหลือเขามากมาย แต่เขากลับเนรคุณ ส่วนลูกก็กลัวว่าสักวันหนึ่งแม่อาจจะเส้นเลือดในสมองแตก หรือกลัวว่าแม่จะไปอบายถ้าหากว่าตายไปโดยที่ยังมีความโกรธหรือความพยาบาทคาใจอยู่ ลูกจึงขอร้องแม่ว่าให้อภัยเขาไปเถิด เรื่องมันก็นานมาแล้ว ผ่านไปแล้วตั้ง ๓๐ ปี ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น

พอลูกแนะนำแม่เช่นนั้น แม่กลับโกรธลูก ราวกับว่าลูกจะมาแย่งชิงของรักของหวงไปจากแม่ ถามว่าความโกรธนี้น่าหวงแหนที่ไหน ถ้าลูกพยายามเอาที่ดิน เงินทอง เอาเพชรเอาพลอยไปจากแม่ ก็น่าโกรธ แต่สิ่งที่ลูกพยายามทำคือช่วยให้แม่หายโกรธ ความโกรธมันไม่ชอบที่ลูกพูดแบบนี้ จึงสั่งให้แม่ด่าลูก ตกลงแม่กลายเป็นองครักษ์พิทักษ์ความโกรธไปเสียแล้ว ทำทุกอย่างเพื่อให้ความโกรธครองใจอยู่ต่อไป

ความเศร้าก็เช่นกัน เวลาเศร้ามากๆ ถ้าเราเพียงแต่ออกไปเที่ยวบ้าง เปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ความเศร้าก็จะคลี่คลายลง นี่คือสิ่งที่ความเศร้ากลัว ดังนั้นมันจึงสั่งเราว่า อย่าทำ อย่าไปเที่ยว ให้นั่งเจ่าจุกต่อไป ให้นึกถึงแต่เรื่องที่เศร้าต่อไป ความเศร้ามันจะได้ครองใจเราไปนานๆ จะได้หลงต่อไป หากมีใครมาชวนให้เราไปเที่ยว เรากลับจะไม่พอใจเขาด้วย

ไม่ว่าความเศร้า ความโกรธหรืออารมณ์อกุศลใดๆ ก็ตาม ไม่ใช่สิ่งที่น่าหวงแหนเลย แต่เป็นเพราะเราหลง ลืมตัว เราก็เลยหวงแหนมัน อันนี้เป็นเพราะเราปล่อยให้ความหลงบงการจิตใจเรา มันมีอุบายร้อยแปดที่หากเราไม่รู้ทัน มันก็จะครองจิตใจเราได้นาน

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 07:49:25 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/Pr5gGBwWj9XF.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863230&s=Pr5gGBwWj9XF)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/qjpaBrfEaL80.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863369&s=qjpaBrfEaL80)  จุดอ่อนของความหลง  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/qjpaBrfEaL80.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863369&s=qjpaBrfEaL80)

ลองสังเกตดู ความโกรธ ความเศร้า หรือความอยาก ถ้าเราพยายามกดข่มมัน มันไม่ได้หายไปไหน ยังคงอยู่ และอยู่แบบยั่งยืน แถมมีกำลังมากขึ้นด้วย หลายคนไม่ชอบเวลามีความโกรธหรือความเศร้าเกิดขึ้น รวมทั้งไม่ชอบนิสัยบางอย่าง เช่น ความเห็นแก่ตัว ความเจ้าอารมณ์ แต่มักใช้วิธีกดข่มมัน แต่กดข่มอย่างไรก็ไม่สำเร็จ เพราะว่ามันดื้อด้าน

ความคิดหรือความฟุ้งซ่านก็เช่นกัน เคยมีการทดลองให้อาสาสมัครนั่งอยู่ในห้องคนเดียว ผู้ทดลองบอกกับอาสาสมัครว่า เมื่ออยู่ในห้องนี้คุณจะคิดอะไรก็ได้ มีอย่างเดียวที่ห้ามคิดคือ หมีขาว ถ้าคุณนึกถึงหมีขาวเมื่อไหร่ให้กดกริ่งทันที ไม่ทันไรเสียงกริ่งก็ดังระงม เพราะอะไร ก็เพราะพอถูกสั่งว่าห้ามคิดถึงหมีขาว คนส่วนใหญ่กลับคิดถึงทันที ถ้าไม่ห้ามก็ไม่คิดถึง แต่พอห้ามก็คิดเลย จึงกดกริ่งกันใหญ่ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

มีการทดลองอีกคราวหนึ่ง ให้อาสาสมัครลองนึกถึงสิ่งที่ไม่ชอบหรือสิ่งที่รบกวนจิตใจ มาสักเรื่องหนึ่ง จากนั้นแบ่งอาสมัครเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มหนึ่งก่อนนอนให้พยายามกดข่มความคิดนั้น หรือพยายามบังคับจิตไม่ให้คิดเรื่องนั้น อีกกลุ่มหนึ่งปล่อยตามสบาย เมื่อตื่นนอนขึ้นมาก็ให้อาสาสมัครแต่ละคนเขียนถึงความฝันของตัว เขาพบว่าคนที่ได้รับคำสั่งให้กดข่มความคิดหรือเรื่องที่ไม่ชอบนั้น จะฝันถึงเรื่องเหล่านั้นมากกว่าคนที่ไม่ได้รับคำสั่งให้กดข่มความคิดเหล่านั้น นั่นหมายความว่า เมื่อพยายามไม่คิดถึงมัน พยายามกดข่มมันเอาไว้ มันไม่ได้หายไปไหน แต่ไปโผล่ในความฝันทันที

อารมณ์และความคิดเหล่านี้ฉลาดมากและดื้อด้านมาก แต่ก็มีจุดอ่อนคือมันกลัวการถูกรู้ถูกเห็น มันกลัวเรารู้ทัน ถ้าเรารู้ทันหรือเห็นมันเมื่อใด มันจะล่าถอยไป วูบไปทันที

เคยมีคนถามหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ซึ่งเป็นพระลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ของหลวงปู่มั่น ใครๆ ก็เชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ วันหนึ่งมีคนถามหลวงปู่ว่า ทำอย่างไรถึงจะตัดความโกรธให้ขาดได้ หลวงปู่ตอบว่า “ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก มีแต่รู้ทัน เมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง”

ถ้าเราเห็นว่าความหลงหรืออารมณ์อกุศลเป็นปัญหาที่ทำให้เราไม่พบความสุข ความสงบเย็น ก็ต้องหมั่นสร้างตัวรู้ หรือสติ ซึ่งช่วยให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่ลืมตัว ทำให้เรามีเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับอารมณ์เหล่านี้ มันเป็นภูมิคุ้มกันจิตที่วิเศษมาก ร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันที่คอยสู้กับเชื้อโรค จิตใจเราก็มีภูมิคุ้มกัน ชื่อว่าสติ สตินี้เองที่จะเพิ่มกำลังให้แก่ตัวรู้จนมีอานุภาพ สามารถรับมือ และเล่นงานจุดอ่อนของอารมณ์เหล่านี้ได้

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 07:52:04 am
(https://uppic.cc/d/KJaj) (https://uppic.cc/v/KJaj)



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 07:54:03 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/7wtKGoh8zqaF.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863231&s=7wtKGoh8zqaF)


ตอนที่สวนโมกข์เริ่มมีการสร้างถาวรวัตถุ เช่น โรงมหรสพทางวิญญาณ หรืออาคารต่าง ๆ ก็ดี อาคารแต่ละแห่ง ใช้เวลานานหลายปี เพราะว่าอาศัยกำลังพระเณรช่วยกันสร้าง ไม่มีการจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาทำ พระเณรก็ทำกันวันละนิด วันละหน่อย

คราวหนึ่งท่านอาจารย์พุทธทาสสร้างอาคารชื่อว่า “ธรรมนาวา” เรียกสั้น ๆ ว่า “เรือ” เพราะมีรูปร่างคล้ายเรือ คราวหนึ่งมีลูกศิษย์มาเยี่ยมสวนโมกข์ เมื่อไปกราบท่านอาจารย์พุทธทาส ถามท่านว่าเรือสร้างถึงไหนแล้ว เสร็จหรือยัง อาจารย์พุทธทาสตอบว่าเสร็จแล้ว ชายคนนั้นก็แปลกใจ เพราะว่ามาสวนโมกข์เมื่อ ๒ เดือนก่อนก็เห็นว่ายังสร้างไปไม่ได้มากเท่าไร ทำไมเสร็จเร็วจัง จึงเดินไปดู ปรากฏว่าคืบหน้าไปได้ไม่มาก เขาจึงกลับมาหาท่านอาจารย์พุทธทาสและถามว่า เรือยังสร้างไปไม่ถึงไหนเลย ทำไมอาจารย์ถึงว่าเสร็จแล้ว ท่านอาจารย์พุทธทาสตอบว่า “เสร็จแล้ว เสร็จจริง ๆ วันนี้เสร็จ พรุ่งนี้ก็เสร็จ มะรืนนี้ก็เสร็จ เสร็จทุกวัน”

ชายคนนั้นคงงง เพราะตามความเข้าใจของเขา คำว่าเสร็จก็คือเรียบร้อยสมบูรณ์ แต่สำหรับท่านอาจารย์พุทธทาส เสร็จในความหมายของท่าน คือ วางลงจากใจแล้ว ไม่เอามาเป็นเครื่องกังวลใจ หมายความว่า เวลาจะทำอะไรก็ตาม ก็ทำเต็มที่ แต่พอเลิกงาน ก็วางมันลง อย่างนี้เรียกว่าเสร็จ คนเราเวลาทำอะไรสำเร็จเสร็จสิ้น จะรู้สึกว่ามันเบา ไม่มีความวิตกกังวลอีกต่อไป ท่านอาจารย์พุทธทาสก็มีความรู้สึกอย่างนั้นทุกครั้งที่เลิกงาน ได้แค่ไหนก็แค่นั้น พอเลิกงานก็วางงานลงจากใจ ไม่ใช่แค่วางค้อน วางเครื่องไม้เครื่องมือเท่านั้น ใจก็วางด้วย เสมือนว่ามันเสร็จแล้ว ถึงเวลาไปทำสมาธิ ภาวนา ทำวัตรสวดมนต์ หรือพักผ่อน ก็ไม่เอางานมาครุ่นคิดให้หนักอกหนักใจ แม้จะยังไม่เสร็จสมบรูณ์ เวลาเข้านอนก็นอนด้วยใจที่ปลอดโปร่ง เพราะว่าวางทุกอย่าง เสมือนว่ามันเสร็จแล้ว อันนี้คือความหมายหนึ่งของการทำงานด้วยใจที่ปล่อยวาง

พวกเราหลายคนพอมาปฏิบัติธรรม ก็นึกในใจว่า เมื่อไรคอร์สจะจบสักที อาจจะคิดอย่างนี้ทุกวันเลย ลองเอาคำสอนหรือคำแนะนำของท่านอาจารย์พุทธทาสไปใช้ก็ได้ คือว่า คอร์สนี้เสร็จทุกวัน ไม่ต้องไปคิดว่าอีกกี่วันถึงจะได้กลับบ้าน การคิดแบบนั้นมีแต่จะทำให้ทุกข์ และไม่ได้ช่วยให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้นกว่าเดิม

มิใช่แต่การปฏิบัติธรรมเท่านั้น ทำงานอย่างอื่นก็เช่นกัน เวลาเราทำงานก็ให้ลองนึกว่า เสร็จทุกวัน เลิกงานแล้วก็กลับบ้านไปหาลูก พ่อแม่ หรือคนรัก ด้วยใจที่ปลอดโปร่งเสมือนกับว่างานเสร็จแล้ว

แต่คนจำนวนมากทำอย่างนั้นไม่เป็น เวลากลับไปบ้านก็แบกเอางานไปด้วย ไม่ได้ถือแฟ้มแบกกลับไป แต่ว่าแบกที่ใจ เวลาอยู่กับลูก ก็นึกถึงงาน ใจไม่ได้อยู่กับลูกเต็มร้อย เวลานึกถึงงานก็รู้สึกวิตกกังวล หงุดหงิด แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าให้ลูกเห็น ลูกก็จะรู้สึกเครียดเวลาอยู่กับเรา เพราะใจเรายังแบกงานไว้เต็มที่ ให้เรานึกว่ามันเสร็จแล้ว วางมันลงเสีย เราจะได้กลับบ้าน จะได้อยู่กับลูก กับคนรัก หรืออยู่กับตัวเองด้วยใจที่ปลอดโปร่ง และทำสิ่งที่ควรทำเมื่ออยู่บ้าน เช่น พักผ่อน สวดมนต์ นั่งสมาธิ หลายคนแบกงานกลับบ้าน เอาเข้าห้องนอน แม้กระทั่งจะนอนก็ยังไม่ยอมวาง เลยนอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมาก็เลยไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 07:56:32 am
(https://uppic.cc/d/KJap) (https://uppic.cc/v/KJap)


เวลามีความขัดแย้งขึ้น เรามักจะใช้เหตุผลเพื่อชี้แจงและยืนยันความถูกต้องของตน ขณะเดียวกันก็เพื่อหักล้างเหตุผลของอีกฝ่าย แต่ว่าสิ่งที่เรามักจะมองข้ามคือการใช้ความรู้สึก เพื่อรับรู้ความทุกข์ของอีกฝ่าย ว่าเขามีความเสียใจ ขุ่นเคืองใจอย่างไรบ้าง การรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ จะรู้แต่เพียงว่าเขาคิดอะไร พูดอะไร มีเหตุผลอะไรยังไม่พอ ต้องเข้าใจความรู้สึกของเขาด้วย และการจะเข้าใจความรู้สึกของเขาได้นั้น เราต้องใช้หัวใจ ใช้หัวหรือสมองไม่ได้

หัวหรือสมองเพียงช่วยให้เข้าใจความคิด เข้าใจเหตุผลเท่านั้น แต่ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ เหมือนกับว่าเราจะรับรู้ภาพก็ต้องใช้ตา แต่ถ้าจะรับรู้เสียงก็ต้องใช้หู จะใช้ตารับรู้เสียงไม่ได้ ความรู้สึกก็ต้องอาศัยใจ แต่คนสมัยนี้ใช้หัวสมองมาก ใช้แต่ความคิด คิดอะไรก็เป็นเหตุเป็นผล แต่กลับลืมใช้ใจรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่ง ความขัดแย้งบ่อยครั้งลุกลามจนกลายเป็นการทะเลาะวิวาท เป็นเพราะว่าต่างไม่ยอม หรือไม่พยายามเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่ง พยายามจะใช้แต่เหตุผล

จิตแพทย์อีกผู้หนึ่งคือหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ พูดไว้น่าสนใจว่า “ เวลาสามีภรรยาทะเลาะกัน อย่าใช้เหตุผลเป็นอันขาด ให้ใช้อารมณ์ วางเหตุผลลงให้ได้ ปล่อยให้อารมณ์ลอยขึ้นมา อารมณ์รักที่เคยมีต่อกันในอดีตจะเข้ามาแก้ปัญหาให้เอง”

บ่อยครั้งเวลาสามีภรรยาทะเลาะกัน เหตุผลที่ใช้มักจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามขึ้น จนกลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะเหตุผลเหล่านี้ถูกเอามาใช้เพื่อยืนยันความถูกต้องของตนเอง และกล่าวโทษอีกฝ่าย พูดอีกอย่างคือใช้เหตุผลเพื่อชี้ว่าฉันถูก เธอผิด เหตุผลแบบนี้มีแต่จะกระทบอัตตาอีกฝ่าย ทำให้ขุ่นเคือง แต่ถ้าใช้อารมณ์ ซึ่งในที่นี้หมายถึง ความรัก ความเห็นใจ การทิ่มแทง กระทบกระทั่งกันก็จะลดน้อยลง ความรักจะทำให้เราเห็นใจ รับรู้ความทุกข์ของอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้จิตใจอ่อนโยน

เพราะฉะนั้น คนเราจะใช้แต่หัวสมองอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้หัวใจด้วย โดยเฉพาะในเวลาที่สัมพันธ์กับผู้อื่น เราใช้เหตุผลในการทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ เราใช้เหตุผลในการทำความเข้าใจว่าเขาคิดอะไร แต่เหตุผลหรือหัวสมอง ไม่สามารถทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ ถ้าคนเราไม่เข้าใจความรู้สึกของกันแล้ว ก็จะไม่รู้ว่าคำพูดของเราทิ่มแทงเขามากน้อยแค่ไหน ยิ่งใช้เหตุผลยิ่งทิ่มแทงมากขึ้น

สมัยนี้เราชอบพูดกันว่าให้ใช้เหตุผล แต่ว่าบางทีเหตุผลที่เอามาพูดกันนั้น ก็เป็นเหตุผลของกิเลส เป็นเหตุผลของอัตตา และบางครั้งก็มีข้อจำกัดในการแก้ปัญหา ถ้าเราใช้หัวใจบ้าง ใช้อารมณ์บ้าง แต่เป็นอารมณ์ฝ่ายกุศล เช่น ความรัก ความเมตตา ความเห็นใจ ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 07:58:32 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/uL99PyecWnoe.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863232&s=uL99PyecWnoe)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/qjpaBrfEaL80.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863369&s=qjpaBrfEaL80)  ถ้ามีเวลาโกรธ ก็ต้องมีเวลาปฏิบัติธรรม  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/qjpaBrfEaL80.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863369&s=qjpaBrfEaL80)

การฝึกจิต โดยเฉพาะการเจริญสติ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของชีวิต หลายคนก็รู้ มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติ แต่พอกลับไปแล้วเจอสภาพแวดล้อมเดิม ๆ เจอภารกิจการงานในครอบครัว ในที่ทำงาน รวมทั้งสิ่งเย้ายวนใจ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชวนให้หลงใหล สุดท้ายหลายคนก็จะบอกว่า ไม่มีเวลาปฏิบัติ

บ่อยครั้งคำว่า "ไม่มีเวลาปฏิบัติ" เป็นข้ออ้างของกิเกส เราเคยถามตัวเราเองบ้างไหมว่า ในเมื่อไม่มีเวลาปฏิบัติ แต่ทำไมมีเวลาโกรธ ไม่ได้โกรธเป็นชั่วโมงนะ โกรธเป็นวัน ๆ บางทีเป็นอาทิตย์ ทำไมมีเวลาเศร้า มีเวลาเครียด มีเวลาวิตก ทำไมเรามีเวลาให้กับสิ่งเหล่านี้ ทั้ง ๆ ที่มันบั่นทอนจิตใจ แต่ว่าสิ่งดี ๆ ที่ทำแล้วจะกอบกู้ชีวิตจิตใจเรา กลับบอกว่าไม่มีเวลา

น่าแปลกที่เราไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม ไม่มีเวลาไปหาพ่อแม่ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่มีเวลาเศร้า มีเวลาเครียด มีเวลาวิตกกังวล จมปลักเป็นชั่วโมง เป็นวัน เกิดอะไรขึ้น บางคนรู้ว่าต้องปฏิบัติ แต่ว่าเขาก็มีอะไรต่ออะไรมากมายที่ต้องทำ ก็ต้องถามตัวเราเองว่า สิ่งที่ทำมันเป็นสิ่งที่สำคัญหรือไม่ บางอย่างไม่สำคัญ แต่ว่าเป็นการเพิ่มรสชาติสีสันให้กับชีวิต เช่น ไปชอปปิ้ง เล่น Line เล่น Facebook หลายคนบอกว่าไม่มีเวลาปฏิบัติ แต่มีเวลาเล่น Line เล่น Facebook มีเวลาเที่ยวห้าง มีเวลาดูละคร อาทิตย์หนึ่งก็หลายสิบชั่วโมง ถ้ารวมเล่นอินเทอร์เน็ตก็เป็นร้อยชั่วโมง อันนี้เป็นเพราะจัดลำดับความสำคัญผิดพลาด สิ่งที่ไม่สำคัญเลยกลายเป็นสิ่งสำคัญขึ้นมา

ที่จริงการปฏิบัตินั้น เราไม่ได้ใช้เวลามาก คนที่บอกว่าไม่มีเวลาปฏิบัติ ขอถามว่ามีเวลาอาบน้ำ ถูฟันไหม มีเวลากินข้าวหรือเปล่า มีเวลาแต่งตัวไหม ถ้ามีเวลาทำสิ่งเหล่านี้ ก็แสดงว่ามีเวลาปฏิบัติ เพราะว่าการปฏิบัติไม่ได้แยกขาดจากกิจกรรมเหล่านี้เลย เวลาเราอาบน้ำ เราก็ปฏิบัติได้ เวลาเราถูฟัน เราก็ปฏิบัติได้ กินข้าวก็ปฏิบัติได้ ล้างจานก็ปฏิบัติได้ ปฏิบัติอย่างไร ก็ปฏิบัติอย่างมีสติ ทำกิจเหล่านี้ด้วยความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ไม่ปล่อยใจลอย แค่ทำทีละอย่างในชีวิตประจำวันก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติแล้ว

เวลาอาบน้ำ ใจก็อยู่กับการอาบน้ำ ไม่ใช่อาบน้ำแค่กาย แต่ใจคิดถึงงานการ คิดว่าจะทำอะไรให้ลูกกินเช้านี้ คิดว่าประชุมเช้านี้เราจะพูดอย่างไรดี อันนี้ถือว่าเราทำ ๒ อย่างในเวลาเดียวกัน ผลที่ตามมาก็คือใจลอย ใจฟุ้ง แต่ถ้าทำทีละอย่าง กินข้าว ใจก็อยู่กับการกินข้าว อาบน้ำ ใจก็อยู่กับการอาบน้ำ ถูฟัน ใจก็อยู่กับการถูฟัน ก็ถือว่าปฏิบัติแล้ว เป็นการเจริญสติไปในตัว

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 08:00:27 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/TM7Z9iImKQdO.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863233&s=TM7Z9iImKQdO)


จิตถ้าไม่ฝึกจะกลายเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเรา เพราะว่าหนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น ศัตรูที่เป็นคนข้างนอก เรายังพอมีโอกาสหนีได้บ้าง หาคนมาคุ้มกันได้บ้าง แต่ถ้าศัตรูอยู่ในใจเรา ไม่มีทางที่เราจะหนีพ้น ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น เพราะฉะนั้น การฝึกจิต โดยเฉพาะการเจริญสติ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของชีวิต หลายคนก็รู้ มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติ แต่พอกลับไปแล้วเจอสภาพแวดล้อมเดิม ๆ เจอภารกิจการงานในครอบครัว ในที่ทำงาน รวมทั้งสิ่งเย้ายวนใจ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชวนให้หลงใหล สุดท้ายหลายคนก็จะบอกว่า ไม่มีเวลาปฏิบัติ

บ่อยครั้งคำว่า "ไม่มีเวลาปฏิบัติ" เป็นข้ออ้างของกิเกส เราเคยถามตัวเราเองบ้างไหมว่า ในเมื่อไม่มีเวลาปฏิบัติ แต่ทำไมมีเวลาโกรธ ไม่ได้โกรธเป็นชั่วโมงนะ โกรธเป็นวัน ๆ บางทีเป็นอาทิตย์ ทำไมมีเวลาเศร้า มีเวลาเครียด มีเวลาวิตก ทำไมเรามีเวลาให้กับสิ่งเหล่านี้ ทั้ง ๆ ที่มันบั่นทอนจิตใจ แต่ว่าสิ่งดี ๆ ที่ทำแล้วจะกอบกู้ชีวิตจิตใจเรา กลับบอกว่าไม่มีเวลา

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 08:02:28 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/8OKMlLpc3dFB.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863234&s=8OKMlLpc3dFB)


เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนา แทนที่จะต่อสู้ขัดขืน อย่างแรกที่ควรทำคือยอมรับมัน ไม่ปฏิเสธหรือต่อสู้ขัดขืน อย่างน้อย ๆ มันช่วยทำให้เราทุกข์ใจน้อยลง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นของหาย งานหนัก หรือความเจ็บป่วย

เมื่อเจ็บป่วยแล้วบ่นตีโพยตีพาย คุณจะทุกข์กว่าเดิม ไม่ใช่แค่ทุกข์กายเท่านั้น แต่ทุกข์ใจด้วยแต่ถ้ายอมรับว่าเมื่อความป่วยเกิดขึ้นกับเราแล้ว ป่วยการที่จะตีโพยตีพายหรือปฏิเสธมัน แทนที่จะตีโพยตีพาย ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะมาพิจารณาว่าจะรักษาตัวอย่างไรให้หายป่วย

การยอมรับไม่ใช่การยอมจำนน แต่หมายถึงการยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ไม่เสียเวลาหรือเสียอารมณ์ด้วยการตีโพยตีพายโวยวาย

แต่เราจะยอมรับความจริงได้ก็ต้องมีสติรู้ทันใจของตัวเอง เพราะปฏิกิริยาแรกของใจก็คือการโวยวาย ต่อสู้ ขัดขืน ผลักไส เป็นธรรมดาของใจเมื่อเจอสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ใจก็จะผลักไสต่อต้านเป็นอย่างแรก ถ้าหนีไม่ได้ก็จะผลักไส แต่ถ้ามีสติรู้ทันอาการดังกล่าว มันก็จะคลายไป ช่วยทำให้ใจเราสงบ เพราะความสงบเกิดจากการยอมรับ แต่ถ้าเราดิ้นขัดขืนเมื่อไหร่ใจจะเป็นทุกข์ เร่าร้อนทันที

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 08:05:18 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/keRAExe0agj9.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863235&s=keRAExe0agj9)



ใครขโมยความสุขของคุณ?

ที่ประเทศญี่ปุ่น มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่บ้านคนเดียว ทุกวันเขาก็ไปทำงานที่บริษัท วันหนึ่งเขาสังเกตว่าในช่วง ๒-๓ เดือนที่ผ่านมามีของในบ้านหายหลายอย่าง โดยเฉพาะอาหารดี ๆ ที่เขาอุตส่าห์ซื้อมาเก็บไว้ในตู้เย็นและในตู้เก็บของ อยู่ดี ๆ ก็หายไป ไม่รู้หายไปไหน

เขาก็เลยสงสัยว่ามันต้องมีคนมาขโมย แต่ก็จับไม่ได้สักที เขาจึงติดกล้องวงจรปิดทุกจุดในบ้าน กล้องวงจรปิดสามารถถ่ายทอดสัญญาณมาที่โทรศัพท์มือถือได้ โทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่นนั้นพัฒนามาก สามารถที่จะรับสัญญาณภาพจากกล้องวงจรปิดในบ้านได้

วันหนึ่งเขาออกไปทำงานตามปกติ พอเปิดภาพดูสักพักก็จะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมายุ่มย่ามในบ้านของเขา แล้วก็เอาของใช้และของกินในบ้านไป เขาก็รีบเรียกตำรวจทันที ตำรวจก็มาที่บ้านและพบว่าประตูบ้านยังปิดแน่นหนา ไม่มีร่องรอยการเปิดเข้าไป เมื่อตำรวจเข้าไปในบ้าน ทุกอย่างก็ปกติ หน้าต่างไม่มีร่องรอยงัดแงะ แล้วผู้หญิงคนนั้นเข้าไปได้อย่างไร

ตำรวจพยายามค้นหาทุกซอกทุกมุมเพราะเชื่อว่ามีคนอยู่ในบ้านแน่นอน ในที่สุดก็เจอผู้หญิงคนนั้นซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า เธอยอมรับว่าเป็นขโมย และที่น่าแปลกก็คือเธอบอกว่าอยู่ในบ้านของผู้ชายคนนั้นมาสองเดือนแล้ว เธอไม่ได้ไปไหนเลย ซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลาเพราะว่าเป็นคนจรจัด เร่ร่อน

เธอเล่าว่าวันหนึ่งเห็นประตูบ้านหลังนี้เปิดอยู่ก็เลยเข้าไป แล้วก็ซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า เวลาเจ้าของบ้านออกไปทำงาน เธอก็ออกมาอาบน้ำ กินข้าว พอเจ้าของบ้านกลับมาก็ซ่อนตัวอยู่ในตู้เหมือนเดิม ผู้ชายคนที่เป็นเจ้าของบ้านนึกว่าเขาอยู่คนเดียวในบ้านมาโดยตลอด แต่ที่แท้ก็มีคนอยู่ในบ้านกับเขาด้วย เพราะฉะนั้นพวกเราเวลาอยู่คนเดียวก็ต้องแน่ใจนะว่าอยู่คนเดียว ไม่มีใครอยู่กับเราด้วย

ผู้ชายคนนี้หลงคิดว่าขโมยอยู่นอกบ้าน จึงคิดแต่จะป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้ามา แต่ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าที่จริงแล้วขโมยอยู่ในบ้าน และซุกซ่อนอยู่ใกล้ตัวเขามาตลอด

ที่จริงไม่ใช่แต่ผู้ชายคนนี้ ตัวเราก็มีขโมยอยู่ข้างในเหมือนกัน เวลาเรากินอาหารเข้าไป แทนที่สารอาหารจะเข้าไปเลี้ยงร่างกายเรา มันกลับถูกขโมยไปเลี้ยงพยาธิ หรือไม่ก็ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งจนเติบใหญ่เป็นก้อน อันนี้ก็เป็นการขโมยเหมือนกัน คือขโมยสุขภาพของเราไป

ไม่ใช่แค่สิ่งภายนอกเท่านั้นที่ทำให้สุขภาพของเราแย่ บางทีตัวการที่บั่นทอนสุขภาพเราก็อยู่ในร่างกายของเรานี้เอง แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือสิ่งที่ขโมยความสุขไปจากเรา ซึ่งไม่ได้อยู่ข้างนอก ตัวขโมยความสุขจริง ๆ อยู่ข้างใน ไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก อยู่ในใจเรา

เราอย่าไปคิดว่าเป็นเพราะเจ้านาย เป็นเพราะเพื่อนร่วมงาน หรือว่าเป็นเพราะนักการเมือง หรือว่าเพื่อนบ้านที่ทำให้เราไม่มีความสุข หรือทำให้ความสุขของเราลดน้อยถอยลง ที่จริงแล้วความสุขหายไปก็เพราะว่า

ขโมยที่อยู่ในใจเรานั้นเอง คือกิเลสและอารมณ์ต่าง ๆ ที่ครอบงำใจเรา ถ้าใจเราเปิดให้อารมณ์ต่าง ๆ เข้ามาครองใจ เช่น ความโกรธ ความเศร้าเสียใจ ความหดหู่ ความอิจฉา ความน้อยเนื้อต่ำใจ เราก็ไม่มีความสุข สิ่งเหล่านี้คือตัวการที่ขโมยความสุขไปจากเรา ไม่ใช่คนอื่น ไม่ใช่ใครที่อยู่ข้างนอก

แต่ว่ายังไม่สายที่เราจะไล่ขโมยเหล่านี้ออกไปจากใจของเรา วิธีการก็คือทำใจของเราให้มั่นคง เข้มแข็ง ไม่เปิดให้อารมณ์ต่าง ๆ เข้ามาครอบงำได้ จะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องปลูกสติขึ้นมารักษาใจ

สติเปรียบเหมือนยามเฝ้าบ้าน เป็นผู้รักษาประตูเมือง บ้านหรือเมืองก็คือใจ สติจะเป็นยามรักษาใจไม่ให้ ขโมยหรือโจรผู้ร้ายเข้ามาก่อกวนจิตใจ หรือขโมยความสุขไปจากใจเรา ถ้าเรามีสติดีเราจะไม่ปล่อยใจไปตามอารมณ์

ทุกวันนี้เราทุกข์เพราะเราปล่อยใจไปตามอารมณ์ หรือปล่อยให้อารมณ์ต่าง ๆ เข้ามาครอบงำ ไม่รู้จักปล่อย ไม่รู้จักวาง หมกมุ่น ครุ่นคิดอยู่กับสิ่งต่าง ๆ จนเป็นทุกข์ แต่ถ้าเรามีสติเราก็จะรู้ตัวว่าตอนนี้อารมณ์เข้ามาครอบงำใจ หรือกำลังขโมยความสุขไปจากเรา

สติช่วยให้เรารู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนกับเจ้าของบ้านที่เห็นขโมยกำลังยุ่มย่ามอยู่ในบ้าน ขโมยนั้นพอรู้ว่าเจ้าของบ้านรู้ทัน มันก็จะหนีไปเอง ไม่ยอมอยู่ให้ถูกจับง่าย ๆ

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 08:07:06 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/HmLocXPK10tI.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863236&s=HmLocXPK10tI)


ความสุขนั้นเป็นยอดปรารถนาของทุกคน ไม่มีใครที่ไม่วาดหวังชีวิตอันผาสุก แต่น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่กลับรู้จักความสุขน้อยมาก กล่าวคือ มักเห็นว่าความสุขเกิดจากวัตถุสิ่งเสพเท่านั้น ต่อเมื่อได้เสพได้ครอบครองจึงมีความสุข เงินจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต แท้จริงแล้วยังมีความสุขที่ประเสริฐกว่านั้นอีก เช่น ความสุขที่เกิดจากใจอันสงบ ความสุขจากความภาคภูมิใจเมื่อได้ทำความดี รวมทั้งความสุขเมื่อได้ละวาง

ความสุขประเภทหลังนั้นเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุสิ่งเสพ แม้มีน้อย ไม่ร่ำรวย ก็มีความสุขได้ เป็นสุขที่พบได้กลางใจเรา เป็นเพราะมองไม่เห็นความสุขดังกล่าว ผู้คนจึงพากันดั้นด้นแสวงหาความสุขที่อยู่นอกตัว แต่ไม่ว่าจะมีหรือได้มากเท่าไร ก็ไม่พบความสุขที่แท้ ต่อเมื่อหยุดแสวงหาสิ่งภายนอก หันกลับมามองตน วางใจให้ถูก ดูแลใจให้ดี ก็จะพบความสุขอันประเสริฐได้ไม่ยาก เป็นความสุขที่สัมผัสได้แม้ประสบกับความเจ็บป่วย พลัดพราก หรือยากไร้

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 08:08:56 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/9gKCBewnEGJ5.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863237&s=9gKCBewnEGJ5)


สุพจน์ซื้อเสื้อยี่ห้อดังมาตัวหนึ่งราคานับหมื่น เช้านี้ได้ฤกษ์สวมใส่เป็นครั้งแรก แต่เกรงว่าคนจะไม่สังเกต เวลาเดินจึงอกผายไหล่ผึ่งและนวยนาดเป็นพิเศษ สักพักก็ถามลูกน้องว่า

“มีคนกำลังมองฉันไหม ?”

“ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย” ลูกน้องตอบ

สุพจน์จึงผ่อนคลายลง เดินตามสบาย แล้วพูดว่า

“ตอนนี้ไม่มีคนมอง พักผ่อนสักนิดดีกว่า”

เสียเงินนับหมื่นซื้อเสื้อแล้วยังไม่พอ ต้องเสียแรงอวดมันให้คนเห็นด้วย แทนที่สุพจน์จะเป็น “นาย” ของเสื้อ เสื้อกลับมาเป็น “นาย”ของเขาแทน นี่ถ้าเสื้อเกิดมีรอยขีดข่วนหรือเกี่ยวตะปูจนขาด เขาคงเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

เป็นนายหรือเป็นทาสวัตถุ

แต่จะว่าไปแล้วตัวการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ “หน้าตา” สมัยนี้ถ้าอยากให้คนชมว่าเท่ ทันสมัย สะสวย หล่อเหลา มีเทสต์ ก็ต้องไปหาซื้ออะไรต่ออะไรมาใส่ตัว ไม่ว่าเสื้อ กางเกง รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา ล้วนแล้วแต่ราคาแพง ๆ ทั้งนั้น ซื้อมาแล้วไม่พอ ต้องหาทางอวดให้คนเห็นชัด ๆ ด้วย

ในทำนองเดียวกันเวลาจะกินหรือดื่มอะไร ก็ต้องเลือกแบรนด์ดัง ๆ หรือร้านเด่น ๆ เช่น อยู่ติดถนนใหญ่ คนข้างนอกมองเข้ามาเห็นทุกคำที่ดื่มกิน เวลาดื่มกินจึงต้องวางมาด ยิ่งถ้าเป็นกาแฟ ก็ต้องทำท่าครุ่นคิดนิดหน่อยราวกับกำลังคิดโปรเจ็คต์ร้อยล้าน หรือไม่ก็ทำทีว่ามีความสุขเต็มที่กับชีวิตอย่างที่เห็นในโฆษณา

ปัญหาก็คือใคร ๆ เขาก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าจะให้เด่นกว่าใคร ก็ต้องมีอย่างที่คนอื่นไม่มี หรือทำก่อนที่คนอื่นจะทำ เพราะฉะนั้นก็ต้องขวนขวายไล่ล่าหาของแพงยี่ห้อดังที่ไม่ซ้ำรุ่นกับใคร และทำตัวให้ “เดิ้น” ล้ำหน้าคนอื่นอยู่เสมอ ชีวิตที่มีหน้าตาเป็นแรงขับจึงวิ่งไม่หยุด เป็นชีวิตที่ไม่น่าจะมีความสุข

สำหรับคนที่มีเงิน หน้าตาหมายถึงการใช้ของแพง ๆ ส่วนคนที่มีอำนาจหรือมีชื่อเสียง หน้าตาหมายถึงการเป็นที่รู้จักและเคารพนบนอบ คนประเภทหลังนี้เวลาไปไหน จะคอยชำเลืองว่ามีใครรู้จัก
ถ้าเป็นดาราแต่ไม่มีใครมาทักทายหรือขอลายเซ็นก็จะรู้สึกเป็นทุกข์

ถ้าเป็นรัฐมนตรีหรือนายพล เข้าไปในร้านอาหารแต่พนักงานเสิร์ฟไม่รู้จัก ก็อาจคำรามในใจว่า “รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ?” คนที่รู้สึกแบบนี้ กินอาหารจะอร่อยได้อย่างไร อยู่ที่ไหนก็ไม่เป็นสุข เพราะแบกเอาตำแหน่งหรือชื่อเสียงไปตลอดเวลา

หน้าตานั้นแม้จับต้องไม่ได้ แต่ไปอยู่กับใคร ก็ทำให้ชีวิตหนักอึ้งและไม่เป็นสุข เพราะต้องคอยปรนเปรอมันอยู่ตลอดเวลา ถ้าปล่อยให้มันครองใจเมื่อใด ก็เท่ากับยอมให้มันมาชักใยทุกอิริยาบถ จะยืน จะนอน จะนั่งก็เพื่อมันสถานเดียว

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 01:58:34 pm
(https://uppic.cc/d/KJrV) (https://uppic.cc/v/KJrV)


ประธานาธิบดีมาร์คอสเป็นบุคคลที่เคยเรืองอำนาจอย่างถึงขีดสุดในประเทศฟิลิปปินส์ แทบเรียกได้ว่าเป็นเจ้าชีวิตของคนทั้งประเทศ แต่ครั้งหนึ่งเขาเคยเขียนความรู้สึกลงในบันทึกประจำวันว่า “ผมเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในฟิลิปปินส์ ผมมีทุกอย่างที่เคยใฝ่ฝัน พูดให้ถูกต้องก็คือ ผมมีทรัพย์สมบัติทุกอย่างเท่าที่ชีวิตต้องการ มีภรรยาซึ่งเป็นที่รักและมีส่วนร่วมในทุกอย่างที่ผมทำ มีลูก ๆ ที่ฉลาดหลักแหลมซึ่งจะสืบทอดวงศ์ตระกูล มีชีวิตที่สุขสบาย ผมมีทุกอย่าง แต่กระนั้นผมก็ยังรู้สึกไม่พึงพอใจในชีวิต”

มีเงินนับหมื่นล้านก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตมีความสุขมากนัก ดัง “เขา” เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน แต่ใช่ว่าเมื่อหันไปหาอำนาจแล้ว ชีวิตจะเป็นสุข ก็หาไม่ ดังมีมาร์คอสเป็นพยานรับรอง สัจธรรมดังกล่าวแม้จะชัดเจนและเห็นง่าย แต่คนเป็นอันมากกลับมองไม่เห็น เพราะคิดว่าที่ตัวเองไม่มีความสุขนั้นเป็นเพราะยังมีไม่พอ ถ้ามีมากกว่านี้ ก็จะเป็นสุข ดังนั้นจึงพยามตะเกียกตะกายไขว่คว้าหามาให้มาก ๆ แต่ก็มีความสุขแค่ตอนได้มาใหม่ ๆ เท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานก็กลับรู้สึกเหมือนเดิม หรืออาจยิ่งกว่าเดิมเพราะต้องเสียเวลาและพลังงานมากขึ้นในการรักษาทรัพย์หรืออำนาจที่เพิ่มขึ้น

การไล่ล่าหาทรัพย์และสมบัติเพราะคิดว่าจะทำให้มีความสุขมากขึ้น ทุกข์น้อยลงนั้น ไม่ต่างจากการวิ่งหนีเงาและรอยเท้าของตนเอง ไม่ว่าจะวิ่งเร็วเท่าใดหรือไกลเพียงใด เงาก็ยังไล่ตามทุกหนแห่ง ส่วนรอยเท้าก็ตามติดทุกฝีเก้า

ทำอย่างไรเงาและรอยเท้าถึงจะหาย ?
คำตอบก็คือ หลบมานั่งนิ่ง ๆ ใต้ร่มไม้

ต่อเมื่อหยุดวิ่ง หยุดไขว่คว้าล่าไล่ ความสุขและความพึงพอใจในชีวิตจึงจะบังเกิดขึ้น อันที่จริง “เขา” เกือบจะพบคำตอบที่แท้จริงของชีวิตอยู่แล้ว ตอนที่เขารู้สึกว่าการเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านนั้นไม่มีความหมายอะไร หากเขากลับมาตั้งคำถามกับการไขว่คว้าล่าไล่สิ่งภายนอก และหันมาแสวงหาความสุขจากภายใน เขาอาจค้นพบความสุขที่แท้และยั่งยืน แต่แล้วเขากลับเลือกอีกทางหนึ่งเพราะคิดว่าที่ยังไม่มีความสุขนั้นเป็นเพราะยังมีไม่พอ

พระพุทธองค์เมื่อครั้งทรงเป็นเจ้าชายสิทธัตถะนั้น คงมีความรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตอันพรั่งพร้อมบริบูรณ์ในพระราชวังไม่ต่างจาก “เขา” ตอนที่ถึงจุดสุดยอดในทางธุรกิจแล้ว แต่พระองค์ไม่ได้เลือกที่จะแสวงหาและตักตวงให้มากขึ้น หากเลือกที่จะสละให้เหลือน้อยที่สุด เริ่มด้วยการสละราชสมบัติและความสะดวกสบาย และจบลงด้วยการละวางความยึดถือในตัวตน จนพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิง

เมื่อใดที่รู้สึกเบื่อหน่ายท่ามกลางทรัพย์สมบัติและอำนาจ นั่นหมายความว่าชีวิตมาถึงทางแพร่งที่สำคัญ พึงระลึกว่าเรามีทางเลือกอยู่สองทาง นอกจากการตักตวงให้มากขึ้นหรือไขว่คว้าหาสิ่งใหม่แล้ว ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งนั่นคือหยุดไล่ล่าและหันมาแสวงหาความสุขจากภายใน

หากจะเลือกทางแรกก็ขอให้ตระหนักว่ายังมีอีกทางเลือกหนึ่งที่รอรับการกลับมาของเรา

พระไพศาล วิสาโล
#หอจดหมายเหตุพุทธทาส #BIA


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 02:06:28 pm
(https://uppic.cc/d/KJrA) (https://uppic.cc/v/KJrA)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/b1lZCni6Ntut.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863364&s=b1lZCni6Ntut)  สิ่งใดพร่อง มักเสียงดัง  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/b1lZCni6Ntut.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863364&s=b1lZCni6Ntut)

มีพุทธภาษิตว่า “ห้วยน้ำน้อย ไหลดังสนั่น ห้วยน้ำใหญ่ ไหลนิ่งสงบ สิ่งใดพร่องสิ่งนั้นดัง สิ่งใดเต็มสิ่งนั้นสงบ” โอ่งที่ว่างเปล่า เวลาเราเติมน้ำ หรือเปิดน้ำก๊อก เสียงจะดังมาก แต่พอน้ำเต็มโอ่งแล้วเสียงไม่ค่อยดัง กลองเสียงดังเพราะมันว่าง แต่ว่าถ้าเต็มแล้วมันนิ่งเหมือนกับลำน้ำ ลำธารใหญ่ จะไหลนิ่งสงบ แต่ว่าลำห้วยที่มีน้ำน้อย เสียงจะดัง คนเราก็เหมือนกันนะ ถ้าจิตใจรู้สึกเติมเต็ม เต็มนี้ไม่ใช่เต็มด้วยตัวตน แต่หมายถึงเต็มด้วยสาระหรือแก่นแท้ หรือเต็มเปี่ยมด้วยความสุข ก็จะสงบนิ่งไม่คุยโวโอ้อวด แต่คนที่รู้สึกกลวงอยู่ข้างใน หรือรู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่า ก็จะชอบคุยโวโอ้อวด การคุยโม้คุยโวนี้ไม่จำเป็นต้องคุยด้วยคำพูด อาจจะประกาศตัวตนด้วยสิ่งของเครื่องใช้ เช่นใช้ของแบรนด์เนมยี่ห้อดังๆ โทรศัพท์มือถือราคาแพงๆ รถราคาแพงๆ อันนี้ก็เป็นการประกาศตัวตนหรือคุยโม้อีกแบบหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงความพร่องภายใน คือไม่ค่อยมั่นใจในคุณค่าของตัวเอง จึงต้องโฆษณาตัวเองให้คนอื่นรู้ด้วยคำพูดบ้าง ด้วยข้าวของที่ใช้บ้าง

ทุกวันนี้ผู้คนนิยมสินค้าแบรนด์เนมกันมาก เพราะมันเป็นเครื่องประกาศตัวตนอีกแบบหนึ่ง หรือเป็นเครื่องมือในการโฆษณาตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่รู้สึกว่าข้างในนี้กลวง คือรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีคุณค่า รู้สึกว่าชีวิตของตัวนั้นว่างเปล่า พร่องในเรื่องคุณค่า เรื่องความหมายของชีวิต มีหลายคนชอบพูดว่า “รู้ไหมว่า อั๊วเป็นใคร” “รู้ไหมว่ากูเป็นลูกใคร” พวกนี้รู้สึกพร่องข้างในทั้งนั้น ไม่รู้ว่าตัวเองมีดีอะไรข้างใน จึงต้องพยายามโฆษณาตัวเองด้วยการอ้างพ่อ อ้างเจ้านาย แต่ถ้าคนที่เก่งจริงเขาจะเงียบ

พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 02:13:29 pm
(https://uppic.cc/d/KJrz) (https://uppic.cc/v/KJrz)


(https://uppic.cc/d/KJrC) (https://uppic.cc/v/KJrC)  สุขได้ทันทีขณะปัจจุบัน  (https://uppic.cc/d/KJrC) (https://uppic.cc/v/KJrC)

เรามักลืมไปว่า การเดินทางมีความสำคัญไม่น้อยกว่าจุดหมายปลายทาง แม้จะมีสิ่งสำคัญรออยู่ที่ปลายทาง แต่นั่นเป็นอนาคตที่ยังมาไม่ถึง และจะมาถึงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางต่างหากที่เป็นของจริงและแน่นอน เราจึงควรเก็บเกี่ยวมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ในขณะที่ยังไม่ถึงจุดหมาย เราก็ควรจะมีความสุขหรือทำใจให้สบายระหว่างการเดินทาง การละทิ้งความสุขระหว่างเดินทาง เพื่อหวังความสุขที่จุดหมายปลายทางนั้น เป็นการหวังน้ำบ่อหน้า แม้จุดหมายปลายทางคือรีสอร์ตหรือแหล่งท่องเที่ยว แต่ทำไมเราจึงรอคอยความสุขที่อยู่ข้างหน้า ในเมื่อเราสามารถมีความสุขตรงนี้เดี๋ยวนี้ได้เลย

ไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทางที่เป็นสถานที่เท่านั้น กับความสำเร็จก็เช่นกัน ทำไมเราจึงหวังว่าจะมีความสุขต่อเมื่อบรรลุความสำเร็จแล้ว ในเมื่อระหว่างที่ทำงานเราก็สามารถมีความสุขได้ ขอเพียงแต่วางใจให้เป็น คือ ไม่มัวจดจ่ออยู่กับความสำเร็จ แต่เอาใจมาอยู่กับการงานแทน เพียงแค่ไม่ยึดติดถือมั่นกับผลข้างหน้า ก็ช่วยลดความกังวลไปได้มากแล้ว

พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 27, 2018, 02:36:20 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/ZF4zdAhJvuR2.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863366&s=ZF4zdAhJvuR2)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/qjpaBrfEaL80.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863369&s=qjpaBrfEaL80)  ทางออกจากปัญหา  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/qjpaBrfEaL80.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863369&s=qjpaBrfEaL80)

เมื่อมีปัญหา ใคร ๆ ก็ย่อมแสวงหาทางออก แต่บ่อยครั้งเรามักได้ยินผู้คนบ่นว่า “ไม่มีทางออก ๆ” อันที่จริงทางออกนั้นมีเสมอ แต่ถ้าไม่เจอก็มักเป็นเพราะมองไม่ถี่ถ้วนหรือมองไม่รอบด้าน เพราะถ้าเพียงแต่เหลียวหลังไปดู ก็จะพบว่าทุกปัญหา โดยเฉพาะที่สร้างความทุกข์ใจ มีทางออกอย่างน้อยก็ทางหนึ่ง นั่นคือทางเข้า

เข้าทางไหน เราก็สามารถออกทางนั้นได้ เป็นแต่ผู้คนจำนวนส่วนใหญ่มองไม่เห็น หรือถึงมองเห็นก็ไม่คิดว่านั่นจะเป็นทางออกได้

พระไพศาล วิสาโล



ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook Zen Sukato
https://www.facebook.com/profile.php?id=100009011159513 (https://www.facebook.com/profile.php?id=100009011159513)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 12, 2018, 03:28:59 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload87/QEi1bLu8hgAj.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=873677&s=QEi1bLu8hgAj)


พรหมายถึงสิ่งประเสริฐ เมื่อขอพรจากพระ หลายคนนึกถึง โชคลาภ ทรัพย์สมบัติ รวมถึงการมีอายุยืน แต่อันที่จริงมีสิ่งอื่นที่ประเสริฐกว่านั้น ซึ่งเป็นหลักประกันแห่งความสุขอย่างแท้จริง ผู้คนเป็นอันมากแม้ได้ลาภก้อนใหญ่ มั่งคั่งร่ำรวย และมีอายุยืน ก็หามีความสุขไม่ กลับถูกความกลัดกลุ้มรุมเร้า เพราะพลัดพรากสูญเสียคนรัก ครอบครัวและงานการไม่เป็นดังใจ อีกทั้งยังเป็นเพราะได้เท่าไรก็ยังไม่พอใจเสียที

สิ่งที่ประเสริฐแท้ คือ สิ่งที่ช่วยรักษาใจให้เป็นสุขอยู่เสมอ เจออะไรใจก็ไม่ทุกข์ แม้ต้องประสบกับความพลัดพรากสูญเสีย อุปสรรค ความยากลำบาก หรือความเจ็บป่วยก็ตาม สิ่งนั้นคือธรรม อาทิ สติ สมาธิ ปัญญา และเมตตา หากสั่งสมให้งอกงามขึ้นในใจแล้ว ก็จะรู้จักวางใจถูกต้องกับสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบ ในยามมีโชค ก็ไม่หลงใหลเพลิดเพลินจนลืมตัว เมื่อเจอเคราะห์ ก็ไม่จมทุกข์จนหมดเนื้อหมดตัว อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ด้วย โดยเฉพาะการย้ำเตือนให้ไม่ประมาท และแจ่มแจ้งในสัจธรรมของชีวิต ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เข้าถึงสุขที่ประณีต ซึ่งวัตถุสิ่งเสพและเงินตราไม่สามารถให้ได้

ธรรมเหล่านี้ต่างหากคือพรที่ควรแสวงหาและน้อมนำให้เกิดขึ้นกับตนเอง เป็นสิ่งประเสริฐที่ควรมีคู่ชีวิตคู่จิตใจ

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 12, 2018, 03:29:44 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload87/xpEDJE8G2NMm.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=873676&s=xpEDJE8G2NMm)


ความสุขมิใช่อภิสิทธิ์ของคนรวย แต่เป็นสมบัติของทุกคน จริงอยู่เงินทองสามารถบันดาลความสะดวกสบายให้เกิดขึ้นได้ แต่ความสะดวกสบายหาใช่ความสุขไม่ คนจำนวนไม่น้อยมีความทุกข์ทั้ง ๆ ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ใช่หรือไม่ว่าคนสมัยนี้มีชีวิตที่สะดวกสบายและมั่งคั่งกว่าคนสมัยก่อนมาก แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความเครียด ความเจ็บป่วยทางจิต และอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าด้วยเช่นกัน

เจอสิ่งดี ๆ เช่น โชคลาภไม่ได้เป็นหลักประกันว่าใจจะดีหรือมีความสุขเสมอไป ในทำนองเดียวกันแม้เจอสิ่งร้าย ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าใจจะย่ำแย่หรือเป็นทุกข์ไปด้วย เจออะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าใจเป็นอย่างไร หากใจมีสติ ปัญญา หรือวางใจถูก แม้เจอสิ่งร้าย ๆ ใจก็ยังเป็นปกติ หรือมีความสุขได้ หลายคนไม่เพียงก้าวข้ามความยากลำบากและความสูญเสียพลัดพรากไปได้เท่านั้น หากยังเข้มแข็ง มั่นคง และฉลาดกว่าเดิม

ใจที่ฝึกไว้ดีแล้ว นอกจากจะเป็นปกติในยามเจอเหตุร้ายแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ด้วย ดังนั้นแทนที่จะร่ำร้องเรียกหาหรืออธิษฐานขอให้เจอสิ่งดี ๆ ควรที่เราจะให้ความสำคัญกับการหมั่นฝึกใจให้ดี มีคุณภาพ เพราะนี้ต่างหากที่เป็นหลักประกันแห่งความสุขที่แท้จริง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: พรวันใหม่ ชีวิตใหม่ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 10, 2019, 02:10:00 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/CZERfs82hOgO.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888169&s=CZERfs82hOgO)



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/7HziY8EqSFOo.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888170&s=7HziY8EqSFOo)  พรวันใหม่ ชีวิตใหม่  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/7HziY8EqSFOo.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888170&s=7HziY8EqSFOo)



วันใหม่แต่ละวัน เป็นเสมือนของขวัญที่มอบแก่เรา ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีงามและได้รับประโยชน์สุขจากการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ดังนั้นเพียงแค่ได้ตื่นมาพบวันใหม่ ก็เท่ากับว่าเราได้รับพรอันประเสริฐ ที่ไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์

วันใหม่หมายถึงโอกาสในการสร้างชีวิตใหม่ ที่เราไม่ควรรอให้ถึงปีใหม่เสียก่อน ขณะเดียวกันเมื่อปีใหม่ใกล้มาถึง เราก็ไม่ควรคาดหวังเพียงแค่ความสนุกสนานรื่นเริงหรือการได้เสพสิ่งใหม่ แต่ควรเป็นโอกาสสำหรับการมอบสิ่งใหม่ให้แก่จิตใจของตน เช่น ความสงบเย็น หรือ การให้คุณค่าใหม่แก่สิ่งที่เรามีอยู่แล้ว รวมทั้งการเร่งทำความดีที่เคยผัดวันประกันพรุ่ง เพราะสิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะทำให้เรามีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง หาใช่การมีรถคันใหม่ บ้านหลังใหม่ หรือของขวัญใหม่ ๆ ไม่

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: พรคู่ชีวิต - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 10, 2019, 02:18:35 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/SXYNhPTD12UH.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888172&s=SXYNhPTD12UH)



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/SFSQY0O7sWlj.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888171&s=SFSQY0O7sWlj)  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/SFSQY0O7sWlj.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888171&s=SFSQY0O7sWlj)  พรคู่ชีวิต  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/HG5vunyP1hQB.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888179&s=HG5vunyP1hQB)  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/HG5vunyP1hQB.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888179&s=HG5vunyP1hQB) (https://ima[font=comic sans ms][size=12pt][color=purple]ge.goosiam.com/imgupload/upload88/SFSQY0O7sWlj.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888171&s=SFSQY0O7sWlj)


พรหมายถึงสิ่งประเสริฐ เมื่อขอพรจากพระ หลายคนนึกถึง โชคลาภ ทรัพย์สมบัติ รวมถึงการมีอายุยืน แต่อันที่จริงมีสิ่งอื่นที่ประเสริฐกว่านั้น ซึ่งเป็นหลักประกันแห่งความสุขอย่างแท้จริง ผู้คนเป็นอันมากแม้ได้ลาภก้อนใหญ่ มั่งคั่งร่ำรวย และมีอายุยืน ก็หามีความสุขไม่ กลับถูกความกลัดกลุ้มรุมเร้า เพราะพลัดพรากสูญเสียคนรัก ครอบครัวและงานการไม่เป็นดังใจ อีกทั้งยังเป็นเพราะได้เท่าไรก็ยังไม่พอใจเสียที

สิ่งที่ประเสริฐแท้ คือ สิ่งที่ช่วยรักษาใจให้เป็นสุขอยู่เสมอ เจออะไรใจก็ไม่ทุกข์ แม้ต้องประสบกับความพลัดพรากสูญเสีย อุปสรรค ความยากลำบาก หรือความเจ็บป่วยก็ตาม สิ่งนั้นคือธรรม อาทิ สติ สมาธิ ปัญญา และเมตตา หากสั่งสมให้งอกงามขึ้นในใจแล้ว ก็จะรู้จักวางใจถูกต้องกับสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบ ในยามมีโชค ก็ไม่หลงใหลเพลิดเพลินจนลืมตัว เมื่อเจอเคราะห์ ก็ไม่จมทุกข์จนหมดเนื้อหมดตัว อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ด้วย โดยเฉพาะการย้ำเตือนให้ไม่ประมาท และแจ่มแจ้งในสัจธรรมของชีวิต ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เข้าถึงสุขที่ประณีต ซึ่งวัตถุสิ่งเสพและเงินตราไม่สามารถให้ได้

ธรรมเหล่านี้ต่างหากคือพรที่ควรแสวงหาและน้อมนำให้เกิดขึ้นกับตนเอง เป็นสิ่งประเสริฐที่ควรมีคู่ชีวิตคู่จิตใจ


พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 11, 2019, 11:03:08 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/ZHuW2s4jhjrt.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888664&s=ZHuW2s4jhjrt)




การปฏิบัติธรรมหรือการทำบุญในพุทธศาสนาล้วนเป็นไปเพื่อการลดละหรือสละวางสิ่งซึ่งก่อความข้องขัดในจิตใจ ซึ่งมีแก่นแกนอยู่ที่ความยึดติดถือมั่นในตัวตน หรือยึดมั่นว่าเป็น “ตัวกูของกู” ความยึดติดถือมั่นดังกล่าวแสดงอาการออกมาในหลายรูปลักษณ์

เช่น อยากได้ไม่รู้จักพอ (ตัณหา) อยากใหญ่ใคร่เด่น (มานะ) และติดยึดในความเห็นของตน (ทิฏฐิ) ตราบใดที่ยังมีความยึดติดถือมั่นในตัวตนอย่างแน่นหนาก็ยากจะมีความสุขใจได้ แม้มีวัตถุพรั่งพร้อมและมีอำนาจล้นแผ่นดินก็ตาม

ความสำเร็จทางโลกนั้นมุ่งที่การแสวงหาสิ่งต่างๆ มาครอบครองให้มากที่สุด สิ่งที่มักตามมาก็คือ ความยึดติดถือมั่นในตัวตนเพิ่มพูนมากขึ้น ทำให้เกิดความอยากได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่มีความสุขกับสิ่งที่มีขณะเดียวกันก็เกิดความหลงตัวว่าเก่งและสูงเด่น รวมทั้งยึดมั่นในความเห็นของตนเหนียวแน่นกว่าเดิม ซึ่งมักนำไปสู่การวิวาทบาดหมางและทะเลาะวิวาท ดังนั้นจึงมักมีเรื่องร้อนใจอยู่เนืองๆ สุขแต่กายแต่ใจไม่เป็นสุข

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: เป็นมิตรกับความเครียด - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 11, 2019, 11:12:47 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/x5MwPJuBO7xB.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888671&s=x5MwPJuBO7xB)



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/BvXRT2xr8cLW.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888674&s=BvXRT2xr8cLW)  เป็นมิตรกับความเครียด  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/BvXRT2xr8cLW.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888674&s=BvXRT2xr8cLW)

ความเครียดเป็นปัญหาสำคัญของคนในยุคนี้ มันไม่เพียงส่งผลต่อจิตใจเท่านั้น หากยังเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วย มีการศึกษาพบว่าร้อยละ ๕๐-๗๕ ของความเจ็บป่วยที่ผลักดันให้ผู้คนไปหาหมอนั้นสืบเนื่องจากความเครียด ใช่แต่เท่านั้นเมื่อพิจารณาจากสาเหตุการตายแล้ว กล่าวได้ว่าความเครียดเป็นภัยที่ร้ายแรงกว่าเหล้าหรือบุหรี่เสียอีก

อย่างไรก็ตามความเครียดมิใช่สิ่งเลวร้ายไปเสียหมด ความเครียดหากอยู่ในระดับพอประมาณก็ส่งผลดีได้ เช่น กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ เป็นที่รู้กันว่าหากเรียนแบบสบาย ๆ ไม่มีการบ้านยาก ๆ หรือฝึกทำสิ่งที่แปลกใหม่ไม่คุ้นเคย ( พูดง่าย ๆ คือ ถ้าไม่ออกจาก “ไข่แดง”เสียบ้าง) พัฒนาการในทางสติปัญญาหรือทักษะก็เกิดขึ้นได้ยาก ในทำนองเดียวกันความเครียดที่เกิดจากเส้นตายหรือการแข่งขัน นอกจากไม่เป็นโทษแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการงานด้วย ทำให้ผู้คนเอาศักยภาพที่มีอยู่มาใช้อย่างเต็มที่

เป็นที่รู้กันว่าเมื่อมีภัยคุกคาม คนเราจะมีปฏิกิริยาสองอย่าง คือ ไม่สู้ก็หนี ในภาวะดังกล่าวหัวใจจะเต้นเร็ว เส้นเลือดจะหดตัว เลือดจะถูกสูบฉีดเลือดไปยังกล้ามเนื้อมากขึ้น ขณะที่สมองจะจดจ่ออยู่กับภาพรวมและมองข้ามรายละเอียด ในกรณีที่สถานการณ์ไม่เลวร้ายมาก และหากเรามองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ ร่างกายจะมีปฏิกิริยาแตกต่างกัน แม้หัวใจยังคงเต้นเร็ว แต่สมองจะคมชัดขึ้น และมีฮอร์โมนบางอย่างหลั่งออกมาเพื่อช่วยในการฟื้นตัวและการเรียนรู้ โดยเส้นเลือดยังคงเปิดกว้าง

ในทางตรงข้าม แม้เจอสถานการณ์อย่างเดียวกัน (เช่น ทำข้อสอบ พูดในที่ชุมชน หรือเสนอแผนงาน) แต่เรามองว่ามันเป็นสิ่งเลวร้าย รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกกดดันบีบคั้น ร่างกายจะมีปฏิกิริยาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพและงานที่กำลังทำอยู่

มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์เคยทำการทดลองกับพนักงานธนาคารจำนวน ๔๐๐ คนในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มแรกได้ดูวีดีโอที่ตอกย้ำถึงผลร้ายของความเครียด กลุ่มที่สองดูวีดีโอที่พูดถึงความเครียดว่าสามารถเพิ่มพูนสมรรถนะของคนเราได้ ส่วนกลุ่มสุดท้ายไม่มีวีดีโอให้ดู หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ผู้วิจัยพบว่ากลุ่มที่สองจดจ่อกับงานมากขึ้น มีส่วนร่วมมากขึ้น และมีปัญหาสุขภาพน้อยลง ส่วนสองกลุ่มที่เหลือไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเลย

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือเมื่อปี ๒๕๕๕ นักวิจัยชาวอเมริกันได้ย้อนกลับไปดูผลการสำรวจสุขภาพแห่งชาติเมื่อปี ๒๕๔๑ ซึ่งมีการสอบถามคน ๓๐,๐๐ คนเกี่ยวกับความเครียดที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา รวมทั้งถามความเห็นว่าเขาเหล่านั้นเชื่อว่าความเครียดมีผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่ เมื่อตามไปดูว่าคนเหล่านั้นมีใครบ้างที่เสียชีวิตไปแล้ว ผู้วิจัยพบว่าคนที่ระบุว่ามีความเครียดสูงและเชื่อว่ามันมีผลเสียต่อสุขภาพ มีโอกาสตายก่อนวัยอันควรมากกว่าถึงร้อยละ ๔๓ ส่วนคนที่มีความเครียดสูงแต่ไม่คิดว่ามันเป็นอันตราย มีโอกาสตายเร็วน้อยกว่าคนที่มีความเครียดต่ำด้วยซ้ำ

การศึกษาดังกล่าวชี้ว่า ความเครียดจะส่งผลดีหรือเสียอยู่ที่ทัศนคติของเราเป็นสำคัญ รู้กันมานานแล้วว่าใจมีผลต่อกาย แต่ที่ผ่านมาเรามักให้ความสำคัญกับภาวะอารมณ์ เช่น ดีใจหรือเสียใจ รักหรือโกรธ ผ่อนคลายหรือกังวล แต่ในความเป็นจริง แม้แต่ทัศนคติหรือมุมมองของเราก็ส่งผลต่อสุขภาพหรือความเป็นไปในร่างกายด้วย

เมื่อเร็ว ๆ นี้คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยลพบว่า คนอายุ ๔๐ ที่มีทัศนคติลบต่อวัยชรา (เช่น เห็นว่าคนแก่เป็นพวกเหม่อลอย เรียนรู้สิ่งใหม่ได้ยาก) เมื่อผ่านไป ๒๕ ปี เนื้อสมองในส่วนที่เรียกว่าฮิปโปแคมปัสของคนเหล่านี้จะฝ่อลงมากกว่า รวมทั้งมีลิ่มเลือดมากกว่า ซึ่งล้วนเป็นตัวบ่งชี้ของโรคอัลไซเมอร์ สอดคล้องกับการวิจัยก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าคนที่มีอคติต่อวัยชราจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นใน ๔๐ ปีให้หลัง

ทั้งหมดนี้บอกเราว่า อะไรเกิดขึ้นกับเรา ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกหรือมีทัศนคติต่อมันอย่างไร แม้สิ่งไม่ดีเกิดกับเรา แต่หากเรารู้สึกดีกับมัน หรือมองมันในแง่บวก มันก็อาจมีประโยชน์กับเราได้ หรืออย่างน้อยก็ก่อความเสียหายน้อยลง ผู้ป่วยหลายคนเมื่อรู้สึกดีกับมะเร็ง ก็สามารถอยู่กับมะเร็งได้อย่างมีความสุข แต่ถ้าหากรู้สึกลบกับมัน ก็จะทุกข์ทรมานและตายเร็ว

กับความเครียดก็เช่นกัน หากเราหนีมันไม่พ้น แทนที่จะผลักไสมัน หรือตีโพยตีพาย ควรมองมันในแง่บวก หรือปรับใจให้เป็นมิตรกับมัน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นมันจะเป็นคุณกับเรา และกลายเป็นมิตรกับเราในที่สุด

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 11, 2019, 11:23:31 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/p0Th6AIYRrIp.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888675&s=p0Th6AIYRrIp)


มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “กานต์” เธอป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเมื่ออายุ ๓๐ ต้น ๆ โรคนี้มักเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุมาก ๆ ทีแรกหมอไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ หมอคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เธอป่วยเป็นมะเร็งนั้น อาจมาจากการที่เธอสูบบุหรี่ แต่เธอก็ไม่เคยสูบบุหรี่เลย

ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่กลัวความตายมาก ๆ ครั้งแรกที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งนั้น อารมณ์ของเธอแปรปรวน กลายเป็นคนขี้โกรธ โมโหใส่คนใกล้ชิดเป็นประจำ แต่ผ่านไปปีหนึ่งเธอก็สามารถทำใจได้ และสงบนิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดหนึ่งเธอก็พบว่า มะเร็งนั้นไม่ร้ายเท่ากับความทุกข์ใจ เธอบอกว่า

“มะเร็งไม่ได้ทำให้ยิ้มคุณหายไป ทุกข์ในใจต่างหากเป็นตัวทำ”
เธอกำลังจะบอกว่ามะเร็งที่เกิดขึ้นกับเธอนั้น อย่างมากก็ทำให้เกิดทุกข์ทางกายเท่านั้น มันไม่สามารถทำให้รอยยิ้มหายไปได้ หากรอยยิ้มจะหายไปก็เป็นเพราะความทุกข์ใจล้วน ๆ ถามว่าความทุกข์ใจเกิดจากอะไร ความทุกข์ใจเกิดจากการที่ไม่ยอมรับความจริง เธอเคยกล่าวว่า

“ในขณะที่เราคิดว่าความจริงมันโหดร้าย แต่การไม่ยอมรับความจริงนั้นโหดร้ายกว่า เพราะมันเปรียบเหมือนคุกที่ขังใจเราไว้”
มะเร็งเป็นเรื่องของกาย ส่วนความทุกข์ใจเป็นเรื่องของจิตใจที่ไม่ยอมรับความจริง คนที่จะเห็นอย่างนี้ต้องเจอความทุกข์มาด้วยตนเอง ถามว่าอะไรทำให้คนเราไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นมะเร็ง

คำตอบก็คือความยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย แต่หลังจากที่กานต์ได้หันมาศึกษาธรรม เธอพยายามไตร่ตรองมองตน จนพบว่า ทุกข์กายอันหนึ่ง ทุกข์ใจก็อีกอันหนึ่ง ทุกข์กายเกิดจากมะเร็ง ส่วนทุกข์ใจเกิดจากการวางใจผิด เพราะความหลงนั่นเอง การได้เห็นความจริงทำให้เธอมีใจที่สงบ และยอมรับความตายได้ ในที่สุดเธอก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ

หากใคร่ครวญดี ๆ จะพบว่าความทุกข์ใจนั้นไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก มันเกิดจากใจของเรา ใจที่วางผิด ใจที่หลง ใจที่ไม่เห็นความจริง หรือใจที่ลืมตัว หลงจมอยู่กับความทุกข์ คนเราทุกข์เพราะหลง แต่ความทุกข์นั้นเองทำให้เราเห็นความจริงได้ เพราะอะไร ก็เพราะเราหันมาพิจารณาความทุกข์ เมื่อเราพิจารณาความทุกข์ก็ทำให้เราเห็นความจริง

เป็นเพราะเหตุนี้เมื่อพระพุทธเจ้าทรงสอนอริยสัจ ๔ จึงทรงยกเอาทุกข์เป็นอริยสัจข้อแรก พระองค์ตรัสว่า ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้ให้รอบ ให้ทั่วถึง ท่านทรงใช้คำว่าปริญญา คือ รู้รอบรู้ทั่ว หมายความว่า ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน จะทำให้เกิดปัญญาที่ทำให้ออกจากทุกข์ได้ แต่การที่เราจะเห็นความจริงอย่างรอบด้านก็ต้องเจอทุกข์ด้วยตัวเองก่อน เมื่อเราเห็นทุกข์ พิจารณาทุกข์ ปัญญาก็จะเกิดขึ้น

คนเราเมื่อเกิดทุกข์ ก็มักหลงเข้าไปเป็นผู้ทุกข์ แต่ถ้ามีสติ จิตก็จะออกจากทุกข์ มาเป็นผู้เห็นทุกข์ พิจารณาทุกข์อย่างรอบด้านทั่วถึง ความทุกข์ที่พิจารณานั้นไม่ใช่ความทุกข์ที่ไหน ก็เป็นความทุกข์ที่เกิดจากความหลงนั่นเอง

เมื่อเราหันกลับมาใคร่ครวญ ก็จะรู้ว่าเราทุกข์เพราะหลง ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศร้อน ไม่ใช่ทุกข์เพราะคำพูดของคนอื่น ไม่ใช่ทุกข์เพราะเกิดโรคร้ายกับตน แต่เกิดจากความหลง ไม่รู้ตัว หรือวางใจผิด

ดังนั้นเราจะต้องหมั่นมองตนด้วยสติ พิจารณาตัวเรา ดูร่างกายไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นความจริงว่ากายและใจมันไม่จีรังยั่งยืน เกิดแล้วก็ดับไป มีแล้วก็เสื่อมไป เพราะมันเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เมื่อมีความทุกข์เกิดขึ้น ลองใช้ความทุกข์มาเป็นแบบฝึกหัดในการใคร่ครวญด้วยปัญญา โดยเริ่มจากสติ ดูว่าความโศกเศร้า ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจนั้นเกิดจากอะไร ดูเพื่อให้เรารู้ว่าเรากำลังคับแค้นอยู่ กำลังทุกข์อยู่ โดยไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่รู้แค่นั้นพอ

ถ้าหากยังไม่รู้ใจ ก็ขอให้รู้กายก่อน แล้วค่อยตามรู้ใจทีหลัง โดยหมั่นฝึกฝนเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่าเราทุกข์เพราะความคิด ไม่ได้ทุกข์เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ใช่เพราะมีสิ่งภายนอกมากระทบเรา ไม่ใช่เพราะแดด ไม่ใช่เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่เพราะรถติด ไม่ใช่เพราะคำพูดของคนอื่น แต่เป็นเพราะใจที่หลงต่างหากทำให้เป็นทุกข์

เราจะพ้นจากความหลง เห็นความจริงได้ ก็ด้วยการหมั่นรู้ตัวอยู่บ่อย ๆ เห็นความจริงบ่อย ๆ ปัญญาก็จะเกิด ตอนแรกจะเห็นด้วยสติ ตอนหลังเราจะเห็นด้วยปัญญา การเห็นด้วยสติ คือ การรู้ตัว ส่วนการเห็นด้วยปัญญา คือรู้ความจริง ทำให้หลุดจากความหลงซึ่งเป็นรากเหง้าของความทุกข์

ดังนั้นเราขอให้หมั่นเจริญสติ สร้างความรู้สึกตัวบ่อย ๆ เพื่อรับมือความทุกข์ที่จะเกิดขึ้น จนสามารถเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งปวงได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: * ปีใหม่ชีวิตใหม่ ทำในใจให้ถูกต้อง * - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 11, 2019, 11:35:18 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/D0e4zvxLXNnk.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888677&s=D0e4zvxLXNnk)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/C5xXcZXiW3cz.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888679&s=C5xXcZXiW3cz)  ปีใหม่ชีวิตใหม่ ทำในใจให้ถูกต้อง  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/C5xXcZXiW3cz.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888679&s=C5xXcZXiW3cz)


ปีใหม่นี้ ใครๆ ก็อยากได้ของใหม่ อยากได้ชีวิตใหม่ แต่ชีวิตใหม่ไม่ได้เกิดจากการที่เรามีโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ มีรถคันใหม่ มีบ้านหลังใหม่ อันนั้นไม่ได้ทำให้มีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง จะมีชีวิตใหม่อย่างแท้จริงได้ก็ต่อเมื่อเรามีคุณภาพจิตแบบใหม่ เริ่มต้นจากการเป็นมิตรกับตัวเอง รักตัวเองอย่างแท้จริง อยู่กับตัวเองได้ เมื่อเรามีความสุขในตัวเอง เราก็จะสามารถแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่นได้

การอยู่กับตัวเองยังรวมไปถึงการอยู่กับปัจจุบันด้วย ปีใหม่จะให้ชีวิตใหม่อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อเราทิ้งสิ่งเก่าๆ ไป นิสัยที่ไม่ดีเก่าๆ ก็วางหรือทิ้งเสีย อารมณ์เก่า ๆ ที่หมักหมมค้างคาในใจ รู้จักปล่อย รู้จักวางบ้าง ถ้ามันสะสมอยู่ในใจก็จะกลายเป็นพิษ เหมือนกับอาหารที่เรากิน ถ้าถ่ายไม่หมด มีสิ่งตกค้างหมักหมมมากๆ ก็จะเป็นพิษต่อร่างกาย อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ อารมณ์ที่หมักหมมในจิตใจก็อาจทำให้ เกิดเป็นมะเร็งในจิตใจได้

ปีใหม่ควรเป็นเวลาที่เราจะได้ปล่อยวาง หรือว่าขจัดปัดเป่าอารมณ์เก่าๆ ออกไป ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความโกรธ ความท้อแท้ ความเกลียด อย่าเก็บความโกรธเอาไว้ อย่าเก็บความเกลียดเอาไว้ อย่าเก็บสะสมความเศร้าเอาไว้ ปีใหม่ทั้งทีก็ปลดเปลื้องออกไป

การมีสติเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเรามีสติ สติจะช่วยขจัดปัดเป่าอารมณ์เก่าๆ ไป ไม่ให้หมักหมมในจิตใจ และทำให้ชีวิตใหม่อยู่เสมอ ตื่นขึ้นทุกวันจะไม่ใช่เป็นแค่เช้าวันใหม่แต่จะเป็นวันเริ่มต้นของปีใหม่ ของชีวิตใหม่

ทำทุกวันให้เป็นวันใหม่อยู่เสมอ แม้ว่าชีวิตประจำวันยังเป็นเหมือนเดิม ไม่ต่างจากเมื่อวาน แต่ว่ามีความรู้สึกใหม่ มีความรู้สึกใหม่เพราะว่าเราวางความรู้สึกเก่าๆ ทำให้ใจเราโปร่งโล่ง ปลอดจากความเศร้า ความโกรธ ความเกลียด ความหม่นหมองในใจ เราจะเป็นมิตรกับตัวเองได้ ก็ต้องรู้จักปล่อยวางอารมณ์ที่เศร้าหมอง ละวางความโกรธ ความโลภ มีความเพียร ใส่ใจในการทำความดี

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะทำให้เรามีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง แม้ว่าเรายังมีรถคันเดิม มีบ้านหลังเดิม ใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องเดิม แต่ถ้าเรามีคุณภาพจิตแบบใหม่แล้ว เราจะมีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง ทุกวันจะเป็นเวลาแห่งความสุข ทุกวันจะใหม่เสมอสำหรับเรา และทุกชั่วโมงก็จะใหม่เสมอเช่นเดียวกัน

พระไพศาล วิสาโล





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ความสุขเริ่มที่ใจ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 11, 2019, 11:43:39 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/g4n3iMJrwwPy.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888684&s=g4n3iMJrwwPy)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/C5xXcZXiW3cz.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888679&s=C5xXcZXiW3cz)  ความสุขเริ่มที่ใจ  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/C5xXcZXiW3cz.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888679&s=C5xXcZXiW3cz)

หลายคนทำอะไรต่ออะไรมากมายเพราะอยากได้ความสุข แต่ก็ไม่พบความสุขเสียที ทั้งนี้ก็เพราะมีสิ่งหนึ่งที่เขามองข้ามไป นั่นคือ การดูแลรักษาใจของตน ซึ่งต้องอาศัยการหมั่นมองหมั่นสังเกตจิตใจของตนอยู่เสมอ

เป็นเพราะละเลยจิตใจของตน ผู้คนจึงนอกจากหาความสุขไม่พบแล้ว ยังรู้สึกเหินห่างหมางเมินกับใจตน การอยู่คนเดียวจึงเป็นความทุกข์ทรมาน เกิดความรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยว ทั้ง ๆ ที่มิตรที่ดีที่สุดนั้นพบได้ที่ใจตนเช่นกัน

เมื่อใดก็ตามที่พบว่าความสุขหาได้ที่ใจ และมิตรที่ประเสริฐที่สุดก็คือใจของตน เมื่อนั้นเราก็มีความสุขได้ในทุกหนแห่ง เจออะไรก็ไม่ทุกข์ มีเท่าไรก็ไม่รู้สึกยากไร้ อยู่คนเดียวก็ไม่รู้สึกอ้างว้าง ใครจะมองเราอย่างไรใจก็ไม่หวั่นไหว สูญเสียเท่าใดใจก็ไม่เสียศูนย์

ภาวะเช่นนี้ย่อมประเสริฐกว่าชีวิตที่ร่ำรวยมั่งคั่ง มียศศักดิ์อัครฐาน ชื่อเสียงขจรไกล แต่ข้างในกลับไร้สุข ไม่รู้สึกพอในสิ่งที่ได้มา หวั่นไหวเพราะกลัวสูญเสีย และหงอยเหงาอ้างว้างเพราะไร้เพื่อนแท้

น้อยคนตระหนักว่า มีความสุขอีกชนิดหนึ่งที่ประเสริฐกว่า ขณะที่ความสุขประเภทแรกต้องอาศัยการเสพ ความสุขประเภทหลังเกิดจากการกระทำ เช่น การทำความดี เอื้อเฟื้อผู้อื่น หรือเกื้อกูลส่วนรวม รวมทั้งการทำสิ่งยากให้สำเร็จด้วยความเพียรของตน ความสุขประเภทนี้เป็นความสุขทางใจ ทำให้จิตใจเกิดปีติ แช่มชื่นเบิกบานหรือเกิดความภาคภูมิใจ ระลึกนึกถึงเมื่อใด ก็มีความสุขเมื่อนั้น แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายปีก็ตาม

ความปีติ แช่มชื่นเบิกบาน หรือความภาคภูมิใจ แม้ไม่หวือหวาเท่ากับความสนุกตื่นเต้นจากการเสพ แต่ประณีต ลุ่มลึกและช่วยเติมเต็มจิตใจ ทำให้สัมผัสได้ถึงคุณค่าและความหมายของชีวิต อีกทั้งยังเป็นสะพานไปสู่ความสงบเย็นในจิตใจ อันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้คนโหยหาในส่วนลึกของจิตใจ

การได้ครอบครองโภคทรัพย์แม้ให้ความสุขใจแก่เราอย่างรวดเร็ว แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน อีกทั้งยังตามมาด้วยความทุกข์ เพราะมันกลายเป็นภาระที่ต้องแบก สิ่งที่ยั่งยืนคงทนกว่าคือความสุขจากการทำความดี รวมทั้งความสงบที่เกิดจากการฝึกจิต ความสุขดังกล่าวไม่เพียงหล่อเลี้ยงใจให้เบิกบาน มีพลังในการทำงาน ยังช่วยให้เราเผชิญกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิตโดยไม่จมดิ่งในทุกข์

นอกจากเติมอาหารให้กาย หาทรัพย์มาใส่บ้านแล้ว การเติมสุขให้ใจด้วยการทำความดี ช่วยให้ผู้อื่นมีความสุขและฝึกจิตอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่มิอาจละเลยได้

หากหวังความสุขจากทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง เกียรติยศ ความสำเร็จ ก็ไม่มีวันพบสุขอย่างแท้จริง แม้แวดล้อมด้วยบริษัทบริวารที่สนองและปรนเปรอทุกสิ่งสรรพ อยู่ในคฤหาสน์อันโอฬาร หรือสถานที่อันงามวิจิตร ก็ยากที่จะพึงพอใจในชีวิตได้ เพราะสุขที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ข้างนอก แต่อยู่ในใจเราต่างหาก

ใจที่มองเป็น เห็นถูก มีเมตตา เข้าใจความจริงของชีวิต และรู้จักปล่อยวาง คือใจที่เปี่ยมสุข สุขจึงมิใช่สิ่งที่ต้องดิ้นรนแสวงหาจากที่ใด หากวางใจให้เป็น ก็พบสุขได้ทันที ดังนั้นแทนที่จะมองออกไปนอกตัว ควรหันกลับมาที่ใจของตน ปรับจิตรักษาใจให้ดี ก็จะพบความสุข ดังพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า “จิตที่ฝึกไว้ดีแล้วนำสุขมาให้”

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ยอมรับความจริง...เป็นการกระทำเพื่อตัวเอง - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 11, 2019, 11:50:22 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/uaOShxzq8Nw0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888686&s=uaOShxzq8Nw0)



ยอมรับความจริง...เป็นการกระทำเพื่อตัวเอง


จะว่าไปแล้วความทุกข์ของคนสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากใจที่ปฏิเสธต่อต้านความจริงที่เกิดขึ้นยิ่งกว่าอะไรอื่น ดังนั้นแม้แต่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เช่น รถติด ก็ทำให้ผู้คนหงุดหงิดอย่างหนัก ทั้งๆ ที่เครียดหรือกังวลเท่าใดก็ไม่ช่วยให้รถเคลื่อนได้เร็วขึ้น มีแต่จะทำให้เป็นทุกข์มากขึ้น

อะไรเกิดขึ้นกับเราก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไร มีสิ่งร้ายเกิดขึ้นกับเราก็ไม่ทำให้เราทุกข์มากเท่ากับใจที่ปฏิเสธต่อต้านสิ่งนั้น พูดอีกอย่าง ยิ่งเราปฏิเสธต่อต้านสิ่งใด ความทุกข์ก็จะยิ่ง เพิ่มขึ้นเมื่อเจอสิ่งนั้น

การวิจัยพบว่า คนที่กลัวเข็มฉีดยานั้น เมื่อถูกเข็มแทงจะรู้สึกปวดมากกว่าคนที่วางเฉยต่อเข็มนั้นถึงสามเท่าคงไม่ผิดหากจะกล่าวว่าใจที่ปฏิเสธต่อต้านความทุกข์ย่อมทำให้ความทุกข์นั้นทบทวีหรือตรีคูณ

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ทำไมทำความดี ก็ยังเป็นทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 11, 2019, 11:54:07 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/jWG2p4OOHXQJ.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888687&s=jWG2p4OOHXQJ)


ทำไมทำบุญ ทำทาน รักษาศีล แล้วยังเป็นทุกข์ ยังป่วย ยังเจ็บ ยังผิดหวัง ยังล้มเหลว ยังอกหัก ยังมีคนไม่ชอบหน้า ยังเกิดอุบัติเหตุ หรือรวมย่อ ๆ "ทำไมทำดี....แล้วไม่ได้ดี" หาคำตอบได้จากบทความนี้

- - - -

ธรรมในพุทธศาสนาแยกได้เป็นสองอย่างเท่านั้น คือ "จริยธรรม" และ "สัจธรรม"

จริยธรรมคือความดีเป็นสิ่งที่ต้องทำ ถ้าอยากมีความสุขก็ต้องทำ ต้องทำจึงจะมีชีวิตที่ผาสุกและเจริญงอกงามได้

ส่วนสัจธรรมคือความจริง เป็นสิ่งที่ต้องเห็นหรือเข้าถึง

การปฏิบัติธรรมถ้ากล่าวอย่างย่อๆ ก็มีแค่สองเท่านั้น คือทำความดี และเห็นความจริง

ทำความดีได้แก่ การให้ทาน การรักษาศีล รวมทั้งการภาวนาที่ทำให้คุณภาพจิตเจริญงอกงาม เช่น มีเมตตา มีความเพียร มีขันติ มีความอดทน ซึ่งล้วนทำให้จิตใจอ่อนโยน นุ่มนวล เอื้อเฟื้อต่อการทำความดี แต่เท่านั้นยังไม่พอ เราต้องฝึกจิตให้ "เห็นความจริง" ด้วย ความจริงนั้นมีมากมาย อาจจะเรียกว่าไม่น้อยกว่าดวงดาวที่อยู่บนฟากฟ้า หรือที่อยู่ในจักรวาลนี้

พระพุทธเจ้าเคยเปรียบความจริงทั้งหลายในโลกนี้ เหมือนกับใบไม้ในป่า คราวหนึ่งพระพุทธองค์ได้ประทับที่ป่าประดู่ลาย และหยิบใบไม้มากำมือหนึ่ง ตรัสถามพระสาวกว่าใบไม้ในมือของพระองค์กับใบไม้ในป่า อันไหนมีมากกว่ากัน พระสาวกก็ตอบว่าใบไม้ในป่ามีมาก ใบไม้ในกำมือพระองค์มีน้อย

พระพุทธองค์ก็ตรัสว่า ธรรมะที่พระองค์สอนก็เหมือนกับใบไม้ในกำมือ น้อยกว่าความจริงทั้งหลายในโลกและจักรวาลนี้ ความจริงมีมากมายนับประมาณไม่ได้ มหาศาลมาก แต่ความจริงที่พระพุทธเจ้าเอามาสอนนี้มีเพียงน้อยนิด เช่น ความจริงเกี่ยวกับรูปนาม ความจริงเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม ความจริงเกี่ยวกับเหตุแห่งทุกข์ คือปฏิจจสมุปบาท ความจริงที่เกี่ยวกับการดับทุกข์ คือปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร รวมทั้งความจริงเกี่ยวกับไตรลักษณ์

จะว่าไปแล้วมีความจริงไม่กี่อย่างที่เราควรเปิดใจให้เห็น ถ้าเราทำความดีแต่ไม่สามารถเปิดใจให้เห็นความจริงอย่างที่ว่ามา ก็ยังหนีความทุกข์ไม่พ้น หรือยังไม่สามารถยกจิตเหนือความทุกข์ได้ ก็ยังต้องทุกข์ต่อไป

ถึงแม้ว่าการทำความดีนั้นจะช่วยให้เรามีความทุกข์น้อยลง มีความสุขมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง คนที่ทำความดีมามากก็ยังมีความทุกข์อยู่ อาจจะทุกข์เพราะทำความดีแล้วไม่มีคนเห็น มีความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกตำหนิ มีความแค้นเคืองที่ถูกต่อว่าด่าทอ หรือเป็นทุกข์เมื่อล้มป่วย

มีคนจำนวนไม่น้อยทำความดี สร้างบุญกุศล เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ คือมีอายุยืน ไม่ป่วยไข้ ชีวิตมีแต่ความเจริญ แต่พอเจ็บป่วยก็ทำใจไม่ได้ ตีโพยตีพายว่าทำไมต้องเป็นฉัน ฉันอุตส่าห์ทำความดี ทำไมฉันถึงต้องเป็นมะเร็ง อันนี้เป็นตัวอย่างของคนที่แม้ทำความดีแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะพ้นทุกข์ ยิ่งถ้าทำความดีด้วยความเชื่อว่าทำความดีแล้วจะไม่มีทุกข์ ก็ยิ่งทุกข์เข้าไปใหญ่

มีชายคนหนึ่งทำบุญให้ทานรักษาศีลตั้งแต่ยังหนุ่ม เพราะมีความเชื่อว่าทำแล้วชีวิตจะมีแต่ความสุขความเจริญ อายุยืน รอดพ้นจากโรคาพยาธิ แคล้วคลาดจากภัยอันตราย แล้ววันหนึ่งก็พบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง เขาทำใจไม่ได้ ไม่ใช่เสียใจเท่านั้น แต่ยังมีความโกรธเคือง รู้สึกเหมือนถูกโกหกหลอกลวง ถูกหักหลัง เอาแต่ตัดพ้อว่า ทำไมฉันทำบุญแล้วถึงต้องล้มป่วย ทำไมบุญกุศลไม่ช่วยฉันเลย ทำไมทำดีแล้วต้องมาเจอทุกข์ภัยแบบนี้

เขาแค้นเคืองมาก แสดงความก้าวร้าวต่อหมอและพยาบาลเพราะทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน กลายเป็นว่าไม่เพียงแค่ป่วยกาย แต่ยังป่วยใจด้วย เพราะว่าวางใจผิด ตอนตายเขาก็ตายไม่สงบเพราะรู้สึกผิดหวังที่ต้องมาเจอเคราะห์กรรมแบบนี้ ทั้งๆ ที่ทำความดี รักษาศีลมาตลอด

อันนี้เป็นเพราะเขาไม่ตระหนักถึงความจริงที่ว่าคนเราไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม รวยหรือจน เด็กหรือผู้ใหญ่ พระหรือโจร ก็หนีความเจ็บป่วยและความตายไม่พ้น แต่ถ้าตระหนักถึงความจริงที่ว่าความแก่ ความเจ็บป่วยหรือความตายก็ดี เป็นธรรมดาของชีวิต เป็นความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น ก็จะทำใจยอมรับได้ และจะไม่ตีโพยตีพายซึ่งกลายเป็นการซ้ำเติมร่างกายให้ย่ำแย่ลงไป

อันนี้เป็นตัวอย่างว่าทำความดีอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องฝึกใจหรือเปิดใจให้เห็นความจริง เห็นความจริงเกี่ยวกับไตรลักษณ์คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตระหนักว่าในที่สุดแล้วคนเราก็ไม่อาจหนีความเจ็บป่วยและความตายได้พ้น รวมไปถึงความพลัดพรากสูญเสียด้วย เป็นเพราะคนเราไม่เห็นความจริงตรงนี้ ดังนั้นแม้ทำความดีก็ยังทุกข์

ดังนั้นการฝึกใจให้เห็นความจริงเป็นการปฏิบัติธรรมที่สำคัญ ช่วยให้เราสามารถอยู่ในโลกที่ผันผวนแปรปรวนได้โดยที่ใจไม่ทุกข์ เมื่อเราได้เห็นความจริงในเรื่องไตรลักษณ์แล้ว ก็ทำให้เรามีท่าทีและวางใจเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา ใจก็เป็นปกติได้ ไม่ต้องรู้ความจริงถึงขั้นเป็นพระอริยเจ้าก็ได้ แม้เป็นปุถุชน แต่ถ้าเปิดใจยอมรับความจริงเหล่านี้อยู่เสมอ ก็สามารถที่จะอยู่กับความทุกข์ ความพลัดพรากสูญเสียได้โดยใจไม่ทุกข์

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ไม่รู้จักตัวเอง - wะอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 11, 2019, 11:57:13 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/6lMino7bnMFM.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888688&s=6lMino7bnMFM)


เดวิด เซอร์วอง ชไรเบอร์ เป็นศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาชาวฝรั่งเศส ที่ผ่านงานวิจัยมานับไม่ถ้วน คราวหนึ่งเขาทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์กับสมอง โดยให้อาสาสมัครดูภาพที่รุนแรงน่ากลัว ขณะเดียวกันก็มีการตรวจวัดคลื่นสมองของอาสาสมัครด้วยเครื่อง MRI

อาสาสมัครผู้หนึ่งเป็นนักวิจัยสาวในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับเขา หลังจากที่ฉายภาพดังกล่าวให้เธอดูพักใหญ่ หัวใจของเธอก็เต้นแรงมาก ความดันเลือดพุ่งพรวดจนอยู่ในระดับที่ไม่ปกติ เขารู้สึกเป็นห่วงเธอ จึงแนะนำว่าควรหยุดการทดลองนี้ เธอมีสีหน้าแปลกใจ แล้วบอกกับเขาว่าเธอสบายดี ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ภาพเหล่านี้ไม่มีผลต่อเธอ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงคิดหยุดการทดลอง

คำตอบของเธอทำให้เขาแปลกใจ เพราะร่างกายของเธอฟ้องชัดเจนว่าเธอกลัว แต่เธอกลับไม่รู้ตัวว่ากำลังมีความกลัว เขารู้ในเวลาต่อมาว่าเธอมีเพื่อนน้อยมาก เพื่อนร่วมงานของเธอไม่มีใครที่ชอบเธอเลย ทั้ง ๆ ที่เธอฉลาดหลักแหลมแต่ไม่มีใครอยากทำงานกับเธอ หลายคนสงสัยว่าเป็นเพราะอะไร บ้างก็คิดว่าเป็นเพราะเธอพูดแต่เรื่องของตัวเอง โดยไม่สนใจคนอื่นเลย ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีใครอยากคบเธอเลย

แต่เดวิดคิดว่าเขารู้คำตอบ ปัญหาสำคัญของเธอก็คือ การไม่รับรู้อารมณ์ความรู้สึกของตนเอง ส่งผลให้เธอมืดบอดต่ออารมณ์ความรู้สึกของคนอื่น เธอจึงพูดหรือทำอะไรต่ออะไรที่กระทบความรู้สึกของคนอื่นอยู่เนือง ๆ โดยไม่รู้ตัว ทำให้ใคร ๆ ไม่อยากคบเธอ หรือทำงานร่วมกันกับเธอ

อารมณ์ความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเราอย่างยิ่ง เกิดขึ้นเมื่อใดใจก็น่าจะรับรู้ได้ทันที แต่นับวันผู้คนที่ไม่รับรู้อารมณ์ความรู้สึกของตนมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถูกถามว่า “คุณรู้สึกอย่างไรขณะนี้” หรือ “เมื่อกี้รู้สึกอย่างไร” หลายคนกลับตอบไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร บางคนเอาความคิดในหัวของตนมาตอบ

นั่นเป็นเพราะทุกวันนี้ผู้คนเหินห่างแปลกแยกกับตัวเองมาก เนื่องจากหมกมุ่นอยู่กับสิ่งภายนอกมากเกินไป เช่น งานการ เงินทอง จนละเลยความรู้สึกของตน หาไม่ก็ใช้ “สมอง”มากเกินไป จนลืมใช้ “หัวใจ”ของตน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนเป็นอันมากทั้ง ๆ ที่กำลังหงุดหงิด แต่กลับไม่รู้ตัวว่าหงุดหงิด จริงอยู่คนที่ด้านชาต่ออารมณ์ของตน และมืดบอดต่ออารมณ์ของคนอื่น อย่างนักวิจัยสาวผู้นั้น อาจมีไม่มาก แต่เธอก็เป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้คนมากมายในปัจจุบัน

นอกจากเหินห่างแปลกแยกกับอารมณ์ของตนแล้ว หลายคนยังมีอาการดังกล่าวแม้กระทั่งกับร่างกายของตน เดวิดพบว่าแพทย์ประจำบ้านในโรงพยาบาลของเขาหลายคนมีพฤติกรรมคล้าย ๆ กัน กล่าวคือ หลังจากทำงานอย่างหนักตลอดทั้งวันติดต่อกันวันแล้ววันเล่า แถมยังต้องเข้าเวรดึก หรือถูกเรียกตัวกลางดึกอาทิตย์ละหลายครั้ง คนเหล่านี้เมื่อเสร็จงานก็เดินไปยังร้านฟาสต์ฟูดทันทีราวกับว่านั่นคือสิ่งที่ร่างกายต้องการ
อันที่จริงร่างกายของคนเหล่านี้ส่งสัญญาณว่าต้องการพักผ่อน แต่เป็นเพราะเขาไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างทุกข์เพราะเหนื่อยล้า กับ ทุกข์เพราะหิว ดังเมื่อเหนื่อยล้าขึ้นมา แทนที่จะไปนอนสักงีบ กลับตรงไปหาของกินทั้ง ๆ ที่ดึกแล้ว ผลก็คือคนเหล่านี้อ้วนเอา ๆ ขณะที่ร่างกายก็เหนื่อยล้าขึ้นเรื่อย ๆ

นี้คงเป็นคำอธิบายว่าเหตุใดผู้คนยุคนี้ยิ่งเครียดยิ่งล้าก็ยิ่งอ้วนขึ้น ๆ
ฉลาดแค่ไหน รวยเพียงใด ก็ไม่ควรลืมกายและใจ แต่หากเหินห่างแปลกแยกกับใจและกายของตน ก็เท่ากับไม่รู้จักตัวเอง และเมื่อไม่รู้จักตัวเองเสียแล้ว จะมีความสุขหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างไร

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: หลุดหลงเพราะรู้ทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 11, 2019, 12:53:23 pm
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/BHGc2Yiov2CW.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888692&s=BHGc2Yiov2CW)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/C5xXcZXiW3cz.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888679&s=C5xXcZXiW3cz)  หลุดหลงเพราะรู้ทุกข์  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/C5xXcZXiW3cz.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888679&s=C5xXcZXiW3cz)


ความหลงมีสองอย่าง คือ “ไม่รู้ตัว” กับ “ไม่รู้ความจริง” การไม่รู้ตัวเกิดจากความเผลอ ลืมตัว มันทำให้เราคิดไปในทางที่เพิ่มทุกข์ให้แก่ตนเอง เชื้อเชิญความทุกข์ใจให้เกิดขึ้นกับเรา ความโศกความร่ำไรรำพันมักจะเกิดตอนที่เรานึกถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว สิ่งที่เสียไปแล้ว คนรักที่จากไปแล้ว ไม่สามารถจะเอากลับคืนมาได้ ก็เลยเศร้าโศกเสียใจ ความคับแค้นใจมักจะเกิดตอนที่เรานึกถึงคนที่ขัดอกขัดใจเรา หรือคนที่ต่อว่าด่าทอเรา บางครั้งเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ใจก็ไม่ยอมวางเสียที บางทีก็จดจ่อหมกมุ่นกับอนาคต คิดไปในทางเลวร้าย มันจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็คิดไปในทางลบแล้ว เรียกว่ามโน ก็ทำให้เกิดความวิตกกังวล กระวนกระวาย ความทุกข์ใจเกิดขึ้นแล้วก็ยังหลงปกป้องรักษาฟูมฟักหล่อเลี้ยงมันเอาไว้ อันนี้ก็คือความหลง ไม่รู้ตัว

แต่ที่จริงแล้วรากเหง้าของความทุกข์คือ หลงตัวที่สองคือ “ไม่รู้ความจริง” ความจริงที่ว่า คือ สิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ดับไป เรียกว่าเป็นทุกข์ หรือ ทุกขัง รวมทั้ง ไม่มีอะไรที่สามารถยึดเป็นตัวเป็นตนได้ คือเป็นอนัตตา สรุปก็คือ สิ่งทั้งปวง ไม่ว่ารูปธรรมหรือนามธรรม ล้วนไม่น่ายึดถือเพราะยึดถือไม่ได้ เพราะว่ามันแปรเปลี่ยนเป็นนิจ มันต้องเสื่อมต้องดับไป แต่พอเราไม่รู้ความจริงข้อนี้ เราก็เลยมีความคิดหรือความอยากที่สวนทางกับความจริง หรือมิอาจเป็นจริงได้ เช่น ยึดว่าร่างกายนี้จะต้องหนุ่มต้องสาวตลอด จะต้องไม่แก่ จะต้องมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง มีกำลังวังชาไปเรื่อย ๆ จะต้องไม่เจ็บไม่ป่วย ทั้ง ๆ ที่ควรจะมองว่าคนเราที่ไม่แก่ ไม่ป่วยนั้นไม่มี แต่ว่าใจไม่ยอมรับเพราะหลงยึดเอาไว้ ยึดไว้ว่าอะไรที่ได้มาแล้วก็จะไม่เสื่อมสูญไป มีของรักมีของถูกใจแล้วก็จะยึดให้มันอยู่กับเราไปนาน ๆ ชั่วฟ้าดินสลาย แต่ความปรารถนาเหล่านี้ล้วนขัดแย้งกับความจริง ก็เลยเกิดความทุกข์ใจ เกิดความอาลัย เกิดความวิตก เมื่อของรักหายไปก็กลุ้มอกกลุ้มใจ เมื่อคนรักจากไปก็โศกเศร้าเสียอกเสียใจ นี่เป็นเพราะความหลง ไม่รู้ความจริง

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 19, 2019, 06:25:27 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload89/MtnZk27diMIo.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=893633&s=MtnZk27diMIo)


ความจริงกับสิ่งที่ควรจะเป็นนั้นมักจะขัดแย้งกันอยู่เสมอ ใครที่มัวยึดติดกับสิ่งที่ควรจะเป็นมักยอมรับความจริงที่กำลังเกิดขึ้นได้ยาก จึงอยู่อย่างระทมทุกข์

จริงอยู่การยอมรับ กับ การยอมจำนนนั้นต่างกัน เหตุร้ายหลายอย่างเราสามารถแก้ไขหรือบรรเทาได้ ดังนั้นจึงไม่ควรยอมจำนน แต่ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการยอมรับมันอย่างที่เป็นก่อน กระนั้นก็มีเหตุร้ายบางอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้เลย ในกรณีเช่นนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คือการยอมรับมันและอยู่กับมันให้ได้

ความแก่ ความเจ็บ ความตาย และความพลัดพรากสูญเสีย เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีใครหนีพ้น แม้นร่ำรวยมหาศาล มีอำนาจล้นฟ้า ก็หนีความจริงเหล่านี้ไปไม่ได้ ในทำนองเดียวกันคนดีมีศีล ขยันทำบุญทำทาน ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะแม้แต่พระอรหันต์ก็ยังต้องประสบเช่นกัน สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่ว่าจะวางใจอย่างไร เจอเหตุร้ายแต่ใจไม่ทุกข์ ป่วยกายแต่ใจไม่ป่วยนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ ดังนั้นเมื่อเจอเหตุร้าย แทนที่จะบ่นตีโพยตีพายว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน” ควรหันมาวางใจให้ถูก เริ่มต้นด้วยการยอมรับมัน แล้วใคร่ครวญหาทางแก้ไข หรือใช้ประโยชน์จากมัน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 25, 2019, 05:51:21 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload89/N7alKQIpWne7.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=897174&s=N7alKQIpWne7)


บทสวดที่ว่า “เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้ เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้”

อันนี้เป็นทุกข์แบบหนึ่ง เรียกว่าทุกข์ของสังขาร เป็นเรื่องของกาย

ทุกข์อีกแบบหนึ่งคือ ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ อันนี้เป็นเรื่องของอารมณ์ เรื่องของใจ ความทุกข์ทางอารมณ์หรือทุกข์ใจนี้ จะว่าไปแล้วล้วนเกิดจากความหลง

ความหลงมีสองอย่าง คือ “ไม่รู้ตัว” กับ “ไม่รู้ความจริง”

การไม่รู้ตัวเกิดจากความเผลอ ลืมตัว มันทำให้เราคิดไปในทางที่เพิ่มทุกข์ให้แก่ตนเอง เชื้อเชิญความทุกข์ใจให้เกิดขึ้นกับเรา ความโศกความร่ำไรรำพันมักจะเกิดตอนที่เรานึกถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว สิ่งที่เสียไปแล้ว คนรักที่จากไปแล้ว ไม่สามารถจะเอากลับคืนมาได้ ก็เลยเศร้าโศกเสียใจ ความคับแค้นใจมักจะเกิดตอนที่เรานึกถึงคนที่ขัดอกขัดใจเรา หรือคนที่ต่อว่าด่าทอเรา บางครั้งเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ใจก็ไม่ยอมวางเสียที

บางทีก็จดจ่อหมกมุ่นกับอนาคต คิดไปในทางเลวร้าย มันจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็คิดไปในทางลบแล้ว เรียกว่ามโน ก็ทำให้เกิดความวิตกกังวล กระวนกระวาย ความทุกข์ใจเกิดขึ้นแล้วก็ยังหลงปกป้องรักษาฟูมฟักหล่อเลี้ยงมันเอาไว้ อันนี้ก็คือความหลง ไม่รู้ตัว

แต่ที่จริงแล้วรากเหง้าของความทุกข์คือ หลงตัวที่สองคือ “ไม่รู้ความจริง”

ความจริงที่ว่า คือ สิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ดับไป เรียกว่าเป็นทุกข์ หรือ ทุกขัง รวมทั้ง ไม่มีอะไรที่สามารถยึดเป็นตัวเป็นตนได้ คือเป็นอนัตตา สรุปก็คือ สิ่งทั้งปวง ไม่ว่ารูปธรรมหรือนามธรรม ล้วนไม่น่ายึดถือเพราะยึดถือไม่ได้ เพราะว่ามันแปรเปลี่ยนเป็นนิจ มันต้องเสื่อมต้องดับไป แต่พอเราไม่รู้ความจริงข้อนี้ เราก็เลยมีความคิดหรือความอยากที่สวนทางกับความจริง หรือมิอาจเป็นจริงได้ เช่น ยึดว่าร่างกายนี้จะต้องหนุ่มต้องสาวตลอด จะต้องไม่แก่ จะต้องมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง มีกำลังวังชาไปเรื่อย ๆ จะต้องไม่เจ็บไม่ป่วย ทั้ง ๆ ที่ควรจะมองว่าคนเราที่ไม่แก่ ไม่ป่วยนั้นไม่มี แต่ว่าใจไม่ยอมรับเพราะหลงยึดเอาไว้

ยึดไว้ว่าอะไรที่ได้มาแล้วก็จะไม่เสื่อมสูญไป มีของรักมีของถูกใจแล้วก็จะยึดให้มันอยู่กับเราไปนาน ๆ ชั่วฟ้าดินสลาย แต่ความปรารถนาเหล่านี้ล้วนขัดแย้งกับความจริง ก็เลยเกิดความทุกข์ใจ เกิดความอาลัย เกิดความวิตก เมื่อของรักหายไปก็กลุ้มอกกลุ้มใจ เมื่อคนรักจากไปก็โศกเศร้าเสียอกเสียใจ นี่เป็นเพราะความหลง ไม่รู้ความจริง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 25, 2019, 05:56:12 am
(https://www.mx7.com/i/262/DfkC6u.png) (https://www.mx7.com/view2/B95BeWtVcHva0sbt)


หลวงพ่อชา สุภัทโท พูดไว้เป็นกลอนกระชับมากว่า

“ทุกข์มีเพราะยึด
ทุกข์ยืดเพราะอยาก
ทุกข์มากเพราะพลอย
ทุกข์น้อยเพราะหยุด
ทุกข์หลุดเพราะปล่อย”

ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย ข้อนี้สำคัญมาก คำพูดของหลวงพ่อชาชี้ให้เห็นความจริงในส่วนที่เป็นสมุทัยและนิโรธ ทุกข์มีเพราะยึด คือสมุทัย ส่วน ทุกข์หลุดเพราะปล่อย คือนิโรธ กล่าวคือ คนเราจะพ้นทุกข์ได้ก็เพราะปล่อยวาง ที่เราปล่อยวางได้ก็เพราะมีปัญญาเห็นว่าไม่มีอะไรที่ยึดถือได้เลยสักอย่าง ปัญญาทำให้ตระหนักว่าอะไรๆ ก็ไม่เที่ยง ยึดถือไม่ได้เลย จึงเลิกยึด ไม่หยิบ ไม่ฉวย และปล่อยทุกอย่างที่เคยยึดเคยฉวย

การไม่ยึดเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ก็เพราะว่าถึงแม้คนเราต้องแก่ เจ็บ และต้องตาย แต่ความจริงเหล่านี้จะไม่ทำให้เราทุกข์ได้เลยถ้าเราไม่ยึดติดถือมั่นในตัวตน

แต่ที่เราทุกข์เมื่อต้องแก่ เจ็บป่วย และตายก็เพราะเรามีความยึดอยู่ลึกๆ ว่าฉัน ต้องไม่แก่ ต้องไม่เจ็บ ต้องไม่ป่วย ต้องไม่ตาย คือเรายึดว่ามันเที่ยง ความแก่ความเจ็บความตายไม่ใช่ตัวการแห่งความทุกข์ใจ

ตัวการแห่งความทุกข์ใจ คือใจที่ยึดอยาก ให้มันเที่ยง หรือยึดอยากให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการ ถ้าเข้าใจตรงนี้เราก็จะพบว่า ความทุกข์ของคนเรานั้นอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่สิ่งนอกตัว ไม่ได้อยู่ที่ความเจ็บความป่วยด้วยซ้ำ

หลายคนเป็นมะเร็งแต่ยังยิ้มได้ เพื่อนของอาตมาเป็นมะเร็งเต้านมและเสียชีวิต ในช่วงสองสามเดือนสุดท้ายเธอป่วยหนักจนต้องนอนอยู่บนเตียง เธอปฏิเสธที่จะเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน เธอได้พูดไว้กับพวกเราว่า ช่วงสองปีหลังเป็นช่วงที่เธอมีความสุขมาก

ทำไมคนที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ใกล้ตาย จึงมีความสุขได้

ก็เพราะประการแรกเขายอมรับความจริงได้ว่าความเจ็บป่วยและความตายเป็นเรื่องธรรมดา ประการต่อมาก็คือเมื่อรู้ว่าความตายใกล้เข้ามา ใจก็เริ่มปล่อยวาง เพราะรู้ว่าเมื่อตายแล้วก็ต้องทิ้งสิ่งทั้งปวง เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง ขณะเดียวกันแม้ยังไม่ตาย แต่ถ้ายึดถือก็เป็นทุกข์ ดังนั้นเมื่อใกล้ตาย มีอะไรก็ปล่อยหมด รวมทั้งสิ่งที่ค้างคาใจ

อย่างเพื่อนของอาตมา เธอมีสิ่งใดที่ค้างคาใจกับแม่ก็พูดกับแม่จนหมด ทรัพย์สมบัติต่างๆ ก็สะสางจนหมดสิ้น ไม่มีอะไรต้องกังวล สองสามอาทิตย์สุดท้ายเธอบอกว่า ไม่โลภ ไม่โกรธแล้ว ไม่โกรธแม้กระทั่งมะเร็ง คนทั่วไปเวลาป่วยจะรู้สึกโกรธ เช่น โกรธมะเร็ง แต่เธอไม่มีความรู้สึกเช่นนี้กับก้อนมะเร็งเลย เธอเรียกมันว่า คุณก้อนมะเร็ง เราต่างคนต่างอยู่นะ เธอไม่โกรธ ไม่โลภ มีเพียงความหลงที่ยังละไม่ได้

นี่เป็นตัวอย่างว่า คนที่เจ็บป่วยแต่มีความสุขนั้น เป็นไปได้ เพราะจริงๆ แล้วสุขหรือทุกข์ที่แท้นั้นอยู่ที่ใจปล่อยวางหรือยึดติดถือมั่นแค่ไหน ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา

พระไพศาล วิสาโล
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives #BIA


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: จิตแจ่มใส ใจตื่นรู้ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 25, 2019, 06:02:18 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload89/Mrh3EpjZ0hHV.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=897175&s=Mrh3EpjZ0hHV)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload89/epHV1dc4LfIY.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=897176&s=epHV1dc4LfIY)  จิตแจ่มใส ใจตื่นรู้  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload89/epHV1dc4LfIY.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=897176&s=epHV1dc4LfIY)

ทุกครั้งที่อาบน้ำชโลมกาย เราจะรู้สึกสดชื่นแจ่มใส เพราะความชุ่มเย็นของน้ำช่วยบรรเทาความร้อนรุ่ม และขจัดสิ่งสกปรกหมักหมมออกไปจากร่างกาย แต่ไม่นานหลังจากนั้นความหม่นหมองมักกลับมาเยือน ทั้งนี้เพราะเกิดความเครียด ขุ่นเคืองใจ หาไม่อารมณ์อกุศลก็ครอบงำเมื่อเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ มากระทบตามที่ต่าง ๆ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นอาจิณ

แม้อาการดังกล่าวเกิดขึ้นกับผู้คนเป็นอันมากจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับเราก็ได้ มีสิ่งหนึ่งที่ช่วยชำระใจให้หายหม่นหมอง บรรเทาความร้อนรุ่มและปัดเป่าอารมณ์อกุศลไปจากใจได้เป็นอย่างดี นั่นคือความรู้สึกตัว ทันทีที่รู้ตัวว่าโกรธ เครียด เศร้า หรือมีสติรู้ทันความคิดที่กระตุ้นปลุกเร้าอารมณ์ดังกล่าว ใจก็กลับมาเป็นปกติ ไม่จมอยู่ในอารมณ์ดังกล่าวอีกต่อไป ความรู้สึกตัวทำให้จิตตื่น ไม่หลงเข้าไปในความคิดที่ฝันฟุ้งปรุงแต่ง จนไม่รู้เนื้อรู้ตัวราวหลับใหล ซึ่งมีแต่จะนำพาความทุกข์มาให้เหมือนคนที่ตกอยู่ในฝันร้าย

ใจตื่นรู้คือสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตของเราพบกับความสงบเย็นเป็นสุข เมื่อเจอความผันผวนปรวนแปรอันเป็นธรรมดาโลก ก็ไม่เป็นทุกข์ แม้วันนี้ใจของเราจะหม่นหมองร้อนรุ่มหรือหลับใหล แต่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นใจตื่นรู้ได้ด้วยการฝึกฝนหรือการปฏิบัติ เพราะศักยภาพดังกล่าวมีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: สานรัก สร้างสุข - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 01:54:05 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/190201124948.jpg) (http://picture.in.th/id/9c4e3a26b5e1845d77590d3d43717dc7)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  สานรัก สร้างสุข   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) 

ความทุกข์ของคนส่วนใหญ่ทุกวันนี้มักมีสาเหตุมาจากความสัมพันธ์ มิใช่ความสัมพันธ์กับใครที่ไหน หากเป็นความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว อาทิ คู่ครอง มิตรสหาย หรือแม้แต่พ่อแม่ลูกหลาน บุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ผูกพันกันด้วยความรัก แต่บ่อยครั้งการอยู่ใกล้ชิดกันมากก็ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งได้ง่าย จนกลายเป็นความขัดแย้งและความเจ็บปวด

น่าแปลกก็ตรงที่ในยามที่คนรักยังมีชีวิตอยู่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีเรื่องผิดใจกันจนถึงกับโกรธเกลียดกัน ครั้นเขาจากไป ก็เศร้าโศกเสียใจ อาลัยอาวรณ์ อันที่จริงเราสามารถเลือกหนทางที่ดีกว่านั้นได้ กล่าวคือ เมื่อขณะที่คนรักยังอยู่ ก็เกื้อกูลกันด้วยความรัก มีความเข้าอกเข้าใจกัน และอยู่ด้วยกันอย่างผาสุก ครั้นเขาจากไปไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ก็สามารถทำใจได้ ไม่รู้สึกผิดหรือคับแค้นใจในสิ่งที่เกิดขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อเขาอยู่ เราก็มีความสุข เมื่อเขาจากไป เราก็ไม่ทุกข์

ความรักนั้นยั่งยืนได้ หากเราเปิดใจฟังกันให้มากขึ้น ฟังด้วยหัวใจ มิใช่ฟังด้วยหูเท่านั้น ความเข้าใจกันนั้นสามารถสานรักให้ยืนยาวได้ ขณะเดียวกันการมองอดีตอันเจ็บปวดด้วยมุมมองใหม่ ก็สามารถนำเราข้ามพ้นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ได้ อดีตนั้นสามารถให้บทเรียนหรือความหมายที่ทรงคุณค่าแก่เราได้เสมอ

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: พรุ่งนี้หรือชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาก่อน - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 02:02:19 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/if/190201070650.jpg) (http://picture.in.th/id/52789ecb459ec14e8552895ff3011fcd)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  พรุ่งนี้หรือชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาก่อน  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ความจริงอย่างหนึ่งที่ผู้คนไม่อยากนึกถึงก็คือ ความตายสามารถเกิดกับเราได้ทุกเวลา การเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเผชิญความตายอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่คนส่วนใหญ่กลับมองข้ามความจริงข้อนี้โดยให้เหตุผลว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว แท้จริงแล้วความตายอยู่ใกล้ตัวเราอย่างยิ่ง มีภาษิตธิเบตกล่าวว่า “ระหว่างพรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรจะมาก่อน” นี้คือความจริงที่ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธ ใครที่คิดว่าพรุ่งนี้จะมาก่อนชาติหน้า ล้วนแต่คาดเดาด้วยความประมาททั้งนั้น เพราะเราแน่ใจได้อย่างไรว่า วันนี้จะไม่ใช่วันสุดท้ายของเรา พ้นจากวันนี้ไปแล้วก็อาจเป็นชาติหน้าเลย หามีพรุ่งนี้ไม่

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: มองดีมีแต่กำไร - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2019, 07:19:05 am
(http://image.free.in.th/v/2013/im/190205122040.jpg) (http://picture.in.th/id/593be37b0e5ef2ebf0e341814952ba72)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  มองดีมีแต่กำไร  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


มองชีวิตในมุมบวก ไม่ถึงกับเท่าทุน

มันกำไรด้วย จะถูกโจรปล้นจนเหลือแต่ตัว

แต่ก็มีอะไรมากับชีวิตของเราหรือ

อยู่คู่กับชีวิตของเรา เช่นวิชาความรู้

หรือว่ามีญาติสนิทมิตรสหาย มีคนรัก

มีครอบครัว สูญแต่เงินแต่ยังมีอะไร

อีกหลายอย่างที่มีคุณค่าต่อชีวิตของเรา

แต่มันก็อยู่ที่มองว่าเราจะเทียบกับอะไร

ถ้าเราเทียบไม่เป็น เราก็จะทุกข์มาก

เพราะเราจะรู้สึกว่ามันสูญเสียตลอด

แต่ถ้าเรามองว่าเราเกิดมาไม่มีอะไรมาเลย

เกิดมาตัวเปล่า สิ่งที่มีมันคือกำไรทั้งนั้น


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: ยิ้มให้ชีวิต - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2019, 03:23:22 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/im/190213082602.jpg) (http://picture.in.th/id/9a813bbc3c64a3e34ba3f3ccadaad5fc)




(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ยิ้มให้ชีวิต  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ชีวิตก็สามารถให้สิ่งดี ๆ แก่เราได้มากมาย แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราเจอะเจอ ก็สามารถเป็นประโยชน์แก่เรา หากเรารู้จักเรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมา ประสบการณ์ชีวิตสามารถสอนเราให้รู้จักเปลี่ยนทุกข์เป็นสุข อีกทั้งโอกาสต่าง ๆ ที่ชีวิตมอบให้แก่เรา ก็สามารถทำให้เราพบประโยชน์สูงสุดของชีวิต นั่นคือ อิสรภาพจากทุกข์ อันเป็นสุขที่ประเสริฐยิ่ง

ชีวิตเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา จึงควรยิ้มให้กับชีวิต อย่าโกรธเกลียดเคียดแค้นชีวิตที่นำความทุกข์หรือความผิดหวังมาให้ อย่าคิดว่าทำไมชีวิตจึงโหดร้ายกับฉันนัก มองให้ดีนั่นอาจเป็นโชคที่มาในรูปของเคราะห์ มันคือสิ่งที่เตรียมเราให้พบกับสิ่งวิเศษสุดที่รอคอยอยู่ข้างหน้า

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: เมตตาต่อเพื่อนร่วมทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2019, 03:32:20 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/190213083314.jpg) (http://picture.in.th/id/d8c5015f950c55a539cca2312a9ef809)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เมตตาต่อเพื่อนร่วมทุกข์  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


“หากเราเปิดใจมองเห็นความทุกข์ของคนอื่น

เราจะมีความเห็นใจกันมากขึ้น เราจะรู้สึกว่า

ทุกคนเป็นเพื่อนทุกข์ ความรู้สึกว่าทุกคนเป็น

เพื่อนทุกข์ จะทำให้เราเข้ามาใกล้กันมากขึ้น

ช่องว่างระหว่างกันจะน้อยลง ความเห็นใจจะมีเพิ่มขึ้น
 
เมื่อเรารู้สึกว่าเราต่างร่วมชะตากรรมเดียวกัน

การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อเยียวยาความเจ็บปวด

จะเกิดขึ้น ตรงนี้เองที่จะทำให้เมตตากรุณาเบ่งบานขึ้น”


พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2019, 03:35:13 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190213083932.jpg) (http://picture.in.th/id/d03bbe98187c7fba1a82014e060a14e6)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



เมื่อเจอทุกข์ อย่างแรกที่ควรทำก็คือ การยอมรับ กล่าวคือ ไม่ผลักไส ปฏิเสธ หรือตีโพยตีพาย โวยวายคร่ำครวญ เพราะการทำเช่นนั้นมีแต่จะเพิ่มทุกข์ให้แก่เรา นั่นคือทุกข์ใจ แต่ทันทีที่เรายอมรับได้ หยุดบ่น หยุดโวยวาย ใจก็จะกลับมาเป็นปกติ ทำให้สมองโล่ง สามารถนำปัญญามาใช้แก้ทุกข์ให้ลุล่วง หรือแก้ปัญหาให้เบาบางลงได้

จะว่าไปแล้ว อะไรเกิดขึ้นกับเรา ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกหรือมีท่าทีกับมันอย่างไร เจอเหตุร้าย แต่ใจยอมรับได้ หรือรู้จักมองบวก คือ หาประโยชน์จากมัน รวมทั้งมองว่ามันเป็นธรรมดาของชีวิตและโลก รู้จักปล่อยวางได้ ใจก็ไม่เป็นทุกข์ ในทางตรงข้ามแม้เจอโชคลาภ แต่ไม่รู้จักพอ อยากได้มากกว่านั้น หรือเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ได้มากกว่า ใจกลับเป็นทุกข์ด้วยซ้ำ


พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ปล่อยวางชีวิตเก่า - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 08, 2019, 05:30:00 am
(https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)  ปล่อยวางชีวิตเก่า   (https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)

“บ่อยครั้งคนเราเป็นทุกข์เพราะว่ายังยึดติดของเดิม อาจจะเป็นตัวตนเดิม ทรัพย์สมบัติเดิม บ้านหลังเดิม รถคันเดิม หรือแม้แต่คนรักเก่า แต่พอปล่อยวางได้ก็พบว่าชีวิตมีความสุข มีความหวังขึ้นมาใหม่ คนเก่งมักจะหลงใหลในความสามารถของตน ยึดว่าความสามารถเหล่านี้คือตัวกู แต่เมื่อไม่สามารถทำสิ่งที่เคยทำได้ อาจเป็นเพราะเจ็บป่วย พิการ จิตก็สลายเลย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะยังยึดติดกับตัวตนเก่าอยู่ บางคนภูมิใจในความเป็นคนสวย เป็นคนหล่อ เป็นนักกีฬา หรือจิตรกรที่วาดรูปได้สวยงาม แต่พอทำไม่ได้แล้วก็ซึมเศร้าไปเลย แบบนี้มีเยอะ ท้อแท้ถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มีมาก”


มติชนรายวัน วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๒

พระไพศาล วิสาโล



คนเราย่อมมีความภาคภูมิใจในชีวิต หรือภาคภูมิใจในตัวเอง เมื่อเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายสิ่งได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าบังเอิญวันดีคืนดีเรากลับไม่สามารถทำสิ่งที่เราเก่งได้อีกต่อไป ชีวิตจะลงเอยอย่างไร

จานีน เช็พเพิร์ด เป็นนักวิ่งและนักปั่นจักรยาน เธอเป็นตัวแทนทีมชาติออสเตรเลียในการแข่งขันจักรยาน กีฬาโอลิมปิค เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว มีอยู่วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังซ้อมขี่จักรยานเพื่อไปแข่งโอลิมปิค ปรากฏว่ามีรถมาชนเธออย่างแรง ทำให้ร่างกายเธอยับเยิน กระดูกหัก อวัยวะภายในเสียหาย  อาการเป็นตายเท่ากัน แต่เธอมีใจสู้ เธอบอกว่าเธอเลือกที่จะมีชีวิต ในภาวะเช่นนั้นมันอยู่ที่ใจว่าเลือกที่จะอยู่หรือจะตาย เธอเลือกที่จะอยู่ เธอสลบไป ๑๐ วัน ผ่าตัดสำเร็จ แม้ดีใจที่ไม่ตาย แต่ใจก็กังวลว่าจะเดิน วิ่ง และขี่จักรยานได้หรือเปล่า ลองขยับนิ้วเท้าดูก็ขยับได้ เธอดีใจมาก

แต่พอเธอฟื้นตัวดีขึ้น หมอก็บอกว่าเธอไม่สามารถเดินได้ แม้ร่างกายส่วนล่างจะมีความรู้สึกอยู่ แต่ว่าเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น และต้องมีท่อปัสสาวะต่อออกมาข้างนอก เธอฝันสลายเลย เพราะว่าชีวิตของเธอทุ่มเทกับการเป็นนักกีฬามาก เธอภูมิใจในร่างกายของตัวเองว่ามีความแข็งแรง ร่างกายคือตัวฉัน เป็นทั้งหมดของฉัน ร่างกายแข็งแรง มีความสามารถด้านกีฬา มันทำให้เธอภาคภูมิใจ แต่พอเธอรู้ว่าร่างกายไม่สามารถวิ่งได้ แม้แต่เดินยังเดินไม่ได้  ความคิดที่ผุดขึ้นมาตอนนั้นก็คือ  ชีวิตฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ความเป็นนักกีฬาคือสิ่งที่ฉันภูมิใจ ถ้าทำไม่ได้แล้วชีวิตฉันจะเหลืออะไร พอเธอกลับไปบ้านก็เป็นโรคซึมเศร้า เพราะรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีคุณค่า สิ่งที่ภาคภูมิใจสูญสลายไปหมดสิ้น ก็อยู่แบบซังกะตาย อยู่แบบหดหู่

วันหนึ่งขณะที่เธอนั่งเล่นอยู่นอกบ้าน เห็นเครื่องบินบินผ่านมา ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าเดินไม่ได้ ฉันก็จะบิน จึงเกิดความตั้งใจว่าอยากขับเครื่องบิน เธอไปสมัครเป็นคนขับเครื่องบิน เขาก็ไม่รับเพราะว่าเธอพิการ แต่โชคดีที่เจอครูฝึกสอนนักบินที่เข้าใจความรู้สึกของเธอ  เขาพาเธอขึ้นเครื่องบิน พาเธอบินไปยังจุดที่เธอเคยประสบอุบัติเหตุ และบอกเธอว่าตรงนี้คือจุดที่เกิดอุบัติเหตุ และจากจุดนี้ไปให้เธอขับเครื่องบินเอง ปรากฏว่าเธอสามารถบังคับเครื่องบินให้บินผ่านเขาลูกนั้นได้ แล้วบินต่อไปได้อีก เธอมีความสุขมาก และพบว่าเธอสามารถมีชีวิตใหม่ได้ แม้จะขี่จักรยานไม่ได้ก็ขับเครื่องบินแทนก็แล้วกัน

จากนั้นเธอก็พัฒนาจนกระทั่งสามารถผ่านบททดสอบหลายอย่าง จากเดิมที่เขาไม่ให้เธอขับเครื่องบิน เธอก็ขับได้ จากเดิมที่กำหนดให้เธอขับเครื่องบินได้เฉพาะบางท้องที่ เธอก็สามารถขับเครื่องบินไปได้ทั่วประเทศ ต่อมาก็ฝึกเป็นนักบินอาชีพได้ ไม่ใช่ขับเครื่องบินได้เฉย ๆ ตอนหลังเธอทำมากกว่านั้น คือกลายเป็นครูสอนนักบิน เธอมีความสุขมาก  ตอนนี้เธอกลายเป็นครูที่มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะ

เธอได้เรียนรู้ว่าร่างกายมีขีดจำกัด แต่จิตใจไม่มีขีดจำกัด แม้ว่าร่างกายจะเดินไม่ได้ วิ่งไม่ได้ แต่จิตใจของคนเราสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ตอนแรกเธอผิดหวัง ใจไม่สู้ ท้อแท้ เพราะว่าร่างกายทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ที่จริงจิตใจยังทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง และเมื่อจิตใจสู้ ร่างกายก็สามารถทำอย่างอื่นได้อีก เธอเคยคิดว่าเมื่อร่างกายพิการชีวิตเธอก็จบสิ้นแล้ว แต่ที่จริงแล้วเธอยังทำอะไรได้อีกตั้งเยอะแยะ เธอบอกว่าต้องรู้จักปล่อยวางของเดิม ปล่อยวางความเป็นนักกีฬาที่เธอเคยภูมิใจ อันนั้นคือตัวตนเดิมของเธอ เธอทุกข์เพราะว่ายังยึดติดในตัวตนเดิมซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แล้ว เธอซึมเศร้าเพราะปล่อยวางตัวตนเดิมไม่ได้ แต่พอเธอปล่อยวางมัน แล้วสร้างตัวตนใหม่ ก็กลับมามีความสุขเหมือนเดิม กลับมามีพลังชีวิตเหมือนเดิม

บ่อยครั้งคนเราเป็นทุกข์เพราะว่ายังยึดติดของเดิม อาจจะเป็นตัวตนเดิม ทรัพย์สมบัติเดิม บ้านหลังเดิม รถคันเดิม หรือแม้แต่คนรักเก่า แต่พอปล่อยวางได้ก็พบว่าชีวิตมีความสุข มีความหวังขึ้นมาใหม่ คนเก่งมักจะหลงใหลในความสามารถของตน ยึดว่าความสามารถเหล่านี้คือตัวกู  แต่เมื่อไม่สามารถทำสิ่งที่เคยทำได้ อาจเป็นเพราะเจ็บป่วย พิการ จิตก็สลายเลย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะยังยึดติดกับตัวตนเก่าอยู่ บางคนภูมิใจในความเป็นคนสวย เป็นคนหล่อ เป็นนักกีฬา หรือจิตรกรที่วาดรูปได้สวยงาม แต่พอทำไม่ได้แล้วก็ซึมเศร้าไปเลย แบบนี้มีเยอะ ท้อแท้ถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มีมาก

ที่จริงแล้วคนเรายังสามารถสร้างชีวิตใหม่ หรือที่ภาษาสมัยใหม่เรียกว่าตัวตนใหม่ได้ แต่ก็ต้องรู้จักวางของเก่าลงไปก่อน จึงจะสร้างใหม่ขึ้นมา อย่างที่เธอบอกว่าจิตใจของคนเรานั้นไม่มีขีดจำกัด อันนี้เป็นสำนวน  ที่จริงแล้วมันมีขีดจำกัด แต่มันจำกัดไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนร่างกาย แม้ร่างกายติดอยู่ในคุก แต่จิตใจสามารถไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ร่างกายพิการ ขยับเขยื้อนไม่ได้ นอนติดเตียง แต่ว่าจิตใจก็ยังจินตนาการไปที่ไหนก็ได้ แม้กระทั่งเขียนหนังสือก็ยังได้ แม้ว่าจะพูดไม่ได้ ขยับปากกาไม่ได้ เคยมีคนทำมาแล้ว ประโยคหนึ่งที่เธอบอกกับผู้คนก็คือ ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา อันนี้เป็นแง่คิดสำหรับคนป่วยด้วย บางคนเป็นมะเร็ง บางคนพิการ บางคนมีโรคร้าย ขอให้ตระหนักว่ามะเร็งไม่ใช่เรา ร่างกายที่ป่วยก็ไม่ใช่เรา

อาตมาเคยบอกกับคนที่เป็นมะเร็งว่า คุณไม่ได้เป็นมะเร็ง คุณแค่มีมะเร็งอยู่ในตัว ถ้าคิดว่าฉันเป็นมะเร็ง แสดงว่ามะเร็งเป็นทั้งหมดของฉัน ทั้ง ๆ ที่มะเร็งอยู่ในบางส่วนของร่างกายเท่านั้น บางคนร่างกายทุพพลภาพ ก็ต้องตระหนักว่าร่างกายไม่ใช่เรา เราเป็นมากกว่านั้น  การมองแบบนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้มาก

เรื่องราวของจานีนชี้ให้เห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดของคนเราคือใจ ใจนั้นถ้าเป็นศัตรูกับเราก็ทำให้ชีวิตจมดิ่งไปเลย แต่ว่าชีวิตเราสามารถที่จะดีขึ้นได้เมื่อใจเป็นมิตร พอใจเป็นมิตรแล้ว แม้ว่าร่างกายจะเป็นอุปสรรคแค่ไหน ชีวิตจะลำบากลำบนเพียงใด ก็สามารถฟันฝ่าไปได้ และสามารถจะมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์


รวบรวมงานเขียนและบทความของพระไพศาล วิสาโล www.visalo.org  korobiznet เอื้อเฟื้อพื้นที่   
 www.Stats.in.th  webmaster    ๒๕๕๒ All Rights ไม่ Reserved  


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/PLSFI5iBQw0q.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921401&s=PLSFI5iBQw0q)

ที่มา : http://www.visalo.org/article/jitvivat256202.html (http://www.visalo.org/article/jitvivat256202.html)
หัวข้อ: จาริกบุญ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 08, 2019, 05:38:57 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/190307104127.jpg) (http://picture.in.th/id/fe948550947b632d1a95557567c5b823)



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)  จาริกบุญ  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)


ทุกวัฒนธรรมก็ว่าได้ย่อมมีประเพณีจาริกบุญ โดยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มักอยู่บนยอดเขา ว่าเฉพาะประเทศที่นับถือพุทธศาสนา จุดหมายของบุญจาริกย่อมเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ในเมืองไทยมีพระธาตุดอยสุเทพ พม่ามีเจดีย์จิไทโย ศรีลังกามีศรีปาทะ ธิเบตมีเขาไกรลาศ ภูฐานมีวิหารตักซัง ทุกแห่งล้วนอยู่บนเขาสูงชันที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า แต่ไปได้ยากอย่างยิ่งโดยเฉพาะสมัยที่ยังไม่มีรถยนต์หรือถนนเข้าถึง

การจาริกบุญสมัยก่อนจึงต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างยิ่ง และเนื่องจากต้องเดินด้วยเท้า แต่ละคนจึงไม่สามารถขนสมบัติไปได้มาก นำไปได้เฉพาะสิ่งที่จำเป็น จึงนอกจากจะได้บ่มเพาะวิริยะแล้ว ยังฝึกให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ซึ่งตอกย้ำหนุนเสริมด้วยการบำเพ็ญข้อวัตรที่เป็นไปในทางเนกขัมมะ คือการละวางความสุขทางวัตถุ

แต่ใช่ว่าการจาริกบุญเช่นนี้จะเป็นการทำตนให้ลำบาก เพราะแม้จะเหนื่อยยาก แต่ก็เป็นโอกาสให้ได้สัมผัสกับความสุขทางใจ เพราะวัตรปฏิบัติระหว่างจาริกบุญก็ดี การบำเพ็ญภาวนาและสาธยายมนต์ระหว่างเดินก็ดี ล้วนช่วยกล่อมเกลาใจให้สงบเย็นเป็นสมาธิ จิตแจ่มใส ไม่ต่างจากลำธารตามเส้นทางจาริกที่ใสเย็นเป็นลำดับเมื่อใกล้จุดหมายปลายทาง

เมื่อลุถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ศรัทธาปสาทะจะบันดาลใจให้เกิดปีติ อิ่มเอิบ ยิ่งได้มาถึงยอดเขาที่สูงเทียมเมฆ ได้เห็นทัศนียภาพอันกว้างไกลสุดขอบฟ้า จิตใจก็ยิ่งรู้สึกปลอดโปร่งโล่งเบา ราวกับห้วงนภากาศอันเวิ้งว้างที่อยู่เบื้องหน้า ไม่เพียงกายเท่านั้นที่ไต่ขึ้นมาอยู่บนที่สูง แต่ใจก็ถูกยกขึ้นมาให้อยู่สูงด้วยเช่นกัน ใช่หรือไม่ว่านี้คือรางวัลแห่งความเพียรที่ต้องฝ่าความยากลำบาก

บนยอดเขาเราสามารถมองเห็นโลกในมุมสูง สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องล่างน่าจะเตือนให้เราตระหนักว่ามนุษย์เรานั้นช่างเล็กกะจิดริด เมื่อมองลงไปจะพบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน คนขาวกับคนดำ เศรษฐีกับยาจก นายก ฯ หรือชาวบ้าน ไทยหรือฝรั่ง พุทธหรือมุสลิม ฯลฯ สมมุติบนพื้นโลกไม่มีความหมายเลยเมื่อมองลงมาจากยอดเขา เพราะทุกคนเหมือนกันหมด ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่มีใจสูง มีปัญญาเข้าถึงสัจธรรม ย่อมอยู่เหนือสมมติ ไม่เห็นผู้คนแตกต่างกันเลย ทุกคนมีค่าเสมอกันหมด

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์บนภูสูงนั้น จะว่าไปก็คือรูปธรรมแห่งอุดมคติสูงสุดของมนุษย์ สำหรับชาวพุทธ นี้คือสัญลักษณ์แห่งพระนิพพานที่เราควรไปให้ถึง เจดีย์ที่ตั้งอยู่สูงเทียมฟ้าคือตัวแทนแห่งโลกุตตรธรรมหรือธรรมอันอยู่เหนือโลก เป็นอิสระจากโลกธรรมทั้งหลายที่ร้อยรัดมนุษย์ให้หลงติดอยู่ในความทุกข์ ตราบใดที่เรายังหลงใหลในโลกธรรม พอใจอยู่กับโลกียธรรม หมกมุ่นกับชีวิตอย่างโลกย์ ๆ หรือติดสมมติ ก็ยากจะเป็นอิสระจากความทุกข์ได้

ธรรมเนียมการจาริกบุญสู่เขาสูงที่ทุกคนควรบำเพ็ญสักครั้งหนึ่งในชีวิต มิใช่อะไรอื่นหากคือการกระตุ้นเตือนให้เราพากเพียรเพื่อลุถึงโลกุตตรธรรม หรืออย่างน้อยก็ได้สัมผัสกับเนกขัมมสุขหรือความสุขที่ปลอดโปร่งจากกาม แม้สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: เปิดใจรับความสุข - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 08, 2019, 05:44:04 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/190307104537.jpg) (http://picture.in.th/id/acf35d1aa41c6b5d0e366c7b41cf81f1)



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)  เปิดใจรับความสุข  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)


แม้เดินอยู่ในสวนอันรื่นรมย์ นั่งเล่นอยู่ริมธารใสกลางป่าใหญ่ หรือยืนอยู่บนชะง่อนผายามอาทิตย์ขึ้น แต่ถ้าใจหมกมุ่นครุ่นคิดถึงงานการหรือคนรักที่บ้าน ก็ยากจะได้ยินเสียงนกร้อง จักจั่นเรไรกรีดปีก หรือรับรู้ถึงลมเย็นที่มาสัมผัสกายได้ บางครั้งก็ยังไม่เห็นแม้กระทั่งดอกหญ้างาม ๆ ที่เบ่งบานข้างทาง หรือกล้วยไม้ป่าที่อวดสีสันอยู่เบื้องหน้า

ความงามจะปรากฏแก่เราได้ก็ต่อเมื่อเปิดใจรับรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ไม่หลงจมอยู่ในโลกแห่งความคิด ที่จริงไม่จำต้องพาตัวมาอยู่ในธรรมชาติอันบริสุทธิ์สดใสก็ได้ แม้อยู่ในเมืองใหญ่ ก็มีสิ่งสวยงามจรรโลงใจมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ เป็นแต่ใจเราไม่เปิดเอง จึงรู้สึกแห้งผากและขุ่นมัวอยู่เสมอ ใช่หรือไม่ว่าริมทางมีดอกไม้งาม มีตะไคร่น้ำเขียวสดใสริมตึก มีรอยยิ้มของเด็กเล็ก และน้ำใจที่ผู้คนมีให้แก่กัน เมื่อใดก็ตามที่วางความคิดลง ไม่หมกมุ่นกับอดีตหรืออนาคต ก็จะเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ยาก

ความสุขมิได้อยู่ไกลจนต้องไขว่คว้าแสวงหา หากอยู่รอบตัวเรานี้เอง เป็นแต่เรามองไม่เห็น จะว่าไปแล้วความสุขอยู่กับตัวเราด้วยซ้ำ โดยมาในรูปลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การมีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย มีร่างกายปกติ ไม่พิการ กินอิ่ม นอนอุ่น ฯลฯ แต่เป็นเพราะใจเรามัวจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นที่ไกลตัว หาไม่ก็อาลัยกับสิ่งที่สูญเสียไป จึงไม่ตระหนักถึงความสุขที่มีอยู่ ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไป เช่น ล้มเจ็บ จึงจะตระหนักว่าการมีสุขภาพดีนั้นเป็นสุขอย่างยิ่ง หลายคนเมื่อเป็นอัมพฤกษ์หรือพิการ จึงรู้ซึ้งถึงความสุขยามร่างกายยังปกติ

เมื่อคุณรู้สึกเป็นทุกข์ นั่นมิใช่เป็นเพราะความสุขทิ้งคุณไป หากเป็นเพราะคุณมองไม่เห็นความสุขที่มีอยู่ต่างหาก

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: รู้สึกตัว - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 08, 2019, 05:47:43 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/190307105002.jpg) (http://picture.in.th/id/1b7fd4e8423bdc179228be6d3ec39ea2)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)  รู้สึกตัว (https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)


ความทุกข์ใจเกิดขึ้นได้ทุกครั้งที่เราเผลอ เริ่มตั้งแต่เผลอคิดเรื่องที่ผ่านไปแล้ว หรือยังมาไม่ถึง เมื่อคิดแล้วก็เกิดความกังวล อาลัย เสียใจ เศร้าโศก โกรธแค้น เท่านั้นไม่พอ ยังเผลอเข้าไปในอารมณ์เหล่านั้น ทำให้ทุกข์หนักขึ้น น่าแปลกที่ยิ่งทุกข์ ก็ยิ่งจมดิ่งอยู่ในอารมณ์เหล่านั้นจนไม่อยากรับรู้อะไร หาไม่ก็รับรู้อย่างผิด ๆ พูดอีกอย่างหนึ่งคือถลำเข้าไปในความหลงหนักขึ้น

เราเผลอก็เพราะไม่มีสติ เมื่อใดที่มีสติ หรือระลึกได้ ความเผลอก็หายไป ที่เคยพลัดเข้าไปในอดีตหรืออนาคต ก็กลับมาสู่ปัจจุบัน สู่อิริยาบถหรืองานที่กำลังทำ หรือรับรู้ความเป็นจริงที่ปรากฏเฉพาะหน้า สิ่งที่ตามมาคือความรู้ตัว ช่วยให้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ไม่ถูกความหลงครอบงำ ความรู้ตัวหรือสัมปชัญญะ ยังทำงานร่วมกับสติ ช่วยให้เราไม่เผลอเข้าไปในอารมณ์ต่าง ๆ จากเดิมที่เผลอจมดิ่งไปในความทุกข์ ก็สามารถดึงจิตออกมาได้ ที่เคยเผลอแบกความกังวล ความกลัดกลุ้มใจเอาไว้ ก็สามารถสลัดทิ้งลงไปได้ เกิดความโปร่งเบา อิสระ และเป็นสุข

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: จิตวุ่นวาย คลายด้วยธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 08, 2019, 05:50:46 am
(http://image.free.in.th/v/2013/io/190307105314.jpg) (http://picture.in.th/id/849c55670dff4bd4341dbc32b77300f9)



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)  จิตวุ่นวาย คลายด้วยธรรม  (https://image.goosiam.com/imgupload/upload92/hrqO3wCGVyk8.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=921402&s=hrqO3wCGVyk8)


ความทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา ปัญหาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบ แต่ความทุกข์นั้นหากมองให้ดีก็มีประโยชน์ สามารถผลักดันให้ผู้คนเข้าหาธรรมเพื่อออกจากทุกข์ได้ ปัญหาก็เช่นกันช่วยกระตุ้นให้เราใช้ปัญญาเพื่อหาคำตอบ ยิ่งปัญหานั้นเป็นสิ่งที่เรากำลังประสบ หรือกำลังสร้างความทุกข์แก่เรา ก็อาจช่วยให้เราใคร่ครวญกับชีวิตที่ผ่านมา อันนำไปสู่การปรับเปลี่ยนชีวิต หรือวางจิตวางใจเสียใหม่ ทำให้เกิดความเจริญงอกงามตามมา

คนเรานั้นหากไม่เจอความทุกข์หรือปัญหา ก็มักพอใจอยู่กับร่องความคิดหรือชีวิตเดิม ๆ โดยไม่เฉลียวใจว่ามันอาจก่อโทษได้ในภายหลัง การเจอทุกข์หรือประสบปัญหาแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยให้เราปรับเปลี่ยนตนเองก่อนที่เหตุร้ายที่หนักหนาสาหัสกว่าจะบังเกิดขึ้น ใช่แต่เท่านั้นความทุกข์หรือปัญหา ยังช่วยเตือนใจให้เราตระหนักว่า ถึงที่สุดแล้วเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ หรือเทคโนโลยีทั้งปวงมิใช่สรณะอันประเสริฐ ในยามที่ชีวิตมีปัญหา ประสบความขัดแย้ง พลัดพรากจากของรักคนรัก มีเงินมากมายเพียงใดก็บรรเทาความเศร้าโศกหรือว้าวุ่นใจไม่ได้เลย มีแต่ธรรมะเท่านั้นที่เป็นสรณะอันพึ่งพาได้อย่างแท้จริง ผู้คนเป็นอันมาก “ตาสว่าง”ได้ก็เพราะประสบความทุกข์หรือเมื่อชีวิตมีปัญหา

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:15:30 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iv/190331011912.jpg) (http://picture.in.th/id/c529c69af9d87203bb5b6215cb48d07e)


ความตายถึงแม้อยู่ไกลไปอีกหลายวัน แต่การตระหนักรู้ถึงความตายอยู่เสมอ ทำให้เราอ่อนโยน ปล่อยวาง และสงบลง เราจะอ่อนโยนกับผู้คนรอบตัวมากขึ้น ถ้าคิดว่าพรุ่งนี้เราอาจจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วก็ได้นะ ที่เราด่ากัน ทะเลาะกัน ไม่ถนอมน้ำใจกันก็เพราะเราหลงคิดว่าเราจะยังต้องเจอกันอีกนาน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:15:52 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ik/190331012059.jpg) (http://picture.in.th/id/33bd056cd6df9942f3e1b5f90a3219b4)



ในมุมมองของพุทธศาสนา ชีวิตมีจุดมุ่งหมายก็เพื่อการพัฒนาตน การเรียนรู้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนเพื่อทำให้เกิดความเจริญงอกงามเเละทำให้ศักยภาพได้ปรากฏออกมา ศักยภาพนี้เมื่อได้รับการพัฒนาเเล้วก็ออกมาเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของตนและท่าน

ในมุมมองของพุทธศาสนา ประโยชน์ตนขั้นสูงสุดคือความพ้นทุกข์ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีปัญญารู้แจ้งในสัจธรรม ปัญญาดังกล่าวถือได้ว่าเป็นที่สุดของการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งในความจริงของชีวิต

การเรียนรู้จึงเป็นทั้งจุดหมายเเละเครื่องมือของการทำให้ชีวิตมีคุณค่า การเรียนรู้เเละการพัฒนาตนจะเกิดขึ้นได้ต้องมีองค์ประกอบอย่างน้อย 3 ประการ คือ Head Hand และ Heart ที่จริงมันยังต้องอาศัยร่างกาย คือ สุขภาพ ด้วย สุขภาพต้องดี เพราะการมีสุขภาพดีก็เป็นปัจจัยที่ช่วยให้ Head Hand และ Heart ทำงานได้ดีขึ้น

Head คือ ความรู้ความเข้าใจ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อคุณมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้น ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นอาชีพการงาน ศิลปะ หรือเเม้แต่การเล่นกีฬา ก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งนั้น นักดนตรีก็ต้องมีความเข้าใจในเพลงที่ตัวเองจะบรรเลง เเละต้องมีความรู้หรือ background เกี่ยวกับประวัติหรือพัฒนาการของดนตรีในสาขาที่ตัวเองเล่นหรือบรรเลง มันจึงต้องมี academy นักดนตรีทุกคนจะมีพื้นฐานดีได้ก็ต้องไปเรียนใน academy หรือในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้เพื่อจะได้แม่นยำและฉลาดในศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อมีความรู้เเล้วก็ต้องฝึกให้เชี่ยวชาญจัดเจน นี้เป็นเรื่องของ Hand นักดนตรีก็ต้องฝึกฝน หมอก็เหมือนกัน คุณจะเรียนรู้เเต่เรื่องกายวิภาคไม่ได้ ถึงแม้จะจดจำกายวิภาคได้อย่างละเอียด เเต่จะเป็นหมอที่เก่งได้ คุณก็ต้องฝึกทำหัตถการ ตั้งเเต่การฉีดยาจนถึงการผ่าตัด เรียกว่าต้องมีศิลปะ คนที่จะเป็นหมอรักษาคนได้จำเป็นต้องมีใบประกอบโรคศิลป์ คือไม่ใช่มีความรู้หรือใช้หัวสมองอย่างเดียว แต่ต้องมีการพัฒนาด้านทักษะหรือใช้มือให้คล่องด้วย Hand นั้นหมายถึง ทักษะ หรือจะเรียกว่าเป็นศิลปะก็ได้

คุณจะทำอะไรให้ดีได้ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ แต่เท่านั้นไม่พอ คุณภาพใจก็สำคัญด้วย การลงมือทำอะไรให้ได้ดีนั้นใจมีส่วนสำคัญมาก เช่น หมอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องโรค มีทักษะในการรักษา เท่านั้นยังไม่พอ ต้องมีใจด้วย เช่น ใจที่เมตตากรุณา รวมทั้งใจที่นิ่ง

นักดนตรีก็เช่นกัน แม้คุณรู้เรื่องดนตรี และมีทักษะจัดเจนเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลาที่คุณขึ้นเวที ใจของคุณก็ต้องมีสมาธิด้วย ถ้าคุณไม่มีสมาธิ เพลงที่คุณเล่นก็ล่มใช่ไหม ตรงนี้คือความสำคัญของ Heart คือใจที่นิ่ง ใจที่มีสมาธิ หรือแม้กระทั่งใจที่เข้าถึงจิตวิญญาณของเพลงนั้น ๆ นักดนตรี แม้จะมีความรู้เรื่องดนตรีและมีทักษะดี เเต่ถ้าใจเข้าไม่ถึงแก่นของดนตรี ก็เล่นได้ไม่ไพเราะ

เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ทำอาชีพอะไรก็ตาม คุณจะต้องมีทั้ง Head Hand และ Heart ผสมผสานกัน จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ ปัญหาคือปัจจุบันนี้เราไปเน้น Head มาก บางที Hand ก็ไม่ค่อยได้เน้น เเต่สิ่งที่ขาดไปเลยคือ Heart เราไม่ได้ฝึกฝนจิตใจเพียงพอ ยิ่งการเป็นมนุษย์ด้วยแล้ว เราจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ก็ต้องมี Head Hand และ Heart อย่างครบถ้วน

Head ในที่นี้คือ ความเข้าใจเรื่องชีวิต ความเข้าใจเรื่องโลก เช่น เข้าใจว่าชีวิตที่ดีงามที่ประเสริฐนั้นหมายถึงอะไร เข้าใจเรื่องความสุข ว่าความสุขที่เเท้นั้นคืออะไร เกิดจากอะไร เเต่เท่านี้ไม่พอ คุณต้องมี

Heart ก็คือจิตใจที่งอกงามด้วย นี้เป็นสิ่งที่คุณต้องพัฒนาด้วย รู้เยอะเเต่ว่าใจฟุ้งซ่าน รู้เยอะเเต่ว่าเป็นคนขี้โกรธ รู้เยอะเเต่ว่ายังมีโลภ โกรธ หลง ก็ไม่สามารถพัฒนาชีวิตให้งอกงามได้ หลายคนรู้เยอะเเต่จิตใจอ่อนเเอ มีคำพูดว่า “ดีชั่วรู้หมด เเต่ว่าอดใจไม่ได้”

คุณเคยได้ยินไหม เเม้เป็นพระ รู้ปริยัติหรือรู้คำสอนของพระพุทธเจ้ามากมาย เเต่ถ้าไม่ฝึกจิตก็อาจจะพลาดท่าเสียทีกิเลสหรือตัณหาก็ได้ ฉะนั้นเราจึงมีการพัฒนาจิต ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความรู้หรือพัฒนาสมอง แล้วก็ฝึกทักษะ ซึ่งก็แล้วเเต่ว่าเป็นทักษะเรื่องอะไร ถ้าเป็นฆราวาสก็ต้องมีทักษะในการทำมาหากิน ถ้าเป็นพระก็ต้องมีทักษะในการเผยแผ่สอนธรรม ในการสื่อให้ผู้คนเข้าใจธรรมะ เหล่านี้จะช่วยทำให้เกิดทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:18:32 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/190331012158.jpg) (http://picture.in.th/id/96b25427b12b68823c28c3a1c111306f)


เมื่อประมาณ ๔๐-๕๐ ปีมาแล้ว มีชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งขับเครื่องบินใบพัด แล้วเกิดอุบัติเหตุเครื่องตกบนเทือกเขาแอนดิส ในทวีปอเมริกาใต้ เทือกเขานี้สูงมาก มีแต่หิมะทั้งนั้น เครื่องตกลงมาพังยับเยิน แต่ตัวเขาไม่ตาย ต้องกระเสือกกระสน เดินฝ่าหิมะไปขอความช่วยเหลือจากผู้คน แต่เทือกเขานั้นกว้างใหญ่มาก เดินฝ่าหิมะ ๓ วันก็ยังไม่เห็นวี่แววของผู้คน อากาศก็หนาวเหน็บ จนกระทั่งเขาหมดแรง แต่เขารู้ว่าถ้าล้มฟุบตรงนั้นก็จะลุกขึ้นมาไม่ได้อีกเลย เขาจึงพยายามลุกขึ้นมาเดินต่อ เดินลุยหิมะไปได้สักพักก็หมดแรง

ตอนนั้นเขาคิดว่าต้องตายแน่นอน จึงร่ำลาลูกเมียและเตรียมตัวตาย แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าตายตรงนั้นคงไม่มีใครพบศพเขา เมียก็จะลำบาก เพราะประเทศฝรั่งเศส ถ้าไม่พบศพ ต้องใช้เวลาถึง ๔ ปี ศาลจึงจะประกาศว่าเป็นบุคคลสูญหาย บริษัทประกันภัยถึงจะจ่ายเงินให้เมียหรือทายาท เขาจึงคิดว่าจะตายตรงนั้นไม่ได้ แล้วเขาเหลือบไปมองเห็นหินก้อนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากหิมะ อยู่ห่างประมาณ ๑๐๐ เมตร เขาคิดว่าถ้าทิ้งร่างกายไว้บนหินก้อนนั้น คงมีโอกาสที่คนอื่นจะมาพบศพเขาได้ เขาจึงรวบรวมเรี่ยวแรง เดินกระเสือกกระสนไปจนถึงหินก้อนนั้น แต่ปรากฏเขาไม่ได้หยุดแค่ตรงหินก้อนนั้น เขายังมีแรงเดินต่อไปอีก ๑๐๐ กิโลเมตร จนกระทั่งไปถึงหมู่บ้าน แล้วมีคนช่วยชีวิตเขาไว้ได้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก คนซึ่งไม่มีเรี่ยวแรง กำลังจะตายอยู่แล้ว แต่สุดท้าย ด้วยความรักเมีย ด้วยความห่วงลูก อยากให้ลูกเมียได้รับเงินประกันชีวิต จะได้ไม่ต้องลำบาก ทำให้เขามีเรี่ยวแรง ทีแรกคิดว่าเดินไปอีก ๑๐๐ เมตรก็แย่แล้ว แต่ก็กัดฟันเดินด้วยความรักเมีย ด้วยความห่วงลูก สุดท้ายกลับมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นมาอีก จนกระทั่งสามารถเดินไปได้ไกลกว่าเดิมหลายเท่า เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ใจของคนเรามีพลังมาก และสิ่งหนึ่งที่เป็นพลังให้กับคนเราได้คือความรัก ความห่วงใย

คนเรานั้นมีทั้งพลังบวกและพลังลบในตัว พลังลบ ได้แก่ ความโกรธ ความอาฆาตพยาบาท พลังบวก ได้แก่ ความเมตตากรุณา ความรัก ความห่วงใย ทำให้เราสามารถที่จะทำในสิ่งที่ยามปกติทำได้ยาก

ข้อธรรมคำสอน พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:20:51 am
(http://image.free.in.th/v/2013/is/190331012350.jpg) (http://picture.in.th/id/6a3246f901aee14c71d48e110c471a9c)


มีคุณลุงคนหนึ่ง เป็นคนที่ธัมมะธัมโมมาก ชอบชักชวนเพื่อน ๆ ไปทำบุญ ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน เพื่อสร้างโบสถ์ สร้างวิหารให้แก่วัดในชนบท ยิ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดารมากเท่าไร แกก็ยิ่งใส่ใจมากเท่านั้น ทำอย่างนี้ติดต่อมานานนับสิบปี วันหนึ่งพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง แล้วมะเร็งก็ลุกลามเร็วมาก จนกระทั่งแกอยู่ในระยะสุดท้าย เมื่อใกล้ตาย แกมีอาการกระสับกระส่าย ลูกหลานเห็นว่าแกเป็นคนธัมมะธัมโม ถ้าได้ฟังเทปธรรมะ ฟังพระสวดมนต์คงจะสงบ แต่ปรากฏว่าไม่ได้ผล แกยังมีอาการกระสับกระส่ายเหมือนเดิม ลูกหลานแปลกใจว่าทำไมคนธัมมะธัมโมฟังเทปธรรมะ ฟังพระสวดมนต์แล้วยังไม่สงบ

จนกระทั่งเพื่อนสนิทของลุงคนนี้มาถึง พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนก็ไปพูดกับคนไข้ว่า “โบสถ์ที่ยังสร้างไม่เสร็จไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะช่วยกันสร้างให้เสร็จ” พูดจบคนไข้ก็สงบ หายกระสับกระส่ายทันที แสดงว่าคำพูดนี้โดนใจแก ที่แกกระสับกระส่ายคงเป็นเพราะมีห่วงว่ายังสร้างโบสถ์ไม่เสร็จ จึงยังตายไม่ได้ ใจต่อต้านความตาย แต่พอได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้ ก็สบายใจ และปล่อยวางได้ ในที่สุดก็ตายอย่างสงบ ไม่มีอาการทุรนทุราย กระสับกระส่าย

เรื่องนี้เตือนใจว่า การทำบุญทำกุศล เช่น การสร้างโบสถ์ แม้ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องตาย ก็ต้องวาง ถ้ายังยึดติด แม้เป็นเรื่องบุญกุศล ก็ทำให้ทุกข์ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อถึงเวลาใกล้ตายก็ต้องรู้จักวาง อะไรที่ยังทำไม่เสร็จก็ต้องวางให้ได้

ลุงคนนี้ทำใจไม่ได้ แต่ยังดีที่มีเพื่อนมาช่วยพูดให้ปล่อยวางได้ แต่เมื่อถึงคราวของเรา อาจไม่มีใครมาพูดแนะนำให้ปล่อยวางได้ เมื่อหวังพึ่งใครไม่ได้ก็ต้องพึ่งตัวเอง ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางด้วยตัวเอง

เมตตากรุณามีประโยชน์ แต่ก็ต้องรู้จักความพอดี และต้องรู้จักวางด้วยเหมือนกัน การทำความดี การทำบุญทำกุศล การสร้างวัดวานั้นดี มีประโยชน์ เป็นบุญกุศลมาก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องวาง เพราะถ้าไม่วาง ยังยึดติดอยู่ ก็สามารถก่อโทษแก่ตัวเราได้ ท่านอาจารย์พุทธทาสเตือนว่า ระวังอย่าให้ความดีกัดเจ้าของ

พระพุทธเจ้าทรงอุปมาว่า ธรรมะของพระองค์นั้นเหมือนกับแพ มีไว้เพื่อให้เราข้ามฟาก เมื่อถึงฝั่งแล้วเราก็เดินขึ้นฝั่ง ไม่ต้องแบกเอาแพติดตัวไปด้วย นั่นคือ ต้องรู้จักปล่อย รู้จักวาง ขนาดกุศลธรรมซึ่งมีประโยชน์ เรายังต้องรู้จักวาง นับประสาอะไรกับอกุศลธรรม ยิ่งมิอาจยึดติดได้เลย



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:23:39 am
(http://image.free.in.th/v/2013/il/190331013345.png) (http://picture.in.th/id/3b4f0b8422306ef5ee9dd66fdd164b27)



มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้เรียนรู้ และเกิดปัญญาเพราะความทุกข์ “แพรว” เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เจอทุกข์ทางกายอย่างหนัก เธอเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ปลายประสาท โรคนี้หายยากกว่าโรคทั่ว ๆ ไป ใครเป็นโรคนี้แล้วในที่สุดก็ขยับตัวไม่ได้

เธอเริ่มเป็นตอนอายุไม่มาก เวลาไปโรงเรียนคุณพ่อก็ต้องอุ้มไปส่ง พอโตขึ้นคุณพ่อก็ต้องเอาขี่หลังไปโรงเรียน ตอนหลังคุณพ่อแบกเธอไม่ไหว เพราะคุณพ่อเองก็เริ่มแก่ชราลง ลูกก็โตขึ้นทุกวัน สุดท้ายเธอก็ได้แต่นอนอยู่ที่บ้านไม่สามารถไปโรงเรียนได้ จะขยับอะไรก็ทำได้ยาก จะยกมือยกแขนก็ลำบาก กลายเป็นภาระของครอบครัวเพราะต้องมีคนมาดูแลเธออยู่ตลอดเวลา

เธอเคยคิดฆ่าตัวตาย เพราะไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม นอนนิ่งยิ่งกว่าคนที่ป่วยเป็นอัมพาตเสียอีก คนที่เป็นอัมพาตยังพอขยับอะไรได้บ้าง อย่างน้อยก็ยังหายใจได้สะดวก แต่คนที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้นอย่างเธอ นอกจากขยับเขยื้อนไม่ได้ แล้วก็ยังหายใจลำบากด้วย เพราะปอดทำงานได้แค่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ช่วงหนึ่งเธอไม่มีความหวังกับชีวิตเลย

แต่มีอยู่วันหนึ่งที่เธอมีแรงบันดาลใจเกิดขึ้น มีคนอ่านนิยายให้เธอฟัง เธอจึงอยากเขียนนิยายบ้าง เธอไม่สามารถพิมพ์ด้วยนิ้วอย่างคนปกติ ต้องงอนิ้วแล้วใช้ส่วนที่งอนั้นกดแป้นพิมพ์ในโทรศัพท์มือถือ เธอทำวันแล้ววันเล่าจนเขียนนิยายจบเล่ม เมื่อเธอเขียนเสร็จ ก็มีสำนักพิมพ์ซื้อไปพิมพ์ ทำให้เธอมีรายได้เลี้ยงครอบครัว

จนถึงตอนนี้เธอเขียนนิยายมาแล้ว ๑๔ เล่ม กลายเป็นเสาหลักของครอบครัว รายได้จากนิยายของเธอสามารถจุนเจือได้ทั้งครอบครัว นอกจากส่งเสียค่าเล่าเรียนของน้องแล้ว ยังช่วยแม่ด้วย เพราะแม่ตกงาน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ แต่กลับสามารถดูแลครอบครัวได้ โดยอาศัยจินตนาการสรรค์สร้างนิยายขึ้นมาจากปลายนิ้ว

ทั้ง ๆ ที่เธอมีความทุกข์มาก แต่ก็ทุกข์กายมากกว่าทุกข์ใจ เธอพูดให้ข้อคิดที่ดีมากว่า “ความทุกข์ได้ให้อะไรเรามากกว่าความสุขเสียอีก ความสุขจะทำให้เราฟุ้ง ล่องลอย แต่การที่เรามีความทุกข์จะช่วยให้เราได้อยู่กับตัวเอง ได้อยู่กับความเป็นจริง ซึ่งมันดีกว่าการล่องลอยมาก”

หากใคร่ครวญดี ๆ จะพบว่าความทุกข์ใจนั้นไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก มันเกิดจากใจของเรา ใจที่วางผิด ใจที่หลง ใจที่ไม่เห็นความจริง หรือใจที่ลืมตัว หลงจมอยู่กับความทุกข์ คนเราทุกข์เพราะหลง แต่ความทุกข์นั้นเองทำให้เราเห็นความจริงได้ เพราะอะไร ก็เพราะเราหันมาพิจารณาความทุกข์ เมื่อเราพิจารณาความทุกข์ก็ทำให้เราเห็นความจริง

เป็นเพราะเหตุนี้เมื่อพระพุทธเจ้าทรงสอนอริยสัจ ๔ จึงทรงยกเอาทุกข์เป็นอริยสัจข้อแรก พระองค์ตรัสว่า ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้ให้รอบ ให้ทั่วถึง ท่านทรงใช้คำว่าปริญญา คือ รู้รอบรู้ทั่ว หมายความว่า ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน จะทำให้เกิดปัญญาที่ทำให้ออกจากทุกข์ได้ แต่การที่เราจะเห็นความจริงอย่างรอบด้านก็ต้องเจอทุกข์ด้วยตัวเองก่อน เมื่อเราเห็นทุกข์ พิจารณาทุกข์ ปัญญาก็จะเกิดขึ้น

คนเราเมื่อเกิดทุกข์ ก็มักหลงเข้าไปเป็นผู้ทุกข์ แต่ถ้ามีสติ จิตก็จะออกจากทุกข์ มาเป็นผู้เห็นทุกข์ พิจารณาทุกข์อย่างรอบด้านทั่วถึง ความทุกข์ที่พิจารณานั้นไม่ใช่ความทุกข์ที่ไหน ก็เป็นความทุกข์ที่เกิดจากความหลงนั่นเอง เมื่อเราหันกลับมาใคร่ครวญ ก็จะรู้ว่าเราทุกข์เพราะหลง ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศร้อน ไม่ใช่ทุกข์เพราะคำพูดของคนอื่น ไม่ใช่ทุกข์เพราะเกิดโรคร้ายกับตน แต่เกิดจากความหลง ไม่รู้ตัว หรือวางใจผิด

ดังนั้นเราจะต้องหมั่นมองตนด้วยสติ พิจารณาตัวเรา ดูร่างกายไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นความจริงว่ากายและใจมันไม่จีรังยั่งยืน เกิดแล้วก็ดับไป มีแล้วก็เสื่อมไป เพราะมันเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เมื่อมีความทุกข์เกิดขึ้น ลองใช้ความทุกข์มาเป็นแบบฝึกหัดในการใคร่ครวญด้วยปัญญา โดยเริ่มจากสติ ดูว่าความโศกเศร้า ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจนั้นเกิดจากอะไร ดูเพื่อให้เรารู้ว่าเรากำลังคับแค้นอยู่ กำลังทุกข์อยู่ โดยไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่รู้แค่นั้นพอ

ถ้าหากยังไม่รู้ใจ ก็ขอให้รู้กายก่อน แล้วค่อยตามรู้ใจทีหลัง โดยหมั่นฝึกฝนเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่าเราทุกข์เพราะความคิด ไม่ได้ทุกข์เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ใช่เพราะมีสิ่งภายนอกมากระทบเรา ไม่ใช่เพราะแดด ไม่ใช่เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่เพราะรถติด ไม่ใช่เพราะคำพูดของคนอื่น แต่เป็นเพราะใจที่หลงต่างหากทำให้เป็นทุกข์

เราจะพ้นจากความหลง เห็นความจริงได้ ก็ด้วยการหมั่นรู้ตัวอยู่บ่อย ๆ เห็นความจริงบ่อย ๆ ปัญญาก็จะเกิด ตอนแรกจะเห็นด้วยสติ ตอนหลังเราจะเห็นด้วยปัญญา การเห็นด้วยสติ คือ การรู้ตัว ส่วนการเห็นด้วยปัญญา คือรู้ความจริง ทำให้หลุดจากความหลงซึ่งเป็นรากเหง้าของความทุกข์

ดังนั้นเราขอให้หมั่นเจริญสติ สร้างความรู้สึกตัวบ่อย ๆ เพื่อรับมือความทุกข์ที่จะเกิดขึ้น จนสามารถเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งปวงได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:25:04 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ip/190331012859.jpg) (http://picture.in.th/id/01b245c84566e25bb9af8e05eed53097)



“ฉันทำผิดอะไร ถึงต้องมาเป็นอย่างนี้ ?” หญิงชราวัย ๗๕ ตัดพ้อกับหลวงพ่อที่เธอเคารพนับถือหญิงชราผู้นี้จัดว่าเป็นผู้หญิงเก่ง ธุรกิจของเธอประสบความสำเร็จ สร้างความร่ำรวยให้แก่เธออย่างรวดเร็ว แต่แม้อายุล่วงเลยมาถึงปานนี้แล้ว เธอก็ยังคงคร่ำเคร่งกับงาน ทั้ง ๆ ที่ลูกทุกคนขอร้องให้วางมือเสียที อันที่จริงเธอไม่มีภาระใด ๆ ที่ต้องเป็นห่วงเลย ลูกทั้งห้าของเธอล้วนเจริญก้าวหน้าในการงาน มีฐานะดีกันทั้งนั้น หลาน ๆ ก็น่ารักทุกคน เธอมีทุกอย่างที่ใคร ๆ ปรารถนา ยกเว้นอย่างเดียวคือสุขภาพ เธอเป็นโรคพาร์คินสันมาได้ ๕ ปีแล้ว ทุกวันนี้ต้องนั่งรถเข็น พูดไม่ถนัด มือสั่นเกือบตลอดเวลา สร้างความทุกข์ทรมานแก่เธอมาก เธอเฝ้าแต่ถามตนเองว่า เธอทำผิดอะไร ทำไมจึงเจอเคราะห์กรรมแบบนี้ อดคิดไม่ได้ถึงบาปกรรมที่เคยทำในอดีตชาติ

“ผิดแน่นอน” หลวงพ่อตอบ “โยมผิดที่ไม่ยอมฟังคำเตือนของร่างกาย ก่อนที่โยมจะป่วยเพราะโรคพาร์คินสัน ร่างกายเขาเตือนโยมมาเป็นปี ๆ แล้วว่า ‘หยุดพักบ้าง ฉันเหนื่อยเต็มที’ แต่โยมก็ไม่ฟัง ยังทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ถึงเวลาพักผ่อน โยมก็ยังหมกมุ่นงาน ไม่ปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนเลย ก่อนหน้านี้โยมคงป่วยด้วยโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นคือสัญญาณเตือนของร่างกายที่ส่งเสียงดังขึ้น แต่โยมก็ไม่ฟังอีก พอหายป่วยก็โหมงานอีก ครั้งแล้วครั้งเล่าที่โยมไม่ฟังเสียงเตือนของร่างกาย ในที่สุดจึงเป็นโรคพาร์คินสัน ที่จริงนี้เป็นคำเตือนอีกระลอกหนึ่งของร่างกาย หากโยมยังดื้อดึง ต่อไปก็จะเจอหนักกว่านี้”

“โยมรู้ไหมว่า ตอนนี้โยมไม่ได้ป่วยกายเท่านั้น แต่ป่วยใจด้วย” หลวงพ่อพูดต่อ “ที่จริงป่วยกายแล้ว ไม่ป่วยใจก็ได้ แต่น้ำเสียงและสีหน้าของโยมบ่งบอกว่าโยมป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งใจ และสาเหตุที่โยมป่วยใจก็เพราะทำผิดอีกข้อหนึ่ง นั่นคือไปยึดมั่นในร่างกายนี้”

“หมายความว่าอย่างไร ?” หญิงชราสงสัย

“โยมยึดมั่นในร่างกายนี้ว่ามันต้องเที่ยง ต้องเป็นสุข เคยมีสุขภาพดีอย่างไร ก็ต้องมีสุขภาพดีอย่างนั้นไปตลอด โยมรู้ไหมว่าความคาดหวังของโยมสวนทางกับความจริง เพราะจริง ๆ แล้วไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน ร่างกายนี้ในที่สุดก็ต้องแก่และเจ็บป่วย แต่เนื่องจากโยมวางใจผิด ไม่สอดคล้องกับความจริง โยมจึงทุกข์ใจมากเมื่อร่างกายเจ็บป่วย”

หญิงชรามีสีหน้าครุ่นคิด เธอสงสัยมาตลอดว่าเธอทำกรรมอะไรในชาติที่แล้วหรือ ชาตินี้จึงล้มป่วยแบบนี้ แต่คำอธิบายของหลวงพ่อ เป็นสิ่งเธอไม่เคยคิดมาก่อน และเถียงได้ยากเพราะมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

“โยมคงสงสัยด้วยใช่ไหมว่า โยมทำดีมาตลอด บุญก็ทำเป็นนิจ ทำไมจึงมาเจอเคราะห์กรรมแบบนี้” หลวงพ่อถามเหมือนจะรู้ใจหญิงชรา

“โยมคิดว่าโยมเป็นคนโชคร้ายที่มาล้มป่วยแบบนี้ แต่นั่นเป็นเพราะโยมมองเห็นแต่ด้านลบ ชีวิตของโยมทุกวันนี้เต็มไปด้วยสิ่งดี ๆ มากมาย เช่น มีฐานะร่ำรวย กินอิ่มนอนอุ่น ลูกทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครล้มหายตายจาก หรือล้มป่วยด้วยโรคร้าย เป็นคนดีทุกคน การงานก็มั่นคง ไม่ทำอะไรให้โยมเดือดเนื้อร้อนใจ สามีโยมก็ยังอยู่ โยมอยากไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ไปมาแล้วทั้งนั้น ถ้าสิ่งดี ๆ ในชีวิตมี ๑๐ อย่าง โยมก็ได้มา ๙ อย่างแล้ว ขาดอย่างเดียวคือ สุขภาพดี ถ้าชีวิตของโยมเปรียบกับการสอบ คะแนนเต็ม ๑๐๐ โยมก็สอบได้ ๙๐ คะแนน ชีวิตอย่างนี้ไม่น่าพอใจอีกหรือ”
หลวงพ่อมองหน้าหญิงชรา ก่อนจะพูดต่อ

“สมัยที่โยมเรียนหนังสือ ถ้าโยมสอบได้ ๘๐% โยมก็พอใจแล้วใช่ไหม นี่โยมสอบได้ถึง ๙๐% ทำไมจึงเสียใจ เป็นเพราะโยมมัวเป็นทุกข์กับ ๑๐ คะแนนที่หายไปใช่ไหม อย่าลืมว่าข้อสอบวิชาชีวิตนั้น ไม่มีใครที่สอบได้ ๑๐๐% หรอก ชีวิตนี้ไม่มีใครที่ได้สมปรารถนาในทุกเรื่อง สิ่งสำคัญก็คือ ชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ อย่ามัวหมกมุ่นกับสิ่งที่หายไป”

หญิงชราเริ่มยิ้มได้ เธอเพิ่งตระหนักว่าที่จริงเธอเป็นคนโชคดีมาก แต่เพราะมองไม่เป็น จึงเห็นแต่ทุกข์ คำพูดของหลวงพ่อทำให้เธอได้คิด จากนี้ไปเธอต้องวางใจให้ถูก รวมทั้งรู้จักวางงานลงบ้าง ให้กายและใจได้พักผ่อนจริง ๆ เสียที

“ขอบคุณหลวงพ่อมาก” หญิงชรากล่าวก่อนที่จะลากลับบ้าน

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:26:53 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/190331013052.jpg) (http://picture.in.th/id/7e96d6a8d08c420ab69e82e4dc001019)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:30:02 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/190331013313.jpg) (http://picture.in.th/id/8150cbf545665adbe52340b904de3d29)


สำหรับคนที่ยังไกลโรคไกลความตาย แม้จะ “รู้” ว่าชีวิตนั้นมีระยะที่จำกัด แต่นั่นก็เป็นแค่ “ความคิด” ยังไม่ “รู้สึก” หรือรู้ซึ้งถึงใจ และบ่อยครั้งก็อาจจะหลงลืมเพราะมัวเพลิดเพลินกับความสุขสนุกสนาน หาไม่ก็ง่วนอยู่กับการแสวงหาทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง และอำนาจ เพราะคิดว่านั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต ต่อเมื่อใกล้ตายจึงรู้ความจริงว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่แท้จริงได้ คนที่ใกล้ตายนั้นไม่มีใครเลยสักคนที่ร้องว่า “ขอให้ฉันเป็นผู้จัดการ(หรือรัฐมนตรี)นานกว่านี้” หรือ “ขอให้ฉันถูกรางวัลที่ ๑ สักครั้งเถิด”

เรามักคิดว่าชีวิตนั้นผัดผ่อนได้ อีกทั้งยังฝากความหวังไว้กับวันพรุ่งนี้ว่าฉันจะมีความสุขกว่านี้แน่ถ้ามีเงินมากกว่านี้หรือมีบ้านหลังใหญ่กว่าเดิม แต่คนใกล้ตายนั้นรู้ดีว่าชีวิตนั้นผัดผ่อนไม่ได้อีกแล้ว และไม่สามารถฝากความหวังไว้กับอนาคต ถ้าต้องการความสุขและชีวิตที่ไพบูลย์ก็ต้องหาจากปัจจุบัน เดี๋ยวนี้และตรงนี้ นั่นหมายถึงการเปลี่ยนมุมมองจนเห็นแง่งามหรือคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่ ซึ่งแต่เดิมถูกมองข้ามไปเพราะไปจดจ่ออยู่กับสิ่งนอกตัว หรือคอยคาดหวังว่าจะมีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ข้างหน้า

ความตายนอกจากจะบังคับให้เราหยุดไล่ล่าอนาคต และหันมาเผชิญหน้ากับปัจจุบันแล้ว ยังอาจทำให้เราตื่นจากความหลง และพบว่าสิ่งพื้น ๆ สามัญนั้นทรงคุณค่าอย่างยิ่ง เช่น ความดี ความรัก ความเอื้ออาทร รวมทั้งการรู้จักตัวเอง เมื่อภาวะแตกดับใกล้มาถึง สิ่งเหล่านี้สามารถนำพาชีวิตที่เหลืออยู่ให้พบกับความสุข และประคองใจให้ไปถึงที่สุดอย่างสงบ

ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเราประจักษ์แจ้งถึงสัจธรรมได้ดีกว่าความตายและความพลัดพรากสูญเสีย ดังผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่าในมหาวิทยาลัยที่ชื่อว่าชีวิต หลักสูตรสำคัญที่สุดก็คือความพลัดพรากสูญเสีย ผู้ที่ผ่านหลักสูตรนี้ได้ย่อมเรียกว่า “บัณฑิต” ได้โดยแท้ แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถผ่านหลักสูตรนี้ได้เพราะไม่สามารถเรียนรู้อะไรเลยจากความพลัดพรากสูญเสีย ต่อเมื่อความตายมาประชิดตัวจึงค่อยเห็นสัจธรรมและเข้าใจบทเรียนชีวิต

เราไม่จำเป็นต้องรอให้ความตายมาถึงตัวจึงค่อยเกิดปัญญา เราสามารถเรียนรู้สัจธรรมและบทเรียนชีวิตโดยหมั่นสดับฟังคำสอนจากผู้รู้ หนึ่งในบรรดาผู้รู้ก็คีอผู้ใกล้ตายนั่นเอง เขาเหล่านั้นเป็นครูที่สอนบทเรียนชีวิตที่ดีที่สุดแก่เรา และบทเรียนอย่างหนึ่งที่ทรงคุณค่ายิ่งก็คือความจริงที่ว่าในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เราสามารถค้นพบสิ่งประเสริฐที่สุดในตัวเรา สิ่งประเสริฐที่สุดในตัวเรา ซึ่งทางพุทธศาสนาเรียกว่า สติ ปัญญา สมาธิ เมตตา นี้แหละที่สามารถนำพาเราผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดี แม้วิกฤตนั้นจะหมายถึงที่สุดของความพลัดพรากอันได้แก่ความตายก็ตาม

ความตายและความพลัดพรากสูญเสียจึงมิใช่สิ่งที่น่ากลัว หากเป็นสิ่งที่เราควรทำความเข้าใจตามความเป็นจริง และรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น แน่นอนว่าด่านแรกที่ต้องเอาชนะให้ได้คือความกลัว แม้แต่ความตายก็ไม่น่ากลัวเท่ากับความกลัวตาย เรากลัวเพราะเราไม่รู้ และเราไม่รู้ก็เพราะเราไม่กล้าออกไปเผชิญ การออกไปเผชิญกับสิ่งที่เรากลัวคือการเอาชนะความกลัว ชนะเพราะรู้ มิใช่ชนะเพราะขจัดสิ่งที่เรากลัวออกไป ความตายและความพลัดพรากไม่มีใครหนีพ้น แต่เราสามารถเอาชนะได้ด้วยการกล้าเผชิญจนรู้และเข้าใจตามความจริง ไม่กลัวและไม่ทุกข์เพราะมันอีกต่อไป

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
ส่วนหนึ่งจาก คำนำจากหนังสือ Life Lessons ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง
http://www.visalo.org/prefaces/lifeLessons.html


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:32:32 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iv/190331013549.jpg) (http://picture.in.th/id/6a148c94e8bdbecfb4fe146606ed0962)




การช่วยผู้อื่นเป็นการเติมเต็มความสุขในจิตใจของเรา เป็นการฝึกฝนพัฒนาตนได้เหมือนกัน ไม่ว่าคนเราจะมีความพรั่งพร้อมในวัตถุ มีความสุขสบายเพียงใด ถ้าขาดส่วนนี้ไปก็แสดงว่าจิตใจยังพร่องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเอาวัตถุอะไรมาเติมก็ไม่มีทางเต็มได้

มีหญิงสาวผู้หนึ่ง ร่ำรวยและสวย ใส่เสื้อผ้าราคาแพง แต่ว่าหน้าตาหม่นหมอง เธอมีความทุกข์ใจมากจนต้องไปหาจิตแพทย์ เธอเล่าว่า เธอไม่มีความสุขเลย รู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่า ไร้คุณค่า จนเกิดความคิดอยากฆ่าตัวตาย จิตแพทย์คนนี้แทนที่จะให้ยาเหมือนกับหมอทั่ว ๆ ไป เขากลับบอกผู้หญิงคนนี้ว่า อยากจะให้คุณฟังเรื่องราวของคนคนหนึ่ง คุณสนใจไหม เธอก็พยักหน้า

หมอจึงเรียกคุณป้าคนหนึ่งที่กำลังทำความสะอาดอยู่ บอกว่าคุณป้าช่วยมาเล่าเรื่องของคุณป้าให้คุณผู้หญิงคนนี้ฟังหน่อย คุณป้าจึงวางไม้กวาดแล้วเล่าว่า เมื่อปีที่แล้วเธอสูญเสียสามี เขาตายด้วยโรคมาลาเรีย หลังจากนั้น ๓ เดือนลูกชายคนเดียวของเธอก็ตายเพราะถูกรถชน เธอไม่เหลือใครแล้ว เธอรู้สึกหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต เธอกินไม่ได้ นอนไม่หลับ และไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไป แล้ววันหนึ่งเธอก็คิดถึงการฆ่าตัวตาย

แต่เย็นวันหนึ่งขณะที่เธอเดินกลับจากที่ทำงาน มีลูกแมวผอมโซตัวหนึ่งตามเธอมาจนถึงบ้านของเธอ เธอเห็นว่าข้างนอกหนาว สงสารแมว จึงอุ้มมันมันเข้ามาในบ้าน แล้วก็เอานมให้กิน แมวเลียนมจนหมดจาน มันมีความสุขมาก เข้ามานัวเนีย พันแข้งพันขาเธอ เธอเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เป็นยิ้มแรกของเธอในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ตอนนั้นเองที่เธอฉุกคิดขึ้นมาว่า ถ้าการช่วยลูกแมวทำให้ฉันยิ้มได้ การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนก็น่าจะทำให้ฉันมีความสุขได้

วันรุ่งขึ้นเธอก็อบขนมปังไปให้เพื่อนบ้านของเธอที่กำลังป่วย เพื่อนบ้านมีความสุข เธอก็พลอยมีความสุขไปด้วย นับแต่นั้นมาทุกวันเธอพยายามทำสิ่งดี ๆ ให้แก่ผู้อื่น ช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากเดือดร้อน เธอรู้สึกมีความสุขมากขึ้น เพราะเห็นคนอื่นมีความสุข เดี๋ยวนี้เธอกินได้นอนหลับและยิ้มได้

เธอถึงกับบอกว่า คนที่จะมีความสุขเท่าฉันคงจะมีไม่มากหรอกนะ จากคนที่บอกว่าชีวิตไม่เหลืออะไรจนอยากฆ่าตัวตาย ตอนนี้กลับมีความสุขอย่างมาก เธอมีความสุขเพราะอะไร เธอมีความสุขเพราะช่วยให้ผู้อื่นมีความสุข

การช่วยผู้อื่นเป็นวิธีเยียวยาความโศกเศร้าที่ดีมาก เพราะเมื่อเราลงมือหรือแม้แต่คิดช่วยผู้อื่น เมตตากรุณาก็ถูกปลุกขึ้นในใจเรา เมตตากรุณาเมื่อเกิดขึ้น มันช่วยขับไล่ความเศร้า ความหดหู่ออกไปจากใจได้ นอกจากนั้นการออกไปช่วยคนที่เดือดร้อน ทำให้เราได้คิดว่า คนอื่นที่ลำบากกว่าเรามีอีกเยอะ เวลาเรามีความทุกข์ เรามักคิดว่าความทุกข์ของฉันมันยิ่งใหญ่ร้ายแรงเหลือเกิน ไม่มีใครทุกข์เท่าฉัน แต่พอเราออกไปเจอผู้เจอคนที่เดือดร้อน เราจะพบว่าคนที่ทุกข์กว่าฉันมีอีกเยอะ ความทุกข์ของฉันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย อาจจะรู้สึกโชคดีด้วยซ้ำที่ไม่ทุกข์มากเหมือนคนอื่น

เรื่องนี้ยังไม่จบ หลังจากที่ได้ฟังคุณป้าเล่าเรื่องของเธอ หญิงสาวคนนั้นก็ร้องไห้ เธอบอกว่าเธอมีทุกอย่างที่เงินซื้อได้ แต่สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ เธอไม่มีเลยสักอย่าง

ที่เธอพูดว่าเธอไม่มีเลยสักอย่างที่เงินซื้อไม่ได้ เธอหมายถึงความสุขด้วย เงินซื้อความสุขไม่ได้ มันแค่เช่าได้เท่านั้น เงินแค่เช่าความสุข แต่อะไรที่เราเช่ามาล้วนอยู่กับเราเพียงชั่วคราว ไม่นานก็ต้องคืนเขาไป อย่างผู้หญิงคนนี้มีเงินเยอะ ความสุขก็มีชั่วคราว แต่ไม่นานความสุขก็จางไป เพราะว่าเบื่อสิ่งที่มี

ความสุขจากวัตถุนั้น เสน่ห์ของมันคือเกิดขึ้นเร็ว แต่ข้อเสียคือจืดจางเร็ว พอหายไป ชีวิตก็รู้สึกว่างเปล่า แต่พอได้ไปช่วยผู้อื่น ความสุขก็จะเกิดขึ้น เป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง เป็นความสุขที่ได้ช่วยผู้อื่น ซึ่งต่างจากความสุขจากการเสพ ความสุขแบบนี้คนไม่เคยตระหนักว่าสามารถจะเกิดขึ้นได้จากการไปช่วยผู้อื่น

พระไพศาล วิสาโล
หอจดหมายเหตุพุทธทาส BIA




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2019, 08:34:33 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190331013900.jpg) (http://picture.in.th/id/bc5d8074e09860133ad85c2e1d5a3bdd)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  "เพียงคำว่า...แค่"  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

ชายผู้หนึ่งมาหาหมอด้วยอาการอ่อนเพลียต่อเนื่องมานานหลายเดือน รูปร่างผอมซีดเพราะน้ำหนักตัวลดลงอย่างฮวบฮาบ หมอซักถามอาการได้สักพักก็สั่งเจาะเลือด

เมื่อผลตรวจเลือดมาถึง หมอก็แจ้งแก่คนไข้ว่า เขาเป็นเบาหวาน ทันทีที่รู้ผล เขายิ้มหน้าบานจนเกือบจะลิงโลดด้วยซ้ำ หมอแปลกใจจึงถามเขาว่า

“ทำไมลุงถึงดีใจล่ะครับ เป็นเบาหวานต้องกินยาตลอดชีวิตนะครับ”
“ทีแรกผมนึกว่าจะเป็นเอดส์ แต่พอรู้ว่าเป็นแค่เบาหวาน ก็เลยดีใจมาก”

เบาหวานเป็นโรคร้าย ใครเป็นก็ถือว่าโชคร้าย แต่ชายผู้นี้กลับดีใจที่เป็นเพราะเขาคิดว่าจะต้องเจอหนักกว่านั้น

สุขหรือทุกข์จึงไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเจออะไร แต่ขึ้นอยู่กับความคาดหวังของเรา ได้รางวัลเป็นเงินแสนแต่คาดหวังเงินล้าน ก็ย่อมเป็นทุกข์ ในทางตรงข้ามแม้เป็นเบาหวานแต่ใจคาดว่าจะเป็นเอดส์ ก็กลับทำให้ยิ้มได้

โรคร้ายกลายเป็นเบาเมื่อเทียบกับโรคที่ร้ายกว่า เด็กหญิงผู้หนึ่งเป็นมะเร็งสมอง ผมร่วงทั้งศีรษะเพราะผ่านการฉายแสง แต่เธอมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จนคนมาเยี่ยมแปลกใจ คุยกันได้สักพักเธอก็บอกว่า เธอโชคดีที่ไม่ได้เป็นมะเร็งปากมดลูก ญาติของเธอคนหนึ่งเป็นมะเร็งชนิดนั้น เจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก เธอจึงรู้สึกว่าโชคดีที่เป็นแค่มะเร็งสมอง

คนเราจะสุขหรือทุกข์อยู่ที่มุมมองเป็นสำคัญ มุมมอง(รวมทั้งความคาดหวัง)เป็นตัวสำคัญที่บ่งชี้หรือตีค่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ดีหรือร้าย เบาหรือหนัก น้อยหรือมาก

เพียงคำว่า "แค่"คำเดียวก็ทำให้ปัญหาต่าง ๆ ดูเบาลงไปและบรรเทาความทุกข์ของเราไปได้เยอะ แต่บ่อยครั้งเรามักลืมคำ ๆ นี้ไปในยามที่ประสบเหตุร้ายหรือสิ่งที่ไม่สมหวัง แต่กลับนึกถึงคำ ๆ นี้เวลาประสบโชคหรือได้รับสิ่งที่น่าพอใจ เช่น

"เขาชมฉันแค่นี้เอง"
"ฉันได้โบนัสแค่ ๔ แสนเท่านั้น"
"ฉันได้เป็นแค่ผู้จัดการฝ่าย" ผลที่ตามมาคือความทุกข์เกาะกินใจ

ชายผู้หนึ่งได้ทราบว่ามิตรอาวุโสขายหุ้นได้กำไร ๑๐ ล้านบาทเมื่อ ๒-๓ วันก่อน เขาจึงแสดงความยินดีกับเธอด้วย แต่คุณป้าผู้นั้นกลับตอบว่า "ยินดีอะไรกันล่ะ ถ้าฉันขายหุ้นวันนี้ ฉันก็ได้กำไรแล้ว ๒๐ ล้าน" วันรุ่งขึ้นคุณป้าผู้นี้ไม่มาตลาดหุ้นเหมือนเคย ชายผู้นี้จึงไปสอบถามโบรคเกอร์ซึ่งคุ้นเคยกับเธอ ก็ได้ความว่าเธอเข้าโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อเช้า สาเหตุก็เพราะเธอเครียดมาก

คุณป้าเครียดก็เพราะเป็นทุกข์ที่ได้กำไร "แค่" ๑๐ ล้านบาทเท่านั้น จะว่าไปเงินก้อนนี้มิใช่จำนวนน้อย ๆ พอ ๆ กับถูกลอตเตอรี่รางวัลที ๑ โชคลาภอย่างนี้ใครได้ไปก็น่าจะมีความสุข แต่พอมองไม่ถูก วางใจไม่เป็น เห็นว่ามันเป็น "แค่" ๑๐ ล้านบาทเท่านั้น ก็เป็นทุกข์ทันที

คำว่า "แค่" คำนี้มีอิทธิพลต่อจิตใจของเรามาก มันสามารถสร้างทุกข์หรือปัดเป่าความกลัดกลุ้มไปจากจิตใจของเราได้ อยู่ที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร หากใช้ให้เป็น เราก็สามารถรับมือกับเหตุร้ายได้โดยใจไม่ทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นการพลัดพรากสูญเสียของรัก หรือประสบกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์

เมื่อเจอเหตุร้ายคราวหน้า อย่าลืมนึกถึงคำนี้ เพียงเติมคำว่า "แค่" ไว้ข้างหน้าเหตุร้ายเหล่านั้น เรื่องร้ายก็จะกลายเป็นเบาไปได้ในความรู้สึกของเรา

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 04, 2019, 07:57:48 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/190404010533.png) (http://picture.in.th/id/e742b74a774c69025e758216e545d3b6)



คนไทยทะเลาะกัน ส่วนหนึ่งก็เกิดจากอัตตารวมหมู่ ไม่ใช่อัตตาเฉพาะคน มันเป็นอัตตาที่ซับซ้อน อิงอุดมการณ์ หรือผลประโยชน์

ในทางพุทธศาสนาก็สอนไว้ ว่ามีเหตุปัจจัย 3 ประการที่ทำให้คนเราทะเลาะกัน คือ ตัณหา มานะ และทิฐิ

ตัณหาคือความยึดติดในผลประโยชน์
มานะก็คือความถือตัว ความรู้สึกว่ากูแน่
ส่วนทิฐิคือการยึดติดในความเชื่อหรืออุดมการณ์

เรื่องพวกนี้สัมพันธ์กับอัตตาแทบทั้งนั้น ถ้าเป็นในระดับกลุ่ม มันจะยิ่งทวีความซับซ้อน...

อาตมาพยายามเตือนให้คนอย่าสร้างความกลัว เกลียด โกรธ ให้แก่กัน ตอนนี้ Hate Speech เกิดขึ้นมาก แต่ไม่ใช่ hate speech ที่กระทำกับคนเฉพาะกลุ่ม แต่มุ่งเจาะจงมาที่ตัวบุคคล

เดี๋ยวนี้คนสนใจเรื่องความถูกต้องน้อย แต่สนใจเรื่องความถูกใจมากกว่า แสวงหาเรียกร้องแต่สิ่งที่ถูกใจ สะใจ ดูในเฟซบุ๊คสิ มีแต่ปุ่มกด Like หรือ “ชอบใจ” ที่จริงไม่ได้เสียหายอะไรหรอก เพียงแต่ความชอบใจ ความถูกใจมันยังไม่พอ ต้องมีความถูกต้องด้วย

ความถูกต้องเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อใช้เหตุผลไตร่ตรอง ตอนนี้สังคมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เขาจะไม่ถามว่าคุณคิดอะไร แต่จะถามก่อนเลยว่าคุณฝ่ายไหน สิ่งที่คุณพูดไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณเป็นฝ่ายไหน

เราต้องอ่อนน้อมถ่อมตัวด้วย ว่าสิ่งที่เราคิดและทำ อาจจะยังไม่ดีที่สุด ยังไม่แท้ที่สุด ต้องเปิดใจรับฟัง พร้อมที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง ถ้าเป็นอย่างนี้ การที่จะไปสร้างความทุกข์ให้แก่คนอื่น ไปประณามเขา ไปไล่ล่าเขา ก็จะมีน้อยลง เราจะหันมาเคี่ยวกรำหรือตั้งคำถามกับความเชื่อของตัวเองมากขึ้น แทนที่จะไปเรียกร้องเอาจากคนอื่น

การพยายามเข้าถึงความจริงแท้ เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเรายึดติดถือมั่นว่าความเชื่อของเราเป็นความจริงแท้ เป็นคำตอบหนึ่งเดียว มันจะกลายเป็นโทษแก่ตัวเราเอง ทำให้อัตตาพองโตหรือกิเลสฟูฟ่องได้ง่าย กลับกลายเป็นอุปสรรคในการพัฒนาตัวเอง ทำให้เราหลงตัวลืมตน นอกจากสร้างความทุกข์แก่ผู้อื่นแล้ว ยังสร้างความทุกข์แก่ตัวเองด้วย ทางพุทธศาสนามองว่า ถ้าลุ่มหลงในอัตตา เรากำลังเบียดเบียนตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ว่าไม่เป็นมิตรกับตัวเองเท่านั้นนะ แต่เรากำลังเบียดเบียนตัวเองเลยล่ะ

พุทธศาสนาสอนให้เราไม่เบียดเบียนตน และไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตนเอง หมายถึงทั้งในทางกายและทางจิตใจด้วย ซึ่งก็สัมพันธ์กับอัตตา

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: " อยู่อย่างไร ตายอย่างนั้น " บทความเตือนสติจาก พระไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 04, 2019, 08:01:16 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/190404010811.jpg) (http://picture.in.th/id/cf29b48d627733f4e29b8b0b12d4150b)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  อยู่อย่างไร ตายอย่างนั้น  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

บทความเตือนสติจาก พระไพศาล วิสาโล


ครูเบญจา เป็นครูที่ดุและเข้มงวดมาก ใช่แต่เท่านั้น ยังมักอารมณ์เสียใส่นักเรียนบ่อยๆ มีเรื่องตำหนินักเรียนไม่เว้นแต่ละวัน การลงโทษด้วยไม้เรียวเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้ จนนักเรียนทั้งชั้นกลัวเกรงมาก เวลาอยู่นอกห้องเรียนหากเห็นครูเบญจาเดินมาแต่ไกล นักเรียนจะเลี่ยงไปอีกทางทันที อยู่อย่างไร ตายอย่างนั้น

ปีแล้วปีเล่าที่ครูเบญจาสอนหนังสือโดยใช้พระเดชเป็นที่ตั้ง จนเกษียณอายุแล้ว ครูเบญจาก็ยังคิดว่าตนเป็นครูอยู่ จึงชอบเคี่ยวเข็ญสั่งการหรือต่อว่าคนรอบข้างเป็นอาจิณ จนกลายเป็นเผด็จการในสายตาของลูกหลาน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรืออยากพูดคุยด้วย

แล้ววันหนึ่งครูเบญจาก็พบว่าตนเป็นมะเร็งเต้านม เมื่ออาการลุกลามเข้าสู่ระยะสุดท้าย ครูเบญจาถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาล แม้ป่วยหนัก ครูเบญจายังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ใครที่อยู่ใกล้เป็นต้องถูกตำหนิติเตียนหรือถูกสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ไม่เว้นกระทั่งแพทย์และพยาบาล ซ้ำยังถูกต่อว่า นินทาลับหลัง จนเป็นที่เอือมระอาของผู้คน ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากไปข้องแวะกับครูเบญจา

เป็นที่สังเกตว่า ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล มีคนมาเยี่ยมครูเบญจาน้อยมาก ลูกหลานนานๆ จะมาสักครั้ง ครูเบญจาจึงนอนซมอยู่บนเตียงผู้เดียวเป็นส่วนใหญ่ ดูเหงาหงอย ไม่มีความสุข ขณะเดียวกันจิตใจก็ว้าวุ่น เพราะไม่เคยรู้สึกพอใจกับอะไรเลยสักอย่าง

เมื่ออาการทรุดหนักครูเบญจาก็มีสติฟั่นเฟือนถึงกับเพ้อ เวลาแพทย์และพยาบาลมาข้างเตียง ครูเบญจาจะจ้องตา ชี้นิ้ว พร้อมกับสั่งแกมตะคอกว่า “เริ่ม….เริ่ม” ซึ่งเป็นคำพูดติดปากเวลาสั่งให้นักเรียนเริ่มต้นท่องหรืออ่านหนังสือหน้าชั้น

คืนที่ครูเบญจาเสียชีวิตนั้น ไม่มีลูกหลานหรือญาติมิตรอยู่ดูใจสักคน แม้แต่คนที่แพทย์จะขอคำปรึกษาเพื่อตัดสินใจช่วยชีวิตหากหัวใจหยุดเต้นก็ใช้เวลานานกว่าจะติดต่อได้ ในที่สุดครูเบญจาก็สิ้นใจคามือบุรุษพยาบาลที่พยายามปั๊มหัวใจอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ครูเบญจาเคยแสดงเจตจำนงว่าขอปฏิเสธวิธีดังกล่าวก็ตาม

เช้าวันรุ่งขึ้น ลูกหลานครูเบญจามารับศพอย่างพร้อมหน้า แต่ทุกคนยืนอออยู่หน้าห้องดับจิต ไม่มีใครยอมเข้าไปดูหน้าครูเบญจายามสิ้นลม เมื่อศพเคลื่อนออกจากห้อง ลูกหลานก็ถอยห่างและใช้ลิฟต์คนละตัวกับครูเบญจา ต่อเมื่อบรรจุศพในโลงเรียบร้อยแล้วลูกหลานจึงมาขอขมาข้างโลง

แม้ครูเบญจามีลูกหลาน ญาติมิตรมากมาย แต่วาระสุดท้ายของครูเบญจาไม่ต่างจากคนไร้ญาติขาดมิตร ครูเบญจาสิ้นลมโดยไม่มีใครสักคนมาดูใจ กระทั่งเป็นศพแล้วก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ชีวิตบั้นปลายของครูเบญจาอยู่อย่างหงอยเหงาและตายอย่างโดดเดี่ยว

ใช่หรือไม่ว่า เราอยู่อย่างไรก็ตายอย่างนั้น หากอยู่อย่างกราดเกรี้ยวก็จะตายอย่างกราดเกรี้ยว หากอยู่อย่างว้าวุ่นใจ จ้องจับผิดคนอื่นตลอดเวลา ความรู้สึกลบก็จะตามไปรบกวนจิตใจจนสิ้นลม ในยามที่มีชีวิตอยู่หากใช้อำนาจหรือทำตามอำเภอใจจนใครๆ ไม่อยากอยู่ใกล้ เมื่อถึงคราวจะตายก็ยากที่จะมีคนมาห้อมล้อมให้กำลังใจ

ในทำนองเดียวกัน คนที่อยู่อย่างตระหนี่ เห็นแก่เงินทองมาก เมื่อจวนสิ้นลมก็จะทุรนทุรายเพราะเงินทอง จนตายไม่สงบ…ป้าหยิบมีอาชีพปล่อยเงินกู้และเรียกดอกเบี้ยแพง ต่อมาล้มป่วยจนต้องเข้าห้องไอซียู สัญญาณชีพต่ำลงเรื่อยๆ สุดจะช่วยให้ดีขึ้นได้ เมื่อเห็นว่าป้าหยิบใกล้จะเสียชีวิต แพทย์จึงพูดแนะนำให้แกเตรียมใจและพร้อมปล่อยวาง แต่พอพูดถึงการปล่อยวางทรัพย์สินเงินทอง ป้าหยิบทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทันทีราวกับจะต่อต้าน ผ่านไปหนึ่งวันแกก็ยังไม่เสียชีวิต

วันรุ่งขึ้น เพื่อนบ้านคนหนึ่งมาหาแกด้วยอาการลุกลี้ลุกลน เขาเล่าว่าได้ยืมเงินป้าหยิบนานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสคืนสักที เมื่อเช้าเห็นแกมาทวงเงินที่บ้านเลยตกใจรีบมาหาป้าหยิบและรับปากว่าจะคืนเงินให้ ป้าหยิบสิ้นลมวันนั้นหลังจากกระสับกระส่ายอยู่พักใหญ่

ยึดติดอะไรในยามที่มีชีวิตอยู่ สิ่งนั้นก็จะตามไปรบกวนจิตใจจนสิ้นลม ในทางตรงข้าม หากอยู่อย่างปล่อยวาง เมื่อจะตายก็พร้อมปล่อยวางและจากไปอย่างสงบ

หากมีชีวิตอย่างเอื้อเฟื้อเกื้อกูลผู้อื่น เมื่อล้มป่วยก็จะมีผู้คนมาช่วยเหลือดูแลอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยจนวาระสุดท้าย…สุภาพรเป็นคนหนึ่งที่มีน้ำใจต่อมิตรสหายมาก ไม่เคยปฏิเสธเมื่อเพื่อนขอความช่วยเหลือ และพร้อมยื่นมือเมื่อเห็นเพื่อนเดือดร้อน เมื่อเธอล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย เธอเลือกที่จะใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายที่บ้านโดยปฏิเสธการรักษาทุกชนิด

ตลอดสองเดือนที่เธอนอนแบ็บบนเตียง เพื่อนๆ ผลัดกันมาดูแลเธอ 24 ชั่วโมง บ้างก็ช่วยเช็ดตัว บ้างก็นวดคลายปวด บ้างก็ตีขิมเป่าขลุ่ยให้เธอฟัง หาไม่ก็ชวนเธอสวดมนต์ นั่งสมาธิ ตอนที่เธอสิ้นลมนั้น เพื่อนๆ มาดูใจอยู่รอบเตียงและส่งเธอสู่สุคติอย่างสงบ

เราอยากตายอย่างไรก็ควรเตรียมตัวเสียแต่บัดนี้ ด้วยการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับสิ่งที่อยากประสบพบเห็นในวาระสุดท้าย ถ้าอยากตายดีก็ต้องใช้ชีวิตให้ดีมีคุณภาพนับแต่วันนี้ไป

 

(http://image.free.in.th/v/2013/iy/190404011237.png) (http://picture.in.th/id/2aad9dbb7ada5926973829360e89f7bd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอบคุณข้อมูลจาก  นิตยสาร Secret

Photo by Teymur Gahramanov on Unsplash
Secret Magazine (Thailand)

IG @Secretmagazine
หัวข้อ: จิตประภัสสร - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 10, 2019, 08:30:18 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iv/190410013523.jpg) (http://picture.in.th/id/4b38c6103ce595b97acf16c4ed327dc5)




(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  จิตประภัสสร  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ดวงอาทิตย์นั้นสุกสว่างตลอดเวลา แต่สาเหตุที่อากาศมืดครึ้ม มิใช่เพราะอาทิตย์อับแสง หากเป็นเพราะมีเมฆมาบดบัง แต่ก็เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเมฆเลือนหาย ความสว่างกระจ่างตาก็ปรากฏ ในทำนองเดียวกัน ไม่มีสุริยุปราคาครั้งใดยืนยาวเลย แม้ความมืดดูเหมือนจะกลืนกินอาทิตย์ทั้งดวง แต่แท้จริงดวงอาทิตย์ยังส่องสว่างดังเดิม เป็นแต่สายตาของเราต่างหากที่ถูกดวงจันทร์บดบัง

จิตของเราก็เช่นกัน สุกสว่างประภัสสรอยู่ตลอด แต่ที่ดูเหมือนเศร้าหมองนั้นเป็นเพราะมีกิเลสมาบดบัง เมื่อกิเลสจรหายไป ความแจ่มกระจ่างก็กลับมา กิเลสนั้นหาได้อยู่ประจำจิต หรือเป็นส่วนหนึ่งของจิตไม่ แม้มันจะเกิดกับจิตก็ตาม เฉกเช่นเปลวไฟที่เกิดกับเนื้อไม้ แต่หาได้แฝงอยู่ในเนื้อไม้ไม่

เมฆเลือนหายเพราะแรงลมฉันใด กิเลสเลือนหายก็เพราะความตื่นรู้ เมื่อมีสติเกิดขึ้น ความหลงลืมก็หายไป พร้อมกับ“ตัวกู”ที่ถูกปรุงเพราะความหลง กิเลสจึงไม่มีที่ตั้ง ไม่สามารถบดบังหรือเคลือบคลุมจิตได้อีกต่อไป

เมื่อจิตหมองมัว ไม่ต้องทำอะไรกับจิต เพราะจิตสว่างไสวใสเย็นอยู่แล้ว กับกิเลสก็เช่นกัน ไม่ต้องทำอะไรกับมัน แค่มีสติรู้ตัว กิเลสก็หายไป เช่นเดียวกับความมืดที่ปลาสนาการไปทันทีที่ต้องแสงสว่าง

ยามชีวิตตกอับ จิตใจ เต็มไปด้วยความทุกข์ ราวกับดาวอับแสง พึงระลึกไว้เสมอว่าความมืดมัวนั้นเป็นของชั่วคราว ไม่นานชีวิตและจิตใจก็จะกลับเป็นปกติ เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกทดท้อเพราะความดีของเราไม่เป็นที่รับรู้ของผู้คน ขอให้มั่นใจว่าแม้บางคนจะมองไม่เห็น แต่ยังมีอีกมากมายที่เห็นประกายแห่งความดีของเรา เฉกเช่นผู้คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ถูกดวงจันทร์บดบังจนมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ยามเกิดสุริยุปราคา แต่ในสายตาของผู้คนค่อนโลก ดวงอาทิตย์ยังเจิดจ้าไม่แปรเปลี่ยน

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: มองเป็นชีวิตมีแต่กำไร - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 26, 2019, 10:10:10 am
(http://image.free.in.th/v/2013/in/190426030357.jpg) (http://picture.in.th/id/cc1335d38612670d5b3e76444c8f535f)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  มองเป็นชีวิตมีแต่กำไร  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


มองชีวิตในมุมบวก ไม่ถึงกับเท่าทุน

มันกำไรด้วย จะถูกโจรปล้นจนเหลือแต่ตัว

แต่ก็มีอะไรมากับชีวิตของเราหรือ

อยู่คู่กับชีวิตของเรา เช่นวิชาความรู้

หรือว่ามีญาติสนิทมิตรสหาย มีคนรัก

มีครอบครัว สูญแต่เงินแต่ยังมีอะไร

อีกหลายอย่างที่มีคุณค่าต่อชีวิตของเรา

แต่มันก็อยู่ที่มองว่าเราจะเทียบกับอะไร

ถ้าเราเทียบไม่เป็น เราก็จะทุกข์มาก

เพราะเราจะรู้สึกว่ามันสูญเสียตลอด

แต่ถ้าเรามองว่าเราเกิดมาไม่มีอะไรมาเลย

เกิดมาตัวเปล่า สิ่งที่มีมันคือกำไรทั้งนั้น


พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: เป็นมิตรกับความเหงา - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 26, 2019, 10:19:33 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/190426032421.jpg) (http://picture.in.th/id/a01ffd5442ffc75b5f2a80bc3cdefa6a)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เป็นมิตรกับความเหงา  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

การที่เราจะอยู่กับตัวเองได้อย่างมีความสุข สิ่งหนึ่งที่ต้องผ่านให้ได้ก็คือความเหงา ทุกคนย่อมรู้ดีว่าการเอาชนะความเหงานั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้จากการปฏิเสธผลักไสมัน ขืนทำเช่นนั้นมันก็ยิ่งรังควาญเราหนักขึ้น ไม่ต่างจากอันธพาลที่ไล่เท่าไหร่ไม่ยอมไป หรือยิ่งไล่ก็ยิ่งกวนดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือรับรู้หรือดูมันเฉยๆ ด้วยใจที่เป็นกลาง นั่นคือรับรู้มันด้วยสติ แทนที่จะผลักไสมัน ก็ยอมรับมัน หรือพร้อมต้อนรับมันเสมือนอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน เมื่อทำใจคุ้นกับความเหงาจนเป็นมิตรกับมันได้ ความเหงาก็จะกลายเป็นมิตรกับเราเช่นกัน ในเวลาไม่นานมันก็จะจากลาไปเองเยี่ยงอาคันตุกะที่รู้เวลา และมีมารยาทพอที่จะไม่รบกวนเจ้าบ้านผู้มีไมตรีนานเกินไป น่าแปลกก็คือเมื่อเรามองความเหงาเป็นมิตร แทนที่จะมองเป็นศัตรู ความเหงากลับจะมาเยี่ยมเยือนเราน้อยลง และทุกครั้งที่มาเยือน ก็ไม่ได้รบกวนใจเราให้เป็นทุกข์เลย ถึงตอนนั้นเราจะสามารถอยู่กับตัวเองได้อย่างมีความสุขโดยไม่จำเป็นต้องออกไปแสวงหาความสุขจากที่ไหนเลย กล่าวได้ว่า หากเราไม่รู้จักเป็นมิตรกับความเหงาแล้ว ก็ยากที่จะเป็นมิตรกับตัวเองได้ พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าอยากเป็นมิตรกับตัวเองก็ต้องเป็นมิตรกับความเหงาให้ได้

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ยิ้มให้ชีวิต - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 26, 2019, 10:38:39 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/190426034341.jpg) (http://picture.in.th/id/1a82956b4518ddf297d2aa1f61f214ef)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ยิ้มให้ชีวิต  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ของขวัญล้ำค่าอย่างหนึ่งที่เรามีกันทุกคนก็คือ “ชีวิต” ชีวิตทำให้เรามีทุกอย่างที่ทรงคุณค่า ได้พบทุกคนที่มีความหมายต่อเรา มีโอกาสทำความดี ได้พบพระธรรม และได้สัมผัสกับความสุข ปราศจากชีวิต ทุกอย่างที่เรามี ทุกคนที่เราพบ และทุกสิ่งที่เราเป็น ก็จะสูญสิ้นไป แต่ในเวลาเดียวกัน ชีวิตก็ทำให้เราต้องเจอกับความเจ็บปวด ความพลัดพราก ความสูญเสีย ต้องพบกับสิ่งไม่พึงประสงค์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชีวิตนำมาซึ่งความทุกข์

แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ชีวิตก็สามารถให้สิ่งดี ๆ แก่เราได้มากมาย แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราเจอะเจอ ก็สามารถเป็นประโยชน์แก่เรา หากเรารู้จักเรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมา ประสบการณ์ชีวิตสามารถสอนเราให้รู้จักเปลี่ยนทุกข์เป็นสุข อีกทั้งโอกาสต่าง ๆ ที่ชีวิตมอบให้แก่เรา ก็สามารถทำให้เราพบประโยชน์สูงสุดของชีวิต นั่นคือ อิสรภาพจากทุกข์ อันเป็นสุขที่ประเสริฐยิ่ง

ชีวิตเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา จึงควรยิ้มให้กับชีวิต อย่าโกรธเกลียดเคียดแค้นชีวิตที่นำความทุกข์หรือความผิดหวังมาให้ อย่าคิดว่าทำไมชีวิตจึงโหดร้ายกับฉันนัก มองให้ดีนั่นอาจเป็นโชคที่มาในรูปของเคราะห์ มันคือสิ่งที่เตรียมเราให้พบกับสิ่งวิเศษสุดที่รอคอยอยู่ข้างหน้า


พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 26, 2019, 12:42:27 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ia/190426054730.jpg) (http://picture.in.th/id/1ec2d2732df30efaba24a7948bcc44b1)



เมื่อประสบความสูญเสีย อย่ามัวคร่ำครวญอาลัยกับสิ่งที่เสียไป เพราะนั่นจะทำให้เราหลงลืมสิ่งงดงามที่ยังมีอยู่อีกมากมาย และละเลยประโยชน์ที่จะได้รับจากสิ่งเหล่านั้น

จะว่าไปแล้วยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่สามารถเกิดกับเราได้หากไม่จมปลักอยู่ในความคร่ำครวญเสียใจ นั่นคือบทเรียนจากความสูญเสีย ความสูญเสียทุกครั้งล้วนบอกแก่เราว่า ไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ทุกอย่างมาแล้วก็ไป ความพลัดพรากเป็นเรื่องธรรมดา

ความสูญเสียแต่ละครั้งยังเป็นเสมือนสัญญาณเตือนเราว่า จะมีความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เลวร้ายกว่านั้นตามมาอีกในอนาคต ดังนั้น หากเราทำใจไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เราจะรับมือกับความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นได้อย่างไร

ใช่หรือไม่ว่า สักวันหนึ่งคนที่เรารักก็ต้องตายจากไป และในที่สุดเราเองก็ต้องละจากโลกนี้ไป

หากไม่อยากทุกข์ทรมานเมื่อวันนั้นมาถึง ก็ต้องเตรียมใจฝึกใจขณะที่ยังมีเวลา ความสูญเสียที่ทยอยเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนั้น มิใช่อะไรอื่น หากคือแบบฝึกหัดเพื่อให้เราฝึกทำใจแต่เนิ่น ๆ จะได้มีความพร้อมสำหรับเหตุร้ายที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต

เราทุกคนเกิดมาตัวเปล่า เมื่อถึงเวลาก็ต้องจากไปตัวเปล่า อะไรที่ได้มา ก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง


ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 26, 2019, 12:46:53 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iv/190426055032.jpg) (http://picture.in.th/id/24f26f49ccbd1d991d22b56eb8ce7a4f)


อังคณา มาศรังสรรค์ หรือ “ครูณา” แห่งโรงเรียนพ่อแม่ลูกเล่าว่า ตั้งแต่เล็กจนโต เธอเห็นพ่อเอาแต่เล่นไพ่ ไม่ค่อยทำงาน ขณะที่แม่ทำงานทั้งวัน ไหนจะงานบ้านและรับจ้างตัดเสื้อ เวลาได้ยินผู้คนเล่าว่าพ่อรักแม่มาก เธอนึกภาพไม่ออก และไม่อยากเชื่อเลย เพราะภาพที่เธอเห็นชินตาตั้งแต่เด็กก็คือ พ่อกราดเกรี้ยวแม่ ต่อว่าแม่เป็นประจำ บางครั้งก็ใช้กำลังกับแม่

เธอรู้สึกเหินห่างหมางเมินพ่อมาโดยตลอด ความรู้สึกลบที่มีต่อพ่อนั้นกลายแรงผลักที่สำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตของเธอตั้งแต่สาว นั่นคือ พยายามเป็นและทำสิ่งที่ตรงข้ามกับนิสัยของพ่อ เช่น ทำงานหนัก ไม่ชอบผ่อนคลาย และไม่นอนกลางวัน ขณะเดียวกันก็ไม่มั่นใจที่จะมีชีวิตคู่กับใคร เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอย่างพ่อ

แต่เมื่อเธอมีครอบครัว วันหนึ่งเธอก็พบว่าเธอทำกับลูกอย่างเดียวกับที่พ่อทำกับเธอ นั่นคือตีลูกด้วยความโกรธ พฤติกรรมหลายอย่างของพ่อที่เธอไม่ชอบ เธอกลับรับเข้ามาอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัว

เธอเริ่มหันกลับมามองตนเองอย่างจริงจัง สิ่งหนึ่งที่ค้นพบก็คือ อคติที่มี่ต่อพ่อนั้นได้ก่อปัญหาแก่เธออย่างที่นึกไม่ถึง

เธอพบว่าอคติดังกล่าวทำให้เธอเห็นพ่อแต่ในแง่มุมเดียว คือด้านที่เป็นลบ ไม่สามารถมองเห็นด้านที่เป็นบวกได้เลย ดังนั้นไม่ว่าพ่อจะทำดีกับเธออย่างไร เธอก็มองไม่เห็น บางครั้งก็หันหลังให้

“เมื่อเขาชวนฉันไปกินขนม ฉันก็ปฏิเสธ เมื่อป๊าจะกอดฉัน ฉันก็วิ่งหนี เมื่อป๊าชวนฉันไปเที่ยว ฉันก็ว่าไม่อยากไป”

หารู้ไม่ว่าการทำเช่นนั้นส่งผลให้พ่อโอภาปราศรัยกับเธอน้อยลง และเหินห่างมากขึ้น

เมื่อทบทวนชีวิตที่ผ่านมาอย่างจริงจัง เธอจึงตระหนักว่าพ่อเป็นคนรักครอบครัวมาก ตอนที่ลูกยังเด็ก พ่อเป็นคนป้อนข้าวให้ลูก เมื่อลูกไปโรงเรียน พ่อก็ไปส่งปิ่นโตที่โรงเรียนทุกวัน

ทุกครั้งที่เล่นไพ่ได้พ่อจะซื้ออาหารดี ๆ กลับมาให้ที่บ้านได้กินอย่างเอร็ดอร่อย เสื้อผ้าชุดโปรดของเธอในวัยเด็กก็ได้มาจากเงินในวงไพ่

แม้เมื่อเธอโตเป็นสาวแล้ว คราใดที่ล้มป่วย พ่อก็จะมาดูแลอย่างใกล้ชิด มีคราวหนึ่งเธอกินอะไรแทบไม่ได้ พ่อก็จะซื้อปลากระบอกฮ่องกงซึ่งแพงมาก แล้วลอกเป็นเส้นเล็ก ๆ ป้อนใส่ปากเธอทีละนิด

เมื่อเธอตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา พ่อก็รับปากว่าจะหาเงินมาส่งเสีย แล้วก็ทำได้อย่างที่พูด แน่นอนว่าเงินเหล่านี้พ่อได้จากการเล่นไพ่

ทัศนคติของเธอเริ่มเปลี่ยนไป เธอรู้สึกดีกับพ่อมากขึ้น

“ในวัยสี่สิบต้น ๆ ฉันพึ่งเริ่มหลงรักพ่อของตัวเอง พ่อที่น่ารัก พ่อที่ใจดี และพ่อที่อ่อนโยน”

เธอหันกลับมาทำดีกับพ่อมากขึ้น พูดคุยใกล้ชิดขึ้น จากเดิมที่ให้เงินต่อเมื่อพ่อออกปากขอ เธอรีบให้ก่อนที่เขาจะขอ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพ่อจะเอาเงินไปเล่นไพ่

แล้วสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พ่อเริ่มเปลี่ยนไป หรือพูดให้ถูกคือ กลับมาเป็นคนเดิม นั่นคือ เป็นพ่อที่สงบและใจดี เป็นสามีที่อ่อนหวาน เลิกต่อว่าภรรยา เมื่อภรรยาป่วย ก็คอยดูแลภรรยา จับมือและพูดหวาน พาภรรยานั่งรถเที่ยวโดยไม่บ่นเลย

วันหนึ่งเธอตัดสินใจพูดคุยกับพ่อเพื่อขอร้องให้เลิกเล่นไพ่ สนทนาเพียงสิบนาที พ่อก็ตัดสินใจเลิกเล่นไพ่ เมื่อตระหนักว่าเหตุผลที่จะเล่นไพ่ไม่มีแล้ว เนื่องจากลูก ๆ มีชีวิตที่สุขสบาย ครอบครัวไม่เดือดร้อนแล้ว

พ่อเปลี่ยนไปเมื่อได้รับความรักและความเข้าใจจากลูก พลังแห่งความดีในใจพ่อที่เคยซบเซาอ่อนแรง ได้รับการกระตุ้นหนุนเสริมจากความรักและความเข้าใจดังกล่าว จนสามารถเอาชนะความกระด้างและความเห็นแก่ตัว ทำให้พ่อกลับมาเป็นพ่อที่ดีและสามีที่น่ารักดังเดิม

คนเรานั้นแม้อยากทำดีหรือเป็นคนดี แต่หากคนรอบข้างมึนตึง เมินเฉย หรือรังเกียจ ก็กลับกลายเป็นคนกระด้างและเห็นแก่ตัวได้ไม่ยาก ไม่ว่าคนอื่นจะเรียกร้องหรือคาดคั้นให้เขาทำดีเพียงใด ก็ไร้ผล จนกว่าคนรอบข้างจะเปลี่ยนทัศนคติ และหันกลับมาทำดีกับเขาด้วยความรักและความเข้าใจ

ถึงตอนนั้นเขาจึงจะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นคนใหม่ หรือกลับเป็นคนดีดังเดิมได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 26, 2019, 12:52:05 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/190426055808.jpg) (http://picture.in.th/id/56df560224be3b123675a6d23024cf7d)
หัวข้อ: เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2019, 05:34:37 am
(http://image.free.in.th/v/2013/it/190620104426.jpg) (http://picture.in.th/id/9c7aa479ee27a86a58a57b16c8281e42)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


“ปัญหา”เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากเลี่ยงหลีก แต่ไม่มีใครที่หนีมันพ้นได้ เพราะปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ในเมื่อเราไม่มีวันหนีปัญหาพ้น จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเตรียมใจให้พร้อมเพื่อต้อนรับมันอยู่เสมอ

การมองว่า “ปัญหา”เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น เช่นเดียวกับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราเผชิญกับปัญหาได้โดยไม่ทุกข์มากนัก แต่วิธีที่ดีกว่านั้นก็คือการเปลี่ยน “ปัญหา” ให้กลายเป็น “ปัญญา” เพราะนอกจากจะไม่ทุกข์หรือ “ขาดทุน”แล้ว ยังได้ประโยชน์เป็น “กำไร”กลับมาด้วย

ขอให้สังเกตคำว่า “ปัญหา” กับ “ปัญญา” นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก ต่างกันแค่ตัวเดียวคือ “ห” กับ “ญ” ในชีวิตจริง สิ่งที่เรียกว่า “ปัญหา” นั้นก็อยู่ใกล้กับ “ปัญญา” มากเช่นเดียวกัน

ปัญหาสามารถก่อให้เกิดปัญญาได้หากรู้จักมองหรือใคร่ครวญกับมัน นักเรียนจะเฉลียวฉลาดได้ก็เพราะหมั่นทำการบ้าน การบ้านนั้นคืออะไรหากไม่ใช่ปัญหาหรือโจทย์ที่ต้องขบคิด ถ้าครูไม่ขยันให้โจทย์หรือตั้งคำถามให้นักเรียนขบคิด นักเรียนก็ยากที่จะเกิดปัญญาได้

คนทั่วไปนั้นเมื่อเจอปัญหาก็จะเป็นทุกข์หรือกลัดกลุ้มไปกับมัน แต่ถ้าลองตั้งสติและพิจารณาให้ดี ปัญหาก็จะกลายเป็นปัญญาได้ไม่ยาก เมื่อ ๘๐ ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่งได้เพาะเลี้ยงแบคทีเรียไว้ในจานเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยเรื่องไข้หวัด วันหนึ่งเขาพบว่ามีเชื้อราเข้าไปปนเปื้อนและทำลายแบคทีเรียที่เพาะเอาไว้ นั่นหมายความว่าเขาต้องเพาะแบคทีเรียขึ้นใหม่

เจ้าเชื้อราตัวนี้สร้างปัญหาให้นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ แต่แทนที่จะโมโห เขากลับฉุกคิดขึ้นมาว่าถ้ามันฆ่าแบคทีเรียที่เพาะในจานได้ มันก็ต้องกำจัดแบคทีเรียที่ในร่างกายคนได้เช่นกัน ปัญญาเกิดขึ้นแก่นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ทันที นำไปสู่การค้นพบเพนนิซิลินหรือยาปฏิชีวนะ ซึ่งในเวลาไม่นานสามารถช่วยชีวิตผู้คนนับร้อยล้านคนทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้คืออเล็กซานเดอร์
เฟลมมิ่งนั่นเอง

โลกก้าวหน้าได้เพราะเรารู้จักเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา มองให้แคบลงมา ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากประสบวิกฤต บางคนเป็นโรคหัวใจเจียนตาย ภัยร้ายได้บังคับให้เขาต้องหันมาทบทวนชีวิตของตน และพบว่าการหมกมุ่นอยู่กับตนเอง ตัดขาดจากผู้อื่น และจมอยู่กับความหดหู่เศร้าหมอง เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เขามีอาการดังกล่าว เขาจึงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เข้าหาผู้คน ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่น และปล่อยวางความกังวลหม่นหมอง ไม่นานสุขภาพของเขาก็ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น เขายอมรับว่า การเป็นโรคหัวใจเป็นสิ่งดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเขา

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา แทนที่จะคร่ำครวญหรือตีอกชกหัว ลองใคร่ครวญดูให้ดี จะพบว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าเรามองสัญญาณนี้ออก นั่นแสดงว่าปัญญาได้เกิดแก่เราแล้ว ขั้นต่อไปก็คือเปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรม หรือการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง เหมาะสม และชาญฉลาด

ไม่ควรมองว่าปัญหาคือ “ทางตัน” ถ้ามองให้ดี ในตัวปัญหานั้นก็มี “ทางออก” ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมว่า สลักที่ล็อคประตูนั้นก็เป็นสลักอันเดียวกับที่ใช้เปิดประตู สวิตช์ที่ปิดไฟก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เปิดไฟให้สว่าง ฉันใดก็ฉันนั้นในคำถามก็มีคำตอบเฉลยอยู่

จะว่าไปแล้วปัญหาหรือความทุกข์ทั้งหลายไม่ได้มีไว้ให้เราคร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญนั่นเอง ในความทุกข์นั้นก็มีทางออกจากความไม่ทุกข์แฝงอยู่เสมอ ในภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins เด็กชายบรู๊ซ (ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นมนุษย์ค้างคาว)ได้พลัดตกลงไปในหลุม เมื่อพ่อช่วยขึ้นมาแล้ว ได้ถามลูกว่า “รู้ไหมทำไมคนเราถึงหกล้ม?” ลูกนึกไม่ออก พ่อจึงเฉลยว่า “ก็เพื่อเราจะได้รู้วิธีลุกขึ้นมาไงล่ะ”

ความทุกข์มีขึ้นก็เพื่อสอนเราให้รู้จักหลุดพ้นจากความทุกข์ ปัญหาเกิดขึ้นก็เพื่อสอนเราให้เกิดปัญญา ด้วยเหตุนี้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากคือครูที่มาสอนให้เราฉลาดขึ้นนั่นเอง

พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: เป็นมิตรกับความเหงา - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2019, 05:37:35 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190620104750.jpg) (http://picture.in.th/id/9958265214cad27ece4ef3e865c2c1b4)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เป็นมิตรกับความเหงา  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

การที่เราจะอยู่กับตัวเองได้อย่างมีความสุข สิ่งหนึ่งที่ต้องผ่านให้ได้ก็คือความเหงา แต่นักปฏิบัติทุกคนย่อมรู้ดีว่าการเอาชนะความเหงานั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้จากการปฏิเสธผลักไสมัน ขืนทำเช่นนั้นมันก็ยิ่งรังควาญเราหนักขึ้น ไม่ต่างจากอันธพาลที่ไล่เท่าไหร่ไม่ยอมไป หรือยิ่งไล่ก็ยิ่งกวนดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือรับรู้หรือดูมันเฉยๆ ด้วยใจที่เป็นกลาง นั่นคือรับรู้มันด้วยสติ แทนที่จะผลักไสมัน ก็ยอมรับมัน หรือพร้อมต้อนรับมันเสมือนอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน เมื่อทำใจคุ้นกับความเหงาจนเป็นมิตรกับมันได้ ความเหงาก็จะกลายเป็นมิตรกับเราเช่นกัน

ในเวลาไม่นานมันก็จะจากลาไปเองเยี่ยงอาคันตุกะที่รู้เวลา และมีมารยาทพอที่จะไม่รบกวนเจ้าบ้านผู้มีไมตรีนานเกินไป น่าแปลกก็คือเมื่อเรามองความเหงาเป็นมิตร แทนที่จะมองเป็นศัตรู ความเหงากลับจะมาเยี่ยมเยือนเราน้อยลง และทุกครั้งที่มาเยือน ก็ไม่ได้รบกวนใจเราให้เป็นทุกข์เลย ถึงตอนนั้นเราจะสามารถอยู่กับตัวเองได้อย่างมีความสุขโดยไม่จำเป็นต้องออกไปแสวงหาความสุขจากที่ไหนเลย กล่าวได้ว่า หากเราไม่รู้จักเป็นมิตรกับความเหงาแล้ว ก็ยากที่จะเป็นมิตรกับตัวเองได้พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าอยากเป็นมิตรกับตัวเองก็ต้องเป็นมิตรกับความเหงาให้ได้

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2019, 06:09:37 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/190620111948.jpg) (http://picture.in.th/id/ed4f4e4e939a24cc6f8fa1860099800f)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif)  พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้   (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

ชีวิตคือการแสวงหา บ้างก็แสวงหาความมั่งคั่ง บ้างก็แสวงหาอำนาจ บ้างก็แสวงหาความลับของจักรวาล แม้จะแสวงหาแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ ปรารถนาความสุข อย่างไรก็ตามผู้คนเป็นอันมากแม้จะค้นพบสิ่งที่แสวงหามานาน ก็ใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป มหาเศรษฐีพันล้านหลายคนไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนได้มา ผู้ปกครองเรืองอำนาจคนแล้วคนเล่าไม่มีความพึงพอใจในชีวิต ออรังเซ็บ จักรพรรดิผู้มั่งคั่งที่สุดของราชวงศ์โมกุล และมีอำนาจแผ่ขยายไปทั่วคาบสมุทรอินเดีย แม้ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย แต่ก็หามีความสุขไม่ ก่อนสิ้นพระชนม์ได้เผยความในใจว่า “ฉันมาและไปเหมือนคนแปลกหน้า ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร หรือกำลังทำอะไรอยู่...ชีวิตนั้นมีคุณค่าอย่างมาก แต่จากไปอย่างสูญเปล่า”

ออรังเซ็บพบและมีทุกอย่างที่ตนแสวงหา แต่กลับไม่มีความสุขกระทั่งวาระสุดท้าย เพราะมีสิ่งหนึ่งที่หายไปจากชีวิตของพระองค์ นั่นคือคำตอบว่า “ฉันเป็นใคร” นี้คือโศกนาฏกรรมที่เกิดกับผู้คนจำนวนมาก กล่าวได้ว่า ความสำเร็จในการแสวงหานั้นหาใช่หลักประกันแห่งความสุขไม่ หากสิ่งที่ตนค้นพบหรือได้มานั้นไม่ช่วยให้รู้จักตนเองเลย พูดอีกอย่างก็คือ เราจะพบความสุขอย่างแท้จริงต่อเมื่อรู้จักตนเอง การค้นพบอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการค้นพบตัวเองในมิติที่ลึกซึ้งที่สุด

การค้นพบว่า อะไรคือความปรารถนาในส่วนลึกของจิตใจ อะไรที่ช่วยเติมเต็มชีวิตให้อิ่มเอมอย่างแท้จริง และอะไรคือสิ่งที่เป็นคุณค่าและความหมายของชีวิต ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการค้นพบความจริงเกี่ยวกับตนเอง ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่มีความจริงใดที่สำคัญและลึกซึ้งเท่ากับการค้นพบว่า “ตัวฉัน”นั้นไม่มีอยู่จริง หากเป็นสิ่งสมมุติที่ปรุงแต่งขึ้นมา และเป็นที่มาแห่งความทุกข์ทันที่ที่ยึดติดถือมั่นกับมัน กล่าวอย่างถึงที่สุดคำตอบว่า “ฉันเป็นใคร” ไม่สำคัญเท่ากับว่า “ฉันเป็นอะไร”

พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ยิ้มรับความทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2019, 06:31:29 am
(http://image.free.in.th/v/2013/is/190620113941.jpg) (http://picture.in.th/id/e88b4093dd29a3c87c566b321077cfad)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ยิ้มรับความทุกข์  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   


“ใจดีสู้เสือ” เป็นสำนวนที่คนไทยแต่ก่อนคุ้นเคยดี มีความหมายว่าเมื่อเจอภัยอันตราย ควรครองสติให้ดี อย่าตื่นตระหนกตกใจ หาไม่แล้วอาจพลาดท่าเสียทีถึงแก่ชีวิตได้ อันที่จริงมิใช่แต่ภัยอันตรายเท่านั้นที่เราควรรักษาใจให้ดีเมื่อเผชิญหน้ากับมัน แม้กระทั่งปัญหา อุปสรรค และเหตุร้ายทั้งหลาย ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่า ความทุกข์ เมื่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว ก็ควรที่เราจะทำ “ใจดี” เอาไว้ ไม่ควรตีโพยตีพาย ตีอกชกหัว หรือโศกเศร้าคร่ำครวญ เพราะนอกจากไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว กลับทำให้เราเป็นทุกข์มากขึ้น

ความทุกข์เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากหลีกเลี่ยง แต่เมื่อหนีมันไม่พ้น จะดีกว่าไหมหากเรายิ้มรับมัน และใคร่ครวญว่าจะรับมือกับมันอย่างไรเพื่อให้เกิดผลเสียน้อยที่สุด หรือดีกว่านั้นก็คือหาประโยชน์จากมันเท่าที่จะทำได้ จะว่าไปแล้วปัญหา อุปสรรคและเหตุร้ายทั้งหลาย ล้วนมีประโยชน์หากเรารู้จักมอง แม้กระทั่งความเจ็บป่วยและความตาย ก็ไม่พ้นจากความจริงข้อนี้ อย่างน้อย ๆ หากวางใจถูก ยิ้มรับมันเสมือนมิตร มันก็จะกลายเป็นมิตรกับเราได้

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *ใจสว่าง” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 13, 2019, 06:55:43 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ij/191113120347.jpg) (http://picture.in.th/id/30de44d6ec505c0b734925ccebded539)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ใจสว่าง  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่ว่าเรามีทรัพย์สินเงินทองและความสะดวกสบายมากขึ้นเพียงใด แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพจิตของเราและสัมพันธภาพกับผู้อื่นต่างหาก “ไฟสว่าง”แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับ “ใจสว่าง” และถึงจะมี “น้ำไหล” เปิดใช้ได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ก็ไม่ทำให้เรามีความสงบเย็นได้เท่ากับ “น้ำใจ”

ใจที่ถูกบดบังด้วยอารมณ์อกุศล เช่น ความโกรธ ความอยากได้ใคร่ดี ย่อมนำความทุกข์มาให้เรา ไม่ว่าภายนอกจะสงบเย็นเพียงใด แต่ภายในนั้นกลับร้อนรุ่ม และไม่ว่าจะได้มาเท่าไร ก็ไม่รู้จักพอเสียที กระนั้นก็ไม่มีอะไรที่ปกคลุมใจเราให้มืดมิดได้เท่ากับความหลง อันได้แก่ความสำคัญผิดว่าทุกอย่างที่เรามีนั้นจะต้องเที่ยงแท้ยั่งยืน เป็นของเราไปตลอด และอยู่ในอำนาจของเราเสมอ ใจที่หลงยึดหลงอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามความปรารถนาของเรา ย่อมประทุษร้ายเราเองเป็นคนแรก และร้ายแรงเกินกว่าที่คนอื่นจะทำแก่เราได้

เมื่อใดที่เรารู้เท่าทันอารมณ์ดังกล่าว และตื่นจากความหลง ประจักษ์แก่ใจว่าความยึดอยากนั้นเองเป็นที่มาแห่งความทุกข์ทั้งมวล จนปล่อยวางความคาดหวังที่ฝืนความจริง ใจก็จะพลันสว่างสงบ โปร่งเบา และมีความสุขอย่างไม่เคยพบมาก่อน

ใจสว่างไม่อาจเกิดขึ้นจากการคิดเอา แต่เกิดขึ้นจากการที่เราหมั่นมองตนอยู่เสมอ ไม่มัวหลงเพลินกับวัตถุภายนอก และมิใช่สิ่งเดียวกับการหมกมุ่นอยู่กับตนเอง ตรงกันข้ามการเปิดใจรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น ใส่ใจกับทุกคนที่เราเกี่ยวข้อง และมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ ทำดีต่อเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ คือสิ่งที่จะช่วยขับไล่เมฆหมอกแห่งความหลงตนหรือเห็นแก่ตัวออกไปจากใจเรา ทำให้แสงสว่างแห่งปัญญาสามารถสาดส่องมายังใจเราได้ ใช่หรือไม่ว่ามายาภาพแห่งอัตตาหรือตัวตนที่เราหลงยึดติดนั้นคือเปลือกที่ปกคลุมจิตที่แน่นหนาที่สุด

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: สุขได้เมื่อใจหยุดดิ้น - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 13, 2019, 07:08:40 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/191113122017.jpg) (http://picture.in.th/id/32441e8932ed9a6e82dba66eb0d9e9aa)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   สุขได้เมื่อใจหยุดดิ้น  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


แม้เราจะรักความสุขมากมายเพียงใด ความสุขก็หาได้รักเราไม่ วันดีคืนดีความสุขก็จากเราไป ถึงจะกลับมาใหม่ ก็อยู่กับเราประเดี๋ยวประด๋าว ส่วนความทุกข์นั้นแม้เราจะเกลียดเพียงใด แต่มันก็มักจะมาหาเราอยู่เสมอ ยิ่งพยายามหนีมัน มันก็ยิ่งเข้ามาพัวพัน เคยสังเกตไหมว่า ยิ่งเกลียดอะไร ก็ยิ่งเจอสิ่งนั้น ในทางตรงข้ามยิ่งรักอะไร ก็มักสูญเสียสิ่งนั้น หรือเหนื่อยกับการไล่ล่ามากขึ้นเพราะมันเอาแต่หนีห่างออกไป

ลองวางใจเป็นกลางต่อสุขและทุกข์ดูบ้าง สุขมาก็ไม่ยินดี ทุกข์มาก็ไม่ยินร้าย เมื่อได้รับคำชมก็ไม่ระเริง เมื่อถูกตำหนิก็ไม่ห่อเหี่ยว ยามสำเร็จก็ไม่ลิงโลด ยามล้มเหลวก็ไม่ซึมเซา แต่ถ้าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นกับใจ ไม่ว่าบวกหรือลบ ก็แค่รับรู้เฉย ๆ ด้วยใจเป็นกลาง ดีใจก็รู้ว่าดีใจ ไม่ไขว่คว้าคลอเคลีย เสียใจก็รู้ว่าเสียใจ ไม่ปฏิเสธผลักไส ถือว่าต่างคนต่างอยู่ ไม่นานก็จะพบว่าพอไม่รักสุข สุขกลับมา พอไม่เกลียดทุกข์ ทุกข์กลับลาจาก แม้ทุกข์กายยังต้องเจออยู่ แต่ใจไม่ทุกข์ แม้เสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสียไปด้วย

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload105/r8nNugo6txOP.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=1056333&s=r8nNugo6txOP)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: รับวันใหม่ด้วยใจที่สดใส - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 14, 2019, 01:19:56 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/191114062931.jpg) (http://picture.in.th/id/2e0998daeea80da83c8581fca359d2df)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)  รับวันใหม่ ด้วยใจที่สดใส  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)


เมื่อมีสิ่งใดมากระทบ จนเกิดความหงุดหงิด ขุ่นเคือง เศร้าหมอง ท้อแท้ หากไม่รู้เท่าทัน ใจก็จะไปยึดฉวยมันแล้วปรุงต่อ เก็บเอามาคิดแล้วแต่งเติม แม้คิดแล้วทุกข์ ก็ยังอยากคิด ไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวาง เว้นแต่มีเรื่องใหม่เข้ามากระทบ ก็จะหันไปปรุงเรื่องนั้นแทน แต่เผลอเมื่อใด ก็อดหวนคิดเรื่องเดิมไม่ได้ แม้เหตุการณ์ผ่านไปหลายวันก็ตาม เปรียบไปก็ไม่ต่างจากการเอาอาหารที่บูดเน่าแล้วกลับมากินใหม่

ทุกวันนี้เราเสพอารมณ์เก่า ๆ แทบทั้งวัน อารมณ์บูดเน่าเหล่านี้ยิ่งเสพก็ยิ่งเป็นโทษกับใจของเรา ทำให้เป็นทุกข์ และไม่สามารถเปิดใจรับรู้สิ่งดี ๆ ที่พบเห็นอยู่รอบตัวได้ ไม่ดีกว่าหรือหากปลดปล่อยสิ่งเหล่านี้ไปจากใจ เพื่อรับอารมณ์ที่สดใหม่ ที่จริงธรรมชาติได้มอบสติเพื่อให้ใจรู้ทันเมื่อเสพอารมณ์บูดเน่าหรือหมกมุ่นกับเรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว ทันทีที่รู้ทันใจก็ปล่อยสิ่งเหล่านี้ออกไป ช่วยให้ใจโปร่งเบาและพร้อมรับรู้สิ่งที่อยู่เฉพาะหน้า โดยไม่มีความคิดหรืออารมณ์เก่า ๆ บดบังขวางกั้น ขณะเดียวกันเมื่อรับรู้แล้วก็พร้อมจะวาง ไม่ยึดติดหรือปล่อยให้ค้างคาใจจนกลายเป็นของบูดเน่าในที่สุด

ต้นไม้เขียวขจีอยู่เสมอก็เพราะทิ้งใบที่แห้งตาย ไม่เก็บเอาไว้ให้เป็นภาระ ร่างกายมีพลานามัยก็เพราะระบายสิ่งหมักหมมออกไปจากอวัยวะทุกส่วน ใจจะสดใสก็เพราะรู้จักปลดปล่อยอารมณ์ที่หมักหมมบูดเน่า ใจที่ว่างและเปิดกว้างต่อทุกสิ่งที่เป็นปัจจุบันเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตสดใหม่อย่างแท้จริง

จะโกรธเกลียดใครก็ตาม อย่าปล่อยให้ความโกรธเกลียดอยู่ข้ามคืน ตื่นเช้าขึ้นมาให้เปิดใจพร้อมรับวันใหม่ด้วยใจที่สดใส พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าด้วยการทำวันนี้ให้ดีที่สุด โดยไม่ถูกอดีตพันธนาการ

พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload105/r8nNugo6txOP.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=1056333&s=r8nNugo6txOP)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: มองเป็นก็เห็นสุข - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 14, 2019, 01:48:17 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/id/191114070004.jpg) (http://picture.in.th/id/e39fceda69a67ed441be6c10a538ccc1)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  มองเป็นก็เห็นสุข (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


น่าแปลกไหมว่า ทั้ง ๆ ที่เรามีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไปและตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่กลับไม่รู้สึกว่าความทุกข์ลดลงเลย กลับจะมากขึ้นด้วยซ้ำ ความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น มีส่วนน้อยที่เป็นความทุกข์กาย ส่วนใหญ่คือความทุกข์ใจ อันเนื่องมาจากการงานและความสัมพันธ์ แต่เมื่อสาวไปให้ถึงที่สุดแล้วก็จะพบว่ามันมีที่มาจากมุมมองหรือการวางใจของเรานั่นเอง

ความวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ความอาลัยในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว การมองเห็นแต่ด้านลบ ปรุงแต่งในทางร้าย และความไม่พึงพอใจในสิ่งที่มี ตลอดจนการนึกถึงแต่ตัวเอง หรือเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง ทั้งหมดนี้เป็นที่มาแห่งความทุกข์ใจของผู้คนส่วนใหญ่ ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ไหน มีมากเท่าใด สุขสบายเพียงใด จึงหนีความทุกข์ไม่พ้น เพราะรากเหง้าของความทุกข์อยู่ที่ใจของเรานั้นเอง ความทุกข์จึงติดตามไปทุกหนแห่ง

ต่อเมื่อเปลี่ยนมุมมองหรือวางใจให้ถูก ความทุกข์ก็จะพลันหายไป มีความโปร่งเบา แช่มชื่น เบิกบานใจมาแทนที่ แม้ปัญหาและอุปสรรคยังมีอยู่ แต่ก็จะไม่มัวแบกมันเอาไว้ให้หนักอกหนักใจต่อไป อีกทั้งยังเปิดใจยอมรับมันเพราะเห็นประโยชน์ของมัน ขณะเดียวกันแทนที่จะรอคอยคาดหวังความสุขข้างหน้าก็สามารถเห็นความสุขอยู่ต่อหน้า เป็นความสุขที่นี่และเดี๋ยวนี้

พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ทุกข์เพียงใด ต้องไม่ยอมแพ้ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 14, 2019, 01:57:57 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/in/191114070834.jpg) (http://picture.in.th/id/84af44f3d91ab9af9c912ec939eaaa9d)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ทุกข์เพียงใด ต้องไม่ยอมแพ้  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


ความทุกข์มิได้เกิดขึ้นเพื่อบั่นทอนชีวิตจิตใจของเราอย่างเดียว หากยังช่วยให้เราเข้มแข็งมั่นคงและเจริญงอกงามได้ด้วย จะว่าไปแล้วความทุกข์เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดการพัฒนาของมนุษย์ในทุก ๆ ด้าน หากไม่มีความทุกข์ ก็ไม่มีพระพุทธเจ้า หากไม่มีภัยคุกคามจากธรรมชาติ ก็ไม่มีเทคโนโลยี กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าไม่มีความทุกข์ ปัญญาก็ไม่เกิด

แต่ความทุกข์จะเป็นพลังในทางบวกได้ ต่อเมื่อเราไม่ยอมปล่อยให้ความทุกข์มากระทำย่ำยีอย่างเดียว แต่เข้าไปจัดการความทุกข์นั้นอย่างถูกต้อง ดังมีผู้กล่าวว่า “ทุกข์มิได้มีไว้กลุ้ม แต่มีไว้แก้” การเข้าไปจัดการกับความทุกข์นั้นต้องเริ่มต้นจากการตั้งสติและใช้ปัญญาพิจารณาหาสาเหตุและทางแก้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง “ทุกข์มิได้มีไว้ให้คร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญ”

พระไพศาล วิสาโล


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ทุกข์กายไม่ต้องทุกข์ใจ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 14, 2019, 02:10:09 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iv/191114071922.jpg) (http://picture.in.th/id/d8e3295565487971c9d8ab922a81bf18)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ทุกข์กายไม่ต้องทุกข์ใจ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



หลวงพ่อชาท่านบอกลูกศิษย์ที่เป็นพระว่า เสียงมหรสพงานศพของชาวบ้านเนี่ย ที่มันดังสามวันสามคืนตี 1 ตี 2 ยังไม่เลิกเนี่ย ท่านเตือนว่า

เสียงมันไม่ได้รบกวนเรา
เราไปรบกวนเสียงต่างหาก

เราในที่นี้หมายถึงใจเรานะไปรบกวนเสียง คือใจเราไปรู้สึกลบกับมัน ไม่ชอบมัน ต่อต้าน ผลักไส ทะเลาะวิวาทกับมัน รำคาญมัน เพียงแค่ยอมรับมัน เสียงก็ทำอะไรเราไม่ได้ พอยอมรับมัน ไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งกับมัน ใจก็สงบ ถึงเวลาหลับก็หลับได้สบาย อันนี้เรียกว่ายอมรับ เพียงแค่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเนี่ย มันก็ช่วยได้เยอะแล้ว

สิ่งที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าความเจ็บป่วย ไม่ว่าแต่อากาศร้อน อากาศหนาว เสียงดังหรือแม้แต่ความปวด ความเมื่อยหรือความคันที่ยุงมากัด ลองสังเกตนะ มันไม่ใช่แค่ปวดที่กายเท่านั้น มันปวดที่ใจด้วย มันมีความทุกข์ที่ใจ แล้วความทุกข์ที่ใจนี่มันยิ่งกว่าความทุกข์ที่กาย ถ้าสมมติว่าความทุกข์เนี่ยมีร้อยส่วนหรือร้อยเปอร์เซ็นต์ ไอ้ความทุกข์ใจเนี่ยนะ มันก็กินเข้าไปแล้วหกสิบ เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์หรือว่าหกสิบ เจ็ดสิบส่วน อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์เนี่ยเป็นความทุกข์กาย ความปวด ความเมื่อยหรือความเจ็บ ความคันก็แล้วแต่

ความทุกข์ใจเกิดจากอะไร?

เกิดจากใจที่ไม่ยอมรับ ใจที่ไปทะเลาะเบาะแว้งกับความทุกข์กายที่เกิดขึ้น เช่น ความปวด ความคัน ความเมื่อย จะพูดแบบหลวงพ่อชาก็ได้ว่า ความปวด ความเมื่อย ความคันเนี่ยมันไม่ได้รบกวนเรา แต่เราต่างหากไปรบกวนมัน ก็เลยทะเลาะเบาะแว้งกับมัน ไปกดข่มมัน รำคาญมัน ไม่ชอบมัน ไปสู้รบตบมือกับมัน เพียงแค่เราทำใจยอมรับมัน มันจะเกิดก็เกิดไป อันนี้ก็ทำให้ความทุกข์ใจลดลง มันก็เหลือแต่ความทุกข์กาย

พระไพศาล วิสาโล
เติมธรรมะลงในชีวิต หอจดหมายเหตุพุทธทาส BIA
ถอดคำบรรยาย โดย คุณณัฏฐ์ธิดา เติมประทีป
ฟังได้ที่ https://pos.li/2dt6tc



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ผ่านทุกข์ พบสุข - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 12, 2020, 07:04:48 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ip/200312121700.jpg) (http://picture.in.th/id/58b4d7c8a143a15cbde058d3eebeb83b)





(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ผ่านทุกข์ พบสุข  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ไม่ว่าอยู่แห่งหนตำบลใด ความผันผวนปรวนแปรของอากาศเป็นเรื่องธรรมดา บ่อยครั้งพายุมาฟ้าฝนกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ในที่สุดความสงบก็กลับคืนมา

หลังฝนตก ฟ้าย่อมสดใสเสมอ ฉันใดก็ฉันนั้น บางครั้งความทุกข์ก็จู่โจมชีวิตของเราโดยไร้สัญญาณเตือน แต่ไม่ว่าหนักหนาเพียงใด ในที่สุดมันก็จะผ่านไป แล้วเราก็จะกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม

ไม่มีอะไรที่จีรังยังยืน ความทุกข์ก็เช่นกัน สักวันก็ต้องสิ้นสุด ขณะเดียวกันไม่มีอะไรที่ไร้ค่า ความทุกข์ที่เกิดกับเราย่อมมีประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เสมือนมีภูมิต้านทานความทุกข์

หลายคนพบว่าความทุกข์ได้ผลักให้ตนได้พบสิ่งดี ๆ ในชีวิต เช่น พบธรรม ซึ่งนำพาให้บรรลุถึงความสุขอันประเสริฐ ขณะที่จำนวนไม่น้อยพบว่า ความทุกข์นั้นแหละคือสัจธรรม ซึ่งเปิดใจให้ประจักษ์แจ้งในความจริงของชีวิต เกิดปัญญาที่ช่วยยกจิตให้เป็นอิสระจากความทุกข์ได้ในที่สุด

ทุกข์กับธรรมนั้นใกล้กันมาก ทุกข์ทำให้เราเห็นธรรม ส่วนธรรมย่อมนำให้เกิดสุข มองในแง่นี้ทุกข์กับสุขก็ไม่ได้อยู่ห่างกันราวคนละขั้ว ถ้าเกี่ยวข้องกับทุกข์ให้เป็น แทนที่จะจมทุกข์ หมกมุ่นในทุกข์ หรือเป็นทุกข์ หากเห็นมัน รู้จักมัน ใช้มันให้เป็น สุขก็เกิดขึ้นได้ จะเรียกว่าทุกข์มาเพื่อให้เราพบสุขก็ได้

พระไพศาล วิสาโล

เติมธรรมะลงในชีวิต ๑๐ปีสวนโมกข์กรุงเทพ BIA


ที่มา : Facebook หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives
https://www.facebook.com/buddhadasaarchives/ (https://www.facebook.com/buddhadasaarchives/)
หัวข้อ: ตั้งสติให้ดี - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 12, 2020, 07:09:15 am
(http://image.free.in.th/v/2013/is/200312122130.jpg) (http://picture.in.th/id/8cbd806e82fd852178643ce19fef38c0)




ตั้งสติให้ดี การระมัดระวังการเตรียมตัว เราก็ต้องทำแต่ว่าอย่าให้ใจหลุดลอยไปจากปัจจุบันมาก สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในยามเช้าหรือว่าในยามค่ำมันก็มี เราจะต้องเติมความสุขลงไปในใจบ้าง โดยเฉพาะในยามนี้ จิตใจผู้คนเริ่มจะแห้งผากแล้ว เพราะความวิตกความกังวลนี่ เราสามารถเติมความสุขให้ใจได้ จากประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน แค่ตื่นขึ้นมาเจออากาศยามเช้าก็สดชื่นได้ล้างหน้าได้อาบน้ำ ร่างกายก็สดชื่น จิตใจก็ควรจะสดชื่นตามไปด้วย หรือเพียงแค่ระลึกว่าชีวิตเรายังมีลมหายใจอยู่ ยังได้มีโอกาสอยู่กับลูก ได้มีโอกาสได้อยู่กับคนรัก หลายคนเขาไม่มีโอกาสอย่างนั้นแล้ว เรายังมีก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีชื่นชม

เปิดช่องให้ความสุขเข้ามาในจิตใจของเรา ไม่ใช่ปิดเอาไว้เพราะว่ามัวแต่วิตกกังวล

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 12, 2020, 07:12:46 am
(http://image.free.in.th/v/2013/is/200312122458.jpg) (http://picture.in.th/id/403dccfc08f43aab6eded2d0bfd8149a)




แม้สิ่งที่เราคิดว่าน่าเอา สติก็เตือนเราเหมือนกันว่าอย่าไปเอานะ เพราะมันก็มีความทุกข์แฝงอยู่ ชื่อเสียงเกียรติยศ ทรัพย์สมบัติ ความสำเร็จ หากได้มา ถ้าเรามีสติไม่ไวพอ เราก็จะหลงใหลในสิ่งเหล่านี้ที่เรียกว่าโลกธรรม โดยที่เราไม่รู้ว่า ถ้าหลงใหลหรือเพลิดเพลินมันแล้ว ความทุกข์จะตามมา เพราะเมื่อจิตลอยฟ่องเนื่องจากเพลิดเพลินในสุข ถึงเวลาสุขผันแปร เลือนหายไป จิตก็ถอยจมตกต่ำ ยิ่งลอยสูง ตกลงมาก็ยิ่งเจ็บ

สิ่งที่น่าเอาทั้งหลาย ล้วนไม่ยั่งยืน ไม่มีใครชนะได้ตลอด สักวันก็ต้องประสบกับความพ่ายแพ้ คนที่เป็นที่หนึ่งมาตลอด หากเพลิดเพลินในความเป็นเบอร์หนึ่ง เวลาพ่ายแพ้แม้เป็นที่สองก็จะเป็นทุกข์มากกว่าคนที่ไม่เคยชนะ ส่วนคนหลังนั้นหากจะแพ้อีกครั้งก็รู้สึกเฉยๆ

แต่ถ้าเรามีสติ หากหลงเพลินในชัยชนะและความสำเร็จ สติก็จะช่วยให้รู้ทัน และกลับมารู้ตัว ไม่หลงเพลิน และถ้ามีปัญญาด้วยแล้ว เราก็จะไม่หลงยึดมัน เพราะเรารู้ว่า สิ่งที่เป็นบวกหรือน่าเอา เช่น ความสุข ความสำเร็จนั้น ไม่ต่างจากหางงู ถ้าจับเอาไว้แล้วปล่อยไม่ทัน งูก็จะแว้งมากัดเราได้

ความสำเร็จ ชัยชนะ และโชคลาภเปรียบเหมือนหางงู ถ้าจับแล้วปล่อยไม่ทัน งูก็แว้งมากัดเราจนได้ ดังนั้นต้องปล่อยให้ไว

ครูบาอาจารย์บางครั้งก็เปรียบสิ่งเหล่านี้เหมือนกับเหยื่อที่มีเบ็ดซ่อนอยู่ พอปลาเห็นเหยื่อก็จะรีบเข้าไปฮุบ ตอนฮุบเหยื่อใหม่ ๆ ก็จะรู้สึกอร่อย มีความสุข แต่สักพักก็จะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเบ็ดทะลุปาก

ทรัพย์ ยศ สรรเสริญ สุขหรือที่เรียกว่าโลกธรรมฝ่ายบวก เป็นเช่นนี้ คือแฝงไปด้วยทุกข์ ตอนได้เสพหรือได้ครอบครองใหม่ ๆ ก็จะมีความสุข มีความเพลิดเพลิน แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกว่านั่นแหละคือที่มาแห่งความทุกข์ เพราะมันเป็นไปตามหลักอนิจจัง มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ เมื่อมีสรรเสริญก็มีนินทา

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 12, 2020, 07:16:44 am
(http://image.free.in.th/v/2013/in/200312123027.png) (http://picture.in.th/id/46b3eeca12c72726aa3677949f960274)




คนที่คิดถึงแต่ตัวเองจะเป็นคนที่ทุกข์ง่าย เพราะว่าเวลามีอะไรมากระทบ แม้เพียงเล็กน้อยก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนที่คิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ จะเป็นคนที่สุขง่าย เพราะหัวใจของเขาจะใหญ่ขึ้น แต่ว่าอัตตาตัวตนจะเล็กลง ทำให้มีพื้นที่รับความสุขมากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล
หัวข้อ: เจออะไรอย่าลืมดูใจ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 12, 2020, 07:23:21 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200312123645.jpg) (http://picture.in.th/id/f583421e996bb1f39785fc910f6f9193)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เจออะไรอย่าลืมดูใจ (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


“ทุกครั้งที่เราทุกข์ใจอย่าเพิ่งโทษสิ่งภายนอกตะพึดตะพือ ให้กลับมาดูใจเราด้วยว่าใจเราไปเปิดทางยินยอมหรือผสมโรงให้ความทุกข์ต่างๆ จากภายนอกเข้ามาเล่นงานใจเราหรือเปล่า ถ้าจะตอบอย่างฟันธงก็คือ ใช่ ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากทุกข์ใจ ก็อย่ามัวเรียกร้องคนโน้นคนนี้ให้พูดดีๆ กับเรา อย่าทำสิ่งที่ไม่ดีกับเรา อันนั้นมันเป็นไปได้ยาก เราควบคุมบังคับบัญชาคนอื่นไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือดูแลใจเราให้ดี อย่าเปิดช่องให้ความทุกข์หรือสิ่งเลวร้ายเข้ามาเล่นงานจิตใจเราได้”

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ยิ้มรับความทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 12, 2020, 07:28:18 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/200312124334.jpg) (http://picture.in.th/id/439cf15ca5f71073b93c610fc9457356)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ยิ้มรับความทุกข์  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ปัญหา อุปสรรค และเหตุร้ายทั้งหลาย ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่า ความทุกข์ เมื่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว ก็ควรที่เราจะทำ “ใจดี” เอาไว้ ไม่ควรตีโพยตีพาย ตีอกชกหัว หรือโศกเศร้าคร่ำครวญ เพราะนอกจากไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว กลับทำให้เราเป็นทุกข์มากขึ้น

ความทุกข์เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากหลีกเลี่ยง แต่เมื่อหนีมันไม่พ้น จะดีกว่าไหมหากเรายิ้มรับมัน และใคร่ครวญว่าจะรับมือกับมันอย่างไรเพื่อให้เกิดผลเสียน้อยที่สุด หรือดีกว่านั้นก็คือหาประโยชน์จากมันเท่าที่จะทำได้ จะว่าไปแล้วปัญหา อุปสรรคและเหตุร้ายทั้งหลาย ล้วนมีประโยชน์หากเรารู้จักมอง แม้กระทั่งความเจ็บป่วยและความตาย ก็ไม่พ้นจากความจริงข้อนี้ อย่างน้อย ๆ หากวางใจถูก ยิ้มรับมันเสมือนมิตร มันก็จะกลายเป็นมิตรกับเราได้

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 12, 2020, 07:31:11 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/200312124527.jpg) (http://picture.in.th/id/dd6e56323e4db9b1d8f121067c64f286)




(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

“เราควรเริ่มฝึกใจจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปก่อน ใช้เหตุการณ์ที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน เช่นคำวิจารณ์ สิ่งขัดอกขัดใจ ใช้มันเพื่อฝึกใจเรา ไม่ทุกข์ใจกับเหตุการณ์เหล่านั้น เวลาใครต่อว่าเราก็ไม่ทุกข์ หรือหากทุกข์แล้วก็อย่าทุกข์ฟรี ๆ ต้องรู้จักหาประโยชน์จากสิ่งเกิดขึ้น ให้เรื่องขัดอกขัดใจนั้นมาเป็นเครื่องฝึกความอดทน ลดละอัตตาตัวตน คนเราไม่ชอบคำแนะนำหรือคำตักเตือน เพราะอัตตามันทนไม่ได้ มันต้องการประกาศความยิ่งใหญ่ ว่า กูเก่ง กูแน่ ฉะนั้นพอเจอคำวิจารณ์ก็จะตอบโต้ทันที แต่ถ้าเรามีสติก็จะไม่ทำตามอำนาจของมัน”

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: ยิ้มรับด้วยใจปล่อยวาง - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 12, 2020, 07:36:54 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/200312125005.jpg) (http://picture.in.th/id/92c2cb80ff2f48b5fa7e3254270d6952)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ยิ้มรับด้วยใจปล่อยวาง  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


“เมื่อต้องเจอกับปัญหาหรือเหตุร้าย การยิ้มรับมันย่อมดีกว่าการปฏิเสธมันด้วยความกลัว เพราะการยิ้มรับนั้นในแง่หนึ่งหมายถึงการไม่ยอมรับอำนาจคุกคามของมัน และทำให้มันไม่น่ากลัวอีกต่อไป แทนที่จะมองเป็นศัตรู กลับเห็นเป็นมิตรไปเสีย ท่าทีเช่นนี้ยังสามารถใช้ได้กับความตาย ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น เมื่อจะต้องเจอมันอย่างแน่นอน ควรเรียนรู้ที่จะยิ้มรับมันเสียแต่ตอนนี้ หรือถึงจะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลย เมื่อถึงคราวที่ต้องเจอมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ การเดินยิ้มเข้าหามัน ย่อมดีกว่าการพยายามเบือนหน้าหรือหลีกหนีมันด้วยความกลัว”

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: หลุดหลงเพราะรู้ทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 16, 2020, 01:18:37 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ib/200316063235.jpg) (http://picture.in.th/id/dc5a4ef92fa8d52154953ffbea32f5fa)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   หลุดหลงเพราะรู้ทุกข์    (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


คนเราเมื่อเกิดทุกข์ ก็มักหลงเข้าไปเป็นผู้ทุกข์ แต่ถ้ามีสติ จิตก็จะออกจากทุกข์ มาเป็นผู้เห็นทุกข์ พิจารณาทุกข์อย่างรอบด้านทั่วถึง ความทุกข์ที่พิจารณานั้นไม่ใช่ความทุกข์ที่ไหน ก็เป็นความทุกข์ที่เกิดจากความหลงนั่นเอง เมื่อเราหันกลับมาใคร่ครวญ ก็จะรู้ว่าเราทุกข์เพราะหลง ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศร้อน ไม่ใช่ทุกข์เพราะคำพูดของคนอื่น ไม่ใช่ทุกข์เพราะเกิดโรคร้ายกับตน แต่เกิดจากความหลง ไม่รู้ตัว หรือวางใจผิด

ดังนั้นเราจะต้องหมั่นมองตนด้วยสติ พิจารณาตัวเรา ดูร่างกายไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นความจริงว่ากายและใจมันไม่จีรังยั่งยืน เกิดแล้วก็ดับไป มีแล้วก็เสื่อมไป เพราะมันเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เมื่อมีความทุกข์เกิดขึ้น ลองใช้ความทุกข์มาเป็นแบบฝึกหัดในการใคร่ครวญด้วยปัญญา โดยเริ่มจากสติ ดูว่าความโศกเศร้า ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจนั้นเกิดจากอะไร ดูเพื่อให้เรารู้ว่าเรากำลังคับแค้นอยู่ กำลังทุกข์อยู่ โดยไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่รู้แค่นั้นพอ

ถ้าหากยังไม่รู้ใจ ก็ขอให้รู้กายก่อน แล้วค่อยตามรู้ใจทีหลัง โดยหมั่นฝึกฝนเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่าเราทุกข์เพราะความคิด ไม่ได้ทุกข์เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ใช่เพราะมีสิ่งภายนอกมากระทบเรา ไม่ใช่เพราะแดด ไม่ใช่เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่เพราะรถติด ไม่ใช่เพราะคำพูดของคนอื่น แต่เป็นเพราะใจที่หลงต่างหากทำให้เป็นทุกข์

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: รักษาใจให้เป็นปกติ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 16, 2020, 01:33:39 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ib/200316064511.jpg) (http://picture.in.th/id/63a45227327643b0e1a552a270f1f7c6)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  รักษาใจให้เป็นปกติ   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ถ้าเราไม่อยากทุกข์เมื่อถูกตำหนิ
ก็อย่าดีใจเวลาได้รับคำชม
ถ้าเราไม่อยากทุกข์
เวลาเสื่อมลาภ เสื่อมยศ
ก็อย่าดีใจเวลาที่ได้ลาภได้ยศ

ได้กับเสียเป็นของคู่กัน
เช่นเดียวกับฟูและแฟบ
ยิ่งฟูมากเท่าไหร่
ก็แฟบง่ายมากเท่านั้น

ความสุขนั้นไม่เที่ยง เพราะสิ่งที่ทำให้เป็นสุขนั้นหาความแน่นอนไม่ได้ ที่จริงแม้สิ่งเหล่านั้นบางครั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย อย่างเช่น ยศหรือทรัพย์ แม้จะยังไม่สูญหายเลย แค่มีเท่าเดิม เราก็ทุกข์แล้ว เพราะอยากจะได้มากขึ้น หรือไม่ก็เพราะเบื่อ เช่น เวลาเรากินอาหารอร่อย ๆ มื้อแรกก็รู้สึกว่าอร่อยดี มีความสุขที่ได้กิน

แต่ถ้าเรากินอาหารจานเดิมทุกๆมื้อนานเป็นเดือน เราก็จะรู้สึกว่ามันไม่อร่อยแล้ว เริ่มเบื่อ เริ่มเลี่ยน จนถึงจุดหนึ่งก็เอียนและแทบอาเจียนออกมา ทั้งที่มันก็ยังอร่อยเหมือนเดิม รสชาติเท่าเดิม แต่เมื่อเราเสพไปนาน ๆ ความสุขก็จะเลือนหายไป เราไม่มีความสุขเหมือนเดิม อยากได้ของใหม่ เพื่อจะได้สุขเหมือนเดิมหรือเท่าเดิม

เห็นไหมว่าไม่ต้องรอให้มันแปรเปลี่ยนหรือเสื่อมหรอก แค่มันอยู่คงที่หรือเท่าเดิม เราก็ทุกข์แล้ว เพียงแต่ว่าความทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่ค่อย ๆคืบคลานออกมา หรือค่อย ๆ แสดงตัว นี้คือธรรมชาติของทุกข์ที่แฝงมากับความสุข หรืออยู่คู่กับความสุข

ถ้าเรามีสติ หมั่นมองตนเสมอ ๆ ก็จะรู้ว่า ไม่ใช่แค่ความโกรธ ความเศร้าเท่านั้น ความเพลิดเพลิน ความดีใจ ความปีติ ความสำเร็จ ก็ไม่น่าเอาเหมือนกัน

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “โรคระบาดไม่ได้ทำอันตรายเรา เท่าความกลัวโรคระบาด” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 16, 2020, 01:41:36 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ib/200316065624.png) (http://picture.in.th/id/4c3175f2a631b8ad3a2083a2a2a881e3)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  “โรคระบาดไม่ได้ทำอันตรายเรา เท่าความกลัวโรคระบาด”  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)



ความกลัวทำให้เราไม่กล้าเข้าสังคม ไม่กล้าใช้ชีวิต แสดงความรังเกียจกัน บางคนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งที่ยังมิได้ติดโรค ในช่วงที่มีโรคระบาด เราก็ควรป้องกันตนเองมากกว่าปกติ ตามคำแนะนำทางสาธารณสุข แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องให้จิตใจเศร้าหมองไปกับข่าวสารที่เกิดขึ้น หรือทำมากเกินความจำเป็น

บางครั้งการติดเชื้อโรค และตัวสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกร่าง ก็มิได้เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก แต่ ‘ปฏิกิริยา’ หรือวิธีการตอบสนองของร่างกายนั้นก่อให้เกิดปัญหา เช่น โรคปอดบวมนั้น เกิดเพราะว่ามีเม็ดเลือดเข้ามาประชุมกันในเนื้อปอดเป็นจำนวนมาก เพื่อกินเชื้อโรค จึงทำให้หายใจลำบาก

ความทุกข์ก็เช่นกัน เมื่อเกิดขึ้นกับเราแล้ว ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นกับปฏิกิริยาต่อความทุกข์นั้น

การเป็นมะเร็ง ไม่น่ากลัว เท่ากับความกลัวมะเร็ง ความกลัวมะเร็งทำให้กินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ คิดถึงอนาคตที่จะต้องเปลี่ยนไป และพาให้ตัวเองไปรับการรักษา ซึ่งก่อให้เกิดความทุกข์กายอีกมาก เพื่อกำจัดมะเร็งออกไป จึงทุกข์ทั้งกายและใจ


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ทำอย่างไรจึงจะมีภูมิคุ้มใจ ❤️อ่านต่อได้ที่  ===> https://www.happinessisthailand.com/2020/03/13/heart-immune-phra-phaisal/?fbclid=IwAR0rMpW277dUtuLe3-y1Q6DepOeFTXs2llYAREcG1b1tKlejsA3M7Tb8pDk (https://www.happinessisthailand.com/2020/03/13/heart-immune-phra-phaisal/?fbclid=IwAR0rMpW277dUtuLe3-y1Q6DepOeFTXs2llYAREcG1b1tKlejsA3M7Tb8pDk)



ที่มา: ศ.ดร.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร เรียบเรียงปาฐกถา "ธรรมะจากโคโรนาไวรัส"

โดยพระไพศาล วิสาโล ณ โรงเรียนทอสี เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 63





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: คิดใหม่ในยุคโควิด - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 28, 2020, 08:29:54 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/200328014413.jpg) (http://picture.in.th/id/48a6a736fda1054398df025b6381a54a)


พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เทศน์ที่วัดป่ามหาวัน วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓
Cr: Zen Sukato ขอบคุณค่ะ


ในโลกนี้มีโรคติดเชื้อมากมาย เรียกว่านับไม่ถ้วน แต่ว่าโรคโควิดนี้มันเป็นโรคติดเชื้อที่ไม่ค่อยเหมือนใครเท่าไหร่ โรคติดเชื้อมากมาย ส่วนใหญ่ก็ได้มักจะเกิดกับคนบางกลุ่มบางจำพวกหรือว่าบางสถานที่ อย่างเช่น โรคอหิวาตกโรค โรคบิดมักจะเกิดขึ้นกับคนจน รวมไปถึงอีสุกอีใส ไอกรน วัณโรคก็มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ยากจน โดยเฉพาะที่อยู่ในเมือง อยู่ในชุมชนแออัด สถานที่ที่ผู้คนแออัดยัดเยียด ก็เป็นโรคเหล่านี้ได้ง่าย หรือว่าอีโบล่า ส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางแอฟริกา แต่โควิดไม่เลือกว่าเป็นใคร จะร่ำรวย ยากจน มีสิทธิ์เป็นหรือติดเชื้อได้ทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเป็นคนแต่งตัวสวยสะอาด หรือว่าสกปรกมอมแมม แต่ก่อนเราเห็นคนแต่งตัวเนื้อตัวสกปรกมอมแมมเราก็ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้ เพราะคิดว่าเขาเป็นอาจจะตัวแพร่เชื้อ อยู่ใกล้คนที่แต่งตัวสะอาดหมดจดปลอดภัยกว่า แต่สำหรับโควิดนั้นไม่ใช่ คนแต่งตัวซกมกเนื้อตัวมอมแมมอาจจะไม่มีเชื้อโควิดเลยก็ได้ แต่ที่แต่งตัวสวยเสื้อผ้าราคาแพงสะพายกระเป๋าราคาเป็นแสนดูสะอาดหมดจด อาจจะมีเชื้ออยู่ก็ได้ คนยากจนอาจจะปลอดภัยกว่าไปอยู่ใกล้คนชั้นสูงเป็นเศรษฐี มีฐานะ ถ้าไปอยู่ใกล้ๆก็อาจจะติดเชื้อก็ได้ มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นคนจน คนชนบท ร่ำรวยยิ่งใหญ่ คนมีอำนาจก็มีสิทธิ์เป็นก็ได้อย่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ตอนนี้ก็ติดเชื้อโคโรนาไวรัสไปเรียบร้อยแล้ว นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล ก็ติดเชื้อ

เป็นโรคที่เรียกว่าเสมอภาคเลยทีเดียว หมายความว่าทุกคนมีสิทธิ์ติดเชื้อได้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าต้องเป็นคนจนเนื้อตัวมอมแมมเสื้อผ้าสกปรก

มันทำให้ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเรื่องความสะอาดเปลี่ยนไปเลย แต่งตัวสะอาดมีน้ำหอมส่งกลิ่นหอมแต่ติดเชื้อก็ได้ เนื้อตัวสกปรกซกมกมอมแมมแต่ว่าไม่มีเชื้อไวรัสโควิดเลย ซึ่งก็หมายความว่า ใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะติดเชื้อได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเรียนสูงหรือว่าเรียนน้อย ร่ำรวยหรือยากจน เป็นฝรั่งหรือไทย เป็นผู้สูงศักดิ์หรือต่ำต้อย

การที่มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนรวมทั้งตัวเราด้วย มันก็ทำให้ผู้คนเกิดความตื่นตระหนกแล้วก็เกิดความหวาดระแวง ไม่ได้ระแวงใครแต่ระแวงคนใกล้ตัว คนรู้จักก็ตาม แต่ถ้าหากว่ามาจากอิตาลี มาจากสเปน หรือมาจากกรุงเทพฯก็ตาม คนจำนวนจะมองด้วยสายตาที่ระแวดระวัง บางทีถึงขั้นระแวงเลย ไม่ใช่แค่ระวัง

ที่จริงในสถานการณ์แบบนี้ มองได้ 2 แบบ มองว่าคนรอบตัวเราอาจจะมีเชื้อนี้ หรือติดเชื้อไปเรียบร้อย ถ้าเรามองแบบนี้เราก็จะมีความรู้สึกลบกับเขาได้ง่าย อาจจะมองเขาว่าเป็นภัยอันตรายกับเรา ในด้านหนึ่งก็ดีที่ทำให้เราอยู่ห่างจากเขา แต่บางครั้งเรากลับเรียกร้องให้เขาอยู่ห่างจากเรา เพราะว่าขืนมาอยู่ใกล้ เชื้อของเขาอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้จะมาติดเรา ในการมองคนอื่นว่ามีโอกาสติดเชื้อแล้วจะทำให้เราติดเชื้อไปด้วยนั้นมันทำให้เรารู้สึกลบกับเขา มองเขาเป็นมนุษย์น้อยลง เห็นเขาว่าเป็นเชื้อโรคมากขึ้น เป็นภัยคุกคามมากขึ้น แล้วก็จะเรียกร้องให้เขาอยู่ห่างจากเรา หรือบางทีก็อาจจะมีการผลักไสกัน ถ้าเกิดว่าเขามาอยู่ใกล้เราเกินไป

อย่างเมื่อ 3-4 วันก่อนที่วัดป่าสุคะโต นักปฏิบัติธรรมเรียงคิวเตรียมตักอาหาร จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งหันไปผลักผู้ชายที่อยู่ถัดไป ผลักอกแล้วก็บอกว่าไปห่างๆ ยังดีที่ผู้ชายคนนั้นไม่ถือโทษโกรธเคือง ที่จริงเขาก็ระมัดระวัง สวมหน้ากาก ผู้หญิงคนนั้นอาจมองว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ใกล้ไป ไม่อยู่ห่าง 1 เมตร แต่ด้วยความคิดที่ว่าผู้ชายคนนี้อาจจะมีเชื้อ จึงรู้สึกไม่ปลอดภัย ผลักเขา

ที่จริงการที่ผู้หญิงไปผลักเขากลับยิ่งทำให้เธอมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะมือเธอไปสัมผัสกับเสื้อผ้าเขา ถ้าเขาติดเชื้อจริง เสื้อผ้าก็คงมีเชื้อโคโรนา การที่ไปผลักเขาคิดว่าตัวเองจะได้ปลอดภัย แต่กลับทำให้ตัวเองเสี่ยงมากขึ้น อย่างนี้เรียกว่าขาดสติ ขาดสติทั้งในแง่ที่มีความกลัว กลัวก็กลายเป็นโกรธ เกลียด เมื่อผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่รู้จักมาไม่อยู่ใกล้ๆ แต่เพราะความกลัวความโกรธความเกลียดมากจนลืมตัว ไปผลักเขาเพื่อหวังจะให้ตัวเองปลอดภัยจากเชื้อ

ฉะนั้น มุมมองที่ว่าคนอื่นสามารถเอาเชื้อมาแพร่เราได้ ข้อดีทำให้เราไม่ประมาท ระมัดระวัง แต่ข้อเสีย ทำให้เรามองคนอื่นเป็นลบได้ง่ายๆ จนกระทั่งเขาไม่มีความเป็นมนุษย์ เป็นเชื้อโรคที่เดินได้ ยิ่งกว่านั้นยังทำให้เราเรียกร้องให้เขาอยู่ห่างจากเรา เพราะเขาอาจจะเป็นภัยคุกคามเรา ไม่ใช่แค่เรียกร้องแต่ยังผลักไสด้วย อย่างที่ผู้หญิงคนนั้นทำ ซึ่งมันไม่ดีเลยกับทุกฝ่าย ผู้ชายคนนั้นก็ถูกกระทำโดยที่อาจจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผู้หญิงก็ได้แสดงอาการที่น่ารังเกียจแถมพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงสัมผัสกับโรคมากขึ้น

แต่มีวิธีมองอีกแบบหนึ่งซึ่งน่าจะมองแบบนี้กันมากๆ คือ มองว่าเราอาจจะมีเชื้อก็ได้ ถ้าเรามองว่าเราอาจจะมีเชื้ออยู่ การที่จะมองคนอื่นเป็นลบก็หายไป การที่มองคนอื่นว่าเป็นภัยคุกคามนานเข้าก็จะหายไป แทนที่จะรู้สึกลบกับคนรอบข้าง กลับจะรู้สึกห่วงใยว่าเขาอาจจะติดจากเรา มันเปลี่ยนไปเลย กับแทนที่กลัวว่าเขาจะเอาเชื้อมาให้เรา กลายเป็นว่าเราอาจจะทำให้เขาติดเชื้อ ความห่วงใยดีกว่าความรู้สึกหวาดระแวง ห่วงใยว่าเราจะทำให้เขาติดเชื้อหรือห่วงใยว่าเราจะเป็นคนแพร่เชื้อ ดีกว่าความรู้สึกโกรธหรือกลัวว่าเขาจะเอาเชื้อมาให้เรา พอเราเกิดความห่วงใยขึ้นมา เราก็จะระมัดระวังตัว แทนที่เราจะเรียกร้องให้เขา เราเองเรียกร้องตัวเองให้อยู่ห่างจากคนอื่น มันเปลี่ยนไปเลย ท่าทีอย่างนี้

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรจะมีมาก ๆ คือ ความคิดว่าเราอาจจะติดเชื้อหรือมีเชื้ออยู่ในตัว เป็นท่าทีที่ดีกว่าการที่ไปมองว่าคนอื่นแพร่เชื้อมาสู่เรา ถ้าเราคิดว่าเราอาจจะมีเชื้อที่สามารถนำไปสู่คนอื่นได้ เราก็จะดูแลตัวเอง ระมัดระวังตัวเอง ไม่ไปอยู่ใกล้ใครเกินไปเพราะจะไปทำให้เขาติดเชื้อก็ได้ เราก็จะเก็บตัว ไม่ออกไปเพ่นพ่าน เพราะกลัวว่าเชื้อที่อยู่กับเราอาจจะไปติดคนอื่น แพร่กระจายขยายวงกว้างมากขึ้น เราจะไม่ทำตัวให้เป็นปัญหากับคนอื่น อันนี้ดีกว่า คนเราถ้ามองคนอื่นเป็นปัญหา เราจะรู้สึกลบกับเขาได้ง่าย แต่ถ้าเรามองว่าเราอาจจะเป็นปัญหา เราก็จะระมัดระวังตัว เราอาจจะดูแลตัวเอง

เหมือนกับเวลามีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ขัดแย้งกัน ถ้าเราไปคิดว่าเขาไม่เข้าใจเรา เราก็จะพยายามเรียกร้องให้เข้าใจเราให้ได้ แต่ถ้าเราคิดว่าเราไม่เข้าใจเขาก็ได้ มันก็ทำให้เราเปิดใจฟังเขามากขึ้น หรือพยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง คนเรามีปัญหากันแล้วความขัดแย้งลุกลาม เพราะมักคิดว่าคนอื่นเป็นตัวปัญหา คุณก็ไม่เข้าใจเราหรอก แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองว่าเราอาจจะเป็นตัวปัญหา ไม่เข้าใจเขาก็ได้ อันนี้ดีกว่า เพราะจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงตัวเองมากกว่า โรคโควิทที่กำลังระบาดนี้ก็เหมือนกัน อย่าไปมองว่าคนอื่นนำเชื้อมา อย่าไปคิดว่าคนรอบตัว โดยเฉพาะคนแปลกหน้าเขามีเชื้อ เรานั่นแหล่ะอาจจะมีเชื้อก็ได้ ทำให้เรามีความรู้สึกนึกคิดในทางที่เป็นกุศลมากขึ้น แล้วก็ใส่ใจ ระมัดระวังตัวเองมากกว่าที่จะไปเรียกร้องว่าคนอื่น มองเขาเป็นภัยกับเรา

ตอนนี้เราทราบกันดีว่า โรคโควิดระบาดแพร่ไปไกล รุนแรงขึ้น โรคนี้น่ากลัวมาก ถึงแม้ว่าอัตราการตายจะน้อยกว่าโรคอื่นๆอย่างอีโบลา เมอสร์ หรือว่าซาร์ ซาร์มีอัตราการตายประมาณ 10% หมายความว่าป่วยร้อยตายสิบ เมอสร์ตาย 30 % ป่วยร้อยตาย 30 แต่อีโบลานั้นครึ่ง ๆ ทีเดียว ถึงแม้โควิทอัตราการตาย 1% โอกาสรอดมีมากแต่ในแง่ความน่ากลัวมีมากเพราะติดง่าย มันซ่อนตัวได้แนบเนียน คนติดเชื้อยังไม่รู้เลยว่ามีเชื้ออยู่ในตัว จนกระทั่งเริ่มมีอาการผ่านไป 3 - 4 วัน

แต่มีความน่ากลัวอีกอย่างคือ ใครเป็นแล้วเป็นหนักนั้นจะรู้สึกโดดเดี่ยวมาก คนที่เป็นมะเร็งใกล้ตายหรือตอนที่อาการหนักก็ยังมีญาติมิตรมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ แต่ว่าคนที่ป่วยด้วยโรคโควิทจะทำอย่างนั้นไม่ได้เลย ไม่มีสิทธิ์เลย ยิ่งอาการหนัก ญาติมิตร ลูกหลานจะถูกกันออกไปให้ไกล เผลอๆญาติมิตรลูกหลานนั้นเองต้องกักตัวด้วยซ้ำเพราะอาจจะติดเชื้อจากคนป่วย

ฉะนั้น คนป่วยแล้วตายด้วยความรู้สึกไม่ใช่แค่ทรมานกายเท่านั้น มันทุกข์ใจด้วยเพราะว่าเหงาโดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่มีคนใกล้ชิดอยู่ใกล้ จนกระทั่งวาระสุดท้าย

มีสับปะเหร่อชาวอิตาลีคนหนึ่งพูดได้ดีว่า โรคนี้มันฆ่าคน 2 ครั้ง ครั้งแรก มันทำให้ป่วยหนัก แล้วขณะป่วยหนัก ญาติมิตรถูกกันให้ออกห่าง ฉะนั้น จึงป่วยด้วยความว้าเหว่ และเมื่อตายก็ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง ครั้งที่สอง เมื่อตายแล้ว ลูกหลาน ญาติมิตรก็ไม่สามารถจะมาส่งหรือว่ามานำพาไปสู่สวรรค์ได้ เพราะทันทีที่ตายนั้น เขาไม่อนุญาตให้ลูกหลานญาติมาดูศพ หรือว่ามาร่ำลาแสดงความอาลัย ต้องเอาศพใส่ห่อทันที เพราะเห็นว่าแม้เชื้อไม่แพร่แล้วหลังจากที่คนตาย ตายแล้วนี่เชื้อไม่แพร่แล้ว แต่เชื้อยังติดอยู่ตามเสื้อผ้า ถ้าใครอยู่ใกล้อาจจะติดเชื้อได้ ตายปุ๊บจึงต้องรีบเอาศพใส่ห่อทันที ลูกหลานจะมาดูหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ทำไม่ได้เลย

อันนี้เรียกว่า ฆ่า 2 ครั้ง มันทำร้ายจิตใจลูกหลานญาติมิตรมาก คนรักตัวเองป่วยก็ไม่สามารถจะมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ ไม่สามารถจะมาสั่งเสีย ขอขมาหรือบอกความในใจได้ คนป่วยก็สั่งเสียอะไรไม่ได้ เพราะใครๆ ก็ถูกกันออกไปหมดเหลือแต่หมอกับพยาบาล ตอนตายก็ตายโดดเดี่ยว ตายไปแล้วยังไม่มีพิธีศพ ไม่มีลูกหลานมาดูหน้า ถ้าเป็นบ้านเราก็คงจะไม่มีโอกาสได้รดน้ำศพ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเขาตายจากไป จะทำอะไรกับศพนั้นไม่ได้เลยเช่น มาตกแต่งศพ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูดี หวีผมแต่งหน้าแต่งตาก่อนที่จะไปสู่ปรโลกก็ทำไม่ได้

สัปเหร่อก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เขาบอกว่าหน้าที่อันหนึ่งที่เขาอยากทำคือเยียวยา บรรเทาความทุกข์ของญาติมิตรผู้สูญเสีย แต่ว่าตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว จะหวีผมแต่งหน้าศพ เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก็ไม่ได้ ต้องเอาศพใส่ห่อทันทีแล้วเอาเข้าโลง พอถึงพิธีศพก็ไม่มีอะไรมาก ลูกหลานญาติมิตรจะมาร่วมก็ไม่ได้ ถูกกันออกไป แต่ที่จริงลูกหลานญาติมิตรอาจจะถูกกักตัวแล้วก็ได้ เพราะว่าติดเชื้อจากผู้ป่วยหรือผู้ตาย มันต้องถูกแยกจากกันอย่างชัดเจน หรือบางทีญาติมิตรอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้กับผู้ป่วย ซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ตาย อาจจะมาจากเมืองอื่น แต่ก็มาร่วมพิธีไม่ได้เพราะเขากันเอาไว้ จะคุยกับสัปเหร่อก็ต้องคุยผ่านกำแพง เพราะอยู่ใกล้ญาติมิตรลูกหลานไม่ได้ เพราะสัปเหร่ออาจจะติดเชื้อไปด้วย เพราะว่าทำอะไรที่เกี่ยวกับศพก็มีสิทธิ์ที่จะติดเชื้อได้ สัปเหร่อก็ไม่ปลอดภัย

นี้คือบรรยากาศที่เกิดขึ้นในอิตาลี ซึ่งตอนนี้คนตายไป ๗ พันแล้ว ก่อนตายก็โดดเดี่ยว ตอนตายก็ไร้ญาติมิตรมาบอกทาง หรือว่ามาเป็นกำลังใจ ตายแล้วก็ไม่มีพิธีที่จะทำให้เกิดความรู้สึกบรรเทาคลี่คลายความทุกข์ ตอนตายก็โดดเดี่ยว งานศพก็โดดเดี่ยว เกิดขึ้นในหลายประเทศแล้ว สเปนด้วย

ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นในเมืองไทยไหมในบรรยากาศแบบนี้ ตอนนี้คนไทยตายแล้ว 4 คน ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ต่อไปก็เป็นร้อย แล้วบรรยากาศก็คล้ายๆกัน คือ ป่วยอย่างโดดเดี่ยว ตายโดยไร้ญาติ ญาติมิตรไม่สามารถจะมาร่ำลาอาลัยกับศพได้ ไม่สามารถจะมาเห็นหน้าศพเป็นครั้งสุดท้าย เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวให้ดูดีไม่ได้ ต้องถูกกันออกไป ถ้ามันเกิดขึ้นแบบนี้ในเมืองไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คงสร้างความรู้สึกที่ปวดร้าวทั้งกับผู้ป่วยแล้วก็ผู้ที่ยังอยู่

หวังว่าเมืองไทยจะไม่เจอเหตุการณ์อย่างที่เกิดขึ้นในอิตาลี ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในการมีวินัยในการดูแลตัวเองด้วย โดยเฉพาะถ้าทุกคนตระหนักว่า เราอาจจะเป็นผู้ติดเชื้อก็ได้ แล้วเราก็จะต้องเก็บตัวเอง ไม่ไปอยู่ใกล้กับคนรอบข้าง รู้จักเว้นระยะห่าง ถ้ามีอาการขึ้นมาก็ต้องกักบริเวณตัวเอง ถ้ายังไม่มีอาการก็เก็บตัวในบ้าน เพ่นพ่านให้น้อยลง ถ้าทุกคนทำกันอย่างนี้ มันก็มีโอกาสที่เราจะไม่ได้เป็นอิตาลี





(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ความกลัว เชื้อ COVID-19” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 29, 2020, 09:18:56 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/200329023653.jpg) (http://picture.in.th/id/184c841e0f839c3e9d42c79cced109c8)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   ความกลัว เชื้อ COVID-19   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)



ดังนั้น นอกจากไม่ให้ เชื้อ COVID-19 เข้าสู่ร่างกายเราแล้ว ต้องระวังไม่ให้ความกลัว ตื่นตระหนก เข้าสู่จิตใจเราด้วย ตรงนี้ต้องช่วยกันทำ แสดงความเสียสละ เอื้อเฟื้อ เช่นไปเป็นจิตอาสาที่โรงพยาบาล อย่างตอนที่เหตุเกิดที่อู่ฮั่น ก็มีข่าวเรื่องราวดีๆ ของคนที่เสียสละ พาพยาบาลไปส่งที่บ้าน ให้เขาได้มีเวลาพัก และพากลับมาที่โรงพยาบาล ขับรถทั้งวันทั้งคืน เพื่อช่วยคนเหล่านี้ ให้เขาได้พักผ่อน และได้ทำหน้าที่ พอมีคนที่ หนึ่ง ก็มีคนที่สอง ที่สาม มาช่วยขับรถ จนกระทั่งหลายสิบ มันก็มีเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น

มันก็ช่วยเตือนสติ ให้กับคนที่เห็นแก่ตัวเอง ว่าในยามนี้ เราต้องช่วยกันนะ เปลี่ยนบรรยากาศของความเป็นแก่ตัว ให้เรามาเอื้อเฟื้อกัน คือคล้ายกับว่า เราพยายาม สร้างบรรยากาศ เพื่อกระตุ้นความไฝ่ดีในใจคนออกมา มันก็จะเกิดความรู้สึกอยากจะเสียสละบ้าง

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 31, 2020, 07:01:39 am
(http://image.free.in.th/v/2013/id/200331121353.jpg) (http://picture.in.th/id/8e574f9e5341af528e05eb68dfecbb1a)





เดี๋ยวนี้เวลาทำบุญให้ทาน ผู้คนมักนึกถึงโชคลาภและความมั่งมี หรือ “สวย รวย ฉลาด สมปรารถนา” แม้นั่นเป็นอานิสงส์อย่างหนึ่งของทาน แต่หาใช่อานิสงส์สูงสุดของทานไม่

ประโยชน์สูงสุดที่สามารถเกิดได้จากทานก็คือ การคลายความยึดมั่นในตัวกู ของกู หรือการลดละความโลภ หากให้ทานโดยยังหวังได้โชคลาภ ก็ไม่ช่วยให้บรรลุถึงประโยชน์ดังกล่าวเลย เพราะยังเป็นการให้ที่เจือด้วยความโลภอยู่

นอกจากการให้ทรัพย์สมบัติแล้ว เราควรให้อย่างอื่นที่มีคุณค่าด้วย เช่น เวลา กำลังกาย และสติปัญญา การช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก แม้บางครั้งต้องประสบกับความเหน็ดเหนื่อย ไม่สะดวกสบาย แต่กลับสัมผัสได้ถึงความสุขใจ

ความปีติและความแช่มชื่นภายใน เป็นสุขที่ประณีตกว่าความสุขหรือความสนุกจากการเสพ

ใช่หรือไม่ว่า เมื่อเรานึกถึงตัวเองน้อยลง คิดถึงผู้อื่นมากขึ้น เราจะมีความสุขได้ง่ายขึ้น

อาสาสมัครนวดเด็กคนหนึ่งเล่าว่า เธอเป็นไมเกรน ต้องกินยาทุกวัน แต่หลังจากที่เป็นจิตอาสาได้ไม่นาน อาการปวดก็หายไปจนเธอลืมกินยาไปเลย ส่วนผู้เฒ่าคนหนึ่งเปิดใจว่า หลังจากที่ได้เป็นอาสาสมัครแยกขยะ เขารู้สึกว่าตนเองเป็น “ขยะคืนชีพ” ไม่รู้สึกว่าไร้ค่าเหมือนตอนที่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในบ้าน

น้ำที่ไม่ถ่ายเทย่อมกลายเป็นน้ำเน่า ชีวิตที่ไม่รู้จักให้คือชีวิตที่หม่นหมองไร้สุข ความสุขที่แท้มิได้เกิดจากการเสพหรือการมีมากๆ แต่อยู่ที่การสละออกไป เริ่มจากสละวัตถุสิ่งของ ไปจนถึงสละความยึดติดถือมั่นในตัวตน สละได้มากเท่าใด ก็ช่วยให้เราอยู่ในโลกนี้อย่างผาสุกมากเท่านั้น อีกทั้งยังทำให้เราจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบสุขด้วย

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล






(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/GvtV8YNglg8f.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863239&s=GvtV8YNglg8f)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: ตัวอยู่บ้าน ใจอยู่ปัจจุบัน - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 03, 2020, 08:49:26 am
(http://image.free.in.th/v/2013/io/200403015056.jpg) (http://picture.in.th/id/cd2e84abedaf5e726c7fc88fc41ee025)




ตัวอยู่บ้าน ใจอยู่ปัจจุบัน

หัวข้อ: "สิ่งเดียวที่จัดการได้คือใจของเรา" - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 03, 2020, 08:50:32 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/200403015401.jpg) (http://picture.in.th/id/2784a1caf9e0ed160cb24bbe7e4bba54)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   "สิ่งเดียวที่จัดการได้คือใจของเรา"   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


เมื่อหลายสิบปีก่อนนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำเคยมีความมั่นใจว่าจะเอาชนะเชื้อโรคทั้งหลายได้ ผู้คนจะไม่ล้มป่วยเพราะโรคติดเชื้ออีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นเชื้อโรคทั้งหลายอาจจะสูญพันธุ์ไป เช่นเดียวกับไข้ทรพิษ ทั้งนี้ก็เพราะเรามีวัคซีน ยาปฏิชีวนะ รวมทั้งยานานาชนิดที่จะพิชิตโรคเหล่านี้ได้อย่างเด็ดขาด แต่มาถึงวันนี้เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าโลกที่ปลอดเชื้อโรคนั้นเป็นไปไม่ได้ เชื้อโรคทั้งหลายฉลาดกว่าที่เราคิดมาก มันสามารถวิวัฒน์พัฒนา จนยาที่แรงที่สุดทำอะไรมันแทบไม่ได้เลย นอกจากผู้คนยังจะต้องล้มตายเพราะโรคเก่า ๆ ที่เรารู้จักดีแล้ว ยังจะมีโรคใหม่ ๆ ที่ผลัดกันมาสร้างปัญหาแก่คนทั้งโลก ไม่ว่า เอดส์ ซาร์ส อีโบล่า เมอร์ส ซิก้า และล่าสุดคือโคโรนาไวรัส

เชื้อโรคคือสิ่งที่คงอยู่คู่มนุษย์ฉันใด ความทุกข์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันนั้น โลกที่ปลอดเชื้อและชีวิตที่ปลอดทุกข์ เป็นได้แค่ความฝันที่มิอาจเป็นจริง อย่างไรก็ตามแม้รอบตัวเราจะเต็มไปด้วยเชื้อโรค แต่ร่างกายเราก็เป็นปกติสุขอยู่ได้ ไม่ล้มหมอนนอนเสื่อ ในทำนองเดียวกัน แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยความทุกข์ แต่จิตใจเราก็สงบเย็นเป็นสุขได้ ร่างกายของเราไม่เจ็บป่วยไม่ใช่เพราะไม่มีเชื้อโรค แต่เป็นเพราะรู้จักรับมือกับเชื้อโรค ฉันใดก็ฉันนั้น จิตใจเราไม่เป็นทุกข์ไม่ใช่เพราะทุกอย่างราบรื่น แต่เป็นเพราะเราวางใจเป็นเมื่อเจอทุกข์

กายป่วย แต่ใจไม่ป่วยก็ได้ เสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสียก็ได้ เมื่อเจอความล้มเหลว ก็ล้มเหลวแต่งานส่วนใจไม่ล้มเหลว แถมยังได้บทเรียนและเกิดปัญญาเป็นกำไร นั่นเป็นเพราะเรารู้จักมอง ยอมรับมัน ไม่ปฏิเสธผลักไส หรือเอาแต่คร่ำครวญ ตีโพยตีพาย รวมทั้งรู้จักปล่อยวาง ทุกข์นั้นไม่เป็นปัญหา ถ้าเราไม่แบกมัน เช่นเดียวกับก้อนหินจะหนักต่อเมื่อเราแบก คำต่อว่าด่าทอทำอะไรเราไม่ได้ หากเราไม่ถือ คำตำหนิแม้เพียงเล็กน้อย ถ้าเราถือเมื่อใด ก็รุ่มร้อนหรือขึ้งเครียดเมื่อนั้น

เป็นเพราะใจเราเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ ไม่ถูก เมื่อเจอทุกข์ จึงเป็นทุกข์ แต่ถ้ารู้จักรับมือกับสิ่งต่าง ๆ เจอทุกข์ ใจก็ไม่ทุกข์ ใจเราจะฉลาดในการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ได้ก็เพราะมีการฝึกฝนจนแคล่วคล่อง ถ้าปรารถนาความสุข ก็ต้องให้ความสำคัญกับการฝึกฝนใจ ดังมีพุทธภาษิตว่า “จิตที่ฝึกฝนดีแล้ว นำสุขมาให้”

พระไพศาล วิสาโล

เครดิตภาพวาด ผีบ้า ไซคีเดลิค





(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ

และ เครดิตภาพวาด ผีบ้า ไซคีเดลิค


https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: โควิดจะอยู่หรือไป ใจต้องมีสติ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 03, 2020, 09:37:41 am
(http://image.free.in.th/v/2013/il/200403024906.jpg) (http://picture.in.th/id/099ac58cc28900e13127e699d20d8b42)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)     โควิดจะอยู่หรือไป ใจต้องมีสติ    (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


“สิ่งต่างๆที่เราเคยเจอะเจอมาก่อนปรากฏการณ์โควิด เราก็ยังจะต้องเจออีกเหมือนเดิม รวมทั้งความทุกข์ต่างๆที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต โควิดหายไป โคโรนาไวรัสถูกกำราบเราก็ยังต้องเจอสิ่งที่ไม่น่ารักไม่พอใจเหมือนเดิม ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจเช่นเคย จะเจอคำติฉินนินทาคำต่อว่าด่าทอเหมือนเดิม จะเจองานการที่ไม่ถูกใจ เจออุปสรรคที่ทำให้ชีวิตขลุกขลัก ของรักสูญหาย คนรักตายจาก พวกนี้ก็ยังต้องผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา อาจจะไม่เคยผ่านมาในบางเรื่อง ไม่เคยเกิดขึ้นกับเราในอดีต แต่ว่าต่อไปก็ต้องเจอ อย่างที่เราสวดมนต์กันทุกเช้า เราทั้งหลายเป็นผู้ที่มีความทุกข์หยั่งเอาแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ที่จริงไม่ใช่เฉพาะความทุกข์ ความสุขก็รออยู่ข้างหน้าเหมือนกัน แต่ทั้งหมดทั้งปวง มันก็ไม่เที่ยงเหมือนกับโควิดมันก็ไม่เที่ยง”


พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “พรสงกรานต์อันประเสริฐ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 14, 2020, 04:49:08 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200414094839.jpg) (http://picture.in.th/id/09643ddbe384ca345d3aecb26102594f)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  พรสงกรานต์อันประเสริฐ (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



หลวงพ่อไพศาล วิสาโล บรรยายที่วัดป่ามหาวัน ภูหลง
Cr:ถอดเสียงเป็นข้อเขียน Nonglak Trongselsat


ในช่วงเทศกาลซึ่งเป็นปีใหม่แบบไทยๆ คนไทยนิยมไปหาคนเฒ่าคนแก่ รดน้ำดำหัว และขอพร ถือเป็นประเพณี

คนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนจะให้พรแก่ลูกหลานสั้นๆว่า ขอให้ลูกรู้เนื้อรู้ตัว เป็นพรที่สั้นๆ แต่สมัยนี้ พรที่คุ้นเคยคือ ขอให้มี อายุ วรรณะ สุขะ พละ มีทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมา พรของคนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนสั้น แต่มีคุณค่ามาก เป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ เพราะว่าความรู้เนื้อรู้ตัว ถ้าใครมี ก็จะมีแต่ความสงบเย็นที่รุ่มร้อน ที่เป็นทุกข์กัน ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความโศก ความเครียด ความวิตกกังวล ความคับแค้น ความท้อแท้ พูดรวมๆก็คือ ความไม่รู้เนื้อรู้ตัวลืมตัว คนเราแม้จะมีเงินมีทองมากมายเพียงใดก็ตามถ้าไม่รู้เนื้อรู้ตัว อย่างน้อยก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เครียดวิตกกังวลสารพัด แม้ว่าจะอายุยืนเป็นร้อยปีแต่ถ้าไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก็เรียกว่าไร้ประโยชน์ การมีอายุยืนโดยตัวมันเองไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดีเสมอไป เมื่ออายุยืนก็ตามมาด้วยความแก่ เกิดความข้องขัดในทางกาย จิตใจก็เริ่มเล่อะเลือน สับสน ไม่ใช่เป็นพรที่พึงปรารถนาเลยเมื่อเทียบกับคุณค่าหรือพรอย่างอื่น

คุณยายคนหนึ่ง วันปีใหม่ก็ดี วันเกิดก็ดี ปกติก็จะมีลูกหลานมาเยี่ยมแล้วก็อวยพร ขอให้มีอายุยืนยาวเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานไปนานๆ คุณยายก็บอกว่า ไม่ไหวแล้ว เผลอรับพรของลูกหลานไปจนเพลิน อายุปาเข้าไป 90 พลาดไปแล้ว ไม่ไหวแล้ว พอแล้ว เกินกว่านี้ไปก็มีแต่ทุกข์อย่างเดียว นี่คือคำพูดของคุณยาย ทีแรกก็คงปรารถนาอยากจะมีอายุยืน ครั้นได้สมใจแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่มีความสุขเท่าไรเลย พออายุ 90 กว่า ร่างกายก็ติดขัดไปหมดทุกขเวทนาก็เกิดขึ้นเรียกว่ารอบตัวเลย อายุยืนก็ดี มีเงินมีทองก็ดี ไม่ใช่ว่าเป็นพรที่ประเสริฐ ตามมาด้วยภาระ ตามมาด้วยปัญหา ถ้าเทียบกันแล้วความรู้เนื้อรู้ตัวดีกว่าเยอะ เพราะมันทำให้เกิดความสงบเย็น และทำให้เกิดเป็นสุขได้ในทุกสถานการณ์ หมายความว่าแม้จะไม่ร่ำไม่รวย แต่ว่าใจก็ไม่ได้ทุกข์ พอรู้เนื้อรู้ตัวก็สามารถจะวางใจให้เป็นสุขได้ แม้เจ็บป่วย เกิดทุกขเวทนาทางกาย แต่ถ้ารู้เนื้อรู้ตัวแล้วก็ไม่ลามมาเป็นความทุกข์ใจเลย เพราะดูมันไป ไม่ปล่อยให้ใจไปปักตึงหรือไปยึดอยู่กับความเจ็บความป่วย หรือผลักไสมัน

คุณยายคนหนึ่ง เกิดอุบัติเหตุหกล้ม กระดูกที่แขนหัก กระดูกทิ่มออกมาที่เนื้อเลย แต่คุณยายก็ไม่แสดงอาการทุรนทุรายหรือว่าแสดงอาการคร่ำครวญอะไร ลูกสะใภ้แปลกใจจึงไปถามว่าทำไมถึงไม่แสดงความทุกข์อะไรเลย คุณยายก็บอกว่า ก็แค่เห็นมันเป็นทุกขเวทนา อย่าไปยุ่งกับมัน

ส่วนใหญ่ไปยุ่งกับมัน ก็ยิ่งเจ็บเข้าไปใหญ่ เอาใจไปจดจ่ออยู่กับความปวด บริเวณที่ปวด ไปยึดความปวดเอาไว้ทั้งที่ไม่ชอบ พยายามผลักไสมันออกไป ลงเอยด้วยการไปยึดมันเอาไว้ ผลักไสมันก็ทุกข์อยู่แล้ว เพราะว่าไม่รู้เนื้อรู้ตัว จะรู้เนื้อรู้ตัวได้ต้องมีสติ คนเราไม่ค่อยเห็นคุณค่าของการรู้เนื้อรู้ตัว เพราะเราคิดว่าการรู้เนื้อรู้ตัวคือไม่หลง คือไม่หลงแบบคนแก่ หรือไม่เป็นบ้า หรือคนที่ไม่ฟั่นเฟือน คนที่ไม่เง่อะง่ะๆก็ถือว่ารู้ตัว แต่จริงๆแล้วก็ยังไม่รู้ตัวเท่าไหร่ มีอะไรมากระทบไม่ว่าทางตา ทางหู หรือว่าทางกาย ใจก็กระเพื่อม เกิดความหงุดหงิด เกิดความคับแค้น ความโกรธ ปล่อยให้ความหงุดหงิด ความคับแค้น ความโกรธ มาเล่นงานจิตใจ อย่างนี้เรียกว่าไม่รู้เนื้อรู้ตัว ปล่อยให้ใจจมลงไปในอารมณ์นั้น

หรือว่าแม้จะไม่มีอะไรมากระทบทางตาทางหูทางจมูก แต่ว่าไปนึกคิด พอนึกคิดขึ้นมาเกิดอารมณ์ขึ้นมา ความนึกคิดกับอารมณ์มาด้วยกัน คิดถึงเรื่องความสูญเสียในอดีตก็เสียใจ เกิดความอาลัยอาวรณ์คิดถึงเหตุการณ์ที่เจ็บปวดก็ทำให้เกิดความโศกความเศร้า คิดถึงคำพูดของใครบางคนก็ทำให้เกิดความโกรธ นึกไปถึงเหตุการณ์ข้างหน้าที่มันดูแย่ๆ มันยังไม่เกิดขึ้นก็จริง แต่พอไปคิดเอาจริงเอาจังกับมัน มันเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนแต่กลับไปคิดว่าเป็นเรื่องแน่นอน 100% ก็ยิ่งเกิดความเครียดความวิตกกังวล อันนี้เรียกว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากความคิด แม้ยังไม่มีอะไรมากระทบ ไม่มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสมากระทบ อยู่ในโรงแรม รีสอร์ทที่แสนสบาย อยู่ในคฤหาสน์ที่สะดวกแต่ก็ยังรุ่มร้อนเพราะความคิด ที่คิดไปอย่างนั้นเพราะไม่รู้เนื้อรู้ตัว

จะว่าไปแล้ว ความทุกข์ใจที่เกิดขึ้นกับผู้คน สาวไปก็เพราะความไม่รู้เนื้อรู้ตัว แล้วก็ไม่ใช่ทุกข์ใจอย่างเดียว มันยังสร้างปัญหาให้กับคนอื่นด้วย พอลืมตัวจมอยู่ในความโกรธความแค้นก็ระบายใส่คนอื่น ต่อว่าคนอื่นทิ่มแทงคนนั้นคนนี้ ทั้งที่อาจจะเป็นคนใกล้ เป็นลูกเป็นหลานเป็นคนรัก ก็ทำให้เกิดความบาดหมางกัน เกิดความร้าวฉานกัน ที่ทะเลาะกันก็เพราะลืมตัวทั้งนั้น ไม่ว่าจะทะเลาะสารพัดเรื่อง สุดท้ายก็มาลงที่ลืมตัว ลืมตัวด้วยการพูตอะไรออกไป อย่างที่เขาพูดกันว่า อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังวาจา วาจาพูดออกพ่นออกไปถ้าทำโดยไม่รู้ตัวก็สร้างความทุกข์ให้กับคนอื่น แล้วพอเกิดเรื่องร้าวฉานความทุกข์ก็สะท้อนคืนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง

บางทีไม่ใช่ลืมตัวด่า ว่าร้ายคนอื่น แต่หนักกว่านั้นคือลืมตัวถึงกับทำร้าย ได้ข่าวเป็นประจำ คนรักกันทำร้ายกันจนกระทั่งเลือดตกยางออก หรือถึงตาย และที่ตายจำนวนมากเกิดจากคนรู้จัก กลายเป็นคนรักเสียด้วย ฆ่าเพราะขาดแค้น หรือเพราะโกรธ เพราะน้อยเนื้อต่ำใจ ก็มาจากลืมตัวทั้งนั้นแหละ พอทำเสร็จก็มาเสียใจร้องห่มร้องไห้เสียใจว่า ไม่น่าทำเลย บางคนทนไม่ไหวก็เลยฆ่าตัวตายตกไปตามกัน เพราะรู้สึกมันเจ็บปวดมากที่เผลอทำร้ายคนรักจนตาย ความรู้สึกผิดบาดแทงจิตใจจนกระทั่งทนไม่ไหวตายดีกว่า ล้วนมีรากเหง้าจากลืมตัว ความไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ถ้าเรามีความรู้เนื้อรู้ตัว ไม่เพียงแต่ว่าไม่ก่อทุกข์ให้ใครเท่านั้น ยังทำให้เกิดความสุขด้วย รากเหง้าของความสุขใจก็คือความรู้เนื้อรู้ตัวนั่นแหละ เมื่อรู้ตัว ใจก็คิดดี พูดดี ทำดี ก็จะเกิดความรู้สึกดีๆแก่จิตใจและเกิดสิ่งดีๆกับชีวิต ถ้าไม่มีความรู้เนื้อรู้ตัว ความสุขใจ ความเบิกบานใจ ความเย็นใจก็จะเกิดขึ้นได้ยาก อาจจะเกิดขึ้นชั่วคราวเช่นใจลอย ฝันกลางวัน ฝันว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มีความสุข ก็เพลิน แต่ฝันนั้นก็แค่ชั่วคราว พอมาอยู่กับความเป็นจริงก็เสียใจที่เรายังไม่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 สักที ฝันว่าสมปรารถนาได้อยู่กับคนรักก็มีความสุข แต่พอมาอยู่กับความเป็นจริง เสียใจที่ไม่สมปรารถนา

แต่ถ้าเรารู้เนื้อรู้ตัว ใจก็จะมีความโปร่ง เบา สงบ เย็น ไม่มีอารมณ์ใดๆที่เป็นลบมาบีบคั้นทิ่มแทง เพราะใจอยู่กับปัจจุบัน ก็เกิดความรู้เนื้อรู้ตัว พอใจมาอยู่กับเนื้อกับตัว ก็รู้เนื้อรู้ตัว การที่ใจอยู่กับเนื้อกับตัวก็คือการอยู่กับปัจจุบัน รู้กายใจก็ไม่เพ่นพ่าน เพราะใจอยู่กับเนื้อกับตัว ถ้าใจเพ่นพ่าน ไหลไปอดีตลอยไปในอนาคต จมอยู่ในอารมณ์ก็รู้ อันนี้คือรู้ใจ ใจก็หลุดออกมาจากอดีต หลุดออกมาจากอนาคต หลุดออกมาจากอารมณ์ กลับมาอยู่กับปัจจุบัน กลับอยู่มาอยู่กับเนื้อกับตัว ก็เกิดความสงบ ความโปร่งโล่ง

คนเราจะทำดีหรือทำบุญ จะเป็นความดีที่แท้ ทำบุญที่ประเสริฐ ก็เพราะทำด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว ทำอย่างมีสติ ถ้าทำด้วยความไม่รู้เนื้อรู้ตัว เจือด้วยกิเลส เจือด้วยตัณหา หรือใจไปปักอยู่กับความสำเร็จ จะทำให้ได้ จะทำให้เสร็จ เข้าแถวไปทำบุญ เข้าแถวรอถวายสังฆทาน แถวยาว จิตใจไปปักจะทำบุญให้แล้วเสร็จ จะทำบุญแต่ใจหงุดหงิดเพราะว่าไม่ได้ทำสักที คิวยาว เพราะว่ามีอุปสรรค อันนี้เรียกว่าขาดการรู้เนื้อรู้ตัว แทนที่จะได้บุญ ได้บาปหรือได้อกุศล ได้บาปเพราะว่าพยายามแซงคิว เพราะไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไปทำโรงทานทำด้วยจิตเป็นกุศล แต่ทำไปมา กลายเป็นอกุศลเที่ยวว่าคนนั้นคนนี้ เดี๋ยวก็ว่าลูกน้องทำไม่ถูกใจ ไปว่าคนมารับอาหาร อาจจะแซงคิวหรือไม่ก็แล้วแต่ ก็เพราะขาดสติ มีเยอะ

ไม่ว่าจะให้ทานรักษาศีลถ้าทำด้วยความรู้เนื้อรู้ตัวก็จะเกิดผลที่ดีเป็น อริยกันตศีล ไม่ใช่ สีลัพพตปรามาส คือศีลที่เจือด้วยกิเลสเช่น ตัณหา มานะ ความถือตัว รักษาศีลเพราะอยากได้ไปสวรรค์ อยากได้ มีโชคมีลาภ ถูกลอตเตอรี่ อยากให้คนชมสรรเสริญ หรือว่าทำเพื่อสร้างภาพ ล้วนเป็น สีลัพพตปรามาส ไม่ใช่ อริยกันตศีล อริยกันตศีลคือศีลที่พระอริยเจ้าสรรเสริญ เพราะทำด้วยรู้เนื้อรู้ตัว ไม่ใช่เพราะกิเลสตัณหามานะเข้ามาครอบงำมาแผ้วพาน

ภาวนาก็เหมือนกัน ก็ยิ่งต้องอาศัยความรู้เนื้อรู้ตัว ถ้าไม่รู้เนื้อรู้ตัวภาวนาไปได้สมาธิจะกลายเป็นมิจฉาสมาธิ ทำไปทำมาก็หงุดหงิด เพราะพอมีเสียงมากระทบ มีคนพูดเสียงดังอยู่ใกล้ๆ มีคนเปิดริงโทนอยู่ในห้อง หรือว่ารอบตัวสงบเงียบ ไม่มีอะไรมารบกวนแต่มีความฟุ้งซ่านเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้ารู้เนื้อรู้ตัว ความฟุ้งซ่านก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แค่รู้เฉยๆ ปล่อยมันไปเรียกว่ารู้ซื่อๆ แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ซื่อๆ พอรู้พอเห็นก็เข้าเไปเป็นเลย ไปรบราพันตูกับความคิดฟุ้งซ่าน คือความเครียด ความเหนื่อย ทำไปก็เครียด ไม่ได้ความสงบ หรือว่าได้ความสงบก็ดื่มดำจนลืมตัว อันนี้ก็ความหลงเหมือนกัน หลงสีขาว หลงกับความสงบ ดื่มด่ำกับการปฏิบัติ ทำให้การปฏิบัติเนิบช้า ปัญญาไม่เกิด จากความรู้ตัวก็ไม่พัฒนาไปสู่การรู้ความจริง จนอวิชชาไม่มีที่ตั้ง จนอวิชชาดับ

ความรู้ตัวเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การรู้ความจริง เป็นหัวใจสำคัญ เมื่อรู้ความจริงก็เกิดความสงบอย่างแท้จริง รู้ซื่อๆในทางพุทธศาสนาก็คือนิพพาน ประตูหรือบันไดขั้นต้นคือความรู้เนื้อรู้ตัว ถ้าไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ไม่มีทางที่จะเข้าถึงพระนิพพาน คนสมัยก่อนนอกจากความรู้เนื้อรู้ตัว พรที่ปรารถนาคือนิพพาน ไม่ได้ปรารถนาอย่างอื่นเท่าไร สมัยก่อนเวลาใส่บาตร ไม่ได้อธิษฐานขออะไรมาก อธิษฐานเพียงสั้นๆ ว่า นิพพานะปัจจะโยโหตุ ขอให้ได้เป็นปัจจัยไปสู่พระนิพพาน บางทีก็อธิษฐานหรือตั้งจิตเป็นกลอน ข้าวของผู้ข้า ขาวเหมือนดอกบัว ยกมือท่วมหัว ถวายแด่พระสงฆ์ จิตใจจำนงค์ มุ่งตรงต่อพระนิพพาน ขอให้ถึงเมืองแก้ว ขอให้แคล้วหมู่มาร ขอให้ได้เกิดในยุคพระศรีอารย์ ในอนาคตกาลเบื้องหน้านี้เทอญ ความหมาย ก็คือแค่ขอให้ถึงพระนิพพาน ถ้าไม่ถึงก็ขอให้ได้ไปเกิดในยุคพระศรีอารย์ เขาก็ขอเพียงเท่านี้ ถือว่าเป็นความฉลาดเพราะสิ่งที่ขอคือ ปรมัตถธรรม

ปรมัตถธรรม เป็นธรรมขั้นสูงสุด ซึ่งประเสริฐกว่า อายุวรรณะสุขะพละ ปฏิภาณธนสารสุข อันนั้นเป็นประโยชน์ชั้นต้น ทิฏฐธัมมิกัตถะ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการดำเนินชีวิตให้ผาสุก แต่คนสมัยนี้ไปตั้งจิตอยู่กับเรื่องนี้มากเกินไป จะทำให้ได้เยอะๆมากๆ ขอให้เกิดขึ้นกับเราเต็มที่ แทนที่จะมีทรัพย์สมบัติที่ใช้ดำเนินชีวิตอยู่ได้ แต่ก็อยากจะร่ำรวย ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 คนสมัยก่อนไม่ได้ให้สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ จำเป็นก็จริงแต่ว่าไม่ต้องร่ำรวยก็ได้ ปัจจัย 4 เป็นสิ่งจำเป็นแต่ไม่ต้องมีมากก็ได้ ขอให้มีเพียงแค่ดำเนินชีวิตอยู่ได้ ไม่หิวโหยไม่เดือดร้อนไม่ต้องถึงกับรวยไม่ต้องถึงกับอยู่ดีก็ได้ แต่ให้ความสำคัญกับประโยชน์ขั้นที่ 2 ที่เรียกว่าสัมปรายิกัตถะ

สัมปรายิกัตถะ คือความรู้เนื้อรู้ตัว ให้ความสุขทางใจ เงินทองเป็นสิ่งจำเป็น แต่ว่าแค่พอมีพอใช้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะปรารถนามากกว่าคือ ความรู้เนื้อรู้ตัว เพราะถ้ามีแล้วก็มีความสุข อยู่เย็นเป็นสุข ไม่อยู่ร้อนนอนทุกข์ ซึ่งตรงข้ามกับปัจจุบัน คนปัจจุบันมุ่งไปที่การมีเงินมีทองมากๆมีอายุยืนเป็นร้อยปีคือ ให้มันได้ไปเยอะๆเลยหนักไปในทางนี้ คนสมัยก่อนไม่เน้นหนักไปทางนั้น แค่พอมีทรัพย์บ้างเพื่อดำเนินชีวิตให้อยู่ได้ แต่ที่ปรารถนาคือสัมปรายิกัตถะประโยชน์ชั้นสูงขึ้นไป คือรู้เนื้อรู้ตัว

เรื่องบุญกุศลอย่างบทสวดอริยธนคาถา อริยทรัพย์คือ ศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และความเห็นธรรมให้เนืองๆ ธรรมเหล่านี้ต้องเริ่มจากความรู้เนื้อรู้ตัวก่อนจึงจะเกิด ศรัทธา ศีล ความเลื่อมใสและความเห็นธรรมได้ ถ้าเลยจากประโยชน์ชั้นสูงหรือสัมปรายิกัตถะ ก็คือปรมัตถะคือนิพพาน คนสมัยก่อน เขาฉลาด ประโยชน์ชั้นต่ำนั้นเขาไม่สนใจ เขามุ่งประโยชน์ชั้นสูงหรือสูงสุดเลยคือความรู้เนื้อรู้ตัว นิพพาน

ในขณะที่เทศกาลสงกรานต์ ทุกคนปรารถนาพรให้แก่กันและกัน ก็ขอให้คิดเรื่องนี้บ้าง แต่อย่าไปยินดีใน อายุวรรณะสุขะพละมากนะ แต่ขอให้ยินดีในรู้เนื้อรู้ตัวแต่ให้ยินดีคือไปพระนิพพาน อันนี้จะเป็นแรงผลักให้ชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง หรือถึงนิพพาน อะไรบ้างเช่น ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพราก ความทุกข์ที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ ความทุกข์ที่เกิดจากคำต่อว่าด่าทอ อุปสรรคต่างๆ แทนที่จะทำให้โกรธแค้น กลับทำให้มองว่านี่คืออุปสรรคที่เราต้องผ่านไปให้ได้ เพราะถ้าเรายินดีต่อพระนิพพาน มีพระนิพพานเป็นที่หมาย เราก็จะไม่ย่อท้อง่ายๆ จะอุปสรรคก็ไม่เอาแต่บ่นตีโพยตีพาย ก่นด่าชะตากรรม แต่มองว่ามันคืออุปสรรคที่เราต้องก้าวข้ามไปให้ได้ เพราะถ้าไม่ผ่านจะเข้าถึงพระนิพพานได้อย่างไร

ทั้งหมดนี้ก็ต้องเริ่มจากความรู้เนื้อรู้ตัว ถ้าไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้วเจออุปสรรคเจอสิ่งกระทบก็มีแต่ความหงุดหงิดอึดอัดรำคาญใจและก็มีความคับแค้นใจ แล้วก็ไประบายความทุกข์ใส่คนนั้นคนนี้ทำให้เกิดปัญหาตามมาวุ่นวายไปหมด เพราะความไม่รู้เนื้อรู้ตัว ความรู้เนื้อรู้ตัวเป็นธรรมะที่ประเสริฐที่เราควรตั้งจิตยินดี ปรารถนาที่จะทำให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ใช่แค่ปรารถนา แต่ว่าเพียรพยายามทำให้เกิดขึ้นด้วย


พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: "ชื่นชมสิ่งดีๆที่มีอยู่" - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 16, 2020, 07:48:07 am
(http://image.free.in.th/v/2013/it/200416012402.jpg) (http://picture.in.th/id/1391c7c00a6b233e2057581c23d37d2d)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   ชื่นชมสิ่งดีๆที่มีอยู่   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


เงินทอง เวลา และสุขภาพ คือสิ่งสำคัญในชีวิตของเรา หากมีครบทั้งสามอย่างชีวิตย่อมมีความสุข และสามารถทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นได้มาก แต่กล่าวโดยทั่วไปแล้ว การที่เราจะมีทั้งสามอย่างครบถ้วนในเวลาเดียวกันนั้นเป็นเรื่องยากมาก

มีผู้หนึ่งตั้งข้อสังเกตไว้ดีมากว่า เมื่อเรายังเด็ก เรามีเวลาและสุขภาพ แต่ไม่ค่อยมีเงิน เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ เรามีเงินและสุขภาพ แต่ไม่ค่อยมีเวลา ครั้นแก่ตัว เรามีเงินทองและเวลา แต่สุขภาพไม่ค่อยดี

ผู้ใหญ่ทุกคนคงจำได้ดีว่า ตอนเป็นเด็กนั้น เรามีเวลาวิ่งเล่นได้ทั้งวัน กำลังวังชาล้นปรี่ แต่ถ้าอยากได้ของเล่นสักอย่าง ช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะไม่มีเงิน ขอพ่อแม่ก็มักถูกปฏิเสธ แต่เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ มีงานทำ ชีวิตมีความสะดวกสบาย มีปัญญาหาเงินซื้อทุกอย่างที่อยากได้ แต่กลับไม่ค่อยมีเวลาใช้ของเหล่านี้ รวมทั้งเวลาพักผ่อนหรืออยู่กับครอบครัว เพราะมัวแต่ทำมาหากิน

แต่เมื่อเข้าสู่เข้าวัยชรา เกษียณจากการงาน เราก็จะมีเวลาเหลือเฟือ เงินที่เก็บไว้ก็มีไม่น้อย แต่ถึงตอนนี้สุขภาพไม่อำนวยให้ทำอย่างที่อยากทำได้ จะไปเที่ยวไหนก็ไม่สะดวกเหมือนก่อน จะกินตามใจปากก็ไม่ได้เพราะถูกโรคร้ายคุกคาม

ใช่หรือไม่ว่า ชีวิตนี้หาความสมบูรณ์พร้อมได้ยาก มักจะมีบางอย่างขาดหายไปเสมอ เมื่อดิ้นรนจนได้สิ่งใหม่มา สิ่งเก่าก็พลันสูญหายไป จะเรียกว่าชีวิตนี้มีความพร่องเป็นนิจก็ได้ ใครที่ต้องการความสมบูรณ์พร้อมจากชีวิต ก็เตรียมใจพบกับความผิดหวังได้เลย

แทนที่จะมัวไขว่คว้าหาสิ่งที่ยังไม่มี ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรามีอยู่กับตัว อย่าลืมว่าสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้ สักวันหนึ่งก็จะสูญหายไป หรือกลายเป็นของหายากขึ้นมา ถ้าปล่อยปละละเลยสิ่งนั้น วันหน้าก็จะเสียใจเมื่อสิ่งนั้นพลัดพรากไปจากเรา

ปัญหาก็คือคนส่วนใหญ่มักไม่ตระหนักว่าสิ่งที่ตนมีอยู่ตอนนี้ วันหน้าจะกลายเป็นอดีต เรามักทึกทักเอาเองว่าอะไรที่เรามีนั้นจะอยู่กับเราไปตลอด ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นคุณค่า หาไม่ก็ใช้ไปอย่างฟุ่มเฟือย เช่น เด็กและวัยรุ่น มักจะใช้เวลาที่มีอยู่มากมายไปอย่างเปล่าประโยชน์ พอโตเป็นผู้ใหญ่ถึงค่อยมานึกเสียดายเวลาที่ผลาญไปในวัยเด็ก แต่แล้วผู้ใหญ่เองกลับไม่ค่อยถนอมสุขภาพ ใช้ร่างกายอย่างไม่บันยะบันยัง เอาแต่ทำมาหากินจนไม่ได้พักผ่อน ยิ่งเครียดก็ยิ่งหันเข้าหาอบายมุข กินเหล้า สูบบุหรี่ หรือเที่ยวกลางคืน กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรกับร่างกายของตนเองก็ต่อเมื่อถูกโรคนานาชนิดเล่นงาน

เมื่อถึงวัยชราหลายคนย่อมนึกเสียใจที่ก่อนหน้านั้นไม่รู้จักถนอมรักษาสุขภาพ ถึงตอนนี้มีเวลามากมายแต่ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว จึงปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ นั่งเหม่อลอยหวนคิดถึงแต่อดีต หรือปล่อยใจไปกับความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง แต่เขาอาจจะลืมไปว่าเวลาที่มีอยู่มากมายในวันนี้ พรุ่งนี้อาจไม่เหลือแม้แต่นาทีเดียว เพราะความตายมาพราก ถึงตอนนั้นอาจนึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหลายอย่างที่ควรทำ โดยเฉพาะการเตรียมใจรับมือกับความตาย

สิ่งที่เรามีมากมายจนล้นเหลือ เรามักไม่เห็นคุณค่า ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไป เราจึงจะซาบซึ้งในคุณค่าของสิ่งนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใด พึงระลึกไว้เสมอว่า ทั้งหมดที่คุณมีอยู่ตอนนี้ จะไม่อยู่กับคุณไปตลอด ดังนั้นจึงควรรู้จักชื่นชมสิ่งเหล่านี้ และใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ แม้จะมีไม่ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อม แต่หากใช้ให้เป็น ก็สามารถสร้างสุขแก่เราได้

ถึงจะมีแต่เวลาและสุขภาพ แต่ไม่ค่อยมีเงิน เราก็ยังสามารถใช้เวลาและกำลังวังชาให้เกิดประโยชน์สุขแก่ตัวเองและผู้อื่นได้ เช่นศึกษาหาความรู้และช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น มีเงินมีสุขภาพ แต่ไม่มีเวลา ก็ยังมีความสุขได้หากรู้จักใช้เงินและสุขภาพอย่างถูกต้อง เช่น ใช้เลี้ยงตนและดูแลผู้อื่นให้ผาสุก ในทำนองเดียวกัน ถึงจะมีเวลาและเงิน แต่สุขภาพไม่ค่อยดี ก็ใช่ว่าชีวิตจะไม่มีความสุข หากรู้จักใช้เวลาที่มีนั้นในการฝึกฝนจิตจนเกิดสติและปัญญา

ความสุขและความดีนั้นสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำต้องมีเวลา สุขภาพ และเงินทองครบทั้งสามประการ แม้มีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หากรู้จักใช้ ก็บันดาลให้เกิดความสุขและความดีได้ จะว่าไปแล้วมีชีวิตจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งในสามประการนี้ แต่หากมีความสุขและความดีแล้ว ชีวิตก็ย่อมเต็มอิ่ม จิตใจจะไม่รู้สึกพร่องเลย

ใช้ชีวิตโดยตระหนักว่าทุกอย่างที่มีนั้นจะต้องจากเราไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง นอกจากจะทำให้เราไม่ประมาทกับชีวิตแล้ว ยังช่วยให้เรามีความสุขได้ง่ายขึ้น ใช่หรือไม่ว่าเพียงแค่รู้จักชื่นชมสิ่งที่มี จิตใจก็เป็นสุขทันที

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: เมตตาธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 16, 2020, 07:58:22 am
(http://image.free.in.th/v/2013/io/200416125921.jpg) (http://picture.in.th/id/ad884d5359f9106142e12c2555080657)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เมตตาธรรม   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


"ควรใช้สถานการณ์นี้เพื่อฝึกฝนตน ไม่ได้ฝึกฝนให้อดทนเท่านั้นแต่ยังมีความเมตตากรุณา ไม่ใช่เอาแต่โมโห เอาแต่ก่นด่า เพราะว่าชีวิตเปลี่ยนไป นอกจากมีความอดทน ก็ต้องรู้จักปรับใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ไม่ก่นด่า โวยวาย ตีโพยตีพายยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และน้อมจิตให้มีเมตตาต่อผู้ที่ประสบความทุกข์ประสบความเดือดร้อนซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่เยอะ ทั้งคนที่ป่วยด้วยเชื้อโควิด ทั้งคนที่ทุกข์ทรมานเพราะใกล้ตาย คนที่สูญเสียคนรัก โดยที่ไม่ทันได้ดูใจ เพราะต้องถูกแยกออกห่างจากผู้ป่วย ไปเยี่ยมคนป่วยก็ไม่ได้ เพราะติดเชื้อง่าย คนที่ป่วยก็ทุกข์ทั้งกายเพราะโรค และทุกข์ทั้งใจเพราะเหงาที่ไม่มีใครมาเยี่ยม ไม่มีกำลังใจ คนที่อยู่ข้างหลังก็เป็นทุกข์เพราะไปเยี่ยมไปให้กำลังใจไม่ได้ จนแม้กระทั่งตาย บางทีก็ยังไปรดน้ำศพไม่ได้หรือว่าไปดูใจไปร่ำลาครั้งสุดท้ายก็ทำไม่ได้ อันนี้เรียกว่าเป็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับผู้คนไปทั่ว ซึ่งเมื่อเราระลึกนึกถึงคนเหล่านี้ก็ควรจะแผ่เมตตาไปให้ ส่งความปรารถนาดีไปให้"

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “พบสิ่งใหม่ในความซ้ำ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 17, 2020, 07:00:42 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/200417120050.jpg) (http://picture.in.th/id/22c9d85abb2c7575a5e3841bb7c285cb)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  พบสิ่งใหม่ในความซ้ำ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ที่จริงแม้แต่ความเบื่อ มองให้ดีมันมีประโยชน์ จะว่าไปแล้ว เราโชคดีที่เจอความเบื่อ เพราะความเบื่อเป็นตัวบ่งชี้ว่าชีวิตเราตอนนี้ราบรื่นเป็นปกติ ไม่มีอะไรย่ำแย่เลวร้ายเกิดขึ้น แต่เมื่อใดที่ชีวิตของเราเกิดไม่ปกติขึ้นมา ความเบื่อจะหายไป มีอารมณ์อย่างอื่นมาแทนที่ ซึ่งแย่กว่าความเบื่อเสียอีก เช่น ถ้ามีคนมาด่าเรา เราจะยังรู้สึกเบื่อไหม ไม่เบื่อแล้ว เพราะมีความโกรธมาแทน ถ้าเงินหาย รถถูกขโมย ถามว่ายังจะเบื่ออยู่ไหม ไม่เบื่อแล้ว เพราะมีความเสียใจและเคืองแค้นมาแทน ถ้าเกิดแฟนทิ้ง ขอเลิก เราจะยังเบื่ออยู่ไหม ไม่เบื่อแล้ว เพราะมีความโศกเศร้าและกลุ้มใจมาแทน ถ้าหากงานมีปัญหา เราจะไม่รู้สึกเบื่อ แต่จะรู้สึกหนักใจ เครียดจัด ถ้าเกิดคนรักตาย ก็ไม่รู้สึกเบื่อเช่นกัน เพราะความเศร้าเสียใจ อาลัยอาวรณ์ มาแทน

ลองถามตัวเอง ระหว่างความโกรธ ความเศร้า ความเสียใจ ความอาลัยอาวรณ์ ความหนักอกหนักใจ กับความเบื่อ จะเลือกอะไร เราคงจะเลือกความเบื่อ ความเบื่อดีกว่าความโกรธ ดีกว่าความเศร้า ดีกว่าความเสียใจ ดีกว่าความหนักใจ ดีกว่าความกลุ้มใจ ใคร่ครวญให้ดี ความเบื่อแสดงว่าชีวิตเราปกติ ราบรื่น ถ้าชีวิตเราไม่ปกติ เราจะไม่เบื่อ มันจะมีความรู้สึกอื่นมาแทนที่ อย่างที่ยกตัวอย่างไป เราชอบไหม ระหว่างชีวิตปกติกับชีวิตที่ไม่ปกติ มีเหตุร้ายเกิดขึ้น จะเลือกอะไร ระหว่างชีวิตปกติกับชีวิตที่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ทำให้ชีวิตไม่เหมือนเดิม เช่น สูญเสียคนรัก เงินหาย ถูกต่อว่าด่าทอ ถูกแฟนทิ้ง งานมีปัญหา ถูกไล่ออกจากงาน ดังนั้นเราควรตระหนักว่าเราโชคดีที่รู้สึกเบื่อ มันแสดงว่าชีวิตเราปกติ ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น จึงควรขอบคุณความเบื่อและอยู่กับความเบื่อให้ได้ ต่อไปถ้าเราฝึกใจให้คุ้นชินกับสิ่งซ้ำๆ ได้ก็จะไม่รู้สึกเบื่อ

พระไพศาล วิสาโล



(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/MOH2UAqOOMM0.jpg) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888180&s=MOH2UAqOOMM0)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ทำอย่างไรจะหายเหงา” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 22, 2020, 05:39:59 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ik/200421104228.jpg) (http://picture.in.th/id/744655d51f99bfc2b839a0414df50006)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   “ทำอย่างไรจะหายเหงา”  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


พระไพศาล วิสาโล


Cr :ถอดเสียงเป็นข้อเขียน Nonglak Trongselsat


มีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น กับคนทั้งประเทศหรือทั้งโลกด้วย นอกจากความเบื่อ ก็มีความเหงาที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก แต่ก็ยังดีกว่าทุกข์ทรมานเพราะโรคระบาด ความเหงาเป็นทุกข์ทางใจ ความเหงายืดเยื้อเรื้อรังก็มีผลเสียต่อสุขภาพพอๆกับการสูบบุหรี่แบบปานกลาง (ถ้าสูบบุหรี่หนักๆเป็นอันตรายหนักอยู่แล้วเพราะทำลายสุขภาพ) เขาพบว่าความเหงานั้นไม่เพียงแต่ทำให้ทุกข์ใจอย่างเดียว แต่ว่าทำให้เกิดความผิดปกติในร่างกายด้วย ที่สำคัญคือมีผลต่อภูมิคุ้มกันในร่างกาย ถ้าความเหงาเกิดขึ้นนานๆ รวมทั้งความโกรธ ความเครียด ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้เป็นโรคหรือติดเชื้อได้ง่าย และในเวลาเดียวกันทำให้การทำงานของภูมิคุ้มกันทำงานผิดพลาดด้วย ทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย อักเสบก็เกิดผลเสีย การที่มีโรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตัน เลือดไม่ไปเลี้ยงหัวใจ การอักเสบก็มีผลด้วย และคนเราถ้าเหงามากๆเกิดการอักเสบภายในก็ทำให้ป่วยได้ง่าย

มีการศึกษาต่อไปว่า ในเมื่อความเหงามีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ จะมีอะไรที่จะช่วยได้ไหม มีการทดลองว่าให้คนที่รู้สึกเหงา ลองไปทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยผู้อื่น แสดงน้ำใจไมตรี กับคนที่อยู่ใกล้ๆ คนที่รู้จัก เช่น พาคนแก่ไปซื้อของ พาคนแก่ข้ามถนน หรือช่วยเพื่อนบ้านซ่อมคอมพิวเตอร์ ซ่อมเครื่องสูบน้ำ ก็พบว่า พอเอาเลือดของคนที่ไปช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ไม่ต้องมากแค่อาทิตย์ละครั้ง เอาไปตรวจปรากฏว่าภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้น อาการอักเสบที่เกิดจากภูมิคุ้มกันบางตัวที่ทำงานผิดพลาดน้อยลง แล้วเขาก็พบว่าเพียงแค่ไปช่วยคน แสดงความมีน้ำใจอารีอารอบ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยลดผลเสียของความเหงาได้ ได้ผลต่อสุขภาพแล้ว

ในแง่ของผลต่อจิตใจ มีการขอไปสอบถามคนที่หลังจากที่ได้ไปช่วยเพื่อนบ้านมีน้ำใจอารีอารอบว่าเป็นอย่างไร เขาตอบว่าเขารู้สึกว่ามีความสุข ความเหงาน้อยลง อันนี้เป็นงานวิจัยที่เพิ่งออกมาเร็วๆนี้ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ตอนนี้ คนที่รู้สึกเหงาทั้งๆที่สามารถที่จะใช้โทรศัพท์มือถือพูดคุยกับคนนั้นคนนี้ได้ทั้งวัน สามารถที่จะดูหนังฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถือก็ยังเหงา แต่ว่าถ้าหากว่าไม่จมอยู่กับความเหงา แทนที่จะปล่อยตัวอยู่ว่างๆ ไม่ทำอะไร ให้ลองหาอะไรทำ แค่ทำสิ่งที่เห็นผลชัดเจนก็ช่วยทำให้จิตใจดีมีความสุขได้ แต่ถ้าสิ่งที่ทำไม่ใช่แค่ทำเพื่อตัวเองแต่เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นด้วย ทำเพื่อตัวเองเช่น กวาดบ้าน จัดของ จัดหนังสือ วาดรูป ถักโครเชต์ รดน้ำต้นไม้เป็นกิจกรรมเพื่อตัวเอง แค่ได้ทำก็ช่วยทำให้หายเหงาได้เยอะ และเป็นความสุขที่ทำให้เห็นผลงานจับต้องได้ แต่ถ้าทำได้ดีกว่านั้นเป็นการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เป็นการกระทำที่ออกมาจากน้ำใจซึ่งในยามนี้เก็บตัวอยู่ในบ้าน ก็ยังทำอะไรได้เยอะ คนที่เขากำลังเดือดร้อนเพราะว่าไม่มีอาหารกิน ไม่มีงานทำ เราก็เอาของไปแจก ฝากเงินไปให้ร้านค้าทำของแจกคนที่เดือดร้อน อันนี้มันช่วยทำให้จิตใจดีขึ้น ความเหงาก็จะบรรเทา สุขภาพก็จะดีขึ้น ตอนนี้เราก็เห็นคนจำนวนมากขวนขวายช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกัน หลายคนก็ไม่รู้สึกเหงาแต่เขาอยากจะช่วย

มีชาวบ้านคนหนึ่งปลูกผัก ผักที่ปลูกมีมากทีเดียว ช่วงนี้บังเอิญขายไม่ค่อยได้ ก็เอาผักนี้มาวางแจกหน้าบ้านเลย บ้านอยู่ริมถนนๆจังหวัดอุบลราชธานี ติดป้ายไว้เลยว่าฟรี คนก็มาหยิบเอา มีทั้งคนขับรถสองแถว คนขับรถเมล์ ใครต่อใครผ่านมาก็หยิบ จอดแล้วก็หยิบ คนรับก็มีความสุขคนให้ก็มีความสุข หลายคนไม่ได้รับเปล่า วันต่อมาคนขับรถเอาของมาให้เป็นการตอบแทนน้ำใจ อันนี้เรียกว่าไม่มีความเหงาหลงเหลือมีแต่ความสุข ความปลื้มปิติ เพราะฉะนั้นในเวลาที่เหงา อย่าอยู่นิ่งเฉย ทำอะไรสักอย่าง มีหลายอย่าง โดยเฉพาะการแสดงความมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น เขาพบว่าการแสดงมีน้ำใจไม่ว่าจะเป็นการทำตัวต่อตัว หรือผ่านโทรศัพท์มือถือ ผ่านคอมพิวเตอร์ เช่น ส่งกำลังใจให้หมอ พยาบาลหรือว่าส่งเงินไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากผ่านโทรศัพท์มือถือ มีผลต่อจิตใจ มีผลต่อร่างกาย คือภูมิคุ้มกันดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น อยู่บ้าน ไม่ได้เจอผู้เจอคน ก็แสดงความมีน้ำใจได้เหมือนกัน วันละนิดวันละหน่อย ทำทุกวัน ไม่ใช่เป็นผลดีต่อร่างกายอย่างเดียว ยังมีผลดีต่อจิตใจด้วย




(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ผ่านทุกข์ พบสุข” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 22, 2020, 05:47:09 am
 (http://image.free.in.th/v/2013/ic/200421104935.jpg) (http://picture.in.th/id/5513e95b221a00e76b778ce1f89253c2)




(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   ผ่านทุกข์  พบสุข (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


ไม่ว่าอยู่แห่งหนตำบลใด ความผันผวนปรวนแปรของอากาศเป็นเรื่องธรรมดา บ่อยครั้งพายุมาฟ้าฝนกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ในที่สุดความสงบก็กลับคืนมา หลังฝนตก ฟ้าย่อมสดใสเสมอ ฉันใดก็ฉันนั้นบางครั้งความทุกข์ก็จู่โจมชีวิตของเราโดยไร้สัญญาณเตือน แต่ไม่ว่าหนักหนาเพียงใด ในที่สุดมันก็จะผ่านไป แล้วเราก็จะกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม

ไม่มีอะไรที่จีรังยังยืน ความทุกข์ก็เช่นกัน สักวันก็ต้องสิ้นสุด ขณะเดียวกันไม่มีอะไรที่ไร้ค่า ความทุกข์ที่เกิดกับเราย่อมมีประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เสมือนมีภูมิต้านทานความทุกข์ หลายคนพบว่าความทุกข์ได้ผลักให้ตนได้พบสิ่งดี ๆ ในชีวิต เช่น พบธรรม ซึ่งนำพาให้บรรลุถึงความสุขอันประเสริฐ ขณะที่จำนวนไม่น้อยพบว่า ความทุกข์นั้นแหละคือสัจธรรม ซึ่งเปิดใจให้ประจักษ์แจ้งในความจริงของชีวิต เกิดปัญญาที่ช่วยยกจิตให้เป็นอิสระจากความทุกข์ได้ในที่สุด

ทุกข์กับธรรมนั้นใกล้กันมาก ทุกข์ทำให้เราเห็นธรรม ส่วนธรรมย่อมนำให้เกิดสุข มองในแง่นี้ทุกข์กับสุขก็ไม่ได้อยู่ห่างกันราวคนละขั้ว ถ้าเกี่ยวข้องกับทุกข์ให้เป็น แทนที่จะจมทุกข์ หมกมุ่นในทุกข์ หรือเป็นทุกข์ หากเห็นมัน รู้จักมัน ใช้มันให้เป็น สุขก็เกิดขึ้นได้ จะเรียกว่าทุกข์มาเพื่อให้เราพบสุขก็ได้

พระไพศาล วิสาโล




(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “จิตไกลทุกข์ สุขใกล้ตัว” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 22, 2020, 05:54:17 am
(https://www.mx7.com/i/264/KVvVLx.jpg) (https://www.mx7.com/view2/C5jankXgNRYrUrmN)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   จิตไกลทุกข์ สุขใกล้ตัว   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

เมื่อพูดถึงใจ สุขหรือทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่อยู่ที่ว่าเรามีปฏิกิริยาอย่างไรต่อสิ่งนั้น เริ่มตั้งแต่มองมันอย่างไร รู้สึกกับมันอย่างไร ไปจนถึงทำอย่างไรกับมัน แม้ถูกต่อว่าด่าทอ แต่หากมองว่ามันเป็นสิ่งสอนใจให้อดทน ฝึกสติ ช่วยลดอัตตา หรือเห็นว่าเป็นธรรมดาโลก เมื่อได้ยินแล้วก็ไม่ใส่ใจ เพราะไม่ใช่ความจริง ปล่อยวางมันเสีย ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นได้ยาก เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ยอมรับมันได้ ไม่ปฏิเสธผลักไสหรือตีโพยตีพาย มองว่ามันเป็นธรรมดาของสังขาร ช่วยเตือนใจไม่ให้ประมาทกับชีวิต ท่าทีเช่นนี้ย่อมช่วยให้ใจไม่เป็นทุกข์ แม้กายจะทุกข์ก็ตาม

ในทำนองเดียวกันหากวางใจถูก มองเป็น ก็เห็นความสุขได้ไม่ยาก เพียงแค่กินอิ่ม นอนอุ่น สุขภาพดี มีคนรักอยู่พร้อมหน้า รู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัว เท่านี้ก็เป็นสุขได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีโชคลาภ ได้รถคันใหม่ บ้านหลังใหญ่ หรือยศศักดิ์อัครฐาน

หากดูแลจิตให้ดี มีธรรมรักษาใจ เช่น สติ สมาธิ เมตตา และปัญญา ความทุกข์ก็รบกวนรังควานจิตใจได้ยาก แม้เกิดขึ้นแล้วก็สามารถไถ่ถอนมันออกจากใจได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็จะพบว่าความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องแสวงหา เพราะมีอยู่กับตัวเราและรอบตัวเราแล้วทุกขณะ แม้กระทั่งในยามประสบเหตุร้าย ก็ยังรักษาใจให้เป็นสุขได้ สมกับพุทธภาษิตว่า “ผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ”

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 22, 2020, 06:51:27 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ia/200422115357.png) (http://picture.in.th/id/8f01179ce48c2c45b9734fa43f78df6c)


สิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจของผู้คนมากก็คือความรู้สึกไม่พอใจในตัวตนของตน อาตมาได้กล่าวไปแล้วว่า คนเราทุกวันนี้ไม่ได้เสพเพราะต้องการความเอร็ดอร่อย สนุกสนาน หรือสะดวกสบายเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นโดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ก็คือการเสพตัวตน เสพภาพลักษณ์ เช่น กาแฟชื่อดังอย่างสตาร์บัค ผู้คนไม่ได้เสพเพราะกาแฟอร่อยเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องการเสพภาพลักษณ์...

คล้ายๆ กับคนสมัยก่อนที่อยากมีพลกำลังหรืออำนาจ จึงหาอุ้งตีนหมีหรืออวัยวะบางส่วนของเสือมากินเพราะคิดว่าพลกำลังของหมีหรือของเสือจะซึมซับมาสู่ตัวเขา ในทำนองเดียวกัน คนสมัยนี้ก็คิดว่าถ้าใส่รองเท้าชนิดเดียวกับที่ไมเคิล จอร์แดนหรือ ไทเกอร์ วูดส์ใส่ ความเก่งของคนทั้งสอง ก็จะซึมซับมาสู่ตัวเขา กลายเป็นตัวตนของเขาไป

คนสมัยนี้คิดว่าเพียงแค่ได้ซื้อหรือมีสินค้าแบรนด์เนม เขาก็จะมีตัวตนใหม่ขึ้นมา

จริงอยู่ความคิดกับความจริงนั้น เป็นคนละเรื่อง แต่คนสมัยนี้เชื่อว่าความจริงอยู่ที่ความคิด เราคิดอย่างไรความจริงก็เป็นอย่างนั้น เราสังเกตไหม รถหลายคันที่แล่นบนท้องถนน มีข้อความเขียนว่า “รถคันนี้สีแดง” ทั้ง ๆ ที่เป็นสีขาว หรือ “รถคันนี้สีขาว” ทั้ง ๆ ที่เป็นสีดำ มันแปลว่าอะไร มันแปลว่า ถ้าเธอคิดว่ารถคันนี้สีแดง มันก็สีแดง ถ้าคิดว่ารถคันนี้สีขาว มันก็สีขาว...

ด้วยเหตุนี้คนที่ไม่พอใจในตัวตน จึงพากันหาซื้อสินค้าแบรนด์เนม จะได้มีตัวตนใหม่ที่น่าภาคภูมิใจ นั่นหมายความว่าเราสามารถเป็นคนใหม่ได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องขยัน ไม่ต้องฝึกฝนตน เพียงแค่เราซื้อสินค้าแบรนด์เนมให้ถูก เราก็จะเป็นคนใหม่ได้ เช่น ซื้อสินค้าที่มีภาพลักษณ์ของคนเก่งคนดังติดมาด้วย เราก็จะเป็นคนเก่งเหมือนเขา นี้คือวิธีสร้างตัวตนใหม่ของคนในยุคนี้ ซึ่งทำได้ง่าย ไม่ต้องเหนื่อย และไม่เสียเวลามาก ทำได้ทันที

ความปรารถนาที่จะมีตัวตนใหม่คือเหตุผลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการบริโภคของคนยุคนี้ ไม่ใช่ความสะดวกสบายหรือความสุขทางกาย แต่เป็นการบริโภคเพื่อความสุขทางใจ หรือเพื่อการพัฒนาตนด้วยซ้ำ ดังมีบางคนกล่าวว่า “การบริโภคเป็นวิถีทางบรรลุถึงการพัฒนาตน การประจักษ์แจ้งแห่งตน และการยังตนให้ไพบูลย์”

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: สติรักษาใจ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 21, 2020, 07:03:24 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/200521120535.jpg) (http://picture.in.th/id/fb3fd33ceebffc3393088e1f04924fc4)

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   สติรักษาใจ   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


“สติที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันของเรานั้น ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน คนธรรมดามักคิดว่าฉันมีสติอยู่แล้ว ทำไมต้องฝึกสติอีก สติที่มีนั้นพอเพียงสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวันที่ไม่มีเหตุร้าย ไม่มีเรื่องมากระทบมาก ถ้าชีวิตราบรื่นความสัมพันธ์กลมเกลียว ไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น สติเท่าที่มีอยู่ของคนทั่วไปก็เพียงพอในการดำเนินชีวิตให้เป็นสุขตามอัตภาพ แต่ชีวิตคนเราใช่ว่าจะราบรื่นเหมือนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ บางช่วงก็ขรุขระ มีเหตุร้ายเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แต่ถ้าเราฝึกสติอยู่เสมอ

เจอเหตุการณ์ย่ำแย่เกิดขึ้น เช่น เจ็บป่วยด้วยโรคร้าย อาจเสียศูนย์อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็จะตั้งสติได้ และแทนที่จะปล่อยใจให้จมอยู่กับความทุกข์ ความเศร้าโศก ก็จะดึงจิตออกมาจากอารมณ์เหล่านั้น และพิจารณาว่าเราจะรักษาร่างกายอย่างไรดี ป่วยกายแต่ใจไม่ป่วยก็ได้ เสียทรัพย์แต่ใจไม่เสียก็ได้ แม้มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่ใจไม่ทุกข์ก็ได้ เป็นเพราะมีสติรักษาใจนั่นเอง”


พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “พบเพื่อจาก สัจธรรมแห่งชีวิต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 21, 2020, 07:04:16 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/200521121539.jpg) (http://picture.in.th/id/925d914acc73d82b26f4452bbb69fc86)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  พบเพื่อจาก สัจธรรมแห่งชีวิต  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ทุกอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ไม่เพียงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรมและประเพณีเท่านั้นที่ต้องแปรเปลี่ยนไป ชีวิตของผู้คนก็เช่นกัน หนังสือเล่มนี้แม้เต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้คนซึ่งมีวิถีชีวิตและนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน แต่แก่นแกนที่เชื่อมร้อยคนเหล่านี้เข้าด้วยกันก็คือ ความจริงที่เรียกว่าอนิจจัง ทุกคนผ่านเข้ามาในชีวิตเราเพียงชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายก็ต้องจากเราไป และสักวันหนึ่งก็ต้องถึงคราวที่เราจะเป็นฝ่ายจากไป

เราพบกันวันนี้ก็เพื่อพรากจากกันในวันหน้า ดังนั้นในขณะที่ยังมีโอกาส เราจึงควรทำดีต่อกัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน สิ่งใดที่ควรทำ ไม่ควรผัดผ่อนหรือรั้งรอ แต่ให้รีบทำเสียแต่วันนี้ เพราะหากผัดผ่อนไปวันหน้า แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนั้นจะมาถึง ภาษิตธิเบตกล่าวว่า “พรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาก่อน” ใช่หรือไม่ว่า พ้นจากวันนี้ไปก็อาจเป็นชาติหน้าเลยก็ได้

นอกจากการทำความดีต่อกันเสียแต่วันนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจในวันหน้าเมื่อคนรักจากไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมก็คือการเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมือกับความตายที่จะเกิดขึ้นกับเราเอง ในเมื่อเราทุกคนต้องตาย ก็ควรคิดถึงการตายดีด้วย อย่านึกถึงการอยู่ดีเท่านั้น เราจะตายดีได้ก็เพราะหมั่นทำความดี สร้างบุญกุศล จนมั่นใจในคุณค่าของชีวิตที่ผ่านมา อีกทั้งฝึกจิตอยู่เสมอ พร้อมจะปล่อยวางทุกอย่างเมื่อวาระสุดท้ายมาถึง ไม่มีสิ่งใดค้างคาใจ ไม่ว่าคนรัก ทรัพย์สมบัติ ความโกรธ หรือความรู้สึกผิด


พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “แค่เปลี่ยนมุมมองชีวิต ชีวิตพบแต่สิ่งดีๆ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 21, 2020, 07:07:08 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/200521120844.jpg) (http://picture.in.th/id/d6a1a6f0c19c8f1201ccbb1164a4a6e8)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  แค่เปลี่ยนมุมมองชีวิต ชีวิตพบแต่สิ่งดีๆ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

เราคิดอย่างไร ก็มักจะเห็นอย่างนั้น ถ้าเราชอบนึกคิดในทางลบ ก็มักจะเห็นแต่สิ่งที่ไม่น่าพิสมัย ถ้าเป็นคนรังเกียจเสียงดัง ก็มักจะได้ยินเสียงดังรำคาญใจอยู่เสมอ ถ้าเป็นคนกลัวความมืด แม้แต่รากไม้ก็มองเห็นเป็นงูได้ ในทางตรงข้าม ถ้าเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ก็มักแลเห็นสิ่งดีๆ อยู่เป็นนิตย์ เวลาเรามีความสุข เห็นอะไรก็ดูน่าชื่นใจไปหมด ยิ่งเราเป็นคนที่ไวต่อความสุขด้วยแล้ว ย่อมเห็นความสุขได้ไม่ยาก แม้จะอยู่ท่ามกลางความยากลำบากก็ตาม ใช่หรือไม่ว่า เมื่อเห็นความสุขแสดงตัวทุกขณะ ใจก็เป็นสุขได้ง่าย

คนเราสามารถมีความสุขได้ โดยไม่ต้องรอให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามใจปรารถนาเสียก่อน หากอยู่ที่การรู้จักทำใจให้สงบเย็น ปล่อยวางจากความยึดอยาก และมองเห็นแง่งามของชีวิต ผู้คนเป็นอันมากมีความสุขได้ ไม่ใช่เป็นเพราะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับเขาอยู่เสมอ หากเป็นเพราะเรารู้จักวางใจต่อสิ่งต่างๆ ที่มากระทบ แม้จะประสบกับความเจ็บป่วย พลัดพรากสูญเสีย แต่ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้ หลายคนถึงกับบอกว่า "โชคดีที่เป็นมะเร็ง" ขณะที่อีกหลายคนบอกว่าโรคหัวใจ หรือการถูกไล่ออกจากงาน เป็นสิ่งดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเขา ทั้งนี้ก็เพราะเขารู้จักมองเห็นโชคจากเคราะห์นั่นเอง

เราไม่สามารถควบคุมสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลา แต่เราสามารถปรับใจจนมองเห็นสิ่งดีๆ ในทุกสิ่งได้ ดังนั้นอุปสรรคจึงมิใช่สิ่งน่ากลัว ปัญหามีใช่เรื่องน่าตื่นตระหนก

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “ท้อแค่ไหน ต้องไม่อ่อนแอ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 21, 2020, 07:09:18 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/200521121136.jpg) (http://picture.in.th/id/a9fccb325416ef2a0b09730ef96243d9)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ท้อแค่ไหน ต้องไม่อ่อนแอ (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)

ความทุกข์มิได้เกิดขึ้นเพื่อบั่นทอนชีวิตจิตใจของเราอย่างเดียว หากยังช่วยให้เราเข้มแข็งมั่นคงและเจริญงอกงามได้ด้วย จะว่าไปแล้วความทุกข์เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดการพัฒนาของมนุษย์ในทุก ๆ ด้าน หากไม่มีความทุกข์ ก็ไม่มีพระพุทธเจ้า หากไม่มีภัยคุกคามจากธรรมชาติ ก็ไม่มีเทคโนโลยี กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าไม่มีความทุกข์ ปัญญาก็ไม่เกิด

แต่ความทุกข์จะเป็นพลังในทางบวกได้ ต่อเมื่อเราไม่ยอมปล่อยให้ความทุกข์มากระทำย่ำยีอย่างเดียว แต่เข้าไปจัดการความทุกข์นั้นอย่างถูกต้อง ดังมีผู้กล่าวว่า “ทุกข์มิได้มีไว้กลุ้ม แต่มีไว้แก้” การเข้าไปจัดการกับความทุกข์นั้นต้องเริ่มต้นจากการตั้งสติและใช้ปัญญาพิจารณาหาสาเหตุและทางแก้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง “ทุกข์มิได้มีไว้ให้คร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญ”

เราปล่อยให้ความทุกข์ย่ำยีชีวิตจิตใจมานานแล้ว ถึงเวลาที่เราควรจะหันมาใช้ความทุกข์ให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์บ้าง

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “ชีวิตเปลี่ยนได้ ถ้าใจไม่ยอมแพ้” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 21, 2020, 07:11:39 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iw/200521123633.jpg) (http://picture.in.th/id/e6aedb26aec5c6b77f465ab102799d86)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ชีวิตเปลี่ยนได้ ถ้าใจไม่ยอมแพ้  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)



แม้ว่าเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะต้องมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตของเราตลอดเวลา แต่เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างไร รวมทั้งเลือกได้ว่าจะยอมให้มันมีอิทธิพลต่อเราได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อมีเหตุร้ายหรือสิ่งไม่สมหวังเกิดขึ้นกับเรา เราเลือกที่จะผ่อนร้ายให้กลายเป็นเบาได้ รวมทั้งเลือกที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเราได้ และถึงแม้แทบจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยเราก็ยังเลือกที่จะทำใจไม่ให้ทุกข์ได้

“ทางเลือก” เหล่านั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของเราอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความพากเพียรพยายามของเราเป็นสำคัญ กล่าวคือ มุ่งมั่นที่จะไม่ยอมจำนนต่อสถานการณ์อันเลวร้าย ไม่ปล่อยให้มันกระหน่ำโบยตีจิตใจของเราจนบอบช้ำและสิ้นหวัง แม้จะล้มก็ยังพยายามลุกและหยัดตัวยืนตรงอีกครั้ง แม้จะทดท้อแต่ก็ปลุกใจขึ้นมาใหม่ได้ ใจที่ไม่ยอมแพ้ให้มันกระทำกับเราฝ่ายเดียว แต่พร้อมที่จะเข้าไปแปรเปลี่ยนมัน หรือนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยใจอย่างนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงดีขึ้นและนำเราเข้าถึงความสุข แม้จะอยู่ท่ามกลาง “นรก” หรือถูกบีบคั้นด้วยความเจ็บ ความป่วยหรือความตายก็ตาม

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ความสุขนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ขอเพียงใจไม่ยอมแพ้ต่อความทุกข์ เมื่อหยุดคร่ำครวญ แล้วหันมาใคร่ครวญสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งนอกตัวและในใจเรา หนทางสู่อิสรภาพจากความทุกข์ย่อมปรากฏแก่เราในที่สุด ในยามนั้นเหตุร้ายอาจยังไม่แปรเปลี่ยนก็จริง แต่ในใจนั้นสามารถสงบเย็นและเป็นสุขได้

ในยามที่ผู้คนพากันแสวงหา “ชัยชนะนอกตัว” อาทิ ความสำเร็จ ชื่อเสียง เกียรติยศ ความมั่งมี ผู้มีปัญญากลับเห็นคุณค่าของ “ชัยชนะภายใน” อันได้แก่ใจที่ไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนปรวนแปรในชีวิต ไม่หวั่นไหวต่อเสียงนินทาและความต่ำต้อย ไม่หวั่นไหวต่อความยากไร้และความพลัดพรากสูญเสีย นี้คือชัยชนะเหนือความทุกข์ แม้จะพ่ายแพ้ในสายตาของชาวโลกก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่บรรลุชัยชนะเช่นนี้ ความสุขก็มีอยู่กับเราทุกขณะ แม้จะดูต่ำต้อยยากไร้ก็ตาม ด้วยเหตุนี้ชีวิตจึงเปลี่ยนจากทุกข์เป็นสุขได้เสมอ หากใจไม่ยอมแพ้

พระไพศาล วิสาโล






(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ คืนสู่ต้นธารแห่งความสุข ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 21, 2020, 07:14:52 am
(http://image.free.in.th/v/2013/if/200521121730.jpg) (http://picture.in.th/id/90ac35e999df1978d3c9151f74828c61)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  คืนสู่ต้นธารแห่งความสุข  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


ไม่มีอะไรที่จะทำให้เราทุกข์ได้มากกว่าจิตที่ตั้งไว้ผิด จิตที่ตั้งไว้ผิด คือเอาแต่ปรุงแต่ง ไม่สามารถจะที่อยู่กับปัจจุบันได้ ไม่มีที่พักพิง ไม่มีบ้านพักใจ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเราไม่รู้เรื่องจิตใจของเราเอง แต่ถ้าเรามีปัญญาเข้าใจเรื่องของจิตใจ ความเข้าใจนี่แหละที่จะเป็นต้นธารแห่งความสุข

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  ต้นน้ำในป่านั้นเลี้ยงชีวิต เลี้ยงสรรพสัตว์ฉันใด
จิตที่เข้าถึงธรรมชาติภายในก็เป็นต้นธารแห่งความสุขที่หล่อเลี้ยงชีวิตฉัันนั้น (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


ปัญญาอันได้แก่ ความประจักษ์แจ้งในธรรมชาติของจิต จะกลายเป็นต้นธารที่หล่อเลี้ยงชีวิตจิตใจของเราให้มีความแช่มชื่นแจ่มใส คนเรานั้นต้องมีความสุขหล่อเลี้ยงชีวิต ต้นธารแห่งความสุขนั้นอยู่ไหน ก็อยู่ในใจเรานี่แหละ ถ้าเราเข้าใจจิตใจของเราดีพอ เราก็จะมีต้นธารแห่งความสุขที่หล่อเลี้ยชีีวิตเราไม่ให้ทุกข์ ไม่ให้หม่นหมอง ทำให้เรามีความสดชื่นแจ่มใสตลอดเวลา


พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “เติมน้ำใจให้ชีวิตสงบเย็นและเป็นสุข” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 21, 2020, 07:17:38 am
(http://image.free.in.th/v/2013/it/200521122023.jpg) (http://picture.in.th/id/6c0afdcfc43914277e272453271ded29)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เติมน้ำใจให้ชีวิตสงบเย็นและเป็นสุข (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


น้ำใจเมื่อเกิดขึ้นกับใคร ไม่เพียงนำความชุ่มเย็นสู่บุคคลผู้นั้น หากยังช่วยประสานใจผู้คนให้อยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น ในทางตรงกันข้าม จิตใจที่แห้งผาก ย่อมสร้างความเร่าร้อนแก่เจ้าตัว อีกทั้งยังเป็นบ่อเกิดแห่งความร้าวฉานและวิวาทบาดหมางระหว่างผู้คน

จิตใจของเราทุกคนย่อมโหยหาความสงบเย็น เช่นเดียวกับร่างกายที่ขาดน้ำไม่ได้ ความสุขชนิดใดก็สู้ความสงบเย็นในจิตใจไม่ได้ แม้นมีเงินมากมาย พรั่งพร้อมด้วยสิ่งเสพ ยศศักดิ์อัครฐานสูงส่ง แต่หากปราศจากซึ่งความสงบจิตเย็นใจแล้ว ชีวิตก็เสมือนว่างเปล่าและไร้ค่า ครั้นจะตามล่าหาความสงบเย็นจนสุดขอบฟ้าก็ไม่มีวันหาพบ เพราะแท้จริงแล้วความสงบเย็นอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ที่ผู้คนมักจะมองข้ามไป

ต้นไม้ไพรพฤกษ์ที่หยั่งรากลึกย่อมสัมผัสความชุ่มเย็นของน้ำใต้ดินฉันใด จิตใจที่หยั่งลึกเท่านั้นจึงจะพบความสงบเย็นที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตให้สดใส เพิ่มพูนน้ำใจให้เกิดเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น ขณะเดียวกันยิ่งช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์มากเท่าใด ความเห็นแก่ตัวและความแข็งกระด้างก็ยิ่งน้อยลงมากเท่านั้น เหมือนชั้นหินใต้ดินที่อ่อนตัว ช่วยให้จิตใจหยั่งลึกขึ้นจนถึงความสุขชั้นในที่ประเสริฐ เป็นสุขที่บำรุงใจให้ใสเย็นอยู่เสมอและเกิดพลังที่จะทำความดีไม่หยุดหย่อน


พระไพศาล วิสาโล






(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “คืนความสุขให้ชีวิต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 21, 2020, 07:21:22 am
(http://image.free.in.th/v/2013/il/200521122626.jpg) (http://picture.in.th/id/d50c3d42cea55e5ba519ec31b30a5c1c)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  คืนความสุขให้ชีวิต (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

ทุกวันนี้เรามัวแต่เลือกสิ่งที่ไม่เป็นสาระ

เลือกสิ่งที่ไม่สำคัญกับชีวิตมามากพอแล้ว

ถึงเวลาที่เราจะหันมาเลือกสิ่งที่เป็นสาระสำคัญของชีวิต

อะไรจะสำคัญไปกว่าการเลือกว่าจะทุกข์หรือไม่ทุกข์

พระไพศาล วิสาโล





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: "จิตเบิกบาน งานสัมฤทธิ์" - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 27, 2020, 05:21:58 am
(http://image.free.in.th/v/2013/if/200526102321.jpg) (http://picture.in.th/id/1d2954e79677a9a3019650b21940aedf)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  จิตเบิกบาน งานสัมฤทธิ์  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



ใจของเรานั้นมีทั้งพลังบวกและพลังลบ พลังลบอันได้แก่ความโกรธ เกลียด เครียด ท้อ นั้นล้วนมีที่มาจากอัตตาหรือความเห็นแก่ตัว ส่วนพลังบวก คือความรัก ความเมตตา ความเสียสละ ล้วนมีมโนธรรมเป็นบ่อเกิด ทั้งอัตตาและมโนธรรมนั้นเป็นพลังที่ขับเคลื่อนชีวิตเรา และอยู่เบื้องหลังความทุกข์และความสุขของมนุษย์ทุกคน

การมองเห็นว่ามนุษย์มีแต่ความเห็นแก่ตัว ทำให้เรามองคนอื่นในแง่ลบ ขณะเดียวกันก็ทำให้เราละเลยที่จะดึงเอาพลังบวกมาหล่อเลี้ยงชีวิตจิตใจ กลับปล่อยให้พลังลบครองใจ จึงรู้สึกรุ่มร้อนหรือเป็นทุกข์อยู่เนือง ๆ ขณะเดียวกันความสัมพันธ์กับผู้อื่นก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งและร้าวฉาน เมื่อใดที่เราตระหนักว่ามนุษย์ทุกคนมีพลังบวกอยู่ด้วย ไม่เพียงวิถีแห่งความสุขภายในจะปรากฏแก่เราเท่านั้น เรายังเห็นถึงความสำคัญในการทำความดีหรือมีน้ำใจต่อผู้อื่น แม้แต่ผู้ที่ชอบเอาเปรียบเบียดเบียน เพราะความดีของเรานั้นสามารถกระตุ้นพลังบวกในใจเขาให้มีพลังจนสามารถชนะความเห็นแก่ตัวได้

พลังบวกมิได้หมายถึงคุณธรรมหรือความใฝ่ดีเท่านั้น หากยังรวมถึงความตื่นรู้ อิสระ โปร่งโล่ง ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า โพธิจิต เป็นภาวะที่ว่างจากความยึดติดถือมั่นในตัวตน ทำให้เกิดความสงบเย็นและเป็นสุขอย่างแท้จริง ภาวะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้และหล่อเลี้ยงใจเป็นครั้งคราว ซึ่งท่านพุทธทาสภิกขุเรียกว่า “นิพพานชิมลอง” การประสบสัมผัสกับภาวะดังกล่าวช่วยให้เรามีพลังในการทำความดีอย่างเบิกบาน อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ตลอดจนสามารถเผชิญกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิตหรือแรงบีบคั้นต่าง ๆ นานาได้อย่างไม่หวั่นไหว พูดง่าย ๆ คือ แม้ถูกกระทบ แต่ใจไม่กระเทือน

พระไพศาล วิสาโล





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ก้าวข้ามความจำเจ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 27, 2020, 05:25:56 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ic/200526103325.jpg) (http://picture.in.th/id/6700a82564d33b743330f7cc5e67a38a)


  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   ก้าวข้ามความจำเจ  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)

เมืองไทยกำลังก้าวสู่ยุค 5 G นั่นหมายความว่า ชีวิตเราจะมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น เพราะเทคโนโลยีจะมีสมรรถภาพ (หรือ “ฉลาด”)มากขึ้น การติดต่อสื่อสารทำได้รวดเร็วขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันชีวิตเราก็จะต้องเร่งรีบยิ่งกว่าเดิม และถูกรุมเร้าด้วยข้อมูลข่าวสารมากมาย แม้ทุกวันนี้เรายังอยู่ในยุค 4 G หลายคนก็พบว่าชีวิตมีเวลาว่างน้อยลง มีความเหนื่อยล้าและความเครียดมากขึ้น เพราะวิ่งตามโลกไม่หยุด และคิดไม่เลิก จนไม่ได้พักทั้งกายและใจ

เทคโนโลยีแม้ช่วยให้ชีวิตเรามีความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งช่วยทุ่นเวลาและทุ่นแรงของเราได้มาก แต่บ่อยครั้งเรากลับเสียเวลาและพลังงานมากมายไปกับมัน จนมีเวลาว่างน้อยลงและเหนื่อยล้ามากขึ้น แทนที่มันจะช่วยให้เราเป็นอิสระมากขึ้น เรากลับพึ่งพิงมัน จนขาดมันไม่ได้ ผลก็คือแทนที่เราจะเป็นนายมัน มันกลับเป็นนายเรา เราต้องทุ่มเทสิ่งสำคัญต่าง ๆ ในชีวิตเพื่อมัน รวมทั้งละทิ้งสิ่งมีค่าหลายอย่างในชีวิตเพื่อมัน

โทรศัพท์มือถือเป็นตัวอย่างของเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตของเรา จนกล่าวกันว่ามันได้กลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของคนยุคนี้ไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังต่างจากอวัยวะของเรา เพราะแม้ขาดมัน เราก็ยังอยู่ได้เป็นปกติ อันที่จริง ถ้าอยากให้ชีวิตและจิตใจของเราเป็นปกติสุข เราควรห่างมันหรือวางมันลงบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยให้เรามีเวลาว่างมากขึ้น หรือมีเวลาให้กับคนสำคัญในชีวิต เช่น พ่อแม่ ลูกหลาน คนรัก รวมทั้งมีเวลาให้กับสิ่งสำคัญในชีวิต เช่น การฝึกจิต เติมความสงบให้แก่ใจ

แม้ว่าการอยู่ห่างจากโทรศัพท์ รวมทั้งเทคโนโลยีชนิดอื่น ๆ อาจทำให้ชีวิตมีรสชาติหรือความสนุกสนานตื่นเต้นน้อยลง ยิ่งเอาเวลาที่เคยให้กับโทรศัพท์มาใช้ในการฝึกจิต ทำสมาธิภาวนาด้วยแล้ว ชีวิตก็ยิ่งจืดชืด เพราะต้องทำสิ่งที่ซ้ำ ๆ ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า วันแล้ววันเล่า สำหรับหลายคน มันคือความทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง เพราะเคยชินกับชีวิตที่ถูกปลุกเร้าด้วยสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามในความซ้ำดังกล่าว มีคุณค่าหลายอย่างที่เรานึกไม่ถึง จะว่าไปแล้ว ในความซ้ำเหล่านั้น มีสิ่งใหม่อยู่เสมอ ไม่ใช่ความซ้ำซากจำเจ หากวางใจให้ถูก อยู่กับปัจจุบันขณะ ทำด้วยความรู้สึกตัว เราก็จะพบคุณภาพใหม่ที่เกิดขึ้นกับจิตใจ ชนิดที่เทคโนโลยีใด ๆ ก็ไม่สามารถให้แก่เราได้

พระไพศาล วิสาโล





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 27, 2020, 05:31:07 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/200526105405.jpg) (http://picture.in.th/id/47bd747cc1acd2b7cb43a299306223c2)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ความทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น แต่เมื่อความแก่ ความเจ็บ ความพลัดพราก ความล้มเหลวบังเกิดขึ้น ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเศร้าโศก เสียใจ อาลัยอาวรณ์ ขุ่นเคือง ท้อแท้ หรือจมอยู่กับความตกต่ำย่ำแย่เสมอไป เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเป็นอุปกรณ์สอนธรรม ฝึกใจเราให้เข้มแข็ง เตือนให้ไม่ประมาทกับชีวิต อีกทั้งยังเปิดใจให้เห็นสัจธรรมได้ด้วย

ความทุกข์ไม่เพียงผลักดันให้เราเข้าหาธรรม หากยังแสดงธรรมให้เราเห็น เพราะทุกข์ก็คือธรรมนั้นเอง สัจธรรมที่ช่วยให้พ้นทุกข์นั้นล้วนอยู่ในสิ่งที่เราเรียกว่าทุกข์ แต่เป็นเพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเจอทุกข์แล้วมักปล่อยใจให้เป็นทุกข์ จึงถูกทุกข์กระทำย่ำยี อันที่จริง ทุกข์นั้นหากเราดูมันด้วยสติ พิจารณาด้วยปัญญา ก็สามารถเห็นธรรมที่ช่วยให้จิตเป็นอิสระจากทุกข์ได้ เพราะกุญแจที่ไขไปสู่ความพ้นทุกข์ก็อยู่ในทุกข์นั้นเอง ทุกข์จึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความพ้นทุกข์

ปราศจากโคลนตม ดอกบัวอันงดงามย่อมมิอาจเกิดขึ้นได้ฉันใด ปราศจากความทุกข์ ปัญญาหรือความรู้แจ้งก็มิอาจเกิดขึ้นได้ฉันนั้น ดังนั้นเมื่อประสบทุกข์จึงไม่ควรตีโพยตีพาย หรือปล่อยใจให้จมอยู่ในความทุกข์ แทนที่จะเป็นผู้ทุกข์ พึงถอยออกมาเห็นทุกข์ ทุกข์จะกลายเป็นธรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

พระไพศาล วิสาโล






(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ความสุขอยู่ที่ใจ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 27, 2020, 05:36:11 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/200526105405.jpg) (http://picture.in.th/id/47bd747cc1acd2b7cb43a299306223c2)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)     ความสุขอยู่ที่ใจ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ธรรมนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง มิได้จำกัดอยู่แต่ในวัด คัมภีร์ หรือคำเทศนาเท่านั้น แต่มีสถานที่บางแห่งที่เอื้อให้เราเห็นธรรมได้ง่ายขึ้น เช่น ป่าเขาลำเนาไพร ทั้งนี้เพราะความสงบสงัดช่วยน้อมใจเราให้สงบ สามารถเห็นกายและใจตามความเป็นจริงได้ชัดขึ้น ขณะเดียวกันวัฏจักรของธรรมชาติรอบตัว ก็แสดงสัจธรรมให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ทำใจให้ว่าง อยู่กับปัจจุบัน ธรรมก็ปรากฏให้เห็นผ่านต้นไม้ สายน้ำ ขุนเขา และสิงสาราสัตว์

เมื่อพาตัวมาอยู่ท่ามกลางป่าเขา เราย่อมมิอาจพึ่งพาความสุขและความสะดวกสบายซึ่งมีอยู่อย่างครบครันจากชีวิตในเมืองได้อีกต่อไป นั่นคือโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และเข้าถึงความสุขจากชีวิตที่เรียบง่าย รวมทั้งความสุขจากใจของเรา ความสุขนั้นมีอยู่แล้วกลางใจเรา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนัก เพราะมัวเพลิดเพลินกับความสุขจากวัตถุสิ่งเสพภายนอก วิถีชีวิตที่ดึงจิตออกนอกตัวตลอดเวลา จนรู้สึกแปลกแยกกับตัวเอง ยิ่งทำให้ผู้คนตัดขาดจากความสุขด้านใน อันเป็นความสุขที่ประณีตลึกซึ้ง ผลก็คือผู้คนพากันพึ่งพิงวัตถุสิ่งเสพจนขาดอิสรภาพ ต่อเมื่อตระหนักและสัมผัสได้ถึงความสุขกลางใจ เราจึงจะมีอิสรภาพอย่างแท้จริง

การหาเวลาปลีกตัวมาอยู่กลางป่าเพื่อเปิดใจสัมผัสธรรมและความสุขภายใน เป็นการให้รางวัลแก่ตนเองอีกอย่างหนึ่ง ที่เรามิพึงมองข้าม ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้เราเรียนรู้ที่จะมีความสุขในทุกที่ เห็นธรรมในทุกสถาน ถึงตอนนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่เรา ใจก็เป็นปกติอยู่ได้ เพราะเห็นถึงความเป็นธรรมดาของมัน ถึงแม้จะเป็นความเจ็บป่วย ความพลัดพรากสูญเสีย หรือความตายก็ตาม

พระไพศาล วิสาโล





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “พลิกจิต ชีวิตเปลี่ยน” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 04, 2020, 06:31:23 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iv/200604113327.jpg) (http://picture.in.th/id/065e06df06482fc24b1d1dd91b813a55)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  พลิกจิต ชีวิตเปลี่ยน (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



ผู้คนทุกวันนี้ส่วนใหญ่ทุกข์เพราะความคิด แม้มีมากมายเพียงใด หากมัวนึกถึงแต่สิ่งที่ตนยังไม่มีหรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่สูญเสียไป ก็ไม่มีความสุข ไม่ว่าได้มาเท่าไร ถ้าเห็นคนอื่นมีมากกว่า ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ถึงจะได้โชคลาภ แต่ถ้าคิดว่าตนน่าจะได้มากกว่านั้น ใจก็พลันขุ่นมัว ในทางตรงข้าม แม้จะมีน้อย แต่หากชื่นชมและเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตนมี ใจก็เป็นสุข แม้เจ็บป่วย แต่รู้จักมองแง่บวก ก็สามารถยิ้มได้ มีเหตุร้ายมากระทบ แต่ถ้ามีสติและปัญญา ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้

เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปดั่งใจได้ อีกทั้งไม่สามารถปกป้องมิให้อันตรายหรือความสูญเสียเกิดขึ้นกับเราได้แม้แต่น้อย แต่เราสามารถปรับใจของเราให้เป็นสุขได้แม้ทุกข์มากระทบ ชีวิตที่มืดมนและสิ้นหวัง สามารถกลายเป็นชีวิตที่สว่างไสวและเบิกบานได้ ไม่ใช่เพราะลาภ ยศ สรรเสริญ และความสำเร็จหลั่งไหลมา แต่เป็นเพราะจิตพลิกเปลี่ยนต่างหาก การฝึกฝนพัฒนาจิตจึงเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ชีวิตที่ผาสุกและเจริญงอกงาม

พระไพศาล วิสาโล








(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ธรรมะเรื่องใหญ่ ทำใจเรื่องเล็ก” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 04, 2020, 06:47:40 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/io/200604115050.jpg) (http://picture.in.th/id/bc11f8ea2c31ef68e54cf274a51b814f)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ธรรมะเรื่องใหญ่   ทำใจเรื่องเล็ก  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


ผู้คนทุกวันนี้มีชีวิตที่สะดวกสบายมากกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่ความทุกข์หาได้ลดลงไม่ กลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เมื่อใคร่ครวญให้ดีจะพบว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนใหญ่หาใช่ความทุกข์กายไม่ แต่เป็นความทุกข์ใจ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประสบพบเหตุที่ไม่พึงประสงค์ แม้กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราทุกคนจะต้องเป็นทุกข์เมื่อประสบเหตุดังกล่าวเสมอไป มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใจยังเป็นปกติหรืออาจยิ้มได้ด้วยซ้ำเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตน อะไรทำให้เขาไม่เป็นทุกข์ คำตอบก็คือ เป็นเพราะเขารู้จักวางใจ หรือ “ฉลาดทำใจ”

ด้วยเหตุนี้ในระยะหลังเราจึงได้ยินคำแนะนำเรื่องการ “ทำใจ” มากขึ้น โดยเฉพาะในยามที่เกิดความสูญเสียพลัดพรากหรือเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย อย่างไรก็ตามหลายคนพบว่าการทำใจเป็นเรื่องยากมาก เข้าทำนอง “พูดง่ายแต่ทำยาก” ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ได้ฝึกฝนในด้านนี้จนเป็นนิสัย ใจจึงไม่น้อมตาม หาไม่ก็เป็นเพราะจิตใจถูกครอบงำหรือท่วมท้นด้วยความทุกข์ จึงไม่สามารถออกมามองในมุมใหม่จนได้คิดหรือปล่อยวางความทุกข์ลงได้

แท้ที่จริงการที่คนเราจะออกจากทุกข์ได้ สิ่งสำคัญก็คือการเข้าใจความจริงอย่างลึกซึ้งและแจ่มแจ้ง อีกทั้งดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับความจริง หรือฝึกฝนตนให้มีชีวิตอย่างถูกทำนองคลองธรรม อาทิ การรู้จักแบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่น เอื้อเฟื้อส่วนรวม และการอบรมบ่มเพาะคุณภาพจิต ให้มีความสงบ ตื่นรู้ ลดละความเห็นแก่ตัว รวมทั้งมีปัญญาแลเห็นความจริงของสิ่งทั้งปวงจนตระหนักว่าไม่มีอะไรที่ยึดติดถือมั่นได้เลย นั่นก็คือวางใจอย่างสอดคล้องกับความจริง ไม่ขวางกระแสแห่งความจริงซึ่งเลื่อนไหลเป็นนิจ กล่าวอย่างสั้น ๆ ก็คือ เข้าถึงธรรม มีธรรมเป็นใหญ่ หรือ “ธรรมาธิปไตย” เมื่อเข้าถึงธรรม มีธรรมเป็นใหญ่ การทำใจอย่างถูกต้องก็จะเกิดขึ้นเอง และมีความไม่ทุกข์เป็นผลที่ตามมา

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 04, 2020, 07:03:26 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/200604120614.jpg) (http://picture.in.th/id/618db9c856dda4bb4c4b1ab0cd812dca)




ที่ประเทศไต้หวันมีชายชราคนหนึ่ง เขาไปเป็นอาสาสมัครของฉือจี้เป็นมูลนิธิที่ใหญ่มากในไต้หวัน เรียกว่าเป็นสำนักก็ได้ เป็นสำนักที่มีคนนับถือ 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 4 ของประเทศไต้หวัน

ถ้าพูดถึงเงินทองเขาก็มีเยอะ เรียกว่ายิ่งใหญ่กว่าธรรมกายมาก แต่เขาเอาเงินนั้นไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ สร้างโรงเรียน สร้างมหาวิทยาลัย มีทั้งมหาวิทยาลัยแพทย์ หรือวิทยาลัยสอนพยาบาล ทำสถานีโทรทัศน์ที่มีชื่อ คนดูก็เรียกว่าทั่วโลกเลย เพราะคนไต้หวันกระจายไปทั่วโลก

แล้วเขายังทำสถานีแยกขยะ ป่านนี้คงจะประมาณ 10,000 แห่งแล้วกระมัง เมื่อ 10 ปีที่แล้วมีประมาณ 5,000 แห่ง แยกขยะทั่วประเทศก็อาศัยอาสาสมัครมาทำงาน อาสาสมัครเป็นคนอายุมากส่วนใหญ่เรียกว่าเป็นอาแปะ อาซิ้ม แต่พวกนี้ เคยเป็นวิศวกร เคยเป็นผู้จัดการ เคยเป็นสถาปนิก บางคนอาจเคยเป็นหมอ เกษียณแล้วก็มาเป็นอาสาสมัคร มีคนหนึ่ง พูดว่า “ผมนี่คือขยะคืนชีพ”

ขยะคืนชีพก็คือว่า ตอนที่เขาไม่ได้มาเป็นอาสาสมัครเขาอยู่บ้าน เกษียณแล้วก็อยู่บ้านมีกินมีใช้ ไม่ต้องให้ลูกเลี้ยง เงินที่ตัวเองสะสมหามาได้ก็มากพอ แต่มันเบื่อ คือชีวิตมันว่างเปล่าเหมือนกับเป็นขยะ

ถามว่าความสุขกายมีไหม? โอ้...มีเพียบ มีเงินจับจ่ายใช้สอยไปเที่ยวก็ได้ แต่รู้สึกตัวเองไร้ค่าเหมือนขยะ พอไปเป็นอาสาสมัครให้กับฉือจี้ วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรมาก อาจจะฉีกกระดาษเป็นแผ่น ๆ เพื่อไปใช้ในการรีไซเคิล หรือว่าดึงแยกหัวจุกขวดน้ำกิน แยกออกมาเพราะว่าเอาไปใช้ประโยชน์ได้ บางทีไปแยกเอาทองแดงจากเครื่องไฟฟ้าเก่า ๆ

นั่งยอง ๆ ทำงานตามกำลัง บางคนครึ่งวัน บางคนทำได้ทั้งวัน สถานีก็ไม่ได้ติดแอร์อะไรเลยอย่างมากก็มีพัดลม เขาก็มีความสุข กายอาจไม่ค่อยสุขเท่าไร เพราะว่าอย่างที่บอกทำงานเหมือนอยู่ในโกดัง แต่เขามีความสุขใจ สุขใจที่ได้ทำประโยชน์ ทำบุญ เอาเงินไปช่วยบำเพ็ญประโยชน์แล้วก็ช่วยโลกด้วย รีไซเคิลทำให้โลกนี้มีมลพิษน้อยลง เรียกว่าเป็นความสุขใจ เป็นความภาคภูมิใจ

ความสุขใจสามารถเกิดขึ้นได้จากการทำงาน ทำงานที่เป็นประโยชน์ไม่จำเป็นว่าต้องได้เงินเดือนหรือไม่ ไม่ได้เงินเดือนไม่มีค่าตอบแทน แต่ว่ามีความสุขใจเป็นความภาคภูมิใจ

อย่างพวกเราทำงานเป็นพยาบาล เรียกว่ามีโอกาสได้เก็บเกี่ยวความสุขจากการทำงาน ความสุขจากการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจให้สามารถทำงานไปได้อย่างต่อเนื่องและทำได้ดี หลายคนทำงานเพราะอยากได้เงิน เพราะว่าจะได้มีเงินเป็นเครื่องเลี้ยงชีพ จึงเรียกว่าอาชีพ แต่ว่าเงินก็เป็นแค่ผลตอบแทนที่มีคุณค่าน้อยกว่าความสุข ถ้าทำงานเพราะเงินก็จะไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงานเท่าไร แต่ที่ต้องทำก็เพราะเงิน

คนจำนวนมากทำงานแบบซังกะตาย ทำเพราะรอค่าจ้างรอเงินเดือน เช้าจรดเย็นก็ทำงานแบบเหนื่อย ๆ มีความหวังตอนเลิกงานได้ค่าจ้าง ตรงนั้นแหละมีความสุขสำหรับคนจำนวนหนึ่ง หรือว่ารอวันเงินเดือนออก แต่ตลอดทั้งเดือน 1 ถึง 30 ไม่ค่อยมีความสุข ทำงานแบบเหี่ยวเฉา เพราะเขาไม่สามารถหาความสุขจากงานได้ เขาทำงานเพื่อเงิน

แต่ถ้าเรารู้จักหาความสุขจากการทำงาน มันจะมีความสุขตั้งแต่วันแรกเลย ตั้งแต่วันที่ 1 หรือตั้งแต่วันจันทร์ ทำไปจนถึงศุกร์ก็จะมีความสุข ไม่ใช่รอความสุขเอาตอนเย็นวันศุกร์ คนเราถ้ามีความสุขจากการทำงาน ความซื่อสัตย์สุจริต ความตรงต่อเวลา หรือคุณธรรมที่เรียกร้องกันว่า ทำงานควรจะมีคุณธรรม มันมาเอง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
ที่มา https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-15-45-58.html







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 04, 2020, 07:08:30 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iw/200805114948.jpg) (http://picture.in.th/id/362f9be0833f5f4aa841058953be48e2)



เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งเขียนมาปรึกษา ผัวเพิ่นเป็นมะเร็งอาการหนักแล้ว ก็เหมือนกับรอวันตาย ตัวผู้หญิงนี่เอาแต่เศร้าเสียใจ แล้วถ้าสามีตาย ใครจะส่งเสียลูกชาย แล้วตัวเองจะอยู่ยังไง เพราะอาชีพการงานก็ไม่มี ไหนบ้านไหนรถที่ต้องผ่อนจะทำยังไง เมื่อคิดแบบนี้แล้วก็ห่อเหี่ยวท้อแท้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายผ่ายผอม

เขียนมาถามอาตมา อาตมาก็บอกว่า ก็เห็นใจ เห็นใจที่ต้องมาเจอแบบนี้ แต่อยากเตือนว่า สามียังไม่ตาย สามียังอยู่ แต่วันเวลาที่สามีจะอยู่กับเรามันก็จะหายไปเรื่อยๆ นี่คือ โอกาสทองที่เราจะทำความดีต่อกัน มีสุขร่วมกัน ถ้าไม่ทำวันนี้ วันหน้าอาจจะไม่ได้ทำ เขียนไปอย่างนี้ เพิ่นได้สติเลย บอกว่า ตอนนี้เริ่มมาดูแลตัวเองแล้ว เริ่มหันมากินมานอน และก็เริ่มจะใช้เวลาดูแลสามี ให้เขามีความสุข ทำความดีร่วมกัน

เราก็ได้ฟังจากเมื่อเช้านี่ พอรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่ง พอภรรยาป่วยเป็นมะเร็ง ก็ทำความดี เริ่มจากการบอกรัก บอกรักแล้วก็ปรนนิบัติภรรยา ฟัง รู้จักฟัง การฟังนี่มันก็ช่วยสมานใจให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ช่วยทำให้รักกันมากขึ้น เพราะทำให้รู้จักกันมากขึ้น

สิ่งที่เกิดขึ้นมาคืออะไร เกิดความสุข สุขกว่าตอนที่ภรรยายังไม่ป่วยเสียอีก พอภรรยาป่วย มันมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตหลายอย่าง มีความรักกันมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น และก็เห็นความดีของกันและกัน เจ้าตัวก็ทำตัวดีขึ้น รักตัวเองมากขึ้น รักตัวเองอย่างแท้จริง

อันนี้มันเป็นธรรมะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องของสามีภรรยา ที่อยู่ในโลก แต่ว่าที่เล่ามาเป็นธรรมะ ที่สอนให้เรารู้ว่า ความทุกข์เช่นความเจ็บป่วยนี่ มันก็สามารถทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้ ทำให้รักกันมากขึ้นได้ ทำให้เกิดสิ่งดีๆ กับชีวิต อันนี้เป็นการบำเพ็ญบารมีอย่างหนึ่ง มันเป็นข้อสอบ มันเป็นโจทย์ใหญ่ว่า เราจะไม่ใช่แค่ผ่านมันอย่างไร เรามาทำให้เกิดสิ่งดีงามขึ้นในชีวิตของเรา

คนเราถ้าจะทุกข์แล้ว อย่าทุกข์ฟรีๆ เวลาป่วยก็อย่าป่วยฟรีๆ หลายคนป่วยฟรีๆ ก็คือ เกิดความเจ็บความปวด นอนไม่หลับ ไม่ได้อะไรเลย คนเราถ้าเจอทุกข์แล้วมันต้องรู้จักได้อะไรสักอย่าง อย่าทุกข์ฟรีๆ ของหายแต่ได้ธรรมะ ของหายแต่ได้ธรรมะ

อย่างเมื่อปี 2554 มีน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพ ภาคเหนือ ภาคกลาง เสียหายกันหลายแสนเป็นล้าน คนเป็นแสนครอบครัวเดือดร้อนกัน บางคนบางครอบครัวก็หมดเนื้อหมดตัว เท่านั้นไม่พอ บางคนก็เป็นบ้า บางคนก็ฆ่าตัวตาย แต่บางคนเสียแต่ทรัพย์ แต่ว่าได้ ได้อะไร ไม่ใช่ได้ค่าชดเชย ได้ธรรมะ

มีคนหนึ่งบอกว่า น้ำท่วมคราวนี้ก็ทำให้เห็นเลยว่า มันไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย ของที่เรามีนี่มันอยู่กับเราแค่ชั่วคราว วันดีคืนดี ไฟก็ไหม้ น้ำก็ท่วม อย่างนี้เรียกว่าได้ธรรมะ เสียของ เสียทรัพย์ แต่ได้ธรรมะ คือ ได้ปัญญา ถ้าคนที่มีปัญญาแบบนี้ต่อไปถ้าเสียอีก ใจไม่ทุกข์แล้ว สมบัติข้าวของนี่หายไป เสียไปซื้อใหม่ได้ แต่ธรรมะหรือปัญญา มีเงินเท่าไรก็ซื้อบ่ได้ มันต้องรู้จักมอง รู้จักคิดพิจารณา อันนี้เรียกว่า การบำเพ็ญบารมี ที่มันมาแบบไม่อยาก ไม่ตั้งใจ ไม่อยากเจอ แต่พอเจอแล้วก็ต้องตั้งหลักให้ดี หาประโยชน์จากมันให้ได้

นอกจากรักษาใจไม่ให้ทุกข์แล้ว ต้องได้ประโยชน์จากมัน ประโยชน์อย่างหนึ่ง คือ ได้เห็นธรรมะจากสิ่งที่เกิดขึ้น ก็นี่แหละเป็นธรรมดาโลก หรือใช้มันเพื่อทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น มะเร็งก็ดี ความเจ็บความป่วย ความสูญเสียทรัพย์สินเงินทองนี่ มันก็สามารถจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ ทำให้คนรักกันมากขึ้น ทำให้ฉลาดมีปัญญามากขึ้น หรือมีธรรมะมากขึ้น

เวลามันเกิดขึ้นกับเราทุกข์ ตั้งหลักให้ดี ตั้งสติให้ได้ แล้วเดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นของดีไป เตือนใจตัวเองเด้อว่า เมื่อเวลาเจอทุกข์ อย่าทุกข์ฟรีๆ มันต้องได้อะไรสักอย่างหนึ่งจากความทุกข์ ได้นี่ไม่ใช่ได้เงินชดเชย นั่นมันเล็กน้อย มันต้องได้ธรรมะ มันต้องได้ปัญญา หรือว่า ทำให้มีความรักกันมากขึ้น อันนี้แหละ มันคือการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งที่ต้องรู้จัก

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

ที่มา https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-01-16-52-16.html



(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “เติมตัวรู้สู้ความหลง” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 12, 2020, 03:59:42 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/200612090304.jpg) (http://picture.in.th/id/5de74621371d55fa4338a11cc503439f)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  เติมตัวรู้สู้ความหลง (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


การเจริญสติเป็นสิ่งสำคัญมาก มันไม่ใช่แค่เพียงช่วยให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม คือเกิดปัญญา เข้าใจในชีวิตจนถึงขั้นหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ แค่การดำเนินชีวิตตามวิสัยปุถุชนก็ต้องอาศัยสติ ไม่งั้นเจออะไรกระทบเดี๋ยวนี้เจออะไรกระทบเบาๆสติก็ขาดแล้ว เจอสิ่งที่ไม่ถูกใจก็เกิดอารมณ์แล้ว ไม่พอใจ เกิดความเสียใจ เกิดความวิตกกังวล การเจริญสติจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยประคับประคองจิตใจ ช่วยทำให้ใจมีความรู้ตัวอยู่เสมอ และความรู้ตัวก็จะคอยเป็นกำแพงป้องกันความหลงไม่ให้เข้ามาเล่นงาน เพราะความหลง ถ้าเล่นงานจิตใจเมื่อไรก็ สามารถจะนำชีวิตของเราไปสู่ความทุกข์ความเดือดร้อน

แต่คนไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการเจริญสติ เพราะคิดว่าฉันก็มีสติอยู่แล้ว ฉันก็ไม่บ้า ฉันก็รู้เนื้อรู้ตัวอยู่แล้ว แต่ความรู้เนื้อรู้ตัวของเรามันน้อยมากในแต่ละวัน เราสามารถที่จะเจริญสติได้ เรียกว่าตั้งแต่เช้าจรดวันเลย ไม่ใช่แค่ต้องมาที่วัด มาปฏิบัติธรรม มานุ่งขาวห่มขาว มาเดินจงกรม อยู่บ้านตื่นเช้าขึ้นมาเก็บที่นอนเราก็เก็บอย่างมีสติ ทำด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น อย่าเพิ่งไปสนใจมือถือ อย่าเพิ่งไปคิดงานการ เก็บที่นอนเสร็จก็ไปล้างหน้า ล้างหน้าอย่างมีสติ ใจก็อยู่กับการล้างหน้า สัมผัสกับน้ำด้วยความสดชื่น เมื่อน้ำสัมผัสใบหน้า เรื่องอื่นอย่าเพิ่งไปคิด มันเป็นอนาคต หรือไม่ก็เป็นอดีต ให้เราอยู่กับปัจจุบัน แต่งเนื้อแต่งตัวทำด้วยความมีสติ พูดง่ายๆตัวอยู่ไหนใจอยู่นั่น อย่าปล่อยใจลอยไปคิดนั่นไปเรื่องนั้นเรื่องนี้

ตัวอยู่ไหนใจอยู่นั่น มันเป็นหลักสำหรับการเจริญสติ ไม่ใช่เรื่องยาก เตือนใจตัวเอง ถามใจตัวเองว่า ตัวอยู่นี่ใจอยู่ไหน ตัวอยู่วัดใจไปอยู่ที่บ้านไหม หรือว่าตัวอยู่ห้องน้ำใจไปอยู่ที่ห้องครัวแล้ว ให้ดึงกลับมา ๆ กินข้าวก็เหมือนกัน เวลากินข้าวปากเคี้ยวแต่ใจไม่รู้อยู่ไหน ร่างกายกินอาหารแต่ใจกำลังเสพความคิด หรือเสพความเครียด อันนั้นไม่ถูก อันนั้นเพราะความหลง กลับมาอยู่กับปัจจุบัน เวลาขับรถก็เหมือนกัน พยายามเอาใจมาอยู่กับปัจจุบัน ปล่อยใจลอย คนเราชอบใจเพราะใจลอยแล้วสบาย เพลิน แต่พอลอยคิดไปสักพักเดี๋ยวมันก็จม ทีแรกใจก็ลอย แต่สักพักใจก็จม จมเข้าไปในอารมณ์ จมเข้าไปในความทุกข์ กว่าจะออกมาได้ก็เหนื่อย เดี๋ยวนี้เป็นเพราะใจลอยจึงนอนไม่หลับ ความไม่รู้เนื้อรู้ตัวเดี๋ยวนี้ คนมีปัญหามากในการนอนไม่หลับเพราะใจมันคิดโน่นคิดนี่ เป็นเพราะความหลงจนต้องพึ่งยา แต่ก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ แต่ถ้าเรารู้เนื้อรู้ตัวถึงเวลามันก็หลับได้เอง ไม่ใช่เป็นเพราะว่าใจมันวิ่งไม่หยุดกับความคิดและอารมณ์

เราสามารถจะเจริญในชีวิตประจำวันเพื่อทำให้เกิดความรู้ตัว เติมความรู้ตัวในชีวิต ต่อไปมันก็จะขับไล่ความหลงออกไปๆ จิตใจก็จะโปร่งเบาผ่องใสได้ง่าย ทำการงานอะไรก็ทำได้อย่างมีสมาธิ เพราะทำด้วยความรู้ตัว ไม่ได้ทำไปด้วยอำนาจของความหลง

พระไพศาล วิสาโล




(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ยิ้มให้ชีวิต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 12, 2020, 04:19:27 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/200612092257.jpg) (http://picture.in.th/id/441b564c06a82e16cd078342e59510ed)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  (http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e) ยิ้มให้ชีวิต (http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ของขวัญล้ำค่าอย่างหนึ่งที่เรามีกันทุกคนก็คือ “ชีวิต” ชีวิตทำให้เรามีทุกอย่างที่ทรงคุณค่า ได้พบทุกคนที่มีความหมายต่อเรา มีโอกาสทำความดี ได้พบพระธรรม และได้สัมผัสกับความสุข ปราศจากชีวิต ทุกอย่างที่เรามี ทุกคนที่เราพบ และทุกสิ่งที่เราเป็น ก็จะสูญสิ้นไป แต่ในเวลาเดียวกัน ชีวิตก็ทำให้เราต้องเจอกับความเจ็บปวด ความพลัดพราก ความสูญเสีย ต้องพบกับสิ่งไม่พึงประสงค์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชีวิตนำมาซึ่งความทุกข์

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ชีวิตก็สามารถให้สิ่งดี ๆ แก่เราได้มากมาย แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราเจอะเจอ ก็สามารถเป็นประโยชน์แก่เรา หากเรารู้จักเรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมา ประสบการณ์ชีวิตสามารถสอนเราให้รู้จักเปลี่ยนทุกข์เป็นสุข อีกทั้งโอกาสต่าง ๆ ที่ชีวิตมอบให้แก่เรา ก็สามารถทำให้เราพบประโยชน์สูงสุดของชีวิต นั่นคือ อิสรภาพจากทุกข์ อันเป็นสุขที่ประเสริฐยิ่ง

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ชีวิตเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา :) :) :) จึงควรยิ้มให้กับชีวิต อย่าโกรธเกลียดเคียดแค้นชีวิตที่นำความทุกข์หรือความผิดหวังมาให้ อย่าคิดว่าทำไมชีวิตจึงโหดร้ายกับฉันนัก มองให้ดีนั่นอาจเป็นโชคที่มาในรูปของเคราะห์ มันคือสิ่งที่เตรียมเราให้พบกับสิ่งวิเศษสุดที่รอคอยอยู่ข้างหน้า


พระไพศาล วิสาโล







(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “อยู่ทุกที่ก็มีสุข” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 12, 2020, 04:33:17 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/200612093956.jpg) (http://picture.in.th/id/7529cfadc32eeadc00e9b9c7a11820b2)


:)  อยู่ทุกที่ก็มีสุข   :)


ความสุขไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ตรงนี้และเดี๋ยวนี้แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนมุมมอง วางใจให้ถูก เราก็จะพบความสุขได้เสมอ ความสุขไม่ได้เกิดจากทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ และอำนาจ แต่อยู่ที่ว่าเรามีสติรู้ทันอารมณ์ของตน และมีปัญญารู้เท่าทันธรรมดาโลก หรือไม่ หากมองเป็น ไม่เพียงพบความสุขรอบตัวเท่านั้น หากยังสามารถสัมผัสความสุขที่มีอยู่กับตัวเราแล้วด้วย

เมื่อใดก็ตามที่เราตระหนักว่าความสุขนั้นตามติดเราไปตลอด ไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ในสถานการณ์ใด มีอะไรมากระทบ เราก็สามารถพบความสุขได้เสมอ

พระไพศาล วิสาโล




(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: ทางออกอยู่ที่ทางเข้า - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 12, 2020, 04:47:44 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/200612095114.jpg) (http://picture.in.th/id/17791c0558b5c60ff8d3ffcb33903c3f)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  ทางออกอยู่ที่ทางเข้า  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)



เมื่อมีปัญหา ใคร ๆ ก็ย่อมแสวงหาทางออก แต่บ่อยครั้งเรามักได้ยินผู้คนบ่นว่า “ไม่มีทางออก ๆ” อันที่จริงทางออกนั้นมีเสมอ แต่ถ้าไม่เจอก็มักเป็นเพราะมองไม่ถี่ถ้วนหรือมองไม่รอบด้าน เพราะถ้าเพียงแต่เหลียวหลังไปดู ก็จะพบว่าทุกปัญหา โดยเฉพาะที่สร้างความทุกข์ใจ มีทางออกอย่างน้อยก็ทางหนึ่ง นั่นคือทางเข้า เข้าทางไหน เราก็สามารถออกทางนั้นได้ เป็นแต่ผู้คนจำนวนส่วนใหญ่มองไม่เห็น หรือถึงมองเห็นก็ไม่คิดว่านั่นจะเป็นทางออกได้

คนที่เล่นการพนันจนหมดตัว แถมมีหนี้สินท่วมหัว จะบากหน้ายืมเงินใครก็ไม่ได้เพราะไม่มีคนเชื่อถือ ย่อมรู้สึกจนตรอก หมดทางออก หาไม่ก็เห็นว่าทางออกคือ ปล้น จี้ ขายยาบ้า เท่านั้น แต่ที่จริงทางออกที่ดีกว่านั้นมีอยู่นั่นคือเลิกเล่นการพนัน ใช่หรือไม่ว่าการพนันคือประตูพาสู่ความฉิบหายที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา ถ้าอยากออกจากภาวะดังกล่าว ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการก้าวขาออกจากประตูนั้น

เมื่อพบว่ากิจการของตนกำลังตกต่ำย่ำแย่ นักธุรกิจหลายคนพยายามหาทุนมาค้ำจุนกิจการนั้น แต่ทุ่มเงินลงไปเท่าใด สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น จึงขายสมบัติที่มีอยู่ด้วยความหวังว่าเงินที่ได้มาจะช่วยพยุงธุรกิจนั้นให้อยู่รอดได้ แต่ยิ่งทำปัญหาก็ยิ่งลุกลาม ฉุดเอาอะไรต่ออะไรลงเหวไปด้วย ถึงตรงนี้ก็รู้สึกมืดแปดด้าน ทางออกไม่หลงเหลือยกเว้นแต่การฆ่าตัวตาย แต่เขาลืมไปว่าในเมื่อเป็นทุกข์เพราะแบกกิจการนั้นเอาไว้ ทางออกก็คือปล่อยมันลงเสีย

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) เข้าทางไหน ก็ออกทางนั้นได้ (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) แต่หลายคนไม่ยอมออกตรงทางเข้า เพราะมองไม่เห็นว่ามันจะเป็นทางออกได้ อะไรบังตาเขาไว้ คำตอบคือความยึดติดถือมั่นในบางสิ่งบางอย่าง เช่น ยึดติดหวงแหนกิจการ ทนไม่ได้ที่จะเห็นมันพังไปต่อหน้าต่อตา จึงมีพฤติกรรมไม่ต่างจากคนที่กอดหีบสมบัติที่กำลังดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลด้วยความหวังว่าจะกู้มันขึ้นมาได้ ผลก็คือไม่เพียงสูญเสียทรัพย์เท่านั้นแต่ยังสูญเสียสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือชีวิต

เมื่อมองว่าอะไรเป็นปัญหา ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นทันที ทำไมจึงมองว่ามันเป็นปัญหา ก็เพราะมันกระทบกับสิ่งที่เรายึดติดถือมั่น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็น กำไร สุขภาพ ความรัก ครอบครัว ความสำเร็จ พูดอีกอย่างก็คือ ความทุกข์ใจเกิดขึ้นเพราะความยึดติดถือมั่น ยิ่งยึดมั่นก็ยิ่งเป็นทุกข์เมื่อมันไม่เป็นดั่งใจ ความยึดมั่นจึงเป็นเสมือนประตูสู่ความทุกข์ ถ้าไม่อยากทุกข์ต่อไป ก็เพียงแต่เดินออกทางประตูนั้น นั่นคือการปล่อยวาง

ผู้คนมักคิดว่าทางออกอยู่ที่การสร้างทางเลือกใหม่ หรือทำนั่นทำนี่เพื่อมีทางไปต่อ จะได้ห่างไกลจากความทุกข์ แต่บางครั้งนั่นก็เป็นแต่เพียงการซื้อเวลาหรือสร้างความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น ในเมื่อสาเหตุที่แท้จริงของความทุกข์อยู่ที่การแบกหินก้อนหนัก ไม่ว่าจะเติมแต่งหินให้สวยงามอย่างไร มันก็ยังหนักอึ้งอยู่นั่นเอง ทางเดียวที่จะหมดทุกข์หมดปัญหาก็คือการวางมันลงเสีย

ความยึดมั่นเป็นต้นตอของความทุกข์ ขณะเดียวกันมันก็บังตาผู้คนจนมองไม่เห็นว่าทางออกนั้นอยู่ที่ทางเข้านั่นเอง ผลก็คือหลงวนอยู่ในปัญหาจนหมดสภาพไปในที่สุด

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ก้าวสู่ชีวิตใหม่ สุขใจในร่มธรรม” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 19, 2020, 07:08:14 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/200619121128.jpg) (http://picture.in.th/id/b28fea18ef222c462b322b7e9fc4f8f1)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ก้าวสู่ชีวิตใหม่ สุขใจในร่มธรรม  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ใคร ๆ ก็อยากได้ชีวิตใหม่ แต่ชีวิตใหม่ไม่ได้อยู่ที่การมีงานใหม่ รถคันใหม่ บ้านหลังใหม่ หรือคู่ครองคนใหม่ หากอยู่ที่การมีจิตใจใหม่ กล่าวคือมีคุณภาพจิตที่ดีกว่าเดิม รวมทั้งมีมุมมองใหม่ ที่ทำให้เราเป็นทุกข์น้อยลง หรือมีความสุขมากขึ้นแม้สภาพชีวิตและสิ่งรอบตัวจะยังคงเดิม สามารถชื่นชมสิ่งที่มี รวมทั้งเห็นแง่งามจากความทุกข์ได้

ชีวิตใหม่ในแง่นี้สามารถเกิดขึ้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอเปลี่ยนงานหรือสภาพแวดล้อมเสียก่อน เพราะเพียงแค่มีจิตใจใหม่ ก็สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี หรือเปลี่ยนเคราะห์ให้กลายเป็นโชคได้ รวมทั้งทำให้เห็นโลกในมุมใหม่ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน

การมีจิตใจใหม่ ทำให้เรามีท่าทีใหม่ต่อโลกและชีวิต สิ่งที่เคยทำให้เราร่ำไห้หรือโกรธเคือง จะไม่สามารถสั่นคลอนทิ่มแทงจิตใจเราได้อีกต่อไป สิ่งที่เคยทำให้เราลุ่มหลงมัวเมา จะไม่อาจครอบงำจิตใจเราได้อีก เราจะมีชีวิตที่เป็นอิสระและสงบเย็นยิ่งกว่าเดิม

การมีจิตใจใหม่คือหลักประกันแห่งความสุขที่แท้จริง หากคุณภาพจิตยังคงเดิม แม้จะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต เช่น โชคลาภ ชื่อเสียง ความสำเร็จ ก็ทำให้เรามีความสุขได้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ช้าไม่นานก็จะเบื่อหน่าย และโหยหาสิ่งใหม่ที่ดีหรือมากกว่าเดิม แต่เมื่อได้มาสมใจก็ใช่ว่าจะมีความสุขยั่งยืน ยิ่งกว่านั้นมีใครในโลกนี้หรือที่สมหวังในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะร่ำรวยยิ่งใหญ่เพียงใดก็ต้องพบกับความผิดหวัง ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ประสบสิ่งที่ไม่รัก ต้องแก่ ต้องเจ็บ และในที่สุดก็ต้องตาย แต่หากมีจิตใจใหม่ แม้จะประสบกับเหตุร้าย ก็ยังสามารถรักษาใจให้ปกติได้

จิตใจจะใหม่ได้ก็เพราะมีธรรมรักษาใจไม่ให้เศร้าหมอง เช่น มีสติรู้ทันอารมณ์อกุศล และมีปัญญารู้เท่าทันความจริงของชีวิตจนปล่อยวางได้ หากชีวิตคือการเดินทาง เราก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเดินในที่โล่ง ต้องเจอแดดแผดเผาและพายุฝนเป็นนิจ ธรรมเปรียบเสมือนร่มที่ช่วยคุ้มกันเราไม่ให้ร้อนเมื่อเจอแดด ไม่เปียกปอนเมื่อเจอฝน จึงสามารถเดินถึงที่หมายได้โดยปลอดภัย

พระไพศาล วิสาโล





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ชีวิตสมดุล” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 19, 2020, 07:23:13 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ib/200619121949.jpg) (http://picture.in.th/id/945e0932fdd52ec7cadba284d8d1a8bc)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   ชีวิตสมดุล   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


ชีวิตมิใช่เส้นตรงหรือมีเพียงระนาบเดียว ๆ สิ่งใดที่ดีมีประโยชน์ หากมีมาก ๆ ใช่ว่าประโยชน์จะเพิ่มพูนตามไปด้วย ก็หาไม่ บ่อยครั้งกลับเป็นโทษด้วยซ้ำ สารอาหาร เช่น ไขมัน หรือ น้ำตาล แม้มีคุณค่าต่อร่างกาย แต่หากบริโภคมากไป ก็สามารถทำให้เกิดโรคร้ายได้ ประโยชน์จะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อบริโภคแต่พอดี หรือสมดุลกับองค์ประกอบอื่น ๆ

ทุกวันนี้เราให้ความสำคัญกับการมีมาก ๆ จนละเลยความพอดีหรือความสมดุลเช่น มีโภคทรัพย์เหลือล้นแต่อริยทรัพย์กลับมีน้อยนิด ประสบความสำเร็จในการงานแต่ล้มเหลวในชีวิตครอบครัว คิดแต่จะเอาเข้าตัวแต่ไม่ค่อยสละออกไป การตั้งเป้าแสวงหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป จนละเลยสิ่งอื่นที่มีคุณค่าต่อชีวิต เป็นที่มาของความทุกข์และปัญหาต่าง ๆ ทั้งในระดับบุคคลและสังคม กล่าวอีกนัยหนึ่งการมองข้ามความสมดุลในชีวิต ทำให้ผู้คนห่างไกลจากความสุขยิ่งขึ้นทุกที

การสร้างสมดุลในชีวิต อาทิ สมดุลระหว่างการรับกับการให้ ระหว่างกายกับใจ ระหว่างเหตุผลกับอารมณ์ ระหว่างประโยชน์ตนกับประโยชน์ท่าน ฯลฯ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตมีความผาสุกและเปี่ยมด้วยคุณค่าอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามการสร้างสมดุลในชีวิตมิใช่เรื่องง่าย เพราะคนเรามักมีแนวโน้มที่จะเน้นสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปจนละเลยสิ่งอื่นที่มีคุณค่าพอ ๆ กัน ความพอดีหรือสมดุลระหว่างสิ่งดีงามสองสิ่งจึงเกิดขึ้นได้ยาก เช่นเดียวกับที่ผู้คนมักจะพลัดจากทางสายกลางซึ่งอยู่ระหว่างความสุดโต่งสองอย่าง จะดำเนินชีวิตให้สมดุลได้จึงจำเป็นต้องมีสติและปัญญา เป็นทั้งเครื่องเตือนใจและแสงสว่างนำทางสู่จุดหมายที่พึงปรารถนา

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ib/200619123134.jpg) (http://picture.in.th/id/36784329a606c1fb7fc891c19ecf2ffb)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ยกภูเขาออกจากใจ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 19, 2020, 07:35:51 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/200619123750.jpg) (http://picture.in.th/id/6b6dd42d6a44130e1c63d7e6d1dc45b2)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ยกภูเขาออกจากใจ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


ความทุกข์เป็นธรรมดาของชีวิต เพราะทุกอย่างที่เราเกี่ยวข้อง รวมทั้งทุกอย่างที่เรามี หรือเป็น ในขณะนี้ ล้วนไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนเป็นนิจ เมื่อใดก็ตามที่มันแปรเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ตรงกับใจเรา เราก็ย่อมผิดหวัง เศร้าโศก โกรธแค้น พูดง่าย ๆ คือเป็นทุกข์

ไม่มีใครชอบความทุกข์ แต่ความทุกข์ก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ ในแง่หนึ่งมันเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเราควรหาทางแก้ไข เช่น ความเจ็บป่วยอาจเป็นตัวฟ้องว่าเราพักผ่อนน้อย กินอาหารไม่ถูกต้อง ใช้ชีวิตไม่ถูกสุขลักษณะ เมื่อรู้เช่นนี้ก็ควรปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตน แต่ความทุกข์หรือปัญหาบางอย่าง ยากที่จะแก้ไขได้ เพราะเกิดจากการกระทำของคนอื่น ในกรณีเช่นนี้ควรที่เราจะวางใจให้ถูกต้อง ป่วยการที่เราจะตีอกชกหัวตัวเองหรือก่นด่าชะตากรรม

ทุกข์กายนั้นมักเกิดจากปัจจัยภายนอก ส่วนทุกข์ใจนั้นมีสาเหตุที่ใจเราเป็นสำคัญ คนอื่นหรือสิ่งอื่นเป็นส่วนประกอบ สาเหตุดังกล่าวได้แก่ความยึดติดในใจเรา เช่น ยึดอยากให้มันคงที่ไม่แปรเปลี่ยน หรือยึดว่ามันต้องเป็นไปดั่งใจ แต่เป็นเพราะมองไม่เห็นสาเหตุดังกล่าว จึงมักโทษสิ่งนอกตัว ก้อนหินไม่ว่าจะหนักเพียงใด ก็ไม่ทำให้เราทุกข์หรือเหนื่อยได้เลย หากเราไม่แบกมัน ดังนั้นเมื่อใดที่ทุกข์หรือเหนื่อย อย่าโทษก้อนหินว่าหนัก แต่ควรถามตนเองว่าแบกมันทำไมถ้ายึดไม่เลิก แม้กรวดก้อนเดียว ก็หนักอึ้งราวกับภูเขาทั้งลูก เพียงแค่ปล่อยมันจากใจเท่านั้น ความสุขก็จะกลับคืนมา และถ้าไม่ยึดหรือแบกมันอีก ใจก็จะไม่ทุกข์อีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ฝากใจไว้ในธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 19, 2020, 07:49:22 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/200619125259.jpg) (http://picture.in.th/id/dfda7381d1edc946330e7e35f5439ed2)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ฝากใจ(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ไว้ในธรรม (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

ชีวิตนี้สามารถให้ความสุขสงบเย็นและความแช่มชื่นเบิกบานแก่เราได้ แต่เรามักสูญเสียโอกาสดังกล่าวไป ทั้งนี้ก็เพราะเรามัวฝากใจไว้กับสิ่งนอกตัว ด้วยความเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นจะให้ความสุขหรือเป็นที่พึ่งแก่เราได้ ไม่ว่าทรัพย์สมบัติ งานการ ความสำเร็จ คำยกย่องสรรเสริญ หรือแม้แต่คนใกล้ตัว สิ่งเหล่านั้นแม้ให้ความสุขแก่เราได้ แต่ก็เพียงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ยั่งยืนคงทน ไม่ช้าก็เร็วย่อมพลัดพรากไปจากเรา ทิ้งไว้แต่ความอาลัยหรือความเศร้าโศกเสียใจ แม้จะยังอยู่กับเรา แต่ก็ไม่เคยให้ความรู้สึกพอแก่เรา ทำให้ต้องสอดส่ายมองหาสิ่งใหม่ที่เชื่อว่าจะดีกว่าของเดิมอยู่เสมอ ระหว่างที่สอดส่ายใจก็เป็นทุกข์หากไม่พบตามใจอยาก หากพบก็เป็นทุกข์อีกเพราะได้ไม่ทันอยาก หรือได้ไม่สมอยาก

ชีวิตที่ฝากใจไว้กับสิ่งนอกตัว จึงเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยทุกข์ ตรงกันข้าม(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ชีวิตเราจะเปี่ยมสุขทันทีที่เราฝากใจไว้ในธรรม นั่นคือมีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นเครื่องชี้นำจิตใจ(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เมื่อนั้นชีวิตจิตใจของเราก็จะอยู่ในความอารักขาของธรรม แม้ประสบความพลัดพรากสูญเสีย ธรรมก็จะรักษาใจไม่ให้เป็นทุกข์ ในยามที่ประสบความผันผวนปรวนแปร ธรรมก็จะค้ำใจให้มั่นคงไม่ให้หวั่นไหว ในยามที่ประสบอันตราย ธรรมก็จะประคองใจให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ชีวิตที่มีธรรมเป็นเครื่องนำทางจึงประสบกับความสุขสวัสดีตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

ฝากใจไว้ในธรรมไม่ได้เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากเกิดขึ้นได้เมื่อเราหันมามองด้านในและใส่ใจกับจิตใจของตน ไม่เผลอตัวปล่อยใจให้กิเลสชักนำไปในทางอกุศล แต่เปิดโอกาสให้คุณธรรมและความดีได้แสดงตัวออกมา รวมทั้งบ่มเพาะคุณธรรมความดีดังกล่าวให้เจริญงอกงามในใจตน ด้วยหลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา เมื่อคุณธรรมความดีงอกงามในที่สุดก็จะกลายเป็นที่พึ่งของเราได้ เช่นเดียวกับต้นไม้ในยามที่ยังเป็นต้นกล้า เราต้องดูแลเขา แต่เมื่อเขาเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ เขาก็จะดูแลเรา ให้ทั้งปัจจัยสี่และร่มเงา รวมทั้งปกป้องอันตรายจากพายุกล้า

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: เปิดใจเปลี่ยนมุมมอง - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 19, 2020, 07:58:55 am
(http://image.free.in.th/v/2013/in/200619010334.jpg) (http://picture.in.th/id/727ec2c8538e75732a0dfc1d2edb5062)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เปิดใจเปลี่ยนมุมมอง (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



“เราลองใจกว้างซะหน่อย

อย่าตัดสินว่าความคิดที่

ต่างกับเรานั้นใช้ไม่ได้ ควรมองว่า

ความคิดต่างนั้นช่วยให้เราเห็นมุม

ที่แตกต่างจากเดิม หากมองได้เช่นนี้

เราจะมีความรู้สึกลบกับคนที่เห็นต่างน้อยลง

และมีความสุขในการทำงานง่ายขึ้น

พูดง่ายๆ คือถ้าเราคลาย

ความยึดมั่นถือมั่นในความคิด

ใจเราจะเปิดรับความเห็นต่างได้ง่ายขึ้น”

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: คุณค่าของเวลา - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 25, 2020, 02:40:49 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ij/200625074238.jpg) (http://picture.in.th/id/d42ef493e25a936662a01cecdd3c1005)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  คุณค่าของเวลา  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


“ถ้าเราไม่ต้องตาย วันแต่ละวัน เวลาแต่ละวินาที ก็จะดูไม่มีค่า เหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่ไม่เห็นค่าของเวลา ตรงกันข้ามกับคนป่วยหนักหรือเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่จะเห็นค่าของวันเวลาที่เหลืออยู่ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเช้าวันใหม่ แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้วที่วันนี้ยังไม่ตาย ยังมีเวลาที่จะได้ทำสิ่งที่อยากทำ ความรู้สึกแบบนี้จะไม่มีกับวัยรุ่นหรือแม้แต่คนทั่วไปเพราะเขาคิดว่ายังมี เวลาเหลือเฟือในโลกนี้

ความสุขจะหาได้ง่ายขึ้นมาก ถ้าเราตระหนักว่าเราต้องตายไม่ช้าก็เร็ว มีบางคนที่ทุกเย็นเมื่อได้เห็นหน้าลูก หน้าสามีภรรยา แค่นี้เขาก็มีความสุข และขอบคุณชีวิต ในขณะที่หลายคนกลับมีความสุขยากเหลือเกิน ต้องการโน่น ต้องการนี่ ตัวเองมีอยู่แล้วก็ไม่พอ ก็เพราะเขาลืมว่าสักวันหนึ่งเขาต้องตาย ไม่ว่าจะได้อะไรมาก สักวันหนึ่งก็ต้องสูญเสียมันไป”

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ธรรมกลางป่า สุขกลางใจ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 25, 2020, 02:49:24 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/it/200625074936.jpg) (http://picture.in.th/id/9dcd5abb3d0fa6c0cc3768a3ef8a5fa9)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ธรรมกลางป่า สุขกลางใจ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



ธรรมนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง มิได้จำกัดอยู่แต่ในวัด คัมภีร์ หรือคำเทศนาเท่านั้น แต่มีสถานที่บางแห่งที่เอื้อให้เราเห็นธรรมได้ง่ายขึ้น เช่น ป่าเขาลำเนาไพร ทั้งนี้เพราะความสงบสงัดช่วยน้อมใจเราให้สงบ สามารถเห็นกายและใจตามความเป็นจริงได้ชัดขึ้น ขณะเดียวกันวัฏจักรของธรรมชาติรอบตัว ก็แสดงสัจธรรมให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ทำใจให้ว่าง อยู่กับปัจจุบัน ธรรมก็ปรากฏให้เห็นผ่านต้นไม้ สายน้ำ ขุนเขา และสิงสาราสัตว์

เมื่อพาตัวมาอยู่ท่ามกลางป่าเขา เราย่อมมิอาจพึ่งพาความสุขและความสะดวกสบายซึ่งมีอยู่อย่างครบครันจากชีวิตในเมืองได้อีกต่อไป นั่นคือโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และเข้าถึงความสุขจากชีวิตที่เรียบง่าย รวมทั้งความสุขจากใจของเรา ความสุขนั้นมีอยู่แล้วกลางใจเรา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนัก เพราะมัวเพลิดเพลินกับความสุขจากวัตถุสิ่งเสพภายนอก วิถีชีวิตที่ดึงจิตออกนอกตัวตลอดเวลา จนรู้สึกแปลกแยกกับตัวเอง ยิ่งทำให้ผู้คนตัดขาดจากความสุขด้านใน อันเป็นความสุขที่ประณีตลึกซึ้ง ผลก็คือผู้คนพากันพึ่งพิงวัตถุสิ่งเสพจนขาดอิสรภาพ ต่อเมื่อตระหนักและสัมผัสได้ถึงความสุขกลางใจ เราจึงจะมีอิสรภาพอย่างแท้จริง

การหาเวลาปลีกตัวมาอยู่กลางป่าเพื่อเปิดใจสัมผัสธรรมและความสุขภายใน เป็นการให้รางวัลแก่ตนเองอีกอย่างหนึ่ง ที่เรามิพึงมองข้าม ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้เราเรียนรู้ที่จะมีความสุขในทุกที่ เห็นธรรมในทุกสถาน ถึงตอนนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่เรา ใจก็เป็นปกติอยู่ได้ เพราะเห็นถึงความเป็นธรรมดาของมัน ถึงแม้จะเป็นความเจ็บป่วย ความพลัดพรากสูญเสีย หรือความตายก็ตาม

พระไพศาล วิสาโล






(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “คืนสู่สามัญ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 25, 2020, 03:04:18 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ia/200625080504.jpg) (http://picture.in.th/id/b561428320fbc0ebff3f7a310ae95992)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  คืนสู่สามัญ  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความพลัดพราก ความสูญเสีย และความไม่สมหวังอย่างไม่เป็นทุกข์ สามารถเข้าถึงความสงบเย็นได้ท่ามกลางความผันผวนของโลกและชีวิต อีกทั้งยังสามารถเอื้อเฟื้อเกื้อกูลและเป็นมิตรกับผู้อื่นได้ โดยไม่แบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง ทั้งหมดนี้เราสามารเรียนรู้ได้จากชีวิตสามัญที่มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งมิตรและศัตรู มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:09:46 am
(http://image.free.in.th/v/2013/id/200626031212.jpg) (http://picture.in.th/id/78aab4ea04bcd413120928d9c222567a)



ได้ฟังเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ประเทศอเมริกา น่าสนใจทีเดียว เธอเล่าว่าวันหนึ่งขณะกินอาหารในร้านอาหาร มีชายไร้บ้านหรือภาษาชาวบ้านว่าคนจรจัดเข้ามาในร้าน สั่งขนมปัง สั่งอาหาร แต่ว่ามีเงินเพียงแค่ 1 เหรียญ หรือประมาณ 30 บาท

เมืองไทย 30 บาท ทานอาหารได้ 1 อิ่ม แต่ในเมืองนอกซื้ออาหารได้น้อยมาก และอาหารที่สั่งไม่พอสำหรับหนึ่งเหรียญ ผู้หญิงคนนี้เธอชื่อเคซี่ เลยออกเงินเพิ่มให้และชวนชายจรจัดมากินอาหารด้วยกันบนโต๊ะ

ชายคนนั้นก็แปลกใจแต่ว่ายินดีที่มาร่วมกินอาหารร่วมกับโต๊ะกับผู้หญิงคนนี้ คุยไปเลยได้รู้ว่าเขามีความทุกข์มาก เขาบอกใครๆ ก็รังเกียจเหยียดหยันเพราะเขาเป็นคนจรจัด เขาจะไปไหนก็มีคนรังเกียจ เพราะเห็นว่ายากจนเนื้อตัวสกปรก มอมแมม เขาบอกว่าตัวเขาเกลียดยาเสพติด แต่สุดท้ายก็ติดยา อันนี้คงเป็นเหตุผลที่ทุกคนไม่อยากเข้าใกล้เพราะโทรมเหลือเกิน

พ่อทิ้งเขาตั้งแต่เล็ก เขาอยากทำความดีให้แม่ภูมิใจแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะแม่ป่วยตายเป็นมะเร็ง ชีวิตเขาไม่มีทางออกก็อยู่ไปวันๆ อันนี้ก็เป็นเรื่องราวที่เขาเล่าให้ผู้หญิงที่ชื่อเคซี่ฟัง คุยกันอยู่นาน แล้วพอจะเลิกกันผู้ชายคนนี้ก็เอาเศษกระดาษมาเขียนข้อความประมาณ 4-5 ประโยค และขยำๆ แล้วยื่นให้เธอ แล้วเขาก็เดินจากไป

เคซี่ก็เอาเศษกระดาษเปิดดูว่าชายคนนั้นเขียนว่าอะไร เขาบอกว่า

วันนี้ผมคิดจะฆ่าตัวตายแต่เป็นเพราะคุณทำให้ผมเปลี่ยนความคิด คุณทำให้ผมอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป คุณเป็นคนที่งดงามมาก

เคซี่พอฟังก็นึกไม่ถึงว่าแค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้กับผู้ชายคนนี้ ที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ สามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจไม่ฆ่าตัวตายได้ จะเรียกว่าความเมตตากรุณาของเธอเพียงเล็กน้อยสามารถช่วยดึงเขาออกจากปลักแห่งนรกได้ จากปลักแห่งความทุกข์ได้

คนเราเวลามีความทุกข์มากบางครั้งก็คิดถึงการฆ่าตัวตาย แต่คนที่มีความทุกข์จิตใจเขาก็อ่อนไหวถ้ามีใครสักคนมีน้ำใจกับเขามีความเมตตากรุณาเขา หรือใส่ใจเขา มันก็สามารถทำให้เขาเปลี่ยนความคิดได้ มันสามารถที่ฉุดเขาออกจากนรกขึ้นมาได้ แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะก็ตาม เงินที่เคซี่ช่วยให้กับผู้ชายคนนี้ก็ไม่มากอาจจะ 3 4 5 เหรียญ แต่ว่ามันสามารถที่จะช่วยชีวิตของคนคนหนึ่งไว้ได้ อันนี้เป็นอานิสงค์ของความ เมตตา กรุณา

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล​

อ่านต่อ / ฟัง ได้ที่
https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-01-16-49-25.html (https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-01-16-49-25.html)








(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:13:23 am
(http://image.free.in.th/v/2013/it/200626031503.jpg) (http://picture.in.th/id/25905174d96d5cc101fd8f3cddf7533e)




ชีวิตของคนเรานี้ก็เหมือนกับใบบัวนะ ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส เวลาอยู่กลางแจ้ง เจอแดดก็ย่อมร้อน เจอฝนก็ย่อมเปียกถ้าไม่มีร่ม แต่ถ้ามีร่ม ฝนมาก็ไม่เปียก แดดส่องก็ไม่ร้อน คนที่ปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน คนที่สร้างมงคลอันสูงสุดให้เกิดขึ้นกับตัว จะเป็นผู้ที่อยู่กับโลกได้โดยไม่ทุกข์กับโลก

คนส่วนใหญ่เมื่ออยู่กับโลกเขาก็ทุกข์กับโลก แต่คนที่ปฏิบัติธรรมหรือศึกษาปฏิบัติดีแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่เจอกับเรื่องร้ายๆ จะไม่เจอกับโลกธรรมฝ่ายลบ แม้แต่พระพุทธองค์ยังประสบกับการถูกนินทาว่าร้าย ถูกคนประสงค์ร้ายหลายครั้ง แต่พระองค์ก็ไม่ทุกข์

พวกเราที่ใฝ่บุญ ชอบทําบุญสุนทาน ล้วนคาดหวังว่าจะเจอสิ่งดีๆ ในชีวิต อธิษฐานว่าอย่าให้เจอสิ่งที่ไม่ดี แต่มันเป็นไปไม่ได้นะ ไม่ว่าเราจะทำบุญแค่ไหนก็ต้องเจอสิ่งที่ไม่ดี เจอความพลัดพรากสูญเสีย อย่างน้อยๆ ก็ต้องเจอกับความแก่ ความเจ็บ แล้วสุดท้ายก็ความตาย ในระหว่างนั้นก็ต้องเจอกับคำตำหนิ คำนินทา ต้องเจออะไรอีกหลายอย่างที่เราถือกันว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี

ฉะนั้นแม้เราจะทำความดีสร้างบุญสร้างกุศลมา ก็อย่าไปคิดว่าจะไม่เจอกับสิ่งเหล่านี้ และก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นทุกข์เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็สามารถรักษาใจให้ไม่หวั่นไหวได้ เพราะเรามีธรรมะ เพราะเราฝึกไว้ดีแล้ว

พระไพศาล วิสาโล

เติมธรรมะลงในชีวิต ๑๐ปีสวนโมกข์กรุงเทพ






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:16:54 am
(http://image.coolz-server.com/s/ZGWVovuC) (http://image.coolz-server.com/v/ZGWVovuC)


การจมอยู่ในความเศร้าเพราะอกหักก็เป็นการทำร้ายตัวเอง ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เห็นคุณค่าของเรา แต่เป็นเราเองแหละที่ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง การที่เขาไม่เห็นคุณค่าของเรานั้นเป็นเรื่องของเขา แต่ที่แย่กว่านั้นคือ การที่เราไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ถึงขั้นทำร้ายตัวเอง แม้ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แต่อย่างน้อยก็ทำร้ายจิตใจ เอาแต่จมอยู่ในความเศร้า นั่งเจ่าจุก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนสุขภาพย่ำแย่ เพื่อนมาชวนไปเที่ยวเพราะอยากช่วยให้เราคลายจากความเศร้า ก็ไม่ยอมไป ฉันจะขอนั่งเศร้าเจ่าจุกอยู่อย่างนี้ อย่างนี้เรียกว่าทำร้ายตัวเอง

ใครพูดไม่ดีกับเรา ใครทำอะไรไม่ดีกับเรา ผ่านไปเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน ก็ปล่อยให้ความโกรธเผาลนจิตใจ แทนที่จะหาทางดับความโกรธ กลับปล่อยให้ความโกรธมันเผาจิตใจ ด้วยการครุ่นคิดถึงคนคนนั้น ไม่มีใครสั่งให้เราคิดถึงคนคนนั้นบ่อย ๆ ไม่มีใครขอร้อง แต่ว่าเป็นเราเองที่เอาแต่คิดถึงคนคนนั้น คิดถึงการกระทำหรือคำพูดของเขา แล้วเป็นอย่างไร มันก็เหมือนกับการเอามีดกรีดแทงใจ

คนที่ด่าเราหรือกลั่นแกล้งเรา เขาไม่สามารถยัดเยียดความโกรธให้เราได้ แต่เป็นจิตใจของเราเองที่ปล่อยให้ความโกรธเผาลน ไม่ใช่ปล่อยอย่างเดียว ยังส่งเสริมด้วย คือการครุ่นคิดถึงเขา คิดถึงการกระทำของเขา ทั้ง ๆ ที่เกลียดเขา โกรธเขา แต่ทำไมยังคิดถึงเขาไม่เลิกรา ไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมวาง เพราะอะไร ก็เพราะว่าเราไม่ได้รักตัวเอง เราไม่เป็นมิตรกับตัวเอง จึงซ้ำเติมตัวเอง

เวลาเจอเหตุร้าย ไม่ใช่แค่สูญเสียของรัก คนรัก หรือว่าถูกคนกลั่นแกล้งเท่านั้น เวลาเจ็บป่วยก็เหมือนกัน แทนที่จะป่วยแต่กาย ก็ปล่อยให้ใจป่วยด้วย จมอยู่กับความวิตกกังวล เอาแต่เฝ้าลงโทษตัวเองด้วยการบ่นคร่ำครวญ “ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมต้องเป็นฉัน” คำพูดตัดพ้อแบบนี้ทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว หรือบางทีรู้ตัวแต่ก็ยังทำ อะไรที่จะช่วยทำให้เรามีความสุขก็ปฏิเสธ

มีผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนเป็นนักเรียนวัยรุ่นเป็นคนหน้าตาดี มีเพื่อนเยอะ ต่อมาก็พบว่าตัวเองเป็นโรคแพ้ภูมิคุ้มกันของตัวเอง หรือที่เรียกว่าโรคพุ่มพวง ทำให้มีอาการหน้าบวม จากคนที่เคยรู้สึกว่าตัวเองสวย พอหน้าตาไม่สวยเหมือนเมื่อก่อน เธอก็รู้สึกอับอาย นอนป่วยอยู่ที่บ้าน เจ็บป่วยอย่างเดียวก็แย่อยู่แล้ว แต่เวลาที่เพื่อนมาเยี่ยม เธอก็ไม่ยอมให้เพื่อนเยี่ยม บางครั้งให้แม่ไปบอกเพื่อนว่าเธอหลับแล้ว บางครั้งก็ให้โกหกว่าเธอไม่อยู่บ้าน พยายามปฏิเสธไม่ให้เพื่อนเข้ามาเยี่ยม แต่พอไม่ได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนเธอก็ทุกข์ ตอนหลังเธอก็คิดได้ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นคือการหนีความสุข อันนี้เป็นคำของเธอ บางครั้งความสุขมาหาเธอถึงบ้าน แต่เป็นเธอเองที่ปฏิเสธ

เหมือนกับคนที่กำลังเศร้า เพื่อนมาชวนให้ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่จะได้หายเศร้า ก็ปฏิเสธ ไม่ยอมไป ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกัน เธอปฏิเสธการพบปะของเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ปรารถนากำลังใจจากเพื่อน แต่กลับปฏิเสธ อย่างนี้เรียกว่า “หนีความสุข” ซึ่งเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างหนึ่ง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

ธรรมบรรยาย พระไพศาล วิสาโล
ปี ๒๕๖๑ ตอนที่ ๑ พบมิตรที่ใจ





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:30:58 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/200626033334.jpg) (http://picture.in.th/id/94da7ea2cad998b24dc62b0290868951)



เมื่อหลายสิบปีก่อนนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำเคยมีความมั่นใจว่าจะเอาชนะเชื้อโรคทั้งหลายได้ ผู้คนจะไม่ล้มป่วยเพราะโรคติดเชื้ออีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นเชื้อโรคทั้งหลายอาจจะสูญพันธุ์ไป เช่นเดียวกับไข้ทรพิษ ทั้งนี้ก็เพราะเรามีวัคซีน ยาปฏิชีวนะ รวมทั้งยานานาชนิดที่จะพิชิตโรคเหล่านี้ได้อย่างเด็ดขาด

แต่มาถึงวันนี้เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าโลกที่ปลอดเชื้อโรคนั้นเป็นไปไม่ได้ เชื้อโรคทั้งหลายฉลาดกว่าที่เราคิดมาก มันสามารถวิวัฒน์พัฒนา จนยาที่แรงที่สุดทำอะไรมันแทบไม่ได้เลย นอกจากผู้คนยังจะต้องล้มตายเพราะโรคเก่า ๆ ที่เรารู้จักดีแล้ว ยังจะมีโรคใหม่ ๆ ที่ผลัดกันมาสร้างปัญหาแก่คนทั้งโลก ไม่ว่า เอดส์ ซาร์ส อีโบล่า เมอร์ส ซิก้า และล่าสุดคือโคโรนาไวรัส

เชื้อโรคคือสิ่งที่คงอยู่คู่มนุษย์ฉันใด ความทุกข์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันนั้น โลกที่ปลอดเชื้อและชีวิตที่ปลอดทุกข์ เป็นได้แค่ความฝันที่มิอาจเป็นจริง อย่างไรก็ตามแม้รอบตัวเราจะเต็มไปด้วยเชื้อโรค แต่ร่างกายเราก็เป็นปกติสุขอยู่ได้ ไม่ล้มหมอนนอนเสื่อ

ในทำนองเดียวกัน แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยความทุกข์ แต่จิตใจเราก็สงบเย็นเป็นสุขได้ ร่างกายของเราไม่เจ็บป่วยไม่ใช่เพราะไม่มีเชื้อโรค แต่เป็นเพราะรู้จักรับมือกับเชื้อโรค ฉันใดก็ฉันนั้น จิตใจเราไม่เป็นทุกข์ไม่ใช่เพราะทุกอย่างราบรื่น แต่เป็นเพราะเราวางใจเป็นเมื่อเจอทุกข์

กายป่วย แต่ใจไม่ป่วยก็ได้ เสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสียก็ได้ เมื่อเจอความล้มเหลว ก็ล้มเหลวแต่งานส่วนใจไม่ล้มเหลว แถมยังได้บทเรียนและเกิดปัญญาเป็นกำไร นั่นเป็นเพราะเรารู้จักมอง ยอมรับมัน ไม่ปฏิเสธผลักไส หรือเอาแต่คร่ำครวญ ตีโพยตีพาย รวมทั้งรู้จักปล่อยวาง ทุกข์นั้นไม่เป็นปัญหา ถ้าเราไม่แบกมัน เช่นเดียวกับก้อนหินจะหนักต่อเมื่อเราแบก คำต่อว่าด่าทอทำอะไรเราไม่ได้ หากเราไม่ถือ คำตำหนิแม้เพียงเล็กน้อย ถ้าเราถือเมื่อใด ก็รุ่มร้อนหรือขึ้งเครียดเมื่อนั้น

เป็นเพราะใจเราเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ ไม่ถูก เมื่อเจอทุกข์ จึงเป็นทุกข์ แต่ถ้ารู้จักรับมือกับสิ่งต่าง ๆ เจอทุกข์ ใจก็ไม่ทุกข์ ใจเราจะฉลาดในการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ได้ก็เพราะมีการฝึกฝนจนแคล่วคล่อง ถ้าปรารถนาความสุข ก็ต้องให้ความสำคัญกับการฝึกฝนใจ ดังมีพุทธภาษิตว่า “จิตที่ฝึกฝนดีแล้ว นำสุขมาให้”

พระไพศาล วิสาโล

๑๐ปีสวนโมกข์กรุงเทพ คนทุกคนในโลกคือคนๆเดียวกัน






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:34:26 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/200626033516.jpg) (http://picture.in.th/id/83d086ea8b68ca92a4ccb1b9a05e0522)


ความดีนั้นหากตั้งจิตไว้ไม่ถูกตั้งแต่แรก หรือไม่รู้ทันตนเองเมื่อได้ทำไปแล้ว ก็อาจเปิดช่องให้กิเลสครอบงำใจได้

นอกจากตัณหา (ความอยากได้นั่นได้นี่เป็นผลตอบแทนในทางปรนเปรอตัวตน) และมานะ (ความถือตัวถือตนว่าเหนือกว่าผู้อื่น) แล้ว ทิฏฐิก็เป็นกิเลสอีกชนิดหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น การยึดมั่นในความคิดว่าต้องดีเหมือนตนเท่านั้นจึงจะถูก ถ้าไม่ดีเหมือนตน หรือไม่ดีอย่างที่ตนคิด ก็แสดงว่าผิด

และสิ่งที่มักจะตามมาก็คือ ความไม่พอใจ การดูถูก หรือถึงกับเกลียดชังคนที่ไม่ดีเหมือนตน ยิ่งคน ๆ นั้นเป็นคนใกล้ตัว รู้สึกรักหรือผูกพัน ก็ยิ่งเป็นทุกข์เพราะความผิดหวัง จนกลายเป็นความโกรธเคืองอย่างรุนแรง

ชายผู้หนึ่งเป็นคนชอบทำบุญ ช่วยงานวัดไม่ขาด ส่วนลูกชายนั้นไม่สนใจเข้าวัดเลย ชอบสนุกตามประสาวัยรุ่น พ่อพยายามเคี่ยวเข็นอย่างไรก็ไม่เป็นผล จึงไม่พอใจลูก ในที่สุดก็มีปากเสียงกันจนลูกไม่คุยกับพ่อ พ่อยิ่งขุ่นเคืองใจหนักขึ้นเพราะไม่คิดว่าลูกจะปฏิบัติกับพ่ออย่างนั้น

วันหนึ่งลูกขอยืมรถพ่อขับไปบ้านเพื่อน พ่อปฏิเสธเพราะค่ำแล้ว ลูกควรอยู่บ้าน แต่พอพ่อเผลอ ลูกก็แอบเอารถพ่อไปใช้ พ่อโกรธมากที่ลูกไม่เชื่อฟังพ่อ ไปตามลูกกลับมา เมื่อถึงบ้านก็ทะเลาะกันอย่างรุนแรง ด้วยอารมณ์โกรธชั่ววูบ พ่อเห็นปืนอยู่ใกล้ ๆ จึงคว้าปืนมายิงลูกตาย พอรู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป ก็ทำใจไม่ได้ ยิงตัวตายไปพร้อมกับลูก

พ่อนั้นเป็นคนธัมมะธัมโม อยากให้ลูกเป็นคนดี แต่พอลูกไม่ดีอย่างที่ตนคิด ก็ไม่พอใจลูก ทั้ง ๆ ที่ลูกไม่ได้เที่ยวสำมะเลเทเมาที่ไหน ความไม่พอใจกลายเป็นความโกรธเมื่อลูกมึนตึงกับตน เพราะคนดีย่อมไม่ทำเช่นนั้นกับพ่อบังเกิดเกล้า ยิ่งลูกขัดขืนคำสั่งของพ่อ แถมไม่ยอมรับผิด เถียงพ่อไม่หยุดหย่อน ใช้ถ้อยคำรุนแรง ขาดสัมมาคารวะ พ่อก็ยิ่งโกรธลูก จากความโกรธก็ลามเป็นความเกลียด จนในที่สุดก็ห้ามใจไม่อยู่ ยิงลูกตายคาที่

ความดีนั้นหากยึดติดถือมั่นมาก สามารถนำไปสู่การทำชั่วได้ไม่ยาก เพราะเมื่อพบว่าคนอื่นไม่ดีเหมือนตน หรือไม่ดีตามความคิดของตน ย่อมเกิดความเกลียดและโกรธตามมา ถ้าไม่รู้ทัน ปล่อยให้มันครองใจ ก็สามารถทำร้ายเขาได้ง่ายมาก ไม่ด้วยการกระทำก็ด้วยคำพูด

จะว่าไปแล้วความยึดติดถือมั่นนั้นไม่ว่ากับอะไรก็ตาม แม้กระทั่งกับสิ่งที่ดีงามหรือประเสริฐ ก็สามารถผลักดันให้เราทำสิ่งที่เลวร้ายได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อเจอคนที่ไม่ได้ยึดถือสิ่งเดียวกับเรา เช่น ศาสนา ศีลธรรม อุดมการณ์ หรือประเพณีพิธีกรรม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยจับอาวุธเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ในนามของศาสนาหรืออุดมการณ์ที่ถือว่าดีงาม

เมื่อใดก็ตามที่เราเชื่อมั่นว่าเรากำลังยึดถือสิ่งที่ดีงาม เป็นไปได้ง่ายมากที่เราจะมองคนที่คิดหรือนับถือต่างจากเราว่าเป็นคนที่หลงผิด และเห็นเขาเป็นคนเลวในที่สุด ทันทีที่เห็นว่าเขาเป็นคนเลว ความเกลียดโกรธก็ตามมา จากนั้นการมุ่งร้ายก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก

เริ่มจากการประณามหยามเหยียดเขาอย่างสาดเสียเทเสีย ต่อด้วยการทำร้ายเขาด้วยวิธีสกปรก โดยรู้สึกว่าตนมีความชอบธรรมที่จะกระทำเช่นนั้น (“คนเลว ๆ อย่างมัน สมควรแล้วที่จะต้องเจอแบบนี้”) กลายเป็นว่ายิ่งเห็นเขาเป็นคนเลวมากเท่าไร ก็ยิ่งประจานตัวเองด้วยการทำสิ่งเลวร้ายมากเท่านั้น ยิ่งคิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐกว่าผู้อื่น ก็ยิ่งถลำเข้าสู่ความเสื่อมจนตกต่ำย่ำแย่กว่าเขา

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

รวมบทความ งานเขียน ธรรมบรรยาย ===> http://www.visalo.org/?fbclid=IwAR1JE3l6aB2BUVqe2EG3PP8NV4gVylDziYgdcIpjbeu6Hd6idBIbCvZIChg (http://www.visalo.org/?fbclid=IwAR1JE3l6aB2BUVqe2EG3PP8NV4gVylDziYgdcIpjbeu6Hd6idBIbCvZIChg)






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)



หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:39:22 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ic/200805113740.jpg) (http://picture.in.th/id/543a044c4e9880fcc3fd3b2504c39475)



คราวหนึ่งอาตมาเดินขึ้นดอยไปกับคณะธรรมยาตรา มัคคุเทศก์ที่เป็นชาวเขาเขาแนะว่าให้เดินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบเดิน แต่เนื่องจากอาตมาติดนิสัยคนเมือง ชอบเดินไว พอขึ้นเขาก็เดินจ้ำเลย ไม่นานก็เหนื่อย อยากจะพัก มัคคุเทศก์ก็บอกว่าอย่าพักนะ เพราะการนั่งทำให้เส้นตึง การเดินขึ้นเขาแบบจ้ำเอา ๆ ทำให้เหนื่อยเร็ว ยิ่งเดินก็ยิ่งเหนื่อย

ตอนหลังจึงพยายามคุมสติ มีสติกับการเดินแต่ละก้าว เดินช้า ๆ ไม่รีบ ตามลมหายใจไปพร้อมกับการเดินทีละก้าว ทีละก้าว เหมือนกับหนังสโลว์โมชั่น (Slow Motion) บางครั้งใจอยากจะรีบไปให้ถึงก็เผลอจ้ำเท้า แต่พอเรามีสติก็ถอนความรีบความเร่งออกมา เดินช้าๆ ปรากฎว่าสามารถเดินได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องหยุดพักเลยก็ได้

ทำไมถึงไม่ต้องพัก ก็เพราะเราได้พักในแต่ละก้าวแล้ว พักในแต่ละก้าวที่เดินขึ้นเขา

มีฝรั่งคนหนึ่งเดินเร็ว เขาต้องการแสดงความสามารถอะไรไม่ทราบ ก็เดินจ้ำเอา ๆ ๆ เสร็จแล้วปรากฏว่าเราซึ่งเดินช้า ๆ สบาย ๆ กลับเดินผ่านเขาไป เพราะว่าเขานั่งพักหอบแฮ่ก ๆ

การเดินช้าๆ นี่กลับทำให้ถึงไว ในที่สุดก็ไปถึงก่อนใคร ๆ เพราะว่าเปลี่ยนวิธีการเดิน คือเดินช้าๆ ไม่รีบ ไม่เร่ง ไม่คิดจะไปให้ถึง แล้วก็ไม่สนใจเป้าหมาย ไม่สนใจเวลา ใจจดจ่ออยู่กับแต่ละก้าวโดยประสานกับลมหายใจ

ก็เลยได้คิดขึ้นมาว่า ยิ่งรีบให้ถึงไวๆ กลับถึงช้า แต่พอไม่รีบ กลับถึงก่อน ถึงก่อนเพราะไม่ต้องพัก เพราะได้พักในแต่ละก้าวอยู่แล้ว

คนเรามักคิดว่า เดินก็ส่วนเดิน พักก็ส่วนพัก คนละเรื่องกัน ที่จริงไม่ใช่ การเดินสามารถเป็นการพักในตัวได้ ในทำนองเดียวกัน เวลาทำงานเราสามารถพักไปในตัวได้ โดยไม่ต้องอู้งานเลยด้วยซ้ำ

อย่าคิดว่าการทำงานกับการพักเป็นคนละเรื่องคนละส่วน เวลานี้ทำงาน เวลานั้นพัก ความจริงเราสามารถทำให้การงานเป็นการพักไปด้วยกันได้ โดยเฉพาะถ้าเรามีสติอยู่กับงาน ไม่เร่งไม่รีบ ไม่รน ถ้ารนเมื่อไหร่ก็จะเหนื่อย เพราะจะหักโหม จะเร่งให้เสร็จไว ๆ

ข้างนอกอาจดูเฉยๆ แต่ข้างในใจร้อนผ่าวเพราะอยากจะถึงไว ๆ ลองสังเกตดูก็ได้เวลาเดินจงกรมทำสมาธิ พอบอกว่าให้ทำสมาธิชั่วโมงหนึ่ง ทำไป ๆ ใจก็จดจ่ออยู่กับนาฬิกาว่า เมื่อไหร่จะครบชั่วโมง ทีนี้แหละการเดินหรือการปฏิบัติธรรมก็กลายเป็นเรื่องยากเรื่องทุกข์ขึ้นมา เพราะเฝ้าคอยว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิก เกิดอาการรนหรือร้อนขึ้นมา เลยทำด้วยความทุกข์ แต่พอไม่สนใจเวลา เวลากลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เพราะฉะนั้นเวลาทำงาน ถ้าเราสามารถทำให้การงานกับการพักไปด้วยกันได้ จะดีมาก

พระไพศาล วิสาโล

เติมธรรมะลงในชีวิต ๑๐ปีสวนโมกข์กรุงเทพ





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:44:38 am
(http://image.free.in.th/v/2013/id/200626034717.jpg) (http://picture.in.th/id/37e41f37e2784a8d277e635a4f25a8a4)




พวกเรานับถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ต้องนับถือให้เป็น นับถือให้ถูก ไม่ได้หวังพึ่งอิทธิปาฏิหาริย์ หรืออานุภาพจากพระองค์

หลายคนยังเชื่อว่า พระพุทธเจ้าแม้เสด็จดับขันธ์พระปรินิพานไปแล้ว ก็สามารถอำนวยอวยผลให้กับตนเองได้ ถ้าหากว่าทำบุญเยอะๆ มีศรัทธามากๆ หล่อพระพุทธรูป ไม่สนใจว่าพระองค์สอนอะไร อันนี้เป็นศรัทธาที่ไม่ถูกต้อง

การมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ต้องปฏิบัติให้ถูก คือนับถือเพื่อที่จะให้เราจิตใจสูงขึ้น กิเลสน้อยลง ความเห็นแก่ตัวน้อยลง อวิชชาน้อยลง การนับถือเพื่อยกจิตเราให้สูงขึ้น ไม่ใช่นับถือแบบยึดติดแล้วดึงให้พระรัตนตรัยต่ำลง

มี 2 อย่าง คือ การยึดถือ และการนับถือ

นับถือทำให้จิตใจเราสูงขึ้น เพราะท่านเป็นของสูง ยิ่งเรานับถือ กาย วาจา ใจเราก็งดงาม กิเลสก็เบาบาง อันนี้เรียกว่านับถือแล้วจิตใจสูงขึ้น แต่นับถือไม่ถูกทำให้พระรัตนตรัยถูกฉุดลงมาต่ำลง มาสนองกิเลสของเรา

เดี๋ยวนี้เราก็เห็นว่า การนับถือของชาวพุทธจำนวนมากทำให้พระรัตนตรัยต่ำลง เห็นพระพุทธเจ้าเป็นเพียงแค่ผู้วิเศษ ที่จะมาสนองกิเลสของเรา เจอพระพุทธรูปแทนที่จะทำให้จิตใจมีศรัทธาในการประพฤติปฏิบัติ กลับนึกถึงว่าพระพุทธรูปจะบอกหวยให้เลขอะไรกับเราบ้าง กลายเป็นว่า พระพุทธรูปเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สนองกิเลสของเรา แต่ไม่ใช่เป็นตัวแทนแห่งธรรมะ ที่ทำให้จิตใจเราสูงขึ้นหรืออย่างน้อยสงบจากกิเลส หายเร่าร้อนเพราะความทุกข์...

ควรตรวจสอบศรัทธาของเราว่าเป็นแบบไหน ไม่ว่าศรัทธาในพระรัตนตรัย ศรัทธาในครูบาอาจารย์ เป็นศรัทธาแบบงมงาย หรือเป็นศรัทธาประกอบไปด้วยปัญญา เป็นศรัทธาที่มุ่งสนองตัวกู หรือเอาธรรมะเป็นใหญ่

ถ้าเรามีศรัทธาที่ถูกต้อง เป็นศรัทธาที่ประกอบไปด้วยปัญญา ทำความเพียร มุ่งลดละกิเลส ถือเป็นศรัทธาที่ทำให้ชีวิตจิตใจเจริญงอกงาม และเป็นการผดุงเชิดชูพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง

พระไพศาล วิสาโล

อ่าน/ฟัง ได้ที่ https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-16-05-52.html (https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-16-05-52.html)

เติมธรรมะลงในชีวิต ๑๐ปีสวนโมกข์กรุงเทพ






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:48:55 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/200626035336.jpg) (http://picture.in.th/id/38aa45a7958348ec20dbf67fda01f24d)



หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดัง เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ หลวงพ่อปานเคยเล่าว่าสมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก 3-4ขวบ วันหนึ่งยายใกล้จะตาย...ลูกหลานก็มาพูดเพื่อนำทางผู้ตาย ประเพณีคือมาบอก อะระหัง กับผู้ที่กำลังจะตายคือยายว่า

“อะระหัง อะระหัง นะแม่ ภาวนา อะระหัง ไว้นะ เดี๋ยวพระอรหันต์จะมาช่วย”

ก็พูด อะระหัง อะระหัง อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งยายสิ้นลม

ต่อมาหลังจากนั้นไม่กี่วัน ขณะที่กำลังกินข้าวอยู่ คนไทยสมัยก่อนกินข้าวเป็นวงพร้อมกันพร้อมหน้า เด็กชายปานอารมณ์ดีครึ้มอกครึ้มใจอาหารอร่อยเลยพูดขึ้นมาว่า อะระหัง อะระหัง ปรากฏว่าแม่โกรธมากเลย บอกว่า

“มึงจะไปตายก็ไปตายคนเดียว จะมาพูด อะระหัง ที่นี่ได้ยังไง คำว่า อะระหัง คนจะตายเขาถึงจะพูดกัน แล้วมึงมาพูด อะระหัง เนี่ยนะ เป็นลางร้ายจะแช่งให้คนอื่นพลอยตายไปด้วย”

เด็กงงเลย ที่จริงก็น่าจะงงนะ ถ้าอาตมาอยู่ตรงนั้นคงงงเหมือนกัน เพราะว่า อะระหัง เป็นคำดี อย่างเมื่อกี้เราก็สวด สัมมาอะระหัง ดีเพราะอะไร เพราะทำให้เราระลึกถึงพระพุทธเจ้า

อะระหัง แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส เป็นคุณนาม หรือคุณสมบัติอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า เรียกว่า อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ แปลว่าเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง

คนจำนวนมากสมัยก่อน อาจจะรวมถึงสมัยนี้ด้วย ไปเข้าใจว่าคำว่า อะระหัง เอาไว้พูดกับคนตาย หรือคนใกล้ตาย

จนกระทั่งตอนหลังเด็กชายปานมาบวชพระจนได้เข้าใจว่า อะระหัง เป็นคำดี เป็นสุดยอดเลย คำว่า ไกลจากกิเลส หรือพ้นกิเลส พ้นทุกข์ เป็นของดี ของวิเศษทีเดียว

ตอนหลังก็มาแนะนำให้โยมแม่เข้าใจว่า อะระหัง แปลว่าอะไร แล้วก็ไม่ได้ใช้เฉพาะเวลาพูดกับคนตาย เวลาถวายสังฆทาน เวลาจะทำความดี เวลาจะรักษาศีล สมาทานศีล เราก็อ้างถึงคุณพระรัตนตรัย...

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นสิ่งที่ลึกไปกว่านั้นอีก คือไปเกิดความเข้าใจว่าธรรมะจะเอามาใช้ก็ต่อเมื่อในยามที่ประสบทุกข์ หรือว่าจะนึกถึงธรรมะก็ในยามที่เจ็บป่วยใกล้ตาย จะใกล้ตายแล้วค่อยมาเอ่ยถึง อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ หรือว่านึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระอรหันต์

แต่ในเวลาปกตินึกถึงก็ดีพูดถึงก็ดี กลายเป็นไม่ดีไป กลายเป็นแช่งไป หรือว่าเวลาปกติแล้วก็ไม่นึกถึงพระธรรม ไม่นึกถึงคำสอนของพระเจ้าเลย ก็ไม่ถูกนะ

เพราะยิ่งเวลาปกติ ยิ่งเวลามีความสุข มีความสำเร็จ มีความเจริญ ยิ่งต้องนึกถึงธรรมะให้มากๆ เพราะว่าความสุข ความเจริญ ความสำเร็จ ยังไงก็ไม่เที่ยง สักวันหนึ่งต้องเสื่อมต้องสลายไป สุขภาพที่เราดีวันนี้ สักวันหนึ่งก็ต้องกลายเป็นเจ็บต้องป่วย ที่ยังหนุ่มยังสาวต่อไปก็ต้องแก่ต้องเหี่ยวย่น ที่ร่ำรวยก็อาจจะกลายเป็นตกอับยากจนก็ได้

นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกบางคนได้เงินมา 40 ล้านบาท วันดีคืนคืนดีผ่านไป 7-8ปี กลายเป็นหนี้ซะแล้ว เป็นหนี้เป็นล้านเลย แถมบางคนติดเหล้าซะอีก เพราะอะไร เพราะว่าไม่ได้เฉลียวใจ ไม่ได้คิดว่าความสำเร็จ ความร่ำรวยเป็นของไม่เที่ยง ถ้าเกิดตอนที่เราสำเร็จ มีความสุข ระลึกถึงธรรมะเอาไว้ จะได้เตือนใจว่าถึงเวลาเสื่อม ถึงเวลาขาลง จะได้ไม่ทุกข์

อย่าไปคิดว่าธรรมะเอาไว้ใช้หรือนึกถึงเฉพาะตอนที่มีทุกข์ หลายคนพออกหัก ตกงาน เจ็บป่วยถึงค่อยนึกถึงพระ นึกถึงวัด ก็ดีอยู่นะ ดีกว่าไปนึกถึงเหล้า ไปนึกถึงอบายมุข หรือคิดฆ่าตัวตาย แต่ว่าถ้าจะให้ดีในยามสุขก็ต้องคิดถึงธรรมะ คิดถึงวัด คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้ด้วย ไม่ใช่คิดถึงอย่างเดียว ปฏิบัติด้วย จะทำให้ได้รับประโยชน์ในฐานะที่เป็นชาวพุทธอย่างเต็มที่

พระไพศาล วิสาโล

ฟัง/อ่าน ได้ที่ https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-16-07-35.html (https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-16-07-35.html)






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:54:56 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/200626035752.jpg) (http://picture.in.th/id/3ce70c80fbab8bc95d8bcf09bb59ff7c)


 
เวลาเราเอาขยะไปทิ้งโคนต้นไม้ บางทีก็เอาอุจจาระและซากพืชซากสัตว์ไปทิ้ง เหม็นก็เหม็น แต่เกิดอะไรขึ้นกับขยะและซากพืชซากสัตว์เหล่านั้น ปรากฏว่ารากต้นไม้เปลี่ยนขยะปฏิกูลและสิ่งเน่าเหม็นทั้งหลายให้กลายเป็นใบไม้และดอกไม้ไม้ที่สวยงาม เปลี่ยนอุจจาระปัสสาวะทั้งหลายให้กลายเป็นผลไม้ที่อร่อยหวานหอม

ผลไม้ที่เรากินลองพิจารณาดูเถอะ มันมาจากขยะทั้งนั้น ยิ่งถ้าเป็นบ้านนอก ก็ต้องรวมมูลสัตว์เข้าไปด้วย แต่จะเป็นอุจจาระปัสสาวะ ขี้หมูหรือขี้คน ต้นไม้ไม่เคยกลัวเลย รากไม้เปลี่ยนหมดให้กลายเป็นของดีของงาม ของหวานมีราคา กลายเป็นคุณประโยชน์แก่โลก

ทั้งใบและรากไม้ สามารถเปลี่ยนของที่เราไม่ชอบให้กลายเป็นของที่เราชอบได้ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี

คนเราต้องเรียนรู้จากต้นไม้บ้าง ต้นไม้เขาเปลี่ยนขยะปฏิกูลให้กลายเป็นดอกไม้ เปลี่ยนแดดร้อนให้กลายเป็นร่มเย็น เราก็ต้องรู้จักเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี ถ้าเราทำอย่างนี้ไม่ได้เราก็สู้ต้นไม้ไม่ได้ แต่ที่จริงทุก ๆ คนมีความสามารถที่จะทำอย่างต้นไม้ได้

เรามาลองดูว่าเราเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีได้อย่างไร อย่างคนที่ทำงานหนัก ยิ่งเจองานหนักมากเท่าไหร่เขายิ่งมีความอดทนความเข้มแข็ง การใช้แรงแม้จะทำให้เราเหนื่อย แต่ก็ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานดี บางครั้งมีเชื้อโรคเข้าไป ปรากฏว่าเชื้อโรคกลับทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีขึ้น สุขภาพแข็งแรง นี่ก็เรียกว่าเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี

ร่างกายของเราสามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีได้โดยที่เราไม่รู้ตัว มันเป็นธรรมชาติของร่างกายซึ่งทำงานเองโดยเราไม่ต้องสั่ง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 10:58:43 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/200626040101.png) (http://picture.in.th/id/4168b558954deffeaf450922439a85d2)



ความโกรธ ความเกลียด ความโลภ มันเป็นตัวร้ายก็จริง แต่ว่าถ้าเรารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ ทำให้มีสติมีปัญญาเพิ่มขึ้น มันก็กลายเป็นของดีขึ้นมาได้

เวลาเราโกรธ ถ้าเรามีสติสักหน่อย ถามตัวเองว่าโกรธเพราะอะไร แทนที่จะคิดแต่หาทางระบายโกรธ หรือว่าเล่นงานคนที่ทำให้เราโกรธ ลองพิจารณาดูว่าเราโกรธเพราะอะไร บางทีอาจจะช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น

เราโกรธเพราะว่าอัตตาของเราถูกกระทบใช่ไหม

เราโกรธเพราะคำพูดหรือการกระทำของเขากระทบจุดอ่อนของเราใช่ไหม

ตรงนี้เองที่ทำให้เรารู้ว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหน คนเรามักมองไม่เห็นจุดอ่อนของตัว บางคนยึดติดกับหน้าตาของตนเองมาก กระทบไม่ได้ เป็นจุดเปราะบางมาก ถ้ามีใครมาพูดแย้งตัวเองต่อหน้าคนอื่นจะโกรธ แต่พอได้หันมาพิจารณาจนมองเห็นว่าเราโกรธเพราะอะไร เป็นคนโกรธง่ายเพราะมีจุดอ่อนตรงนี้ ก็สามารถปรับปรุงแก้ไขตนเองได้ถูกต้อง ทำให้มีความสุขมากขึ้น แต่ถ้าไม่แก้ไขก็จะทุกข์อยู่เรื่อยไป

พระไพศาล วิสาโล

เติมธรรมะลงในชีวิต ๑๐ปีสวนโมกข์กรุงเทพ





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 11:49:34 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ic/200626042818.jpg) (http://picture.in.th/id/52fb1a0fb4788d42b8ed5aea4679f0c5)


ความเจ็บป่วยมีประโยชน์ไม่น้อย เพราะมาทำให้เราตระหนักว่าตอนที่ไม่เจ็บป่วยนั้นเป็นช่วงที่วิเศษอย่างยิ่ง เป็นช่วงที่เรามีความสุขอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัว แต่ตอนนั้นเราอาจไม่ตระหนักหรือไม่สนใจเอาเลย เพราะใจมัวไปสนใจเรื่องอื่น เช่น แข่งกันหาเงินหาทอง แสวงหาชื่อเสียง อะไรต่างๆ บางทีกลับจะเป็นทุกข์ด้วยซ้ำที่ไม่ได้สิ่งเหล่านั้นมาตามที่ต้องการ นี่แหละที่เรียกว่า มีสุขแต่ไม่เห็นสุข

แต่พอเจ็บป่วยขึ้นถึงจะรู้ว่าเงินทองชื่อเสียงมันไม่สำคัญเท่ากับการปลอดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ ตอนนั้นแหละเราจะเห็นคุณค่าของสุขภาพว่ามีความสำคัญอย่างไร และเราก็จะตระหนักว่าในยามที่มีสุขภาพดี ถึงจะมีเงินน้อย ไม่เด่นดังอะไร นั่นก็เป็นความสุขของชีวิตแล้ว เรีกว่าเป็นโชคของชีวิตก็ได้ นี่แหละคือประโยชน์ของความเจ็บไข้ได้ป่วย มันมาเตือนให้เราได้คิดว่าตอนที่เรายังมีสุขภาพดีนั้นมีค่าอย่างไรบ้าง

ที่จริงโรคภัยไข้เจ็บยังมีประโยชน์มากกว่านั้น มันเป็นสัญญาณเตือนว่าเรากำลังดำเนินชีวิตอย่างไม่ถูกต้อง ชีวิตของเราอาจกำลังเสียสมดุลไป เช่น ทำงานหนักมากไป หรือพักผ่อนน้อยไป หรือว่าเราอาจเรากินอาหารไม่ถูกต้อง กินอาหารขยะหรือน้ำตาลมากไป โรคภัยไข้เจ็บมากระตุ้นให้เราหันมาทบทวนการบริโภคหรือการใช้ชีวิตของเราว่าผิดพลาดที่ตรงไหนบ้าง มันมากระตุ้นให้เราปรับชีวิตจิตใจให้ถูกต้องทั้งการกิน การนอน การทำงาน รวมทั้งการวางจิตวางใจให้ถูกต้อง

จิตใจก็สำคัญเพราะถ้าเครียดมากไป หรือเป็นคนเจ้าอารมณ์ ก็ทำให้ป่วยได้ แม้แต่คนที่ชอบเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร ก็อาจเป็นโรคหัวใจได้ง่าย อันนี้เป็นข้อสรุปจากการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ เพราะคนที่ชอบเก็บตัวนั้นมีแนวโน้มที่จะเครียดหรือกังวลเรื้อรังจนป่วยในที่สุด เรื่องการกินการนอน การทำงานและจิตใจ ล้วนมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคภัยไข้เจ็บทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อเราล้มป่วยแล้ว อย่ามัวแต่ทุกข์ ให้รู้จักใช้ความเจ็บป่วยให้เกิดประโยชน์ ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ ก็เหมือนกับว่าเราได้กำไร เพราะสามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี หรือเปลี่ยนเคราะห์ให้กลายเป็นโชคได้

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 11:53:42 am
(http://image.free.in.th/v/2013/in/200626045622.jpg) (http://picture.in.th/id/86b5d8fe70b2a09b02098b96aa03b13f)



เวลาเราทำงานล้มเหลวก็เหมือนกัน อย่ามัวแต่เสียใจ เสียใจก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น และที่เราเสียใจก็เพราะว่าเราไปอยู่กับอดีตมากไป แต่ว่าถ้าเรามีสติมีปัญญา เราก็ต้องเอาสิ่งที่ผ่านไปแล้วมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับปัจจุบัน คือกลับไปมองดูว่าที่เราล้มเหลวนั้นเป็นเพราะอะไร มันสามารถบอกเราได้ว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง ผิดพลาดที่ตรงไหน เราจะได้แก้ไขจุดอ่อนหรือข้อผิดพลาดนั้นได้ ขอให้เรามองว่าความล้มเหลวเป็นครูที่สำคัญของเรา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองตรงนี้เท่าไหร่ มักจะมองว่าความล้มเหลวเป็นศัตรู ไม่อยากนึกถึง ไม่อยากเกี่ยวข้อง แต่ถ้าเรามองความล้มเหลวเป็นครู เราก็จะได้กำไร เพราะช่วยให้เราเกิดปัญญาขึ้นมา

คนเราจะสำเร็จได้บางทีก็ต้องผ่านความล้มเหลวมาก่อน แม้แต่พระพุทธเจ้า ถ้าพระองค์ไม่ได้เดินทางผิด ไปหลงบำเพ็ญทุกรกิริยามาถึงหกปีเต็ม บางทีพระองค์อาจจะไม่พบสัจธรรมเลยก็ได้ แต่เนื่องจากพระองค์เคยพลาดมาก่อน พลาดมาถึงหกปี เรียกว่าลงทุนลงแรงเต็มที่เลย อดอาหารจนกระทั่งร่างกายผ่ายผอม ทำทุกอย่างที่เป็นการทรมานตน แต่เมื่อพระองค์ไม่พบสัจธรรม ก็เลยได้คิดว่าเป็นเพราะพระองค์เข้าไปในทางสุดโต่งนั่นเอง พระองค์จึงนึกถึงทางสายกลาง

ทางสายกลางนี่พระพุทธองค์ค้นพบได้ก็เพราะประสบความล้มเหลวจากการถลำเข้าไปในทางสุดโต่งทั้งสองทาง ความผิดพลาดและความล้มเหลวจากการหมกมุ่นในกามสุขและการทรมานตนไม่ใช่เป็นสิ่งที่แย่ไปเสียหมด มันมีประโยชน์อย่างมากตรงที่ทำให้พระองค์ค้นพบทางสายกลาง อย่างนี้ก็เรียกว่ารู้จักเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี เอาความล้มเหลวเป็นครู

เราไม่ค่อยมองตรงนี้กันเท่าไหร่ อย่าคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นยอดมนุษย์ที่ประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง ที่จริงไม่ใช่ พระองค์เคยพลาดอย่างหนักมาแล้ว แต่พลาดแล้วพระองค์ตั้งตัวใหม่ได้ และเกิดปัญญามากขึ้น พวกเราก็เหมือนกัน อย่าไปกลัวความล้มเหลว ข้อสำคัญก็คือล้มเหลวแล้วต้องฉลาดมากกว่าเดิมต้องรู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลว ถึงจะเกิดปัญญา

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ตายได้อย่างสงบ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 26, 2020, 06:19:50 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/io/200626112148.jpg) (http://picture.in.th/id/27e512eb2fbd380a9b20bd2b63284f85)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  ตายได้อย่างสงบ (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


การหมั่นพิจารณามรณสติ จะทำให้เรารู้จักใช้ประโยชน์จากการสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหน แทนที่จะเอาแต่ทุกข์ไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว ควรถือว่าความสูญเสียเหล่านั้นมิใช่อะไรอื่นหากคือสัญญาณเตือนภัยว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องประสบกับความสูญเสียที่ใหญ่หลวงกว่านั้น

ถ้าหากเรายังทำใจกับความสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหนไม่ได้ เราจะรับมือกับความตายได้อย่างไร เพราะถ้าวันนั้นมาถึงเราจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ไม่ว่าทรัพย์สมบัติ ครอบครัว คนรัก อำนาจ ตลอดจนชีวิตจิตใจและร่างกาย รวมทั้งโลกที่เรารู้จัก

นอกจากการระลึกถึงความตายอยู่เสมอแล้ว เรายังสามารถเตรียมตัวเผชิญความตายได้ด้วยการหมั่นทำความดีอยู่เสมอ เพราะความดีนั้นช่วยเสริมสร้างคุณภาพจิต ให้มีความสงบเย็น และเป็นปกติ ขณะเดียวกันการละเว้นความชั่วก็ทำให้จิตไร้สิ่งเศร้าหมอง คุณภาพจิตเหล่านี้มีความสำคัญมากในวาระสุดท้ายของชีวิตเพราะช่วยประคองใจไม่ให้อารมณ์อกุศลเข้ามาครอบงำจนเกิดความทุกข์ทรมาน ขณะเดียวกันความอิ่มเอิบปีติก็จะเกิดขึ้นเมื่อระลึกถึงบุญกุศลที่ได้เคยทำ ทำให้จากไปอย่างสงบ

ในทางตรงกันข้ามกับคนที่ทำความชั่วอยู่เป็นอาจิณ จิตจะเต็มไปด้วยอารมณอกุศล ในยามใกล้ตายบาปกรรมที่เคยกระทำจะมาปลุกเร้าอารมณ์อกุศลให้แผ่ซ่าน เช่น ความรู้สึกผิด ความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก ความเคียดแค้นชิงชัง ซึ่งทำให้ทุรนทุรายและตายอย่างไม่สงบ

ควบคู่ไปกับการทำความดีหมั่นบำเพ็ญกุศล ก็คือฝึกจิตอย่างสม่ำเสมอให้มีสติที่เข็มแข็งฉับไวหรือมีความตื่นรู้อยู่เป็นนิจ ในยามที่ร่างกายใกล้แตกดับ จิตจะแปรปรวนและง่ายที่จะเข้าไปในอารมณ์ที่เป็นอกุศล ซึ่งทำให้ทุกข์และทุรนทุรายมากขึ้น สติที่ฝึกฝนไว้ดีแล้วจะเป็นเครื่องรักษาใจไม่ให้ถลำจมในอารมณ์อกุศลทั้งหลาย และช่วยให้จิตใจเกิดความสงบเย็นเป็นสมาธิได้ง่าย

ยิ่งศึกษาและปฏิบัติจนเกิดปัญญาคือความเข้าใจแจ่มชัดในความจริงของสิ่งทั้งปวง ก็จะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ลงได้ง่ายดาย ไม่คิดเหนี่ยวรั้งสิ่งใด ๆ ไว้แม้กระทั่งร่างกายหรือชีวิต เพราะตระหนักชัดว่าสิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยงและไม่น่ายึดถือแต่อย่างใด ความตายจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป และดังนั้นจึงพร้อมรับความตายได้อย่างสงบ ไม่ต่างจากคนที่เมื่อได้ยินระฆังเลิกงานก็วางงานลงและกลับบ้านโดยไม่มีความรู้สึกอาลัยแต่อย่างใด

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ih/200416011214.png) (http://picture.in.th/id/a9610e6fbd2091e7d1e0acb7051c33d7)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook Kanlayanatam
https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704/ (https://www.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704/)

หัวข้อ: “มองไกลเห็นกว้าง” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 02, 2020, 05:37:31 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iw/200701103848.jpg) (http://picture.in.th/id/3af917eb4e6151c051bda1f07c265fc6)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)  มองไกลเห็นกว้าง  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)



ถ้าเรายกจิตให้อยู่เหนือโลกธรรม หรือเหนือความเป็นคู่ ก็จะเห็นโลกและชีวิตได้ไกลขึ้น เราจะไม่ติดอยู่กับการมีหรือการเสีย เพราะรู้ดีว่าวันนี้ถึงได้มา พรุ่งนี้ก็ต้องเสียไป วันนี้ได้รับคำสรรเสริญ พรุ่งนี้ก็หนีไม่พ้นคำนินทา วันนี้เขารักเรา พรุ่งนี้เขาอาจจะเกลียดเรา การยกจิตสู่ระดับโลกุตตระ จะช่วยทำให้เรารู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง ไม่ติดอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เพราะรู้ดีว่าวันหน้าทุกสิ่งทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไป เรียกว่ามองข้ามช็อตไปได้

พระไพศาล วิสาโล







(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: พลังแห่งเมตตากรุณา - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 02, 2020, 05:44:22 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200701104606.jpg) (http://picture.in.th/id/978eaf96b2a1d98289a5f3552adb0110)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  พลังแห่งเมตตากรุณา  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



ไม่เพียงกับสัตว์เท่านั้น แม้กระทั่งความผูกพันกับต้นไม้ก็มีผลต่อสุขภาพกายและใจมาก การวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า เพียงแค่การดูแลต้นไม้ เช่น รดน้ำให้ทุกวัน ช่วยลดอัตราการตายของผู้เฒ่าในบ้านพักคนชราได้ถึงครึ่งหนึ่ง เมตตากรุณา ไม่เพียงกับคน แม้กระทั่งกับสัตว์และต้นไม้ มีอานุภาพต่อกายและใจของเราอย่างคาดไม่ถึง เป็นธรรมโอสถที่หาได้ง่ายเพราะมีอยู่แล้วในใจเรา ขอเพียงแต่เปิดใจนึกถึงคนอื่นให้มากขึ้นเท่านั้น เมตตากรุณาก็จะเบ่งบานขึ้นในใจเรา”

พระไพศาล วิสาโล








(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “อยู่กับทุกข์ให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 02, 2020, 05:58:01 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/200701110218.jpg) (http://picture.in.th/id/67d0e2f276094905fab18828571df83e)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) อยู่กับทุกข์ให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


การยอมรับความจริง มิได้หมายถึงการยอมจำนนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ที่จริงแล้วมันกลับช่วยให้เราสามารถรับมือกับเหตุร้ายได้ดีขึ้น คนที่ยอมรับความเจ็บป่วยได้ นอกจากใจจะทุกข์น้อยลงแล้ว ยังมีเวลาใคร่ครวญหาทางเยียวยารักษา สามารถใช้สติปัญญาอย่างเต็มที่ ไม่ถูกรบกวนด้วยอารมณ์ต่าง ๆ ผิดกับคนที่ไม่ยอมรับความจริง จะมัวแต่ตีโพยตีพาย คร่ำครวญวิตกกังวล จนไม่เป็นอันทำอะไร สิ่งที่ควรทำจึงไม่ได้ทำ ปัญหาที่ควรแก้จึงไม่ได้แก้

ลองถามตัวเองว่าแต่ละวันเราเสียเวลาและพลังงานไปกับการคร่ำครวญหรือวิตกกังวลมากมายเพียงใด บางเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ ป่วยการที่จะนึกถึง ขณะที่บางเรื่องก็ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่เรากลับตีโพยตีพายไปล่วงหน้าแล้ว แม้แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ก็เถอะ ลองตั้งสติและมองให้รอบด้านอาจพบว่า มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหนักหนาเลย เป็นแต่ไม่ตรงกับความคาดหวังของเราเท่านั้น ลองปล่อยวางความคาดหวังนั้น ก็จะพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เหลือบ่ากว่าแรง อีกทั้งอาจมีแง่ดีบางอย่างที่ไม่เคยนึกมาก่อนก็ได้ ที่สำคัญก็คือ อย่ามัวจดจ่อปักใจอยู่กับสิ่งแย่ ๆ ที่เกิดขึ้น จนลืมว่าชีวิตนี้ยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่รอการชื่นชมจากเรา

ความทุกข์บางอย่างเราหนีไม่พ้นก็จริง แต่หากเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้เป็น ใจก็ไม่เป็นทุกข์อีกต่อไป

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม คติธรรม-คำกลอน - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 23, 2020, 06:06:08 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iw/200701103848.jpg) (http://picture.in.th/id/3af917eb4e6151c051bda1f07c265fc6)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1) วิธีแห่งอิสรภาพ  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

อิสรภาพที่ผู้คนเรียกร้องแล้วก็เชื่อว่าตัวเองมีแล้ว แต่จริงๆแล้วชีวิตของเขาเหล่านั้นยังไม่ได้มีอิสระอย่างแท้จริง เพราะว่ายังต้องถูกกำหนดบงการหรือกำกับโดยสิ่งต่างๆมากมาย แค่เจอเสียงดังก็รู้สึกหงุดหงิดแล้ว เมื่อมีคนนินทาต่อว่าก็โกรธ เมื่อเจ้านายแค่ตำหนิ ตัวเองก็เป็นทุกข์ขึ้นมา หรือว่าก็ถูกตัดเงินเดือนก็หัวเสีย ชีวิตของเราจิตใจของเราในแต่ละวันไม่ได้สะท้อนเลยว่ามีอิสระ เราปล่อยให้ชีวิตของเราจิตใจของเราถูกกำหนดถูกบงการด้วยสิ่งต่างๆมากมาย แม้ว่าในยุคที่ที่เราถือว่ามีเสรีภาพแล้ว แต่ชีวิตของผู้คนนี้ก็ยังถูกบงการถูกกำหนดด้วยสิ่งต่างๆมากมาย ด้วยรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เจอลูกที่ไม่พอใจ เจอข้อความที่ไม่ถูกใจก็หงุดหงิด กินอาหารที่ไม่อร่อยก็ไม่พอใจ อันนี้แสดงให้เห็นว่าชีวิตจิตใจของเราไม่ได้มีอิสระเลย มันถูกกำหนดบงการด้วยสิ่งต่างๆ

ยิ่งถ้าเกิดสูญเสียสิ่งที่เราครอบครองหรือของรักคนรัก ยิ่งเป็นทุกข์เข้าไปใหญ่ เงินหาย ทรัพย์สมบัติถูกโกง ก็กลุ้มอกกลุ้มใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ คนรักตีจากก็คับแค้น หรือว่าถ้าเกิดคนรักล้มหายตายจากไปก็เศร้าโศกเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ อดอาลัยตายอยากกับชีวิต อันนี้แสดงว่าเราไม่ได้มีอิสระจริง เพราะชีวิตจิตใจของเราก็ยังถูกกำหนดถูกบงการถูกกำกับด้วยสิ่งต่างๆมากมาย รวมทั้งเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นโลกธรรมฝ่ายบวก หรือโลกธรรมฝ่ายลบ มันมาเป็นสิ่งที่มากำหนดกฎเกณฑ์ตัวเรา อยากได้ลาภ อยากได้ยศ อยากได้คำสรรเสริญ ก็ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ บางทีต้องยอมทำชั่ว ต้องยอมโกหก ต้องยอมคดโกง เพื่อจะได้ลาภได้ยศได้ตำแหน่งหรือบางทีก็ต้องยอมสร้างภาพให้ดูดีเพื่อจะได้คำสรรเสริญ อันนี้มันก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีอิสรภาพเลย ทุกอย่างหรือหลายๆอย่างมันเข้ามามีอำนาจบงการชีวิตเรา

พระไพศาล  วิสาโล



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  คลิกฟังทั้งหมดได้ที่ ===> https://www.youtube.com/watch?v=sV2gcHw5xrA&t=6s (https://www.youtube.com/watch?v=sV2gcHw5xrA&t=6s)



*_________________________________________________________________________________________*



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  อธิษฐานเพื่อชีวิตที่ดีงาม (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

สิ่งที่เราควรมี ต้องใส่ใจคือจิตใจต้องหนักแน่น โดยเฉพาะเวลาการกระทำและคำพูดที่มากระทบ ก็ตึงขึ้น เราก็ควบคุมการกระทำของใครไม่ได้ แต่เราควรจะควบคุมความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเราได้บ้าง ไม่ว่าเขาจะพูดเขาจะทำอะไร ขอให้จิตใจเราเข้มแข็งมั่นคง ไม่หวั่นไหว ไม่ใช่ว่าพอเขากระทบเรา ใจเราก็กระเทือนเกิดความโกรธความขุ่นมัว เท่านั้นไม่พอหลุดปากก็ว่าออกไป อันนั้นไม่ใช่วิสัยของชาวพุทธ ของนักปฏิบัติธรรมใครเขาจะพูดหรือทำอย่างไรกับเรา สิ่งที่เราควรทำก็คือมีจิตใจที่มั่นคง ไม่ปล่อยให้ความโกรธความเกลียดครองใจ อย่าไปคิดว่าเขาพูดไม่ดีกับเรา เพราะฉะนั้นเราก็มีสิทธิ์ที่จะพูดไม่ดีกับเขา

พระพุทธเจ้าสอน พึงชนะความชั่วด้วยความดี เอาชนะความตระหนี่ด้วยการให้ พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ เขาจะโกรธเราอย่างไร เขาจะไม่พอใจเราอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเขา หน้าที่ของเราคือรักษาใจของเราไม่ให้โกรธไม่ให้เกลียด พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ใดโกรธตอบต่อผู้โกรธ ผู้นั้นเลวยิ่งกว่าผู้โกรธ หมายความว่าใครโกรธเรา เป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าเราโกรธต่อ ไม่ใช่ด้วยความคิด ความรู้สึก แต่ด้วยคำพูดการกระทำก็ถือว่า เราแย่กว่าเขา เพราะเรากำลังบั่นทอนประโยชน์ตน เพราะฉะนั้นให้เราเตือนใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเจอการกระทำหรือคำพูดของคนวัดหรือคนนอกวัดที่ไม่ถูกใจเรา ขอให้จิตใจเรามั่นคงเข้มแข็ง รู้จักมีสติ รู้ทันความคิดและอารมณ์ ทำให้ดีกว่านี้นั้นก็คือมีเมตตา

พระไพศาล  วิสาโล


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  คลิกฟังทั้งหมดได้ที่ ===> https://www.youtube.com/watch?v=ZcTnO7lbUDM (https://www.youtube.com/watch?v=ZcTnO7lbUDM)



*_________________________________________________________________________________________*



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  กินบำรุงใจ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

ถ้าเรากินอย่างมีสติ ดีทั้งกับจิตใจ ดีทั้งกับร่างกายของเรา ที่จริงที่นี่ควรจะมีสติตั้งแต่เดินไปตักอาหาร ขณะที่เราเดินไปตักอาหารก็เดินไปด้วยความรู้ตัว พอเดินไปถึงโต๊ะก็ไม่ได้ตักทันทีต้องเข้าคิว เวลาเข้าคิวคอยเพื่อนก็ขอให้มีสติรู้กายไป มีสติรู้ลมหายใจเข้าออก หรือว่าเอามือคลึงจานคลึงภาชนะ ถ้าเป็นพระก็คลึงบาตรระหว่างที่คอย คราวของเรา คิวของเรา บางทีเห็นอาหารอร่อยเกิดความพอใจขึ้นมา ก็รู้ อาหารบางอย่างมีน้อย เราก็หมายตาเอาไว้ ปรากฏว่าเพื่อนทั้งหน้าตักไปเรียบร้อยแล้ว เกิดความไม่พอใจก็เห็นมัน เห็นความหงุดหงิด ที่จริงมันอาจจะเริ่มหงุดหงิดตั้งแต่คอยแล้ว แถวยาวขยับช้า

โดยเฉพาะช่วงนี้ช่วงโควิดก็จะมีมาตรการหลายอย่างที่ทำให้อะไร ๆก็ช้าลง เห็นความหงุดหงิดเกิดขึ้นอันนี้ได้กำไรแล้วแทนที่จะหงุดหงิดฟรีก็กลายเป็นว่ามันมาฝึกสติให้เรา ความหงุดหงิดถ้าเกิดขึ้นแล้วเห็นมันรู้ทันมีประโยชน์ แต่ถ้าเราไม่รู้ทันมัน มันก็ทำให้ใจเราเป็นทุกข์มากขึ้นเกิดการร้อนรุ่ม เจออาหารที่ชอบก็ให้มีสติตักพอประมาณ คำนึงถึงสุขภาพของเราว่าถ้ากินมากไปจะเกิดอะไรขึ้น และที่สำคัญก็คำนึงถึงคนข้างหลังด้วย มันเป็นของชอบ แล้วอยากกินปล่อยให้ความอยากให้มาครองใจก็ตักเยอะ บางทีตักเยอะๆแล้วก็กินไม่หมดทิ้ง เสียดายกลายเป็นขยะ เกิดปัญหาขึ้นมาอีก และที่สำคัญคนข้างหลังไม่ได้กิน อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรมที่เราต้องใส่ใจแล้ว ที่จริงก็เป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าทีเดียวระหว่างที่เราคอยระหว่างที่เราเข้าคิว แทนที่จะหงุดหงิดไป เราก็ได้จะเติมสติทีละนิดๆ ทีละขณะๆ ถึงเวลากลับมาที่นั่งของเรา เราก็คอยจนกว่าคนอื่นเขาจะตักครบ จนกระทั่งทุกคนพร้อมแล้ว ถึงค่อยกินระหว่างที่รอก็อย่าปล่อยให้ใจลอย ให้มีสติให้รู้ที่ลมหายใจเข้าออก รู้ที่มือที่คลึงไปคลึงมา

จะเห็นได้ว่าเวลาครึ่งชั่วโมงที่เรามานั่ง ที่ศาลานี้ทั้งก่อนและระหว่างฉันและระหว่างกิน และกินเสร็จก็เป็นการปฏิบัติธรรมได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่าไม่มีเวลาไม่ได้แล้ว ที่จริงการกินข้าวกับการเจริญสติการปฏิบัติธรรมก็เป็นเรื่องเดียวกัน เช่นเดียวกับกิจวัตรประจำวันต่างๆตลอดทั้งวันมันก็เป็นการปฏิบัติธรรมได้

พระไพศาล  วิสาโล

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  คลิกฟังทั้งหมดได้ที่ ===> https://www.youtube.com/watch?v=v7UYXlfahws&t=5s (https://www.youtube.com/watch?v=v7UYXlfahws&t=5s)



*_________________________________________________________________________________________*


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ออกกำลังกาย  เติมกำลังใจ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

เราก็ต้องให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายให้มากขึ้น กำลังกายยังมีผลต่อจิตใจ การออกกำลังกายสม่ำเสมอก็คือการเติมกำลังให้กับจิตใจ ออกกำลังกาย ใจก็มีกำลัง สมัยนี้จิตใจคนอ่อนแอ รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี แต่ว่าไม่สามารถบังคับให้ทำสิ่งที่ดีๆ หลีกเลี่ยงทำสิ่งที่ไม่ดีได้ อย่างที่เขาพูดว่า ดีชั่วรู้หมด แต่อดใจไม่ได้ อดใจไม่ได้คือว่าจิตใจมันไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงในการต้านทานสิ่งล่อเร้าเย้ายวน อาหารที่มีน้ำตาล ช็อกโกแลต ไอติมอร่อยๆ ห้ามใจไม่อยู่ ทั้งๆที่รู้ว่ากินมากไม่ได้นะรวมทั้งเหล้าบุหรี่รู้ว่าไม่ดีแล้ว แต่ห้ามใจไม่ได้ ทำให้จิตใจไม่มีกำลัง

ถ้าเกิดว่าเรากำลังกายบ่อยๆ ไม่ใช่ร่างกายจะเข้มแข็งอย่างเดียว จิตใจก็เข้มแข็งด้วย มันก็ทำให้มีกำลังต้านทานสิ่งเร้าเย้ายวน ที่เป็นโทษต่อชีวิต ต่อร่างกาย ต่อจิตใจ และที่จริงแล้ว มันก็กลับกัน จิตใจดีก็ทำให้มีกำลังในการที่จะเคี่ยวเข็ญตนเองให้มาออกกำลังกาย คนเราถ้ามีจิตใจเข้มแข็ง มันก็เอาชนะกิเลสก็สามารถจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายตื่นแต่เช้า ขยับแข้งขยับขา ออกกำลังกายทำให้เกิดกำลังใจและกำลังใจก็ส่งเสริมกำลังกาย

พระไพศาล  วิสาโล

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  คลิกฟังทั้งหมดได้ที่ ===> https://www.youtube.com/watch?v=dz8p5pPEbyI&t=6s (https://www.youtube.com/watch?v=dz8p5pPEbyI&t=6s)




*_________________________________________________________________________________________*


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ความสุขอันประเสริฐ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


มนุษย์ทุกคนย่อมปรารถนาความสุข แต่น่าสงสัยว่าเรารู้จักความสุขที่กำลังแสวงหาดีแล้วหรือ ทุกวันนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้คนที่ใฝ่หาแต่ความสุขจากวัตถุเป็นหลัก และทำทุกอย่างเพื่อความสุขดังกล่าว โดยหาได้ตระหนักไม่ว่ามีความสุขที่ประเสริฐกว่านั้น ใช่แต่เท่านั้นบ่อยครั้งการไล่ล่าหาความสุขทางวัตถุ กลับทำให้เราต้องสูญเสียความสุขที่ประเสริฐกว่าไป ดังนั้นเราจึงพบว่ามีผู้คนเป็นอันมากแม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ในใจนั้นหาความสุขไม่ได้เลย แม้เขาจะมีเกือบทุกอย่างที่ชีวิตต้องการ แต่มีอย่างหนึ่งที่ขาดหายไป นั่นคือ ความสุขอันประณีต

ความสุขอันประณีตนั้นไม่ได้เกิดจากการเสพหรือเอาเข้าตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่เกิดจากการสละออกไปจนจิตใจโปร่งเบา ไม่ได้เกิดจากการมีสิ่งเร้าจิตกระตุ้นใจ แต่เกิดจากใจที่สงบรำงับ ความสุขชนิดนี้นอกจากทำให้เรารู้จักพอและไม่ตกเป็นทาสของวัตถุแล้ว ยังประสานใจเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับผู้คนรอบข้างและธรรมชาติแวดล้อม ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันก็คือ ทำให้เราเป็นมิตรกับตนเองได้อย่างสนิทแนบแน่น ก่อให้เกิดสันติภาพทั้งภายในและภายนอก

พระไพศาล  วิสาโล

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  คลิกฟังทั้งหมดได้ที่ ===> https://www.youtube.com/watch?v=aGCeBLpuJvg&t=1s (https://www.youtube.com/watch?v=aGCeBLpuJvg&t=1s)




*_________________________________________________________________________________________*


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  สงบเพราะรู้  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


ความสงบใจมี ๒ อย่าง อย่างแรกคือสงบเพราะไม่รู้ หรือตัดการรับรู้ เช่น บังคับไม่ให้มีเสียงดัง หรือมาอยู่วัดก็ไม่เปิดวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ ไม่พูดคุยกันเอง หรือแม้จะมีเสียงแต่เราตัดการรับรู้ เช่น หลับตา พยายามบังคับจิตให้อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น อยู่กับลมหายใจ หรือเอาจิตมาเพ่งที่เท้าขณะเดิน แม้เสียงรอบตัวจะดังแค่ไหน แต่จิตไม่รับรู้ เพราะจดจ่ออยู่กับอารมณ์เดียว อย่างนี้ใจก็สงบได้ ในทำนองเดียวกันบางคนก็สงบได้เมื่อเก็บตัวอยู่ในห้องพระ ห้องแอร์ อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว มีการตัดเสียงรบกวนและไม่ให้คนเข้ามายุ่มย่าม จึงไม่มีการรับรู้ที่จะทำให้จิตใจกระเพื่อมได้ ไม่ต้องรับรู้ข่าวสารเหตุการณ์บ้านเมือง อย่างนี้เรียกว่าสงบเพราะไม่รู้ หรือตัดการรับรู้ เกิดจากการควบคุมสิ่งแวดล้อม หรือควบคุมจิตใจให้แน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ความสงบใจอย่างที่ ๒ คือสงบเพราะรู้ หมายความว่าแม้หูได้ยินเสียง ตาเห็นรูป แต่ใจก็สงบได้ บางครั้งอาจจะกระเพื่อมเพราะเห็นรูปหรือได้ยินเสียง แต่เมื่อใจกระเพื่อมแล้วมีสติรู้ รู้แล้ววาง ก็ทำให้สงบต่อไปได้ ความสงบชนิดนี้อาศัยสติเป็นพื้นฐาน เสียงดังแต่ใจยังสงบได้ อย่างที่เคยเล่าเรื่องหลวงปู่บุดดาว่า มีเสียงเกี๊ยะดังเข้ามาในห้องที่ท่านจำวัดอยู่ ลูกศิษย์รู้สึกรำคาญ แต่ท่านไม่รู้สึกรำคาญ ใจยังสงบได้เพราะไม่เอาหูไปรองเสียงเกี๊ยะ ทำอย่างไรจึงจะไม่เอาหูไปรองเสียงเกี๊ยะได้ ก็ต้องมีสติกำกับใจ หูก็จะไม่หาเรื่อง เสียงดังแต่ใจไม่กระเพื่อมเพราะเสียงนั้น อย่างนี้เรียกว่าสงบเพราะรู้ สงบทั้ง ๆ ที่ได้ยินเสียง แต่สงบได้ เพราะรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีผัสสะมากระทบ

ความสงบที่ดีที่สุดคือ สงบเพราะรู้ เริ่มต้นด้วยการรู้เพราะสติ ต่อจากนั้นก็รู้ด้วยปัญญา จะทำเกิดสภาวะจิตอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตัวอยู่ในโลก แต่จิตอยู่พ้นโลก หรือจิตอยู่เหนือโลก เปรียบเหมือนกับดอกบัวที่เกิดในน้ำ โตในน้ำ แต่สามารถเจริญพ้นน้ำได้ นี้คือสภาพจิตของคนที่มีปัญญา เกิดในโลก โตในโลก แต่จิตอยู่เหนือโลกได้ น้ำไม่สามารถฉาบติดดอกบัวหรือใบบัวได้ฉันใด กิเลสหรือความทุกข์ก็ไม่อาจแปดเปื้อนจิตใจได้ฉันนั้น นี้แหละคือความสงบอันประเสริฐสุด ที่เราควรรู้จักและไปให้ถึง

พระไพศาล  วิสาโล

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  คลิกฟังทั้งหมดได้ที่ ===> https://www.youtube.com/watch?v=qEe-S1_3Xbg (https://www.youtube.com/watch?v=qEe-S1_3Xbg)




*_________________________________________________________________________________________*


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)  เปิดใจให้ตัวรู้ (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)


“รู้” ตรงข้ามกับ “หลง” เมื่อใดที่เราหลง ปัญหาและความทุกข์ก็มักจะตามมา เราไม่เพียงแต่หลงทางหรือหลงเชื่อคนอื่นเท่านั้น ที่สำคัญและเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็คือ “หลงความคิด” และ“หลงอารมณ์” ซึ่งทำให้เราไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนพลั้งเผลอหรือผิดพลาด เช่น พูดร้าย หรือทำร้ายผู้อื่น กระทั่งทำร้ายตนเอง แม้ไม่ถึงขั้นนั้น แต่สิ่งที่มักเกิดขึ้นก็คือ จมอยู่ในความทุกข์ เพราะจิตหลงเข้าไปในอดีตอันเจ็บปวด หรือติดอยู่ในภาพอนาคตที่ปรุงแต่งในทางลบ จนเกิดความเศร้าโศก อาลัยอาวรณ์ โกรธแค้น ขุ่นมัว หรือไม่ก็วิตกกังวล หนักอกหนักใจ

เพียงแค่กลับมารู้สึกตัว หรือรู้ทันความคิดและอารมณ์ที่เผลอพลัดเข้าไปเท่านั้น จิตก็จะกลับมาเป็นปกติสุข หลุดพ้นจากอารมณ์เหล่านั้นได้ ทุกวันสามารถเป็นวันแห่งความสดชื่นเบิกบานได้ หากเรามีความรู้สึกตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีสติช่วยเตือนใจให้รู้ทัน ไม่หลงเข้าไปในความคิดและอารมณ์เหล่านั้นจนหมดเนื้อหมดตัว

ความรู้สึกตัวหรือความรู้ตัว เป็นพื้นฐานให้เกิด “รู้” อีกชนิดหนึ่ง คือ รู้ความจริง หรือเห็นธรรมชาติของกายและใจตามความเป็นจริง เห็นกระทั่งว่า มันไม่ใช่ “กู”หรือ “ของกู” ดังนั้นจึงช่วยไถ่ถอนจิตจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อใดที่รู้สึกตัว “ตัวกู”ก็หายไป แม้ปุถุชนยากที่จะรู้สึกตัวได้ต่อเนื่อง แต่ละวัน ๆ อาจหลงมากกว่ารู้ แต่ความรู้สึกตัวที่เพิ่มพูนขึ้น ย่อมช่วยลดความยึดติดถือมั่นในตัวตน ความทุกข์จึงบรรเทาเบาบางตามไปด้วย สิ่งที่มาแทนที่คือความปกติสุข สดชื่น เบิกบาน

พระไพศาล  วิสาโล

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  คลิกฟังทั้งหมดได้ที่ ===> https://www.youtube.com/watch?v=-6XbHGgXtdA (https://www.youtube.com/watch?v=-6XbHGgXtdA)








(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)



หัวข้อ: สะพานธรรม สะพานทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 23, 2020, 06:14:59 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/200722111851.jpg) (http://picture.in.th/id/e8202c856b670e982cc478759c4a4eb1)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  สะพานธรรม สะพานทุกข์  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)

พระไพศาล วิสาโล

ถอดเสียงเป็นข้อขียนจาก คุณ Nonglak Trongselsat



พรรษานี้วัดป่าสุคะโตมีความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากพรรษาที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงนั้นสังเกตได้ ถ้าหากมาวัดบ่อยๆ นั่นคือมีสะพานใหม่ สะพานเพิ่งสร้างใหม่แข็งแรงมั่นคง และเชื่อว่าทนทานกว่าสะพานเก่าๆที่เคยมีตลอด 50 ปีที่วัดป่าสุคะโตสร้างมา เป็นส่วนประกอบสำคัญของที่นี่ ใครไปใครมาก็มักจะมาสะพาน ที่ผ่านมาสะพานไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่โดยเฉพาะ 20-30 ปีแรก สมัยที่อาตมามาจำพรรษาที่นี่ก็เมื่อ 40 ปีที่แล้ว สะพานนี้ทำแบบง่ายๆ เอาปีกไม้มาพาดต่อๆกัน แล้วตีตะปู บางปีกไม่ได้ตีตะปู เวลาหน้าฝนระดับน้ำจะสูง ไม้บางปีกก็ลอย สะพานก็เริ่มระส่ำระสาย เวลาเหยียบย่ำต้องระวัง หลายคน แม้กระทั่งพระเวลาไปบิณฑบาต เดินข้ามสะพานพลัดตกสะพานก็มี ตอนหลังแม้จะดีขึ้นแต่ว่าสะพานก็ยังไม่ได้ข้ามง่ายเท่าไหร่หลายคนมาวัดป่าสุคะโตกลัวมาก กลัวสะพาน ตกใจ หรือว่ากลัวว่าจะพลัดตกลงสระ 10 ปีหลังดีขึ้นเยอะแต่ก็ยังไม่แข็งแรง ตอนนี้ก็แข็งแรงมั่นคงแล้ว แต่ว่าก็ทำให้ขาดรสชาติไปบางอย่าง

สมัยก่อนเวลาเดินข้ามสะพาน ก็ต้องเดินอย่างมีสติ เป็นการฝึกสติตั้งแต่ก่อนที่จะมาภาวนาในกุฏิ ที่จริงไม่ใช่สะพานสุคะโตที่ข้ามลำบาก สมัยก่อนสะพานปูนที่เราใช้ข้ามจากบ้านกุดโง้งมาวัดป่าสุคะโตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ยังไม่มีสะพานปูน แต่ที่เราเห็นที่เราใช้นี้เพิ่งสร้างเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้นรถมาไม่ถึง ถึงยากมาก จะต้องลงที่บ้านกุดโง้ง แล้วเดินข้ามสะพานข้ามลำปะทาว สะพานข้ามลำปะทาวยิ่งกว่าสะพานข้ามสระวัดป่าสุคะโตเพราะว่าเป็นแค่ต้นไม้ต้นหนึ่งมาวางขวางลำปะทาวไว้แล้วก็เดินข้าม เดินก็ไม่สะดวกสบายเท่าไหร่ เพราะว่ามันเป็นต้นไม้ ลำต้น มันไม่ได้ราบเรียบ บางทีน้ำก็ซัดสะพานหรือต้นไม้หายไปเลย หน้าแล้งก็ดีหน่อย เดินลุยข้ามน้ำลำปะทาวจริงๆ ใครขนของเย่อะก็เดินลำบากมากเลย แต่เดี๋ยวนี้สบาย มีสัมภาระมากมายก็บรรทุกใส่รถมา แล้วก็มาที่นี่ มาเจอสะพานของวัดป่าสุคะโตที่ปีนี้เขาสร้างได้แข็งแรงแน่นหนา

ก็ขอถือโอกาสขอบคุณหลายท่านที่บริจาคเงิน แล้วก็ช่วยลงไม้ลงมือสร้างให้แข็งแรง ก็ทำให้การเดินจากส่วนนอกหรือศาลานอกไปข้างในได้สะดวกมากขึ้น มันเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างส่วนหน้ากับส่วนในส่วนหน้าหรือศาลาหน้า คนค่อนข้างพลุกพล่านมีกิจกรรมอะไรก็มาทำตรงนี้ ถวายผ้าป่าถวายกฐิน รวมทั้งฉันอาหาร คนจะเยอะหน่อย แต่ถ้าไปอีกฝั่งหนึ่งจะสงบและตรงนั้นเป็นที่ที่ผู้คนมาบำเพ็ญภาวนา ส่วนใหญ่เราไปบำเพ็ญภาวนาเจริญสติ ทำสมาธิ ก็อีกฝั่งหนึ่งไม่ว่าเป็นพระ โยม สงบสงัดชัดเจนกว่า ใครมาวัดป่าสุคะโต ถ้ามาแค่ศาลาหน้าก็ไม่เรียกว่าถึง จนกว่าจะเดินข้ามสะพานแล้วก็ได้ไปสัมผัสธรรมชาติหรือว่าได้ไปอยู่ในกุฏิได้เจริญสมาธิภาวนา มันเป็นเรียกว่าอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับการมาดูจิต มาพินิจชีวิต ขณะที่ข้างหน้าเป็นเรื่องของการทำกิจกรรมต่างๆทางสังคมจะเรียกว่าฝั่งนี้เป็นฝั่งโลกก็ได้ ส่วนข้างในเป็นฝ่ายธรรม ถ้าพูดแบบหยาบๆง่ายๆ ที่จริงมันไม่ได้แยกกันชัดเจน

เมื่อเรามาวัดป่าสุคะโตแล้ว ก็ขอบคุณสะพาน ผู้สร้างสะพานที่ทำให้เราได้สัมผัส หรือว่าได้ไปเจริญภาวนาสะดวกมากขึ้น ที่จริงนอกจากการอาศัยสะพานนำพาเราไปการทำสมาธิภาวนาตามกุฏิในในวัดป่าสุคะโตแล้ว เราก็ควรมาดูใจด้วยว่า ใจของเรา สิ่งที่เรียกว่าสะพานใจ มันมีความเข้มแข็งแข็งแรงหรือเปล่า สะพานใจที่ว่านี้คือสะพานที่พาใจเราไปสู่ความไม่ทุกข์ ใจเราโดยปกติมีความผันผวนปรวนแปร ทุกคนปรารถนาความไม่ทุกข์ ความสงบ เราจะไปถึงความสงบได้ก็ต้องอาศัยสะพาน สะพานในใจ สะพานนี้ก็คือธรรมะ ถ้าหากว่าสะพานธรรมในใจเราไม่แข็งแรง หรือว่าผุพังมันก็ยากที่จะพาใจเราไปสู่อีกฝั่งหนึ่งคือความสงบ คือความเย็น คือมีความสุขได้

ที่เรามีความทุกข์ทุกวันนี้ก็เพราะว่าสะพานใจของเราที่ชื่อว่าสะพานธรรมไม่แข็งแรง หรือบางทีไม่มีเอาเลย แต่พวกเรามาถึงที่นี้แล้ว คงไม่ถึงขั้นว่าไม่มีเอาเลย สะพานธรรมที่จะพาเราไปสู่ความไม่ทุกข์ อันนั้นมันไม่ค่อยแข็งแรง มันผุพัง หรือว่ามันยังสร้างได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มาช่วยกันสร้างสะพานให้วัดป่าสุคะโตแล้วก็อย่าลืมสร้างสะพานใจให้กับตนเองด้วยให้มีความแข็งแรงมั่นคง ที่จะพาเราสู่ความอิสระ สู่ความสงบเย็น สู่ความไม่ทุกข์ที่เป็นยอดปรารถนาของทุกคน ที่จริงหลายคนทีเดียวขณะที่สะพานธรรมไม่แข็งแรง ง่อนแง่น อีกสะพานหนึ่งกลับแข็งแรง มันคืออะไร จะเรียกว่าสะพานกิเลสก็ได้ หรือสะพานทุกข์ สะพานนี้มันไม่ใช่แค่ว่าเป็นสื่อให้เราเดินไปสู่ที่ใดที่หนึ่งอย่างเดียว

สะพานนี้ยังเป็นการเปิดช่องให้คนอื่น สิ่งอื่น ทั้งที่เป็นมิตร เป็นศัตรู สามารถเข้ามาหาเราได้ง่าย แล้วคนส่วนใหญ่ สะพานใจที่เข้มแข็งมั่นคงก็คือสะพานที่เปิดโอกาสให้ความทุกข์เดินเข้ามาหาเรา เปิดโอกาสให้กิเลสเดินเข้ามาหาเราได้สะดวกสบายมากขึ้น ในขณะที่สะพานธรรมในใจเราอ่อนแอ ไม่สามารถพาจิตพาใจของเรานำไปสู่ความสงบได้ หรือความสุขได้ แต่ว่าสะพานกิเลสมันเข้มแข็งมากเลย เปิดช่องให้กิเลสเปิดช่องให้ความทุกข์เข้ามาสู่จิตใจของเรา แล้วเดี๋ยวนี้สะพานกิเลส มีเยอะทีเดียว ไม่ใช่แค่ตาหูจมูกลิ้นกาย นำพาความทุกข์นำพากิเลสมาให้ เดี๋ยวนี้มีตัวช่วยที่มีอานุภาพมากเช่นโทรศัพท์มือถือโทรศัพท์มือถือเป็นสะพานที่สามารถชักนำความทุกข์ชักนำความโกรธความเกลียด ความเครียด รวมทั้งความโลภมาสู่ใจเขาโดนใจบีบคั้นใจเราได้สมัยก่อนที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือสะพานก็สะพานกิเลสก็แข็งแรงอยู่บิ่งมีโทรศัพท์มือถือยิ่งมีสื่อต่างๆเช่นโทรทัศน์ วิทยุคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือทั้งโทรเข้ามาสู่ใจเราได้ง่ายดายมาก สมัยก่อนเมืองทุกเมืองจะมีสะพานข้ามคูเอาไว้เดินทางเข้าออกเวลา ศัตรูมา ก็จะชักสะพานขึ้น ไม่ให้ศัตรูเข้ามา เราก็เหมือนกัน

ถ้าเราต้องการรักษาใจของเราให้มีความสงบมีสันติ มีความสุข ต้องรู้จักสะพานบ้างโดยเฉพาะสะพานกิเลสเพื่อให้กิเลสเข้ามาสู่ความมาสู่จิตใจก็หมายความว่าถ้าโทรศัพท์มือถือเป็น สะพาน แห่งความทุกข์ ที่นำพาอารมณ์อกุศลต่างๆมาสู่จิตใจเราต้องรู้จักทักสะพานนี้บ้างก็คือใช้มันให้น้อยลง หรือหยุดใช้มันบ้าง หรือยังอย่าไปใช้มันตลอดเวลา ใช้มันไปดู LINE ดู Facebook YouTube ส่วนใหญ่มันชักนำกิเลสชักนำความทุกข์ส่วนใววใใ แรกมันจะเป็นสิ่งเพลินน่าพอใจรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเรียกว่า กามสุข แต่ว่าสิ่งเหล่านี้สุดท้ายก็ไปปรุงไปส่งเสริมให้กิเลสตัณหาราคะรวมทั้ง โทสะ โมหะพวกนี้ให้มันงอกงามขึ้นในใจ

ในพรรษานี้ขอให้เรารู้จักชักสะพานบ้างสะพานนี้มากขึ้นใช้โทรศัพท์มือถือให้น้อยลงหรือว่าหยุดใช้เป็นครั้งเป็นคราวอันนี้เปนวิธีถักสะพานกิเลสครอบงำหรือมีอำนาจเหนือจิตเนื้อใจของเราขณะเดียวกันสร้างสะพานธรรมะให้เข้มแข็งมั่นคงมากขึ้นถ้ากิเลสมาสู่ใจเราน้อยลง ขณะเดียวกันใจก็เข้าหาธรรมะหรือเข้าหาความสงบด้วยการฝึกจิตฝึกใจเอาไว้ตามง.เติมสมาธปัญญาให้กับจิตใจของเราผ่านสะพานธรรมะเราก็จะมีความสุขเราก็จะมีอิสระเป็นอิสระจริงๆ คืออิสระจากความทุกข์อิสระจากกิเลสเพราะฉะนั้นใช้โอกาสนี้ ในพรรษานี้สร้างสะพานธรรมะให้เข้มแข็งมั่นคงแล้วก็รู้จักชักสะพานกิเลส ไม่ให้มาบั่นทอนรบกวนจิตใจของเรา




(http://image.coolz-server.com/s/fxeNgd2G) (http://image.coolz-server.com/v/fxeNgd2G)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)






หัวข้อ: “สร้างพลังใจในยามวิกฤต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 23, 2020, 10:36:58 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/im/200723034005.jpg) (http://picture.in.th/id/08bc56e51239e783b3e8fcd2f3101311)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) สร้างพลังใจในยามวิกฤต (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


นอกจากการหาเงินทองหรือหาความสุขสบายให้กายแล้ว เราควรให้เวลากับการแสวงหาหรือสร้างสิ่งบำรุงใจด้วย แม้ในยามที่เงินทองร่อยหรอ ความสบายกายลดลง ก็อย่าทิ้งสิ่งบำรุงใจ เพราะใจที่เบิกบาน แจ่มใส ย่อมมีกำลังและความหวังที่จะยืนหยัดต่อสู้กับความทุกข์ยากได้ต่อไป

ในยามวิกฤต ชีวิตมีความทุกข์ อย่าลืมกลับมาที่ใจของตน รักษาใจอย่าให้ห่อเหี่ยวสิ้นหวัง หมั่นเติมพลังบวกให้ใจอยู่เป็นนิจ ไม่ว่าด้วยการคิดดี ทำสิ่งดีงาม ชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัว รวมทั้งน้อมใจให้สงบ เป็นสมาธิ แม้เพียงชั่วขณะ ก็จะทำให้จิตมีพลังที่จะฟันฝ่าอุปสรรคจนก้าวข้ามไปได้ในที่สุด

พระไพศาล วิสาโล









(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)



หัวข้อ: "ไม่เกลียดกลัวเมื่อเจอทุกข์" - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 23, 2020, 10:51:27 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/in/200619010334.jpg) (http://picture.in.th/id/727ec2c8538e75732a0dfc1d2edb5062)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ไม่เกลียดกลัวเมื่อเจอทุกข์ (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

ความทุกข์ที่เราเกลียด มันก็เข้ามาหาเราไม่หยุดไม่หย่อน ถึงวันนี้ไม่เจอ วันหน้าก็ต้องเจอ อย่างที่เราสวดทุกเช้า เราทั้งหลาย เป็นผู้ถูกความทุกข์ครอบงำแล้ว เป็นผู้มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ถ้าความทุกข์มันอยู่เบื้องหน้าแล้วเราหนีพ้น อันนี้มันก็สมควรอยู่ แต่บางครั้งเราหนีเท่าไหร่ ๆก็ไม่พ้น เช่นความแก่ ความเจ็บ ความพลัดพราก รวมทั้งความตายด้วย อย่างที่เราสวดบ่อยๆ เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้ เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ เราจะพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งนั้น แก่ก็ดี เจ็บก็ดี ตายก็ดี ความพลัดพรากก็ดี ล้วนแต่เป็นความทุกข์ที่เราเกลียดเรากลัว แต่ยิ่งเกลียดยิ่งกลัวเท่าไร พอเจอมันเข้า มันยิ่งทุกข์

เวลาเจ็บป่วยเราไม่ได้ทุกข์เพราะความป่วยกายอย่างเดียว แต่เราป่วยใจด้วย เรามีความทุกข์ใจ แล้วความทุกข์ใจเกิดจากอะไร ก็เกิดจากความเกลียด ความกลัวนั้นแหละเพราะเราเกลียด เรากลัว จิตก็เลยผลักไส ถ้ามันหนีได้มันก็หนีไปแล้ว แต่มันหนีไม่ได้มันก็ผลักไส มันก็โวยวาย ตีโพยตีพาย อันนี้แหละคือสาเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์ใจกับเรา


ความทุกข์ใจมิได้เกิดขึ้นเพราะมีอะไรมากระทบ แต่เป็นเพราะใจเรารู้สึกลบกับมัน พยายามต่อต้านผลักไสมัน หรือรู้สึกโกรธเกลียดมันต่างหาก แม้เป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ถ้าใจไม่ยอมรับ มันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ ด้วยเหตุนี้หนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยจึงรู้สึกเป็นทุกข์มากเพียงเพราะมีสิวไม่กี่เม็ดบนใบหน้า ในสหรัฐอเมริกา ร้อยละ ๑๐ ของคนที่มีสิวถึงกับบอกว่า การเป็นสิวเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิต บางคนทนไม่ได้ถึงกับฆ่าตัวตาย

ในทางตรงข้าม ถึงแม้จะเป็นโรคร้าย เช่น มะเร็ง แต่หากใจยอมรับมันได้ ไม่ต่อต้านผลักไสมัน ก็สามารถมีชีวิตอย่างปกติสุข จริงอยู่บางครั้งมันทำให้เจ็บปวด แต่หากใจไม่ไปต่อสู้กับมันหรือกับความเจ็บปวด ก็จะปวดแต่กาย ใจไม่ปวดด้วย ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนสามารถอยู่กับโรคนี้ได้ โดยกินยาระงับปวดน้อยมาก มีคนหนึ่งพบว่าความปวดมักกำเริบตอนกลางคืน ทำให้เธอนอนลำบาก เธอก็จะพูดกับมะเร็งดี ๆ ว่า “ตอนนี้ดึกแล้ว ได้เวลาเธอนอนแล้ว ฉันก็จะนอนด้วย” บางครั้งเธอก็ร้องเพลงกล่อมมะเร็ง ราวกับกล่อมลูก

อีกคนหนึ่งป่วยด้วยโรคสะเก็ดเงิน อาการลุกลามมากจนเธอต้องนอนบนใบตอง แม้จะปวด แต่ก็ไม่รู้สึกทุกข์ทรมาน เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่พึ่งยาระงับปวดน้อยมาก สาเหตุสำคัญเป็นเพราะเธอไม่รู้สึกโกรธเกลียดสะเก็ดเงิน กลับมีเมตตาให้ด้วยซ้ำ เธอจะพูดกับสะเก็ดเงินบ่อย ๆ ว่า “สะเก็ดเงิน ถ้าเธอจะไป ก็อย่าลืมเอาบุญกุศลของฉันไปด้วยนะ แต่ถ้าเธอจะอยู่ ก็ต้องระวังนะเพราะยาที่ฉันกินมันแรง”

เมื่อเจ็บป่วยก็ต้องรักษา แต่อย่ารักษากายอย่างเดียว ใจก็ควรรักษาด้วย นั่นคือคอยดูแลอย่าปล่อยให้โทสะครอบงำใจ จนเอาแต่ผลักไสหรือต่อสู้ฟาดฟันกับทุกขเวทนาและโรคที่เกิดขึ้น หากยังรู้สึกบวกกับมันไม่ได้ ก็ลองทำใจยอมรับมัน หรือรู้สึกเฉยกับมัน จะพบว่าความทุกข์ใจลดลงไปมาก


พระ​ไพศาล​ วิส​า​โล



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  คลิกชม  VDO  ได้ที่  ===> https://www.youtube.com/watch?v=lQk_PbcxSdc (https://www.youtube.com/watch?v=lQk_PbcxSdc)





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)




หัวข้อ: “มองงาน มองชีวิต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 23, 2020, 10:52:02 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/io/200723035714.jpg) (http://picture.in.th/id/9ff5a0bff56eab90495fb837fe92361b)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  มองงาน มองชีวิต  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)



งานเป็นส่วนสำคัญของชีวิต มิใช่เพียงเพราะว่าเราจำเป็นต้องมีปัจจัยเลี้ยงชีพเท่านั้น ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันก็คือ งานช่วยเติมเต็มจิตใจ ทำให้มีเป้าหมายในการดำรงอยู่ ช่วยให้ชีวิตมีคุณค่าขึ้น ผู้คนเป็นอันมากไม่มีความจำเป็นต้องหาเงินเลี้ยงชีพ แต่ก็ยังอยากทำงาน เพราะทำงานแล้วมีความสุขใจ โดยเฉพาะงานที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลผู้อื่น

แต่ก็เช่นเดียวกับสิ่งอื่น ๆ แม้งานจะมีประโยชน์ แต่ก็อาจเป็นโทษถึงขั้นบั่นทอนชีวิตและจิตใจของเราได้ รวมทั้งทำลายความสัมพันธ์กับผู้อื่น นั่นเป็นเพราะเราวางใจไม่ถูก มีทัศนคติที่ไม่ดีต่องาน หรือเอาจริงเอาจังกับงานจนละเลยสิ่งอื่น หรือถึงขั้นยอมแลกสิ่งอื่น ๆ ที่มีความหมายต่อชีวิตเพียงเพื่อให้งานสำเร็จ

งานนั้นจะเกื้อกูลชีวิตและจิตใจได้ก็ต่อเมื่อเราไม่ปล่อยให้งานกลายเป็นทั้งหมดของชีวิต เพราะชีวิตเรามีสิ่งทรงคุณค่าอีกมากมายนอกจากงาน เช่น สุขภาพกาย สุขภาพใจ ครอบครัว และความสัมพันธ์กับผู้อื่น เป็นต้น หากคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ และสามารถจัดวางชีวิตให้มีความสมดุลระหว่างสิ่งเหล่านี้ งานจะไม่ใช่ตัวบั่นทอนชีวิต แต่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกาย สุขภาพใจ ทำให้ครอบครัวแน่นแฟ้น และความสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นไปอย่างราบรื่น

นอกจากสมดุลระหว่างกายกับใจ ระหว่างการทำงานกับการพักผ่อน หรือ ระหว่างอาชีพการงานกับความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว ที่สำคัญอีกอย่างคือ สมดุลระหว่างงานภายนอกกับงานภายใน งานประเภทหลังหมายถึงการฝึกจิตพัฒนาใจ หากเราให้เวลาหรือใส่ใจกับงานภายใน งานภายนอก ไม่ว่า งานส่วนตัว หรืองานส่วนรวมก็จะเป็นไปด้วยดี นอกจากงานสำเร็จแล้ว เรายังมีความสุขด้วย หรือถึงแม้ล้มเหลว เราก็ไม่เป็นทุกข์ กลับจะได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ดังกล่าว เช่น ได้บทเรียน มีประสบการณ์มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ฝึกจิตได้อีกด้วย เช่น ช่วยลดอัตตา ทำให้จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค

งานภายนอกกับงานภายในนั้นเกื้อกูลกัน “การทำกิจ” กับ “การทำจิต” จึงควรทำควบคู่กัน

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.coolz-server.com/s/fxeNgd2G) (http://image.coolz-server.com/v/fxeNgd2G)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)



หัวข้อ: จิตไกลทุกข์ สุขใกล้ตัว - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 24, 2020, 10:34:47 am
(http://image.free.in.th/v/2013/in/200619010334.jpg) (http://picture.in.th/id/727ec2c8538e75732a0dfc1d2edb5062)



(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)  จิตไกลทุกข์ ...สุขใกล้ตัว (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เมื่อพูดถึงใจ สุขหรือทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่อยู่ที่ว่าเรามีปฏิกิริยาอย่างไรต่อสิ่งนั้น เริ่มตั้งแต่มองมันอย่างไร รู้สึกกับมันอย่างไร ไปจนถึงทำอย่างไรกับมัน แม้ถูกต่อว่าด่าทอ แต่หากมองว่ามันเป็นสิ่งสอนใจให้อดทน ฝึกสติ ช่วยลดอัตตา หรือเห็นว่าเป็นธรรมดาโลก เมื่อได้ยินแล้วก็ไม่ใส่ใจ เพราะไม่ใช่ความจริง ปล่อยวางมันเสีย ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นได้ยาก เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ยอมรับมันได้ ไม่ปฏิเสธผลักไสหรือตีโพยตีพาย มองว่ามันเป็นธรรมดาของสังขาร ช่วยเตือนใจไม่ให้ประมาทกับชีวิต ท่าทีเช่นนี้ย่อมช่วยให้ใจไม่เป็นทุกข์ แม้กายจะทุกข์ก็ตาม

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ในทำนองเดียวกันหากวางใจถูก มองเป็น ก็เห็นความสุขได้ไม่ยาก เพียงแค่กินอิ่ม นอนอุ่น สุขภาพดี มีคนรักอยู่พร้อมหน้า รู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัว เท่านี้ก็เป็นสุขได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีโชคลาภ ได้รถคันใหม่ บ้านหลังใหญ่ หรือยศศักดิ์อัครฐาน

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) หากดูแลจิตให้ดี มีธรรมรักษาใจ เช่น สติ สมาธิ เมตตา และปัญญา ความทุกข์ก็รบกวนรังควานจิตใจได้ยาก แม้เกิดขึ้นแล้วก็สามารถไถ่ถอนมันออกจากใจได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็จะพบว่าความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องแสวงหา เพราะมีอยู่กับตัวเราและรอบตัวเราแล้วทุกขณะ แม้กระทั่งในยามประสบเหตุร้าย ก็ยังรักษาใจให้เป็นสุขได้ สมกับพุทธภาษิตว่า “ผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ”

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/fxeNgd2G) (http://image.coolz-server.com/v/fxeNgd2G)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)



หัวข้อ: “สุขในธรรม สุขในทำ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 20, 2020, 05:49:18 am
(http://image.free.in.th/v/2013/im/200819105405.jpg) (http://picture.in.th/id/a0e512e2b60d1cab0bd18cbbcdcd35c1)


(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)  สุขในธรรม สุขในทำ  (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ธรรมนั้น ไม่ได้หมายถึงความดีและความจริงเท่านั้น หากยังแนบแน่นกับความสุขเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทำความดี รักษาศีล ชีวิตย่อมราบรื่น ผาสุก ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ และเมื่อเข้าใจความจริงของชีวิต จิตย่อมสงบเย็น แม้มีอะไรมากระทบ ก็ไม่หวั่นไหว ครั้นเจ็บป่วยหรือพลัดพราก ก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะรู้ว่ามันเป็นธรรมดา ความสุขจากธรรมจึงเป็นความสุขที่ยั่งยืน และพบได้ทุกหนแห่ง

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  นี้เป็นความสุขที่เราพึงรู้จักและเข้าถึงให้ได้ แม้ยังต้องพึ่งพาความสุขจากวัตถุและสิ่งเสพอยู่ก็ตาม อันที่จริงวัตถุและสิ่งเสพ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกทางกาย หากใช้เป็น กล่าวคือส่งเสริมการทำความดีและเข้าถึงความจริง ก็ช่วยให้เราพบกับความสุขจากธรรมได้ ขณะเดียวกันความสุขจากธรรมก็ช่วยให้เราไม่เป็นทาสของวัตถุและสิ่งเสพ ทำให้จิตเป็นอิสระ ซึ่งหมายถึงความสุขที่ประณีตอย่างยิ่ง

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ด้วยเหตุนี้ธรรมจึงมิใช่เรื่องไกลตัว หรือสิ่งที่น่าเบื่อแห้งแล้ง เพียงแค่วางใจให้เป็น ก็จะพบสุขในธรรมได้ไม่ยาก และหากตั้งมั่นในธรรม ดำเนินชีวิตบนวิถีแห่งความดีและความจริง จิตก็จะแจ่มใส แช่มชื่น เบิกบานเป็นนิจ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: “ยิ้มให้ชีวิต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 20, 2020, 05:59:52 am
(http://image.free.in.th/v/2013/it/200819110428.jpg) (http://picture.in.th/id/8e64f7148431abf2983065cd3c435be7)


(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)  ยิ้มให้ชีวิต (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh) 


(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) ของขวัญล้ำค่าอย่างหนึ่งที่เรามีกันทุกคนก็คือ “ชีวิต” ชีวิตทำให้เรามีทุกอย่างที่ทรงคุณค่า ได้พบทุกคนที่มีความหมายต่อเรา มีโอกาสทำความดี ได้พบพระธรรม และได้สัมผัสกับความสุข ปราศจากชีวิต ทุกอย่างที่เรามี ทุกคนที่เราพบ และทุกสิ่งที่เราเป็น ก็จะสูญสิ้นไป แต่ในเวลาเดียวกัน ชีวิตก็ทำให้เราต้องเจอกับความเจ็บปวด ความพลัดพราก ความสูญเสีย ต้องพบกับสิ่งไม่พึงประสงค์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชีวิตนำมาซึ่งความทุกข์

(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ชีวิตก็สามารถให้สิ่งดี ๆ แก่เราได้มากมาย แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราเจอะเจอ ก็สามารถเป็นประโยชน์แก่เรา หากเรารู้จักเรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมา ประสบการณ์ชีวิตสามารถสอนเราให้รู้จักเปลี่ยนทุกข์เป็นสุข อีกทั้งโอกาสต่าง ๆ ที่ชีวิตมอบให้แก่เรา ก็สามารถทำให้เราพบประโยชน์สูงสุดของชีวิต นั่นคือ อิสรภาพจากทุกข์ อันเป็นสุขที่ประเสริฐยิ่ง

(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) ชีวิตเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา จึงควรยิ้มให้กับชีวิต อย่าโกรธเกลียดเคียดแค้นชีวิตที่นำความทุกข์หรือความผิดหวังมาให้ อย่าคิดว่าทำไมชีวิตจึงโหดร้ายกับฉันนัก มองให้ดีนั่นอาจเป็นโชคที่มาในรูปของเคราะห์ มันคือสิ่งที่เตรียมเราให้พบกับสิ่งวิเศษสุดที่รอคอยอยู่ข้างหน้า

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/GsDQiFoc) (http://image.coolz-server.com/v/GsDQiFoc)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: เริ่มต้นชีวิตใหม่ ....เริ่มที่ใจของเรา - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 20, 2020, 06:15:54 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/200819111942.jpg) (http://picture.in.th/id/8a3722b1ccd3e6a11fa05b7fe11336cc)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  เริ่มต้นชีวิตใหม่ ....เริ่มที่ใจของเรา  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ชีวิตใหม่ไม่ได้หมายถึงการมีอาชีพใหม่ คู่รักคนใหม่ หรือมีบ้านหลังใหม่ รถคันใหม่ ตำแหน่งใหม่เสมอไป สิ่งสำคัญอยู่ที่การมีทัศนคติใหม่และมีความสัมพันธ์อย่างใหม่กับสิ่งเดิมๆ มากกว่า กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือทำตัวเองให้ใหม่ โดยไม่หวังพึ่งความใหม่จากภายนอก

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ชีวิตใหม่จึงมิใช่เรื่องไกลตัวหรือต้องคอยหาโอกาส หากสามารถทำได้เลยนับแต่วันนี้ ชีวิตใหม่สามารถเริ่มได้ทันที หากเราเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ และให้คุณค่าใหม่กับสิ่งที่เรามีอยู่แล้วกับตัว

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: แมวสอนธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 20, 2020, 06:26:28 am
(http://image.free.in.th/v/2013/io/200819113044.jpg) (http://picture.in.th/id/b1713725ae6eeb969c6f46213010f35d)



(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)
    แมวสอนธรรม   (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)



“เราช่วยเขาก็อย่าไปคิดว่าเขาจะตอบแทนบุญคุณของเรา อย่าไปคิดว่าเขาจะมาภักดีกับเรา หลายคนมีความทุกข์เพราะคาดหวังว่าเขาจะต้องสำนึกในบุญคุณของเรา เขาจะต้องดีกับเรา พอเขาไม่ดีกับเราหรือเพราะเขาอาจสำนึกบุญคุณแต่ไม่มากอย่างที่เราต้องการ เราก็มีความทุกข์ รู้สึกว่าทำไมเขาไม่ตอบแทนบุญคุณของเราเลย ให้เงินเขาไปหรือให้ยืมเงินแล้วเขาก็ไม่สนใจที่จะมาตอบแทนบุญคุณของเรา หรือไม่ดีกับเราก็เลยเกิดความบาดหมาง เกิดความคับแค้นใจ กลายเป็นว่าทำความดีหรือแม้ช่วยเขาแล้ว เกิดความทุกข์ใจในภายหลัง

อันนี้เพราะไปคาดหวังให้เขาทำดีกับเราให้เขาภักดีกับเรา แต่ถ้าเราลองมานึกเออเขาก็เหมือนกับแมวนะ เราให้อาหาร เค้ากินอาหารแล้วเขาก็ไปไม่รู้สึกภักดีอะไรกับเรา ถ้าเราช่วยคนเหมือนกับเราเลี้ยงแมว ไม่ได้หวังความภักดีจากเค้า พอได้รับการช่วยเหลือ หมดทุกข์หายหิวแล้วเขาก็ไป นี่การเลี้ยงแมวก็สามารถจะสอนเราได้เหมือนกัน สอนให้เราทำดีกับผู้อื่นด้วยการวางใจเหมือนกับเลี้ยงแมว”


พระไพศาล วิสาโล








(http://image.coolz-server.com/s/fxeNgd2G) (http://image.coolz-server.com/v/fxeNgd2G)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: อานุภาพแห่งรัก - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 20, 2020, 06:38:03 am
(http://image.free.in.th/v/2013/in/200819114224.jpg) (http://picture.in.th/id/c16530b2e0fe0475f16a3d6d562b01de)



(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)  อานุภาพแห่งความรัก  (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)


(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95)  ความรักสามารถบันดาลใจให้เกิดสุข และขับไล่ความความทุกข์ให้มลายไปได้ เพียงแค่เรามีความรักหรือมีน้ำใจให้แก่ใครสักคน เราก็สามารถเยียวยาจิตใจของเขาได้ไม่น้อย ในทำนองเดียวกัน คนที่ระทมทุกข์ เพียงแค่ได้อยู่ใกล้คนที่มีความสุข จิตใจอ่อนโยน ก็อาจได้รับรัศมีแห่งความสุข ที่คิดสั้นก็อาจได้สติหรือฉุกคิดขึ้นมาได้

(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95)  ความรักสามารถบันดาลความรัก ความสุขสามารถบันดาลความสุข หากเราอยากให้ใครมีน้ำใจหรือมีความสุข ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากมีน้ำใจหรือให้ความสุขแก่เขา คำพูดอันสวยหรูนั้นไม่มีพลังบันดาลใจได้เท่ากับคุณภาพจิตหรือแบบอย่างที่สัมผัสได้ ฉันใดก็ฉันนั้น หากอยากให้ใครมีคุณงามความดีในใจ เราก็ต้องกระทำดีต่อเขา แต่จะทำเช่นนั้นได้เราก็ต้องมีความดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/GsDQiFoc) (http://image.coolz-server.com/v/GsDQiFoc)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 20, 2020, 06:47:26 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/200819115352.jpg) (http://picture.in.th/id/d0132833d0215b82ea6047a2466fa606)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) รักตัวเองให้เป็น (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)

“เบื้องหลังพฤติกรรมอันเลวร้ายของผู้คนนั้น
มักได้แก่การขาดความรักและรู้สึกไร้คุณค่า
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เพียงทำร้ายคนอื่นเท่านั้น
หากยังนำไปสู่พฤติกรรมที่ทำร้ายตนเองอีกด้วย
ต่อเมื่อจิตใจได้รับการเติมเต็มด้วยความรัก
ชีวิตจึงจะหันไปสู่ความดีงามทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
แต่ความรักที่ได้จากใครนั้น มากเพียงใดก็ไม่สำคัญ
เท่ากับความรักที่บ่มเพาะในใจตน รวมทั้งความรัก
ที่ให้แก่ตนเอง เมื่อรักตนเองได้อย่างแท้จริง
ความรักผู้อื่นก็จะเป็นเรื่องง่าย”

พระไพศาล วิสาโล


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)  *__________________________________________________________* (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) เพื่อนร่วมทุกข์ (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)

“หากเราเปิดใจมองเห็นความทุกข์ของคนอื่น
เราจะมีความเห็นใจกันมากขึ้น เราจะรู้สึกว่า
ทุกคนเป็นเพื่อนทุกข์ ความรู้สึกว่าทุกคนเป็น
เพื่อนทุกข์ จะทำให้เราเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
ช่องว่างระหว่างกันจะน้อยลง ความเห็นใจจะมีเพิ่มขึ้น
เมื่อเรารู้สึกว่าเราต่างร่วมชะตากรรมเดียวกัน
การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อเยียวยาความเจ็บปวด
จะเกิดขึ้น ตรงนี้เองที่จะทำให้เมตตากรุณาเบ่งบานขึ้น”

พระไพศาล วิสาโล




(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)  *__________________________________________________________* (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  เป็นมิตรกับความเครียด  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)

อะไรเกิดขึ้นกับเรา ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกหรือมีทัศนคติต่อมันอย่างไร แม้สิ่งไม่ดีเกิดกับเรา แต่หากเรารู้สึกดีกับมัน หรือมองมันในแง่บวก มันก็อาจมีประโยชน์กับเราได้ หรืออย่างน้อยก็ก่อความเสียหายน้อยลง ผู้ป่วยหลายคนเมื่อรู้สึกดีกับมะเร็ง ก็สามารถอยู่กับมะเร็งได้อย่างมีความสุข แต่ถ้าหากรู้สึกลบกับมัน ก็จะทุกข์ทรมานและตายเร็ว

กับความเครียดก็เช่นกัน หากเราหนีมันไม่พ้น แทนที่จะผลักไสมัน หรือตีโพยตีพาย ควรมองมันในแง่บวก หรือปรับใจให้เป็นมิตรกับมัน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นมันจะเป็นคุณกับเรา และกลายเป็นมิตรกับเราในที่สุด

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/fxeNgd2G) (http://image.coolz-server.com/v/fxeNgd2G)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “มีสติเป็นที่พึ่ง” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 20, 2020, 06:49:06 am
(http://image.coolz-server.com/s/Apm1TRMO) (http://image.coolz-server.com/v/Apm1TRMO)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) มีสติเป็นที่พึ่ง (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)



เป็นเพราะชีวิตนั้นผันผวนไม่แน่นอน ถ้าไม่อยากถูกทุกข์ท่วมทับ เราก็จำต้องมาฝึกสติกัน ใครที่ปฏิบัติก็จะพบว่าถ้าเรามีสติว่องไว ใจจะฟุ้งซ่านไปได้ไม่ไกล ประเดี๋ยวก็กลับมาอยู่กับปัจจุบัน กลับมาอยู่กับกาย อยู่กับอิริยาบถ อยู่กับงานที่กำลังทำอยู่ บางครั้งความคิดหรืออารมณ์ความรู้สึกมันรุนแรงมาก เช่น พอครุ่นคิดเรื่องเก่าๆ ที่เคยทำให้เจ็บปวด ถ้าสติเราไม่ไวพอ กว่าจะรู้ตัวก็คิดไปไกลหรือตีอกชกหัวไปแล้ว แต่ถ้าสติไว ก็จะรู้ตัวไว หลุดจากความฟุ้งซ่าน ทำให้ใจเราโปร่งเบาขึ้น

แม้ว่าจะมีสติในชีวิตประจำวันดีอยู่แล้ว ก็อย่าประมาท เพราะเมื่อต้องเจอเรื่องที่พลิกผันไม่คาดฝัน เราอาจจะตั้งรับไม่ทัน จึงต้องฝึกสติเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ถึงแม้เหตุร้ายจะยังไม่เกิด สติที่ฝึกไว้ก็ไม่สูญเปล่า เพราะจะช่วยให้เราอยู่อย่างเป็นสุข

พระไพศาล วิสาโล









(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: “เตรียมตัวสอบไล่วิชาชีวิต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 20, 2020, 07:13:11 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/200820121641.jpg) (http://picture.in.th/id/9fe5760f6e6335c68314422c836eeb7a)



 
(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เตรียมตัวสอบไล่วิชาชีวิต  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ผู้ที่มีชีวิตถึงวัยชรา ย่อมถือว่าเป็นผู้มีโชค เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่จากโลกนี้ไปก่อนถึงวัยดังกล่าว อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมาถึงวัยนี้ ชีวิตย่อมมาถึงช่วงขาลง นอกจากกำลังวังชาจะลดน้อยถอยลงแล้ว เงินทองก็ร่อยหรอลงด้วย ความรุ่งโรจน์กำลังกลายเป็นอดีต มีความร่วงโรยมาแทนที่ แม้กระนั้นจิตใจก็สามารถมีความสุขได้ไม่น้อยกว่าวัยอื่น อันที่จริงประสบการณ์และวุฒิภาวะที่เพิ่มพูนขึ้นเป็นต้นทุนอย่างดีที่เอื้อให้มีความสุขใจได้มากขึ้นด้วยซ้ำ

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) วัยชรายังหมายถึงการมีภารกิจน้อยลง มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น รวมทั้งมีโอกาสเสวยผลพวงแห่งความเพียรที่ได้ทำไว้อย่างเต็มที่ แต่ในอีกด้านหนึ่งอายุที่มากขึ้นย่อมหมายความว่าเวลาในโลกนี้เหลือน้อยลง ดังนั้นนอกจากการนำทรัพย์สมบัติที่หาได้มาเลี้ยงตนให้มีความสุขแล้ว ควรใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าด้วย ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปกับความเศร้าโศก เสียใจ ขุ่นเคือง และคับแค้น ที่สำคัญก็คือการเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับความผันผวนปรวนแปรต่าง ๆ ที่จะตามมา อาทิ ความเจ็บไข้ได้ป่วย และความพลัดพรากสูญเสีย รวมทั้งความตาย ซึ่งเป็นเสมือนการสอบไล่ครั้งแรกและครั้งเดียวของวิชาชีวิต ที่ไม่มีใครหนีพ้น ไม่ว่า แต่ถึงแม้จะต้องเจอไม่วันใดก็วันหนึ่ง เราทุกคนสามารถเผชิญกับมันได้ด้วยใจปกติ กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้กายจะทุกข์ แต่ใจก็เป็นสุขได้

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) จะว่าไปแล้วไม่ว่าหนุ่มสาวหรือแก่ชรา ทุกคนก็ต้องเจอสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น รวมทั้งต้องเผชิญกับการสอบไล่ของวิชาชีวิตด้วย หากใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท หมั่นทำความดี เกื้อกูลผู้อื่น และฝึกฝนตนให้เข้าถึงความสงบเย็น ด้วยการมีสติรักษาใจไม่ให้อารมณ์อกุศลครอบงำ และมีปัญญาเห็นแจ้งในความไม่จิรังยั่งยืนของสรรพสิ่ง จนปล่อยวางได้ ก็ย่อมไม่เป็นทุกข์เมื่อประสบความพลัดพรากและความผันผวนต่าง ๆ และสามารถผ่านการสอบไล่วิชาชีวิตได้ในที่สุด


พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “ผ่านทุกข์ พบสุข” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 20, 2020, 07:25:29 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/200820123142.jpg) (http://picture.in.th/id/840b07f04c745150f9d4ba008c4f3b6a)



(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)  ผ่านทุกข์ พบสุข  (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ไม่ว่าอยู่แห่งหนตำบลใด ความผันผวนปรวนแปรของอากาศเป็นเรื่องธรรมดา บ่อยครั้งพายุมาฟ้าฝนกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ในที่สุดความสงบก็กลับคืนมา หลังฝนตก ฟ้าย่อมสดใสเสมอ ฉันใดก็ฉันนั้นบางครั้งความทุกข์ก็จู่โจมชีวิตของเราโดยไร้สัญญาณเตือน แต่ไม่ว่าหนักหนาเพียงใด ในที่สุดมันก็จะผ่านไป แล้วเราก็จะกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ไม่มีอะไรที่จีรังยังยืน ความทุกข์ก็เช่นกัน สักวันก็ต้องสิ้นสุด ขณะเดียวกันไม่มีอะไรที่ไร้ค่า ความทุกข์ที่เกิดกับเราย่อมมีประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เสมือนมีภูมิต้านทานความทุกข์ หลายคนพบว่าความทุกข์ได้ผลักให้ตนได้พบสิ่งดี ๆ ในชีวิต เช่น พบธรรม ซึ่งนำพาให้บรรลุถึงความสุขอันประเสริฐ ขณะที่จำนวนไม่น้อยพบว่า ความทุกข์นั้นแหละคือสัจธรรม ซึ่งเปิดใจให้ประจักษ์แจ้งในความจริงของชีวิต เกิดปัญญาที่ช่วยยกจิตให้เป็นอิสระจากความทุกข์ได้ในที่สุด

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ทุกข์กับธรรมนั้นใกล้กันมาก ทุกข์ทำให้เราเห็นธรรม ส่วนธรรมย่อมนำให้เกิดสุข มองในแง่นี้ทุกข์กับสุขก็ไม่ได้อยู่ห่างกันราวคนละขั้ว ถ้าเกี่ยวข้องกับทุกข์ให้เป็น แทนที่จะจมทุกข์ หมกมุ่นในทุกข์ หรือเป็นทุกข์ หากเห็นมัน รู้จักมัน ใช้มันให้เป็น สุขก็เกิดขึ้นได้ จะเรียกว่าทุกข์มาเพื่อให้เราพบสุขก็ได้

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/fxeNgd2G) (http://image.coolz-server.com/v/fxeNgd2G)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: พบเพื่อจาก สัจธรรมแห่งชีวิต - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 24, 2020, 07:21:37 am
 (http://image.free.in.th/v/2013/if/200924122653.jpg) (http://picture.in.th/id/bb8f42043ac7aa186431d0871122803a)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   พบเพื่อจาก สัจธรรมแห่งชีวิต  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)



ความจริงที่เรียกว่าอนิจจัง ทุกคนผ่านเข้ามาในชีวิตเราเพียงชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายก็ต้องจากเราไป และสักวันหนึ่งก็ต้องถึงคราวที่เราจะเป็นฝ่ายจากไป เราพบกันวันนี้ก็เพื่อพรากจากกันในวันหน้า ดังนั้นในขณะที่ยังมีโอกาส เราจึงควรทำดีต่อกัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน สิ่งใดที่ควรทำ ไม่ควรผัดผ่อนหรือรั้งรอ แต่ให้รีบทำเสียแต่วันนี้ เพราะหากผัดผ่อนไปวันหน้า แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนั้นจะมาถึง ภาษิตธิเบตกล่าวว่า “พรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาก่อน” ใช่หรือไม่ว่า พ้นจากวันนี้ไปก็อาจเป็นชาติหน้าเลยก็ได้

นอกจากการทำความดีต่อกันเสียแต่วันนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจในวันหน้าเมื่อคนรักจากไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมก็คือการเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมือกับความตายที่จะเกิดขึ้นกับเราเอง ในเมื่อเราทุกคนต้องตาย ก็ควรคิดถึงการตายดีด้วย อย่านึกถึงการอยู่ดีเท่านั้น เราจะตายดีได้ก็เพราะหมั่นทำความดี สร้างบุญกุศล จนมั่นใจในคุณค่าของชีวิตที่ผ่านมา อีกทั้งฝึกจิตอยู่เสมอ พร้อมจะปล่อยวางทุกอย่างเมื่อวาระสุดท้ายมาถึง ไม่มีสิ่งใดค้างคาใจ ไม่ว่าคนรัก ทรัพย์สมบัติ ความโกรธ หรือความรู้สึกผิด

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ib/200619123134.jpg) (http://picture.in.th/id/36784329a606c1fb7fc891c19ecf2ffb)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)



หัวข้อ: “ท้อแค่ไหน... ต้องไม่อ่อนแอ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 24, 2020, 07:30:39 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ic/200924123748.jpg) (http://picture.in.th/id/0b5220ff97ec78ede59a812a4b612482)




(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ท้อแค่ไหน... ต้องไม่อ่อนแอ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) 


ความทุกข์มิได้เกิดขึ้นเพื่อบั่นทอนชีวิตจิตใจของเราอย่างเดียว หากยังช่วยให้เราเข้มแข็งมั่นคงและเจริญงอกงามได้ด้วย จะว่าไปแล้วความทุกข์เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดการพัฒนาของมนุษย์ในทุก ๆ ด้าน หากไม่มีความทุกข์ ก็ไม่มีพระพุทธเจ้า หากไม่มีภัยคุกคามจากธรรมชาติ ก็ไม่มีเทคโนโลยี กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าไม่มีความทุกข์ ปัญญาก็ไม่เกิด

แต่ความทุกข์จะเป็นพลังในทางบวกได้ ต่อเมื่อเราไม่ยอมปล่อยให้ความทุกข์มากระทำย่ำยีอย่างเดียว แต่เข้าไปจัดการความทุกข์นั้นอย่างถูกต้อง ดังมีผู้กล่าวว่า “ทุกข์มิได้มีไว้กลุ้ม แต่มีไว้แก้” การเข้าไปจัดการกับความทุกข์นั้นต้องเริ่มต้นจากการตั้งสติและใช้ปัญญาพิจารณาหาสาเหตุและทางแก้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง “ทุกข์มิได้มีไว้ให้คร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญ”

พระไพศาล วิสาโล









(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)






หัวข้อ: เติมสุขให้ใจ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 24, 2020, 10:39:32 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/200924034645.jpg) (http://picture.in.th/id/24d5f5a1618d4e409d85d7a3fbfc2a89)



(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh) เติมสุข  ให้ใจ (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)
 


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ร่างกายของเราต้องการน้ำ อากาศ ปัจจัยสี่ ส่วนจิตใจนั้นต้องการความสุข จิตใจที่ปราศจากความสุขย่อมห่อเหี่ยวแห้งผาก แม้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีความสะดวกสบายล้นเหลือ ก็ไม่ช่วยให้อยากมีชีวิตอยู่ ความสุขใจนั้นมาได้หลายทาง อาจเกิดจากความรักของคนในครอบครัว หรือการยอมรับของคนรอบข้าง ที่สำคัญก็คือ การทำความดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่น รวมทั้งการมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิต รู้จักมองบวก และปล่อยวางเป็น

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) การได้ครอบครองโภคทรัพย์แม้ให้ความสุขใจแก่เราอย่างรวดเร็ว แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน อีกทั้งยังตามมาด้วยความทุกข์ เพราะมันกลายเป็นภาระที่ต้องแบก สิ่งที่ยั่งยืนคงทนกว่าคือความสุขจากการทำความดี รวมทั้งความสงบที่เกิดจากการฝึกจิต ความสุขดังกล่าวไม่เพียงหล่อเลี้ยงใจให้เบิกบาน มีพลังในการทำงาน ยังช่วยให้เราเผชิญกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิตโดยไม่จมดิ่งในทุกข์ นอกจากเติมอาหารให้กาย หาทรัพย์มาใส่บ้านแล้ว การเติมสุขให้ใจด้วยการทำความดี ช่วยให้ผู้อื่นมีความสุขและฝึกจิตอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่มิอาจละเลยได้

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/fxeNgd2G) (http://image.coolz-server.com/v/fxeNgd2G)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)



หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 24, 2020, 10:52:01 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ib/200924035841.jpg) (http://picture.in.th/id/49cef3931d10c865ee40fd5e4df59cd1)



ปัญหาของผู้คนทุกวันนี้ก็อยู่ตรงนี้แหล่ะ คืออยากเป็น somebody ในสายตาของผู้คน ไม่สามารถที่จะเป็นคนธรรมดาได้ หรือไม่สามารถที่จะยอมรับการเป็น nobody ได้ เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยของอัตตา ตัวตน ไม่ใช่วิสัยของใจที่ปรารถนาที่มันต้องการเป็นอมตะ หรือปรารถนาการมีตัวกูเป็นตัวเป็นตนจริง ๆ

แต่ที่จริงแล้วชาวพุทธเรานั้น จุดหมายสูงสุดคือการเป็น nobody ส่วนในทางโลก จุดหมายของผู้คนอยากเป็น somebody ถ้าได้ด้วยวิธีที่ถูกต้องไม่ได้ ก็ต้องอาศัยวิธีที่ชั่ว ไปตี ไปขโมย ไปฆ่า มีฆาตกรฆ่าข่มขืนคนหนึ่งฆ่าคนไป ๗-๘ คน เขาเรียกว่าฆาตกรต่อเนื่อง เขาก็บอกเหมือนกันนะว่าที่ฆ่าคนอย่างนั้นเพราะอยากเป็นที่รู้จัก ยังต่อว่าตำรวจอีกว่าทำไมถึงเพิ่งมาจับตอนนี้ ปล่อยให้เขาฆ่าหลายคนกว่าจะเป็นที่รู้จักของผู้คน ยังต่อว่าตำรวจได้อีก นี่เป็นวิธีการที่มีคนใช้กันมากเพื่อที่จะเป็น somebody

เพราะฉะนั้น ความปรารถนาที่จะเป็น somebody บางทีมันสร้างความทุกข์ใจ และสร้างความทุกข์ให้กับผู้คนด้วย คนธรรมดาก็ไม่ถึงกับใช้วิธีการฆ่าหรือชั่วร้าย แต่ใช้วิธีเรียกร้องความสนใจจากผู้คน พยายามอยากให้คนรู้จักฉัน อยากให้คนมองฉัน วัยรุ่นจะเป็นกันมาก การแต่งตัว ทำเสื้อผ้า หน้าผม เพื่อให้อยู่ในสายตาของผู้คน จะได้รเป็น somebody ทั้งที่เขาก็เป็น somebody ของหลายคนอยู่แล้ว อย่างเช่นเป็น somebody ของพ่อแม่อยู่แล้ว เป็น somebody ของพี่น้อง ของเพื่อน แต่เขาก็ยังไม่พอใจ เขาอยากเป็นมากกว่านั้น

แต่ในแง่ของชาวพุทธ จุดหมายสูงสุดคือการเป็น nobody คือไม่เป็นอะไรเลย อย่างที่หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ บอกว่า ไม่เป็นอะไรกับอะไรเลย ความหมายของท่านก็คือว่า การไม่ยึดเอาอาการของกายและใจเป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นของเรา นี่คือความหมายของการที่ไม่เป็นอะไรเลยคือ ไม่เป็นคน ไม่เป็นผู้หญิง ไม่เป็นผู้ชาย ไม่เป็นนักปฏิบัติธรรม ไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น เพราะถ้ายังมีความสำคัญว่าเราเป็น มันก็ยังทุกข์อยู่ ถ้ามีภพ ชาติ มันก็ต้องมีชรา มรณะ ถ้าเป็นคนเก่ง สักวันหนึ่งก็รู้สึกว่าความเป็นคนเก่งถูกคุกคามหรือสูญเสียความเป็นคนเก่งไป คนเป็นดารา นางแบบเป็นทุกข์มาก เพราะกลัวว่าสักวันหนึ่งจะพ้นจากการเป็นนางแบบ ดารา เพราะมีคนใหม่มาแทนที่ หรือร่างกายเหี่ยวเฉาก็หมดสภาพ นักฟุตบอลก็ถูกคุกคามด้วยความรู้สึกหวั่นวิตกว่า สักวันหนึ่งก็ต้องถูกเขี่ยถูกโละออกไป อันนี้เรียกว่า ชรา มรณะ มันมีความหวั่นไหวว่า จะต้องสูญเสีย หรือสิ้นสุดภาวะที่พึงปรารถนาหรือที่เป็น เมื่อชรา มรณะเกิดขึ้นก็ตามมาด้วยทุกข์ โทมนัส

เพราะฉะนั้นการเป็น somebody ยังไงก็ทุกข์ ทุกข์ว่าสักวันหนึ่งต้องกลายเป็น nobody แต่ถ้าเรายอมรับในความเป็น nobody ตั้งแต่แรก คือยอมรับว่าไม่มีตัวกูตั้งแต่แรก ตัวกูเป็นแค่สิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา ยอมรับการเป็น nobody แล้วก็ยอมรับว่ามันไม่มีตัวกูตั้งแต่แรก มันก็เป็นสุขได้เหมือนกัน

พระไพศาล วิสาโล
ที่มา : เป็น no body ดีกว่า
อ่าน / ฟัง https://pagoda.or.th/aj-visalo/no-body.html






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: “หัวใจแห่งความสุข” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 28, 2020, 01:35:16 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ia/200928064035.jpg) (http://picture.in.th/id/66fc66a0218b6cbf57f8b1b74d4e674f)



(https://www.mx7.com/i/2b5/VbIean.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMyi33kDqU0W0jl)  หัวใจแห่งความสุข  (https://www.mx7.com/i/2b5/VbIean.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMyi33kDqU0W0jl)



(https://www.mx7.com/i/041/vk8IzG.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMwmeeON4UoSjy6)  หัวใจของความสุขอยู่ที่การวางใจให้เป็น จิตที่อาลัยในอดีต กังวลกับอนาคต หรือเพ่งโทษผู้อื่นย่อมหาความสุขได้ยาก ตรงข้ามกับจิตที่ตื่นรู้อยู่ในปัจจุบัน หรือรู้เท่าทันตนเอง ไม่เผลอยึดติดในอารมณ์ต่าง ๆ ย่อมเป็นจิตที่มีความสุข โปร่งเบา อยู่เสมอ

เป็นเพราะผู้คนทุกวันนี้สำคัญผิดคิดว่าความสุขอยู่ที่ความมั่งคั่งร่ำรวยและการมีฐานะตำแหน่งสูง ๆ จึงมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความสุข เพราะขณะที่ยังไม่มีสิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ ครั้นได้มาแล้วก็ต้องเหนื่อยยากกับการรักษา และหวั่นกลัวการสูญเสีย นานไปก็รู้สึกเบื่อในสิ่งที่มี อยากได้สิ่งใหม่มาแทน แล้วก็เข้าสู่วงจรเดิม คือดิ้นรนแสวงหา ได้มาแล้วก็ไม่พอใจ จึงดิ้นรนแสวงหาใหม่ สรุปก็คือหาความสุขไม่ได้เสียที ต้องวิ่งไล่ล่าไม่หยุดหย่อน ไม่ต่างจากคนที่วิ่งหนีเงาตนเองในยามบ่าย

เมื่อใดก็ตามที่หันมาใส่ใจกับจิตใจของตนเอง ไม่เผลอใจให้อารมณ์ต่าง ๆ ครอบงำจิตใจ ไม่ว่าบวกหรือลบ กุศลหรืออกุศล อยากได้หรืออยากผลักไส ใจจะตั้งมั่นอยู่ในความปกติและสัมผัสกับความสงบเย็น แม้อยู่นิ่ง ๆ แต่เพียงผู้เดียวก็สามารถเป็นสุขได้ โดยไม่รู้สึกกระสับกระส่าย หากมีกิจธุระ ก็สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ผู้ที่สามารถวางใจได้เช่นนี้ จนเกิดปัญญาเข้าใจตนเองตามความเป็นจริง จิตใจย่อมเปี่ยมสุขแม้อยู่ท่ามกลางความทุกข์ก็ตาม

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.coolz-server.com/s/fxeNgd2G) (http://image.coolz-server.com/v/fxeNgd2G)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ถอดหัวโขน...ถอนสมมุติ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2020, 06:05:59 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/201001111037.jpg) (http://picture.in.th/id/cba6a5dae7416e48b0037b0fd9621c42)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ถอดหัวโขน...ถอนสมมุติ   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


ผู้มีปัญญาย่อมไม่เพลิดเพลินหลงใหลในคำแซ่ซร้องสรรเสริญของผู้คน เพราะเขารู้ดีว่านั่นเป็นเพราะบทบาทหรือหัวโขนที่เขาสวมใส่มากกว่าอะไรอื่น ไม่ช้าก็เร็วบทบาทหรือหัวโขนนั้นก็ต้องปลาสนาการไป ถึงตอนนั้นใครที่หลงใหลเพลิดเพลินย่อมอยู่เป็นทุกข์สถานเดียว

ตำแหน่งหน้าที่หรือยศถาบรรดาศักดิ์อันสูงส่ง ให้ความสุขแก่เราก็จริง แต่มันก็สามารถสร้างความทุกข์ให้แก่เราได้ไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเรายึดติดหวงแหนมัน เช่นเดียวกับหัวโขน มันเป็นสิ่งสมมติและเป็นของชั่วคราว ยิ่งยึดติดถือมั่นในมัน เราก็ยิ่งเป็นทุกข์เมื่อต้องสูญเสียมันไปเมื่อใดที่พอใจในความเป็นตัวเราโดยไม่แคร์หัวโขนใด ๆ เมื่อนั้นจึงจะเป็นสุขอย่างแท้จริง

พระ​ไพศาล​ วิ​ส​า​โล







(http://image.free.in.th/v/2013/iv/200328022401.jpg) (http://picture.in.th/id/b4cc29ed93a200cc06c3c4ead3dc9977)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: สร้างพลังใจในยามวิกฤต - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2020, 06:17:05 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ib/201001112125.jpg) (http://picture.in.th/id/5c08878558d0e33fdee59d9c67b49e2f)



(https://www.mx7.com/i/2b5/VbIean.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMyi33kDqU0W0jl) สร้างพลังใจในยามวิกฤต (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



“หลายคนเวลาจิตใจห่อเหี่ยว เซ็ง เบื่อ ก็ดูหนังฟังเพลง แต่ดูทั้งวันก็เบื่อ จิตใจก็กลับมาเหี่ยวแห้งเหมือนเดิม แต่ถ้าเรารู้จักน้อมใจของเราให้สงบ ให้อยู่กับปัจจุบัน ทำความรู้สึกตัว ให้เกิดขึ้น ให้ใจเกิดความรู้สึกตื่นรู้อยู่เสมอ ความโปร่งโล่งเบาสบายก็จะช่วยทำให้ใจมีกำลังได้

นอกจากการหาเงินทองหรือหาความสุขสบายให้กายแล้ว เราควรให้เวลากับการแสวงหาหรือสร้างสิ่งบำรุงใจด้วย แม้ในยามที่เงินทองร่อยหรอ ความสบายกายลดลง ก็อย่าทิ้งสิ่งบำรุงใจ เพราะใจที่เบิกบาน แจ่มใส ย่อมมีกำลังและความหวังที่จะยืนหยัดต่อสู้กับความทุกข์ยากได้ต่อไป

ในยามวิกฤต ชีวิตมีความทุกข์ อย่าลืมกลับมาที่ใจของตน รักษาใจอย่าให้ห่อเหี่ยวสิ้นหวัง หมั่นเติมพลังบวกให้ใจอยู่เป็นนิจ ไม่ว่าด้วยการคิดดี ทำสิ่งดีงาม ชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัว รวมทั้งน้อมใจให้สงบ เป็นสมาธิ แม้เพียงชั่วขณะ ก็จะทำให้จิตมีพลังที่จะฟันฝ่าอุปสรรคจนก้าวข้ามไปได้ในที่สุด”

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/fxeNgd2G) (http://image.coolz-server.com/v/fxeNgd2G)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2020, 06:26:56 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ib/201001113143.jpg) (http://picture.in.th/id/d178255937550d78d14eee010e98be22)


ได้ดีเพราะมีธรรมะ แต่คราวนี้ได้ดีก็ต้องเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ไม่ใช่แปลว่ารวย ปฏิบัติธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดไม่โกง มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ได้แปลว่าจะต้องลงเอยด้วยความร่ำรวยเป็นใหญ่เป็นโตมีชื่อเสียง

คนไทยหรือชาวพุทธจำนวนมากคิดว่า ทำดีได้ดี คำว่าได้ดี คือว่าทำดีแล้วต้องรวย ทำดีแล้วต้องมีชื่อเสียง ทำดีแล้วต้องได้เลื่อนตำแหน่งอันนี้มันไม่เกี่ยวกันนะ

อย่างที่เคยเปรียบเทียบไว้แล้วว่าปลูกมะม่วงก็ต้องได้มะม่วงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ปลูกมะม่วงแล้วได้องุ่นมันเป็นไปไม่ได้ ปลูกมะม่วงก็ต้องได้มะม่วง แต่ไม่ได้แปลว่าปลูกมะม่วงแล้วจะรวย ปลูกยางก็ได้ยาง แต่ไม่ได้แปลว่าปลูกยางแล้วจะรวย

คนไปเข้าใจว่าปลูกยางแล้วต้องรวยมันไม่ใช่ปลูกยางจะรวยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับราคาตลาด ปลูกมะม่วงจะรวยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับราคาของมะม่วงนะว่ามันสูงหรือต่ำ ถ้าราคายางสูงปลูกยางก็รวย ถ้าราคายางตกปลูกยางก็อาจจะเป็นหนี้ด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างไรปลูกยางก็ต้องได้ยางแน่

คำว่าทำดีได้ดีคือหมายความอย่างนี้ คือว่าเมื่อเราทำดีจิตใจก็เป็นกุศลชีวิตก็งอกงาม ส่วนจะรวยหรือไม่จะได้เลื่อนตำแหน่งหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับสังคม สังคมนั้นมันเชิดชูคนดีหรือเปล่า สังคมที่อยู่แวดล้อมเขาชื่นชมคนดีไหม หรือว่าเขาบูชาเงิน ถ้าสังคมนั้นเขาบูชาเงิน บูชาคนรวย ในสังคมนั้นทำดีก็อาจจะไม่รวย เพราะว่าจะรวยได้ก็ต้องโกง หรือว่าก็ต้องใช้วิธีซิกแซ็กคอรัปชั่น ฉะนั้นทำดีได้ดี ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องรวยต้องมีชื่อเสียง

ตำรวจที่ซื่อสัตย์สุจริตถ้าอยู่บางหน่วยงานก็ไม่ได้เลื่อนขั้น เพราะว่าเจ้านายและเพื่อนร่วมงานเขาไม่เอาด้วย เขาไม่ซื่อสัตย์สุจริตด้วย ถ้าใครซื่อสัตย์สุจริตก็กลายเป็นเหมือนกับแกะดำ ท่ามกลางแกะขาว ที่จริงแกะขาวท่ามกลางแกะดำมากกว่า แต่ว่าทำแล้วจิตใจย่อมเป็นสุข เมื่อทำดีแล้วจิตใจย่อมเป็นสุข บุญก็ย่อมเจริญงอกงาม ทำดีก็ย่อมได้บุญเกิดอานิสงค์ คือบุญกุศลที่เจริญงอกงามจิตใจก็เป็นกุศลด้วย

พระไพศาล วิสาโล

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  pagoda ที่มา ได้ดีเพราะมีธรรมะ

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ฟัง / อ่าน https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-01-16-44-36.html







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2020, 06:33:40 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/is/201001113853.jpg) (http://picture.in.th/id/9e390ad25905b8352af1da58b4c5947f)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ความสงบเย็นในจิตใจจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยการภาวนา สมาธิภาวนาช่วยให้เรารู้จักทำจิตได้อย่างถูกต้อง ทีแรกอาจจะต้องทำคนละช่วง แต่ถึงจุดหนึ่งเราก็สามารถทำจิตไปพร้อมกับการทำกิจได้ ระหว่างที่ทำกิจเพื่อประโยชน์ผู้อื่น เราก็สามารถทำจิตเพื่อประโยชน์ตนได้ และใช้การทำจิตนั้นช่วยกำกับให้การทำกิจเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์อย่างที่ตั้งใจไว้

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ที่จริงสมาธิภาวนาไม่ได้เรื่องยากอะไร เราเพียงแต่น้อมใจให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องทำอะไรนอกจากดูกายดูใจ หรือเห็นกายเห็นใจตามความเป็นจริง ไม่ต้องใช้ความคิดให้มันยุ่งยาก บางทีเราคิดงานยังเครียดมากกว่า เพราะว่าโจทย์ยาก คิดไม่ออก

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  แต่ภาวนานั้นไม่ต้องใช้ความคิด
เพียงแค่เห็นสิ่งต่างๆ ตามที่เป็น ไม่ต้องคิดอะไรใหม่ ไม่ต้องหาทางทะลุทะลวง จะว่าไปแล้วมันง่ายกว่ากันเยอะ เพราะภาวนาไม่ต้องใช้ความคิด ไม่ต้องแบกรับภาระของหน่วยงานหรือรับผิดชอบอะไร มันมีแต่เรื่องของเรา เรื่องที่เป็นปัจจุบัน เป็นเรื่องของกายและใจ ไม่ต้องทำอะไรเพียงแต่ดูมันเฉย ๆ เหมือนเรานั่งดูสายน้ำที่ไหลผ่านหน้า การนั่งเฉยๆ อยู่เฉยๆ ไม่ยากและไม่เหน็ดเหนื่อยเลย

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  แต่ปัญหาเกิดขึ้นก็เพราะเราไม่ยอมดูเฉยๆ แต่มักจะเข้าไปมีปฏิกิริยากับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับกายและใจ พยายามทำโน่นทำนี่กับกายและใจ เรื่องง่ายจึงกลายเป็นเรื่องยาก ทำให้เหนื่อยล้า แต่การปฏิบัติที่ถูกต้อง คือแค่ดูเฉยๆ เลิกวุ่นวายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับกายและใจ เลิกมีปฏิกิริยากับสิ่งต่างๆ ที่มันกลายเป็นนิสัยสะสมมา สิ่งที่จะตามมาคือความสงบเย็นในจิตใจ

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  สมาธิภาวนามีความสำคัญอย่างมากต่อชีวิตจิตใจของเรา หากเราทำงานหนักมาทั้งปี เราควรให้รางวัลแก่ตัวเอง มิใช่ด้วยการไปเที่ยวเท่านั้น แต่ควรมีเวลาปลีกตัวมาภาวนาบ้าง จะได้สัมผัสกับความสงบเย็นในจิตใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นทั้งความสุขส่วนตน และสามารถช่วยให้ผู้อื่นมีความสุขได้ด้วย ไม่ว่าอยู่ใกล้หรือไกล

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2020, 06:38:57 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iv/201001114453.jpg) (http://picture.in.th/id/976b32f22ad0e96c156c7f3db7c0883d)



พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จิตที่ฝึกฝนไว้ผิด ย่อมก่อความเสียหาย ยิ่งกว่าศัตรูหรือคนจองเวรจะพึงกระทำให้กันเสียอีก”

เวลาศัตรูห้ำหั่นทำลายกันนั้น ความวิบัติหรือความฉิบหายที่เกิดขึ้นก็ยังมากไม่เท่ากับจิตที่วางไว้ผิด แต่ในทางตรงข้าม จิตที่ฝึกไว้ดีนั้นสามารถก่อประโยชน์แก่เราอย่างมากมายมหาศาล ซึ่งแม้แต่พ่อแม่ คนรักหรือเพื่อนก็ไม่สามารถทำให้ได้ ไม่ว่าจะมีความปรารถนาดีต่อเราเพียงใดก็ตาม

ใจนั้นฝึกได้ ฝึกให้เป็นมิตรแทนที่จะเป็นศัตรู แต่ใจจะเป็นมิตรกับเราได้ เราต้องเป็นมิตรกับใจเสียก่อน เป็นมิตรกับใจ ฟังดูเหมือนง่าย แต่คนส่วนใหญ่มักทำร้ายจิตใจของตัวเองโดยไม่รู้ตัว หรือปล่อยปละละเลย ทำให้จิตใจถูกทำร้ายด้วยกิเลส หรืออารมณ์ที่เป็นอกุศล เป็นเพราะเราปล่อยปละละเลยจิตใจ ปล่อยให้จิตใจถูกกระทำย่ำยีด้วยอารมณ์ต่างๆ ใจก็เลยย้อนกลับมาทำร้ายเรา กลายเป็นศัตรูกับเรา

สังเกตไหมเวลาเราอยู่คนเดียวตามลำพัง หรือนั่งทำสมาธิภาวนา เราจะรู้สึกกระสับกระส่าย อยากหนีออกจากตัวเองตลอดเวลา ตอนอยู่กับเพื่อน เราสามารถคุยได้เป็นชั่วโมง แต่พอเรากลับมาอยู่กับตัวเอง ทำสมาธิไม่ถึง ๑๐ นาทีก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว อยากจะหาเพื่อนคุย อยากไปทำนั่นทำนี่ หรือไม่ก็ปล่อยใจให้ฟุ้งไป นี่เป็นอาการที่บอกว่าเราทนอยู่กับตัวเองไม่ได้ พยายามหนีจากตัวเอง

ความทุกข์พื้นฐานของมนุษย์ เกิดจากการที่เราไม่สามารถเป็นมิตรกับตัวเองได้ ทนอยู่กับตัวเองไม่ได้ พยายามหนีออกจากตัวเอง ไปแสวงหาความสุขจากวัตถุสิ่งเสพ จากชื่อเสียง การยอมรับ ฐานะ ตำแหน่ง บริษัท บริวาร เพราะคิดหวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะให้ความสุขแก่เราได้ แต่ถ้าคนเราเรียนรู้ที่จะเป็นมิตรกับตัวเอง ความสุขที่จะหล่อเลี้ยงใจก็หาได้ไม่ยาก ไม่ต้องไปแสวงหาความสุขจากที่ไหนมาหล่อเลี้ยงตน แค่อาศัยความสุขที่มีอยู่แล้วในใจ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการที่เรารู้จักเป็นมิตรกับตัวเอง

การเป็นมิตรกับตัวเอง หมายถึงการเป็นมิตรกับกายและใจ เพราะคนเราประกอบด้วยกายกับใจ เป็นมิตรกับกาย ก็มีความปรารถนาดีกับกายของตน เป็นมิตรกับใจ ก็มีความปรารถนาดีกับใจของตน พยายามดูแลรักษากายและใจให้ดี

เรื่องกายเราใส่ใจมากอยู่แล้ว ถ้าหากไม่หลงใหลไปกับอบายมุข คนส่วนใหญ่ก็มักดูแลรักษากายให้มีความผาสุก แต่เรื่องใจกลับไม่ค่อยให้ความใส่ใจ

ในแต่ละวัน เราให้เวลากับกายมาก แต่ว่าให้เวลากับใจนิดเดียว เรามีเวลาหาอาหารมาเติมให้กายวันละสามมื้อ แต่อาหารใจเรากลับละเลย เราให้เวลาในการชำระร่างกายวันละหลายครั้ง แต่การชำระใจ เราทำบ้างหรือเปล่า เวลาของเราส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงานเพื่อจะได้มีเงิน และเงินที่ได้มาส่วนใหญ่ก็ใช้ปรนเปรอร่างกาย ส่วนที่จะเป็นประโยชน์แก่จิตใจนั้นมีน้อยมาก เรามีเวลาสำหรับการพักกายมาก แต่เวลาพักใจไม่ค่อยมี

การหาโอกาสมาภาวนา นับเป็นการช่วยเหลือฟื้นฟูใจ ให้ใจได้พักผ่อน เป็นการให้อาหารหล่อเลี้ยงจิตใจให้เจริญงอกงาม ชำระจิตใจให้สะอาดผ่องใส ดังนั้นถ้าเรามอบสิ่งดีๆ ให้แก่จิตใจ ให้เวลาแก่จิตใจ พยายามเป็นมิตรกับใจ ใจก็จะกลับมาเป็นมิตรกับเรา ในยามที่ประสบทุกข์ทางกาย ใจก็จะคอยช่วยให้ไม่ทรมานมาก หรือช่วยทำให้ร่างกายดีขึ้น กายป่วยแต่ใจไม่ป่วย เมื่อใจสบายกายก็จะหายเร็วขึ้น ถึงแม้จะมีทุกขเวทนา ทุกขเวทนาก็ลดลงเมื่อใจสงบ มีสมาธิ

พระไพศาล วิสาโล

สวนโมกข์กรุงเทพ นำความสงบเย็นสู่ชีวิต

ภาพ: สวนปฏิจจสมุปบาท บริเวณ ชั้น ๒ สวนโมกข์กรุงเทพ พื้นที่สงบเหมาะสำหรับการภาวนา เดินจงกรม







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2020, 06:46:32 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ic/201001115150.jpg) (http://picture.in.th/id/047aedc5d6f1928638c57862fd5031ad)


ชีวิตของคนเรามักมีเรื่องกระทบใจหรือมีการกระทบกระทั่งกันเนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนบ้านเรือนเคียง ยังไม่ต้องพูดถึงปัญหาในที่ทำงาน ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดความรุ่มร้อนในจิตใจ เปรียบไปไม่ต่างจากการเดินอยู่ในที่โล่งกว้าง แดดแรงกล้า แต่เราคงไม่อยากถูกแดดแผดเผาจนเกรียมใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไร ก็ต้องหาร่มมาบังแดดหรือไม่ก็หลบมาอยู่ใต้ร่มไม้

กายหายร้อนได้เพราะร่มเงา ส่วนใจนั้น จะหายร้อนได้ก็ต้องอาศัยร่มธรรม อาทิ สติ สมาธิ สัมปชัญญะ สิ่งเหล่านี้สามารถปกป้องใจจากอารมณ์ที่ร้อนแรงได้ ร่มไม้นั้นมีอยู่เป็นที่ๆ ถ้าอยู่ในเมืองก็หาร่มไม้ยากสักหน่อย จะพบได้ง่ายก็ต้องเข้าสวนหรือเข้าป่า ส่วนร่มธรรมแม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่สามารถพบได้ในใจเรา เมื่อพบแล้วก็จะตามเราไปทุกที่

มีหลายคนที่ช่วยให้คนอื่นมีความสุข แต่ใจของตนกลับมีความทุกข์ เต็มไปด้วยความเครียด ความวิตกกังวล ความหนักอกหนักใจ เปรียบไปก็คล้ายๆ กับพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ พัดลมทำความเย็นให้กับผู้คนรอบตัว แต่ตัวมันเองกลับร้อน เมื่อร้อนแล้วก็ต้องระบายความร้อนใส่คนที่อยู่ใกล้ๆ

หลายคนพยายามให้ความสุขกับผู้คน แต่ตัวเองกลับทุกข์ร้อน เสร็จแล้วก็อดไม่ได้ที่จะระบายความทุกข์ใส่คนรอบข้าง จนนำไปสู่การกระทบกระทั่งกัน กระทบกระทั่งด้วยคำพูด อารมณ์ สายตา และท่าที การกลับมาทำให้ตัวเองมีความสุขใจมีความเย็นใจถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อทำประโยชน์ท่านมากแล้วก็ต้องรู้จักทำประโยชน์ตนด้วย ทำให้ผู้อื่นมีความสุขแล้วก็ควรทำให้ตัวเองมีความสุขด้วย สุขที่ว่านี้คือสุขใจ

เราสร้างความสุขให้กับผู้อื่นผ่านการงาน แต่สามารถสร้างความสุขให้กับตัวเองผ่านการภาวนา ถ้าทำได้ครบถ้วนก็จะเป็นชีวิตที่ประเสริฐ

ท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าวว่า ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่ “สงบเย็นและเป็นประโยชน์” สงบเย็นหมายถึงใจสงบเย็น เป็นประโยชน์หมายถึงการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น สองอย่างนี้ควรไปด้วยกัน ขณะที่เราทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น เราก็ควรพบความสงบเย็นในจิตใจด้วย ความสงบเย็นนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการดูแลจิตใจของตนเอง นั่นก็คือนอกจากการทำกิจเพื่อผู้อื่นแล้ว เราก็ต้องทำจิตเพื่อตัวเองด้วย

ทำกิจกับทำจิตเป็นสิ่งที่ต้องทำคู่กัน การทำกิจคือการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น ส่วนการทำจิตคือการทำใจให้สงบเย็น หลายคนทำกิจแต่ลืมทำจิต แม้จะทำประโยชน์ให้ผู้อื่นมาก แต่ตัวเองกลับรุ่มร้อน ไม่มีความสงบเย็น เมื่อมีความรุ่มร้อนเกิดขึ้น การทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นก็จะค่อยๆ ลดลงไป พอถึงจุดหนึ่งก็เกิดโทษขึ้นมาด้วยซ้ำ

หลายคนตั้งใจช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นจิตอาสา หรือเอ็นจีโอ พอทำไปนานๆ แทนที่จะเกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น เกิดโทษขึ้นมาแทนที่ เพราะไม่ได้รักษาจิตใจของตนให้สงบเย็น บางคนดูแลผู้ป่วย ทีแรกก็ดูแลด้วยความเอาใจใส่ ทำด้วยความรัก แต่พอต้องรับภาระดูแลนานเข้าก็เริ่มเครียด หงุดหงิด เวลาแนะนำคนป่วยแล้วเขาไม่ทำตาม คนดูแลก็ไม่พอใจ พอสะสมมากขึ้นถึงจุดหนึ่งก็สติแตก ต่อว่าด่าทอผู้ป่วย

มีผู้ดูแลบางคนรำคาญและหงุดหงิดพ่อที่ป่วย พ่อเรียกร้องตลอดเวลา กลางวันเรียกร้องเอาโน่นเอานี่ไม่ได้หยุดหย่อน กลางคืนก็ไม่ยอมนอน ปลุกลูกให้พลิกตัวแทบทั้งคืน พลิกตัวเสร็จไม่ทันไรก็เรียกให้หมุนเตียง เป็นอย่างนี้ทุกคืน จนลูกชายทนไม่ไหวลืมตัว สติแตก คว้าคอพ่อเขย่า ตวาดใส่ว่า “พ่อจะเอายังไงกันแน่ เรียกร้องโน่นนี่ไม่หยุดหย่อน ผมทนไม่ไหวแล้วนะ” นี่เป็นเพราะไม่รู้จักทำใจให้สงบเย็น ปล่อยให้ความเครียดความหงุดหงิดรุมเร้า พอความรุ่มร้อนเกิดขึ้นก็ส่งผลในทางกลับกัน แทนที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย กลับสร้างปัญหาหรือสร้างความทุกข์ให้เขา เมื่อคิดแต่จะทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น แต่ไม่รู้จักทำความสงบเย็นให้แก่จิตใจตนเอง สุดท้ายประโยชน์ที่มุ่งหวังให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นก็กลายเป็นโทษไปในที่สุด

การทำจิตให้สงบเย็นเป็นส่วนหนึ่งของการทำกิจ เราจะช่วยผู้อื่นหรือทำประโยชน์ให้แก่เขาได้ อย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อมีความสงบเย็นในจิตใจเป็นตัวรองรับสนับสนุน จะทำกิจให้ดีก็ต้องทำจิตด้วย ไม่อาจแยกจากกันได้

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2020, 06:52:53 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ig/201001115806.jpg) (http://picture.in.th/id/0daa33e4411751869b6249ee00e3879f)


คุกของใจนี่มองไม่เห็น มันสร้างความทุกข์ทรมานมาก มันได้แก่อะไร อารมณ์ ความโกรธ ความเคียดแค้นพยาบาท ความเศร้า ความรู้สึกผิด เป็นคุกของใจที่แน่นหนามาก มันทำให้คนเราไม่สามารถที่จะมองไปข้างหน้าได้ ไม่สามารถจะมีความสุขเหมือนคนอื่นได้ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการที่จิตไปหลงติดอยู่กับอดีต

อดีตอาจจะมีเหตุการณ์ทำให้เคียดแค้น ถูกทำร้าย ถูกโกง บางคนนี่ถูกโกงเงินไป ๓ หมื่น สิบปีแล้วยังไม่หายแค้น ไม่หายโกรธ เวลามาปรึกษาก็จะพูดแต่เรื่องนี้แหล่ะ ทั้งๆ ที่กินอิ่มนอนอุ่น ทั้งๆ ที่ไม่ได้เจ็บไม่ได้ป่วยอะไร ทั้งๆ ที่เงินที่หามาได้หลังจากนั้นมากกว่า ๓ หมื่นไม่รู้กี่เท่า แต่ใจเขาก็ยังจมอยู่กับความโกรธ เขาหารู้ไม่ว่า ความโกรธมันทำให้เขาทุกข์ ทำให้ความสุขเขาหายไป ถ้าตีค่าเป็นตัวเงิน มันก็คงเป็นแสนเป็นล้านแล้ว มากกว่าเงินที่เขาถูกโกงเสียอีก...

แม้แต่ความคิดอุดมการณ์ก็ขังใจเราได้ คือทำให้ความคิดคับแคบ ใครที่คิดต่างจากเรา ก็เห็นเขาเป็นศัตรู หรือเกลียดชังเขา ไม่เปิดรับสิ่งที่จะทำให้เรามีปัญญามากขึ้น อันนี้คือทุกข์ของใจที่เกิดกับทุกคนก็ว่าได้ เกิดกับพวกเรากันทั้งนั้น น่ากลัวมาก

เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการมีความสุข ต้องการให้ใจมีอิสระก็ต้องพยายามรู้เท่าทันเสียก่อนว่ามันมีคุกชนิดนี้

คุกที่น่ากลัวคือคุกที่มองไม่เห็น คุกที่เราคิดว่ามันไม่มี คุกที่สร้างด้วยอิฐก่อด้วยปูนมันไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร เพราะว่ามันขังได้แต่ร่างกาย อีกอย่างหนึ่งเราก็รู้ว่ามันเป็นคุก เราก็พยายามที่จะมาปรับตัวปรับใจไม่ให้ทุกข์ แม้จะถูกขังอยู่ก็ตาม

แต่ถ้ามันมีคุกแล้วเราไม่รู้ว่ามันคือคุก ไม่รู้ว่ามันมีอยู่ อันนี้น่ากลัวกว่า เพราะว่ามันทำให้เราประมาท ทำให้เราตายใจ

พระไพศาล วิสาโล

อ่าน / ฟัง https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-16-21-56.html


คุกกิเลส เติมความสงบสุขลงในชีวิต สวนโมกข์กรุงเทพ







(http://image.free.in.th/v/2013/ih/200416011214.png) (http://picture.in.th/id/a9610e6fbd2091e7d1e0acb7051c33d7)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 01, 2020, 07:01:08 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/201001120617.jpg) (http://picture.in.th/id/1d2935e854551af3e0d6dd57d6c859dc)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  การที่คนเราผ่านโลกมามาก มันไม่ใช่แปลว่าจะปล่อยให้ร่างกายค่อยๆเสื่อมไปตามกาลเวลา แต่ว่าควรจะมีความรู้ มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องชีวิตมากขึ้น ความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตก็คือธรรมนั่นแหละ เพราะธรรมเป็นเรื่องชีวิต ธรรมเป็นเรื่องของความรู้ความเข้าใจในชีวิต แล้วก็โลก คนเราเมื่อมีอายุมากขึ้น ก็ควรมีความฉลาดมากขึ้น ฉลาดในเรื่องของชีวิต เพราะว่าผ่านอะไรต่ออะไรมามากแล้ว เห็นโลกมามากมาย ปีแล้วปีเล่า แล้วความฉลาดจะช่วยให้เรามีความสุขใจได้มากขึ้น

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ร่างกายนี้พออายุมากเข้ามีแต่จะทุกข์ แต่ว่าจิตใจพอมันผ่านโลกมามากขึ้น ก็ควรจะมีความสุขมากขึ้น ๆด้วย เพราะว่ามีความฉลาด ไม่ใช่ฉลาดเกี่ยวกับเรื่องทำมาหากิน ไม่ใช่ฉลาดเพราะว่ามีปริญญามาก มีปริญญาสูง แต่ว่าเพราะได้เห็นอะไรต่ออะไรมามากมาย เห็นความเจริญ เห็นความเสื่อม เห็นความแปรเปลี่ยน พูดง่ายๆ เห็นอนิจจัง เห็นความไม่แน่นอน ก็เป็นความฉลาดอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเรา ยิ่งแก่ตัวลงก็ยิ่งมีความสุขใจมากขึ้น ถ้าถามตัวเองว่าอายุมากขึ้น ๆ พอแก่ตัวลง สุขกายอาจจะน้อยลง แต่สุขใจควรจะมากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล

อนิจจัง เติมธรรมะลงในชีวิต ๑๐ปีสวนโมกข์กรุงเทพ






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 08, 2020, 07:14:29 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/201008121958.jpg) (http://picture.in.th/id/96b23ee547999a02669443416fb6556d)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ถ้าเรารักตัวของเราจริง ๆ ก็ต้องพยายามทำให้ ตัวรู้ เข้ามาสู่จิตใจของเรามาก ๆ บ่อย ๆ ถี่ ๆ ให้ชีวิตประจำวันของเรามัน รู้มากกว่าหลง  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)

สิ่งที่เราจะทำให้ตัวรู้นี้มันมีมากขึ้นในจิตใจของเรา และมีกำลังเอาชนะตัวหลงได้ ทำให้ความใฝ่ธรรมใฝ่ดีในใจเรามีกำลังจนเอาชนะกิเลสได้ สามารถรู้เท่าทันมันได้ ก็คือ สติ

สติเป็นสิ่งสำคัญ สติเปรียบเสมือนตาใน ที่ทำให้เรานี้รู้เท่าทันกิเลส รู้เท่าทันความหลง ความหลงมันเกิดขึ้น มันก็จะครอบใจเรา

ภรรยาสูญเสียสามีซึ่งเป็นคนที่ดีมาก เป็นการสูญเสียอย่างกะทันหัน ทำใจไม่ได้เลย เขาป่วยแค่สามสี่เดือนแล้วเขาไป ไม่คิดว่าเขาจะตายด้วยซ้ำ คิดว่าเขาป่วยหนักธรรมดา ก็คิดถึงแต่สามี ทุกวันก็โทรศัพท์ไปหาเบอร์ของสามี อยากจะฟังเสียงที่อัดเอาไว้ ทุกเช้าก็ทำอาหารให้สามี เอาอาหารมาวางไว้บนโต๊ะที่สามีเคยนั่ง ใจมีแต่นึกถึงแต่สามี จนไม่สนใจลูกสาวอายุ ๑๒ เหมือนกับไม่มีลูกสาวอยู่ในบ้านเลย เพราะในใจมีแต่สามีคนเดียว อันนี้เรียกว่าถูกครอบ ถูกครอบด้วยความเศร้า จนกระทั่งไม่รับรู้บุคคล หรือสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเลย เปรียบไปเหมือนอยู่ในคุก เป็นคุกที่มีแต่กำแพงล้อมรอบ หรือถ้าเปรียบเป็นบ้าน ก็เป็นบ้านที่มืดทึบ

แต่สติ ช่วยทำให้เราได้เห็นสิ่งที่อยู่รอบตัวตามความเป็นจริง ถ้าเป็นคุก สติก็เหมือนหน้าต่าง หน้าต่างที่ทำให้เราได้เห็นสิ่งที่อยู่รอบตัว เห็นโลกกว้าง ไม่ถูกครอบด้วยอารมณ์ จนเหมือนกับถูกขังอยู่ในบ้านหรืออยู่ในคุก

คนเราถ้ามีสติมันจะรู้ตัว พอรู้ตัวปุ๊บจะรับรู้โลกที่อยู่ข้างหน้าได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าไม่รู้ตัว หลง ความหลง หลงเพราะว่าถูกอารมณ์ครอบ เศร้าโศกเสียใจ อาลัย อาวรณ์ โกรธ เกลียด หรือแม้แต่ความฟุ้งซ่าน ใจลอยไหลไปอดีตบ้าง ลอยไปอนาคตบ้าง มันไม่เห็นอะไรเลย โลกทั้งโลกอยู่ข้างหน้าแต่ไม่รับรู้ คนอยู่ข้างหน้า แต่ว่าไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร หรืออย่างถ้าใจลอยตอนนี้ อาจไม่รู้ว่าอาตมาพูดว่าอะไรไป ทั้งๆที่พูดอยู่ต่อหน้า อันนี้เราเรียกว่ามันถูกครอบ แต่พอมีสติปุ๊บ หรือทำให้เกิดความรู้ตัวขึ้นมา เออ เรารับรู้โลกข้างหน้า คนที่อยู่ข้างหน้าเราได้

พระไพศาล วิสาโล
ที่มา : อย่าปล่อยให้กิเลสฉวยโอกาส

ภาพ: สระมะพร้าวนาฬิเกร์ สวนโมกข์กรุงเทพ

อ่าน / ฟัง ได้ที่
https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-16-18-56.html


สวนโมกข์กรุงเทพ สงบเย็นเป็นประโยชน์





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: “ร่มไม้และเรือนใจ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 08, 2020, 07:26:25 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ic/201008123048.jpg) (http://picture.in.th/id/5da7fe41f3a0a464585b0ba7d2dcfdeb)



 
(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ร่มไม้และเรือนใจ  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)




ทุกชีวิตย่อมปรารถนาความสงบเย็นทั้งจากภายนอกและภายใน ร่มไม้นั้นให้ความสงบเย็นภายนอก ส่วนความสงบเย็นภายในนั้นหาได้จากเรือนใจ ร่มไม้และเรือนใจจึงมีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับเราทุกคน

ร่มไม้ยังปกป้องคุ้มภัยให้แก่สรรพชีวิต เช่นเดียวกับเรือนใจซึ่งเป็นที่พึ่งพิงภายในมิให้ความทุกข์คุกคาม ร่มไม้จะให้ความร่มเย็นเมื่อธรรมชาติอุดมไพบูลย์ฉันใด เรือนใจจะให้ความสุขแก่เราได้ต่อเมื่อเปี่ยมด้วยธรรมฉันนั้น

ธรรมชาติภายนอกและธรรมภายในนั้นแยกจากกันไม่ออก ธรรมชาติงอกงามได้ต่อเมื่อผู้คนมีธรรมฉันใด ธรรมภายในตั้งมั่นได้ก็เพราะธรรมชาติภายนอกกล่อมเกลาฉันนั้น

ถึงที่สุดแล้ว ธรรมชาติภายนอกก็คือส่วนหนึ่งของธรรม(ในความหมายที่เป็นกฎธรรมชาติ) ส่วนธรรมภายในก็คืออีกมิติหนึ่งของธรรมชาติ ที่ครอบคลุมทั้งรูปธรรมและนามธรรมนั่นเอง ธรรมและธรรมชาติจึงเชื่อมโยงกันอย่างยิ่ง ขณะที่ธรรมชาติสอนธรรมแก่เรานั้น ธรรมในใจก็สอนให้เรารักธรรมชาติด้วยเช่นกัน

ดังนั้นหากเราเปิดใจรับธรรมและเรียนรู้จากธรรมชาติ นอกจากจิตใจจะเป็นสุข ชีวิตจะงอกงามแล้ว โลกรอบตัวเรายังจะร่มรื่นและสงบเย็นด้วย

พระไพศาล วิสาโล








(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)




หัวข้อ: โลกอนิจจัง - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2020, 09:15:10 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ij/201013022040.jpg) (http://picture.in.th/id/27596c45ead6d47fa5b51572ab2db775)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)    โลกอนิจจัง   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)    (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


“โลกนี้หาความจีรังยั่งยืนไม่ได้ แปรเปลี่ยนเป็นนิจ สิ่งที่เรายกย่องเชิดชูว่าดีวิเศษในวันนี้ สามารถกลายเป็นอื่นในวันหน้านี้เป็นธรรมดาของสิ่งที่เรียกว่าสมมติ ใครที่ยึดติดถือมั่นกับสมมติ ปักใจเชื่อว่ามันต้องดีไปตลอด ย่อมเป็นทุกข์เมื่อเจอความเปลี่ยนแปลง”


พระไพศาล วิสาโล






หัวข้อ: “คืนความสุขให้ชีวิต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2020, 09:18:31 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ij/201013022431.jpg) (http://picture.in.th/id/0681dbe3afbe1905cbf4e8b9b7b8eb7e)



(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)
คืนความสุขให้ชีวิต (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)


ทุกวันนี้เรามัวแต่เลือกสิ่งที่ไม่เป็นสาระ

เลือกสิ่งที่ไม่สำคัญกับชีวิตมามากพอแล้ว

ถึงเวลาที่เราจะหันมาเลือกสิ่งที่เป็นสาระสำคัญของชีวิต

อะไรจะสำคัญไปกว่าการเลือกว่าจะทุกข์หรือไม่ทุกข์

พระไพศาล วิสาโล





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ยิ้มรับความตายด้วยใจสงบ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2020, 09:27:14 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ip/201013023415.jpg) (http://picture.in.th/id/c0840b89d943cda031304a71c5d5a2db)


                                                         (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)  ยิ้ม  (http://picture.in.th/id/c0840b89d943cda031304a71c5d5a2db)รับความตายด้วยใจสงบ  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

                                                         (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


ในสายตาของคนทั่วไป ความตายเป็นสิ่งน่ากลัวและเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นกับคน ๆ หนึ่ง เพราะมันหมายถึงการแตกดับของชีวิตและความพลัดพรากจากทุกสิ่งที่เคยรักและหวงแหน แต่แท้จริงแล้ว ความตายมิใช่วิกฤตเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสสำหรับสิ่งดี ๆ หลายอย่าง ความตายของคน ๆ หนึ่งไม่เพียงสามารถช่วยให้อีกหลายชีวิตอยู่รอดด้วยอวัยวะที่ได้รับการปลูกถ่ายเท่านั้น หากยังสามารถกระตุ้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีก่อนที่ชีวิตจะจบสิ้น หลายคนได้มีโอกาสคืนดีกับคนรักหรือมิตรสหายหลังจากที่ร้าวฉานกันมานาน ขณะที่อีกไม่น้อยได้พบกับความสงบในจิตใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะได้ปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ที่เคยหลงยึดติดมานาน ในพระไตรปิฎกมีเรื่องราวเกี่ยวกับพระอรหันต์หลายท่านที่หลุดพ้นจากกิเลสขณะที่กำลังจะสิ้นลมเพราะได้ประจักษ์แก่ใจว่าสังขารนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่งและไม่น่ายึดถือเลยแม้แต่น้อย

ความตายนั้นเป็นทุกข์ก็จริง แต่ก็สามารถผลักดันให้จิตใจเป็นอิสระจากทุกข์ได้ ไม่มีใครหนีพ้นความตายได้ก็จริง แต่ก็สามารถพบกับความสงบในวาระสุดท้ายของชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงมิใช่ศัตรูที่น่ากลัวของเรา สิ่งที่น่ากลัวคือความกลัวในใจของเราต่างหาก ความกลัวดังกล่าวมิได้มาจากไหน หากเกิดจากความไม่รู้นั่นเอง มารี คูรี นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังชาวโปแลนด์ เคยกล่าวว่า “ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่น่ากลัว มีแต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ” ใช่หรือไม่ว่า เมื่อใดที่เรารู้จักหรือเข้าใจความตายดีพอ เมื่อนั้นความตายก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป

แทนที่เราจะหนีความตาย ไม่รับรู้ใด ๆ เกี่ยวกับความตาย จนแม้แต่คำว่า “ความตาย”ก็ไม่อยากได้ยินหรือเอ่ยถึง ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับความตาย เริ่มจากการยอมรับว่าความตายคือความจริงที่จะต้องเกิดขึ้นกับเราไม่วันใดก็วันหนึ่ง ดังนั้นแทนที่จะอยู่อย่างคนลืมตาย ก็หันมาเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมรับความตายอยู่เสมอ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะสามารถเผชิญความตายด้วยใจสงบ หรือเห็นความตายเป็นมิตรที่เราพร้อมอ้าแขนต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

พระไพศาล วิสาโล








(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)


(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2020, 09:49:05 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/201013025346.png) (http://picture.in.th/id/0639868bb2f4f9ec9281ec2d48fbeb7e)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  ยอมรับได้ ใจคลายทุกข์  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

เรื่องโดย ทีมงานความสุขประเทศไทย

08 Oct 2020




มีเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกใจเราเกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น ใครที่อยู่ในเมืองก็ต้องเจอรถติด สังเกตไหมว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นขณะรถติด เกิดจากอะไร เป็นความทุกข์ชนิดใด มันไม่ใช่ทุกข์กายแต่เป็นทุกข์ใจ

ทั้งๆ ที่อยู่ในรถติดแอร์ เปิดเพลง มีขนมกินด้วยซ้ำ ไม่มีความทุกข์กาย แต่ทำไมคนจึงไม่ชอบรถติด นั่นเพราะมีความทุกข์ใจ ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า ทุกข์ใจไม่ได้เกิดจากรถติด แต่เกิดจากการไม่ยอมรับรถติด จิตจึงบ่น โวยวาย ตีโพยตีพาย แต่ทันทีที่เรายอมรับได้ ใจสงบเลย



ชายคนหนึ่งเรียกรถแท็กซี่ไปวัดพระแก้วเพื่อจะไปทำบุญ เช้าวันนั้นรถติดมาก เขาต้องโทรศัพท์บอกพี่สาวหลายครั้งว่าจะไปสาย เขาหงุดหงิดรุ่มร้อน แต่สังเกตเห็นว่าคนขับรถแท็กซี่ไม่มีอาการรุ่มร้อนเลย เปิดวิทยุแถมฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข เขาจึงถามคนขับรถว่าพี่ไม่หงุดหงิดเหรอ คนขับรถตอบดี เขาตอบว่าผมไม่รู้จะหงุดหงิดไปทำไมครับ หงุดหงิดแล้วมันก็ติดเท่าเดิม



เขายังพูดต่ออีกว่า แต่ก่อนเขาทำงานบริษัท ตอนหลังเบื่อเลยลาออกมาขับแท็กซี่ มันอิสระดี ที่น่าสนใจคือเขาพูดว่า “ผมรู้ว่าผมเลือกทำอาชีพอะไร แล้วจะต้องเจอกับอะไร ถ้าเลือกขับแท็กซี่ก็ต้องยอมรับได้ว่าต้องเจอรถติด”



คนขับแท็กซี่ไม่หงุดหงิดเวลารถติดเพราะเขายอมรับมันได้ ส่วนคนที่ทุกข์ใจก็เพราะยอมรับมันไม่ได้ แถมยังคิดปรุงแต่งต่อไปว่าถ้ารถติดหนักกว่านี้จะไปทำงานสาย จะไปส่งลูกไม่ทัน จะตกเครื่องบิน ก็เลยกระสับกระส่าย



ไม่ว่าเจอทุกข์อะไรก็ตาม ถ้าเรายอมรับไม่ได้ ใจจะเป็นทุกข์มาก เป็นทุกข์ยิ่งกว่าความทุกข์อันแรกที่เจอ



หญิงสาวผู้หนึ่งพูดได้น่าสนใจมากว่า “มะเร็งไม่ได้ทำให้ยิ้มคุณหายไป ทุกข์ในใจต่างหากเป็นตัวทำ” ถามว่าทุกข์ใจเพราะอะไร คำตอบคือยอมรับความจริงไม่ได้ สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นสัจธรรมมาก เธอพูดว่า

“ในขณะที่เราคิดว่าความจริงมันโหดร้าย แต่การไม่ยอมรับความจริงนั้นโหดร้ายกว่า เพราะมันเปรียบเหมือนคุกที่ขังใจเราไว้”



ประโยคข้างต้นเธอพูดจากประสบการณ์ของตัวเอง เธอเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะตอนอายุ 30 ปี ขณะที่ชีวิตกำลังรุ่งโรจน์ หมอเองทีแรกก็ยังไม่เชื่อ เพราะมะเร็งที่เกิดกับเธอนั้นมักเกิดขึ้นผู้สูงอายุหรือสูบบุหรี่จัด แต่เธอไม่เคยสูบบุหรี่ ตอนที่เธอรู้ว่าเป็นมะเร็ง เธอรู้สึกทุกข์มาก ทุกข์กายไม่เท่าไหร่แต่ทุกข์ใจมากเธอเอาแต่คร่ำครวญว่า ว่าทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมต้องเป็นมะเร็งชนิดนี้ มันไม่น่าจะเกิดกับฉัน ฉันอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น พอเธอไม่ยอมรับความจริงนี้ ก็เครียด จนเหวี่ยงวีนใส่หมอ เหวี่ยงวีนแม้กระทั่งกับคนที่บ้าน



ภายหลังเธอหันมาสนใจการปฏิบัติธรรม เจริญสติ เมื่อสังเกตจิตใจของตนก็พบว่า สาเหตุของความทุกข์ใจคือการไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับโรคมะเร็ง แต่พอเธอยอมรับมันได้ ใจก็สงบ แม้ว่ามะเร็งจะลามไปเยอะแล้ว



คนเรามักจะมองข้ามความจริงว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเราไม่ร้ายเท่ากับการไม่ยอมรับความทุกข์นั้น สิ่งที่เรากลัวเราเกลียด ไม่ร้ายเท่ากับความกลัวความเกลียดสิ่งนั้น ลองพิจารณาดูให้ดีว่า คนที่เป็นปัญหากับเรา ยังไม่ทำให้เราทุกข์มากเท่ากับความรู้สึกเกลียดชังหรือโกรธคนนั้น มะเร็งก็เหมือนกัน มันไม่ร้ายเท่ากับความกลัวความเกลียดและการไม่ยอมรับมะเร็ง

เมื่อเจอเหตุร้ายหรือสิ่งที่ไม่ปรารถนา ประการแรกที่เราควรทำคือ ยอมรับเพราะมันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถปฏิเสธ ผลักไสไปได้



ประการที่สอง ให้ตระหนักว่า ยิ่งผลักไสก็ยิ่งทุกข์ เป็นการซ้ำเติมตัวเอง อย่างที่คนขับแท็กซี่พูด “ผมไม่รู้จะหงุดหงิดไปทำไม หงุดหงิดแล้วรถมันก็ติดเท่าเดิม” ความหงุดหงิดทำให้จิตใจรุ่มร้อน ส่วนปัญหาหรือความทุกข์เดิมก็ไม่ได้หายไปไหน



มีคนเปรียบเทียบชีวิตไว้ดีว่า เหมือนกับการเล่นไพ่ บางครั้งเราก็จั่วได้ไพ่ที่ไม่ดี แต่ป่วยการที่จะบ่น ตีโพยตีพายว่า ทำไมได้ไพ่ใบนี้ คนที่เล่นไพ่เก่งเขาไม่บ่นโวยวายอย่างนั้น แต่เขาจะพยายามใช้ปัญญาเพื่อเล่นให้ดีที่สุด บางครั้งเขาก็ชนะทั้งที่ไพ่ในมือเขาไม่ดีเลย ถ้าเขาโวยวาย ก็หัวเสีย ปัญญาก็ไม่เกิด สู้ตั้งสติให้ดีว่าจะใช้ไพ่ที่มีในมือให้เกิดประโยชน์อย่างไร



แม่ครัวซึ่งได้เครื่องเคราไม่ครบ เขาไม่มัวหัวเสียบ่นปอดแปดว่าว่าทำไมเครื่องไม่ครบ เขาจะคิดเพียงว่าทำอย่างไรจะปรุงอาหารให้อร่อยหรือดีที่สุดเท่าที่อุปกรณ์มีอยู่ ไม่มีเนื้อ มีแต่ผักก็ไม่เป็นไร ไม่มีน้ำตาล เอาอย่างอื่นแทนได้ไหม ในขณะที่แม่ครัวที่มีเครื่องครบแต่อาจปรุงอาหารไม่อร่อยก็ได้ มันไม่ได้อยู่ที่ว่าในมือมีอะไร แต่อยู่ที่ว่าเราจะใช้ของที่มีอยู่ในมือให้เกิดประโยชน์แค่ไหน แต่เราไม่สามารถใช้สิ่งที่มีอยู่ในมือให้เกิดประโยชน์ได้ดีที่สุดหากเรายังหัวเสียหงุดหงิด ไม่ยอมรับกับข้อจำกัดที่เกิดขึ้น



ผู้ป่วยมะเร็งที่เพิ่งกล่าวถึง พอทำใจยอมรับได้ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว นอกจากเธอจะยิ้มได้แล้ว เธอยังมีสติปัญญาที่จะเยียวยาตัวเองต่อไป แต่ถ้าหัวเสียหงุดหงิด ก็คิดอะไรไม่ออก แทนที่จะทุกข์จะบรรเทาทุกข์กลายเป็นทุกข์หนักขึ้น ป่วยการที่จะบ่นโวยวายว่า ทำไมต้องเป็นฉัน มันไม่ยุติธรรม ฉันอายุแค่ 30 ปี เอง ไม่เคยสูบบุหรี่ ทำไมฉันต้องเป็นมะเร็งปอด ฉันทำดีตลอดชีวิต ทำไมฉันต้องมาป่วย ทำไมต้องเสียลูกตั้งแต่ยังเล็กๆ หรือฉันออกกำลังกายเป็นปีทำไมต้องมาป่วย คิดแบบนี้เป็นการทำร้ายตัวเอง



ในเมื่อป่วยกายแล้ว ก็อย่าปล่อยให้ใจป่วยด้วย เมื่อมีความสูญเสียเกิดขึ้น ควรจำกัดความสูญเสียไม่ให้บานปลาย คือเสียแต่ทรัพย์ ส่วนใจไม่เสีย เพราะถ้าใจเสีย เครียด กลัดกลุ้ม ไม่นานก็จะเสียสุขภาพ และเสียงานเสียการ รวมทั้งเสียความสัมพันธ์ เพราะทะเลาะวิวาทกับใครต่อใครเนื่องจากอารมณ์ไม่ดี



ความสูญเสียจะไม่บานปลาย หากเรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ผลักไส โอดครวญ หรือตีโพยตีพาย ส่วนจะทำอย่างไรต่อไป จะผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี เป็นเรื่องที่ควรตามมาทีหลัง



โดย พระไพศาล วิสาโล
สนับสนุนโดย มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์
ตีพิมพ์ใน มติชนรายวันวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๓




(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   ===> https://www.happinessisthailand.com/2020/10/08/accept-mild-suffering-visalo/?fbclid=IwAR3HqhWQnyOzSmAchOhoIm2VDH6hU6Ks9Sr-1bEliKMVec1Mkyf6oLMO9Qg (https://www.happinessisthailand.com/2020/10/08/accept-mild-suffering-visalo/?fbclid=IwAR3HqhWQnyOzSmAchOhoIm2VDH6hU6Ks9Sr-1bEliKMVec1Mkyf6oLMO9Qg)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2020, 10:02:38 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/201013030752.png) (http://picture.in.th/id/72308545c5a7ab55871116bf08648367)



ความเข้าใจว่าธรรมะจะเอามาใช้ก็ต่อเมื่อในยามที่ประสบทุกข์ หรือว่าจะนึกถึงธรรมะก็ในยามที่เจ็บป่วยใกล้ตาย จะใกล้ตายแล้วค่อยมาเอ่ยถึง อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ...เวลาปกติแล้วก็ไม่นึกถึงพระธรรม ไม่นึกถึงคำสอนของพระเจ้าเลย ก็ไม่ถูกนะ

เพราะยิ่งเวลาปกติ ยิ่งเวลามีความสุข มีความสำเร็จ มีความเจริญ ยิ่งต้องนึกถึงธรรมะให้มากๆ เพราะว่าความสุข ความเจริญ ความสำเร็จ ยังไงก็ไม่เที่ยง สักวันหนึ่งต้องเสื่อมต้องสลายไป สุขภาพที่เราดีวันนี้ สักวันหนึ่งก็ต้องกลายเป็นเจ็บต้องป่วย ที่ยังหนุ่มยังสาวต่อไปก็ต้องแก่ต้องเหี่ยวย่น ที่ร่ำรวยก็อาจจะกลายเป็นตกอับยากจนก็ได้

นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกบางคนได้เงินมา 40 ล้านบาท วันดีคืนคืนดีผ่านไป 7-8 ปี กลายเป็นหนี้ซะแล้ว เป็นหนี้เป็นล้านเลย แถมบางคนติดเหล้าซะอีก เพราะอะไร เพราะว่าไม่ได้เฉลียวใจ ไม่ได้คิดว่าความสำเร็จ ความร่ำรวยเป็นของไม่เที่ยง

ถ้าเกิดตอนที่เราสำเร็จ มีความสุข ระลึกถึงธรรมะเอาไว้ จะได้เตือนใจว่าถึงเวลาเสื่อม ถึงเวลาขาลง จะได้ไม่ทุกข์ อย่าไปคิดว่าธรรมะเอาไว้ใช้หรือนึกถึงเฉพาะตอนที่มีทุกข์

หลายคนพออกหัก ตกงาน เจ็บป่วยถึงค่อยนึกถึงพระ นึกถึงวัด ก็ดีอยู่นะ ดีกว่าไปนึกถึงเหล้า ไปนึกถึงอบายมุข หรือคิดฆ่าตัวตาย แต่ว่าถ้าจะให้ดีในยามสุขก็ต้องคิดถึงธรรมะ คิดถึงวัด คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้ด้วย ไม่ใช่คิดถึงอย่างเดียว ปฏิบัติด้วย จะทำให้ได้รับประโยชน์ในฐานะที่เป็นชาวพุทธอย่างเต็มที่ หรือว่าได้รับประโยชน์แห่งความเป็นมนุษย์ เพราะคนเราเป็นมนุษย์ถ้าปราศจากธรรมะ ก็อาจจะกลายเป็นสัตว์หรือกลายเป็นเดรัจฉานได้ หรือถึงแม้ไม่ได้เป็นแบบนั้นก็อาจจะตกนรกเพราะความทุกข์

พระไพศาล วิสาโล

ที่มา : https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-16-07-35.html










(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2020, 10:06:35 am
(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   Detox ตะกอนอารมณ์  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


อารมณ์เมื่อเกิดขึ้นแล้วทิ้งตะกอนเอาไว้ เรียก ตะกอนอารมณ์ ตะกอนอารมณ์ที่สะสมมาก ๆ เข้าก็เป็นพิษกับร่าง เป็นพิษกับจิตใจ พอจิตใจย่ำแย่

ตะกอนอารมณ์ เช่น เราโกรธใครสักคนเพราะเขาว่าเรา เขานินทาเรา เราก็โมโหโกรธา หงุดหงิด จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือกว่าจะนอนได้ก็นาน รุ่งขึ้นดูเหมือนว่าอารมณ์เจือจางลงแล้ว ดูโทรทัศน์ ฟังเพลงก็หาย แต่พอเจอหน้าคนที่เขาว่าเราที่ทำงาน ความโกรธกลับพุ่งขึ้นมาใหม่...

คนธรรมดาเจออะไรไม่ปรี๊ดง่ายๆนะ แต่ที่ปรี๊ดแสดงว่าสะสมมาหลายวัน คืออาการของขยะอารมณ์ที่หมักหมม คนส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น

การเจริญสติ คือ การล้างพิษออกจากจิตใจ พิษที่เกิดจากการรับหรือเสพอารมณ์ ภาษาธรรมะเรียกว่าเสพอารมณ์ อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย

พระไพศาล วิสาโล



ฟังได้ธรรมะคัดสรรอื่น ๆ ได้ที่ Sound Cloud "เช่นนั้นเอง"

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) https://soundcloud.com/suan-mokkh

Spotify Podcast "เช่นนั้นเอง"

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) https://open.spotify.com/show/66X4XombcIY7aDDljxp4xv

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) https://soundcloud.com/suan-mokkh/5a06kfulmkyn








(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 13, 2020, 10:14:20 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/201013031958.jpg) (http://picture.in.th/id/d8c0bc3d7202ccbe70e3673bcfdcabcc)



เวลาเรามาวัดนี่มาปฏิบัติธรรมเนี่ย นักปฏิบัติธรรมบางคนนะปฏิบัติธรรมอยู่ดีๆ นะไปเหลียวเห็นคนข้างๆ เค้าไม่ปฏิบัติ ก็ไปว่าเค้าหรือบางทีก็เขม่นอยู่ในใจ นึกตำหนิอยู่ในใจว่าไม่มาปฏิบัติ

บางคนมาฟังคำบรรยายอยู่ในหอไตรก็ยกมือสร้างจังหวะ ส่วนคนข้างๆเนี่ยเค้าไม่สร้างจังหวะ ก็นึกตำหนิเค้าในใจว่าเค้าไม่ปฏิบัติ ที่จริงเค้าอาจจะปฏิบัติก็ได้นะ เค้าอาจจะมีสติอยู่กับการฟัง

แต่สมมุติว่าเค้าไม่ปฏิบัตินะ เราก็ควรจะถือว่ามันเป็นเรื่องของเค้าเค้าไม่ปฏิบัติเค้าก็ไม่ได้ประโยชน์จากการมาที่นี่ หน้าที่ของเราคือดูจิตดูใจของตัว แต่นักปฏิบัติหลายคนคอยไปเป็นทุกข์ คอยไปรำคาญคนอื่นที่เค้าไม่ปฏิบัติ ลืมทำหน้าที่ของตัวหน้าที่ของตัวคืออะไร คือดูจิตดูใจ คือปฏิบัติ

สับสนไปหมดนะหน้าที่ของตัวเองไม่ทำนะ ไปตำหนิว่าเค้าไม่ทำหน้าที่ของเค้า เค้าไม่ทำหน้าที่ไม่ปฏิบัติมันก็เป็นเรื่องของเค้า แต่เราอย่าลืมอย่าละเลยหน้าที่ของเรา นักปฏิบัติเป็นอย่างนี้มากเลยไปวุ่นวายกับคนอื่น ทั้งๆ ที่คนอื่นเค้าก็ไม่ได้มีอะไร การที่เค้าไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้เดือดร้อนอะไรเราเลย เสร็จแล้วเป็นงัยล่ะก็เลยไม่ได้ปฏิบัติ เจอความหลงมันเล่นงาน เพราะว่าชอบไปมองคนอื่น อันนี้เรียกว่าไม่แยกแยะนะว่าหน้าที่ใครหน้าที่มัน

เรื่องของเค้าก็เป็นเรื่องของเค้า อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา

เวลาใครมีปัญหามาปรึกษาเรา ถ้าวางใจไม่เป็นก็ทุกข์นะ เค้าเอาเรื่องมาปรึกษาก็ทุกข์เพราะว่าความหวังดี ลืมตัวลืมสติเค้าเอาปัญหามาปรึกษาเราก็ทุกข์เอาความทุกข์ของเค้ามาเป็นความทุกข์ของเรา แต่คนฉลาดเนี่ยเค้าแยกแยะออกนะ...

เค้าทำไม่ดีอย่างไรก็เรื่องของเค้าเรายังทำดีต่อไป เค้าจะเบียดเบียนเราอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของเค้า แต่เราก็ยังทำความดีอยู่มีน้ำใจกับเค้าต่อไป เพราะว่าทำดีย่อมได้ดี

เพื่อนเราครูบาอาจารย์ของเรา พ่อแม่เราจะเมาเหล้าเล่นการพนันอย่างไรก็เป็นเรื่องของเค้า ถ้าเค้าเคยมีบุญคุณกับเรา หน้าที่ของเราคือกตัญญูรู้คุณเค้า ตอบแทนบุญคุณของเค้า

ทั้งหมดเนี่ยเป็นเรื่องเดียวกันหมดเลยนะ คือว่าอย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นเรื่องของเรา เรื่องของใครก็เรื่องของมันนะ เราไม่ลืมหน้าที่ของเราที่ควรทำ

แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าถ้ามันเป็นเรื่องของส่วนรวมแล้วเราละเลยนะ เพราะถ้าเป็นเรื่องของส่วนรวมเราละเลยไม่ได้ เราก็ต้องทำ ต้องรับผิดชอบ อันนี้ต้องแยกแยะให้ถูกนะ

ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นเค้าจะทำตัวไม่ดีอย่างไรเป็นเรื่องของเค้า แต่ถ้าเค้ามีความทุกข์เราต้องช่วยเค้าเพราะนี่คือหน้าที่ของเรา หน้าที่ของมนุษย์ หน้าที่ของชาวพุทธ หน้าที่ของคนดี และถ้าเป็นเรื่องของส่วนรวมเราก็ต้องช่วยต้องดูแล...

เพราะฉะนั้นก็แยกแยะให้ดีนะ เพราะถ้าแยกแยะไม่ดีแล้วเราก็จะละเลยหน้าที่ของเรานะ หรือมิเช่นนั้นก็เอาความทุกข์ของคนอื่น มาเป็นความทุกข์ของเรา กลายเป็นทุกข์ไป

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload86/hdcnJJBlZ9C9.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=863238&s=hdcnJJBlZ9C9)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: เติมเต็มชีวิตด้วยความรัก - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 20, 2020, 06:28:03 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/201019113416.jpg) (http://picture.in.th/id/40724990ef7196f7d5c313da5936c721)



(https://www.mx7.com/i/041/vk8IzG.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMwmeeON4UoSjy6) (https://www.mx7.com/i/041/vk8IzG.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMwmeeON4UoSjy6)  (https://www.mx7.com/i/041/vk8IzG.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMwmeeON4UoSjy6) (https://www.mx7.com/i/041/vk8IzG.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMwmeeON4UoSjy6)  เติมเต็มชีวิตด้วยความรัก (https://www.mx7.com/i/041/vk8IzG.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMwmeeON4UoSjy6) (https://www.mx7.com/i/041/vk8IzG.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMwmeeON4UoSjy6) (https://www.mx7.com/i/041/vk8IzG.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMwmeeON4UoSjy6)





“บางทีการขาดความรักอาจจะเกิดขึ้นกับเราเองก็ได้ หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองพร่องหรือขาดสิ่งนี้ บางทีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมีอาการแบบนี้ เช่น ขี้อิจฉา ก้าวร้าว หงุดหงิด เครียด จนเป็นโรคนั้นโรคนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ถ้าเราขาดความรัก เราก็สามารถเติมเต็มความรักให้กับตัวเองได้เหมือนกัน ไม่ต้องรอคอยหรือคาดหวังความรักจากคนอื่น เพราะว่าเขาอาจจะไม่รู้ หนทางหนึ่งที่จะเติมเต็มความรักให้ตัวเราคือการให้ความรักกับผู้อื่น ซึ่งจะย้อนกลับมาช่วยเติมเต็มความรักให้กับจิตใจของเราด้วย

ความสุขนั้น ถ้าเราอยากได้ความสุข เราต้องเริ่มด้วยการให้ความสุขแก่ผู้อื่น ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข” ถ้าเป็นการให้ที่จริงใจ ด้วยใจบริสุทธิ์ ความสุขที่ให้เขาก็จะกลับมาสู่จิตใจของเรา ความรักก็เช่นกัน เมื่อเราให้ความรักแก่ผู้อื่นด้วยความจริงใจ ความรักนั้นก็จะกลับมาเติมเต็มจิตใจของเราในที่สุด"



พระไพศาล วิสาโล








(https://www.mx7.com/i/19e/tO51XJ.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpWb4e8nKyQO4VlI)

(https://image.goosiam.com/imgupload/upload88/vLUuEA1j7pIX.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=888167&s=vLUuEA1j7pIX)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: ธรรมรักษาใจ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 28, 2020, 02:11:12 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/il/201028072122.jpg) (http://picture.in.th/id/2785e093989736eac68e9693e29b0472)


 
(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ธรรมรักษาใจ  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



เปรียบเหมือนชีวิตที่เดินอยู่ในที่โล่ง ต้องเจอแดดเจอฝน ถ้าไม่มีอะไรปกป้องคุ้มกัน เจอแดดก็ร้อน เจอฝนก็เปียก แต่ถ้าเรามีร่ม ถึงฝนตกแดดออกก็ไม่เป็นไร ในชีวิตประจำวัน สิ่งที่เราต้องการคือร่มที่ปกป้องจิตใจไม่ให้ร้อนไปตามสิ่งแวดล้อม ไม่ให้ถูกกระทบจากสิ่งรอบตัว แดดจะร้อนอย่างไรแต่ใจสงบ ฝนจะตกอย่างไรแต่ใจปลอดโปร่ง ผู้คนจะร้อนรุ่มอย่างไร แต่ใจเย็นสบาย

ใจต้องมีสิ่งปกป้องคือธรรมะ ร่างกายไม่เปียกเพราะว่ามีร่ม ใจไม่ทุกข์ ไม่ขึ้นไม่ลง ไม่ฟูไม่แฟบ ก็เพราะมีธรรมะเป็นเครื่องรักษาใจ เราจึงควรช่วยกันน้อมนำธรรมะมาปกป้องจิตใจ เพื่อให้ชีวิตเกิดความสงบสุข ใช่แต่เท่านั้นธรรมะยังช่วยให้ความสงบเย็นภายในใจเราแผ่กระจายไปยังคนรอบตัว ทั้งลูกหลาน พ่อแม่ คนรัก ตลอดจนเพื่อนร่วมงาน และกระจายไปถึงผู้คนในสังคมได้ด้วย

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: สุขใจเมื่อได้ทำความดี - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 28, 2020, 02:20:48 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/il/201028072711.jpg) (http://picture.in.th/id/9823815fc0a7052ebbb3435718b9eab8)



(http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)
สุขใจเมื่อได้ทำความดี (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/s/eaCDMBIh) (http://image.coolz-server.com/v/eaCDMBIh)




(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  การคิดถึงผู้อื่นช่วยให้ตัวตนเล็กลง เห็นความทุกข์ของตนเองเป็นเรื่องเล็กน้อย ยิ่งช่วยผู้อื่นมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขเพราะได้เห็นผู้อื่นมีความสุขด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งความสุขของเราย่อมไม่แยกจากความสุขของผู้อื่น

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) การคิดถึงผู้อื่นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเรามีคุณธรรมข้อนี้อยู่ในจิตใจอยู่แล้วตั้งแต่เกิด แต่ที่เรามีพฤติกรรมเห็นแก่ตัว ก็เพราะคุณธรรมภายในไม่ได้รับการส่งเสริม ในขณะที่ความเห็นแก่ตัวถูกกระตุ้นไม่หยุดหย่อน การหาโอกาสช่วยเหลือผู้อื่นหรือบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม จะช่วยเสริมสร้างพลังให้แก่คุณธรรมภายใน จนสามารถเอาชนะความเห็นแก่ตัวได้ พลังดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากความภูมิใจที่ได้ทำความดี เกิดความรู้สึกว่าชีวิตตนนั้นมีคุณค่า พลังอีกส่วนหนึ่งเกิดจากความสุขที่ได้เห็นผู้ที่ทุกข์ยากกลับมามีความสุข รอยยิ้มของเขาทำให้เราอดยิ้มตามด้วยไม่ได้ หลายคนพบว่าความสุขดังกล่าวซาบซึ้งตรึงใจชนิดที่ความสุขทางวัตถุมิอาจเทียบได้ ทั้งความภาคภูมิใจและความสุขดังกล่าวทำให้เราอยากทำความดีมากขึ้น

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) การทำความดีหรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ยังช่วยให้เราได้เห็นว่ายังมีผู้อื่นที่ทุกข์ยากลำบากกว่าตนมาก ในด้านหนึ่งความทุกข์ของเขาเหล่านั้นทำให้ความทุกข์ของเรากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปถนัดใจ หรืออาจทำให้ได้คิดว่าเรายังโชคดีกว่าคนอื่นอีกมาก ขณะเดียวกันการเห็นคนทุกข์อยู่ต่อหน้า สามารถปลุกเร้าคุณธรรมภายในใจเราให้แสดงตัวออกมา มิอาจทนนิ่งเฉยได้ต่อไป หลายคนได้พบว่าตนยังมีคุณงามความดีอยู่ในตัว มิใช่เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่เข้าใจ

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) การทำความดีหรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิด “จิตอาสา” คือจิตที่อยากทำความดีเพื่อผู้อื่นอยู่เสมอ เป็นจิตที่มีอัตตาเล็กลง จึงเปิดรับความสุขได้มาก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นจิตที่มีความสุขได้ง่าย โดยไม่จำต้องพึ่งวัตถุสิ่งเสพ

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ความสุขนั้นแยกไม่ออกจากความดี เช่นเดียวกับพืชที่ต้องพึ่งน้ำ ยิ่งได้สิ่งแวดล้อมที่ดีคือกัลยาณมิตร ความสุขย่อมหาได้ไม่ยาก เพราะแท้ที่จริงแล้วความสุขมิได้อยู่ที่ไหน หากเบ่งบานกลางใจเรานี้เอง (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 28, 2020, 02:37:55 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/201028074418.jpg) (http://picture.in.th/id/f3d1a8255d9452bee9f75de329e96b50)




(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


ใคร ๆ ก็รักสุขเกลียดทุกข์ แต่ไม่ว่าจะเกลียดทุกข์แค่ไหน ก็ไม่มีใครหนีทุกข์พ้น ถึงจะร่ำรวยและ ยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องประสบกับความสูญเสียพลัดพรากทั้งของรักและคนรัก เก่งเพียงใด ก็ต้องเจอกับคำวิพากษ์วิจารณ์ และความล้มเหลว แข็งแรงเพียงใด ในที่สุดก็ต้องล้มป่วย อายุยืนเพียงใด สุดท้ายก็ต้องตายกันทุกคน

ในเมื่อทุกข์เป็นสิ่งที่เราหนีไม่พ้น เราจึงควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์ให้ได้ ไม่ใช่คิดแต่จะหนีทุกข์ให้ไกลที่สุด หรือมุ่งควบคุมบงการให้ทุกสิ่งเป็นไปดั่งใจ จริงอยู่การเตรียมป้องกันและบรรเทาเหตุร้าย เป็นสิ่งที่ควรต้องทำ แต่นอกจากการ “ทำกิจ”ดังกล่าวแล้ว การ “ทำจิต”ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะไม่ว่าพยายามป้องกันเพียงใด ในที่สุดเหตุร้ายก็ย่อมเกิดขึ้นจนได้ แม้พยายามดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ยังล้มป่วยจนได้ เพราะเป็นธรรมดาของสังขาร แต่ถึงเหตุร้ายจะเกิดขึ้น ยังมีอย่างหนึ่งที่เราทำได้และควรทำอย่างยิ่งนั่นคือ รักษาใจไม่ให้ทุกข์ กล่าวคือแม้ป่วยกายแต่ใจไม่ป่วย แม้สูญเสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสียศูนย์ แม้งานล้มเหลวแต่ใจยังตั้งมั่นเป็นปกติ

เมื่อเจอทุกข์ อย่างแรกที่ควรทำก็คือ การยอมรับ กล่าวคือ ไม่ผลักไส ปฏิเสธ หรือตีโพยตีพาย โวยวายคร่ำครวญ เพราะการทำเช่นนั้นมีแต่จะเพิ่มทุกข์ให้แก่เรา นั่นคือทุกข์ใจ แต่ทันทีที่เรายอมรับได้ หยุดบ่น หยุดโวยวาย ใจก็จะกลับมาเป็นปกติ ทำให้สมองโล่ง สามารถนำปัญญามาใช้แก้ทุกข์ให้ลุล่วง หรือแก้ปัญหาให้เบาบางลงได้

จะว่าไปแล้ว อะไรเกิดขึ้นกับเรา ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกหรือมีท่าทีกับมันอย่างไร เจอเหตุร้าย แต่ใจยอมรับได้ หรือรู้จักมองบวก คือ หาประโยชน์จากมัน รวมทั้งมองว่ามันเป็นธรรมดาของชีวิตและโลก รู้จักปล่อยวางได้ ใจก็ไม่เป็นทุกข์ ในทางตรงข้ามแม้เจอโชคลาภ แต่ไม่รู้จักพอ อยากได้มากกว่านั้น หรือเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ได้มากกว่า ใจกลับเป็นทุกข์ด้วยซ้ำ

พระไพศาล วิสาโล










(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “มองไกลเห็นกว้าง” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ตุลาคม 28, 2020, 02:52:02 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ia/201028075916.jpg) (http://picture.in.th/id/88623595b5232c99967c737b60a31c22)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  มองไกลเห็นกว้าง  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)




ถ้าเรายกจิตให้อยู่เหนือโลกธรรม หรือเหนือความเป็นคู่ ก็จะเห็นโลกและชีวิตได้ไกลขึ้น เราจะไม่ติดอยู่กับการมีหรือการเสีย เพราะรู้ดีว่าวันนี้ถึงได้มา พรุ่งนี้ก็ต้องเสียไป วันนี้ได้รับคำสรรเสริญ พรุ่งนี้ก็หนีไม่พ้นคำนินทา วันนี้เขารักเรา พรุ่งนี้เขาอาจจะเกลียดเรา การยกจิตสู่ระดับโลกุตตระ จะช่วยทำให้เรารู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง ไม่ติดอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เพราะรู้ดีว่าวันหน้าทุกสิ่งทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไป เรียกว่ามองข้ามช็อตไปได้

พระไพศาล วิสาโล









(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “ท้อแค่ไหน... ต้องไม่อ่อนแอ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤศจิกายน 19, 2020, 06:09:08 am
 (http://image.coolz-server.com/s/btUSYvua) (http://image.coolz-server.com/v/btUSYvua)


(http://image.coolz-server.com/s/IohXBb9v) (http://image.coolz-server.com/v/IohXBb9v)  ท้อแค่ไหน... ต้องไม่อ่อนแอ (http://image.coolz-server.com/s/IohXBb9v) (http://image.coolz-server.com/v/IohXBb9v) (http://image.coolz-server.com/s/IohXBb9v) (http://image.coolz-server.com/v/IohXBb9v) (http://image.coolz-server.com/s/IohXBb9v) (http://image.coolz-server.com/v/IohXBb9v)


ความทุกข์มิได้เกิดขึ้นเพื่อบั่นทอนชีวิตจิตใจของเราอย่างเดียว หากยังช่วยให้เราเข้มแข็งมั่นคงและเจริญงอกงามได้ด้วย จะว่าไปแล้วความทุกข์เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดการพัฒนาของมนุษย์ในทุก ๆ ด้าน หากไม่มีความทุกข์ ก็ไม่มีพระพุทธเจ้า หากไม่มีภัยคุกคามจากธรรมชาติ ก็ไม่มีเทคโนโลยี กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าไม่มีความทุกข์ ปัญญาก็ไม่เกิด

แต่ความทุกข์จะเป็นพลังในทางบวกได้ ต่อเมื่อเราไม่ยอมปล่อยให้ความทุกข์มากระทำย่ำยีอย่างเดียว แต่เข้าไปจัดการความทุกข์นั้นอย่างถูกต้อง ดังมีผู้กล่าวว่า “ทุกข์มิได้มีไว้กลุ้ม แต่มีไว้แก้” การเข้าไปจัดการกับความทุกข์นั้นต้องเริ่มต้นจากการตั้งสติและใช้ปัญญาพิจารณาหาสาเหตุและทางแก้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง “ทุกข์มิได้มีไว้ให้คร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญ”

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “ชีวิตเปลี่ยนได้ ถ้าใจไม่ยอมแพ้” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 09, 2020, 04:15:20 pm
(http://image.coolz-server.com/s/Romi49Sc) (http://image.coolz-server.com/v/Romi49Sc)



(http://image.coolz-server.com/s/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/v/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/s/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/v/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/s/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/v/BNiFUSIL)(https://www.mx7.com/i/2b5/VbIean.gif) (https://www.mx7.com/view2/CpMyi33kDqU0W0jl)  ชีวิตเปลี่ยนได้ ถ้าใจไม่ยอมแพ้  (http://image.coolz-server.com/s/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/v/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/s/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/v/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/s/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/v/BNiFUSIL)

แม้ว่าเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะต้องมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตของเราตลอดเวลา แต่เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างไร รวมทั้งเลือกได้ว่าจะยอมให้มันมีอิทธิพลต่อเราได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อมีเหตุร้ายหรือสิ่งไม่สมหวังเกิดขึ้นกับเรา เราเลือกที่จะผ่อนร้ายให้กลายเป็นเบาได้ รวมทั้งเลือกที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเราได้ และถึงแม้แทบจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยเราก็ยังเลือกที่จะทำใจไม่ให้ทุกข์ได้

“ทางเลือก” เหล่านั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของเราอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความพากเพียรพยายามของเราเป็นสำคัญ กล่าวคือ มุ่งมั่นที่จะไม่ยอมจำนนต่อสถานการณ์อันเลวร้าย ไม่ปล่อยให้มันกระหน่ำโบยตีจิตใจของเราจนบอบช้ำและสิ้นหวัง แม้จะล้มก็ยังพยายามลุกและหยัดตัวยืนตรงอีกครั้ง แม้จะทดท้อแต่ก็ปลุกใจขึ้นมาใหม่ได้ ใจที่ไม่ยอมแพ้ให้มันกระทำกับเราฝ่ายเดียว แต่พร้อมที่จะเข้าไปแปรเปลี่ยนมัน หรือนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยใจอย่างนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงดีขึ้นและนำเราเข้าถึงความสุข แม้จะอยู่ท่ามกลาง “นรก” หรือถูกบีบคั้นด้วยความเจ็บ ความป่วยหรือความตายก็ตาม

ความสุขนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง ขอเพียงใจไม่ยอมแพ้ต่อความทุกข์ เมื่อหยุดคร่ำครวญ แล้วหันมาใคร่ครวญสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งนอกตัวและในใจเรา หนทางสู่อิสรภาพจากความทุกข์ย่อมปรากฏแก่เราในที่สุด ในยามนั้นเหตุร้ายอาจยังไม่แปรเปลี่ยนก็จริง แต่ในใจนั้นสามารถสงบเย็นและเป็นสุขได้

ในยามที่ผู้คนพากันแสวงหา “ชัยชนะนอกตัว” อาทิ ความสำเร็จ ชื่อเสียง เกียรติยศ ความมั่งมี ผู้มีปัญญากลับเห็นคุณค่าของ “ชัยชนะภายใน” อันได้แก่ใจที่ไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนปรวนแปรในชีวิต ไม่หวั่นไหวต่อเสียงนินทาและความต่ำต้อย ไม่หวั่นไหวต่อความยากไร้และความพลัดพรากสูญเสีย นี้คือชัยชนะเหนือความทุกข์ แม้จะพ่ายแพ้ในสายตาของชาวโลกก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่บรรลุชัยชนะเช่นนี้ ความสุขก็มีอยู่กับเราทุกขณะ แม้จะดูต่ำต้อยยากไร้ก็ตาม ด้วยเหตุนี้ชีวิตจึงเปลี่ยนจากทุกข์เป็นสุขได้เสมอ หากใจไม่ยอมแพ้

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: “สุขมีที่กลางทาง” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 09, 2020, 04:22:40 pm
(http://image.coolz-server.com/s/RH9dLMfl) (http://image.coolz-server.com/v/RH9dLMfl)



(http://image.coolz-server.com/s/REXZ1vMK) (http://image.coolz-server.com/v/REXZ1vMK)  (http://image.coolz-server.com/s/REXZ1vMK) (http://image.coolz-server.com/v/REXZ1vMK)  สุขมีที่กลางทาง  (http://image.coolz-server.com/s/REXZ1vMK) (http://image.coolz-server.com/v/REXZ1vMK)  (http://image.coolz-server.com/s/REXZ1vMK) (http://image.coolz-server.com/v/REXZ1vMK)

ผู้คนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับจุดหมายปลายทาง จิตใจจดจ่ออยู่แต่การไปให้ถึง จึงมักเดินทางด้วยความทุกข์เพราะใจอยากให้ถึงจุดหมายไว ๆ ยิ่งมีอุปสรรคที่อาจทำให้ไม่ถึงเป้าหมายตามกำหนด ก็ยิ่งหงุดหงิดกระสับกระส่าย โดยลืมไปว่าหงุดหงิดหรือกังวลอย่างไร ก็ไม่ช่วยให้ถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นแต่อย่างใด บางคนตั้งใจจะไปเที่ยว แต่แล้วกลับหัวเสียตลอดทางเพราะรถติดบ้าง เพื่อนร่วมคณะชักช้างุ่มง่ามบ้าง กลายเป็นว่าแทนที่จะได้ผ่อนคลายจิตใจ การเที่ยวกลับทำให้เครียดตั้งแต่เริ่มเดินทางด้วยซ้ำ ทั้งนี้ก็เพราะมีความคาดหวังเต็มที่กับจุดหมายปลายทาง

เรามักลืมไปว่า การเดินทางมีความสำคัญไม่น้อยกว่าจุดหมายปลายทาง แม้จะมีสิ่งสำคัญรออยู่ที่ปลายทาง แต่นั่นเป็นอนาคตที่ยังมาไม่ถึง และจะมาถึงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางต่างหากที่เป็นของจริงและแน่นอน เราจึงควรเก็บเกี่ยวมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ในขณะที่ยังไม่ถึงจุดหมาย เราก็ควรจะมีความสุขหรือทำใจให้สบายระหว่างการเดินทาง การละทิ้งความสุขระหว่างเดินทาง เพื่อหวังความสุขที่จุดหมายปลายทางนั้น เป็นการหวังน้ำบ่อหน้า แม้จุดหมายปลายทางคือรีสอร์ตหรือแหล่งท่องเที่ยว แต่ทำไมเราจึงรอคอยความสุขที่อยู่ข้างหน้า ในเมื่อเราสามารถมีความสุขตรงนี้เดี๋ยวนี้ได้เลย

ไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทางที่เป็นสถานที่เท่านั้น กับความสำเร็จก็เช่นกัน ทำไมเราจึงหวังว่าจะมีความสุขต่อเมื่อบรรลุความสำเร็จแล้ว ในเมื่อระหว่างที่ทำงานเราก็สามารถมีความสุขได้ ขอเพียงแต่วางใจให้เป็น คือ ไม่มัวจดจ่ออยู่กับความสำเร็จ แต่เอาใจมาอยู่กับการงานแทน เพียงแค่ไม่ยึดติดถือมั่นกับผลข้างหน้า ก็ช่วยลดความกังวลไปได้มากแล้ว

พระไพศาล วิสาโล








(http://image.coolz-server.com/s/c6ekh9DA) (http://image.coolz-server.com/v/c6ekh9DA)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: บริหารชีวิตเพื่อจิตสดใส - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 09, 2020, 04:36:06 pm
(http://image.coolz-server.com/s/RH9dLMfl) (http://image.coolz-server.com/v/RH9dLMfl)



(http://image.coolz-server.com/s/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/v/BNiFUSIL)  (http://image.coolz-server.com/s/BNiFUSIL) (http://image.coolz-server.com/v/BNiFUSIL)  บริหารชีวิตเพื่อจิตสดใส (http://image.coolz-server.com/s/REXZ1vMK) (http://image.coolz-server.com/v/REXZ1vMK) (http://image.coolz-server.com/s/REXZ1vMK) (http://image.coolz-server.com/v/REXZ1vMK)


ในแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์ และแต่ละเดือน จะมีกิจกรรมอยู่ ๔ ประเภทที่อาตมาพูดถึง คือ ๑.ด่วนและสำคัญ ๒. ด่วนแต่ไม่สำคัญ ๓.ไม่ด่วนแต่สำคัญ กับ ๔.ไม่ด่วนและไม่สำคัญ การดูละคร ทีวี ฟังเพลงจัดเป็นสิ่งที่ไม่ด่วนและไม่สำคัญ ยิ่งสมัยนี้สามารถดูทีวีย้อนหลังได้ คือไม่ต้องรีบดูก็ได้ ทุกวันนี้นอกจากการงานซึ่งเป็นสิ่งที่ด่วนและสำคัญแล้ว ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ด่วนและไม่สำคัญ แต่ก็ดึงเวลาเราไปไม่น้อย เพราะมันสนุก มันตื่นตาตื่นใจ อย่างการช็อปปิ้ง มันไม่ด่วนและไม่สำคัญเท่าไร แต่ผู้คนก็หมดเวลาไปกับเรื่องนี้เยอะ เพราะมันมีรสชาติ

การเล่นเฟสบุ๊ค เล่นไลน์ หรืออินสตาแกรม ก็เช่นกัน มันด่วนไหม? มันสำคัญไหม? ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องด่วน และไม่สำคัญด้วย แค่เป็นสิ่งที่ชวนให้เพลิดเพลิน แต่ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากหมดเวลาไปกับสิ่งนี้วันละหลายชั่วโมง ปากก็บอกว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลานั่งสมาธิ ไม่มีเวลาไปเยี่ยมพ่อแม่ แต่มีเวลาเล่นไลน์ เล่นเฟสบุ๊ควันละ ๕-๖ ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น อันนี้เป็นเพราะว่าขาดสติ จิตใจไม่เข้มแข็ง ขาดวินัย

มีคำพูดหนึ่งอาตมาชอบมาก “ดีชั่วรู้หมด แต่อดใจไม่ได้” หลายคนรู้ทั้งรู้ว่าเฟสบุ๊คไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ก็หมดเวลาไปกับมัน ไม่ได้หมดเวลาไปกับการเสพ หรือการอ่านเท่านั้น แต่เสียเวลาไม่ใช่น้อยไปกับการเขียนคอมเมนต์ ต่อว่าด่าทอเรื่องการเมือง หรือเรื่องนั้นเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย แต่เราก็เสียเวลาและเสียอารมณ์ไปกับมันวันละหลายชั่วโมง ไม่ใช่แค่เสียเวลาและเสียอารมณ์ตอนที่มันอยู่ข้างหน้าเราเท่านั้น แม้เวลาจะนอนก็ยังหงุดหงิด เครียดเพราะคิดถึงข้อความที่ได้อ่านเมื่อเช้า

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะขาดจิตภาวนา ขาดปัญญาภาวนา เป็นเพราะวางแผนชีวิตไม่เป็น จัดเวลาและลำดับความสำคัญไม่ถูก ดังนั้น เมื่อเห็นความสำคัญก็ต้องวางแผน กำหนดเวลาให้แน่ชัดว่า จะให้เวลากับเรื่องนี้เท่าไร จะออกกำลังกายเช้ากี่โมง นั่งสมาธิกี่โมง ต้องทำขนาดนี้ ไม่เช่นนั้นเวลาจะหมดไปกับสิ่งที่ด่วน ทั้งที่สำคัญและไม่สำคัญ รวมทั้งเรื่องที่ไม่ด่วนและไม่สำคัญแต่มีเสน่ห์ มีรสชาติ เป็นสีสันของชีวิต”

พระไพศาล วิสาโล




(http://image.coolz-server.com/s/c6ekh9DA) (http://image.coolz-server.com/v/c6ekh9DA)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: อยู่กับความทุกข์ให้เป็น - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 09, 2020, 04:51:10 pm
(http://image.coolz-server.com/s/Xu7JYw9z) (http://image.coolz-server.com/v/Xu7JYw9z)



(http://image.coolz-server.com/s/S812Y5Da) (http://image.coolz-server.com/v/S812Y5Da)  (http://image.coolz-server.com/s/S812Y5Da) (http://image.coolz-server.com/v/S812Y5Da)  (http://image.coolz-server.com/s/S812Y5Da) (http://image.coolz-server.com/v/S812Y5Da)  อยู่กับความทุกข์ให้เป็น (http://image.coolz-server.com/s/S812Y5Da) (http://image.coolz-server.com/v/S812Y5Da)  (http://image.coolz-server.com/s/S812Y5Da) (http://image.coolz-server.com/v/S812Y5Da)  (http://image.coolz-server.com/s/S812Y5Da) (http://image.coolz-server.com/v/S812Y5Da)


“เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเหงาให้ได้ ด้วยการมีสติเห็นมัน สติทำให้เราเห็นว่า ใจเหงา ไม่ใช่ฉันเหงา การปรุงแต่งจะไม่เกิดขึ้นถ้าเรามีสติ แต่ถ้าเรามีสติ ก็จะไม่ปรุงว่าฉันเหงา ฉันปวด ฉันเศร้า ที่จริงไม่มีฉันผู้เหงา ผู้ปวด ผู้เศร้า มันมีแต่ความเหงา ความปวด ความเศร้าเท่านั้นที่เกิดขึ้น วิธีการอยู่กับความทุกข์ด้วยสติ ต้องเริ่มต้นจากความตระหนักว่า ทุกข์เกิดขึ้นเพราะความเผลอ ความลืมตัว ความไม่มีสติ เมื่อใดที่เราลืมตัว ตัวตนก็เกิดขึ้น พูดอย่างนี้พอเข้าใจไหม ถ้าตอนนี้ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ให้ลองสังเกตดูว่าเมื่อใดที่ลืมตัว ตัวตนก็จะเกิดขึ้น เช่น เรารู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อนก็เพราะลืมตัว ถ้าใจไม่มีสติ ก็จะปรุงแต่งตัวตนให้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้เราหมั่นดูกาย ดูใจ ดูเวทนา ด้วยใจที่เป็นกลาง ๆ คือดูเฉย ๆ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ผลักไสไม่ไขว่คว้า ถ้าเราดูกาย ดูใจ ดูเวทนาเวลามันเกิดขึ้นโดยไม่ปรุงแต่งมัน หรือไม่มีปฏิกิริยาต่อมัน ก็จะเห็นว่ามันมีอยู่ แต่ทำอะไรใจเราไม่ได้ แม้กายจะทุกข์ แต่ใจไม่ทุกข์ ต่อไปเราก็จะเป็นมิตรกับความทุกข์ ความเหงา ความเศร้าได้ เพราะต่างคนต่างอยู่ ไม่มารังควาญใจเรา

ถ้าเรารู้จักอยู่กับความทุกข์ได้ เมื่อถึงคราวที่เราจะตาย เราก็จะยอมรับมันได้ ความตายก็ทำอะไรเราไม่ได้ เราสามารถเป็นมิตรกับความตายได้ ถึงตอนนั้นความตายจะไม่ใช่สิ่งน่ากลัวต่อไป อันนี้เป็นศิลปะในการดำเนินชีวิต อะไรก็ตามที่เราหนีไม่พ้น เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ นี้คือศิลปะการอยู่ในโลกนี้อย่างไม่ทุกข์”

พระไพศาล วิสาโล




(http://image.coolz-server.com/s/tZ7f2yjU) (http://image.coolz-server.com/v/tZ7f2yjU)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “อยากจะเปลี่ยนชีวิต ต้องเปลี่ยนวิธีคิด” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 18, 2020, 01:25:52 pm
(http://image.coolz-server.com/s/EprGP07A) (http://image.coolz-server.com/v/EprGP07A)



(http://image.coolz-server.com/s/TpY3lE1e) (http://image.coolz-server.com/v/TpY3lE1e) อยากจะเปลี่ยนชีวิต ต้องเปลี่ยนวิธีคิด  (http://image.coolz-server.com/s/TpY3lE1e) (http://image.coolz-server.com/v/TpY3lE1e) (http://image.coolz-server.com/s/TpY3lE1e) (http://image.coolz-server.com/v/TpY3lE1e)


(http://image.coolz-server.com/s/gUC7uDAq) (http://image.coolz-server.com/v/gUC7uDAq)   พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า ไม่มีอะไรทำร้ายเรามากเท่ากับจิตที่วางไว้ผิด ในทางตรงข้าม ไม่มีอะไรที่จะทำให้เราเป็นสุขได้มากเท่ากับจิตที่วางไว้ถูก ดังนั้นเมื่อใดก็คามที่เป็นทุกข์ และรู้สึกว่าชีวิตตกต่ำลำเค็ญ ให้สำรวจตนเองดูก่อนว่า เราวางใจไว้ถูกแล้วหรือ ความทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่เราเอามาซ้ำเติมให้แก่ตัวเองหรือไม่ และแน่ใจหรือว่าชีวิตเรามีแต่สิ่งเลวร้าย ไม่มีสิ่งดีๆ อยู่เลยหรือชีวิตนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกขณะโดยไม่ต้องรอเทศกาลปีใหม่ หรือรอให้ใครเปลี่ยนแปลงเสียก่อน สิ่งสำคัญอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยเริ่มต้นจากการเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนวิธีคิด และสร้างคุณภาพใหม่ให้แก่จิต เพื่อให้มีความตื่นรู้และเท่าทันความเป็นจริงของชีวิต พร้อมกับมีน้ำใจเกื้อกูลผู้อื่น หากทำได้เช่นนี้ชีวิตจะไม่มีวันตกต่ำ และทุกข์ภัยใดๆ ก็ไม่อาจแผ้วพานได้

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.coolz-server.com/s/c6ekh9DA) (http://image.coolz-server.com/v/c6ekh9DA)


(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)



หัวข้อ: ความงามแห่งรุ่งอรุณ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ ธันวาคม 18, 2020, 01:37:55 pm
(http://image.coolz-server.com/s/YU1NKlmi) (http://image.coolz-server.com/v/YU1NKlmi)


(http://image.coolz-server.com/s/Qj2IV5G1) (http://image.coolz-server.com/v/Qj2IV5G1)  ความงามแห่งรุ่งอรุณ  (http://image.coolz-server.com/s/Qj2IV5G1) (http://image.coolz-server.com/v/Qj2IV5G1)

(http://image.coolz-server.com/s/gUC7uDAq) (http://image.coolz-server.com/v/gUC7uDAq) ท้องฟ้ายามอรุณรุ่งคือความงดงามที่ชื่นชมได้ไม่รู้เบื่อ แต่จะงามประทับจิตยิ่งขึ้นหากได้ตื่นขึ้นมาก่อนฟ้าสาง เมื่อท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยน จากมืดมิดแล้วค่อย ๆ เรื่อเรืองด้วยแสงเงินแสงทอง จิตใจของผู้ชมก็จะค่อย ๆ แจ่มใสและเบิกบาน จนรู้ตื่นเต็มที่เมื่อท้องฟ้าสว่างไสวไปทุกทิศ

(http://image.coolz-server.com/s/gUC7uDAq) (http://image.coolz-server.com/v/gUC7uDAq) แสงเงินแสงทองงามที่สุดเมื่อประชันกับความมืดมิด ความงามของธรรมชาติเบื้องหน้าจะจับใจเมื่อความมืดมนค่อย ๆ ละลายหายไป กลายเป็นความสว่างเรือง ใครที่ไม่ได้เห็นความมืดมิดของท้องฟ้ามาก่อน ไหนจะเลยประจักษ์ถึงความงามของอรุณรุ่งได้อย่างเต็มที่

(http://image.coolz-server.com/s/gUC7uDAq) (http://image.coolz-server.com/v/gUC7uDAq) รุ่งอรุณงดงามจับใจยิ่งสำหรับผู้ที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมาก่อน ในยามทดท้อสิ้นหวังกับชีวิต จนไม่อยากอยู่ต่อไปในโลกนี้ เพียงแค่เห็นแสงอรุณจับขอบฟ้า ไล่ความมืดมิดไปทีละน้อย ๆ จิตก็สว่างไสว และหลุดพ้นจากความมืดมน เกิดความหวังและกำลังใจที่จะสู้ทุกข์ต่อไป ใช่หรือไม่ว่าเมื่อถึงที่สุดแห่งรัตติกาล อรุณรุ่งก็ปรากฏ เมื่อมืดมิดอย่างที่สุด ความแจ่มกระจ่างก็บังเกิด

(http://image.coolz-server.com/s/gUC7uDAq) (http://image.coolz-server.com/v/gUC7uDAq) ผู้ที่ตกอยู่ในความมืดมิดย่อมซึ้งใจในคุณค่าของแสงสว่าง แม้เพียงประพิมประพาย ฉันใดก็ฉันนั้น น้ำใจแม้เพียงเล็กน้อย กลับเป็นสิ่งยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่จมอยู่ในความทุกข์ ที่อาจตราตรึงใจเขาอย่างมิรู้ลืม ปราศจากความทุกข์ ไยจะเห็นคุณค่าของความเอื้อเฟื้อและความอิ่มเอิบใจ หากสุขสบายไปทั้งชาติไหนเลยจะซาบซึ้งใจกับความดีที่ผู้อื่นกระทำแก่ตน บางครั้งความทุกข์ก็ทำให้เราเห็นน้ำใจที่งดงามของเพื่อนมนุษย์ได้ชัดเจน เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในความมืดเท่านั้นที่จะประจักษ์ถึงความงามยามอรุณรุ่งอย่างยากจะพรรณนา

พระไพศาล วิสาโล





(https://image.goosiam.com/imgupload/upload90/VGm9L4RQrFui.gif) (https://image.goosiam.com/view.asp?uid=908465&s=VGm9L4RQrFui)


(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 07:19:24 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/210127123027.jpg) (http://picture.in.th/id/8bfa004140b307148cecfea89c1151ac)


ตัวหลงนี้มันเป็นนักฉวยโอกาสมากทีเดียว กิเลสนี้เราต้องระวัง และถ้าเราจะสู้กับความหลง เราจะเอาชนะความหลงได้เราจะต้องฉวยโอกาสเก่งกว่าตัวหลง

หลวงพ่อคำเขียนบอกว่านักภาวนาจะต้องเป็นนักฉวยโอกาส ถ้าเราไม่ฉวยโอกาส ความหลงก็จะฉวยโอกาสเล่นงานเรา

เราต้องฉวยโอกาสที่จะเปลี่ยนความหลงให้กลายเป็นความรู้ หลวงพ่อท่านพูดอยู่เสมอ เปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นความไม่ทุกข์ เปลี่ยนโกรธให้เป็นความไม่โกรธ

เวลาใครทำอะไรเรา ใครเขาด่าเราใครเขาต่อว่าเรา เขาทำด้วยความหลงเราก็อย่าไปหลงตามเขา ยิ่งเขาหลงมากเท่าไหร่เราก็ต้องตั้งสติ เอาตัวรู้มาเป็นหลักเป็นประธานให้ได้ แล้วก็ใช้ความหลงที่เขาระบายใส่เรา เปลี่ยนให้เป็นตัวรู้เสีย คือเป็นอุปกรณ์หรือเป็นวัตถุดิบในการสอนธรรม

อย่ามองว่ามันเป็นอุปสรรคของการปฏิบัติ มันไม่ใช่อุปสรรคแต่มันเป็นอุปกรณ์ เป็นเครื่องฝึก เป็นการบ้าน เขาว่าเราด้วยความหลงด้วยความเมาในอารมณ์ เราต้องฉวยโอกาสเอาตอนนั้นแหละมาเป็นอุปกรณ์สอนธรรมให้กับเรา

อย่างที่หลวงพ่อท่านพูดว่า แม้ถูกด่าก็เห็นสัจธรรมได้ ถ้าเป็นนักฉวยโอกาสเปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ พอใครด่าเราเราก็เอามาใช้เป็นเครื่องเสริมสร้างปัญญาเสียเลย

พระไพศาล วิสาโล

เปลี่ยนหลงเป็นรู้ สงบเย็นเป็นประโยชน์ สวนโมกข์กรุงเทพ

(http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e)  อ่าน / ฟัง ได้ที่
https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-06-14-14-08.html





(http://image.coolz-server.com/s/c6ekh9DA) (http://image.coolz-server.com/v/c6ekh9DA)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 06:46:17 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/210127115841.jpg) (http://picture.in.th/id/9cc9690dffcdd120b572ea5901cdb6b1)


ความทุกข์ใจเกิดจากอะไร ส่วนใหญ่เกิดเพราะความคิด ไปนึกถึงอดีต นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไป นึกถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว นึกถึงเงินที่หาย โทรศัพท์ที่ถูกขโมย ผ่านไปหลายวันแล้วก็ยังทุกข์

หรือบางทีใจก็คิดถึงอะไรที่ยังมาไม่ถึง ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีหน้าจะได้หรือเปล่า ไปนึกถึงงานคอยอยู่ งานที่คาอยู่ ไปนึกถึงหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระ นึกถึงพ่อที่ป่วย พอคิดแบบนี้เข้า ใจก็เป็นทุกข์ แต่อาจจะไม่ใช่เศร้า ไม่ใช่โศก ไม่ใช่เสียใจ แต่เป็นความกังวล ความวิตก เรื่องใจทั้งนั้น

เวลาทุกข์ใจแบบนี้ ขอให้นึกถึงคาถาของหลวงพ่อพุทธทาส คาถานี้บางคนอาจจะไม่เคยได้ยิน ส่วนใหญ่คงไม่เคยได้ยิน คาถานี้ให้จำไว้ในใจ “กูไม่ได้เกิดมาเป็นทุกข์โว้ย”

เด็กจำไว้ จำได้หรือเปล่า “กูไม่ได้เกิดมาเป็นทุกข์โว้ย” หรือหนูก็ได้ ถ้ากูไม่สุภาพ ไม่ได้เอาไว้พูดกับใคร เอาไว้พูดกับตัวเอง ตวาดใส่ตัวเอง ว่า ทำไมกูโง่แบบนี้ “กูไม่ได้เกิดมาเป็นทุกข์โว้ย” เวลาเราตวาดใส่ตัวเองด้วยคาถาแบบนี้ บางทีมันตื่น ได้คิด เกิดสติขึ้นมา กูจะบ้าอะไรอยู่ จะจมกับความทุกข์ทำไม

บางคนเห็นหน้าตัวเองในเฟซบุ๊กไม่สวย เป็นทุกข์ เมื่อเร็วๆนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งชาวออสเตรเลีย เขาคงไปลักเล็กขโมยน้อย ถูกตำรวจจับ ไปดัดสันดาน ไปอยู่บ้านที่ควบคุมพฤติกรรม เขาก็หนีมาได้ ตำรวจก็เอาภาพของเขาตอนที่ถ่ายอยู่ในบ้านดัดสันดาน เอาขึ้นเว็บไซต์ เพื่อประกาศตามตัว ปรากฏว่าหน้าตาดูไม่ได้เลย หน้าตาแบบไม่มีความสุขเลย ผู้หญิงคนนี้เขาทนไม่ได้ เขาก็เขียนจดหมาย เขาก็ส่งข้อความไปทางเว็บไซต์ บอกว่า เอารูปเขาทางเฟซบุ๊กดีกว่า รูปในเฟซบุ๊กของเขาสวยกว่า ปรากฏว่า วันรุ่งขึ้น ตำรวจก็จับเขาได้ เพราะว่าไปส่งข้อความไปทางเว็บไซต์ ตำรวจเลยรู้ว่า มาจากไหน ถ้าอยู่เฉยๆ ตำรวจคงจับไม่ได้ คงจะลอยนวล แต่ทนไม่ได้เห็นหน้าตัวเองไม่สวย อันนี้ไม่รู้โง่หรือฉลาด ตำรวจเลยจับได้เลย เพราะทนไม่ได้ที่เห็นหน้าตัวเองไม่สวย ไม่เท่เหมือนกับที่ในเฟซบุ๊ก

คนเดี๋ยวนี้ทุกข์เพราะเรื่องนี้ โดยเฉพาะหนุ่มสาว ให้บอกตัวเองว่า “กูไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์โว้ย”

แต่บางอย่างความทุกข์เป็นของจริง เช่น เจ็บป่วยเป็นของจริง คือ ไม่ใช่แค่คิดเอา แต่ก็มีส่วนแห่งความคิดด้วย ใจมีส่วนทำให้ทุกข์ด้วย คนเราเวลาเจ็บป่วย เราไม่ได้ป่วยกายแต่ป่วยใจ ป่วยใจเพราะอะไรรู้ไหม เพราะ ใจไม่ยอมรับ

คนเราใจไม่ยอมรับอะไร ก็กลายเป็นทุกข์ขึ้นมาทันที เสียงดัง แดดร้อน อากาศอ้าว พวกนี้ไม่ได้ทำให้ทุกข์ใจเลย แต่พอใจเราไม่ชอบ ใจเราผลักไส ใจเราต่อต้าน เป็นทุกข์เลย ลองทำใจเป็นปกติ เสียงดังก็ดังไป อากาศร้อนก็ร้อนไป ไม่ทุกข์

พระไพศาล วิสาโล

กูไม่ได้เกิดมาเป็นทุกข์โว้ย สงบเย็นเป็นประโยชน์ สวนโมกข์กรุงเทพ

(http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e) อ่าน / ฟังได้ที่
https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-14-03-36-10.html (https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-14-03-36-10.html)





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 06:51:21 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/210127120229.png) (http://picture.in.th/id/49fb67bdcbaa1282b6dfa82bdc2a5041)



เวลาการให้ทาน รักษาศีล ยิ่งทำไปยิ่งหลงก็เยอะ ให้ทานก็หลงอยากได้โน่นอยากได้นี่ กิเลสครอบงำ ให้ทานแต่ละทีกิเลสก็เล่นงานจิตใจ ถวายสิบอยากได้ร้อย ถวายร้อยอยากได้ล้าน หรือว่าอยากจะไปอวดโชว์คนนั้นคนนี้ว่าฉันเป็นคนมีใจบุญสุนทาน อันนี้ก็เรียกว่าหลงแล้ว...

ทำบุญแต่ว่าความหลงมันครอบงำจิตใจนี้เกิดขึ้นเยอะ นับประสาอะไรแม้ว่าการปฏิบัติธรรม ก็ทำด้วยความหลงมากทีเดียว ก็เยอะเหมือนกัน จึงต้องระวังต้องหมั่นมีสติรู้ตัวกลับมาดูจิตดูใจเสมอ เวลาทำความดี ใจฟูขึ้นมาก็ให้เห็นมัน อย่าเข้าไปเป็น เวลามีปีติเกิดขึ้นก็อย่าเข้าไปเป็นมัน เห็นมัน เห็นความปีติ เห็นความดีใจ เห็นใจที่มันฟู ไม่ใช่หลงเข้าไปเป็นมัน

ตัวหลงนี่เป็นนักฉวยโอกาสชั้นยอดเลย มันทำให้เราลืมตัวทำให้เราขาดสติ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือว่าเป็นเพราะขาดสตินี่แหละที่ทำให้หลง คนเราหลงด้วยหลายสาเหตุ หลงเพราะขาดสติก็มี หลงเพราะอวิชชาก็มี หลายคนถึงแม้ว่ายังมีสติดีแต่ว่าก็มีอวิชชานอนเนื่อง อันนี้เป็นการหลงที่รื้อถอนได้ยากมาก เฉพาะพระอริยเจ้าถึงจะรื้อถอนได้หมด ไม่มีอวิชชา ไม่มีความหลงอีกต่อไป ก็คือเห็นว่าทุกอย่างนั้นมันก็ไม่เที่ยงเป็นทุกขัง อนัตตา แต่ถ้ามีอวิชชาอยู่ ก็ยังมีความเห็นลึกๆว่าอะไรๆก็เที่ยง หรือว่ายึดอยากให้ตัวเองเที่ยง ไม่แก่ไม่ป่วย ยึดอยากจะให้สิ่งต่างๆนี้มันให้ความสุขกับเราไปนานๆ แล้วก็ยึดว่าเป็นตัวเป็นตน อันนี้ก็เป็นความหลงที่ละเอียดมาก

ถึงแม้เราจะยังรื้อถอนความหลงตัวนี้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยความหลงเพราะขาดสติอันนี้ มันอยู่ในวิสัยที่เราจะจัดการได้ ก็คือพยายามทำให้มีสติมีความรู้ตัว ต้องฉลาดในการเปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ เปลี่ยนโกรธให้เป็นความไม่โกรธ นี่ต้องอาศัยสติ สติมันจะทำให้เราสามารถที่จะเปลี่ยนลบให้เป็นบวกได้ แล้วถ้าเรามีสติเมื่อไหร่ความหลงก็เข้ามาเล่นงานจิตใจเราไม่ได้ เวลาทำอะไรแม้แต่เวลาทำความดีก็ต้องให้มีสติเอาไว้ ให้ทานก็ต้องมีสติมีความรู้สึกตัว รักษาศีลก็อย่าลืมอย่าทิ้งสติ อย่าทิ้งความรู้สึกตัวไป

ปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน แต่ก็อย่างว่าหลายคนก็มาปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดความรู้สึกตัว แต่ปฏิบัติไปปฏิบัติมา กลายเป็นหลงแทนอย่างที่เล่าไว้ตอนต้น หลงว่าตรัสรู้บ้าง หลงเอารองเท้าฟาดหัวบ้าง หรืออย่างต่ำๆก็หลงเครียด กลัดกลุ้ม แน่นหน้าอก นี้ต้องระมัดระวัง ไม่ว่าเราจะเป็นนักปฏิบัติธรรม เป็นคนวัด หรือเป็นคนที่รักษาศีล ประมาทตัวหลงไม่ได้ มันสามารถจะเข้ามาจู่โจมเล่นงานเราได้ตลอดเวลา รวมทั้งเวลาเราทำความดี แม้แต่เวลาเราปฏิบัติธรรมเพื่อความรู้ตัว มันก็สามารถจะทำให้การปฏิบัติธรรมกลายเป็นการเพิ่มความหลงก็ได้ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติธรรมแล้วจะดีเสมอไป ยิ่งทำยิ่งหลงก็มีเยอะ

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 06:58:50 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/210127120533.jpg) (http://picture.in.th/id/229250f9b754fab32fd07893877d86de)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) วัดแห่งหนึ่งที่นครปฐมต้องการสร้างจุดขายด้วยการสร้างธูปที่สูงที่สุดในโลก วันดีคืนดีธูปยักษ์นั้นก็พังลงมา ดูเหมือนจะมีคนตายด้วย บาดเจ็บไม่ต้องพูดถึง ผู้คนก็พูดกันว่าเหตุเกิดเพราะสร้างธูปสูงเกินไป อาตมานึกแย้งในใจว่าไม่จริงหรอก

ธูปไม่ได้พังลงมาเพราะสูงเกินไป แต่เป็นเพราะฐานธูปลึกไม่พอต่างหาก

ในเมืองไทยมีตึกสูงเป็นสิบ ๆ ชั้นก็ยังตั้งอยู่ได้ ฉะนั้นธูปที่สูง ๒๐-๓๐ เมตร จึงไม่ถือว่าสูงเกินไป จะให้สูงกว่านั้นก็ได้ แต่ที่เป็นปัญหามากกว่าก็คือ เขาไม่ได้สร้างฐานธูปให้ลึกเพียงพอ เพราะฉะนั้นเมื่อเจอลมแรง ๆ ก็ล้มครืนลงมา

ฐานที่หยั่งลึกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธูป ยิ่งสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งจำเป็นต้องมีฐานลึกเท่านั้น คนเราก็เช่นกัน ความสำเร็จของชีวิตหรือตำแหน่งหน้าที่การงานอันสูงเด่นนั้น จะตั้งอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่ว่าเรามีจิตใจหรือชีวิตด้านในที่ลุ่มลึกเพียงใด

ขอให้ดูต้นไม้ ต้นไม้ที่สูง ๒๐-๓๐ เมตรนั้นมีมากมาย แต่เวลาต้นไม้เหล่านี้เจอลมแรง ๆ ทำไมถึงไม่ล้มลงมาอย่างธูปยักษ์อันนั้น ก็เพราะต้นไม้มีรากที่หยั่งลึกและแข็งแรงนั่นเอง

ถ้าให้เลือกระหว่างธูปยักษ์กับต้นไม้ใหญ่เราอยากเป็นอันไหน

ถ้าอยากเป็นต้นไม้ ก็น่าจะถามตัวเองว่าจิตใจหรือชีวิตด้านในของเราลึกเพียงพอแล้วหรือยัง หรือว่ายังตื้น ๆ อยู่แค่พื้นผิว ชีวิตจิตใจของเรายังแสวงหาแต่ความสุขแบบผิว ๆ หรือไม่ ได้แก่ความสุขจาการเสพหรือบริโภควัตถุ ส่วนความสุขที่ลึกลงไปกว่านั้นไม่สามารถจะเข้าถึงได้ ชีวิตด้านในที่ลุ่มลึกยังหมายถึงการมีปัญญาที่หยั่งลึก มีความเข้าใจชีวิตที่ลึกซึ้ง เรามีตรงนี้หรือไม่

หรือเข้าใจเพียงแค่ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วเท่านั้น แต่ไม่รู้ไปถึงว่าจะทำจิตใจให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร อย่างที่เมื่อกี้นี้เราสวดมนต์บทโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งพูดถึงการละชั่วทำดี แต่ไม่ได้มีเท่านั้น พุทธศาสนาไม่ได้สอนแค่นั้น และชีวิตของเราก็ไม่ควรไปแค่นั้น พุทธศาสนายังแนะให้เรารู้จักทำจิตให้บริสุทธิ์ คือสะอาด สงบและสว่าง มีปัญญาเข้าใจลึกซึ้งถึงสัจธรรม เช่น ไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วย

ถ้าเรามองชีวิตแค่พื้นผิว และไม่รู้จักหาความสุขที่ลึกซึ้งกว่าการเสพวัตถุหรือการมีชื่อเสียงหน้าตาที่เรียกว่า “โลกธรรม” ชีวิตเราก็เหมือนกับธูปที่แม้จะสูงแต่มีฐานที่ตื้นมาก จึงพร้อมที่จะโค่นลงมาเมื่อมีลมแรง ๆ มาปะทะ

คนส่วนใหญ่ก็มีความสุขกับโลกธรรม โลกธรรมก็คือ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ลาภหมายถึงเงินและวัตถุสิ่งเสพ ยศ ก็คือ ตำแหน่ง อำนาจ บริวาร

ความสุขก็คือ ความสะดวกสบายหรือความสุขแบบโลกๆ

สรรเสริญก็คือ คำชื่นชม ชื่อเสียง ความเด่นดัง ความนับหน้าถือตา ส่วนใหญ่คนก็หวังเท่านี้คือความเจริญทางโลกธรรม แต่ปัญหาก็คือโลกธรรมไม่ได้มีแค่สี่ คือ ได้ลาภ ได้ยศ ได้สุข และได้สรรเสริญเท่านั้น ยังมีอีกสี่ คือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสื่อมสุข และนินทา โลกธรรมสองชุดนี้มาด้วยกัน แยกจากกันไม่ได้ เรียกว่าโลกธรรมแปด ก็คือว่าเมื่อมีลาภ ก็ต้องเสื่อมลาภ เมื่อมียศก็ต้องเสื่อมยศ เมื่อมีสุขก็ต้องมีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญก็ต้องมีนินทา เราไม่สามารถเลือกโลกธรรมสี่ ข้อแรก และปฏิเสธโลกธรรมสี่ข้อหลังได้

แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจหรือยอมรับตรงนี้ พอได้ลาภ ก็ไม่ได้เตรียมใจรับมือกับความเสื่อมลาภ กลับเหลิงในความสุข แต่พอเหตุการณ์พลิกผันกลับ ตาลปัตร ลาภเกิดเสื่อม เช่น สูญหาย ถูกขโมย หรือเสียไป

ยศก็เช่นกัน เมื่อได้มาแล้ว สักวันหนึ่งมันก็จะต้องเสื่อมหรือผันแปรไป ไม่สามารถยั่งยืนอยู่ได้ บางทีตำแหน่งอาจจะยังคงที่ แต่ว่าอำนาจหรือบริวารลดน้อยถอยลงไป พอมันผันแปรไป เราไม่ได้เตรียมใจไว้เลยก็เลยเป็นทุกข์ เศร้าโศกคร่ำครวญ

เช่นเดียวกันมีสรรเสริญก็ต้องมีนินทา ไม่มีใครหนีพ้น แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังถูกนินทาหรือถูกต่อว่า ทีนี้พอเรารู้ว่าโลกธรรมฝ่ายบวกมันจะต้องผันแปรไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง เราได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้างหรือไม่

เรามาศึกษาและปฏิบัติธรรมก็เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจไว้รับมือกับความผันผวนดังกล่าว พูดอีกอย่างคือเป็นการช่วยให้ชีวิตด้านในหยั่งลึกมั่นคง เพื่อเป็นฐานให้แก่ชีวิตการงานหรือชีวิตภายนอก ที่ต้องไปเกี่ยวข้องกับผู้คนมาก

ยิ่งมีเพื่อนมาก ยิ่งมีทรัพย์มาก โอกาสที่จะทุกข์ก็มากตามไปด้วย

เราสุขเพราะอะไรมันก็ต้องทุกข์พราะสิ่งนั้น

สุขเพราะลูกก็ต้องทุกข์เพราะลูก สุขเพราะทรัพย์ก็ต้องทุกข์เพราะทรัพย์ สุขเพราะหน้าตาทรวดทรงที่สวยงาม สักวันหนึ่งก็ต้องทุกข์เพราะทรวดทรงหน้าตา เนื่องจากมันต้องแปรเปลี่ยนไปในที่สุด เช่น ผิวหนังเหี่ยวย่น ผมหงอกร่างกายหย่อนคล้อย

เราสุขเพราะอะไรก็ต้องทุกข์เพราะสิ่งนั้นนี้คือสัจธรรม

เพราะฉะนั้นถ้าคิดแต่จะสะสมเพิ่มพูนรักษาสิ่งเหล่านี้อย่างเดียว โดยไม่ได้ฝึกใจเอาไว้ ไม่มีการสร้างฐานภายในเพื่อรองรับไว้เลย ชีวิตเราก็ง่อนแง่นไม่ต่างจากตึกรอยัลพลาซ่า ที่เจ้าของมัวแต่สร้างเสริมเพิ่มเติมทีละชั้น ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยที่ฐานตึกก็ยังเหมือนเดิม ถึงวันหนึ่งฐานก็รับน้ำหนักไม่ไหว ตึกทั้งตึกก็พังครืนลงมาเป็นข่าว

เมื่อสิบกว่าปีก่อนมีเศรษฐีคนหนึ่ง ดูแลธุรกิจระดับพันล้าน เกี่ยวข้องกับกิจการต่าง ๆ มากมาย วันดีคืนดีกิจการได้ล้มละลาย เพราะขยายตัวเร็วไป เจ้าตัวทำใจไม่ได้ เพระเคยแต่ประสบความสำเร็จมาตลอด พอมาเจอความล้มเหลวเข้าก็ทนไม่ไหว เพราะไม่ได้เตรียมใจรับความล้มเหลวหรือการล้มละลายไว้เลย จึงทุกข์มาก จนในที่สุดก็ฆ่าตัวตาย

กรณีอย่างนี้มีเยอะมาก ไม่ใช่เพิ่งมีหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐ ก่อนหน้านั้นก็มีเยอะ และก็ยังจะมีต่อไป เพราะว่าคนเรามัวแต่สนใจกับเรื่องทรัพย์สมบัติ หมกมุ่นกับโลกธรรมฝ่ายบวก เนื่องจากมันเป็นค่านิยมของโลก คนที่รวยมีเงินร้อยล้านพันล้าน ผู้คนก็นับหน้าถือตา จึงเพลิดเพลินติดยึดกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น ในทางตรงข้ามถ้ามีเงินในธนาคารน้อย รถก็คันเล็ก ผู้คนไม่ค่อยนับหน้าถือตา ก็เป็นทุกข์ เพราะผู้คนเอาความสุขไปผูกกับสิ่งเหล่านี้ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องภายนอก ก็เลยพากันแสวงหาและสะสมทรัพย์สมบัติ สร้างอาณาจักร ขยายกิจการต่าง ๆ มากมาย แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ลืมไปอย่างสิ้นเชิง ก็คือเรื่องของชีวิตด้านใน หรือการสร้างฐานของชีวิต

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

ธรรมะคือรากฐานของชีวิต






(http://image.coolz-server.com/s/c6ekh9DA) (http://image.coolz-server.com/v/c6ekh9DA)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 07:01:39 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/210127121628.jpg) (http://picture.in.th/id/2800bd5ad837d6f77da8f125a0eff350)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) แม้ว่ามันจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเรา เราก็ยังสามารถรักษาใจให้ปกติได้ เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่เราควรจะทำก็คือการยอมรับความจริง มันเกิดขึ้นแล้ว ป่วยการที่จะบ่น ตีโพยตีพาย โอดโอยหรือคร่ำครวญว่าทำไมต้องเป็นชั้น ทำไมต้องเกิดขึ้น ทำไมไม่เกิดกับคนอื่น ยิ่งเราโอดโอยแบบนี้ ยิ่งเราปฏิเสธผลักไสมัน เราก็ยิ่งเป็นทุกข์ เป็นการซ้ำเติมตัวเอง

เช่น ถ้าเกิดว่าเราพบว่าตัวเองป่วย แทนที่เราจะยอมรับว่า เออ..ฉันป่วยละ กลับปฏิเสธไม่ยอมรับ โอดโอย ทำไมต้องเป็นชั้น ทำไมต้องเป็นชั้น เราก็ไม่ใช่ป่วยกายเท่านั้นหรอก ป่วยใจด้วย

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) คนฉลาดในเมื่อเกิดอะไรเหตุร้ายขึ้นมาก็ต้องไม่ซ้ำเติมตัวเอง แต่ว่าผู้คนจำนวนมากซ้ำเติมตัวเอง เวลาป่วยก็เลยไม่ได้ป่วยแต่กาย ใจก็ป่วยด้วย

เวลาเงินหายก็ไม่ได้หายแต่เงิน ใจก็หาย สุขภาพก็เสียเพราะว่ากลุ้มใจจนไม่เป็นอันกินอันนอน กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเงินถูกโกง สมบัติถูกขโมย เสร็จแล้วพอกลุ้มใจมากๆไม่มีสมาธิทำงาน งานก็เสีย แล้วพอหงุดหงิด คุมอารมณ์ไม่อยู่ก็ระบายอารมณ์ใส่คนรัก ใส่เพื่อน ใส่ลูกหลาน ใส่พ่อแม่ สัมพันธภาพก็เลยเสียไปด้วย อันนี้เรียกว่าซ้ำเติมตัวเอง

คนอื่นเขาขโมยได้อย่างมากก็แค่ขโมยเงิน แต่เขาไม่สามารถจะขโมยความสุขไปจากเราได้ เขาไม่สามารถจะทำให้เราเสียงานเสียการหรือเสียสุขภาพได้ แต่เพราะใจที่ตั้งไว้ไม่ถูกนั่นแหละ ที่ให้เกิดความเสียหายต่างๆตามมาอีกหลายด้าน แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักวางใจ แทนที่จะบ่นตีโพยตีพาย เราก็ยอมรับว่าเกิดขึ้นแล้ว ใจที่ไม่ผลักไสนี่ มันก็จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ลองสังเกตุดู ว่าความทุกข์ ความทุกข์ใจมันก็เกิดขึ้นจากใจที่ปฏิเสธ ใจผลักไสสิ่งต่างๆไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ แม้แต่สิ่งเล็กน้อย ถ้าใจมันผลักไสแล้วก็เป็นทุกข์ หลายคนกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะว่าเป็นสิว ผิวตกกระ แต่บางคนทั้งที่เป็นมะเร็ง แต่ว่าเขาสามารถที่จะเป็นปกติได้ในจิตใจ

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ความแตกต่างอยู่ตรงไหน ความแตกต่างอยู่ที่ว่าอันหนึ่งยอมรับไม่ได้ แต่อีกอันหนึ่งเขายอมรับได้ แม้มะเร็งมันจะเป็นโรคร้าย แต่ถ้ายอมรับได้ใจก็เป็นปกติ มันก็ป่วยแต่กาย ใจก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร เมื่อเราสามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ใจมันก็จะกลับมาเป็นปกติ

และยิ่งถ้าเราสามารถที่จะมองเห็นประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นได้ หรือว่ารู้จักมองในแง่บวก มันก็ทำให้เราได้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นสิ่งที่เป็นเรื่องร้าย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราแม้จะเป็นเรื่องร้าย มันมีประโยชน์กับเราทั้งนั้น ถ้ารู้จักมองหรือรู้จักใช้

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) มีเด็กคนหนึ่ง วัยรุ่น แกเป็นลูคีเมีย ตอนที่เป็นใหม่ๆ ก็ทุกข์ แต่ตอนหลังแกก็กลับมาเป็นปกติได้และแกก็บอกว่า โรคมะเร็งนี่มันนำสิ่งดีมาให้กับชีวิตแกหลายอย่าง เช่น

มันทำให้แกได้มีโอกาสรู้จักพระพุทธศาสนาเพราะว่าพอป่วยแล้วก็มีคนเอาหนังสือธรรมะมาให้อ่าน ความกลัวตายก็คงมีส่วนทำให้หันมาสนใจธรรมะและก็ได้รู้จักกับพระพุทธศาสนามากขึ้น

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ข้อสองได้เห็นความรักอันบริสุทธิ์ของพ่อแม่ ตอนที่เป็นปกติธรรมดาก็อาจจะห่างเหินกับพ่อแม่ นอนหอพัก ไม่ได้ใกล้ชิดกัน แต่พอตัวเองป่วยแล้วพ่อแม่ก็เข้ามาดูแลใกล้ชิด เห็นความรักอันบริสุทธิ์ของพ่อแม่

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ข้อสามทำให้เขาได้อ่านหนังสือมากขึ้น และก็ข้อที่สี่ทำให้เขาได้รู้จักคิดมากขึ้น เริ่มต้นจากการที่รู้จักหยุดคิด พอมาหยุดคิดแล้ว หยุดคิดในที่นี้ไม่ได้แปลว่าความคิดมันหยุด แต่หมายความว่าได้ตั้งหลักมาคิด ก็ทำให้ได้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เขาบอกถ้าเขาไม่เป็นมะเร็งก็คงเหมือนเด็กอายุ 21 ทั่วไป นอนหอพัก เข้านอนตีสาม ตื่นบ่ายสาม รอเพื่อนมาเรียก มาชวนไปกินเหล้า ใช้ชีวิตแบบประมาท ไม่สนใจคนรอบข้าง ไม่ระมัดระวังอะไรเลย อันนี้เขาเรียกว่าเขารู้จักเห็นประโยชน์จากเหตุร้ายที่เกิดขึ้นแล้วก็รู้จักใช้ประโยชน์จากมัน

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) เพราะฉะนั้นถ้าเราวางใจแบบนี้ แม้ว่าจะมีเหตุไม่ดีเกิดขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเรา กับร่างกายของเรา กับงานการของเรา เราก็ยังได้กำไร นอกจากจะไม่ทุกข์แล้ว ก็รู้จักวางใจให้เป็นปกติได้ ไม่ผลักไส ไม่ปฏิเสธ ยอมรับมัน แล้วยังได้กำไรด้วย คือได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 07:12:25 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/210127122641.jpg) (http://picture.in.th/id/781d4b7bcf5ddc0fabb0562eb9a83911)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) การปฏิบัติธรรมสาระของมันก็คือการเปลี่ยน การพลิก การทวนกระแส เปลี่ยนอะไร ก็เปลี่ยนชีวิต พลิกอะไร ก็พลิกมุมมอง ทวนอะไร ก็ทวนกระแส

ถ้าเราปฏิบัติธรรมแล้วชีวิตเราไม่เปลี่ยน มุมมองเราไม่พลิก หรือว่าเรายังเดินตามกระแสโลกหรือว่ากระแสกิเลสอันนี้ก็ไม่เรียกว่าได้ปฏิบัติธรรม

อาจจะปฏิบัติในรูปแบบเช่นเวียนเทียน ทอดผ้าป่า ใส่บาตร แต่ว่าเข้าไม่ถึงสาระของมัน

ต้องถามตัวเราเองว่าเราปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เล็ก หรือว่าบางคนก็เข้าวัดตอนหนุ่มสาวหรือว่าเมื่อมีอายุแล้วจะอย่างไรก็แล้วแต่ ถามตัวเองใคร่ครวญตัวเองว่าชีวิตเราเปลี่ยนบ้างไหม มุมมองเราได้พลิกบ้างหรือเปล่า หรือว่าเรายังเดินตามกระแสโลกอยู่

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) กระแสโลกกระแสกิเลสนี้มันก็อันเดียวกัน ทวนกระแสนี้ทวนกระแสโลกทวนกระแสกิเลสเป็นอย่างไร ก็อย่างเช่นว่าเอาความถูกใจเป็นหลัก ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วเราต้องเอาความถูกต้องเป็นหลัก

เอาความถูกใจเป็นหลักก็เช่นว่า เห็นของตามห้าง อยากได้ ถูกใจก็ไปคว้ามา บางคนก็คว้าด้วยการขโมย แต่ว่าถึงแม้จะคว้ามาด้วยการซื้อมันก็อาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ ไม่ถูกต้องในแง่ที่ว่ามีของเยอะแล้ว ไม่มีที่เก็บแล้ว ถ้าเอาความถูกต้องเป็นหลักมันก็ไม่ซื้อเพราะว่ามันมีเยอะแล้ว แล้วก็ไม่ได้ใช้ เปลืองเงิน แต่ถ้าเอาความถูกใจ เห็นก็คว้ามาเลย มีเงินก็ซื้อ ไม่มีเงินก็ไปกู้มาหรือไม่ก็ใช้เครดิตการ์ดเอาเงินจากอนาคตมาซื้อ ถ้าทำอย่างนี้เรียกว่าเอาถูกใจเป็นหลัก ไม่ได้คำนึงความถูกต้อง

เวลาใครพูดอะไร เขาวิจารณ์ แทนที่จะดูว่าเขาพูดถูกต้องไหม พูดถูกต้องก็ไปแก้ไข ก็เอาว่าถูกใจเราหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกใจเราก็ด่ากลับ ทั้ง ๆ ที่ที่เขาพูดมาอาจจะถูกต้องมีประโยชน์

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) คนที่ปฏิบัติกับไม่ปฏิบัติธรรมมันต้องต่างกันตรงนี้ ก็คือใครว่าอะไรมา ถ้าปฏิบัติธรรมก็จะไม่โกรธง่าย จะไม่ตอบโต้ไป แต่จะกลับมาพิจารณาว่าถูกต้องไหม ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมเขาว่ามาก็ด่ากลับ หรือว่าเวลาเขาพูดนินทาใส่ร้ายคนบางคนที่เป็นคู่แข่งของเรา หรือว่าเป็นคนที่เราอาจจะไม่ชอบ

ถ้าเอาความถูกต้องก็จะไม่เห็นดีเห็นงาม กับการพูดจาแบบนั้นเพราะว่าเป็นการใส่ร้าย แต่คนที่ไม่ปฏิบัติธรรมนี่พูดอย่างนั้นได้ยินอย่างนั้นก็ถูกใจ เขาใส่ร้ายคนที่เราไม่ชอบเราก็ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ถูกใจเรา ถ้าคนที่มีความถูกต้องมีความเป็นธรรมก็จะไม่เห็นด้วย ก็จะทักท้วงว่าพูดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง มันใส่ร้ายเขา

หรือว่าใครทำความดีมากกว่าเรา เด่นกว่าเรา ถ้าคนที่คำนึงถึงความถูกต้องก็จะอนุโมทนาหรือมีมุทิตาจิต เขาได้ดีก็มุทิตาจิตให้เขา แต่ถ้าเอาความถูกใจเอากิเลสเป็นหลัก ก็จะอิจฉาหรือไม่ พอใจเขาเพราะว่าเขาเด่นกว่าเรา ดีเกินหน้าเกินตาเรา

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) นี่มันต่างกันระหว่างปฏิบัติธรรมกับไม่ปฏิบัติธรรม หรือว่าปฏิบัติธรรมแต่ในรูปแบบ แต่ไม่เข้าถึงสาระ คนที่ปฏิบัติธรรมก็จะเอาความถูกต้องเป็นหลัก คนที่เดินกระแสธรรมก็จะไม่เอาความถูกใจ แต่ถ้าเดินตามกระแสโลกก็จะเอาความถูกใจเป็นหลัก

พระไพศาล วิสาโล

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ที่มา ทวนกระแส

(http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e) https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-25-07-13-06.html (https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-25-07-13-06.html)





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 07:26:06 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ij/210127123832.jpg) (http://picture.in.th/id/60ee2a3d93d3247db067a4a2abb14a48)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ถ้าใจเราเก่าค้างปี ปีใหม่ก็ไม่มีความหมาย ก็เป็นแค่เปลี่ยนตัวเลขของศักราชเท่านั้นเอง ใจเราต้องใหม่ตามไปด้วย

การที่ใจเราจะใหม่ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เราได้ทำสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล อย่างที่พูดเมื่อกี้นี้ การสวดมนต์ การทำบุญใส่บาตรก็เป็นการชำระใจให้สะอาด แต่ถ้าเราสวดมนต์แล้ว เราทำบุญแล้ว ใจเรายังหวนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เก่า ๆ ในปีที่เพิ่งผ่านไป หรือว่าเหตุการณ์ในปีก่อนหน้านั้น สองปีก่อนหน้านั้น หรือว่าสามปีที่แล้ว อันนี้ก็เรียกว่าใจไม่ได้ใหม่ตามไปด้วย...

หลายคนเป็นอย่างนั้น ตัวอยู่ปีใหม่แต่ใจยังอยู่ปีเก่า เพราะมันข้องมันติดขัดอยู่กับเหตุการณ์เก่า ๆ ที่ทำให้เจ็บปวด ผิดหวัง โกรธเคือง หรือบางทีถึงขั้นพยาบาทเคียดแค้นเลยก็มี หรือไม่ก็เศร้าโศกเสียใจ รู้สึกผิด ติดค้างใจ ถ้าตัวอยู่ปีใหม่ แต่ใจอยู่ปีเก่า มันก็ไม่เข้าท่าเหมือนกัน ต้องพาใจของเรานั้นกลับมา ออกจากปีเก่าไม่ว่าเก่าแค่ไหนก็ตาม มาอยู่ที่ พ.ศ. นี้

พระไพศาล วิสาโล

(http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e) ฟัง / อ่านได้ที่ https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-15-43-58.html (https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-15-43-58.html)





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 07:32:41 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ia/210127124208.jpg) (http://picture.in.th/id/3293cd85141e74c6ab6c237400329d29)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ปีใหม่นี้ ให้อภัยผู้อื่นและให้อภัยตนเอง เพื่อจะได้มีใจที่ใหม่ (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

"ความโกรธ ความเศร้า ความเคียดแค้น ต้องวางลงระบายถ่ายเทมันออกไปจากจิตใจ ซึ่งทำได้ด้วยการที่ใจเรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน กลับมาอยู่กับ พ.ศ. ศักราชใหม่

ถ้าใจเรายังไปวนเวียนข้องแวะติดขัดอยู่กับเรื่องเก่า ๆ อารมณ์หมักหมมก็เกิดขึ้นตามมา เพราะอารมณ์สัมพันธ์กับความคิด คิดเรื่องร้ายใจก็เป็นอกุศล เพราะมีอารมณ์โกรธ เสียใจ คับแค้น ขุ่นเคือง น้อยเนื้อต่ำใจเกิดขึ้นมา สะสมวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่าทำให้ใจเราหม่นหมองเก่าคร่ำคร่า

เพียงแค่เราไม่ปล่อยใจให้ไปนึกถึงเรื่องราวในอดีต ในลักษณะของการคร่ำครวญ หรือว่าเคียดแค้นอาลัย อารมณ์อกุศลก็ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นในจิตใจเราได้ จะทำอย่างนี้ได้ต้องอาศัยสติ ต้องมีสติ ต้องมีความรู้สึกตัว เพราะถ้าไม่มีสติเมื่อไหร่ ใจก็ย้อนถอยหลังกลับไป ไปข้องแวะติดขัดอยู่กับเหตุการณ์ในอดีตซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ใจเราจะอยู่ พ.ศ. นี้ ศักราชใหม่ ก็เพราะว่าเรามีสติกำกับรักษาใจเอาไว้ สตินี้จะทำให้เรารู้ทันอารมณ์ที่มันครอบงำใจ อารมณ์ที่เศร้าหมอง อารมณ์ที่โกรธแค้น อารมณ์เก่า ๆ ไม่มีสติมันก็วางไม่ได้ เพราะฉะนั้นใจเราจะใหม่ได้ก็ต้องมีสติ

สติเป็นเครื่องรักษาใจให้ปกติ ใจเรายังจะใหม่ได้ด้วยการรู้จักให้อภัย การให้อภัยนี้เป็นตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถปล่อยวางได้ ถ้าไม่ให้อภัย ใจมันก็ยังข้องแวะติดขัดอยู่กับอดีตซ้ำซาก ไปต่อไม่ได้ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ช่วยปลดโซ่ ปลดล็อคให้ใจของเราได้หลุดออกจากเรื่องที่มันเจ็บป่วยซ้ำซาก

ถ้าไม่รู้จักการให้อภัย ใจมันก็สดใหม่ได้ยาก คิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องเก่า ๆ ผ่านไป 20 ปี 30 ปี มันก็ยังดูสดดูใหม่ แต่ที่จริงแล้วกลับทำให้จิตใจย่ำแย่ลง

ให้อภัยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะให้อภัยผู้อื่นเท่านั้น แต่รวมถึงให้อภัยตัวเองด้วย ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต เราต้องตระหนักว่ามันเป็นธรรมดาของมนุษย์

คนอื่นเขาก็ผิดพลาดได้เพราะมนุษย์เราอ่อนแอ ความอ่อนแอทำให้บางคนทำร้ายเรา ทำร้ายจิตใจของเรา ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของเรา ทำให้เราเสื่อมศรัทธา

นั่นไม่ใช่แค่คนอื่นเท่านั้นที่อ่อนแอพลั้งพลาด เราเองก็เหมือนกัน เราก็อ่อนแอ บางทีเราก็เห็นแก่ความสนุกชั่วคราว หรือเห็นแต่ประโยชน์ระยะสั้น ทำให้เราละเลยสิ่งที่ควรทำ เช่น สิ่งที่ควรจะทำกับผู้มีพระคุณ ทำกับคนที่มีคุณค่า อาจเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของปุถุชน ทำให้เราได้ทำสิ่งที่น่าละอายน่ารังเกียจออกไป

แต่เพราะเราเป็นมนุษย์ ก็ต้องมีผิดมีพลาด ถ้าเรารู้จักเอาความผิดพลาดเป็นครู จะช่วยทำให้เรารู้จักปลดเปลื้องบาดแผล ปลดเปลื้องความรู้สึกผิดติดค้างใจได้ สามารถช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้เหมือนกัน การให้อภัยผู้อื่น การให้อภัยตัวเอง เพื่อทำให้เราสามารถเป็นอิสระจากอดีต อดีตจะขังเราไม่ได้อีกต่อไป ทำให้เราสามารถมองไปข้างหน้า และก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ด้วยใจที่โปร่งโล่งเบาสบาย

การทำใจให้ใหม่ ที่จริงมันควรจะทำได้ตลอดแวลา ไม่ต้องรอให้ปีใหม่ แต่ปีใหม่เหมือนกับเป็นตัวกระตุ้นเตือน หรือเป็นตัวตอกย้ำกับเราว่า เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ นี้คือประโยชน์ของวันปีใหม่หรือการเริ่มต้นปีใหม่ว่า ทุกอย่างเริ่มต้นได้ใหม่ เริ่มต้นใหม่ได้อีก ชีวิตเราก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีก

จิตใจเราก็สามารถทำให้มันใหม่ได้อีก ที่แล้วก็แล้วกันไปปล่อยให้มันเป็นอดีตไป กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ หรือว่าที่ทำดีอยู่แล้วก็ทำให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ใจเราใหม่อยู่เสมอ การที่ใจใหม่หมายถึงการมีคุณภาพใหม่ด้วย มีคุณภาพใหม่เพราะว่ามีสติ มีเมตตา มีการรู้จักให้อภัย"

พระไพศาล วิสาโล
ปัใหม่ สงบเย็นเป็นประโยชน์ สวนโมกข์





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 07:35:20 pm
(http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e) ปีใหม่นี้ ถ้าหากเราต้องการใจที่ใหม่ ก็ต้องมีจุดหมายชีวิตที่ถูกต้อง แล้วพยายามน้อมนำธรรมะ นำมาปฏิบัติขัดเกลาจิตใจของตัว มีสติเป็นเครื่องรักษา มีความรู้สึกตัวที่จะช่วยปกป้องใจไม่ให้หม่นหมอง เก่าคร่ำคร่า หรือว่าอ่อนล้า

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) แต่ละปี ๆ ร่างกายเราเก่าไปเรื่อย ๆ คือความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น แต่ละปี ๆ ร่างกายเราก็เก่าลง ๆ แต่ว่าใจเราใหม่ได้เสมอ ในขณะที่กายมันเก่าลง แต่ใจสามารถที่จะใหม่ได้เสมอ ในทำนองเดียวกันปีใหม่ ชีวิตใหม่ก็เกิดขึ้นได้เสมอเหมือนกัน

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ปล่อยใจของเราให้เป็นอิสระจากอดีต หยุดให้มันกลับมาอยู่กับปัจจุบัน กลับมาอยู่กับปีใหม่ รวมไปถึงการปลดเปลื้องอารมณ์เก่า ๆ ที่หมักหมมในจิตใจด้วย...ความโกรธ ความเศร้า ความเคียดแค้น ต้องวางลงระบายถ่ายเทมันออกไปจากจิตใจ ซึ่งทำได้ด้วยการที่ใจเรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน กลับมาอยู่กับ พ.ศ. ศักราชใหม่

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) สิ่งที่จะทำให้ใจเราใหม่อยู่เสมอ อย่างที่เมื่อกี้พูดไปแล้ว คือการมีสติ สติจะช่วยปลดเปลื้องอารมณ์ต่าง ๆ ยิ่งถ้าเรามีสติอยู่ต่อเนื่อง มีความรู้สึกตัวทุกขณะ ใจเราจะใหม่อยู่เสมอ และทำให้เรามีพลังก้าวไปข้างหน้าต่อไป เรามุ่งหวังอะไรในชีวิต เราจะทำอะไรกับเวลาที่เหลืออยู่

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

(http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e)  https://soundcloud.com/suan-mokkh/newyear (https://soundcloud.com/suan-mokkh/newyear)






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 07:37:44 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ic/210127125002.jpg) (http://picture.in.th/id/48f5c0e2c5a4606525cfef8bbe0260ee)



หลายคนคิดว่าการทำสมาธิภาวนาโดยเฉพาะการเจริญสติหมายถึง การควบคุมความคิดหรือควบคุมจิตใจ ยังไม่ถูก เจริญสติไม่ใช่เพื่อควบคุมความคิด แต่เพื่อไม่ยอมให้ความคิดมาควบคุมเราต่างหาก

บางคนเวลามาเจริญสติทำได้ยาก จะให้มันไม่มีความคิดฟุ้งซ่าน ไม่มีความคิดอะไรมารบกวนเลย อยากจะให้มีแต่ความรู้สึกดี ๆ ความคิดดี ๆ พอมาเจริญสติ โอ้ยความคิดฟุ้งซ่าน ก็มีความขุ่นมัว บางทีความหงุดหงิดก็เกิดขึ้นในใจ ก็สงสัยว่าทำไมมันถึงมีอาการแบบนี้ ยิ่งพยายามไปกดข่มความคิด ไปควบคุมความคิด ไม่ให้มันฟุ้งซ่าน ยิ่งเป็นทุกข์เข้าไปใหญ่

การเจริญสติไม่ใช่เพื่อควบคุมความคิด แต่เพื่อไม่ยอมหรือไม่ปล่อยให้ความคิดมาควบคุมเรา ก็คือว่า มันคิดก็คิดไป แต่ว่าเราไม่เชื่อมัน แค่ดูมันเฉย ๆ

ไม่ใช่ว่าทำแล้วจิตมันจะสงบ มันก็ฟุ้ง แต่ว่ามันฟุ้งก็ฟุ้งไป เราก็แค่ดูมันเฉย ๆ หลวงพ่อคำเขียนบอกว่ารู้ซื่อ ๆ หรือรู้เฉย ๆ เห็นอย่าเข้าไปเป็น

ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความคิดฟุ้งซ่านเกิดขึ้นแต่ว่ามันมี แต่มันทำอะไรเราไม่ได้ แต่ก่อนนี้มันเกิดขึ้นทีไรนี่โอ้ยเราเชื่อมัน มันก็ลากลู่ถูกัง

บางทีมันมีอารมณ์เกิดขึ้นด้วย อารมณ์ก็มาควบคุมเรา ความโกรธพอเกิดขึ้นมันก็ควบคุมเรา มันสั่งให้เราด่า เราก็ด่า มันสั่งให้เราทำลายข้าวของ เราก็ทำลาย พอมีความอยากเกิดขึ้นมันสั่งให้เราขโมย เราก็ขโมย อันนี้เรียกว่ายอมให้ความคิดและอารมณ์มาควบคุมจิตใจของเรา มาควบคุมชีวิตของเรา

นักปฏิบัติไม่ได้แปลว่าไม่มีความโกรธ ไม่มีความโมโห ไม่มีความโลภ มันมี แต่ว่ามันทำอะไรเราไม่ได้ แต่ก่อนมันเคยควบคุมเรา จนกระทั่งเราทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือว่าจนกระทั่งเรากินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือว่าเกิดเรื่องเกิดราวกับคนอื่น แต่พอเรามาเจริญสติแล้วถ้าเราเจริญถูก มันเกิดขึ้นก็จริงในใจ แต่มันทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเราเห็นเราไม่เข้าไปเป็น เราไม่อยู่ในอำนาจของมัน

จริง ๆ แล้วคนเราไม่สามารถควบคุมความคิดได้ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เพราะว่าจิตใจมันเป็นอนัตตา มันไม่อยู่ในอำนาจบัญชาของเรา แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือว่าไม่ปล่อยให้มันมารบกวนจิตใจเรา ไม่ปล่อยให้มันมาบงการชีวิตของเรา

พระไพศาล วิสาโล
คำสอนเพื่อชีวิตดีงามและเป็นสุข

pagoda

(http://image.coolz-server.com/s/WiO9s81e) (http://image.coolz-server.com/v/WiO9s81e)  อ่าน / ฟัง ได้ที่ https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-22-10-54-39.html  (https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-22-10-54-39.html)





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 27, 2021, 07:42:11 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/210127125144.jpg) (http://picture.in.th/id/4644c066997ea1fbf1ac8ad59811d65b)


เมื่อเร็วๆ นี้ มีข้าราชการกลุ่มหนึ่งมาหาอาตมาแล้วก็ได้สนทนากันอยู่พักใหญ่ อาตมาดูจากหน้าตาก็คิดว่าน่าจะอายุมาก ก็เลยถามเขาว่าเมื่อไหร่เกษียณ ก็ได้คำตอบว่าจะเกษียณปีนี้

แล้วก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พอเกษียณแล้วก็จะวาง วางในที่นี้ก็คงจะหมายถึงวางภารกิจการงาน อาตมาก็เลยพูดเสริมไปเป็นการเตือนว่า ระวังนะที่ว่าวาง แล้วจะไปยึดอันอื่นแทน

เช่น วางเรื่องงานเรื่องการแล้วก็ไปยึดเอาหลาน ไปติดหลาน คนส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้ วางเรื่องหนึ่ง แล้วก็ไปยึดอีกอันหนึ่ง หรือไปแบกอีกอย่างหนึ่ง หรือไปแบกหลายอย่าง

อย่างเช่น ตอนเด็กๆไปยึดติดถือมั่นกับของเล่น หวงแหนของเล่น พอโตขึ้นเราก็วางของเล่น แล้วเป็นอย่างไร ก็ไปยึดอย่างอื่นแทน เช่น ถ้าเป็นวัยรุ่นก็ไปยึดมือถือ หรือไปยึดเสื้อผ้าหน้าผม กระเป๋า หรือว่าโตขึ้นมาหน่อยก็ไปยึดรถยนต์ บ้าน ทรัพย์สินศฤงคาร ธรรมดาคนก็เป็นอย่างนี้ วางอย่างหนึ่งแล้วก็ไปยึดอีกอย่างหนึ่ง หรือไปยึดหลายอย่าง

พระอริยเจ้าโดยเฉพาะพระอรหันต์ ท่านวางของหนักลงแล้ว ก็ไม่เอาอะไรขึ้นมาแบกอีก อย่างที่เราสวดกัน นิกขิปิตวา คะรุง ภารัง, อัญญัง ภารัง อะนาทิยะ พระอริยเจ้าสลัดทิ้งของหนักลงเสียแล้ว ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก

แต่ปุถุชนคนส่วนใหญ่แบกอะไรก็ตาม พอวางแล้วก็ไปยึดอีกอย่างแทน แล้วที่วางเพราะอะไร เพราะว่าเบื่อ หรือเพราะเห็นว่ามันไม่มีเสน่ห์แล้ว อย่างเด็กหวงแหนของเล่น หวงแหนผ้าห่ม พอโตขึ้น ก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไร ไปเอาอย่างอื่นดีกว่า

อันนี้ผู้สูงวัยอย่างพวกเราหลายคนก็เกษียณไปนานแล้ว ถามใจตัวเองว่า ที่วางอะไรต่ออะไรหลายอย่าง แล้วไปหยิบไปฉวยไปแบกอย่างอื่นขึ้นมาอีกหรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องหลาน ตอนที่เป็นพ่อแม่ก็ห่วงลูก ยังทำอะไรไม่ได้ห่วงลูก กลัวลูกเรียนไม่จบ พอลูกเรียนจบก็ห่วงลูก ห่วงว่าลูกเมื่อไหร่จะแต่งงาน พอลูกแต่งงานก็ห่วงอยู่นั่นว่าเมื่อไหร่ลูกจะมีหลานให้ตาให้ยายให้พ่อให้แม่สักที พอมีหลานก็ห่วงอีก ห่วงหลานเรื่องการเรียน บางทีอาจจะพูดว่า ถ้าหลานเรียนจบแล้วก็หมดห่วงแล้ว พอหลานเรียนจบ อ้าว เมื่อไหร่หลานจะแต่งงานมีฝั่งมีฝาสักที ยึดไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้น

ที่จริงยิ่งอายุมากยิ่งมีประสบการณ์มากยิ่งต้องวาง วางเยอะขึ้นๆ สิ่งที่มันจะเป็นเครื่องชี้วัดวุฒิภาวะหรือความเจริญงอกงามทางจิตใจทางปัญญาก็คือดูว่า วางได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าอายุมากแต่ว่ายังยึดติดถือมั่นกับอะไรต่ออะไรมากมาย ห่วงลูกห่วงหลานห่วงทรัพย์สมบัติ ห่วงงานการ อย่างนี้เรียกว่าจิตใจยังไม่โตเท่าไร

ประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตไม่ได้สอนให้รู้เลยว่า ไม่มีอะไรที่มันยึดมั่นถือมั่นได้ ประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตไม่ได้สอนเลยว่า ยิ่งไปยึดมั่นถือมั่นมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นทุกข์มากเท่านั้น

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: “อุบายของลิง อำนาจกิเลส” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 29, 2021, 07:00:48 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/210129121335.jpg) (http://picture.in.th/id/e86d1fb88d22bb6e77146f568fc89de8)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) อุบายของลิง อำนาจกิเลส (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ที่มีป่า มีภูเขา มีต้นไม้หนาแน่น หลายแห่งจะมีลิงเป็นฝูง ลิงเหล่านี้ถ้าหากว่าเราเผลอ มันก็จะแอบมาขโมยของจากตัวเรา หรือจากกระเป๋า หรือถุงที่เราถือ ที่น่าสนใจหลายแห่งมันไม่ได้ขโมยเอาของกิน เช่น ขนมหรือว่าหาร แต่มันเอาของใช้ที่เราพกพาหรือติดตัวอยู่ อาจจจะเป็นซองโทรศัพท์มือถือ แว่นตา กล้องหรือแม้กระทั่งกระเป๋าเงิน ทำไมมันไม่ขโมยเอาอาหาร ขนม เพราะว่ามันกินได้อยู่ ส่วนพวกกระเป๋าเงิน ซองโทรศัพท์มือถือ แว่นตาหรือว่ากล้อง มันกินไม่ได้ แล้วมันขโมยไปทำไม

มันขโมยเพราะว่ามันรู้ว่าคน เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นสำคัญ ถ้าของเหล่านั้นถูกขโมยไป คนก็ต้องหาทางเอากลับคืนมา แล้ววิธีที่จะได้ของคืนก็คือว่ามีสิ่งอื่นมาแลก จะเอาอะไรมาแลกกับของใช้เหล่านี้ ก็ขนมไง หรือว่าอาหาร หลายแห่งพอคนเอาอาหาร เอาขนมไปยื่นให้มัน มันก็จะคืนของที่ขโมยไป มันฉลาด ที่ฉลาดกว่านั้น มันรู้ว่าอะไรมีค่าสำหรับคน และของที่มีค่าสำหรับคนถ้ามันได้ไป มันก็ต้องการสิ่งตอบแทนที่เพิ่มขึ้นหรือมากๆ เช่น ถ้าเกิดว่าขโมยกล้องไปแล้วเราให้มันแค่ขนม 1 ชิ้นมันอาจจะไม่พอใจ มันจะไม่ยอมคืน ต้องให้มากกว่านั้น จะให้ขนมทั้งถุงเลย มันถึงจะยอมคืนกล้อง อันนี้เรียกว่ามันรู้จักการต่อรอง

วิธีการต่อรองของมันก็คือ ขโมยของที่มีค่า ไม่ใช่มีค่าในสายตาของมัน แต่มีค่าในสายตาของคน มันรู้ได้อย่างไร มันรู้จากการเรียนรู้จากคนนั่นแหละ เช่นมันอาจจะเคยขโมยถุงพลาสติก อาจจะเคยขโมยพวงกุญแจจากคนที่เดินผ่าน นักท่องเที่ยวที่เผลอ ขโมยสิ่งเหล่านี้แล้วมันพบว่าคนไม่สนใจ คนไม่คิดจะเอาคืน อาจจะตกใจเล็กน้อยแล้วก็ไม่สนใจ เดินต่อไป แต่ของบางอย่างพอเอาไปไปแล้ว คนจะพยายามเอาคืนให้ได้เช่น กล้อง แว่นตา แล้วถ้าเกิดว่าไม่ได้คืน คนก็จะพยายามล่อหลอก หรือว่าโน้มน้าวด้วยขนม แล้วก็เป็นขนมที่มีจำนวนมากหรือว่าเป็นของอร่อยด้วย ลิงก็สังเกตได้ว่าของบางอย่างคนไม่สนใจ ของบางอย่างคนสนใจจะเอาคืน และพร้อมที่จะเสียขนม สละอาหารเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกลับ มันก็จะคอยจับจ้องของเหล่านั้น เพราะมันรู้ว่าขโมยแล้วจะได้สิ่งตอบแทนที่มันชอบ แล้วก็มากด้วย อันนี้เป็นธรรมชาติของลิงที่มันมีปัญญา

ของที่ไม่มีคุณค่าสำหรับมัน แต่มันรู้ว่าของมีคุณค่าสำหรับคน และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เพราะมันรู้ว่าของสิ่งนั้น มันก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่มันต้องจับจ้องและต้องหาทางขโมยให้ได้ มันเป็นความรู้มันเป็นปัญญาที่เกิดจากการเฝ้าสังเกต ก็เหมือนกับเด็ก ถ้าเด็กร้องไห้งอแงแล้วพ่อแม่ไม่สบายใจ พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กหยุดร้อง เช่น สัญญาว่าจะเอาขนมมาให้ สัญญาว่าจะเอาของเล่นมาให้ เด็กก็รู้แล้วว่าถ้าอยากได้อะไร ก็ร้องไห้งอแง เดี๋ยวพ่อแม่ก็จะเอามาให้ เด็กตัวเล็กๆ 1 ขวบ 2 ขวบ 3 ขวบไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญา เขามีปัญญาสังเกตได้ ถ้าหากร้องไห้แล้วได้ผล พ่อแม่ยอมทำตามความต้องการหรือว่าพร้อมที่จะเอาของเล่นมาให้ เด็กก็ยิ่งทำใหญ่ อยากได้อะไร แกล้งร้องไห้งอแงพ่อแม่ก็ยอม

ที่จริงไม่ใช่เด็กอย่างเดียว อารมณ์เราก็เหมือนกัน อารมณ์โกรธ อารมณ์อยาก ถ้าหากว่าใจเรายอมทำตามมัน อยากได้อะไร ก็ทำตามมัน ไปหามันมา อยากกินก็ไปหาของกิน อยากได้ก็ไปซื้อ หรือว่าโกรธทีไรก็ทำตามอำนาจของมัน ด่าโวยวาย มันก็จะรู้ว่ามันมีอำนาจเหนือเรา แล้วมันก็จะโผล่มาบ่อยๆแล้วก็จะแรงขึ้นเรื่อยๆ คล้ายๆกับว่าอารมณ์มันรู้ เรียนรู้จากพฤติกรรมของเราว่า เราอยู่ในอำนาจของมัน และถ้าเรายอม มันก็แย่ แล้วมันก็จะโผล่มาเรื่อยๆ ถ้าหากว่าเราไม่ยอมทำตามอำนาจของมัน มันโผล่ขึ้นมาเราก็ไม่สนใจ เหมือนกับเด็กร้องไห้งอแง พ่อแม่ไม่สนใจตอนหลังเด็กก็เลิกร้องเลิกงอแง

อารมณ์นั้นเกิดขึ้นแล้วถ้าเรายอมตามมัน มันก็จะโผล่ออกมาอยู่เรื่อยๆแล้วก็มาบงการจิตใจเราอยู่เรื่อยๆแต่ถ้าเราเฉยๆ ไม่สนใจมัน มันก็จะค่อยๆหมดพิษสง หรือมีอำนาจน้อยลง ผุดโผล่น้อยลง ให้เราสังเกตอารมณ์ของเรา ถ้าเราทำตามมันเมื่อไหร่ มันจะมีอำนาจมากขึ้น แต่ถ้าเราไม่ทำตามมัน มันก็จะค่อยๆจางคลายไป ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ลิง หรืออารมณ์ พฤติกรรมก็คล้ายๆกันในแง่นี้
สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ที่มีป่า มีภูเขา มีต้นไม้หนาแน่น หลายแห่งจะมีลิงเป็นฝูง ลิงเหล่านี้ถ้าหากว่าเราเผลอ มันก็จะแอบมาขโมยของจากตัวเรา หรือจากกระเป๋า หรือถุงที่เราถือ ที่น่าสนใจหลายแห่งมันไม่ได้ขโมยเอาของกิน เช่น ขนมหรือว่าหาร แต่มันเอาของใช้ที่เราพกพาหรือติดตัวอยู่ อาจจจะเป็นซองโทรศัพท์มือถือ แว่นตา กล้องหรือแม้กระทั่งกระเป๋าเงิน ทำไมมันไม่ขโมยเอาอาหาร ขนม เพราะว่ามันกินได้อยู่ ส่วนพวกกระเป๋าเงิน ซองโทรศัพท์มือถือ แว่นตาหรือว่ากล้อง มันกินไม่ได้ แล้วมันขโมยไปทำไม

มันขโมยเพราะว่ามันรู้ว่าคน เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นสำคัญ ถ้าของเหล่านั้นถูกขโมยไป คนก็ต้องหาทางเอากลับคืนมา แล้ววิธีที่จะได้ของคืนก็คือว่ามีสิ่งอื่นมาแลก จะเอาอะไรมาแลกกับของใช้เหล่านี้ ก็ขนมไง หรือว่าอาหาร หลายแห่งพอคนเอาอาหาร เอาขนมไปยื่นให้มัน มันก็จะคืนของที่ขโมยไป มันฉลาด ที่ฉลาดกว่านั้น มันรู้ว่าอะไรมีค่าสำหรับคน และของที่มีค่าสำหรับคนถ้ามันได้ไป มันก็ต้องการสิ่งตอบแทนที่เพิ่มขึ้นหรือมากๆ เช่น ถ้าเกิดว่าขโมยกล้องไปแล้วเราให้มันแค่ขนม 1 ชิ้นมันอาจจะไม่พอใจ มันจะไม่ยอมคืน ต้องให้มากกว่านั้น จะให้ขนมทั้งถุงเลย มันถึงจะยอมคืนกล้อง อันนี้เรียกว่ามันรู้จักการต่อรอง

วิธีการต่อรองของมันก็คือ ขโมยของที่มีค่า ไม่ใช่มีค่าในสายตาของมัน แต่มีค่าในสายตาของคน มันรู้ได้อย่างไร มันรู้จากการเรียนรู้จากคนนั่นแหละ เช่นมันอาจจะเคยขโมยถุงพลาสติก อาจจะเคยขโมยพวงกุญแจจากคนที่เดินผ่าน นักท่องเที่ยวที่เผลอ ขโมยสิ่งเหล่านี้แล้วมันพบว่าคนไม่สนใจ คนไม่คิดจะเอาคืน อาจจะตกใจเล็กน้อยแล้วก็ไม่สนใจ เดินต่อไป แต่ของบางอย่างพอเอาไปไปแล้ว คนจะพยายามเอาคืนให้ได้เช่น กล้อง แว่นตา แล้วถ้าเกิดว่าไม่ได้คืน คนก็จะพยายามล่อหลอก หรือว่าโน้มน้าวด้วยขนม แล้วก็เป็นขนมที่มีจำนวนมากหรือว่าเป็นของอร่อยด้วย ลิงก็สังเกตได้ว่าของบางอย่างคนไม่สนใจ ของบางอย่างคนสนใจจะเอาคืน และพร้อมที่จะเสียขนม สละอาหารเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกลับ มันก็จะคอยจับจ้องของเหล่านั้น เพราะมันรู้ว่าขโมยแล้วจะได้สิ่งตอบแทนที่มันชอบ แล้วก็มากด้วย อันนี้เป็นธรรมชาติของลิงที่มันมีปัญญา

ของที่ไม่มีคุณค่าสำหรับมัน แต่มันรู้ว่าของมีคุณค่าสำหรับคน และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เพราะมันรู้ว่าของสิ่งนั้น มันก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่มันต้องจับจ้องและต้องหาทางขโมยให้ได้ มันเป็นความรู้มันเป็นปัญญาที่เกิดจากการเฝ้าสังเกต ก็เหมือนกับเด็ก ถ้าเด็กร้องไห้งอแงแล้วพ่อแม่ไม่สบายใจ พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กหยุดร้อง เช่น สัญญาว่าจะเอาขนมมาให้ สัญญาว่าจะเอาของเล่นมาให้ เด็กก็รู้แล้วว่าถ้าอยากได้อะไร ก็ร้องไห้งอแง เดี๋ยวพ่อแม่ก็จะเอามาให้ เด็กตัวเล็กๆ 1 ขวบ 2 ขวบ 3 ขวบไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญา เขามีปัญญาสังเกตได้ ถ้าหากร้องไห้แล้วได้ผล พ่อแม่ยอมทำตามความต้องการหรือว่าพร้อมที่จะเอาของเล่นมาให้ เด็กก็ยิ่งทำใหญ่ อยากได้อะไร แกล้งร้องไห้งอแงพ่อแม่ก็ยอม

ที่จริงไม่ใช่เด็กอย่างเดียว อารมณ์เราก็เหมือนกัน อารมณ์โกรธ อารมณ์อยาก ถ้าหากว่าใจเรายอมทำตามมัน อยากได้อะไร ก็ทำตามมัน ไปหามันมา อยากกินก็ไปหาของกิน อยากได้ก็ไปซื้อ หรือว่าโกรธทีไรก็ทำตามอำนาจของมัน ด่าโวยวาย มันก็จะรู้ว่ามันมีอำนาจเหนือเรา แล้วมันก็จะโผล่มาบ่อยๆแล้วก็จะแรงขึ้นเรื่อยๆ คล้ายๆกับว่าอารมณ์มันรู้ เรียนรู้จากพฤติกรรมของเราว่า เราอยู่ในอำนาจของมัน และถ้าเรายอม มันก็แย่ แล้วมันก็จะโผล่มาเรื่อยๆ ถ้าหากว่าเราไม่ยอมทำตามอำนาจของมัน มันโผล่ขึ้นมาเราก็ไม่สนใจ เหมือนกับเด็กร้องไห้งอแง พ่อแม่ไม่สนใจตอนหลังเด็กก็เลิกร้องเลิกงอแง

อารมณ์นั้นเกิดขึ้นแล้วถ้าเรายอมตามมัน มันก็จะโผล่ออกมาอยู่เรื่อยๆแล้วก็มาบงการจิตใจเราอยู่เรื่อยๆแต่ถ้าเราเฉยๆ ไม่สนใจมัน มันก็จะค่อยๆหมดพิษสง หรือมีอำนาจน้อยลง ผุดโผล่น้อยลง ให้เราสังเกตอารมณ์ของเรา ถ้าเราทำตามมันเมื่อไหร่ มันจะมีอำนาจมากขึ้น แต่ถ้าเราไม่ทำตามมัน มันก็จะค่อยๆจางคลายไป ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ลิง หรืออารมณ์ พฤติกรรมก็คล้ายๆกันในแง่นี้

พระไพศาล วิสาโล









(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)


(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)






หัวข้อ: “จิตวุ่นวาย คลายด้วยธรรม” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2021, 08:17:57 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ig/210204012812.jpg) (http://picture.in.th/id/4c1b6c13bb045968cf48baecd62fb9fd)




(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  จิตวุ่นวาย คลายด้วยธรรม  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ความทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา ปัญหาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบ แต่ความทุกข์นั้นหากมองให้ดีก็มีประโยชน์ สามารถผลักดันให้ผู้คนเข้าหาธรรมเพื่อออกจากทุกข์ได้ ปัญหาก็เช่นกันช่วยกระตุ้นให้เราใช้ปัญญาเพื่อหาคำตอบ ยิ่งปัญหานั้นเป็นสิ่งที่เรากำลังประสบ หรือกำลังสร้างความทุกข์แก่เรา ก็อาจช่วยให้เราใคร่ครวญกับชีวิตที่ผ่านมา อันนำไปสู่การปรับเปลี่ยนชีวิต หรือวางจิตวางใจเสียใหม่ ทำให้เกิดความเจริญงอกงามตามมา

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) คนเรานั้นหากไม่เจอความทุกข์หรือปัญหา ก็มักพอใจอยู่กับร่องความคิดหรือชีวิตเดิม ๆ โดยไม่เฉลียวใจว่ามันอาจก่อโทษได้ในภายหลัง การเจอทุกข์หรือประสบปัญหาแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยให้เราปรับเปลี่ยนตนเองก่อนที่เหตุร้ายที่หนักหนาสาหัสกว่าจะบังเกิดขึ้น ใช่แต่เท่านั้นความทุกข์หรือปัญหา ยังช่วยเตือนใจให้เราตระหนักว่า ถึงที่สุดแล้วเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ หรือเทคโนโลยีทั้งปวงมิใช่สรณะอันประเสริฐ ในยามที่ชีวิตมีปัญหา ประสบความขัดแย้ง พลัดพรากจากของรักคนรัก มีเงินมากมายเพียงใดก็บรรเทาความเศร้าโศกหรือว้าวุ่นใจไม่ได้เลย มีแต่ธรรมะเท่านั้นที่เป็นสรณะอันพึ่งพาได้อย่างแท้จริง ผู้คนเป็นอันมาก “ตาสว่าง”ได้ก็เพราะประสบความทุกข์หรือเมื่อชีวิตมีปัญหา

พระไพศาล วิสาโล









(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: หมั่นเตือนตน อย่าโทษคนอื่น - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2021, 06:05:32 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/im/210222111654.jpg) (http://picture.in.th/id/8c0090570baf666737b0d9d1b472cdd6)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  หมั่นเตือนตน อย่าโทษคนอื่น (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) บัณฑิตจะมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งคือ หมั่นเตือนตน เวลาเจอความทุกข์ เจออุปสรรค เจอความล้มเหลว ก็จะหันมาพิจารณา เราทำผิดพลาดตรงไหน แต่ว่าคนที่มิใช่บัณฑิตก็จะไปโทษคนนั้นคนนี้ โทษที่เพื่อนร่วมงาน บางทีก็โทษดินฟ้าอากาศ อันนี้เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะว่าความยึดมั่นในตัวกูมันเหนียวแน่นก็ได้ คนที่ยึดมั่นในตัวกู หรือมีอัตตาหนาแน่น เวลาเจอเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปดั่งใจ หรือว่าไม่เป็นสิ่งที่คาดคิด ก็จะโทษคนนั้นคนนี้ แม้ว่าในบางครั้งมันจะเป็นความผิดพลาดของตนเอง แต่ก็ไม่ยอมรับ หรือแม้กระทั่งเวลาเกิดอารมณ์ขึ้นมาเช่น มีความโกรธ มีความโมโห ก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองกำลังโกรธ ตัวเองกำลังโมโห เพราะอะไร เพราะถ้ายอมรับแล้วจะไปกระทบกระแทกอัตตา เมื่อมีอัตตาหนาแน่น ตัวกูก็จะอยากแต่จะได้ยินได้ฟังเรื่องดีๆ ชื่นชมสนองอัตตาหรือตัวกู เมื่อมีตัวตนหนาแน่น ก็มีความสำคัญมั่นหมายว่า กูเก่ง กูแน่ กูดี มีความผิดพลาดก็ยอมรับไม่ได้ว่าเป็นเพราะความเผลอเรอ เป็นเพราะความขาดสติ เป็นเพราะความวู่วาม เป็นเพราะไม่ระแวดระวังเพียงพอ หรือไม่เตรียมการดีพอ กลับไปโทษคนนั้นคนนี้ เป็นเพราะตัวกูยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองผิดพลาด ตัวเองบกพร่อง

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) แต่ผู้ที่มีปัญญาหรือเป็นบัณฑิต ก็จะมีนิสัยคือมุ่งฝึกตน เพราะฉะนั้น เมื่อมีความผิดพลาดพลั้งเผลอเกิดขึ้น ก็จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งเริ่มต้นจากการที่ยอมรับความผิดพลาดความบกพร่อง หรือยอมรับว่าตัวเองมีอารมณ์โกรธ ตัวเองมีความโลภ ตัวเองวู่วาม เมื่อยอมรับความจริงที่เกิดกับตนเองได้ แม้ว่าจะเป็นความจริงที่เป็นลบ โอกาสที่จะปรับปรุงตนเองก็เกิดขึ้นได้ ผู้ที่เป็นบัณฑิตก็จะพยายามมองหาว่าตัวเอง มีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขตรงไหน และยินดีรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ ในทางตรงข้ามคนที่มีอัตตาหนาแน่น แม้จะมีความฉลาด มีปริญญาหลายใบ แต่อัตตาก็พยายามจะปกป้องตนเอง ซึ่งที่จริงก็คือปกป้องกิเลส ไม่ยอมรับ ก็จะโทษโน่นโทษนี่ มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน มีเรื่องขัดแย้งกันก็โทษคนนั้นคนนี้ แทนที่จะมองว่า เป็นเพราะเรา เป็นเพราะความผิดพลาดของเรา เพราะฉะนั้นเรื่องที่เล่ามาให้ข้อคิดที่ดีมาก ในการที่จะกลับมาพิจารณาตัวเราว่าเราเป็นคนประเภทไหน เป็นคนที่ชอบมองลบหรือมองบวก เป็นคนที่มุ่งตำหนิคนอื่น หรือว่ามองเห็นข้อผิดพลาดของตนเอง

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: เยียวยาใจให้หายซึมเศร้า - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2021, 06:13:00 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/id/210222112532.jpg) (http://picture.in.th/id/e0c275752e8cbfebfc29aba29f257713)


(http://image.coolz-server.com/s/wJbSA3aj) (http://image.coolz-server.com/v/wJbSA3aj)  (http://image.coolz-server.com/s/wJbSA3aj) (http://image.coolz-server.com/v/wJbSA3aj)  เยียวยาใจให้หายซึมเศร้า  (http://image.coolz-server.com/s/wJbSA3aj) (http://image.coolz-server.com/v/wJbSA3aj) (http://image.coolz-server.com/s/wJbSA3aj) (http://image.coolz-server.com/v/wJbSA3aj)


(http://image.coolz-server.com/s/wJbSA3aj) (http://image.coolz-server.com/v/wJbSA3aj) นอกจากปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้แล้ว เลี้ยงสัตว์ก็ดี หลายคนพอได้เลี้ยงสัตว์ เช่น เลี้ยงแมว เลี้ยงหมา มีน้องแมว น้องหมา ไม่นานอาการก็ดีขึ้นเลย เพราะว่าจะมานั่งเศร้าเจ่าจุกไม่ได้ ถึงเวลาก็ต้องให้อาหารแมว ถึงเวลาก็ต้องพาน้องหมาไปอาบน้ำ เวลาเศร้าๆ ก็มีน้องหมามาหา มาชวนเล่น ก็นั่งเศร้าต่อไปไม่ได้ ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับหมา คุยกับหมา เล่นกับหมา อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ในอเมริกา มหาวิทยาลัยหลายแห่ง เขามีโครงการให้ยืมหมาไปเลี้ยงที่หอพัก เพราะนักศึกษาเป็นโรคซึมเศร้าเยอะ เด็กเรียนเก่งใช้ความคิดมาก แต่อารมณ์ไม่พัฒนา ก็มีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าได้

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) นักศึกษาในอเมริกาพอเอาหมาไปเลี้ยงก็มีอาการดีขึ้น โดยหมาที่ให้ยืมเป็นหมาที่เจ้าของฝึกมาอย่างดี เช่น ถูกฝึกมาให้รู้จักชวนคนเล่น คนเลยนั่งซึมเศร้าไม่ได้ พออาการดีขึ้นแล้วค่อยคืนหมาให้กับเจ้าของ เจ้าของก็เอาหมาไปช่วยผู้ป่วยคนต่อไป ที่จริงไม่ต้องยืมหมาแมวก็ได้ ให้หาหมาซักตัว หาแมวซักตัวมาเลี้ยง มีดาราบางคนติดเหล้าหนักจนอยากฆ่าตัวตาย รักษาเท่าไรๆ ก็ไม่หาย จนมีเพื่อนให้ลูกแมวมา เมื่อได้ลูกแมวมาก็ต้องดูแล ต้องให้นม หนาวก็ต้องหาผ้ามาห่ม เวลากินเหล้าเมามาย กลับบ้านดึกเห็นแมวหิวโซ  ก็รู้ว่าทำอย่างเดิมไม่ได้แล้ว ต้องกลับบ้านเร็วขึ้น จะไปกินเหล้าจนดึกดื่นต่อไปไม่ได้แล้ว  หรือว่าถ้ากินเหล้าเมามาย ลืมแมว ไม่ได้ให้อาหารแมว แมวก็หิวโซ ก็รู้ตัวว่าไม่ได้นะ ฉันต้องมีวินัยมากขึ้น กินเหล้าน้อยลง  ในที่สุดก็มีความสุขกับการเลี้ยงแมว ชีวิตดีขึ้นจนกระทั่งเลิกเหล้าได้ กลับมาเป็นปกติเพราะน้องแมว  หลายคนชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเพราะต้องดูแลแมว เป็นห่วงแมว

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) เพราะฉะนั้นเวลาเรารู้จักใครที่เป็นโรคซึมเศร้า ลองชวนเขาทำกิจกรรมที่ใช้แรง ใช้กำลัง หรือกิจกรรมที่ทำให้จิตใจออกไปอยู่ข้างนอก มีสมาธิอยู่กับสิ่งข้างนอก อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องการทำสมาธิแบบนั่งหลับตา เดี๋ยวนี้เวลาพบว่าใครเป็นโรคซึมเศร้า ผู้คนก็คิดแต่จะชวนเขาเข้าวัดนั่งสมาธิ  อันนี้อาจเกิดโทษได้ เพราะจะทำให้จิตยิ่งจมดิ่งไปในความคิดและอารมณ์ซึมเศร้ามากขึ้น อย่าคิดว่าการทำสมาธิด้วยการนั่งหลับตาจะเป็นคำตอบสำหรับทุกคน  ที่จริงกิจกรรมที่แนะนำข้างบน มันเป็นการฝึกสติอย่างหนึ่ง แต่ว่าฝึกสติโดยไม่รู้ตัว  เป็นการฝึกให้ใจอยู่กับสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นรดน้ำต้นไม้ ถักโครเชต์ วาดรูป ปั้นภาพแกะสลัก ทำให้จิตมีสติ เมื่อมีสมาธิกับสิ่งที่ทำ จิตใจก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ จนหายได้ มีหลายคนที่หายหรือบรรเทาลง เพราะได้ทำกิจกรรมเหล่านี้ แต่ก็ต้องมีคนดูแลหรือชักชวน เพราะถ้าไม่มีคนดูแลชักชวนเขาก็ไม่ทำหรอก เพราะเขาอยากนั่งเศร้าเจ่าจุกมากกว่า”

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/KSels5uD) (http://image.coolz-server.com/v/KSels5uD)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “อย่าผัดผ่อน” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2021, 06:33:04 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/210222114406.jpg) (http://picture.in.th/id/2a27aae9fec35b4170e44f28898f8cb6)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/A2KEVjZG) (http://image.coolz-server.com/v/A2KEVjZG) อย่าผัดผ่อน  (http://image.coolz-server.com/s/A2KEVjZG) (http://image.coolz-server.com/v/A2KEVjZG) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราไม่รั้งรอที่จะทำความดีกับคนรัก ผู้มีพระคุณ หรือผู้ที่อยู่ต่อหน้าเรา ก็คือ ปฏิบัติกับเขาเหล่านั้นราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาได้อยู่กับเรา เมื่อใดก็ตามที่เราระลึกถึงความจริงว่าพรุ่งนี้ไม่เราหรือเขาอาจจะต้องพรากจากกัน เราจะไม่เอาแต่ใจตัว ทำตามอำเภอใจ ใช้อารมณ์กับเขา หรือเพิกเฉยเขา แต่จะปฏิบัติด้วยความใส่ใจ รับฟังเขาและคำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดต่อเขา ซึ่งไม่เพียงช่วยให้เขามีความสุขเท่านั้น เราเองก็จะมีความสุขด้วยเช่นกันเพราะมีความรู้สึกดีกับเขา ผลที่เกิดขึ้นตามมาก็คือความสัมพันธ์ที่ราบรื่นกลมกลืน อีกทั้งยังเป็นหลักประกันว่า หากพรุ่งนี้เรากับเขาต้องพรากจากกัน แม้จะมีความเศร้าโศกเสียใจเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่มีความรู้สึกผิดติดค้างใจ อีกทั้งยังจะมีความปลื้มปีติที่ได้ทำดีที่สุดกับเขาแล้ว

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ชีวิตนี้แม้จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือปัจจุบันขณะ ดังนั้นหากจะทำความดีก็ควรทำเสียแต่วันนี้หรือเดี๋ยวนี้ โดยเฉพาะกับคนที่อยู่เบื้องหน้าเรา ยิ่งเป็นคนที่สำคัญต่อชีวิตเราด้วยแล้ว อย่ามัวผัดผ่อนหรือรั้งรอ เพราะโอกาสที่เราจะทำดีกับเขานั้น แม้จะมีมากมายเพียงใดในอดีต ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีมากมายในอนาคต พ้นจากวันนี้หรือเดี๋ยวนี้แล้ว โอกาสทองอาจหมดไปเลยก็ได้ ใครจะรู้

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 05:13:11 am
(http://image.free.in.th/v/2013/io/210225102322.jpg) (http://picture.in.th/id/9bc0c5e1d42c55c9d5e6fcad8e292ffd)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ปัญหาของคนจำนวนไม่น้อย รวมทั้งนักปฏิบัติธรรมด้วย คือว่าเวลาอยู่ไหนมักจะมีความคาดหวังว่าคนนั้นคนนี้ หรือว่าหมู่คณะจะดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ จะเพียบพร้อม จะมีความช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเกื้อกูล จะพูดจาไพเราะ หรือว่ามีความเอาใจใส่

แต่พอเจอสิ่งแวดล้อม หรือเจอผู้คนที่ไม่ได้เป็นไปดังใจก็ทุกข์ ที่ทุกข์เพราะว่าลืมดูใจตัวเอง ไม่ได้คิดที่จะรักษาใจตัวเอง

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) อย่างที่บอกไว้สิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญเท่ากับเราดูใจ รักษาใจของเราหรือเปล่า อย่าไปมัวมองคนอื่น อย่าไปมัวคาดหวังคนอื่นจนลืมหน้าที่ของเราเอง คนอื่นเขาจะไม่เป็นมิตรกับเราอย่างไร ไม่สำคัญเท่ากับเราเป็นมิตรกับตัวเราเองหรือเปล่า

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) คนที่ไม่เป็นมิตรกับตัวเอง เวลาอยู่คนเดียว หรืออยู่ท่ามกลางผู้คนที่เขาไม่สนใจ ไม่ใยดีอะไรกับเราเลย จะรู้สึกเหงา รู้สึกเคว้งคว้าง ก็แปลกนะผู้คนเรียกร้องให้คนอื่นมาเป็นมิตรกับเรา หรือมาเป็นกัลยาณมิตรของเรา แต่กลับไม่เป็นมิตรกับตัวเอง แสดงว่าไปมองคนอื่นไปคาดหวังคนอื่นจนลืมหน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราอย่างแรก คือเป็นมิตรกับตัวเองให้ได้

ไม่ใช่แค่ดูแลร่างกายของเราเท่านั้น คนส่วนใหญ่เอาแต่ดูแลร่างกายของตัวเอง ดูแลให้สวยให้งาม ดูแลไม่ให้หิว ไม่ให้ปวด ไม่ให้เมื่อย ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ป่วย ไม่ให้ร้อน สิ่งนี้มันก็เป็นหน้าที่

แต่ว่าหน้าที่เราไม่ได้มีแค่นั้น ที่กล่าวไปเป็นหน้าที่แค่อย่างเดียวคือหน้าที่ต่อร่างกาย เรายังมีหน้าที่ต่อจิตใจด้วย และคนที่จะเป็นมิตรกับตัวเองก็ต้องดูแลเอาใจใส่กับจิตใจ รักษาใจไม่ให้ความทุกข์มาบีบคั้นเผาลนจิตใจของเรา

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) แต่ถ้าหากว่ามองข้ามไม่สนใจตรงนี้ไป มันก็จะมัวแต่เรียกร้องคาดหวังจากคนอื่น มาเป็นมิตรกับฉัน มาดูแลฉันดี ๆ มาให้กำลังใจฉัน แต่ว่าจิตใจตัวเองกลับไม่สนใจ กลับไม่รักษา

พระไพศาล วิสาโล

(http://image.coolz-server.com/s/q79kGwEx) (http://image.coolz-server.com/v/q79kGwEx)  อ่าน/ฟัง ได้ที่ https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-24-05-11-27.html (https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-24-05-11-27.html)






(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 05:18:57 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/210225103055.jpg) (http://picture.in.th/id/1799074be5b2481daacdcbbf776745a7)



มีนักธุรกิจหญิงคนหนึ่งเป็นโรคหัวใจ ต้องผ่าตัด เมื่อเธอขึ้นไปบนเตียงผ่าตัดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้สั่งเสียธุระเรื่องหนึ่งกับลูกน้อง เป็นเรื่องสำคัญเสียด้วย ต้องรีบสั่งเสีย เพราะไม่รู้ว่าการผ่าตัดครั้งนี้เธอจะรอดหรือไม่

ความวิตกกังวลทำให้เธอไม่ยอมสลบทั้ง ๆ ที่หมอวางยาสลบแล้ว ยาสลบทำอะไรเธอไม่ได้เลย หมอก็แปลกใจว่าทำไมไม่สลบ จนกระทั่งเธอขอยืมโทรศัพท์มือถือจากหมอ พอสั่งเสียลูกน้องจนเสร็จ เธอก็สลบไปเลย แล้วก็ผ่าตัดได้สำเร็จเรียบร้อย

ถ้าจิตของคนเรามีความกังวล ไม่ปล่อย ไม่วาง บางครั้งยาก็เอาไม่อยู่ ร่างกายจะตื่นอยู่ตลอดเวลา แต่พอเสร็จธุระ ความกังวลหมดไป กายก็สลบ ชี้ให้เห็นว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว

ถ้าหากว่าเราไม่หมั่นฝึกจิต หรือดูแลใส่ใจจิตของเรา จิตก็สามารถที่จะอาละวาด หรือซ้ำเติมเราได้ เพราะมันมีพลัง อะไรก็ไม่สามารถต้านทานได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากเราฝึกใจให้ดี ก็อาจทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อได้เหมือนกัน

คุณหมอสุมาลี นิมมานนิตย์ เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตของศิริราช ท่านเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว คุณหมอเล่าว่ามีคนไข้อยู่คนหนึ่ง ป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ซึ่งภูมิต้านทานทำร้ายอวัยวะตัวเอง เรียกง่าย ๆ ว่าร่างกายไม่เป็นมิตรกับตัวเอง ตอนอายุ ๑๒ เคยถูกหมอคนหนึ่งฉีดยาที่ไขสันหลัง หมอคงมือหนัก และอาจจะไม่มีจิตวิทยา ทำให้เด็กเจ็บมาก เจ็บจนเกลียดหมอและกลัวเข็มฉีดยา ถึงกับด่าหมอและร้องกรี๊ดจนชัก เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง บางครั้งก็หมดสติไปเลย

ต่อมาแม่พาเธอไปรักษาที่ศิริราช ได้รู้จักกับคุณหมอสุมาลี คุณหมอพูดคุยกับเธอ จนเกิดความคุ้นเคย เช่น ไต่ถามเธอว่าร้องไห้เรื่องอะไร โกรธใคร มีเรื่องเครียดหรือไม่ เวลาเด็กตอบว่าฝันร้าย คุณหมอก็ให้เด็กวาดรูปให้ดู สิ่งที่คุณหมอทำคือช่วยให้เด็กกลับมาดูความรู้สึกของตัว และเข้าใจความกลัวของตัว

พอเธอโตขึ้นคุณหมอก็สอนวิธีเดินจงกรม แล้วพาไปเข้าคอร์สเจริญสติ หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกดีขึ้น ไม่เครียด ความดันไม่ขึ้น และไม่กลัวเข็มฉีดยา เวลาฟอกไต ต้องใช้เข็มขนาดใหญ่กว่าตะปู เธอก็นิ่งมาก มองเข็มโดยไม่มีอาการอะไร แถมยังกำหนดลมหายใจจนหลับไป จากเด็กที่กลัวเข็มจนเป็นลม ตอนหลังก็สามารถดูเข็มฉีดยาแทงเข้าร่างกายตัวเองได้

เมื่อถึงวันที่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนไต ปรากฏว่าเธอแพ้ยาระงับปวดอย่างหนักจนอาเจียน แผลระบม หมอไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่เธอบอกว่า ไม่เป็นไรหมอ ขอยาพาราหนึ่งเม็ด เธอกินพาราเสร็จก็กำหนดลมหายใจเข้าออกจนหลับไป

ปรากฏว่าหมอสามารถผ่าตัดต่อไปได้จนสำเร็จ โดยไม่มีเสียงร้องเจ็บจากเธอเลย หมออัศจรรย์ใจมาก กลายเป็นกรณีศึกษาว่าอำนาจจิตมีพลังมาก ถ้าใช้ให้เป็น ก็สามารถช่วยให้เราอยู่กับความเจ็บปวดได้ โดยไม่มีอาการทุกข์ทรมาน

จิตนั้นมีพลังมาก อยู่ที่ว่าเราจะใช้ไปทางไหน ถ้าปล่อยจิตให้จมอยู่กับความกลัว ความตื่นตระหนก มันก็สามารถทำให้เราตายได้ง่าย ๆ เพราะว่าร่างกายแย่ลงจนไม่ทำงาน ถ้ามีความกังวล ยาก็เอาไม่อยู่ แต่ถ้ามีความสงบ มีสมาธิ มีสติ กายเจ็บแค่ไหน จิตก็เอาอยู่ จิตนั้นมีพลัง สามารถทำให้กายซึ่งท้อแท้หรือปวกเปียก กลับมามีพลังขึ้นมาได้

พระไพศาล วิสาโล

ภสพสถานที่ : โถงทางเดิน หน้าสโมสรธรรมทาน สวนโมกข์กรุงเทพ





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 05:21:03 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/210225103422.jpg) (http://picture.in.th/id/ff0bfef7714a6eac3904a50cc7d193ed)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) คนเราก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกันใช่ไหม เวลาไฟทุกข์เผาใจเรา เรามัวแต่วิ่งพล่านให้คนอื่นมาช่วยดับ หรือไปหาสิ่งภายนอกมาดับทุกข์ของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองสามารถที่จะดับทุกข์ได้

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) สิ่งที่จะดับทุกข์ได้ก็มีอยู่แล้วในตัวเรา ทุกข์เกิดขึ้นที่ไหน ทางดับทุกข์ก็อยู่ที่นั่นแหละ (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ทุกข์เกิดขึ้นกับตัวก็อย่ามัวไปหาทางดับทุกข์จากข้างนอก เราแก้ด้วยตัวเองได้ เพราะในใจเรามีน้ำที่จะดับไฟทุกข์อยู่แล้ว ไฟเกิดขึ้นที่ใจก็ดับที่ใจนี่แหละ จะไปหาสิ่งภายนอกมาดับ อย่างมากก็แค่บรรเทาหรือระงับชั่วคราวเท่านั้น

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) แต่เดี๋ยวนี้คนเราชอบไปหาสิ่งภายนอกมาดับทุกข์ของตัวเอง กลุ้มอกกลุ้มใจ เครียด ท้อแท้หมดหวังก็คิดว่าถ้าไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปฟังเพลง ไปกินเหล้า ไปเที่ยวผับบาร์คาราโอเกะแล้วจะหายได้ หรือหนักกว่านั้นก็คือไปพึ่งยาบ้า ยาเสพย์ติด ซึ่งกลับจะทำให้ทุกข์หนักขึ้น

ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะเราไม่รู้จักตัวเอง เลยไม่รู้ว่าเรามีความสามารถที่จะดับไฟในใจได้ด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือพอไม่มองตัวเองแล้ว ก็เผลอตกเข้าไปในความทุกข์ ทำให้ทุกข์หนักขึ้น

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ความทุกข์นั้นตอนที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ มันเปรียบเหมือนสะเก็ดไฟ ถ้าปล่อยให้มันลาม ก็อาจไหม้บ้าน หรือลุกลามเป็นไฟป่า ที่จริง เราไม่ได้ปล่อยให้มันลามเท่านั้น เรายังเอาฟืนมาเติมให้ไฟแรงขึ้นด้วยซ้ำ

ใจของคนเรานี่แปลก ไม่เหมือนร่างกายของเรา เวลานิ้วของเราไปถูกไฟหรือของร้อน เราจะทำอย่างไร เรารีบชักนิ้วออกใช่ไหม เราทำอย่างนั้นโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีใครมาสั่ง แต่พอใจเราไปถูกเพลิงโทสะ ไฟตัณหา ไฟราคะเผาลน ถามว่าใจพยายามหนีห่างไหม ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งเข้าไปคลอเคลียหนักขึ้น

เวลามีอะไรมากระทบใจ ใจเราแทนที่จะสลัดทิ้ง หรือถอยห่าง กลับเอามาปรุงแต่ง เอามาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าโกรธใครก็มัวแต่นึกถึงหน้าคนนั้น หรือนึกถึงการกระทำที่ไม่ดีของเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจ แต่ว่าก็ยังเอามาคิดอยู่นั่นเอง คิดทำไม คิดแล้วก็ทุกข์ แต่ก็ยังคิด

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เปรียบไปก็เหมือนกับมีไฟมาสุมกองอยู่ในใจ แต่แทนที่จะดับ กลับเอาฟืนมาเติม เอาน้ำมันมาราด เกลียดใคร ก็นึกถึงเขาทั้งคืนทั้งวัน กินก็คิด นอนก็คิด จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เท่านั้นไม่พอ ยังไปสาวเอาเรื่องเก่า ๆ ที่ไม่ดีของเขามาทิ่มแทงจิตใจอีก เรื่องที่ดี ๆ ของเขาไม่เอามาคิดนะ ไปขุดเอาแต่เรื่องที่ไม่ดีของเขามาตอกย้ำ

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) บางทีเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว 10 ปี ก็ยังขุดเอามาคิด ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเราก็ให้อภัยเขาแล้ว หรือว่าเลิกลากันไปแล้ว ตกลงกันแล้วด้วยดี แต่ว่าพอมีเรื่องกระทบใจอีก ก็ไปขุดเรื่องเก่าเอามาเป็นอารมณ์อีก

ทั้ง ๆ ที่ มันอาจไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันเลย แต่ว่าพอโกรธหรือเกลียดเสียแล้ว ก็เอามาปรุงแต่งไม่เลิก สุดท้ายใครทุกข์ ใครเจ็บ ใครปวด ก็เรานั้นแหละ!

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเราไปจดจ่อใส่ใจกับ (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)เรื่องนอกตัว มากเกินไป ไปจดจ่ออยู่กับคนที่เราเกลียด ก็เลยไปเอาเรื่องร้ายมาใส่ตัว ถ้าเราลองหันมา (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) มองตนดูใจตัวเอง เสียหน่อย ก็จะเห็นว่า ไฟกำลังลุกท่วมใจแล้ว แต่ก่อนมันเป็นแค่สะเก็ดไฟนิดเดียว แต่ตอนนี้กลายเป็นกองไฟที่ลุกท่วม ถ้าเห็นตรงนี้ก็จะหาทางดับมันให้ได้ แต่ถ้าไม่เห็น เพราะมัวไปจับผิดหรือจดจ้องคนโน้นคนนี้ ก็เลยคิดพยาบาท คิดหาทางแก้แค้น คิดหาทางทำร้ายเขา แต่ความคิดเหล่านี้แหละที่มันทำร้ายเรา ยังไม่ทันจะเล่นงานเขาเลย เราก็ทำร้ายตัวเองด้วยความคิดอกุศลเหล่านี้เสียแล้ว

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 05:27:58 am
(http://image.free.in.th/v/2013/im/210225104127.jpg) (http://picture.in.th/id/bb261e0246286e9dc7c52b62e9baf265)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) พระพุทธเจ้าเคยตรัสภาษิตในธรรมบทที่น่าสนใจ ภาษิตนั้นว่า

“แม่น้ำน้อยไหลดังสนั่น แม่น้ำใหญ่ไหลนิ่งสงบ สิ่งใดพร่องสิ่งนั้นดัง สิ่งใดเต็มสิ่งนั้นเงียบ”

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ถ้าเราพิจารณาดูก็พบว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งมาก และอธิบายอะไรได้หลายๆ อย่างเกี่ยวกับผู้คน แม้กระทั่งตนเอง

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) คำว่าดัง ไม่ว่าจะเป็นความดังของแม่น้ำลำห้วย หรือการส่งเสียงดังของผู้คน ก็มีที่มาคล้ายๆ กัน คนที่ก้าวร้าวหรือโกธรเกรี้ยว ก็สะท้อนมาจากการที่เขารู้สึกบกพร่องข้างใน ซึ่งรวมไปถึงคนที่ชอบโอ้อวด หรือรวมไปถึงการส่งเสียงดังแบบเงียบๆ เช่น การแสดงภาพลักษณ์ การสร้างภาพลักษณ์ ด้วยการซื้อของราคาแพงมาประดับตัว เป็นการแสดงตัวตนอย่างหนึ่ง

ถึงแม้ว่าจะไม่เสียงดัง แต่สามารถจะส่งสัญญานบอกว่าฉันเป็นใคร อย่างการซื้อของแบรนด์เนม การซื้อกระเป๋าราคาแพง นาฬิการาคาเป็นล้าน หรือขับรถหรูราคาหลายสิบล้าน ก็เป็นการส่งเสียงดังเหมือนกัน แต่ดังแบบเงียบๆ แต่ชัดเจน ซึ่งสะท้อนถึงความรู้สึกที่พร่องข้างใน พร่องอะไร พร่องความสุข พร่องการยอมรับนับถือตนเอง หรือการเคารพตนเอง

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) คนที่พร่องความสุข ข้างในมีความทุกข์ มักระบายความทุกข์ใส่คนอื่นด้วยการแสดงอาการกราดเกรี้ยว ก้าวร้าว หรือมิฉะนั้นเป็นเพราะว่า ยังพร่องในการยอมรับตัวเอง การนับถือตัวเอง เลยทดแทนด้วยการให้คนอื่นมาเคารพนับถือตนเอง

การที่จะทำให้คนอื่นมาเคารพนับถือตนเองทำได้หลายวิธี วิธีหนึ่งคือการใช้อำนาจบังคับ หรือไม่ก็ใช้วิธีการคุยโม้ เพื่อให้คนยอมรับว่าฉันเก่ง ฉันแน่ หรือไม่เช่นนั้นก็ใช้วิธีการประกาศตัวตนด้วยเครื่องแต่งกาย ด้วยข้าวของเครื่องใช้

อย่างคนบางคนอยากจะให้ผู้คนยอมรับว่าฉันคือนักปฏิบัติธรรม เพราะเห็นว่าการเป็นนักปฏิบัติธรรมเป็นของดี ก็จะแสดงออกด้วยการพูดธรรมะ สอนธรรมะอย่างพร่ำเพรื่อ เพื่อให้เพื่อนๆ รู้ว่าฉันมีธรรมะ ฉันรู้ธรรมะ หรือไม่ก็แสดงออกด้วยการแต่งกายนุ่มขาวห่มขาว

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) นี่เป็นการส่งเสียงดังอีกแบบหนึ่ง เรียกว่าเป็นการประกาศตัวตน ถือเป็นการเชื้อชวนให้คนมายอมรับตนเองว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม ซึ่งสะท้อนถึงความพร่องข้างใน

บางคนต้องการโอ้อวดว่าฉันเก่ง มีความฉลาด ก็จะคุยโวคุยโม้ ดูภายนอกเหมือนว่าเขามีความมั่นอกมั่นใจ มีความฉลาด คนที่พยายามจะยืนยันในสิ่งที่ตนเองคิดตัวเองกระทำอย่างเอาเป็นเอาตาย ดูภายนอกเหมือนเขามั่นใจในตนเองมาก แต่ดูไปลึกๆ ก็รู้ว่าเขาพร่อง เขาไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ยังยอมรับตัวเองไม่ได้ เลยพยายามที่จะหว่านล้อมหรือชักชวน แม้กระทั่งบีบคั้นให้ผู้คนยอมรับว่า เขาเก่งเขาแน่

ถ้าหากว่ายังไม่สำเร็จ ก็จะใช้วิธีการที่รุนแรงก้าวร้าว ตรงข้ามกับคนที่รู้สึกว่า เขาเต็มไปด้วยความสุข หรือยอมรับนับถือตนเอง หรือมีความมั่นใจในตนเองแท้จริง เขาจะไม่แสดงอาการอย่างนั้น

เศรษฐีที่รวยจริง อาจจะใส่นาฬิการาคาไม่กี่ร้อย มีเศรษฐีคนหนึ่งบริจาคเงินไปแล้วหลายแสนล้านบาท บริจาคถึง 90% ของรายได้ที่มี แต่ไม่มีรถส่วนตัวสักคัน ใส่นาฬิกาคาสิโอราคา 500 บาท แล้วก็ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ ขึ้นรถไฟฟ้า รถขนส่งสาธารณะ เขาไม่ใช่คนไทยนะเป็นอเมริกัน การที่เขาไม่ประกาศตัวตนด้วยข้าวของราคาแพง หรือแมนชั่นหรู ก็สะท้อนถึงความรู้สึกเต็มข้างใน อาจจะเต็มด้วยความสุข หรือรู้สึกมั่นคงในจิตใจ จึงไม่มีความจำเป็นต้องประกาศตัวตน หรือเรียกร้องให้ใครมายอมรับนับถือเขา ไม่ต้องคุยโวโอ้อวด เวลาเขาบริจาคเงินก็ไม่ได้ประกาศว่าบริจาค เขาทำเงียบๆ ตั้งมูลนิธิขึ้นมา ไม่ได้ตั้งมูลนิธิในชื่อเขา แต่ก็เป็นผู้อุปถัมภ์มูลนิธินั้น แต่ความเพิ่งมาแตกหลังจากที่เขาบริจาคเงินแบบเงียบๆมานาน 20 ปี

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ก็เป็นเหมือนกับภาษิตของพระพุทธเจ้าที่ว่า “สิ่งใดเต็มสิ่งนั้นเงียบ สิ่งใดพร่องสิ่งนั้นดัง” คนที่อยากดังก็สะท้อนว่าข้างในพร่อง (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

พระไพศาล วิสาโล

(http://image.coolz-server.com/s/q79kGwEx) (http://image.coolz-server.com/v/q79kGwEx)  อ่าน / ฟังได้ที่ https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-22-11-31-20.html (https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-22-11-31-20.html)







(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 10, 2021, 04:46:31 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/io/210310095758.jpg) (http://picture.in.th/id/ac096c7dda1eb051bb3a25ce47aff78a)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) สาเหตุที่พวกเราทะเลาะกันไม่ว่าในบ้าน ที่ทำงาน ในเฟซบุ๊ค นั่นเพราะหลง หลงเข้าไปในความคิด พอได้ยินหรือได้อ่านสิ่งที่คนอื่นคิดไม่เหมือนเราก็เกิดความไม่พอใจ ความยึดมั่นที่เกิดขึ้นในใจก็จะสั่งให้เราตอบโต้ วิพากษ์วิจารณ์ โจมตี จนถึงขั้นด่าทอ อันนั้นเรียกว่าทำไปเพราะอานุภาพของความหลง สังเกตบ้างหรือเปล่าเวลามันสั่งให้ด่าว่าคนที่คิดไม่เหมือนเรา แม้เป็นคนรู้จักกันแต่ความเห็นต่างกัน

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เวลาประชุมกันเราพยายามหักล้างความคิดที่ต่างจากเรา แตกต่างจากที่เราคิด โดยไม่สนใจว่าเราพูดอะไรออกไป บางทีก็ด่าว่าเขา ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจหรือโกรธแค้น อันนั้นเป็นความหลง บางครั้งก็หลงถึงขั้นลงมือลงไม้ ยกพวกห้ำหั่นกันในนามของลัทธิที่แตกต่างกัน ยิ่งมีความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างกันก็ยิ่งทำร้ายกันหนักเข้าไปใหญ่ ถึงขนาดนี้ผู้คนก็ยังไม่รู้ว่านี้คือตัวหลง ให้เรารู้จักไว้ว่านี่คือ “ตัวหลง”

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)






(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 17, 2021, 06:57:50 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/210317120917.jpg) (http://picture.in.th/id/587f89f8b23fce9e1b4ce57b5bf09f21)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ชายคนหนึ่งซึ่งเกิดเบื่อเกิดรำคาญเงาแล้วก็รอยเท้าของตัว ก็อยากจะหนีเงา อยากจะหนีรอยเท้า เขาก็เลยพยายามวิ่งหนี เขาวิ่งตั้งแต่เช้าเลย แต่ยิ่งวิ่ง เงาก็ยิ่งตาม รอยเท้าก็ยิ่งติดตามเขาไปเช่นเดียวกัน

เขาคิดว่ายังวิ่งเร็วไม่พอ ก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นๆ ตั้งแต่เช้าจรดบ่าย เงาก็ยังตาม รอยเท้าก็ยังตามติดไป ที่ว่ายังไกลไม่พอ ก็วิ่งจนกระทั่งเรียกว่าพยายามวิ่งไปให้สุดขอบฟ้า แต่สุดท้ายก็หมดแรง หมดสภาพ แล้วก็ตาย ขณะที่เงา รอยเท้าก็ยังตามเขาไปจนถึงนาทีสุดท้าย

ที่จริงเขาหารู้ไม่ว่าเพียงแต่เขานั่งอยู่ในร่มไม้ เพียงเท่านั้นแหละรอยเท้าก็หายไป เช่นเดียวกับเงา

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) มันให้ข้อคิดที่ดีมาก มันเป็นอุปมาของคนที่อยากจะหนีทุกข์ คนทั้งหลายก็อยากจะหนีทุกข์ทั้งนั้น คนทั้งโลกอยากจะหนีทุกข์ และส่วนใหญ่ที่ทำก็คือพยายามวิ่ง พยายามแสวงหา พยายามหนีทุกข์ด้วยการแสวงหาความสุข ก็ดิ้นรนไปหาสิ่งต่างๆมาครอบครอง

อยากจะหนีความยากจน อยากจะหนีความต่ำต้อย ก็พยายามไปหาทรัพย์สินเงินทอง แสวงหาชื่อเสียงเกียรติยศ ดิ้นรนเพื่อให้ได้มาด้วยความคิดว่าถ้าได้มาแล้วก็จะไม่มีทุกข์ แต่ว่าทุกข์ก็ยังตามเขาไป

ไม่ว่าคนรวยหรือว่าคนมีชื่อเสียง คนมีอำนาจ ความทุกข์ก็ไม่เคยหายไป เงาแล้วก็รอยเท้านี้ก็เปรียบเหมือนความทุกข์ที่คนพยายามหนี แต่หนีด้วยการวิ่ง ก็คือการดิ้นรนแสวงหาสิ่งที่คิดว่าเป็นความสุข คิดว่ามันต้องไปครอบครองให้มากๆมันจึงจะไม่ทุกข์ เงินทอง ทรัพย์สมบัติ บริษัท บริวาร อำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ ฐานะ ตำแหน่ง แม้จะได้มาร้อยล้านพันล้านก็ยังทุกข์

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ความทุกข์อันนี้ก็คือความทุกข์ว่ายังรวยไม่พอ อาจจะเป็นเพราะมีคนอื่นเขารวยกว่า หรือจะเป็นเพราะว่ามันยังไม่มีความสุข ยังมีความทุกข์ มันจะไม่ทุกข์ได้อย่างไร ในเมื่อมีทรัพย์สมบัติมากๆก็ต้องคอยหวงแหนต้องคอยรักษา กลัวคนจะขโมย...

สิ่งที่จางจื๊อต้องการบอกคือว่ามันไม่ต้องไปดิ้นรนขวนขวายแสวงหาอะไรต่างๆเพื่อจะหนีทุกข์หรอก เพียงแค่อยู่นิ่งๆ นั่งพักผ่อนใต้ร่มไม้ รอยเท้าและเงาก็หายไป ต้นไม้นี้ก็อาจจะหมายถึงธรรมะก็ได้ เมื่อคนเราเลิกดิ้นรนตะเกียกตะกาย แต่หันมาอยู่ภายใต้ร่มเงาแห่งธรรมะ ความสุขก็เกิดขึ้นทันที

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ร่มเงานั้นอาจจะเจาะจงให้แคบลงไปหน่อยก็ได้แก่สติและปัญญา คนเราถ้าหากว่ามีสติเป็นเครื่องรักษาใจ มีปัญญาเป็นเหมือนแสวงสว่างสาดส่องมันก็เป็นสุขได้ ก็เป็นสุขที่เกิดจากความสงบ

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ความนิ่งในที่นี้นิ่งโดยที่ไม่วิ่ง ไม่ไปตะเกียกตะกาย มันเป็นสภาวะจิต ใจนิ่ง ใจไม่ดิ้นรน ความทุกข์คนเรามันไม่ได้เกิดจากอะไร มันเกิดจากจิตที่มันดิ้น จิตที่ตะเกียกตะกาย

พระไพศาล วิสาโล

ที่มา สุขได้เมื่อใจหยุดดิ้น
(http://image.coolz-server.com/s/wXRgGZA7) (http://image.coolz-server.com/v/wXRgGZA7)   ฟัง / อ่าน ===>  (http://https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-25-04-42-43.html)https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-25-04-42-43.html

ภาพ ลานหินโค้ง สวนโมกข์กรุงเทพ


(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives : https://www.facebook.com/buddhadasaarchives

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ธรรมไม่ได้เทศน์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 17, 2021, 07:35:26 pm
(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/iz/210317125321.jpg) (http://picture.in.th/id/cfe8371390a9dc1130793b7dae601c70) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ธรรมไม่ได้เทศน์  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) "ธรรม"นั้น ไม่ได้อยู่ในวัด บนธรรมาสน์ หรือในคัมภีร์เท่านั้น หากยังอยู่ในชีวิตจิตใจของผู้คน และปรากฏแสดงเป็นการกระทำและความสัมพันธ์กับผู้คน ธรรมที่น้อมนำเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตจิตใจนี้แหละที่สามารถบันดาลความสุขความสงบเย็นให้แก่เรา อีกทั้งยังเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิตให้เกื้อกูลผู้อื่นและร่วมชักนำสังคมให้เป็นไปในทางที่ดีงาม ชีวิตที่ดีงามย่อมต้องอิงอาศัยธรรม ขณะเดียวกันชีวิตที่ดีงามกับสังคมที่สงบสุขก็ไม่อาจแยกขาดจากกันได้ นั่นหมายความว่าธรรม กับชีวิตที่ดีงาม และสังคมที่สงบสุข ล้วนสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เมื่อใดก็ตามที่ธรรมถูกละเลย ผู้คนหันไปให้ความสำคัญกับทรัพย์ ยศ อำนาจ สถานเดียว แม้ชีวิตจะสะดวกสบาย แต่ก็หามีความผาสุกไม่ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเบียดเบียนผู้อื่นได้ง่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งในที่สุดย่อมนำไปสู่ความวุ่นวายในสังคม จนเกิดความเดือดร้อนไปทั่ว สุดท้ายก็ไม่มีใครที่เป็นสุขอย่างแท้จริง ในสภาพเช่นนี้หากจะฟื้นฟูชีวิตและสังคมให้กลับสู่ความปกติสุข จำเป็นต้องอาศัยธรรมเป็นเครื่องกำกับรักษาใจเพื่อให้บุคคลทำงานได้อย่างต่อเนื่องและด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและสิ่งยั่วยุ สามารถใช้ปัญญาอย่างเต็มที่โดยปราศจากอคติหรือถูกครอบงำด้วยกิเลสตัณหา กล่าวอีกนัยหนึ่ง การทำงานทางสังคมกับการทำงานด้านใน มิอาจแยกจากกันได้ จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตนเองด้วย และหากวางใจเป็น การเปลี่ยนแปลงสังคมก็สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยเช่นกัน

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.free.in.th/v/2013/ig/190131065820.jpg) (http://picture.in.th/id/d12f1972139d956f7e1a49a4eb12e3fd)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: อัตตาทำให้ใจเราหนัก ความรักทำให้ตัวเราเบา - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มีนาคม 25, 2021, 06:46:28 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/210325115916.jpg) (http://picture.in.th/id/cf81cc9555bb13021df4ed7e92cb0350)

                                                                                                   

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)อัตตา(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)ทำให้ใจเราหนัก (http://image.coolz-server.com/s/GbKQpNPA) (http://image.coolz-server.com/v/GbKQpNPA)ความรักทำให้ตัวเราเบา (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) คนเราไม่ได้มีแต่ความเห็นแก่ตัวเท่านั้น หากยังมีคุณธรรมและความใฝ่ดีในจิตใจด้วย คุณสมบัติประการหลังทำให้เราอยากทำความดี และรู้สึกผิดหากทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องด้วยอำนาจของความเห็นแก่ตัว การทำความดีช่วยให้คุณธรรมและความใฝ่ดีเจริญงอกงามจนสามารถมีพลังเอาชนะความเห็นแก่ตัวได้ ในทางตรงข้ามการคิดนึกและทำโดยคำนึงถึงแต่ประโยชน์ตนอยู่เสมอ ย่อมทำให้ความเห็นแก่ตัวแก่กล้าขึ้นจนสามารถสยบคุณธรรมภายในใจได้

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)ความเห็นแก่ตัวนั้นแม้จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่รอดของมนุษย์ แต่หากเราปล่อยให้มันครองใจและเป็นใหญ่ในชีวิต เราก็จะทุกข์ได้ง่ายมาก เพราะได้เท่าไรก็ไม่พอใจ ยิ่งใหญ่เพียงใดก็ไม่มีความสุข อะไรมากระทบแม้เพียงเล็กน้อยก็พร้อมจะระเบิดอารมณ์ได้ทันที ไม่ต่างกับกับลูกโป่งที่ขยายตัวเต็มที่ เพียงแค่ถูกใบหญ้าทิ่มเอา ก็สามารถระเบิดดังสนั่นได้

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) อัตตาที่พองโตเพราะปรนเปรอตนอยู่ตลอดเวลา เป็นที่มาแห่งความทุกข์ของผู้คน และผลักดันให้ผู้คนดิ้นรนแสวงหาความสุขไม่หยุดหย่อน แต่ก็ไม่เคยพบสุขที่แท้เสียที เพราะธรรมชาติของอัตตาหรือความเห็นแก่ตัวนั้น ไม่เคยรู้จักคำว่าพอ แต่เมื่อใดที่เรานึกถึงคนอื่น ปรารถนาให้เพื่อนมนุษย์มีความสุข และช่วยเหลือเกื้อกูลให้เขาคลายทุกข์ เราจะพบความสุขภายในทันที การนึกถึงความทุกข์ของผู้อื่น ทำให้ความทุกข์ของเราเล็กลงไปถนัดใจ ขณะเดียวกันการมีน้ำใจไมตรีต่อเพื่อนมนุษย์ กลับทำให้หัวใจเราใหญ่ขึ้น อัตตาเล็กลง จึงมีที่ว่างมากขึ้นสำหรับเปิดรับความสุข

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) สุขหรือทุกข์นั้นขึ้นอยู่กับว่าอะไรเป็นใหญ่ในใจเราระหว่างอัตตากับเมตตา หากเราเลือกอัตตาหรือความเห็นแก่ตัว เราก็จะเป็นคนสุขยาก ทุกข์ง่าย แต่หากเราเลือกเมตตาหรือคุณธรรม เราก็จะเป็นคนสุขง่าย ทุกข์ยาก มองในแง่นี้สุขหรือทุกข์เป็นสิ่งที่เราเลือกได้ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกอัตตาหรือเมตตา

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: สร้างภูมิคุ้มใจด้วยสติ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 25, 2021, 06:28:51 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iy/210424114241.jpg) (http://picture.in.th/id/07fc120dc65ca43ea34f64a708db6b16)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) สร้างภูมิคุ้มใจด้วยสติ  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ถ้าเราฝึกให้เป็นผู้เห็นอยู่บ่อยๆ การเกิดอารมณ์อกุศลแต่ละครั้งความเกลียด ความโกรธ ความเศร้า ความหงุดหงิดเป็นของดี มันทำให้สติได้รู้จักอารมณ์แต่ละตัวได้ดี และถึงเวลาคราวต่อไป มันมา ก็จะไม่ปล่อยให้ใจเข้าไปจมอยู่ในอารมณ์นั้น หรือไม่ปล่อยให้อารมณ์นั้นเข้ามาเล่นงานจิตใจ หรือถึงอารมณ์นั้นเข้ามาเล่นงานจิตใจ สติก็ดึงจิตถอนออกมาจากอารมณ์นั้น หรือปกป้องจิตไม่ให้อารมณ์เหล่านั้นเข้ามาเล่นงาน มันก็เหมือนกับภูมิคุ้มกันร่างกาย รู้ว่าอะไรเป็นโทษได้เพราะว่า มีประสบการณ์จากการฝึกฝน จากการได้เรียนรู้จากของจริง เรียนรู้จากความผิดพลาด เรียนรู้จากความพลั้งเผลอ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลกายหรือการดูแลใจ สิ่งสำคัญจึงได้แก่การฝึกฝน การเรียนรู้จากของจริง


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ยิ่งเรียนรู้บ่อยๆ เรียนรู้อยู่เนืองๆ มากเท่าไรมันก็จะเกิดความฉลาด ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราฉลาด ร่างกายเราก็ปลอดภัย แต่ถ้าไม่ฉลาด ป่วยโน่นป่วยนี่เพราะปล่อยให้เชื้อโรคเข้ามาเล่นงานบ้าง หรือไม่เช่นนั้นก็ไปเล่นงานสิ่งที่ไม่ได้เป็นอันตราย มันเป็นแค่สิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายก็ไปเล่นงานเสียแล้ว ฉันใดก็ฉันนั้น จิตใจเรา ถ้าหากว่ามีภูมิคุ้มใจที่ดี มันก็ทำให้จิตใจปลอดโปร่งปลอดภัยจากอารมณ์ต่างๆ ไม่ให้มารุมเร้า แต่ถ้าหากว่า เราไม่ฝึกจิตให้ดี ไม่ฝึกสติให้ฉลาดในการรู้เท่าทันความคิดและอารมณ์ต่างๆมันก็ปล่อยอารมณ์เหล่านั้นเข้ามาเล่นงาน จนเกิดความทุกข์ เกิดความกลัดกลุ้ม กินไม่ได้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ชีวิตที่ปลอดจากความทุกข์เลยไม่มีปัญหาเลย มันไม่ใช่เป็นชีวิตที่ดี มันเป็นชีวิตที่เสี่ยงต่อความทุกข์ ก็เหมือนกับเด็กที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ ไม่มีเชื้อโรคใดๆเข้ามา อันนี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดีเสมอไป มันเป็นอันตรายมันเป็นภัยต่อเด็กในระยะยาวเมื่อเด็กโตขึ้น พอไม่มีภูมิคุ้มกัน ก็ไม่มีประสบการณ์ หรือถูกเชื้อโรคเล่นงาน หรือไม่เช่นนั้นก็ไปอาละวาดก่อกวนกับสิ่งที่ไม่ได้เป็นโทษ สิ่งที่ไม่ได้เป็นภัย จนเกิดโรคแพ้นั่นแพ้นี่ขึ้นมา เพราะฉะนั้นการที่ชีวิตของเราเจออุปสรรค เจอปัญหา หรือว่ามีอารมณ์ต่างๆเกิดขึ้น มันไม่ใช่เป็นสิ่งที่แย่เสมอไป มันเป็นสิ่งที่ดีเพราะมันมาฝึกฝนให้สติฉลาดปราดเปรียว และก็สามารถที่จะทำงานได้ดี รักษาจิตให้ปลอดภัยได้

พระไพศาล วิสาโล






(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 28, 2021, 04:28:15 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iv/210428093945.jpg) (http://picture.in.th/id/ccfcc70f62edde6f8984d9a29440081b)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) สมัยนี้เราชอบอะไรที่ใหม่ๆ อะไรที่ซ้ำเดิมเราจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เสื้อผ้าก็ต้องเปลี่ยนอยู่เรื่อย เคสใส่โทรศัพท์มือถือก็ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ แม้แต่หน้าโปรไฟล์ในเฟสบุคก็เปลี่ยน บางคนเปลี่ยนกันแทบทุกอาทิตย์

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) สมัยนี้เรานิยมสิ่งใหม่ ๆ อะไรที่มันเหมือนเดิม เรารู้สึกว่ามันซ้ำซากจำเจ เราไม่ค่อยให้ความรู้สึกที่ดีกับสิ่งที่ทำอะไรซ้ำ ๆ เท่าไหร่ แต่ที่จริงชีวิตคนเราอยู่ได้เพราะความซ้ำไปซ้ำมานี่แหละ เราอยู่ได้เพราะลมหายใจ และลมหายใจเราก็มีแค่เข้ากับออกเท่านั้น หัวใจของเราก็เหมือนกัน มันก็เต้นเข้าเต้นออก เข้าออกเข้าออกนั่นแหละ ถ้าหากว่าลมหายใจของเราเกิดแปรเปลี่ยนไป อันนี้แหละเป็นปัญหา หรือการที่หัวใจของเราเกิดเต้นผิดปกติไม่เหมือนเดิม อันนี้ปัญหาแล้ว

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) เราต้องขอบคุณความซ้ำ ซ้ำเดิม เพราะมันทำให้เราอยู่ได้ มันทำให้เรามีชีวิตได้ต่อไป...เราเป็นหนี้บุญคุณความซ้ำเดิมนี่แหละ ถ้ามีความผิดแปลกไปจากเดิมเมื่อไหร่ นี่แหละคือปัญหา

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ในการเรียนรู้ของคนเราก็ต้องอาศัยการทำอะไรซ้ำ ๆ สมัยที่เราเรียนก.ไก่ ข.ไข่ กว่าจะเขียนก.ไก่ ข.ไข่ได้ เราต้องเขียนซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้กี่สิบหรือกี่ร้อยครั้ง ลองนึกภาพตอนเราเป็นเด็กเริ่มเขียน ก.ไก่ กว่าจะเขียนเป็นตัวและตรงต้องเขียนแล้วเขียนอีกเป็นร้อยครั้ง แล้วก็ต้องเขียนให้มากกว่านั้นเพื่อจะเขียนให้ได้สวย

ตอนเด็ก ๆ เรียนอนุบาลแยกไม่ออกระหว่าง ว.แหวน กับ อ.อ่าง เพราะ ว.แหวน กับ อ.อ่างมันเหมือนกันเลย แต่พอเราลงมือเขียนก็รู้ว่า ว.แหวน กับ อ.อ่างมันต่างกันมากทีเดียว

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) การเรียนรู้ของคนเรา ความรู้ของคนเรา เกิดจากการทำอะไรซ้ำ ๆ สูตรคูณกว่าจะจำได้ขึ้นใจได้ก็ต้องท่องแล้วท่องอีก ภาษาต่างประเทศอย่างภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน ศัพท์แต่ละตัวกว่าจะจำได้ก็ต้องเปิดพจนานุกรมซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้กี่สิบครั้ง ไม่ต้องพูดถึงการเขียนให้เป็นตัว เราเป็นหนี้บุญคุณการทำอะไรซ้ำ ๆ

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) เมื่อเช้าได้อ่านเรื่องราวของชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งซึ่งเขาถือว่าเป็นเซียนหรือเป็นเทพด้านเทมปุระ แกทำเทมปุระตั้งแต่อายุ 15 จนถึงปัจจุบันก็ 60 กว่าแล้ว ใช้เวลา 50 ปี แล้วแกก็ทำได้เยี่ยมยอดมาก คนก็ชม เสิร์ฟแต่ละคราวก็ 3,000-4,000 บาท แกบอกว่าแกทำเทมปุระมาประมาณ 20 ล้านครั้ง คำนวณดูก็อาจจะเว่อร์ไปสักหน่อย 20 ล้านครั้งสำหรับเวลา 50 สิบปี เอาว่าแค่ 2 ล้านครั้งหรือ 1 ล้านครั้งก็พอแล้ว แต่แม้กระนั้นก็ถือว่าเยอะ คน ๆ หนึ่งทำเทมปุระ 1 ล้านครั้ง ทำได้อย่างไร

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) เรายกมือสร้างจังหวะ ผ่านไปสองสามวันยังไม่รู้จะถึงหมื่นครั้งหรือเปล่า เขาทำไปแล้ว 2 ล้านครั้งในเวลา 40-50 ปี แต่เขาทำอย่างมีความสุข ทุกเช้าก็ทำเหมือนเดิมนั่นแหละ เช้าจรดเย็นทำเทมปุระอย่างเดียวเลย ไม่ได้ย้ายไปทำซูชิ ไปทำก๋วยเตี๋ยว อูด้งอะไรเลย แต่เขาก็มีความสุขและทำได้ดีด้วย เพราะแต่ละจานที่เขาเสิร์ฟคนก็ชม เพราะเขาใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่ วัสดุ อุปกรณ์ วิธีการแล่ วิธีการชุบแป้ง เขาทำได้อย่างไรในเมื่อทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ๆ เพราะเขามี “ฉันทะ” เขาใส่ใจลงไป เอาใจใส่ลงไปมันก็เกิดความสงบเกิดความเพลิน แล้วก็คอยดูแลคอยสอดส่องว่าจะทำอย่างไรให้มันดีขึ้นกว่าเดิมเรียกว่ามี “วิมังสา”

พระไพศาล วิสาโล

ที่มา คุณค่าของการทำซ้ำๆ

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) อ่าน / ฟัง

(http://image.coolz-server.com/s/Ws2mhRX6) (http://image.coolz-server.com/v/Ws2mhRX6) ===> https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-11-24-06-24-34.html






(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)


หัวข้อ: “เบิกบานกลางคลื่นลม” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 28, 2021, 04:49:39 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ic/210428100506.jpg) (http://picture.in.th/id/beee04b6f0c6ec5bafae65117c2b5e26)


(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)  เบิกบานกลางคลื่นลม (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ความสุขของคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับโลกภายนอกเสมอไป สำหรับผู้ที่ปรารถนาความสุขที่แท้ จะพบกับสิ่งนั้นได้ก็จากใจของตนเท่านั้น การเอาความสุขของตนไปผูกติดกับโลกภายนอกย่อมพบกับความทุกข์อยู่ร่ำไป แม้จะประสบสุขก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น ต่อเมื่อเข้าถึงธรรม มีสติดูแลใจมีปัญญาเข้าใจความจริงของชีวิต แม้ทุกข์มากระทบ ใจก็ไม่กระเทือน หรือแม้ใจจะทุกข์ แต่ในที่สุดก็ยังหาสุขพบ


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ให้หันกลับมามองด้านในของตนเอง ในยามที่ผู้คนกำลงวิตกกังวลกับการเมืองที่ไร้ทางออกและเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย การหันมาเพ่งพินิจชีวิตและจิตใจของตนเองอย่างจริงจัง อาจช่วยให้เราค้นพบตัวเองในมิติที่ลึกซึ้งและตระหนักว่า การวางใจของเรามีส่วนซ้ำเติมความทุกข์ให้กับตนเองมากน้อยเพียงใด การตระหนักรู้และวางใจอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เราพบทางออกจากทุกข์ที่ตนสร้างขึ้น และสามารถรับมือกับเหตุการณ์บ้านเมืองได้ดีขึ้น


พระไพศาล วิสาโล






(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)
(http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: อย่าเสียเวลาให้กับความทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 23, 2021, 06:53:38 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ib/210623123608.jpg) (http://picture.in.th/id/9875fb54e3cc2dd5f4d4d51dcb0f21ef)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/cp5LhrgO) (http://image.coolz-server.com/v/cp5LhrgO) อย่าเสียเวลาให้กับความทุกข์ (http://image.coolz-server.com/s/cp5LhrgO) (http://image.coolz-server.com/v/cp5LhrgO) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เดี๋ยวนี้ผู้คนมักบ่นว่า “ไม่มีเวลา ๆ” เช่น ไม่มีเวลาจัดบ้าน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาไปเยี่ยมพ่อแม่ หรือพาท่านไปเที่ยว ยิ่งการนั่งสมาธิหรือฝึกจิตด้วยแล้ว ใคร ๆ พากันส่ายหน้าว่าไม่มีเวลาทำ แต่น่าแปลกที่ผู้คนทั้งหลายกลับมีเวลาให้กับความโศกเศร้า ความโกรธ ความเครียด ความวิตก รวมทั้งความทุกข์นานาชนิด

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ที่จริงเมื่อเกิดความทุกข์ขึ้น เราควรสลัดมันออกไปจากจิตใจ หาไม่แล้วก็จะกลายเป็นการซ้ำเติมตัวเอง แทนที่จะป่วยแค่กาย ใจก็ป่วยด้วย แทนที่จะเสียแค่เงิน ใจก็เสียด้วย แทนที่จะล้มเหลวแต่งาน ใจก็พลอยล้มเหลวไปด้วย

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ความทุกข์นั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้ว หากเราปล่อยใจให้จ่อมจมกับมันนานเท่าใด ก็ยิ่งบั่นทอนจิตใจ หรือบีบคั้นเผาลนจิตใจมากเท่านั้น แต่เหตุใดเราจึงเสียเวลามากมายไปกับมัน จนไม่เป็นทำอะไร นั่นเป็นเพราะเราไม่รู้ตัว จึงเผลอไปแบกไปยึดมันเอาไว้ จะว่าไปแล้วปัญหาใด ๆ ก็ตามไม่ทำให้เราทุกข์ใจได้เลยหากเราไม่แบกมันเอาไว้ เช่นเดียวกับก้อนหิน ใหญ่แค่ไหนก็ตาม ถ้าเราไม่แบกมัน เราก็ไม่เหนื่อยไม่หนัก

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ความทุกข์นั้นหากเราเกี่ยวข้องกับมันอย่างถูกต้อง คือรู้จักมองหรือพิจารณา มันก็สามารถให้ประโยชน์แก่เราได้ เช่น ทำให้ไม่ประมาท หรือได้บทเรียนในการดำเนินชีวิต

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)
(http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: มหัศจรรย์ของชีวิตขาลง - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 23, 2021, 07:05:15 am
(http://image.free.in.th/v/2013/id/210623111411.jpg) (http://picture.in.th/id/c5545aaae455beb8f2c3963e07ec6e26)



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.coolz-server.com/s/bNCMtQ2z) (http://image.coolz-server.com/v/bNCMtQ2z)  มหัศจรรย์ของชีวิตขาลง (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) “ขาลง”นั้นมีเสน่ห์แต่มักถูกมองข้าม คนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับ “ขาขึ้น”มากกว่า เพราะมั่นใจว่ามีสิ่งใหม่ ๆ ที่ดึงดูดใจคอยอยู่ข้างบน ไม่ใช่แค่ทะเลหมอกหรือทิวทัศน์อันงดงามที่เห็นชัดเจนจากยอดดอยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสำเร็จ ชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง ยามขึ้นถึงจุดสูงสุดของชีวิต

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ใคร ๆ ก็อยากให้ชีวิตของตนอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะหวังจะได้เสพได้ครอบครองอะไรอีกมากมายที่ยังไม่เคยประสบสัมผัส แต่น่าคิดว่ามีสักกี่คนที่เป็นสุขอย่างแท้จริงในช่วงขาขึ้น ใช่หรือไม่ว่า ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความเครียด เพราะใจนั้นกังวลแต่จุดหมายปลายทาง และกลัวว่าจะไปไม่ถึง แถมยังหงุดหงิดหากเห็นใครแซงไปต่อหน้าต่อตา และเป็นทุกข์มากขึ้นเมื่อมีคนถึงจุดหมายปลายทางก่อน โดยเฉพาะคนที่ออกเดินพร้อมกับตัวเอง

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ความเหนื่อยอ่อนบอบช้ำของประมวลยามเดินขึ้นเขา คงไม่ต่างจากหลายคนที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ยิ่งเร่งจะให้ถึงจุดหมายปลายทางมากเท่าไร ก็ยิ่งเหนื่อยมากเท่านั้น บางคนไปไม่ถึงเพราะหมดแรงเสียก่อน ต้องพักรักษาตัวกว่าสังขารจะอำนวย แต่บางคนก็ต้องยุติการเดินทางแต่เพียงเท่านี้

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) อันที่จริงประสบการณ์ยามขาขึ้นไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยความทุกข์ แม้จะยังไม่ถึงเป้าหมาย แต่อย่าลืมว่าสองข้างทางนั้นก็อุดมไปด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ให้ความสุขแก่เราได้ตลอดเวลา ประมวลมาค้นพบความจริงข้อนี้ยามเดินลงเขา แต่ถ้าใจเราไม่จดจ่อกับเป้าหมายข้างหน้ามากเกินไป ในช่วงขาขึ้นเราก็สามารถเป็นสุขได้ หากรู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ ตามรายทางบ้าง

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ความสุขนั้นมีอยู่รอบตัว แต่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น เพราะใจจดจ่อแต่ความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า ผลก็คือขณะที่ความสุขข้างหน้ายังมาไม่ถึง เรากลับละทิ้งความสุขที่มีอยู่รอบตัว ทั้ง ๆ ที่เป็นสิทธิของเราโดยชอบธรรม กลายเป็นว่าเสียสองต่อ

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) จะไม่ดีกว่าหรือ ขณะที่ยังไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เราก็เปิดใจชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัวหรือตามรายทาง แม้ความสุขข้างหน้ายังมาไม่ถึง แต่เราก็ได้สัมผัสกับความสุขที่มีอยู่แล้วทุกขณะ

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) แต่ถึงจะพลาดโอกาสนั้นไป ก็ยังไม่สาย เพราะขาลงเราก็ยังสามารถชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่ให้ความสุขและความเบิกบานใจแก่เราได้ แต่นั่นหมายความว่าเราต้องไม่ห่วงหาอาลัยความสำเร็จที่กลายเป็นอดีตไปแล้ว หากยังมัวนึกถึงประสบการณ์อันตราตรึงใจบนยอดเขาที่ผ่านพ้นไปแล้ว ใจเราจะเปิดรับความสุขตามรายทางในยามขาลงได้อย่างไร

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ขาลงไม่ใช่ประสบการณ์อันน่าเศร้า หากเราเดินลงอย่างช้า ๆ และหัดพินิจพิจารณา เราจะมีความสุข เป็นสุขที่อาจจะยิ่งกว่าช่วงขาขึ้นหรือเมื่อถึงจุดสูงสุดของการเดินทางเสียอีก เพราะใจเป็นอิสระจากความคาดหวังทั้งปวง

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.coolz-server.com/s/bNCMtQ2z) (http://image.coolz-server.com/v/bNCMtQ2z) ในยามนี้แหละที่เราอาจพบกับ “มหัศจรรย์” ของชีวิต ที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อน (http://image.coolz-server.com/s/bNCMtQ2z) (http://image.coolz-server.com/v/bNCMtQ2z) (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)
(http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)






หัวข้อ: "ทำความดีลดความเห็นแก่ตัว" - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 22, 2021, 11:25:17 am
(http://image.coolz-server.com/s/xaT9dWUh) (http://image.coolz-server.com/v/xaT9dWUh)


(http://image.coolz-server.com/s/6sv1qHZd) (http://image.coolz-server.com/v/6sv1qHZd)  (http://image.coolz-server.com/s/6sv1qHZd) (http://image.coolz-server.com/v/6sv1qHZd) ทำความดี ลดความเห็นแก่ตัว   (http://image.coolz-server.com/s/6sv1qHZd) (http://image.coolz-server.com/v/6sv1qHZd) (http://image.coolz-server.com/s/6sv1qHZd) (http://image.coolz-server.com/v/6sv1qHZd)


(http://image.coolz-server.com/s/6sv1qHZd) (http://image.coolz-server.com/v/6sv1qHZd) การมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ฝืนธรรมชาติของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีเมตตากรุณาเป็นพื้นอยู่แล้วในจิตใจ เมตตากรุณาเป็นส่วนหนึ่งของมโนธรรมที่อยู่ในใจเราทุกคน การทำความดี นึกถึงผู้อื่น เอื้อเฟื้อเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ ช่วยเสริมสร้างมโนธรรมของเราให้เข้มแข็งขึ้น และทำให้มีพลังในการทำความดีมากขึ้น

(http://image.coolz-server.com/s/6sv1qHZd) (http://image.coolz-server.com/v/6sv1qHZd) กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความดีนั้นขยายหัวใจของเราให้ใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้อัตตาของเราเล็กลง จึงมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับเปิดรับความสุข ในทางตรงข้ามคนที่นึกถึงแต่ตัวเองนั้น หัวใจจะเล็กลง ขณะที่อัตตาใหญ่ขึ้น จึงเหลือที่ว่างน้อยลงสำหรับความสุข คนที่เห็นแก่ตัวจึงสุขยากทุกข์ง่าย


พระไพศาล วิสาโล






(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)
(http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: เจออะไรก็ไม่ทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 28, 2021, 07:20:22 am
(http://image.coolz-server.com/s/PCLZNHKx) (http://image.coolz-server.com/v/PCLZNHKx)




(http://image.coolz-server.com/s/kNuRU8hn) (http://image.coolz-server.com/v/kNuRU8hn)  เจออะไรก็ไม่ทุกข์  (http://image.coolz-server.com/s/kNuRU8hn) (http://image.coolz-server.com/v/kNuRU8hn)

“(http://image.coolz-server.com/s/0mZXcTry) (http://image.coolz-server.com/v/0mZXcTry) แม้ว่าเป็นสิ่งที่แย่ๆมากระทบ แต่จิตไม่ดิ้น จิตยอมรับได้ ยอมรับได้เพราะว่าวางใจเป็นกลางก็ดี เพราะรู้ทันมันก็ดี หรือว่าเพราะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีก็แล้วแต่ หรือมองว่าเป็นธรรมดา ใจก็สงบเลย ใจไม่ทุกข์ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะว่าคนเรามีความทุกข์ใจเมื่อมีอะไรมากระทบโดยเฉพาะสิ่งที่ไม่น่ายินดี เช่นความความเจ็บป่วย แต่ถ้าหากว่าใจยอมรับว่า มันเกิดขึ้นแล้ว บ่นโวยวายตีโพยตีพายไป มันก็มีแต่ซ้ำเติมตัวเอง ยอมรับมันแล้วก็พยายามอยู่กับมันด้วยใจที่ไม่ทุกข์ มันก็จะช่วยบรรเทาความทุกข์ใจได้  ใจที่สงบก็จะช่วยฉุดกายให้ดีขึ้นหรือฟื้นตัวได้ไวขึ้น

(http://image.coolz-server.com/s/YeEXNiLa) (http://image.coolz-server.com/v/YeEXNiLa) เจออะไรก็ไม่สำคัญ เท่ากับเราวางใจอย่างไรกับสิ่งต่างๆที่มากระทบ อย่าไปให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากกว่าปฏิกิริยาของใจ หรือว่าการเกี่ยวข้องของใจ หรือการที่ใจไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้น ถ้าวางใจถูกและยอมรับได้ ไม่ผลักไส มันก็จะช่วยลดความทุกข์ที่ใจไปเยอะเลย และอาจจะได้พบความสงบท่ามกลางสิ่งต่างๆมากมายที่มารุมล้อมกระทบก็ได้”

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)
(http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “ทำดี แต่ไม่คาดหวังผลแห่งความดี” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มกราคม 14, 2022, 10:02:36 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iw/220114033148.jpg) (http://picture.in.th/id/b3488ab6c0f9c114467ae96130180324)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)     (http://image.coolz-server.com/s/8OYpbvl9) (http://image.coolz-server.com/v/8OYpbvl9)   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1) ทำดี แต่ไม่คาดหวังผลแห่งความดี (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   (http://image.coolz-server.com/s/8OYpbvl9) (http://image.coolz-server.com/v/8OYpbvl9)   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  การทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่นเป็นหน้าที่ของเรา ส่วนคนที่เราช่วยนั้นจะเห็นคุณค่าของเราหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา อันนี้ใช้ได้กับกรณีอื่น ๆ ด้วย เวลาเราช่วยเหลือใคร ช่วยเขาให้เต็มที่ ส่วนเขาจะสำนึกบุญคุณของเรา หรือเห็นคุณค่าของเราหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา ถ้าเราโกรธเขาเราก็จะเป็นทุกข์มากขึ้น เมื่อช่วยใครไปแล้ว อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะเห็นคุณค่าของเราหรือไม่ หลายคนช่วยคนอื่นแล้วก็เป็นทุกข์เพราะเหตุนี้

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ขอให้เราตระหนักว่า การทำความดีเป็นหน้าที่ของเรา ส่วนการสำนึกบุญคุณเป็นหน้าที่ของเขา ถ้าเขาไม่ทำก็เป็นเรื่องของเขา วิบากกรรมก็จะเกิดกับเขาเอง เราจะไปโกรธ หรือเรียกร้องให้เขาตอบแทนทำไมกัน บ่อยครั้งที่เราเรียกร้องจากเขาจนกระทั่งกลายเป็นคาดคั้น กดดันเขาไม่หยุดหย่อน ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง อันที่จริงบางครั้งเขาก็ตอบแทนแล้ว แต่เราต้องการมากกว่านั้น เช่นเขาให้ ๑๐ แต่เราคาดหวัง ๒๐ เราก็เลยผิดหวังไม่พอใจ หรือโกรธเคืองเขา การคาดหวังการตอบแทนจากคนที่เคยช่วยเหลือ บั่นทอนความสัมพันธ์ของผู้คนมาเยอะแล้ว

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) เวลาเราทำความดี อย่าไปคาดหวัง ว่าเขาจะต้องตอบแทนหรือสำนึกบุญคุณของเรา หน้าที่ของเราคือการทำความดีในฐานะที่เป็นลูก คุณธรรมของลูกคือความกตัญญูต่อพ่อแม่ ทำให้เต็มที่ ส่วนเขาจะเห็นหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)แต่ในที่สุดเชื่อว่าเขาก็จะเห็น ขอให้เราทำความดีด้วยความจริงใจ(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)

พระไพศาล วิสาโล







(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)
(http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: “พลิกจิต ชีวิตเปลี่ยน” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 12, 2022, 10:39:20 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/220412104531.jpg) (http://picture.in.th/id/cadec2fafad819b50e05df8dee4d6691)



(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.coolz-server.com/s/AxERo1zV) (http://image.coolz-server.com/v/AxERo1zV)  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   พลิกจิต ชีวิตเปลี่ยน   (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.coolz-server.com/s/AxERo1zV) (http://image.coolz-server.com/v/AxERo1zV) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ผู้คนทุกวันนี้ส่วนใหญ่ทุกข์เพราะความคิด  แม้มีมากมายเพียงใด หากมัวนึกถึงแต่สิ่งที่ตนยังไม่มีหรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่สูญเสียไป  ก็ไม่มีความสุข   ไม่ว่าได้มาเท่าไร ถ้าเห็นคนอื่นมีมากกว่า ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที   ถึงจะได้โชคลาภ แต่ถ้าคิดว่าตนน่าจะได้มากกว่านั้น  ใจก็พลันขุ่นมัว  ในทางตรงข้าม แม้จะมีน้อย  แต่หากชื่นชมและเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตนมี  ใจก็เป็นสุข   แม้เจ็บป่วย แต่รู้จักมองแง่บวก ก็สามารถยิ้มได้  มีเหตุร้ายมากระทบ แต่ถ้ามีสติและปัญญา ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปดั่งใจได้  อีกทั้งไม่สามารถปกป้องมิให้อันตรายหรือความสูญเสียเกิดขึ้นกับเราได้แม้แต่น้อย  แต่เราสามารถปรับใจของเราให้เป็นสุขได้แม้ทุกข์มากระทบ  ชีวิตที่มืดมนและสิ้นหวัง สามารถกลายเป็นชีวิตที่สว่างไสวและเบิกบานได้  ไม่ใช่เพราะลาภ ยศ สรรเสริญ และความสำเร็จหลั่งไหลมา (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1) แต่เป็นเพราะจิตพลิกเปลี่ยนต่างหาก การฝึกฝนพัฒนาจิตจึงเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ชีวิตที่ผาสุกและเจริญงอกงาม  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)



พระไพศาล วิสาโล





(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)
(http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: "อย่าปล่อยให้ความทุกข์ท้อใจทำลายชีวิตคุณ" - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 12, 2022, 10:56:13 am
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/220412110001.jpg) (http://picture.in.th/id/e647054f742de414ae088e63872c0e94)


(http://image.coolz-server.com/s/AxERo1zV) (http://image.coolz-server.com/v/AxERo1zV)  (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95)   อย่าปล่อยให้ความทุกข์ท้อใจทำลายชีวิตคุณ   (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) (http://image.coolz-server.com/s/AxERo1zV) (http://image.coolz-server.com/v/AxERo1zV)


(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95)  ใคร ๆ ก็ปรารถนาความสุข แต่ในทัศนะของคนส่วนใหญ่จะมีความสุขได้ก็ต้องไปแสวงหาจากสิ่งภายนอก เช่น ไปดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวห้าง กินของอร่อย หรือมีทรัพย์สินเงินทองมาก ๆ แต่บ่อยครั้งการทำเช่นนั้นกลับทำให้เป็นทุกข์เพิ่มขึ้น แม้จะได้มา ก็ไม่รู้สึกเป็นสุขอย่างแท้จริง เพราะได้ไม่สมอยาก หรือได้เท่าไรก็ไม่รู้จักพอ ยังไม่ต้องพูดถึงความทุกข์เพราะต้องคอยปกปักรักษาด้วยความหวงแหน และกลัดกลุ้มเสียใจเมื่อสูญเสียมันไป อันที่จริงความสุขที่แท้นั้นพบได้ที่ใจเรา เพียงแค่ปลดเปลื้องความทุกข์ออกไป ใจก็เป็นสุขได้ทันที เช่นเดียวกับการวางของหนัก วางเมื่อใด ก็สบายเมื่อนั้น ดังนั้นแทนที่จะแสวงหาความสุขมาเติมใส่ตน หรือดิ้นรนขวนขวายเพื่อมีให้มาก ๆ แค่ถ่ายเทความทุกข์ที่หมักหมมอยู่ในจิตใจออกไป ความสุขก็บังเกิดขึ้นโดยพลัน

(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95)  ความทุกข์ที่ก่อตัวและสะสมในใจเรา มักเกิดจากความคิดและการวางใจที่ผิด จิตที่มักคิดลบมองร้าย ชอบหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต หรือปรุงแต่งภาพอนาคต รวมทั้งยึดติดถือมั่นอย่างแน่นหนา จนไม่รู้จักวาง คือตัวการที่เชื้อเชิญความทุกข์มาสู่จิตใจ ทำให้ถูกเผาลนด้วยความโกรธ ถูกกรีดแทงด้วยความเกลียด ถูกบีบคั้นด้วยความเศร้า หรือถูกกดถ่วงหน่วงทับด้วยความวิตกกังวล


(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95)  ทั้ง ๆ ที่อารมณ์เหล่านี้รบกวนรังควานจิตใจ แต่แทนที่เราจะพาจิตออกห่างจากมัน กลับปล่อยใจให้จมปลักอยู่ในอารมณ์เหล่านั้น หรือแบกยึดมันเอาไว้ มิหนำซ้ำยังปกป้องหวงแหนมันอย่างเหนียวแน่น นั่นเป็นเพราะความไม่รู้ตัว ขาดสติ เราจึงมักทำร้ายตนเองโดยไม่รู้ตัว

(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95)  ทันทีที่เรารู้สึกตัว มีสติ หรือรู้จักทักท้วงความคิด ปรับจิตให้ถูกต้อง อารมณ์อกุศลเหล่านั้นก็จะครอบงำใจน้อยลง ความทุกข์ที่กลุ้มรุมจิตใจจะถูกปลดเปลื้องไป สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือความสงบเย็นเป็นสุข ทำให้มีพลังในการแก้ไขปัญหาภายนอก หรือปรับเปลี่ยนชีวิตให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องดีงามมากขึ้น ปัญหาต่าง ๆ จะไม่ใช่สิ่งบั่นทอนจิตใจหรือทำให้ท้อแท้อีกต่อไป แต่จะกลายเป็นสิ่งบ่มเพาะปัญญาและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่จิตใจของเรา

พระไพศาล วิสาโล





(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)
(http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 12, 2022, 11:15:49 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/220412111855.jpg) (http://picture.in.th/id/8e6de809581bdee56fa6b1c1709166be)




การมี "ปัญญา" ทำให้รู้ว่าไม่มีอะไรทำให้สุขได้อย่างแท้จริง เพราะทุกสิ่งล้วนเจือไปด้วยทุกข์

เมื่อเห็นความจริงเช่นนี้ก็ปล่อย เมื่อปล่อยก็ไม่รุ่มร้อน ใจสงบเย็น

แม้เมื่อพลัดพรากสูญเสียก็ไม่ทุกข์เพราะไม่ได้ยึดมั่นตั้งแต่แรกว่าของกูหายไป ของกูเสียไป

เวลาคนเราทุกข์ เช่นโกรธเศร้าเสียใจก็เพราะยึดมั่นใน ตัวกูของกู ทั้งนั้น ถ้ารถยนต์ของเพื่อนหายเรารู้สึกเฉยๆ โทรศัพท์ของเพื่อนหายเราก็รู้สึกเฉยๆแต่ถ้าปากกาของเราหายโทรศัพท์ของเราหายเราเป็นทุกข์ทันที

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 12, 2022, 11:18:17 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ig/220412112117.png) (http://picture.in.th/id/383514a9149804c38d16a6f3dd463061)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 12, 2022, 11:20:21 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ik/220412112322.jpg) (http://picture.in.th/id/75e304675dc61e8312cdbbf4a0da83f7)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  การทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่นเป็นหน้าที่ของเรา ส่วนคนที่เราช่วยนั้นจะเห็นคุณค่าของเราหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา อันนี้ใช้ได้กับกรณีอื่น ๆ ด้วย เวลาเราช่วยเหลือใคร ช่วยเขาให้เต็มที่ ส่วนเขาจะสำนึกบุญคุณของเรา หรือเห็นคุณค่าของเราหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา ถ้าเราโกรธเขาเราก็จะเป็นทุกข์มากขึ้น เมื่อช่วยใครไปแล้ว อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะเห็นคุณค่าของเราหรือไม่ หลายคนช่วยคนอื่นแล้วก็เป็นทุกข์เพราะเหตุนี้

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ขอให้เราตระหนักว่า การทำความดีเป็นหน้าที่ของเรา ส่วนการสำนึกบุญคุณเป็นหน้าที่ของเขา ถ้าเขาไม่ทำก็เป็นเรื่องของเขา วิบากกรรมก็จะเกิดกับเขาเอง เราจะไปโกรธ หรือเรียกร้องให้เขาตอบแทนทำไมกัน บ่อยครั้งที่เราเรียกร้องจากเขาจนกระทั่งกลายเป็นคาดคั้น กดดันเขาไม่หยุดหย่อน ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง อันที่จริงบางครั้งเขาก็ตอบแทนแล้ว แต่เราต้องการมากกว่านั้น เช่นเขาให้ ๑๐ แต่เราคาดหวัง ๒๐ เราก็เลยผิดหวังไม่พอใจ หรือโกรธเคืองเขา การคาดหวังการตอบแทนจากคนที่เคยช่วยเหลือ บั่นทอนความสัมพันธ์ของผู้คนมาเยอะแล้ว

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  เวลาเราทำความดี อย่าไปคาดหวัง ว่าเขาจะต้องตอบแทนหรือสำนึกบุญคุณของเรา หน้าที่ของเราคือการทำความดีในฐานะที่เป็นลูก คุณธรรมของลูกคือความกตัญญูต่อพ่อแม่ ทำให้เต็มที่ ส่วนเขาจะเห็นหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา แต่ในที่สุดเชื่อว่าเขาก็จะเห็น ขอให้เราทำความดีด้วยความจริงใจ

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 12, 2022, 11:23:13 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ix/220412112720.jpg) (http://picture.in.th/id/ea5ee8ac79e200ca1cf3cf62ddaf84e5)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) อะไรก็ตามที่เรายึดว่าเป็นของเรา เราก็กลายเป็นของมันทันทีเลย อย่างที่เคยพูดไว้หลายครั้งแล้ว ลองพิจารณาดูว่าจริงไหม ยิ่งยึดมั่นถือมั่นว่า เป็นของเราๆมากเท่าไหร่ เราก็กลายเป็นของมันอย่างแน่นหนา ทันทีเลย ทำอย่างไรเราถึงจะไม่เป็นของมัน ก็อย่าไปยึดมั่นว่า มันเป็นของเรา โดยเฉพาะทรัพย์สมบัติเช่น เงินทอง ถ้าเราเผลอเมื่อไหร่ ไปคิดว่ามันเป็นของเรานี่ เราเป็นของมันทันที

เราต้องเปลี่ยนใหม่ว่า เราไม่ใช่ของมัน เราก็เป็นนายมันได้เลย จะทำอย่างนั้นได้ ก็จะต้องไม่ยึดมั่นว่า มันเป็นของเรา พอเราไม่ยึดมั่นว่ามันเป็นของเรา เราก็เป็นนายมันเลย

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) หลวงพ่อคูณ (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ท่านพูดไว้ดีเรื่องเงิน ท่านพูดอย่างชนิดที่เรียกว่าถึงลูกถึงคนมาก ท่านบอกว่า กูใช้เงินนี่อย่างไม่มีเมตตากรุณาเลย กูใช้มันอย่างทารุณมาก เพราะมันเป็นทาสของกู กูเป็นนายมัน กูใช้คน กูมีเมตตาแต่กูใช้เงินไม่มีเมตตาเลย ไม่มีวันหยุดเลย ใช้มันแม้กระทั่งเสาร์อาทิตย์ ใช้ยังไงก็คือแจก

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ท่านบอกว่านัดคนมารับเงินทุกวันเลย ต้องแจกให้ได้อย่างน้อยวันละหมื่น นี้คือสมัยที่ท่านยังไม่ได้มีทรัพย์มาก หรือมีคนบริจาคมาก ท่านพูดไว้เด็ดมากเลยนะว่า กูใช้มันอย่างทารุณมาก ใช้มันอย่างไม่มีเมตตากรุณา ใช้อะไร คือแจก ถ้าเก็บเอาไว้ เราก็กลายเป็นทาสของมัน คอยปกปักรักษามัน วิธีที่ท่านจะขึ้นมาเป็นนายของเงิน ก็คือใช้มัน คือการสละ คือการบริจาค คือการให้

เพราะว่าไม่ได้ยึดว่ามันเป็นของกู หรือถึงจะมีความยึดอย่างนั้นอยู่ แต่ว่าการสละออกไป การให้ การบริจาค มันก็ช่วยลดความยึดมั่นในความมีของกู เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้เราตกเป็นทาสของเงิน หรือตกเป็นทาสของทรัพย์ เราต้องใช้มัน ใช้มันอย่างทารุณยิ่งดีเลย มันจะไม่มีโอกาสเผยอขึ้นมาเป็นนายเหนือหัวเรา


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) อันนี้เป็นวิธีการของหลวงพ่อคูณ ที่เราก็เอามาใช้ได้ วิธีการที่ตัดช่องทางที่มันจะมาเป็นนายเรา ก็ด้วยการที่เราทำให้มันเป็นทาสของเรา ใช้มันอย่างทารุณ คือให้ ให้มันอย่างไม่มีวันหยุด เสาร์อาทิตย์ก็ให้ มันก็ปิดช่อง ไม่ให้กิเลส ตัณหา อุปาทานเข้ามาครอบงำจิต จนไปหลงผิดว่า เงินเป็นของเรา


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) นอกจากการตระหนักว่า สิ่งที่เรามีไม่ว่าอะไรก็ตาม มีแล้วก็หมด ได้แล้วก็เสีย อยู่กับเราเพียงแค่ชั่วคราว เราไม่สามารถจะเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมันอย่างได้แท้จริง ในระหว่างที่มีในระหว่างที่ใช้มัน มีความสุขมีความสบาย ก็ต้องเตือนใจอยู่เหมือนกันว่า มันเป็นสุขที่เจือไปด้วยทุกข์ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม เงิน โทรศัพท์ บ้าน รถยนต์ ให้ความสะดวกสบายกับเรา แต่มันก็เป็นภาระให้กับเราไม่ใช่น้อยเลย ภาระในการดูแล ภาระในการรักษา

ยังไม่นับว่า เมื่อถึงเวลาที่มันสูญหาย หรือว่าเสียหายไป มันก็สร้างทุกข์ให้กับเรามากกว่าตอนที่เราไม่มีมันเสียอีก เมื่อเราตระหนักว่าความสุขที่มี หรือที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ใช้มันนี้ มันเจือไปด้วยทุกข์ เราก็จะได้ไม่ไปหลงยึดมัน หรือเพลินกับมัน

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) มีผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม เขามีความใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของโรงแรมมาตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว สุดท้ายเขาก็ดิ้นรนขวนขวาย จนกระทั่งได้เป็นเจ้าของโรงแรม หลังจากนั้นเขาก็มีกิจการอีกหลายแห่ง แต่โรงแรมเป็นสิ่งที่เขารักมาก แต่ต่อมาเกิดวิกฤตจากโควิด โรงแรมได้รับผลกระทบมาก ขาดทุนไปมากมาย ตัวเองก็มีอายุมาก ไม่มีเวลาที่จะมาดูแลหรือว่าพาโรงแรมให้พ้นจากวิกฤต ลูกเองก็ไม่ได้สนใจเพราะลูกก็มีความฝันอย่างอื่น

ทั้งที่โรงแรมเป็นธุรกิจที่เขารักมาก ไม่ได้คิดที่จะทำเงินหรือเอากำไร แต่ว่ามันเป็นธุรกิจ เป็นกิจการที่ชอบ ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เล็ก แต่สุดท้ายก็ต้องขาย มีคนถามว่ารู้สึกยังไง หลังจากที่ขายโรงแรมที่รักไป เขาตอบดี เขาตอบว่าโล่งอก ไม่ได้เสียใจเลย

จะคิดแบบนี้ได้ หรือจะรู้สึกแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็คงเพราะว่า รู้ว่าโรงแรมแม้จะเป็นสิ่งที่เขารัก แต่ว่ามันก็เป็นภาระเหมือนกัน ไม่ได้ฝันหวานว่ามีแต่ความสุข หรือฝันหวานว่ามีแต่ความสุข เพราะมันเจือไปด้วยทุกข์ด้วย เพราะฉะนั้นพอสูญเสียโรงแรมนั้นไป ก็ไม่เสียใจ กลับรู้สึกโล่งอก แล้วก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้

มีอะไรก็ตาม แม้มันจะให้ความสุขกับเราก็เตือนตน หรือว่าหมั่นพิจารณาอยู่เสมอว่า มันก็มีความทุกข์แฝงอยู่ ทุกข์มันแฝงอยู่ในความสุขเสมอ ไม่ว่าเราจะนั่งในท่าที่สบายแค่ไหน ให้เราสังเกตดูอยู่ในท่านั้นไม่ได้นานหรอก เดี๋ยวก็เมื่อยแล้ว ไม่ว่าจะเอนหลัง พิงเสา ไขว่ห้าง หรือแม้กระทั่งเอนกายลงนอน

แม้แต่นอนที่ใครๆก็คิดว่าเป็นท่าที่สบายสบาย พอนอนไปสักพักก็ต้องขยับ เพราะถ้าไม่ขยับก็จะเมื่อย ความเมื่อยที่ปรากฏมันก็คือทุกข์นั่นแหละที่มันแฝงอยู่ในความสุขความสบาย ซ่อนอยู่ในท่าที่เราคิดว่าผ่อนคลายในที่สุด ทุกข์มันเจออยู่ในสุขอยู่เสมอ

มันก็คงเหมือนกับกินปลาก็ต้องมีก้าง ถ้าคนที่ไม่รู้ว่าปลามีก้าง ก็อาจจะมีก้างติดคอ ถ้าคนที่รู้ว่าปลามีก้างก็จะกินอย่างระมัดระวัง ก็ทำให้ไม่ต้องเจอความทุกข์เพราะว่าก้างติดคอ อันนี้ก็หมายความว่า คนเราจะมีอะไรก็มีได้ แต่ว่าก็ขอให้มีอย่างรู้เท่าทัน รู้เท่าทันในความเป็นอนิจจังของมัน แล้วก็รู้เท่าทันในทุกข์ที่มันซุกซ่อนอยู่ ที่มันแฝงอยู่

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ฉะนั้นถ้าเราเตือนใจอยู่เสมอ ว่าอะไรๆก็ไม่เที่ยง สิ่งที่เรามี ก็ไม่เที่ยง ไม่ใช่ว่าสิ่งที่มีอย่างเดียว สิ่งที่เราเป็นด้วย เป็นอะไรก็ตาม โดยเฉพาะเป็นในสิ่งที่ใครๆอยากจะเป็น ปรารถนาจะเป็น เช่น เป็นอธิบดี เป็นปลัดกระทรวง เป็นผู้ว่า ไม่ว่าเป็นอะไรก็กลายเป็นอื่นได้เสมอ เพราะเป็นของชั่วคราว

แต่ถ้าไปหลงคิดว่า มันเป็นของเราจริงๆ อันนี้จะทุกข์มากเลย อย่างที่เคยเล่า ผู้ว่าจังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่ง จังหวัดเกรดเอ พอเกษียณแล้ว กลายเป็นคนธรรมดา เสียศูนย์ไปเลย ทำใจไม่ได้เพราะว่าอำนาจที่เคยมีหายหมด บริษัทบริวารที่เคยห้อมล้อมก็หายไปหมด เพราะไปหลงคิดว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ แม้กระทั่งสมณศักดิ์อันสูงส่งก็เหมือนกัน

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) มีเรื่องเล่าว่า หลวงพ่อโต ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็สูงมาก วันหนึ่ง ท่านได้รับนิมนต์ไปในสวนแห่งหนึ่งแถวราษฎร์บูรณะ ต้องพายเรือเข้าไปทางคลองเล็กๆ คลองหนึ่ง ท่านเอาพัดยศไปด้วย เพราะเป็นงานใหญ่ ปรากฏว่าวันนั้นน้ำลด เรือเข้าคลองไม่ได้ ทั้งที่เรือลำเล็ก เรือสำปั้น ทั้งที่มีลูกศิษย์ แต่ลูกศิษย์เข็นเรือไม่ไหว ท่านก็ลงไปเข็นเรือด้วย

คนแถวนั้นเห็นแล้วก็จำท่านได้ ก็ตะโกนบอกต่อๆกันไปว่า สมเด็จเข็นเรือโว้ยๆ เพราะไม่เคยเห็น หลวงพ่อโตท่านได้ยิน ท่านก็เลยพูดกับชาวบ้านแถวนั้นว่า ฉันไม่ใช่สมเด็จจ้า ฉันชื่อขรัวโตจ้า สมเด็จอยู่ที่เรือ แล้วท่านก็ชี้ไปที่พัดยศที่ปักตั้งไว้ตรงกลางเรือ คือท่านได้รับสมณศักดิ์เป็นสมเด็จ แต่ท่านรู้ว่าเป็นแค่สมมุติ ท่านก็ไม่สำคัญมั่่นหมาย รู้ว่าเป็นแค่หัวโขน

ถ้าคิดแบบนี้ ทำใจแบบนี้ ถึงเวลาที่แปรเป็นอื่น หรือสูญเสียสิ่งที่มีไป หรือสูญเสียสิ่งที่เป็น มันก็ไม่ทุกข์ เรามีอะไรก็มีได้ แต่ว่าต้องมีให้เป็น ถ้ามีไม่เป็นก็เป็นทุกข์ เป็นอะไรก็ตาม ต้องเป็นให้ถูก ถ้าเป็นไม่ถูกก็ยากที่จะมีความสุขได้

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีอะไรก็ตาม จะเป็นอะไรก็ตาม ก็หมั่นเตือนใจอยู่เสมอว่า มันเป็นของไม่เที่ยง มันมาแล้วก็หมด ได้แล้วก็เสีย เป็นของไม่ยั่งยืน แม้ว่ามันจะให้ความสุขกับเรา แต่มันก็เจือไปด้วยทุกข์ และสุดท้ายเมื่อสูญเสียมันไป ก็มีแต่ทุกข์สถานเดียวถ้าไปยึดมั่นถือมั่น ในทางตรงข้าม รู้จักใช้มัน ใช้มันเยี่ยงนาย ใช้มันในฐานะผู้เป็นนาย มันก็ยากที่จะมีความทุกข์ในสิ่งที่มี ในสิ่งที่เป็น

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 12, 2022, 11:26:12 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/220412113012.png) (http://picture.in.th/id/f9c3e31dabd993b33675057736bde923)


(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) มองจากมุมของผู้อื่นบ้าง (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) (http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95)

(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) บ่อยครั้งเรานึกถึงแต่ความทุกข์ของตนเอง จนไม่สนใจรับรู้ความทุกข์ของผู้อื่น การทำเช่นนั้นกลับทำให้เราทุกข์มากขึ้น เพราะยิ่งนึกถึงตัวเองมากเท่าไร ความทุกข์ของตนเองก็เป็นเรื่องใหญ่โตมากเท่านั้น จนลืมไปว่าที่จริงแล้วความทุกข์ของเรานั้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับของคนอื่น

(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) หมอผู้หนึ่งเล่าว่าเมื่อจบแพทย์ใหม่ ๆ ไปทำงานในโรงพยาบาลชุมชน ตั้งใจว่าจะเป็นหมอที่ดี เวลาตรวจคนไข้นอกตอนเช้า จะตรวจให้หมดแม้ว่าเลยเวลาเที่ยงไปแล้ว เพราะถ้าให้คนไข้รอตรวจตอนบ่ายอาจจะหารถกลับบ้านลำบาก

วันหนึ่งมีคนไข้มาก หมอตรวจทั้งเช้าโดยไม่ได้พักเลย กว่าคนไข้จะหมดก็เป็นเวลาบ่ายโมง เมื่อเดินออกจากห้องตรวจ พบคุณลุงคนหนึ่งเพิ่งทำบัตรคนไข้เสร็จ แกขอให้หมอตรวจให้ด้วยเพราะไม่สบายมาก

หมอรู้สึกไม่พอใจมาก เพราะเลยเวลาตรวจมานานแล้ว จึงพูดด้วยอารมณ์ว่า "คุณลุงทำไมเพิ่งมาตอนนี้ รู้ไหมหมอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย"

"ขอโทษคุณหมอ ลุงออกจากบ้านตี ๓ รถเขาเพิ่งมาถึง พยายามมาให้ทันหมอ ลุงยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย"

พอได้ยินเช่นนั้น หมอก็หายโกรธทันที เพราะได้ตระหนักว่าทุกข์ของคุณลุงนั้นมากกว่าตนเองเยอะ หมอท่านนี้เล่าว่าเหตุการณ์วันนั้นเป็นบทเรียนสำคัญและเป็นจุดเปลี่ยนครั้งหนึ่งในชีวิต

(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) คนเรานั้นมีทั้งความเห็นแก่ตัวและเมตตากรุณาอยู่ในใจ การมองจากมุมของตัวเองบ่อยครั้งเป็นการกระตุ้นเร้าความเห็นแก่ตัว ทำให้ความต้องการของตนเองกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าอะไรอื่น ดังนั้นเมื่อมีสิ่งใดที่ขัดกับความต้องการของตนเอง ก็จะรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธเคืองขึ้นมาทันที

(http://image.free.in.th/v/2013/ii/200415125027.gif) (http://picture.in.th/id/e686ed837871f011c1e90283df386d95) ในทางตรงข้ามเมื่อมองจากมุมของคนอื่น หรือเปิดใจรับฟังเขา โดยเฉพาะคนที่มีความทุกข์ เมตตากรุณาในใจเราจะถูกปลุกขึ้นมา ทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และปรารถนาที่จะช่วยเหลือเขาโดยไม่คำนึงถึงความลำบากของตนเอง ดังนั้นแม้เหนื่อยกายแต่ใจไม่ทุกข์ คนที่มองจากมุมของผู้อื่นจึงสามารถเป็นสุขได้ง่ายกว่าคนที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล






(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ เมษายน 15, 2022, 11:02:00 am
(http://image.free.in.th/v/2013/io/220415110715.png) (http://picture.in.th/id/04e9e53e47b5aecc2bdf7fb2f9b780ca)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)ปุจฉา – มีเรื่องขอคำชี้แนะค่ะ เนื่องจากพี่สาวตอนนี้เกิดความสับสนในคำสอนทางพุทธศาสนา คือ มีพี่สาวได้ฟังธรรมจากหลวงปู่รูปหนึ่งที่เมตตาเทศนาว่า ลูก พ่อแม่ พี่น้อง เป็นสิ่งสมมุติ มันไม่มี แต่ในขณะเดียวกันทางพุทธศาสนาเองก็สอนให้ลูกต้องเคารพ กตัญญูต่อพ่อแม่ ซึ่งพี่สาวบอกว่าถ้าพ่อแม่ ลูก เป็นสิ่งสมมุติ ไม่มีจริงก็ไม่ต้องกตัญญูสิ

คือคำตอบของหนูที่ตอบพี่สาวบอกไปว่า ขณะนี้เรามีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติในทางโลก เราต้องทำหน้าที่ ส่วนที่หลวงปู่เทศน์ มันเป็นสิ่งสมมุติจริงๆ เพราะถ้าเราตายเราก็ไม่ได้เป็นพี่น้อง พ่อแม่ลูกแล้ว มันไม่มี

พี่สาวก็ไม่เข้าใจในคำตอบ ซึ่งคำตอบที่ให้พี่สาวอาจไม่ชัดเจน และไม่อยากให้พี่สาวไม่เข้าใจ อันปิดโอกาสให้พี่สาวเจริญทางธรรมต่อ เพราะพี่สาวมีทีท่าไม่เชื่อพุทธศาสนาเพราะไม่ชัดเจนในคำตอบตรงนี้ อยากให้พี่เป็นพุทธแท้ๆ ที่เอาพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ เลยขอรบกวนพระอาจารย์ชี้แนะค่ะ

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา – ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นมี ๒ ระดับ คือ ระดับ “ปรมัตถสัจจะ” กับระดับ “สมมติสัจจะ” ที่หลวงพ่อสอนพี่สาวคุณนั้น ท่านพูดในแง่ปรมัตถสัจจะ แต่ในชีวิตประจำวันนั้นคนเราต้องอาศัยสมมติสัจจะเป็นหลัก

ถ้าหากพี่สาวของคุณมองว่าพ่อแม่เป็นสิ่งสมมุติ (ดังนั้นจึงไม่ควรกตัญญูท่าน) ก็ควรมองต่อไปด้วยว่าเงินทองเป็นเรื่องสมมุติ ดังนั้นจึงไม่ควรหาเงินหาทอง เงินทองที่มีอยู่ก็ควรแจกจ่ายให้หมด ไม่ควรสะสมต่อไป ในทำนองเดียวกันร่างกายของเธอก็เป็นของสมมุติ จึงไม่ควรดูแลรักษา ไม่ควรอาบน้ำชำระร่างกาย ใครจะมาทำร้ายก็ไม่ต้องป้องกัน

แต่โดยสามัญสำนึกเราก็รู้ว่าการทำเช่นนั้นไม่ถูกต้อง แม้เงินทองเป็นของสมมุติ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตในโลกสมัยใหม่ ถ้ารู้จักใช้ก็มีประโยชน์ ร่างกายก็เช่นกัน แม้จะเป็นสิ่งสมมุติว่าเป็นของเรา แต่ก็ควรดูแลรักษาเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำความดี

ฉันใดก็ฉันนั้น แม้พ่อแม่เป็นสิ่งสมมุติ แต่ความดีที่ท่านทำต่อเราตั้งแต่เล็กจนโตนั้นเป็นของจริง ทำให้เราเติบใหญ่ เป็นคนดี รู้จักพุทธศาสนา เราก็ควรทำดีต่อท่าน มีความกตัญญูต่อท่าน (เช่นเดียวกับที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระเจ้าสุทโธทนะจนเป็นพระอรหันต์)

อันที่จริงที่พูดว่าพ่อแม่เป็นสิ่งสมมุตินั้น ท่านหมายถึงว่า คำว่า “พ่อแม่” หรือ “ความเป็นพ่อแม่”เป็นสิ่งสมมุติ แต่รูปนามที่เรียกว่า “พ่อแม่” นั้นเป็นของจริง มีอยู่จริง ไม่ได้เป็นมายา ส่วนเราหรือรูปนามที่สมมุติว่าเป็น “ตัวเรา”นั้น เกิดและเติบโตได้ก็เพราะรูปนามที่เรียกว่า “พ่อแม่” ดังนั้นจึงควรรู้สึกสำนึกในบุญคุณ

เรื่องสมมุตินี้หากเข้าใจไม่ถูกต้อง ก็จะพลอยเข้าใจไปว่าความดีความชั่วเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง สมมุติกันขึ้นมาเอง ดังนั้นจะทำชั่วก็ได้ จะฆ่าใครก็ได้เพราะคนก็เป็นสิ่งสมมุติ

ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากคนมองว่าทุกอย่างเป็นสมมุติไปหมด ความจริงระดับปรมัตถสัจจะนั้น เหมาะสำหรับผู้มีปัญญาและมีคุณธรรม (และผู้มีปัญญาเท่านั้นที่จะเข้าถึงความจริงระดับนี้ได้อย่างแท้จริง) หากยังเป็นปุถุชนอยู่ก็ยังต้องพึ่งพิงสมมุติสัจจะ หาไม่จะกลายเป็นคนชั่วและถลำสู่ความตกต่ำได้ง่ายมาก

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

13 เมษายน วันผู้สูงอายุแห่งชาติ
14 เมษายน วันครอบครัว






(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ พฤษภาคม 24, 2022, 07:41:00 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ia/220524074757.png) (http://picture.in.th/id/bdd5a5631d246840be84b640b0339188)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ธรรมขั้นสูงสุดนั้นมิได้อยู่ที่ไหน หากอยู่ในความธรรมดาสามัญ เพราะธรรมดาสามัญนั้นเอง (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)

ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าถึงธรรมดา
กลมกลืนกับธรรมดา
ไม่ขัดขืนโต้แย้งกับธรรมดา
ทั้งไม่ผลักไสหรือยึดติดธรรมดา

เพราะธรรมดานั้นไม่มีบวกหรือลบ สูงหรือต่ำ น่ายินดีหรือไม่น่ายินดี หากเป็นใจเราต่างหากที่ไปกำหนดหมายหรือให้ค่าเอาเอง

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโลกที่เร่งรีบอึกทึก และถูกปรุงแต่งจนพอกหนาด้วยสมมติและมายา บางครั้งเราจำเป็นต้องหลีกเร้นไปยังที่ที่สงบสงัดและปลอดโปร่งจากภารกิจ เพื่อมีเวลาพินิจจิตใจของตน จนหยั่งเห็นธรรมะหรือธรรมดาท่ามกลางความผันผวนของความรู้สึกนึกคิด ขณะเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างกลมกลืน และเป็นมิตรกับธรรมดามากขึ้น

แต่ในที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องกลับมาสู่โลกกว้างและชีวิตที่เป็นจริง ต้องเกี่ยวข้องกับงานการและผู้คน เผชิญกับความแปรปรวนของสรรพสิ่งรอบตัว พบกับความสมหวังและไม่สมหวัง จนบางครั้งเราอดไม่ได้ที่จะคิดหัวนกลับไปสู่สำนักปฏิบัติอันสงบสงัด หรือไม่ก็อยากจะเก็บตัวอยู่ในห้องพระเพื่อเจริญสมาธิภาวนานานเท่านาน แต่ใช่หรือไม่ว่าในชั่วขณะนั้น เรากำลังคิดหันหลังให้กับธรรมะที่อยู่ท่ามกลางความธรรมดาสามัญ

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ชีวิตที่นั่งหรือเดินภาวนาทั้งวันเป็นชีวิตที่ไม่ธรรมดาสามัญ แม้จะจำเป็น แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ตลอด เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องพร้อมกลับมาสู่ชีวิตธรรมดาสามัญ ซึ่งมีภารกิจและความรับผิดชอบที่ต้องใส่ใจ

แต่งานการใช่ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม แท้จริงเป็นอุปกรณ์แห่งการเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เมื่อพระรูปหนึ่งขอร้องให้อาจารย์สอนธรรม ท่านกลับถามว่า เธอฉันภัตตาหารเช้าเสร็จแล้วหรือ เมื่อศิษย์ตอบว่า ฉันเสร็จแล้ว ท่านกลับตอบว่า งั้นเธอก็กลับไปล้างจานได้แล้ว

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) การปฏิบัติธรรมในสำนักอันสงบสงัด เปรียบไปก็ไม่ต่างจากการฝึกซ้อมของนักกีฬา แต่การฝึกซ้อมจะมีประโยชน์อะไรหากไม่ลงไปสู่สนามจริง นักกีฬาย่อมไม่กลัวสนามจริงฉันใด นักปฏิบัติธรรมก็ไม่พรั่นพรึงโลกกว้างและชีวิตจริงฉันนั้น

จะว่าไปแล้ว โลกว้างและชีวิตจริงนั่นแหละคือสถานที่ดีที่สุดสำหรับการปฏิบัติธรรม เพราะความเป็นจริงโดยเฉพาะความทุกข์คือครูที่ฉลาดทีสุดในการเคี่ยวเข็ญเราให้เข้าถึงธรรมและธรรมดา

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความพลัดพราก ความสูญเสีย และความไม่สมหวังอย่างไม่เป็นทุกข์ สามารถเข้าถึงความสงบเย็นได้ ท่ามกลางความผันผวนของโลกและชีวิต อีกทั้งยังสามารถเอื้อเฟื้อเกื้อกูลและเป็นมิตรกับผู้อื่นได้ โดยไม่แบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง ทั้งหมดนี้เราสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตสามัญที่มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งมิตรและศัตรู มีทั้งสมหวังและไม่สมหวัง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2022, 06:33:21 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/220621063844.jpg) (http://picture.in.th/id/fa97e731cb67f760e20d3eca55b891d7)



องคุลิมาลนั้นเป็นมหาโจร แต่เมื่อบวชเป็นภิกษุก็มีความอ่อนน้อมถ่อมตนและใฝ่ธรรม เมื่อได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าว่าให้รู้จักแสวงหากัลยาณมิตร พระองคุลิมาลน้อมรับคำสอนดังกล่าว จึงได้ไปรู้จักกับพระรูปหนึ่งชื่อพระนันทิยะ ระหว่างที่สนทนากันพระองคุลิมาลได้ถามพระนันทิยะว่า พระพุทธองค์ทรงสอนอะไรบ้าง

พระนันทิยะตอบว่า พระพุทธองค์ทรงสอนให้ ปล่อยให้วางทั้งข้างหน้าข้างหลังและท่ามกลาง ไม่ยึดติดในอดีต อนาคต และปัจจุบัน อารมณ์ใดที่พอใจหรือไม่น่าพอใจก็ให้วางเอาไว้

พบอารมณ์ที่พอใจที่เรียกว่าอิฏฐารมณ์ก็ไม่ยินดี พบอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจที่เรียกว่าอนิฏฐารมณ์ก็ไม่ยินร้าย

ใครเขาด่าว่าอะไรก็กองคำด่าว่าไว้ตรงนั้น ไม่ต้องพาติดตัวไปด้วย เมื่อวางแล้วใจก็เป็นปกติไม่ทุกข์

ตอนท้ายท่านได้กล่าวว่า “ผู้ที่รู้จักถือเอาประโยชน์ทั้งจากอิฏฐารมณ์ และอนิฏฐารมณ์ พระผู้มีพระภาคตรัสสรรเสริญว่าเป็นบัณฑิต”

เวลาที่มีผัสสะมากระทบกับตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่ว่าจะเป็นอิฏฐารมณ์หรืออนิฏฐารมณ์ โดยเฉพาะอนิฏฐารมณ์ ถ้าเกี่ยวข้องกับมันไม่เป็น ก็จะเกิดทุกข์ใจ

ดังนั้นอย่างแรกที่เราควรทำก็คือ รู้จักรักษาใจไม่ให้ทุกข์ ถ้าเราเผลอปล่อยใจให้ทุกข์ ก็ถือว่าไม่ได้ทำหน้าที่ที่พึงมีต่อจิตใจของตัวเอง

คนที่บอกว่ารักตัวเอง แต่พอมีเหตุการณ์มากระทบ ก็ปล่อยใจให้ทุกข์ระทม โศกเศร้าเสียใจ อย่างนั้นถือว่า ไม่รักตัวเอง

เมื่อรักษาใจให้ปกติแล้ว ขั้นต่อไปคือต้องรู้จักหาประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย คุณสมบัติที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวพุทธคือรู้จัก #หาประโยชน์จากสิ่งต่างๆไม่ว่าดีหรือร้าย

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ เคยกล่าวว่า "นักภาวนาต้องรู้จักฉวยโอกาส" ฉวยโอกาสในที่นี้หมายความว่า ใช้ทุกโอกาสและทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพื่อการปฏิบัติธรรมหรือพัฒนาจิตใจ เช่น ไม่ว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน ก็ภาวนาอยู่เสมอ รวมทั้งไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นก็ใช้สิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์แก่การภาวนาหรือพัฒนาจิตใจ แม้จะเป็นสิ่งที่ย่ำแย่ก็ตาม

คนส่วนใหญ่พอเจอเหตุร้ายหรือสิ่งที่ไม่น่าพอใจ คืออนิฏฐารมณ์ ก็เป็นทุกข์เลย แบบนี้เรียกว่าขาดทุน

บางคนขาดทุนสองต่อสามต่อ เช่น เมื่อเงินหาย ใจก็เสีย สุขภาพก็แย่ เลยเสียงานด้วย พอหงุดหงิดก็ระบายอารมณ์ใส่คนรอบข้างก็เสียสัมพันธภาพอีก เรียกว่าขาดทุนหลายต่อเลย

แต่คนที่ฉลาดหรือนักปฏิบัติจะไม่ขาดทุน อย่างน้อยต้องเสมอตัวก่อน คือใจเป็นปกติไม่ทุกข์ แล้วทำให้ดีกว่านั้นก็คือได้กำไร ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราแม้จะแย่เพียงใดก็มีประโยชน์ทั้งนั้นถ้ารู้จักมอง การรู้จักมอง เรียกว่า โยนิโสมนสิการ

การรักษาใจให้ปกติ รักษาใจไม่ให้ทุกข์ทำได้หลายวิธี เช่น มีสติ เมื่อมีสติ สติจะช่วยรักษาใจไม่ให้ยินดียินร้าย ไม่ให้ฟูหรือแฟบ เมื่อเกิดอารมณ์อกุศลขึ้นมา ใจก็ไม่เข้าไปเป็น ไม่เข้าไปยึดอารมณ์นั้น

มีความโกรธเกิดขึ้นก็เห็น แต่ไม่เข้าไปเป็น เห็นความโกรธแต่ไม่เป็นผู้โกรธ เหมือนเรายืนมองกองไฟ กองไฟจะร้อนแค่ไหน แต่หากเรายืนดูอยู่ห่างๆ ก็จะไม่รู้สึกร้อน การถอยออกมาเป็นผู้ดูทำให้กายไม่ร้อน ใจก็เช่นกัน เมื่อถอยออกมาเป็นผู้ดู ใจก็ไม่ทุกข์ ใจเป็นปกติได้

อีกวิธีที่ทำให้ใจไม่ทุกข์คือ ยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาโลก เป็นธรรมดาที่ทุกชีวิตต้องประสบ หรือยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ตีโพยตีพายไปก็ไม่เกิดประโยชน์

การมองแง่ดีเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น เพราะเห็นข้อดีของมัน จึงไม่ปฏิเสธไม่ผลักไส หรือไม่ก็เพราะเห็นว่าจะเกิดโทษตามมาถ้าไม่ยอมรับหรือปฏิเสธผลักไส

เหล่านี้เป็นวิธีการที่ช่วยทำให้เรายอมรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะย่ำแย่แค่ไหน ใจก็ไม่เป็นทุกข์ สามารถทรงตัวเป็นปกติได้ อย่างนี้เรียกว่าเสมอตัว

แต่เราสามารถทำได้มากกว่านั้น คือ หากำไร จากสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย เช่น เงินหาย โทรศัพท์หาย พอมีสติ ก็มีปัญญาเห็นว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา จากนั้นก็มองต่อไปว่าเราจะได้ประโยชน์อะไรจากเหตุการณ์นี้บ้าง ก็พบว่ามันเป็น #แบบฝึกหัด ให้เรารู้จักปล่อยวาง

มันสอนธรรมว่าไม่มีอะไรสักอย่างที่จีรังยั่งยืน ไม่มีอะไรสักอย่างที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ถ้าเรามองอย่างนี้ก็ได้กำไร การรู้จักหาประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ช่วยทำให้ใจเป็นปกติได้มากขึ้น

มีชาวอังกฤษคนหนึ่งชื่อจอห์น โรเจอส์ อายุประมาณ ๖๐ปี วันหนึ่งขณะกำลังจูงหมาเดินเล่น จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามากระแทกหลังจนล้มลง ทีแรกเขานึกว่าเพื่อนมาหยอกเล่น ปรากฏว่าไม่ใช่ ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่รู้จักเลย จากนั้นผู้หญิงแปลกหน้าก็เอามีดจ้วงแทงตามลำตัว แขน ขา รวมทั้งหมดประมาณ ๔๐ แผล เสร็จแล้วก็หนีไป ปล่อยให้ชายผู้นั้นนอนจมกองเลือด

โชคดีที่มีคนเห็นเหตุการณ์ พาส่งโรงพยาบาลได้ทัน เขาจึงรอดตาย เขามารู้ภายหลังว่าก่อนหน้านั้น ๑๐ วันมีคนตายเพราะฝีมือผู้หญิงคนนั้นไปแล้วสามราย และบาดเจ็บสาหัสสองราย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตัวเขา ทั้งหมดนี้ไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องโกรธแค้นกับเธอเลยเลย

ต่อมาผู้หญิงคนนั้นถูกจับได้ มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ชายผู้นี้ว่า มีอะไรอยากจะบอกผู้หญิงคนนี้ไหม เขาตอบว่า "ผมอยากถามว่าทำไมเธอต้องทำอย่างนี้ ช่วยบอกผมด้วย” น้ำเสียงของเขาไม่บ่งบอกถึงความโกรธแค้นเลย

นักข่าวถามต่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงบ้างหรือเปล่า เขาตอบว่า “ผมได้คิดว่าวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาแต่เช้า แล้วอาจโดนรถเมล์แล่นทับตายก็ได้ เราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ฉะนั้นพยายามทำสิ่งที่ดีสุดทุกวันดีกว่า "

จอห์น โรเจอส์เป็นตัวอย่างของคนที่เมื่อประสบเหตุร้ายแล้ว เขาสามารถรักษาใจให้ไม่ทุกข์ได้ คนส่วนใหญ่หากเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าไม่โกรธแค้นก็จะตีอกชกหัวว่า "ทำไมถึงต้องเป็นฉัน"

หรืออาจจะคิดว่า "ทำไมซวยเหลือเกิน ทำบาปทำกรรมอะไรไว้จึงเคราะห์ร้ายอย่างนี้" การคิดอย่างนี้จะยิ่งซ้ำเติมจิตใจให้ย่ำแย่ลง แต่ชายผู้นี้ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาให้อภัยผู้หญิงคนนั้น

ใช่แต่เท่านั้น เขายังรู้จักหาประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ กล่าวคือ ใช้เป็นเครื่องเตือนใจให้ไม่ประมาทกับชีวิต และทำให้ได้คิดว่าต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด หรือทำสิ่งที่ดีที่สุดตั้งแต่วันนี้ ซึ่งตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอนเรื่องความไม่ประมาทว่า "ความเพียรเป็นสิ่งที่ต้องทำวันนี้ ใครจะรู้ความตายแม้พรุ่งนี้"

แม้ชาวอังกฤษคนนี้จะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่ท่าทีของเขาสอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าเรารู้จักมองหรือเปล่า

ความเจ็บป่วยก็เช่นกันมีประโยชน์หากรู้จักมอง มันสามารถสอนธรรมให้แก่เรา ว่าชีวิตนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตน

เวลาที่เราสบายดี เราไม่เคยคิดว่าร่างกายนี้เต็มไปด้วยความเจ็บป่วย หรือเป็นรังของโรค เราไม่เคยตระหนักว่าร่างกายเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา พอเจ็บป่วยถึงรู้ว่า ร่างกายไม่ได้อยู่ในอำนาจบงการของเราเลย สั่งให้หายเจ็บป่วยก็ทำไม่ได้ บางทีแค่จะยกมือก็ยังยกไม่ขึ้น

ท่านอาจารย์พุทธทาสบอกว่า “ความเจ็บป่วยมาเตือนให้เราฉลาด” กล่าวคือฉลาดในเรื่องไตรลักษณ์ แต่คนบางคนเจอความเจ็บป่วยก็ยังดื้อด้าน ไม่เปิดรับธรรมที่ความเจ็บป่วยมาสอน อย่างนี้จะขาดทุนมาก นอกจากจะไม่ได้ธรรมมาเป็นกำไรแล้ว ยังต้องเจ็บป่วยทั้งกายและใจอีกด้วย

เมื่อเจอความทุกข์ ก็ให้ทุกข์แค่กาย หรือเสียแค่ทรัพย์ แต่อย่าปล่อยให้ใจเป็นทุกข์ด้วย เมื่อตั้งสติได้แล้วก็ลองใคร่ครวญดี ๆ จะพบว่ามันมีประโยชน์ไม่น้อย ถึงตอนนั้นเราคงอดไม่ได้ที่จะขอบคุณความทุกข์

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล




(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2022, 06:40:16 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/it/220621064553.jpg) (http://picture.in.th/id/2daffac9062be645a51ea2a8386cfb8a)



คนที่ดูแลผู้ป่วยมา 10 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง แทบไม่มีเวลาพัก แล้วบางทีตัวเองยังมีลูก มีภาระ หรือต้องทิ้งอนาคต จึงเป็นธรรมดามากที่จะมีความคิดแวบหนึ่งขึ้นมาว่า

“เมื่อไหร่เขาจะตายสักที”

อย่าไปคิดว่า คุณเป็นคนเลวที่มีความคิดแบบนี้ เพราะหลายคนก็คิดแบบคุณ อย่าไปจริงจังกับความคิดนี้มาก มันแค่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแวบหนึ่งในยามที่หงุดหงิด ในยามที่น้อยใจ คนส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่

แม่คนหนึ่งดูลูกซึ่งนอนเป็นผักนานนับสิบปี เธอยังมีลูกอีกหลายคนที่ต้องดูแล แต่ต้องเสียเวลาไม่ใช่น้อยกับการดูแลลูกคนนี้ วันหนึ่งเธอกลัดกลุ้มและคับแค้นมากถึงกับพูดต่อหน้าลูกที่ป่วยว่า “เมื่อไหร่แกจะตายสักที”

หลายปีต่อมาลูกคนนี้ฟื้นขึ้นมา แม่ดีใจมาก แล้ววันหนึ่งลูกก็ถามแม่ว่า แม่พูดประโยคนี้จริงไหม แม่ถึงกับร้องไห้ และขอโทษลูกที่พูดประโยคนั้นออกไป แม่คงไม่รู้ว่าคนที่เป็นผักนั้น แม้จะพูดไม่ได้ แสดงอากัปกิริยาไม่ได้ แต่เขายังได้ยิน ผู้ดูแลพูดอะไรไป เขาได้ยินหมด

เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ที่อังกฤษมีการทดสอบดูว่า คนที่นอนเป็นผักเวลาเราพูดอะไรเขารู้เรื่องไหม หมอพูดกับคนไข้หลายคนที่เป็นผัก โดยให้เขาจินตนาการว่ากำลังเล่นเทนนิสบ้าง กำลังเดินรอบห้องบ้าง ระหว่างนั้นก็มีการสแกนสมองด้วยเครื่อง functional MRI เขาพบว่า สมองส่วนที่รับรู้ภาษาของผู้ป่วยซึ่งนอนเป็นผัก ยังทำงานเป็นปกติ และสมองที่ควบคุมอวัยวะเช่น แขน ขา คือ premotor cortex ก็ทำงาน แสดงว่าเขาได้ยินและเข้าใจที่หมอพูด

น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือเมื่อนำผลสแกนสมองของคนที่ป่วยเป็นผักไปเปรียบเทียบกับของคนปกติที่ได้รับคำสั่งเดียวกัน ปรากฏว่า ไม่สามารถแยกออกว่าผลสแกนสมองอันไหนเป็นของผู้ป่วยที่ป่วยเป็นผัก อันไหนเป็นของคนปกติ หมายความว่าสมองของผู้นอนเป็นผัก เหมือนคนปกติ เพียงแต่เขาพูดออกมาไม่ได้ หรือสั่งแขนและขาให้ทำงานไม่ได้เหมือนคนปกติ

ย้อนมายังกรณีแม่ที่มีความคิดแวบหนึ่งว่า อยากให้ลูกที่นอนเป็นผัก ตายสักที เพื่อแม่จะได้ไปดูแลลูกคนอื่น การที่แม่คิดแบบนี้ เป็นวิสัยของปุถุชน อย่าไปคิดว่าผิดบาป ตราบใดที่มันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบซึ่งเกิดจากความเครียด

แต่หลายคนทำใจไม่ได้ว่าทำไมตัวเองคิดแบบนี้ จึงโทษตัวเองว่าเป็นคนเลว คิดแบบนี้ได้อย่างไร "ไม่มีใครเลวเท่าฉันอีกแล้ว"

อาตมาอยากบอกว่า ความคิดแบบนี้เกิดขึ้นกับคนมากมาย ไม่ได้เกิดกับคุณคนเดียว มันเป็นธรรมดาของคนเราเวลามีความเครียด กดดัน เพราะฉะนั้นอย่าประณามหรือลงโทษตัวเองที่คิดแบบนี้ ข้อสำคัญคือ ให้มันเป็นแค่ความคิดเฉย ๆ แล้วก็รู้ทันมัน ไม่ทำตามมัน

หลวงพ่อคำเขียนพูดเสมอว่า “คิดดีก็ช่าง คิดชั่วก็ช่าง” เวลาเจริญสติ ก็มีความคิดทั้งดีและชั่ว ผุดขึ้นมา เราก็แค่ดูมันเฉย ๆ มันเป็นแค่ความคิด ไม่ใช่ตัวเรา อย่าไปลงโทษตัวเองที่มีความคิดแบบนี้ อย่าตัดสินว่าตัวเองเลวที่มีความคิดแบบนี้ หาไม่เราจะดูแลคนป่วยด้วยความทุกข์ ความคิดแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา ในยามที่เราเครียดจนลืมตัว เมื่อรู้ตัว ก็ให้อภัยตัวเองที่มีความคิดแบบนี้

การให้อภัยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ดูแล แม้จะไม่มีความคิดแบบนี้เกิดขึ้น ก็อาจมีการกระทำหรือคำพูดบางอย่างที่หลุดออกมา เช่น ต่อว่าพ่อแม่ หรือขึ้นเสียงกับท่าน เมื่อท่านไม่ทำตามคำแนะนำ ของเรา เช่น แอบกินอาหารรสจัดทั้ง ๆ ที่ไตวาย หรือแอบกินข้าวขาหมู ทั้ง ๆ ที่เป็นโรคหัวใจ หรือแอบสูบบุหรี่ทั้ง ๆ ที่เป็นมะเร็งปอด เป็นธรรมดาที่เราจะลืมตัวทำแบบนี้ เพราะหวังดีกับท่าน จนโมโหที่ท่านไม่เป็นไปดั่งใจเรา

ความปรารถนาดีกลายเป็นสิ่งตรงข้าม

เป็นการดีถ้าเราเตือนตัวเองอยู่เสมอ ว่าบ่อยครั้งคนเรามักจะทำร้ายคนอื่นในนามของความปรารถนาดี ยิ่งหวังดีกับใครมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเผลอทำร้ายเขาเมื่อเขาไม่ทำตามความหวังดีของเรา แม้ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขา แต่ก็ทำร้ายจิตใจเขาด้วยคำพูด

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความยึดติดถือมั่นในความคิดของตน หรือยืนกรานในความหวังดีของตน

ดังนั้นสิ่งที่ควรเตือนตนเสมอคือ อย่ายึดติดถือมั่นกับความเห็นของเรามากนัก แม้ความเห็นหรือคำแนะนำของเราจะถูก เพราะเราอ่านตำรามา หรือได้คำแนะนำจากหมอมาก็ตาม

หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก ลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ท่านพูดเตือนสติได้ดีมากว่า “แม้ความเห็นของเราจะถูก แต่ถ้ายึดเข้าไว้ มันก็ผิด” ที่ว่าผิดก็เพราะ ทันทีที่ยึดมันก็เกิดตัวกูของกูขึ้นมา

คำแนะนำของเราแม้จะเกิดจากความปรารถนาดี อยากให้พ่อแม่สุขภาพดีขึ้น แต่ถ้ายึดมั่นถือมั่นมากเกินไป จะเกิดปัญหาทันที เช่น ยัดเยียดให้ท่านกินอาหาร ทั้ง ๆ ที่ท่านอยู่ในระยะท้าย ร่างกายไม่รับอาหารแล้ว แต่ลูกก็ยังบังคับด้วยการfeed อาหารให้ท่าน ทำให้ท่านทุกข์ทรมาน กลายเป็นโทษมากกว่าคุณ

หรือพอแนะนำไปแล้ว ท่านไม่ทำตาม ก็โกรธ ต่อว่าท่าน ถามว่าที่โกรธก็เพราะท่านไม่ทำตามคำแนะนำของเราใช่ไหม โกรธที่ท่านไม่เชื่อฟังเราใช่ไหม ดูเผิน ๆ เหมือนว่าเราทำเพื่อท่าน แต่ที่จริงเราทำเพื่อตัวเองมากกว่า

เส้นแบ่งอันนี้มันบางมาก ทำเพื่อเขา กับ ทำเพื่อเรา บ่อยครั้งเราคิดว่าทำเพื่อผู้ป่วย จึงโกรธเพราะเป็นห่วงท่าน แต่ลึก ๆ เราโกรธที่ท่านไม่เชื่อเรา ไม่ทำตามคำแนะนำหรือคำสั่งของเรา กลายเป็นเรื่องตัวกูของกูไป

ถ้าเราเป็นห่วงท่าน ปรารถนาดีต่อท่านจริง ๆ ควรเอาท่านเป็นศูนย์กลาง มองจากมุมของท่าน พยายามเข้าใจท่าน ถ้าเราเข้าใจท่าน ท่านจะกินข้าวเหนียวทุเรียนบ้าง ก็ไม่เป็นไร เพราะบางคนแค่ได้แตะ ๆ นิดหน่อยก็มีความสุขแล้ว

พระไพศาล วิสาโล




(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ❁ จิตวุ่นวาย คลายด้วยธรรม ❁ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2022, 08:01:13 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/il/220621080655.jpg) (http://picture.in.th/id/a8c5b0a02e52ba4ff037753f505da063)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.coolz-server.com/s/bMNhT2GO) (http://image.coolz-server.com/v/bMNhT2GO) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)   จิตวุ่นวาย คลายด้วยธรรม  (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.coolz-server.com/s/bMNhT2GO) (http://image.coolz-server.com/v/bMNhT2GO) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ความทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา ปัญหาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบ  แต่ความทุกข์นั้นหากมองให้ดีก็มีประโยชน์ สามารถผลักดันให้ผู้คนเข้าหาธรรมเพื่อออกจากทุกข์ได้   ปัญหาก็เช่นกันช่วยกระตุ้นให้เราใช้ปัญญาเพื่อหาคำตอบ  ยิ่งปัญหานั้นเป็นสิ่งที่เรากำลังประสบ หรือกำลังสร้างความทุกข์แก่เรา  ก็อาจช่วยให้เราใคร่ครวญกับชีวิตที่ผ่านมา อันนำไปสู่การปรับเปลี่ยนชีวิต หรือวางจิตวางใจเสียใหม่ ทำให้เกิดความเจริญงอกงามตามมา

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) คนเรานั้นหากไม่เจอความทุกข์หรือปัญหา ก็มักพอใจอยู่กับร่องความคิดหรือชีวิตเดิม ๆ โดยไม่เฉลียวใจว่ามันอาจก่อโทษได้ในภายหลัง   การเจอทุกข์หรือประสบปัญหาแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยให้เราปรับเปลี่ยนตนเองก่อนที่เหตุร้ายที่หนักหนาสาหัสกว่าจะบังเกิดขึ้น   ใช่แต่เท่านั้นความทุกข์หรือปัญหา ยังช่วยเตือนใจให้เราตระหนักว่า ถึงที่สุดแล้วเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ หรือเทคโนโลยีทั้งปวงมิใช่สรณะอันประเสริฐ  ในยามที่ชีวิตมีปัญหา ประสบความขัดแย้ง พลัดพรากจากของรักคนรัก  มีเงินมากมายเพียงใดก็บรรเทาความเศร้าโศกหรือว้าวุ่นใจไม่ได้เลย  มีแต่ธรรมะเท่านั้นที่เป็นสรณะอันพึ่งพาได้อย่างแท้จริง   ผู้คนเป็นอันมาก “ตาสว่าง”ได้ก็เพราะประสบความทุกข์หรือเมื่อชีวิตมีปัญหา

พระไพศาล วิสาโล




(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: เตรียมกายเตรียมใจให้พร้อมตาย - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2022, 08:10:59 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)
  เตรียมกายเตรียมใจให้พร้อมตาย (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   "ในยามเจ็บป่วย ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ทุกข์ที่กายเท่านั้น หากใจก็พลอยทุกข์ด้วย เช่น มีความวิตกกังวล เครียด หงุดหงิด หดหู่ หวาดกลัว ฯลฯ ใจที่เป็นทุกข์ย่อมทำให้ร่างกายเสื่อมทรุดลง หายยาก หรือฟื้นตัวได้ช้าลง ตรงกันข้ามใจที่สงบหรือเบิกบานจะช่วยให้ร่างกายหายเร็วขึ้น และเจ็บปวดน้อยลง

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)    อย่างไรก็ตามโรคภัยไข้เจ็บในบางกรณีก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ และทำให้ร่างกายเสื่อมทรุดลงจนไม่สามารถฟื้นเป็นปกติได้ เช่น เป็นอัมพฤกษ์ หรือพิการ แม้กระนั้นใจก็ยังมีความสำคัญ ถ้าหากรักษาใจไว้ให้ดี เช่น มีความสงบ จดจ่อในสิ่งที่ดีงาม ความทุกข์ก็จะลดลง ไม่ทุรนทุรายหรือกระสับกระส่าย แม้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือป่วยหนักจนมาถึงระยะสุดท้ายของชีวิต หมอ พยาบาล และเทคโนโลยีทั้งหลายอาจช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่จิตใจของเราเองก็ยังสามารถเป็นที่พึ่งได้ ช่วยให้เป็นทุกข์น้อยลง และมีความสงบได้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   ด้วยเหตุนี้ในยามเจ็บป่วย การดูแลรักษาจิตใจจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่าการดูแลรักษาร่างกาย บางครั้งอาจสำคัญกว่าด้วยซ้ำโดยเฉพาะเมื่อร่างกายไม่สามารถเยียวยาได้อีกต่อไป เมื่อมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต ร่างกายมีแต่จะทรุดลงและทุกข์หนักขึ้นจนคุมไว้ไม่อยู่ แต่จิตใจของเราไม่ใช่เช่นนั้น สามารถเป็นสุขและสงบได้จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อป่วยหนักหรือเมื่อรู้ตัวว่าวาระสุดท้ายของชีวิตใกล้จะมาถึง จึงไม่ควรปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ แต่ควรใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อรักษาจิตและตระเตรียมใจให้พร้อมสำหรับช่วงสำคัญที่สุดของชีวิต

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)   ความตายนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมาเมื่อไร และเลือกไม่ได้ว่าจะตายอย่างไร แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะเผชิญกับความตายอย่างไร ด้วยความสงบหรือตื่นตระหนก ด้วยความปล่อยวางหรือยื้อยุดสุดกำลัง หากเราต้องการเผชิญกับความตายด้วยความสงบและด้วยความรู้สึกปล่อยวาง เราต้องเตรียมใจเสียแต่ตอนนี้"

พระไพศาล วิสาโล

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) คลิกฟังได้ที่ ===> https://fb.watch/dICwYu08zr/





(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลจาก :Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ✿ สุขทุกข์อยู่ที่เราเลือก ✿ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 21, 2022, 08:25:27 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ia/220621083039.jpg) (http://picture.in.th/id/6b73341f77c26e9c2790ccc7210bf238)



(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/bMNhT2GO) (http://image.coolz-server.com/v/bMNhT2GO) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) สุขทุกข์อยู่ที่เราเลือก (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/bMNhT2GO) (http://image.coolz-server.com/v/bMNhT2GO) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  สิ่งต่างๆที่เราเจอในชีวิตประจำวัน เราเลือกไม่ได้ แล้วก็ส่วนใหญ่เรากำหนดบังคับบัญชาแทบไม่ได้เลย เช่น การกระทำ คำพูดของคนนั้นคนนี้ที่พูดถูกใจเราหรือทำถูกใจเรา หรือพูดไม่ถูกใจเราทำไม่ถูกใจเรา ถ้าการกระทำของคนเหล่านั้นมากำหนดมีอิทธิพลต่อจิตใจของเรา เราก็คงจะแย่เหมือนกัน เพราะว่าสิ่งที่ไม่อยากเจอแต่เราต้องเจอ อันนี้เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)  ถ้าคนเราเอาสุขหรือทุกข์ไปผูกติดอยู่กับสิ่งแวดล้อมภายนอกหรือสิ่งที่เราอยากเจอะเจอ ในชีวิตเราก็คงไม่เป็นอิสระ ก็ต้องผันผวนปรวนแปรไปตามสิ่งภายนอกหรือสิ่งที่มากระทบกับเราหรือที่เราเจอะเจอ แต่ในความเป็นจริง มันมีสิ่งหนึ่งที่เราทำได้หรือเราเลือกได้ก็คือ เลือกว่าจะรับมือกับมันอย่างไรอะไร เป็นสิ่งที่เราเลือกไม่ได้เพราะขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยภายนอกมากมาย แต่ อย่างไร มันอยู่ที่เรา ว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไร ด้วยสติ ด้วยปัญญา หรือด้วยความหลง หรือว่าปรุงแต่งไปในทางลบ การที่สุขหรือทุกข์อยู่ที่ว่าเราจะรับมือกับสิ่งต่างๆอย่างไร มันคือความจริงที่เปิดโอกาสให้เรามีเสรีภาพมีอิสระ เพราะว่าเราจะทำอย่างไร เราจะรับมืออย่างไร เราจะเจอสิ่งต่างๆอย่างไร เห็นอย่างไร มันอยู่ที่เรา

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) ถ้าเราปรุงแต่งไปในทางบวก อย่างน้อยๆสิ่งที่มากระทบก็ไม่ทำให้เราเป็นทุกข์ หรือกลับจะทำให้เป็นสุขด้วยซ้ำ อันนี้เป็นความจริง เป็นเรื่องที่เราควรจะใส่ใจ หมายความว่าเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ว่าจะสุขหรือทุกข์ แม้เราเลือกไม่ได้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า เราเลือกอะไร สุขหรือทุกข์ หรือว่าจะไม่ทุกข์เมื่อมีอะไรต่างๆมากระทบ

พระไพศาล วิสาโล



(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ยิ้มให้ชีวิต - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 28, 2022, 02:04:23 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/220628020731.jpg) (http://picture.in.th/id/5ffbbb97d266d73e5fab796d08f7ed98)


(http://image.coolz-server.com/s/8M2kWarl) (http://image.coolz-server.com/v/8M2kWarl) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ยิ้ม ให้ ชีวิต (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) (http://image.coolz-server.com/s/8M2kWarl) (http://image.coolz-server.com/v/8M2kWarl) (http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b)  ✿   ❁   ✿   ✿   ❁   ✿

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ของขวัญล้ำค่าอย่างหนึ่งที่เรามีกันทุกคนก็คือ “ชีวิต”  ชีวิตทำให้เรามีทุกอย่างที่ทรงคุณค่า  ได้พบทุกคนที่มีความหมายต่อเรา  มีโอกาสทำความดี  ได้พบพระธรรม และได้สัมผัสกับความสุข  ปราศจากชีวิต ทุกอย่างที่เรามี ทุกคนที่เราพบ และทุกสิ่งที่เราเป็น ก็จะสูญสิ้นไป   แต่ในเวลาเดียวกัน  ชีวิตก็ทำให้เราต้องเจอกับความเจ็บปวด ความพลัดพราก  ความสูญเสีย ต้องพบกับสิ่งไม่พึงประสงค์  กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชีวิตนำมาซึ่งความทุกข์

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยทุกข์  แต่ชีวิตก็สามารถให้สิ่งดี ๆ แก่เราได้มากมาย  แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราเจอะเจอ ก็สามารถเป็นประโยชน์แก่เรา หากเรารู้จักเรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมา  ประสบการณ์ชีวิตสามารถสอนเราให้รู้จักเปลี่ยนทุกข์เป็นสุข อีกทั้งโอกาสต่าง ๆ ที่ชีวิตมอบให้แก่เรา ก็สามารถทำให้เราพบประโยชน์สูงสุดของชีวิต นั่นคือ อิสรภาพจากทุกข์ อันเป็นสุขที่ประเสริฐยิ่ง

(http://image.free.in.th/v/2013/iw/190620114125.gif) (http://picture.in.th/id/db6dcc4e00b7e77ac90932265b1b8e9b) ชีวิตเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา จึงควรยิ้มให้กับชีวิต  อย่าโกรธเกลียดเคียดแค้นชีวิตที่นำความทุกข์หรือความผิดหวังมาให้  อย่าคิดว่าทำไมชีวิตจึงโหดร้ายกับฉันนัก  มองให้ดีนั่นอาจเป็นโชคที่มาในรูปของเคราะห์   มันคือสิ่งที่เตรียมเราให้พบกับสิ่งวิเศษสุดที่รอคอยอยู่ข้างหน้า

พระไพศาล วิสาโล




(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)

หัวข้อ: ★ ซ้อมแก่ซ้อมเจ็บซ้อมตาย - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 28, 2022, 05:05:01 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/if/220628052033.jpg) (http://picture.in.th/id/688207159e1876e041cdfd232ea623cb)


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  ซ้อมแก่ซ้อมเจ็บซ้อมตาย (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)  (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ความสุขของคนที่อยู่เบื้องหลัง
เมื่อเกิดความสูญเสียก็คือ
การที่เห็นคนที่เรารักจากไปด้วยดี
อันนี้ก็เรียกว่าแม้จะเสียใจมีน้ำตา
แต่ก็เป็นรอยยิ้ม ยิ้มที่เขาไปสบาย
เขาไปอย่างสงบ อันนี้เป็นรางวัล
ที่คุ้มค่ามากจากการ ซ้อมอยู่เนืองๆ
.....

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) แม้ว่าจะยังมีสุขภาพดี ไม่เจ็บไม่ป่วย
ก็ควรที่จะหมั่นซ้อมตายอยู่เนืองๆ
ซ้อมตายด้วยการเจริญมรณสติ
เช่นก่อนนอนก็ลองนึกเสียว่า
ถ้าเกิดว่าจะต้องตายในคืนนี้
ต้องทิ้งทุกอย่างที่มีที่เป็น
ไม่ว่าลูก ไม่ว่าคนรัก พ่อแม่
การงาน ทรัพย์สมบัติ
ก็ต้องทิ้งร่างนี้ด้วย
ทิ้งความสุขที่เคยชื่นชม


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ใหม่ๆใจไม่ยอม ขัดขืน
แต่ว่าพอทำบ่อยๆ
มันก็ปล่อยวางได้ง่ายขึ้น
หรือถ้าเกิดว่า
ยังมีอะไรที่ค้างคาหรือใจอยู่
มันก็กระตุ้นให้ไปจัดการสิ่งนั้น
ไม่ให้ติดค้าง ไม่ให้คาใจ
บางคนบอกว่ายังทำดีไม่พอ
ยังให้เวลากับพ่อแม่ไม่เพียงพอ
ก็ต้องรีบไปทำ วันรุ่งขึ้น ยังไม่ตาย
ก็ให้เวลากับพ่อแม่
หรือให้เวลากับการปฏิบัติมากขึ้น

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ที่จริงเราซ้อมตายได้หลายวิธี
เวลาสูญเสียทรัพย์โทรศัพท์หาย
รถถูกโกง ถูกปล้นเอาไป
ก็ถือว่านี่เป็นการซ้อมเหมือนกัน
แทนที่จะเอาแต่ทุกข์โศก
คร่ำครวญโกรธแค้น

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ก็ถือว่าเขามาซ้อม
ซ้อมว่าถ้าหากว่าสูญเสียพลัดพราก
เราจะทำใจได้ไหม
เพราะเวลาตอนตาย
เราต้องสูญเสียทุกอย่าง
มีร้อยก็หมดร้อย มีล้านก็หมดล้าน


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) เอาเหตุการณ์ต่างๆที่มันเกิดขึ้นจริง
มาเป็นแบบฝึกหัด รวมทั้งเวลาเจ็บเวลาป่วย
ก็ถือว่านี่มันเป็นโอกาสที่เราจะซ้อมตาย
ซ้อมตายด้วยการฝึกจิตว่า ถ้าเกิดว่าเมื่อป่วย
ทำอย่างไรมันจะป่วยแต่กาย ใจไม่ป่วย
ทำอย่างไรทุกขเวทนาทางกายมันจะไม่บีบคั้นใจ
ถึงเวลาตายมันก็ยิ่งทรมาน
เพราะทุกขเวทนาก่อนที่จะตายมันแรงกล้า
ยิ่งกว่าตอนที่เราเจ็บป่วยหลายเท่า


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ตอนที่เจ็บป่วย
ยังห่างไกลจากตอนที่เรากำลังจะตาย
แต่ว่ามันก็เป็นโอกาสให้เราฝึกซ้อม
ฝึกซ้อมเจริญสติว่าเราจะตั้งสติอย่างไร
เราจะรักษาใจไม่ให้ทุกข์
ขณะที่กยมันกระสับกระส่ายได้ไหม

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) อันนี้สำคัญมากเป็นวิชาที่จำเป็นมาก
เวลาที่เราจะต้องตาย
เพราะว่าทุกขเวทนามันจะกำเริบ
มันจะรุนแรงมาก
ถ้าเรารักษาใจไม่ให้ทุกข์ไปกับกายได้
มันจะง่ายมากที่จะตกไปอยู่ในอบาย
หรือว่าพลัดเข้าไปสู่ในอบายได้ เรียกว่าตกอบาย


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) แต่ถ้าหากว่า กายป่วยกายทุกข์
แต่ว่าใจไม่ทุกข์ กายยังสงบอยู่ได้
การที่จิตสุดท้ายจะเป็นกุศลแล้ว
ก็ไปดีไปสู่สุคติ มันก็เป็นไปได้ง่าย
หลายคนอาจจะไม่เชื่อ
เรื่องจิตสุดท้าย เรื่องสุคติภพ
แต่อย่างน้อยมันก็เห็นได้ชัดก่อนที่จะตาย
ถ้าหากว่าไม่ทุรนทุราย
เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก
เพราะว่าคนจำนวนมากเวลาตาย
ทุรนทุรายทั้งกายทั้งใจ
แต่ถ้าหากว่ารู้จักรักษาใจให้เป็นปกติได้
แม้ว่าจะมีทุกขเวทนาทางกายกำเริบอย่างไร
มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวาง
ในการทำให้การตายของเราเป็นไปอย่างสงบ
และถ้าเราเชื่อว่ามีสุคติภพ
ก็แน่ใจได้ว่า เมื่อเราสิ้นลม จิตก็ไปสู่สุคติได้


(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) ต้องซ้อมเอาไว้ ซ้อมเอาไว้
ซ้อมตายอยู่เนืองๆ
ด้วยการฝึกจากความเจ็บความป่วย
ด้วยการฝึกจากความสูญเสีย
และต่อไปก็ซ้อม ซ้อมป่วย ซ้อมแก่ด้วย
พวกนี้เป็นเรื่องของต้องซ้อมทั้งนั้น
แต่น่าแปลกคนเราไม่ซ้อม
เรื่องบางเรื่องไม่สำคัญก็ซ้อม
เช่น ซ้อมรับปริญญา ซ้อมรับประกาศนียบัตร
ซ้อมจริงจังมาก แต่ความตาย ไม่คิดที่จะซ้อม
........

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) "หมั่นซ้อมตายอยู่เนืองๆ" (http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล



(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)************************************************************************************(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ

(http://image.free.in.th/v/2013/it/190201065856.gif) (http://picture.in.th/id/02424ceec54de77036391a89ec13f4fb) Facebook Kanlayanatam
https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704 (https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704)
หัวข้อ: ❁ไม่ห้ามคิดแต่ให้รู้ทันความคิด - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ มิถุนายน 28, 2022, 05:25:28 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ig/220628053040.jpg) (http://picture.in.th/id/9d925871869ef06b566f53b769d66e3b)


*★°*:.☆:*.°★* 。 (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/pnugB1jT) (http://image.coolz-server.com/v/pnugB1jT) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029)   ไม่ห้ามคิดแต่ให้รู้ทันความคิด  (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) (http://image.coolz-server.com/s/pnugB1jT) (http://image.coolz-server.com/v/pnugB1jT) (http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) *★°*:.☆:*.°★* 。*★°*:.☆:*.°★* 。


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) การปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน
ท่านอนุญาตให้คิดได้ เพราะว่าสิ่งสำคัญ
ไม่ได้อยู่ที่ว่าคิดน้อยหรือคิดมาก
สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่ารู้ทันความคิดหรือเปล่า
นี่สำคัญกว่า


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) คิดน้อยแต่ไม่รู้ทัน
หรือสงบแต่ไม่รู้ตัวว่าสงบ
หรือหลงในความสงบ อันนี้ไม่ดี
แต่ถ้าไม่สงบรู้ว่าไม่สงบ อันนี้ดีกว่า
มันจะคิดน้อยคิดมาก ก็ไม่สำคัญ
เท่ากับว่ารู้ทันความคิดนั้นหรือเปล่า

อันนี้เป็นการฝึกให้รู้ทันความคิด


และไม่ใช่แค่ความคิดอย่างเดียว
รู้ทันอารมณ์ด้วย
ไม่ว่าอารมณ์ฝ่ายบวกหรือฝ่ายลบ
แค่รู้ทันก็ทำให้ความคิด
และอารมณ์เหล่านั้นมันสงบ
หรือว่ามันหมดพิษสงลง
เพียงแค่รู้ทันมันก็ทำให้จิตสงบได้


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เป็นความสงบไม่ใช่เพราะไม่รู้
เป็นความสงบไม่ใช่เพราะห้ามคิด
แต่เป็นความสงบเพราะรู้ คือรู้ทัน
รู้ทันความคิดและอารมณ์
รวมทั้งรู้จักธรรมชาติของใจด้วย


หลวงพ่อเทียนท่านเคยพูดว่า “ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้”
คิดในที่นี้หมายถึงคิดฟุ้งซ่าน


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) เพราะฉะนั้นปล่อยให้มันคิดฟุ้งซ่านไป
รู้ที่ว่านี้คือรู้ทัน
ใหม่ๆ คิดฟุ้งซ่านไปสัก ๑๐๐ เรื่อง
อาจจะรู้ทันสัก ๑๐ - ๒๐ เรื่อง หรือ ๑๐ - ๒๐%
แต่พอทำไปๆ มันก็จะรู้ทันมากขึ้น ๓๐-๔๐%
ต่อไปมันก็จะรู้ทันมากขึ้นเป็น ๕๐- ๖๐% เป็นต้น

แล้วพอรู้ทันมันก็ทำให้ใจสงบลงได้ไม่ยาก


(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) อันนี้มันเป็นวิธีการหนึ่ง
ที่ช่วยทำให้เรามีความพร้อม
ในการรับมือกับความไม่สงบ
หรือพร้อมเจอความไม่สงบเมื่อมันเกิดขึ้น

(http://image.free.in.th/x/i/iw/38030003.gif) (http://picture.in.th/id/4efc6701527412fddbf194d38b708029) คือเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็รู้ทันมัน
ไม่ปล่อยให้มันเข้ามาครอบงำใจ
หรือไม่ไหลไปตามมัน

แล้วพอเราพร้อมเจอความไม่สงบ
ในที่สุดเราจะพบกับความสงบเอง


“ฝึกใจให้พร้อมเจอความไม่สงบ”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล




(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook Kanlayanatam
https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704 (https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704)
หัวข้อ: รู้สึกตัวด้วยใจที่สบาย - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กรกฎาคม 21, 2022, 01:50:55 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/it/220721015656.jpg) (http://picture.in.th/id/a8f75e4e2e127d8f2588e8915e3c8e20)



  ✿  ความรู้สึกตัว ไม่ต้องใช้ความคิดเลย
ใช้แค่ใจล้วนๆ ใช้ใจอย่างเดียว
แต่พอบอกว่าไม่ใช้ความคิด
หลายคนก็จะงงเพราะเข้าใจว่า
จะรู้อะไรก็ต้องใช้ความคิด ทั้งหมด

แต่ที่จริงมันไม่ใช่เลย

  ✿  ประสบการณ์ในชีวิตของเราแต่ละวันๆ
เรารู้โดยไม่ต้องใช้ความคิดก็มากมาย
เช่น รู้ว่าน้ำตาลนี่หวาน รู้ว่าพริกนี่เผ็ด
หรือว่าก๋วยเตี๋ยวนี่เค็ม รสชาตินี่
เรารู้ได้ โดยไม่ต้องใช้ความคิดเลย
มันรู้เอง มันใช้ใจรู้

  ✿   ความรู้ตัว ความรู้สึกตัวก็เหมือนกัน
ไม่ต้องใช้ความคิด ไม่ต้องผ่านความคิด


  ✿   บางคนก็สงสัย แล้วจะรู้จักความรู้ตัว
หรือเราจะสัมผัสความรู้สึกตัวได้อย่างไร
หลายคนมาปฏิบัติ
ครูบาอาจารย์ก็บอกว่า มันต้องรู้สึกตัวๆ
บางทีก็งง ความรู้ตัว ความรู้สึกตัว
เป็นอย่างไร บางคนพยายามควานหา

แต่ยิ่งควานหา ยิ่งไม่เจอ
ทั้งๆ ที่มันอยู่กับเราอยู่แล้ว
เกิดขึ้นกับเราอยู่เนืองๆ
เวลาเราใจลอย คิดโน่นคิดนี่
แล้วมีคนเรียกเรา พอมีคนเรียกเรา
เราจะสังเกต มันเกิดอะไรขึ้นตามมา

  ✿   ถ้าเราสังเกต
ความคิดที่มันพาเราล่องลอย
มันก็จะชะงักเลย แล้วเราก็เกิดได้สติขึ้นมา

  ✿   ภาวะตรงนี้ที่เราเรียกว่าความรู้สึกตัว
...

ถ้ามีคนเรียกเรา แล้วเราเกิดได้สติขึ้นมา
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหรือเกิดขึ้นในภาวะนั้น
มันคือความรู้สึกตัว

จดจำสภาวะนั้นเอาไว้

  ✿   แล้วมันก็เกิดขึ้นกับเราบ่อยๆ
ในขณะที่เราเดินจงกรม สร้างจังหวะ

ใจลอย ลอยไปสักระยะหนึ่ง

  ✿   จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่า
เรากำลังทำอะไรอยู่
กำลังเดินจงกรมอยู่
กำลังสร้างจังหวะอยู่
ตรงนั้นแหละคือความรู้สึกตัว
ตรงนั้นแหละที่เราเกิดความรู้ตัวขึ้นมา
รู้เนื้อรู้ตัว เพราะตอนนั้นใจที่มันลอย
มันกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
............

  ✿   รู้สึกตัวด้วยใจที่สบาย   ✿ 
  ✿   พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต
  ✿   แสดงธรรมเย็นวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕



(http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/s/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/v/pLIMoqwS) (http://image.coolz-server.com/s/28fMyDBr) (http://image.coolz-server.com/v/28fMyDBr)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook Kanlayanatam
https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704 (https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704)
หัวข้อ: ✿ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ....เริ่มที่ใจของเรา - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 21, 2022, 08:27:42 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ih/220821083245.jpg) (http://picture.in.th/id/0dba72e4cca19738af804d39d2355ad2)


✿ (http://image.coolz-server.com/s/mdFyZHaM) (http://image.coolz-server.com/v/mdFyZHaM) เริ่มต้นชีวิตใหม่ ....เริ่มที่ใจของเรา (http://image.coolz-server.com/s/mdFyZHaM) (http://image.coolz-server.com/v/mdFyZHaM) ✿

ชีวิตใหม่ไม่ได้หมายถึงการมีอาชีพใหม่ คู่รักคนใหม่ หรือมีบ้านหลังใหม่ รถคันใหม่ ตำแหน่งใหม่เสมอไป สิ่งสำคัญอยู่ที่การมีทัศนคติใหม่และมีความสัมพันธ์อย่างใหม่กับสิ่งเดิมๆ มากกว่า กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือทำตัวเองให้ใหม่ โดยไม่หวังพึ่งความใหม่จากภายนอก

ชีวิตใหม่จึงมิใช่เรื่องไกลตัวหรือต้องคอยหาโอกาส หากสามารถทำได้เลยนับแต่วันนี้ ชีวิตใหม่สามารถมาพร้อมกับวันใหม่ได้ทันที หากเราเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ และให้คุณค่าใหม่กับสิ่งที่เรามีอยู่แล้วกับตัว

พระไพศาล วิสาโล




-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ❁ ธรรมะจากการเลี้ยงแมว - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 21, 2022, 08:44:24 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/220821084842.jpg) (http://picture.in.th/id/b74de7b4f2649309cd6aea795c35a707)


❁  ธรรมะจากการเลี้ยงแมว  ❁

ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีแมวตัวหนึ่งที่น่าทึ่งมาก แล้วก็มีความสามารถพิเศษ แมวตัวนี้เป็นตัวผู้ชื่อ ออสการ์ มันอยู่ที่บ้านพักคนชรา และแมวตัวนี้มีความสามารถพิเศษ ตรงที่มันรู้ว่าผู้ป่วยคนไหนกำลังจะตาย เวลาใครกำลังจะตาย ภายใน 24 ชั่วโมง หรือว่าไม่กี่ชั่วโมง มันจะเข้าไปในห้องคนนั้น แล้วก็ขึ้นไปบนเตียง คล้าย ๆ กับว่าไปนอนเล่นเป็นเพื่อนคนที่ใกล้ตาย ที่แปลกก็คือว่ารู้ดี รู้ดีกว่าหมอและพยาบาลด้วย บางคน หมอคิดว่ายังอยู่ได้อีกหลายวัน แต่ออสการ์ก็ขึ้นไปบนเตียงเขา ไม่กี่ชั่วโมง คนนั้นก็หมดลม หมอ พยาบาลก็แปลกใจว่า รู้ดีกว่าเขาได้อย่างไร

มีคราวหนึ่ง มีคนป่วยระยะสุดท้าย ใกล้จะตายสองคน มีคนหนึ่งอาการหนักกว่า แต่ออสการ์ก็ขึ้นไปบนเตียงของคนที่อาการดูจะเบากว่า พยาบาลก็คิดว่า เอ๊ะ ออสการ์ คราวนี้คงผิดแล้วล่ะ แต่ว่าไม่อยากให้เสียชื่อ ออสการ์ ว่าผิดพลาด เพราะตอนนั้น เขาเริ่มมีชื่อเสียงแล้วว่าถ้าไปขึ้นเตียงไหน แสดงว่าเตียงนั้นกำลังจะตาย พยาบาลปรารถนาดีกับออสการ์ กลัวออสการ์จะเสียชื่อเพราะว่าผิดพลาดในกรณีนี้ ก็เลยอุ้มออสการ์ไปวางไว้อยู่บนเตียงคนที่อาการหนักพะงาบ ๆ ออสการ์ไม่พอใจ ออสการ์ลงจากเตียง แล้วก็ขึ้นไปบนเตียงของคนที่อาการดูจะอยู่ได้อีกหลายวัน แต่ปรากฏว่า คืนนั้นคนไข้ที่ออสการ์ไปนอนด้วยก็ตาย ส่วนคนไข้ที่อาการหนัก ที่คิดว่าจะตายวันนั้น อยู่ได้อีก 2-3 วัน คนก็ยิ่งทึ่งเข้าไปใหญ่ว่า ออสการ์รู้ ก็เป็นเรื่องแปลก

ตอนหลังก็มีคนเขียนเรื่อง ออสการ์ ลงในบทความ เป็นบทความวิชาการเลยว่ามันรู้ได้อย่างไร ชื่อเสียง ออสการ์ ก็เลยแพร่กระจาย แล้วตอนนี้ก็มีคนแปลหนังสือนี้มาเป็นภาษาไทย ชื่อ ออสการ์แมวธรรมดากับพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา อ่านแล้วไม่ใช่ได้ความรู้เกี่ยวกับออสการ์ แต่ว่าได้ความรู้เกี่ยวกับ เรื่อง ผู้ป่วยระยะสุดท้าย รวมทั้งผู้ป่วยที่เป็นโรคสมองเสื่อมอย่างหนัก

ออสการ์ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เหมือนแมวทั่วไปก็ คือ เป็นตัวของตัวเอง ใครจะสั่งอะไรก็ไม่ทำตาม ถ้าเขาไม่พอใจเขาก็ไม่ทำ การที่ไปนอนบนเตียงก็ไม่มีใครสั่ง ในตอนแรกพยาบาลก็ไม่ค่อยชอบ เพราะโรงพยาบาลหรือบ้านพักคนชรา เขาจะไม่ค่อยให้สัตว์เลี้ยงเข้ามา แต่ตอนหลังก็ยอม ยอมแพ้ เพราะว่ามีแมวตัวหนึ่งเป็นแมวจรจัดหลงเข้ามาแล้วก็ไม่ยอมออก แล้วพอมาอยู่ คนป่วยก็ชอบ ญาติก็ชอบ ตอนหลังก็เลยมีแมวตัวอื่นมาอยู่ด้วย เช่น ออสการ์ ออสการ์ แปลกที่ว่าคนไข้ก็ชอบ ถึงแม้คนไข้จะเป็นอัลไซเมอร์ แต่ถ้าเจอออสการ์แล้วก็รู้สึกเป็นมิตรด้วย ญาติก็ชอบ โดยเฉพาะเวลาคนใกล้ตายแล้วมีแมวมีสัตว์มาอยู่ข้าง ๆ มาเป็นเพื่อนยามที่จะจากไป

แมวยังมีลักษณะพิเศษ ฝรั่งคนหนึ่งพูดไว้ดี เขาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง หมากับแมว ถ้าเราเลี้ยงหมา ให้อาหารมัน มันจะคิดว่าเราเป็นพระเจ้า แต่ถ้าเราให้อาหารแมว แมวมันคิดว่า มันเป็นพระเจ้า เวลาเราให้อาหารหมา หมามันจะภักดีกับเรามาก เห็นเราเป็นพระเจ้า มันจะซื่อสัตย์ ภักดีกับเรา เราไปไหนมันก็ไปตาม เราเรียกมัน มันก็มาหา แต่เราเลี้ยงแมว แม้จะเลี้ยงทุกวัน ๆ มันก็ไม่ได้ภักดีอะไรกับเราเลย มันกลับรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องเลี้ยง ให้อาหารมัน เพราะฉะนั้น ทุกวันนี้ถ้าเราไม่ให้อาหาร มันก็จะร้อง แล้วก็จะมากวน เหมือนจะมาบอกเราว่า เฮ้ย ได้เวลาให้อาหารแล้ว

มีบางคนบอกว่า หมานี้ถ้าเราเลี้ยง เราเป็นเจ้าของมัน แต่แมวนี้ เราไม่สามารถเป็นเจ้าของมันได้ เราเป็นแค่ หุ้นส่วน ถ้าพูดอย่างนี้ถือว่าเบาไป เพราะว่าที่จริงแล้วถ้าเราให้อาหารมันนี้ เราเป็นทาสมันเลย ส่วนมันคือ พระเจ้า แล้วมีคนไทยคนหนึ่งทำเว็บไซต์ เกี่ยวกับเรื่อง แมว ในบ้านของเขาโดยตรงเลย เป็นเฟซบุ๊ก ตั้งชื่อเพจว่า “ทูนหัวของบ่าว” ทูนหัวของบ่าวคือ ตัวเจ้าของนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นบ่าวของแมว

เวลาเราให้อาหารแมว แมวไม่ได้จงรักภักดีอะไรกับเราเลย ไม่ได้รู้สึกว่า แมวจะต้องชื่นชม จะต้องติดตามเรา ต้องตอบแทนบุญคุณของเรา จะว่าไปมันก็ดี เป็นการฝึกใจของเรา เวลาเราช่วยใคร เช่น ให้เงินเขา สงเคราะห์เขา ถ้าเราคิดว่า เราช่วยเขาเหมือนกับเราช่วยแมวก็ดี เวลาเราให้อาหารแมว เราก็ไม่ได้เรียกร้องว่าแมวจะต้องมาอี๋อ๋ออะไรกับเรา แมวก็จะเป็นตัวของตัวเอง เรียกแล้วไม่มา เราก็เฉย เราไม่รู้สึกทุกข์ร้อนเลย ไม่รู้สึกโกรธเคือง เวลาแมวมันไม่เชื่อฟังเรา ไม่ทำตามคำสั่งของเรา ไม่มาภักดีกับเรา หรือว่าไม่สำนึกบุญคุณของเรา การที่แมวมีพฤติกรรมแบบนี้ก็ฝึกเรา ให้เราช่วยเหลือคนโดยไม่หวังผลตอบแทน หรือว่าไม่หวังการภักดีจากคนที่เราช่วย

คนส่วนใหญ่เป็นทุกข์ เวลาช่วยใครแล้วเขาไม่เห็นหรือไม่สำนึกในบุญคุณของเรา บางทีเราต้องไปทวงบุญคุณด้วย หลายคนเป็นทุกข์มาก ช่วยเขาแล้วเขาไม่สนใจเรา เขาไม่สำนึกบุญคุณเรา บางทีก็โกรธแค้นเขา ความจริงลองคิดเสียว่า ช่วยเขานี่เหมือนกับเราเลี้ยงแมว ก็แล้วกัน เวลาเราเลี้ยงแมวเราก็ไม่ได้เรียกร้องให้หรือปรารถนาให้แมวมาสำนึกบุญคุณของเรา เวลาช่วยใคร ก็ถือว่าช่วยเลี้ยงแมวก็แล้วกัน เหมือนกับเลี้ยงแมว เขาจะจำเราได้หรือไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเขา จะสำนึกบุญคุณของเราหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของเขา แต่หน้าที่ของเราคือ เมื่อใครตกทุกข์ได้ยาก เราก็ช่วย เวลาที่เป็นเรื่องของคนอื่น อย่าเอามาเป็นปัญหาของเรา ใครไม่ทำหน้าที่ของเขาก็เป็นเรื่องของเขา เช่น เราช่วยเขาแล้ว เขาไม่สำนึกบุญคุณของเรา อันนั้นเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเรา หน้าที่ของเราคือ ช่วยเขาไป ใครเดือดร้อนก็ช่วยไป ให้ถือว่าเราช่วยเขาเหมือนกับเราเลี้ยงแมวก็แล้วกัน

คนเลี้ยงแมวนี้ ถ้าหากว่าได้ความคิดแบบนี้ อาตมาว่าได้ประโยชน์ เวลาเลี้ยงแมว ก็ถือว่าฝึกให้เราไม่ไปหวังผล คาดหวัง กับการช่วยของเรา มีคนพูดว่าคนที่เลี้ยงแมวเป็นคนที่ใจกว้างมาก ก็คงเพราะเหตุนี้ พอเลี้ยงแมวแล้วแมวมันก็ไม่ได้สนใจว่าเราช่วยเหลือเขา เขาก็เป็นตัวของเขาเอง ถ้าคนที่สามารถจะอยู่กับแมวแบบนี้ได้ก็แสดงว่าเป็นคนใจกว้าง ไม่เรียกร้อง คาดหวังจากแมว ว่าจะต้องมาอี๋อ๋อฉัน ว่าจะต้องเชื่อฟังฉัน ภักดีกับฉัน เรียกว่ามีแต่ให้ล้วน ๆ ไม่มีความคาดหวัง คนเราถ้ามีจิตใจแบบนี้กับมนุษย์ด้วยกันก็จะมีความสุข ช่วยเหลือใครก็ไม่คาดหวังว่าเขาต้องมาขอบคุณ เขาต้องมาสำนึก ก็จะมีความสุขกับการช่วยคน

คนจำนวนมาก มักจะมีความเจ็บแค้น พยาบาท ฝังใจ ไม่ใช่เพราะอะไรเลย เป็นเพราะว่าเคยช่วยใครบางคน ช่วยแล้วเขาก็ไม่สำนึกบุญคุณ พอเขาได้ดี เขาก็ไม่สนใจ หรือบางทีก็ไปคิดว่าเขาเนรคุณ อันนี้เป็นทุกข์ของคนดี คนที่ชอบช่วยเหลือคนแต่วางใจไม่ถูก ไตอนที่เห็นเขาทุกข์แล้วช่วยเหลือนี้ดี แต่ว่าถ้าเกิดว่าเขาจะไม่สนใจ ไม่สำนึกในบุญคุณของเราก็อย่าไปเก็บเอามาคิด ถ้าทุกข์เมื่อไร แสดงว่าเรามีความคาดหวัง เรามีความคาดหวังว่าช่วยเขาแล้วเขาต้องสำนึกในบุญคุณของเรา เขาจะต้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเรา ใครที่คิดแบบนี้ เตรียมใจทุกข์ไว้ได้เลย เพราะว่ามันอาจจะไม่เป็นไปตามอย่างที่เราคิด เป็นการตั้งความหวังหรือการตั้งการวางใจที่ผิดด้วย

ช่วยใครก็เหมือนกับว่าลืมไปเลย เวลาช่วยใครให้เราลืมไปเลยว่าเราเคยช่วยเขามันจะสบายใจ ไม่อย่างนั้นเห็นหน้าเขา ก็จะคอยคาดหวังว่าเขาจะต้องทำดีกับเราเป็นพิเศษ เขาจะต้องมาโอ๋มาพูดกับเราดี ๆ จะมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ลึก ๆ เวลาที่เราเจอหน้าคนที่เราเคยช่วยเขา อันนี้เพราะยังจำได้ ยังจดจำว่าฉันช่วยแก ฉันช่วยแก เพราะฉะนั้นแกต้องมาสำนึกบุญคุณของฉัน แต่พอคาดหวังแบบนี้ เรียกร้องแบบนี้ก็จะมีการแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง แล้วคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากเรา เขาจะรู้สึกถูกกดดัน รู้สึกถูกเรียกร้อง หรือว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกัน คนเราก็ต้องการการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แต่พอเจอคนที่เคยช่วยแล้วเขาเรียกร้องให้เรามาซูฮกเขา มาอ่อนน้อมต่อเขา เพราะว่าเขาเคยช่วยเรา คนที่เคยได้รับความช่วยเหลือหลายคนจะรู้สึกแบบนี้ ก็ทำให้เกิดอาการตึงเครียด แล้วก็พาลไม่ชอบ ความสัมพันธ์ก็ร้าวฉาน

ถ้าจะให้ดีเวลาเราช่วย เราก็ลืมไปเลยว่าเราเคยช่วย เวลาเจอหน้าจะได้ไม่ไปคาดหวังว่าเขาจะต้องมากราบกราน ต้องมาพูดกับเราดี ๆ เราก็สบายใจถ้าหากว่าเขาจะปฏิบัติแบบของเขา ส่วนเขาก็สบายใจ เพราะเขาไม่รู้สึกถูกกดดัน ก็กลายเป็นว่าอยู่ด้วยกันได้ เป็นมิตรต่อกันได้ ความสัมพันธ์ไม่ร้าวฉาน แล้วเวลาเราเกิดมีปัญหากับคนที่เราเคยช่วย อย่าเพิ่งไปโทษว่า เขาไม่สำนึกในบุญคุณของเรา เราต้องกลับมาดูใจว่า เราไปคาดหวัง เรียกร้อง กดดันเขาหรือเปล่า บางทีเราทำโดยไม่รู้ตัว ปัญหาจะอยู่ที่เราเอง ไม่ได้อยู่ที่เขาก็เป็นได้

พระไพศาล วิสาโล






--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ✧ ลดความคาดหวังลงบ้าง - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 21, 2022, 08:55:07 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/is/220821090028.jpg) (http://picture.in.th/id/e038a975f79ccdd90c7085de69460ab6)


ลดความคาดหวังลงบ้าง ✧

“คนที่เลี้ยงแมว ถ้าเลี้ยงแมวด้วยความคาดหวังจะทุกข์มากเลย เพราะว่าแมวนี้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเรา แต่คนส่วนใหญ่เลี้ยงแมวแล้วไม่มีความทุกข์ เพราะว่าไม่ได้คาดหวังอะไรจากแมว เรียกแล้วมันไม่มาก็ไม่ได้เสียใจ ไม่ได้โมโห เลี้ยงเขาดีแต่เขาไม่พะเน้าพนอก็ไม่ทุกข์ เพราะว่าไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขา

ในทางตรงข้าม ถ้าเราไปคาดหวังกับคนนะ เราจะทุกข์เลย เราจะทุกข์ที่เขาไม่เป็นไปดั่งใจเรา ความทุกข์นี่เหตุของมันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา แต่คือความคาดหวังของเรา ความอยากของเราที่ปรารถนาจะให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามใจเรา”

พระไพศาล วิสาโล





☆*: .。.  .。.:*☆☆*: .。.  .。.:*☆☆*: .。.  .。.:*☆☆*: .。.  .。.:*☆☆*: .。.  .。.:*☆☆*: .。.  .。.:*☆☆*: .。.  .。.:*☆

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: ❁ “วันนี้คือวันดีของชีวิต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 21, 2022, 09:08:59 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/ii/220821091516.jpg) (http://picture.in.th/id/11f966f7fcbfbbb9ec6d8df853cfc20b)


(http://image.coolz-server.com/s/mdFyZHaM) (http://image.coolz-server.com/v/mdFyZHaM) ❁ วันนี้คือวันดีของชีวิต ❁ (http://image.coolz-server.com/s/mdFyZHaM) (http://image.coolz-server.com/v/mdFyZHaM)

ชีวิตของคนเราเปรียบเหมือนเส้นทางที่ทอดยาว เป็นธรรมดาที่เราทุกคนย่อมปรารถนาให้ทางเส้นนี้ราบเรียบไปตลอด แต่ในความเป็นจริงเส้นทางชีวิตของใครก็ตามย่อมมีบางช่วงที่ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ อีกทั้งคดเคี้ยว ไม่สม่ำเสมอ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทางเส้นนี้จะไม่น่าเดิน หรือไม่น่าอภิรมย์เสมอไป

ในชีวิตของคนเราบางวันก็ผ่านไปอย่างราบรื่น แต่บางวันก็มีปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า เพราะเราไม่สามารถควบคุมบงการให้มีแต่สิ่ง ๆ ดีเกิดขึ้นกับเรา เหตุการณ์ที่ย่ำแย่เลวร้ายบางครั้งก็เป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว จิตใจเราจะต้องตกต่ำย่ำแย่จนเสียศูนย์เสมอไป สิ่งเลวร้ายนั้นในที่สุดก็ต้องมีวันสิ้นสุด แต่ขณะที่มันยังไม่ผ่านไป เราก็สามารถอยู่กับมันได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์

วันแต่ละวันไม่เคยซ้ำเดิม ราบรื่นบ้าง ขลุกขลักบ้าง แต่เราสามารถทำให้แต่ละวันเป็นวันที่มีคุณค่า มีความหมาย และยังความสดชื่นเบิกบานให้แก่เราได้ ไม่ใช่เพราะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับเราทุกวัน แต่เป็นเพราะเรารู้จักวางใจ รวมทั้งทำสิ่งที่มีคุณค่าทั้งต่อตนเองและผู้อื่น เราไม่อาจเลือกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา แต่เราเลือกได้ว่าจะมองเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างไร รวมทั้งเลือกได้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตของเรา ทั้งสองประการเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้วันนี้เป็นวันดีของชีวิต

พระไพศาล วิสาโล




----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7) ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ (http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)
https://www.facebook.com/Zensukato/ (https://www.facebook.com/Zensukato/)
หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ สิงหาคม 29, 2022, 05:18:16 pm
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/220829052348.jpg) (http://picture.in.th/id/1ffc2d579b1222a51a9098d867f33b04)


เมื่อ 10 ปีก่อนมีน้ำท่วมใหญ่ ผู้คนสูญเสียทรัพย์สินมากมาย มากบ้างน้อยบ้าง เป็นล้านๆคน มีผู้หญิงคนหนึ่งก็เสียทรัพย์สินไปเยอะจากน้ำท่วม ทีแรกก็เสียใจไม่ต่างจากคนอื่น

บางคนไม่เสียใจอย่างเดียวเสียจริตไปด้วย หรือเสียชีวิตเพราะทำใจไม่ได้กับการสูญเสียจึงฆ่าตัวตาย

แต่ผู้หญิงคนนี้ก็แค่เสียใจแล้วเธอก็คิดขึ้นมาได้ว่า น้ำท่วมมาสอนเราว่า ไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย ทุกอย่างที่เรามี มันเป็นของเราแค่ชั่วคราว สักวันหนึ่งมันก็ต้องสูญหาย ถ้าน้ำไม่ท่วม ไฟไม่ไหม้ ก็มีคนเอาไป มันก็ไม่ได้เป็นของเราเลยแม้แต่น้อย มันเป็นอยู่กับเราแค่ชั่วคราว

พอเธอคิดได้เช่นนี้เธอก็ไม่ทุกข์
เธอเสียทรัพย์
แต่เธอได้สิ่งที่มีค่ามากกว่าทรัพย์ก็คือปัญญา

เพราะเห็นความจริงว่า ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย ทรัพย์เสียไปก็หาใหม่ได้ แต่ว่าถ้ามีปัญญาเห็นว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเรา แม้จะเสียทรัพย์ในวันข้างหน้า มันก็จะไม่ทุกข์

ปัญญาแบบนี้มีเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้
แต่มันเกิดจากการที่เรา
ได้เรียนรู้จากความทุกข์

มองในแง่นี้ความทุกข์หรือวิกฤตก็เป็นข้อดีข้อหนึ่งมันช่วยทำให้เราได้เห็นสัจธรรมความจริงว่า ไม่มีอะไรที่เที่ยงหรือจีรังเลย ไม่มีอะไรที่เราจะยึดมั่นถือมั่นเป็นเราเป็นของเราได้เลย

ถ้าเราทำใจแบบนี้ได้แสดงว่าเราคุ้มแล้ว เราได้เรียนรู้จากวิกฤต เราได้ปัญญาจากวิกฤต

วิกฤตมันไม่ได้โบยตีย่ำยีเราอย่างเดียว แต่มันสามารถที่จะเป็นอาจารย์สอนธรรมะให้กับเราได้ หรือสามารถที่จะมอบสิ่งดีๆให้กับเราได้

มีผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นโรคซึมเศร้าอย่างหนัก แล้ววันหนึ่งเธอก็พบว่าเธอเป็นมะเร็งเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แต่เธอกลับบอกว่าขอบคุณมะเร็ง เพราะมะเร็งทำให้เธอเข้าใจตัวเอง และรับมือกับโรคได้ดีขึ้นทำให้เธอมีความสุขขึ้น เธอบอกว่าถ้าเธอไม่เป็นมะเร็ง เธอก็คงจะตายไปแล้วเพราะเป็นโรคซึมเศร้าเพราะโรคซึมเศร้าทำให้เธอตายไม่รู้ตัว

ที่จริงเธอพยายามฆ่าตัวตายมา 3 รอบ แต่พอเป็นมะเร็ง ชีวิตเธอเปลี่ยนเลย ขนาดจิตแพทย์ที่รักษาเธอมา ยังออกปากเลยว่าเธอมีทัศนะการมองชีวิตและโลกเปลี่ยนไปตั้งแต่เธอเป็นมะเร็ง

มองในแง่นี้มะเร็งช่วยทำให้เธอ มีประโยชน์กับเธอ เพราะทำให้เธอเข้าใจตัวเอง ทำให้เธอรับมือกับโรคได้ดีขึ้น

เพราะฉะนั้นวิกฤตไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป มันเป็นสิ่งที่ดีให้กับเรา โดยเฉพาะทำให้เรา เข้าใจโลก ได้ดีขึ้น

และถ้ามันทำให้เรารู้จัก ปล่อยวางเพราะเห็นความจริง ว่าไม่มีอะไรที่เป็นตัวเราของเราเลยแม้แต่น้อย ถึงตอนนี้เราก็ยกจิตเหนือวิกฤตได้ ความสูญเสียจะไม่ได้ทำร้ายเราอีกต่อไป

ที่จริงความสูญเสียไม่ได้ทำร้ายเรา เช่นเดียวกับความไม่เที่ยงไม่ได้ทำร้ายเรา แต่สิ่งที่ทำร้ายเราคือ ความไปยึดติด สิ่งต่างๆว่าเที่ยง ว่าเป็นของเรา

ยึดติดในทรัพย์
ยึดติดในงานการ
ยึดติดในร่างกาย
ยึดติดในผู้คน

เพราะความยึดติดและความหลงว่ามันเที่ยงเป็นสุข เป็นของเรา พอมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเราจึงทุกข์

เราไม่ได้ทุกข์เพราะความไม่เที่ยง
แต่เราทุกข์เพราะความไม่รู้ความจริง
จนหลงยึดติด
ซึ่งไม่ว่าจะมีมากเพียงใด
มันก็ไม่มีความสุขเลย

เราสังเกตไหม เรือโยงที่มันแล่นผ่านเราไป มันมีเรือโยงหลายลำ ที่มันลากเอาเรือขนทราย 5 ลำ 10 ลำ สวนกระแสน้ำ เห็นแล้วก็เหนื่อย

ชีวิตของหลายคนก็เหมือนกับเรือโยงนั้น แม้จะมีทรัพย์เยอะแต่ว่ามันทุกข์มากเลยกับการลาก แล้วก็เป็นการลากที่ทวนกระแสน้ำหรือจะทวนกระแสความจริงว่า ไม่มีอะไรเที่ยง

หลายคนที่มีทรัพย์มาก เขาไม่มีความสุขเลยเพราะเขาเหนื่อยกับการแบกกับการยึดทรัพย์เหล่านั้น การยึดการแบกชนิดที่สวนทางกับกระแสความจริงคืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

แต่เราลองสังเกตเรือโยงบางลำ มันแล่นไปตามน้ำ แล้วมันก็ไม่ได้แบกมันไม่ได้ลากอะไรเลย มันแล่นอย่างอิสระเสรีมาก

สังเกตเรือ 2 ชนิดนี้ไหม เรือชนิดหนึ่งคือลากแบกสมบัติคือเรือขนทราย ทวนกระแสน้ำ ดูแล้วเหนื่อย ดูแล้วล้า เฉื่อยช้า แต่เรืออีกลำหนึ่งแล่นฉิวเลย ทั้งๆที่เป็นเรือโยงเหมือนกัน แต่มันไม่ได้ลาก มันไม่ได้โยงอะไร เพราะมันปล่อยวางทุกอย่างเป็นอิสระ

เราอยากจะเป็นเรือแบบไหน ยึดในทรัพย์ แล้วก็ลากมันไป สวนทางกับความจริง หรือว่าเรือที่เป็นอิสระที่ไม่ต้องแบกไม่ต้องยึดอะไร แม้จะมีทรัพย์แต่ก็ไม่ได้ยึดในทรัพย์

อันนี้คือวิธีที่ทำให้เราสามารถที่จะผ่านพ้นวิกฤตไปได้ หรือไม่เจอวิกฤตด้วยซ้ำ

แต่อย่างไรก็ตามปุถุชนอย่างเราก็ต้องมีความยึดความอยาก เพราะฉะนั้นก็ต้องเจอวิกฤตไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเรารู้วิธีในการรักษาใจเราก็สามารถที่จะอยู่กับวิกฤตจนกระทั่งวิกฤตผ่านพ้นไปได้

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล





(http://image.free.in.th/v/2013/iq/190620113919.gif) (http://picture.in.th/id/72aaa83a0ff92ff52286261084ec8962)

(http://image.free.in.th/x/i/im/sm_smile.gif) (http://picture.in.th/id/3c0bf3e905f6c62beeeb00feaba159f7)  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/ (https://www.facebook.com/visalo/)
หัวข้อ: ❁ ถูกต้องดีกว่าถูกใจ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 07, 2022, 06:31:41 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/220907063839.jpg) (http://picture.in.th/id/f03d9b02c386753eb89e95662939976e)


(http://image.coolz-server.com/s/iErbz7QG) (http://image.coolz-server.com/v/iErbz7QG) ถูกต้องดีกว่าถูกใจ (http://image.coolz-server.com/s/iErbz7QG) (http://image.coolz-server.com/v/iErbz7QG)


  มีคำหนึ่งในพุทธศาสนาที่เราอาจจะคุ้นหู แต่ว่าความเข้าใจอาจจะไม่ตรงกับความหมายในพุทธศาสนา นั่นคือคำว่า อธิปไตย

เวลาเรานึกถึงอธิปไตย ก็นึกไปถึงเรื่องของการเมือง ระบอบการปกครอง เช่น ประชาธิปไตย แต่อธิปไตยในพุทธศาสนาไม่ใช่เป็นเรื่องของระบอบการปกครอง แต่เป็นเรื่องของการให้คุณค่าให้ความสำคัญ

อธิปไตยก็แปลว่าการถือเอาเป็นใหญ่ เอาอะไรเป็นใหญ่ ก็มี 3 ประการใหญ่ ๆ อันแรกคือธรรมาธิปไตย คือการเอาธรรมะเป็นใหญ่ อันที่ 2 คืออัตตาธิปไตย การถือเอาตัวเองหรืออัตตาเป็นใหญ่ และ 3 โลกาธิปไตย ถือเอาคนหมู่มากเป็นใหญ่ ความหมายนี้ก็คือว่าไม่ได้มีความเห็นเป็นของตัวเอง แต่ว่าทำไปตามความเห็นของคนส่วนใหญ่ ที่เรียกว่าโลก เป็นต้น

แต่ว่าหลัก ๆ ก็มีอยู่ 2 อย่าง ที่เราควรจะใส่ใจและก็ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง นั่นคือ ธรรมาธิปไตยกับอัตตาธิปไตย

การถือธรรมเป็นใหญ่ ความหมายคือเอาความถูกต้องเป็นใหญ่ เวลาเราทำงานทำการหรือเราใช้ชีวิต ถ้าเราถือธรรมเป็นใหญ่หรือธรรมาธิปไตย เราก็จะตั้งตัวอยู่ในศีลในธรรม ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เพราะเห็นแก่ความถูกต้อง

แต่ถ้าเราเอาตัวเองเป็นใหญ่หรืออัตตาธิปไตย มันก็คือการเอาประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่สนใจว่าความถูกต้องหรือระเบียบกฎเกณฑ์จะเป็นอย่างไร ถ้าเราถือตัวเองเป็นใหญ่ การที่เราจะอยู่ในศีลธรรมก็ยาก เพราะว่าเอาความต้องการของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของกิเลสนั่นแหละ หรือความเห็นแก่ตัว

อัตตาธิปไตยในความหมายที่แย่คือการเห็นแก่ตัว ส่วนธรรมาธิปไตยเห็นแก่ธรรมะ เห็นแก่ความถูกต้อง หรือถ้าพูดง่าย ๆ คือว่าธรรมาธิปไตยคือการเอาถูกความเป็นใหญ่ ส่วนอัตตาธิปไตยคือเอาความถูกใจเป็นใหญ่

อันนี้เราก็มาพิจารณาดูง่าย ๆ ในการดำเนินชีวิตของคนเรา ในแต่ละวันเราเอาอะไรเป็นใหญ่ อย่างเช่นเวลากินอาหาร ถ้าเราเอาความถูกต้องเป็นใหญ่ หรือธรรมาธิปไตย เราก็จะกินอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา เพื่อที่จะได้ทำกิจการงานต่าง ๆ ได้

แต่ถ้าเอาความถูกใจเป็นใหญ่ เราก็จะกินเพราะว่ามันอร่อย เอารสชาติเป็นใหญ่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่มันอร่อย มันหวาน มันเปรี้ยว มันเผ็ด มันเค็ม หรือว่ามันสีสวยน่ากิน ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะเจือไปด้วยสารพิษที่เป็นอันตราย

หลายคนก็รู้ว่ากินอาหารที่มันเต็มไปด้วยไขมัน อุดมไปด้วยน้ำตาล เป็นโทษต่อสุขภาพ แต่ก็ห้ามใจไม่ได้ กินมาก ๆ เข้า สุดท้ายก็เป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน ไตวาย หรือบางทีถ้ากินอาหารประเภทที่มันเป็นของดิบ เช่น ปลาดิบ มีพยาธิใบไม้ในตับ ก็เกิดเป็นมะเร็งในตับ หลายคนก็รู้ว่ากินอาหารแบบนี้ ทำให้เกิดโรคเป็นมะเร็งในตับ รู้ว่ามันไม่ถูกต้องแต่ก็กิน เพราะมันถูกใจ

หรือเวลาเราเรียนหนังสือ ถ้าความถูกต้อง เราก็ต้องเรียนด้วยความขยันหมั่นเพียร ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต เวลาทำการบ้าน หรือเวลาเข้าห้องสอบ แต่ถ้าเราเอาความถูกใจเป็นใหญ่ เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง บางวิชาฉันไม่ชอบฉันก็ไม่เรียน เวลาทำการบ้านก็ไปลอกจากเพื่อน หรือว่าไปตัดแปะมาจากกูเกิ้ลหรือวิกิพีเดีย เวลาสอบก็ทุจริต แม้รู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่มันถูกใจ คือมันสะดวก ง่าย สบาย

เวลาทำงานถ้าเราเอาความถูกต้องเป็นใหญ่ เราก็จะทำงานด้วยความรับผิดชอบ แม้ว่าเป็นงานที่เราไม่ชอบ แต่เมื่อเรามีหน้าที่ เราก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นความรับผิดชอบของเรา แต่ถ้าเอาความถูกใจ งานนี้ฉันไม่ชอบ ฉันก็ไม่ทำ ต่อเมื่อเป็นงานที่ฉันชอบ ฉันจึงจะทำ

หรือถ้าเป็นงานที่ฉันไม่ได้อะไร ฉันไม่ทำ จะทำก็ต่อเมื่อเป็นงานที่ได้ผลประโยชน์ เวลาจะทำอะไรก็จะถามว่าทำแล้วฉันจะได้อะไร อันนี้ก็คือเอาความถูกใจเป็นหลัก หรือเอาความถูกใจเป็นใหญ่ในเวลาทำงาน

เวลาใช้ข้าวของ เช่นโทรศัพท์มือถือ ถามตัวเราเองว่าเราใช้ความถูกต้องหรือความถูกใจ ถ้าใช้ความถูกต้องเป็นใหญ่ ก็จะใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่องานการ ทำกิจธุระ หาความรู้ เช็คข้อมูล

อาจจะดูหนังฟังเพลงบ้าง ก็ให้เวลากับมันพอสมควร ไม่ใช่หมกมุ่นอยู่กับมัน โดยไม่เป็นอันทำอะไร งานการก็ไม่สนใจ ก้มหน้าดูแต่โทรศัพท์ ใช้ดูหนังฟังเพลง หรือบางทีหนักกว่านั้น ใช้เพื่อเล่นพนันออนไลน์ หรือเล่นเกมออนไลน์ วันหนึ่งหลายชั่วโมง การใช้โทรศัพท์มือถือแบบนี้ ก็เรียกว่าไม่ได้เอาความถูกต้องเป็นใหญ่ แต่เอาความถูกใจเป็นใหญ่

ฉะนั้นลองพิจารณาดูเรื่องการใช้ชีวิตของคนเรา รวมทั้งความสัมพันธ์กับผู้คน เราใช้อะไรเป็นใหญ่ เอาความถูกต้องเป็นใหญ่ หรือเอาความถูกใจเป็นใหญ่ เวลาคบเพื่อน เวลามีเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คน ถ้าเราเอาความถูกต้องเป็นใหญ่ เราก็จะคำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่ง เราจะไม่คิดถึงแต่จะเบียดเบียน เอาเปรียบ ต้องมีความเสียสละ แล้วก็รู้จักอดกลั้น ไม่ทำตามอารมณ์

แต่ถ้าเอาความถูกใจเป็นใหญ่ ก็เรียกว่าไม่สนใจว่าคนอื่น เขาจะรู้สึกอย่างไร เอาเปรียบได้ก็เอาเปรียบ ไม่พอใจอะไรก็โวยวาย เรียกว่าขาดน้ำใจ แล้วก็ขาดความรับผิดชอบ มันเป็นเส้นแบ่งได้เลยในเรื่องคน ในเรื่องของพฤติกรรม ในเรื่องของการกระทำ ว่าเราใช้ความถูกต้องหรือความถูกใจ

ถ้าเราเอาความถูกต้องเป็นใหญ่ ชีวิตก็มีโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้า อยู่ในศีลในธรรม ตั้งมั่นในความดี แต่ถ้าเราเอาความถูกใจเป็นใหญ่ ก็มีโอกาสที่จะตกต่ำย่ำแย่ เพราะสุดท้ายก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว หรือว่าตกเป็นทาสของกิเลส อยากกินอะไรก็กิน อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ได้สนใจส่วนรวม

เวลามาอยู่วัดก็เหมือนกัน ถ้าเอาความถูกต้องเป็นใหญ่ เราก็จะปฏิบัติตามกฎระเบียบ แม้บางอย่างเราอาจจะต้องฝืนใจทำ เพราะว่าเราเป็นคนตื่นสาย แต่ว่าเราจำเป็นต้องตื่นเช้ามาทำวัตร เพราะว่ามันเป็นระเบียบ มันเป็นข้อวัตร เป็นกติกา เวลามีการทำกิจส่วนรวมก็ไปร่วมช่วยทำ

แต่ถ้าเราเอาความถูกใจเป็นใหญ่ มาบ้างไม่มาบ้าง ทำวัตร เอาความอยากของตัวเองเป็นหลัก ไม่อยากมาก็ไม่มา หรือว่าไม่อยากตื่นก็ไม่ตื่น งานที่เป็นของส่วนรวม ฉันไม่อยากทำฉันก็ไม่ทำ อันนี้ก็ทำให้ชีวิตเราย่ำแย่ไป

แต่ที่จริงแล้วถ้าเราแยกแยะความถูกต้อง ความถูกใจเป็น ก็จะทำให้เราสามารถที่จะใช้ชีวิตไปในทางที่ถูกต้องได้ แต่บางครั้งมันก็ไม่ง่ายที่เราจะแยกแยะได้ชัดเจน ระหว่างความถูกต้องกับความถูกใจ เพราะบางครั้งกิเลสมันก็ฉลาด มันจะอ้างความถูกต้องเฉพาะเวลาที่ถูกใจ แต่ถ้าหากว่าความถูกต้องยามใดไม่ถูกใจฉัน ฉันก็ไม่สนใจ

อย่างเช่นเวลาทำงาน สิ้นปีก็มีโบนัส ถ้าหากว่าฉันได้โบนัส แต่ถ้ารู้ว่าคนอื่นได้โบนัสมากกว่าฉัน เช่นฉันได้ 50,000 แต่อีกคนได้ 70,000 หรือแสนหนึ่ง ก็จะไม่พอใจ ก็จะอ้างว่าไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ความเป็นธรรมคืออะไร ความถูกต้องคืออะไร ก็คือต้องได้เท่ากัน ก็อาจจะเรียกร้อง อาจจะประท้วง อาจจะโวยวายว่ามันต้องเป็นธรรม คือต้องได้เท่ากัน ถึงจะถูกต้อง

แต่ถ้าหากว่าตัวเองได้มากกว่า ตัวเองได้แสน แต่ว่าคนอื่นเขาได้ 50,000, 70,000 เงียบเลย ไม่พูดสักคำเลยว่ามันไม่ถูกต้อง มันไม่เป็นธรรม เพราะอะไร เพราะว่าฉันได้มากกว่า คราวนี้ฉันได้มากกว่า ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกใจฉันแล้ว ถึงตอนนี้ก็ทิ้งเรื่องความถูกต้องไป แต่ถ้าเราเอาความถูกต้องเป็นใหญ่ แม้ว่าจะมีเงินหรือได้เงินมากกว่าคนอื่น มันก็ไม่ถูกต้องอยู่นั่นเอง ก็ต้องทำให้เกิดความถูกต้องขึ้นมา คือว่าต้องได้เท่าคนอื่น

หลายคนเรียกร้องความถูกต้อง เรียกร้องความเป็นธรรม บ่อยครั้งเลยเพราะว่าตัวเองสูญเสียผลประโยชน์ หรือว่าไม่ได้ประโยชน์เท่ากับคนอื่น ถ้าหากว่าตัวเองได้เกิดน้อยกว่าคนอื่น จะเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องความถูกต้อง แต่ถ้าหากว่าตัวเองได้มากกว่าคนอื่น ความถูกต้องก็ลืมไปเลย อันนี้แหละนะเรียกว่าอ้างความถูกต้องต่อเมื่อมันถูกใจฉัน

ทั้งที่ถ้าถูกต้องแล้วฉันได้เท่าคนอื่น แต่กลับดีหากว่าฉันได้มากกว่าคนอื่น แล้วหากความถูกต้องหมายถึงว่าฉันต้องได้น้อยลง ลดลงมาจากแสนให้เหลือ 70,000 เท่ากับคนอื่น ฉันไม่เอาแล้ว

อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราพบอยู่บ่อย ๆ อ้างความถูกต้องต่อเมื่อมันถูกใจ แต่ถ้ามันไม่ถูกใจฉันเมื่อไหร่ ก็ไม่อ้างความถูกต้องแล้ว ลืมไปเลย อันนี้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะบางครั้งกิเลสมันก็ฉลาด มันก็อ้างความถูกต้อง เพื่อสนองผลประโยชน์ของมัน และบางทีเราก็นิยามความถูกต้องแปรผันไป ขึ้นอยู่กับความถูกใจ

ความถูกต้องหรือความเป็นธรรม มันก็มองได้หลายแง่ และตรงนี้แหละ เป็นโอกาสที่จะทำให้ตัวกิเลสมันมาเป็นตัวกำหนด ว่าอย่างไหนเรียกว่าเป็นความถูกต้อง

อย่างเช่นหมู่บ้านหนึ่ง เมื่อสัก 30-40 ปีก่อน สมัยที่ยังไม่มีอบต. ในหมู่บ้านนั้นมีปั๊มน้ำ ที่ใช้แบบคันโยก เป็นปั๊มน้ำของหมู่บ้าน มันเกิดเสียขึ้นมา นักศึกษาที่เป็นพัฒนากรประจำหมู่บ้าน เขาก็เสนอว่าควรจะเก็บเงินทุกหลังคาเลยหลังคาละ 10 บาท เพื่อเป็นค่าซ่อมปั๊ม

ปรากฏว่าชาวบ้านหลายคนไม่ยอม บอกว่าบ้านฉันอยู่ไกลจากปั๊มน้ำ ฉันไม่ค่อยได้ใช้หรอก บ้านไหนที่ใช้ปั๊มมากกว่า เพราะอยู่ใกล้ปั๊ม ควรจะเสียมากกว่า ส่วนบ้านไหนที่อยู่ไกลใช้น้อย ก็ควรจะเสียน้อย แทนที่จะเสีย 10 บาท ก็เสีย 5 บาท เสียเท่ากันนี่ถือว่าไม่เป็นธรรม ตกลงก็เป็นอันว่าต้องเสียไม่เท่ากัน

แต่หนึ่งเดือนต่อมาในหมู่บ้าน มีคนเอาผ้าห่มมาแจก เพราะว่ามันใกล้ฤดูหนาว เอามาถวายวัด หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านก็ปรึกษามัคทายก เพราะว่าผ้าห่มมันไม่พอที่จะแจกให้ชาวบ้านทุกครัวเรือนเท่ากัน มัคทายกก็เสนอว่าบ้านไหนที่ช่วยส่วนรวมได้ 2 ผืน บ้านไหนที่ไม่ค่อยช่วยส่วนรวมได้ 1 ผืน

พอประกาศอย่างนี้เข้า ชาวบ้านไม่พอใจ บอกว่าไม่เป็นธรรม เป็นธรรมคืออะไร เป็นธรรมคือต้องได้เท่ากัน ก็แปลกนะ เวลาจ่ายเงิน ต้องจ่ายไม่เท่ากัน ถึงจะเป็นธรรม แต่เวลาพอได้ผ้าห่มหรือแจกผ้าห่ม ต้องได้เท่ากันถึงจะเป็นธรรม

อันนี้แปลว่าอะไร แปลว่าความเป็นธรรมหรือความถูกต้องนี่มันไม่แน่นอน มันแปรผันขึ้นอยู่กับความถูกใจ จ่ายเท่ากัน หลายคนไม่ถูกใจ ควรจะจ่ายน้อยกว่า จ่ายไม่เท่ากันจึงจะเรียกว่าเป็นธรรม แต่ถึงเวลาได้ ต้องได้เท่ากันจึงจะเป็นธรรม

ถ้าเราพิจารณาดูก็จะพบว่า นี่มันเป็นการนิยามคำว่าเป็นธรรม หรือความถูกต้องโดยอาศัยความถูกใจ ถึงเวลาได้ ต้องได้เท่ากันจึงจะถูกใจ ถ้าได้ไม่เท่ากัน ไม่ถูกใจ ก็ถือว่าไม่เป็นธรรม แต่เวลาจ่าย ต้องจ่ายไม่เท่ากันจึงจะถูกต้อง ฉันต้องจ่ายน้อยกว่า เพราะบ้านฉันอยู่ไกล อย่างนี้เรียกว่าเป็นธรรม

ฉะนั้นความเป็นธรรม ถ้าเราไม่ระวัง มันก็เป็นข้ออ้างเพื่อสนองกิเลส เพื่อสนองความถูกใจ ถ้าเราดูให้ดี ๆ ความถูกต้อง ความถูกใจ แม้ว่าความหมายจะต่างกัน แต่ถ้าไม่ระวัง มันก็กลายเป็นเรื่องเดียวกันได้ ก็คือว่าอันไหนถูกใจจึงเรียกว่าถูกต้อง อันไหนไม่ถูกใจก็เรียกว่าไม่ถูกต้อง

และอีกอย่างหนึ่งคือแม้เราจะมีความชัดเจนว่าอย่างนี้คือความถูกต้อง แต่ก็ต้องระวัง อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับมันมาก เพราะถ้าเราไปยึดมั่นถือมั่นกับความถูกต้องเมื่อไหร่ พอเจอใครทำอะไรไม่ถูกต้อง กลายเป็นไม่ถูกใจไปเลย

อย่างที่เคยเล่า ศีลจาริณี บวชใหม่ ไม่รู้ธรรมเนียม ยืนกินน้ำ แม่ชีเดินผ่านมาเห็นคาตาเลย อย่างนี้ไม่ถูกต้อง แต่ว่าไปยึดกับความถูกต้องมากไป พอเจอความไม่ถูกต้องขึ้นมา โกรธนะ ทุบหลังศีลจาริณีเลย อันนี้เรียกว่าเป็นเพราะยึดมั่นความถูกต้องมาก ยึดมั่นกับระเบียบมาก พอยึดมั่นกับระเบียบหรือความถูกต้อง พอเจอความไม่ถูกต้อง หรือใครทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็จะโกรธ

หรือว่าที่วัดก็มีระเบียบ เวลาฟังธรรมต้องปิดโทรศัพท์มือถือ อันนี้คือความถูกต้องที่ควรปฏิบัติร่วมกัน แต่เกิดมีโยมคนหนึ่งลืมปิดโทรศัพท์มือถือ แล้วบังเอิญมีคนโทรเข้ามา เสียงก็ดังกลางศาลาเลย ขณะที่เจ้าอาวาสกำลังเทศน์อยู่ นี่เป็นความไม่ถูกต้องแท้ ๆ เลย ถ้ายึดมั่นกับความถูกต้องมาก เวลาเจอความไม่ถูกต้องแบบนี้ก็โกรธ

โกรธแล้วเป็นอย่างไร ก็ตะโกนด่าเลย เจ้าอาวาสก็ตะโกนด่าเลย กำลังเทศน์อยู่ดีๆ เปลี่ยนโหมดเลยนะ เป็นการด่าแทน ด่าเจ้าของโทรศัพท์ที่ลืมปิดโทรศัพท์ อันนี้เรียกว่าพอเจอความไม่ถูกต้องนี่ มันเกิดไม่ถูกใจขึ้นมา พอไม่ถูกใจแล้วกิเลสมันก็พร้อมที่จะเล่นงาน พร้อมที่จะโวยวาย พร้อมที่จะพูด หรือพร้อมที่จะกระทำอะไรก็ตามด้วยอำนาจของโทสะ ด้วยอำนาจของกิเลส ซึ่งเป็นเรื่องของอัตตาธิปไตย

ฉะนั้นเราต้องระวัง ขณะที่เรายึดมั่นในความถูกต้อง ถ้าเรายึดมั่นมากไป พอเจอใครทำอะไรไม่ถูกต้องขึ้นมา ความไม่ถูกต้องจะกลายเป็นความไม่ถูกใจทันทีเลย ทั้งๆ ที่ดูเผินๆ ไม่ถูกต้องกับไม่ถูกใจนี่มันห่างกันนะ มันไกลกันมาก

เช่นเดียวกับความถูกต้อง ความถูกใจ บางทีมันก็ไกลกันมาก แต่ในบางครั้งบางคราว ถ้าไม่รู้ทันมัน มันกลายเป็นเรื่องเดียวกันไปเลย คือถ้าไม่ถูกต้องเมื่อไหร่ ก็ไม่ถูกใจเมื่อนั้น หรือจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ก็ต่อเมื่อมันถูกใจ ถ้าอันไหนไม่ถูกใจ ก็ไม่ถูกต้องไป

อันนี้มันต้องใช้สติพิจารณา การที่เรารู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เป็นสิ่งที่ดี และการที่เราปฏิบัติตามความถูกต้อง ก็เป็นสิ่งที่ดี เรียกว่ามีธรรมาธิปไตย แต่ถ้าเรายึดมั่นในความถูกต้องมากไป มันก็ง่ายมากเลยนะ ที่เวลาเจอใครทำอะไรไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องก็กลายเป็นความไม่ถูกใจ หรือกระตุ้นให้เกิดความไม่ถูกใจทันที

แล้วบางทีก็ไม่รู้ตัวนะ ก็ยังคิดว่าฉันทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ที่จริงแล้วสิ่งที่ทำไปมันถูกใจต่างหาก แล้วมันก็เกินเลยความถูกต้องไป เพราะว่าไปทุบหลังคนอื่นนี่มันจะถูกต้องได้อย่างไร หรือว่าไปตะโกนด่ากลางศาลาในขณะที่ขาดสติ หรือทำไปด้วยความโกรธ จะเป็นความถูกต้องได้อย่างไร มันก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ความถูกต้องไม่ใช่ว่ามันจะกลายเป็นสิ่งตรงข้ามกับความถูกใจ

ถ้าเราไม่ระวัง ความยึดมั่นถือมั่น มันก็จะทำให้ความถูกต้องกับความถูกใจ กลายเป็นอันเดียวกัน แล้วก็ทำให้เกิดความผิดพลาด หรือเกิดความเสียหายขึ้น

หลายคนก็ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อพิทักษ์ความถูกต้อง อันนี้มีเยอะเลย ที่เป็นข่าวก็คือว่าไปฆ่าคนนั้นคนนี้เพื่อรักษาความถูกต้อง ไม่ว่าเป็นความถูกต้องทางการเมือง ความถูกต้องทางศาสนา

อย่างพวกที่เป็นพวกก่อการร้าย หลายคนเขาก็คิดว่าเขาทำเพื่อพระเจ้า เขาทำเพื่อพิทักษ์ความถูกต้องทางศาสนา แต่ว่าสิ่งที่เขาทำ มันกลายเป็นความไม่ถูกต้องไปเสียแล้ว ทำไปด้วยอำนาจของกิเลส ตัวเองเป็นคนตัดสินว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครที่คิดไม่เหมือนฉัน ก็ต้องถูกกำจัดออกไปจากโลกนี้ เพราะมันเป็นคนที่คิดไม่ถูกต้อง ปฏิบัติไม่ถูกต้อง

ที่จริงก็เป็นเพียงแค่เห็นต่างจากตัวเองเท่านั้น แต่พอเจอคนที่เห็นต่าง ก็เปลี่ยนจากความไม่ถูกใจ กลายเป็นข้ออ้างว่าเขาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นก็สมควรกำจัดออกไปจากโลกนี้

อันนี้เป็นสิ่งที่เราเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เป็นข่าว แล้วมันไม่ใช่เพราะเรื่องศาสนาอย่างเดียว เรื่องการเมือง เรื่องวัฒนธรรม ก็มีความถูกต้องของมัน แต่ถ้าไปยึดความถูกต้องมากไป ใครที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องในสายตาของเรา มันก็กลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นความไม่ถูกใจ ทำให้เกิดความโกรธ ทำให้เกิดข้ออ้างในการที่จะจัดการ ทำร้าย หรือว่าสังหาร

ฉะนั้นต้องระวังมากทีเดียว การทำความไม่ถูกต้อง ในนามของความถูกต้อง ก็กลายเป็นว่าทำไปด้วยอำนาจของกิเลส แทนที่จะเป็นธรรมาธิปไตย ก็กลายเป็นอัตตาธิปไตยไป.

พระไพศาล วิสาโล
วัดป่าสุคะโต
4 กันยายน 2565



(http://image.coolz-server.com/s/iErbz7QG) (http://image.coolz-server.com/v/iErbz7QG) คลิกชม VDOได้ที่ ===> https://youtu.be/nvGHQUvjvOE (https://youtu.be/nvGHQUvjvOE)


(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)
----------------------------------------------------------------(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)

ขอขอบคุณ Nonglak Trongselsat
และ Fackbook Kanlayanatam
https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704 (https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704)

หัวข้อ: ❁ เติมเต็มชีวิตด้วยธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 07, 2022, 07:04:46 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ia/220907071140.jpg) (http://picture.in.th/id/6ac4ad583ea2835f32f739f1da73a0f8)

  ❁  ❁  ❁  ☆*: .。.  (http://image.coolz-server.com/s/iErbz7QG) (http://image.coolz-server.com/v/iErbz7QG)  เติมเต็มชีวิตด้วยธรรม  (http://image.coolz-server.com/s/iErbz7QG) (http://image.coolz-server.com/v/iErbz7QG)   .。.:*☆  ❁  ❁  ❁


สิ่งที่ดีกว่า คือการเติมเต็ม
ด้วยปัญญาและความดี
แสงสว่างก็เหมือนกับปัญญา
กลิ่นธูปที่อบอวลก็หมายถึงความดี


แสดงธรรมยามเย็น โดย
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2565
ณ วัดป่าสุคะโต จ. ชัยภูมิ
______________

การที่คนเราจะสนใจธรรมะจริงจังนี่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ เพราะว่ามันมีสิ่งดึงดูดใจ ให้คนเราหันเหไปทางอื่นเยอะ เช่น ความสนุกสนาน หรือความสุขจากการเสพ การมีการได้ เราเรียกว่าความสุขทางโลก หรือจะเรียกว่าเป็นวิถีทางโลกก็ได้ และคนส่วนใหญ่ก็หันเหไปทางนั้นเสียเยอะ

ถ้าไม่สนุกสนานเพลิดเพลินในการหาความสำเริงสำราญ ก็หมกมุ่นกับการหาเงินหาทอง ซึ่งบางทีมันก็ไม่ใช่เพียงแค่หาอยู่หากิน หรือว่าเพื่อความอยู่รอด แต่ว่าเพื่อความมั่งคั่ง เพื่อความอยู่ดีกินดี

แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่หันมาสนใจธรรมะ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการได้ฟังธรรม อาจจะเป็นเพราะมีคนชวน หรือว่าบังเอิญได้ยินได้ฟัง อาจจะเริ่มจากการเห็นข้อความบางข้อความที่สะดุดใจ หรือได้เห็นได้ฟังคลิปวีดีโอที่ทำให้เกิดความฉุกคิดขึ้นมา ถ้าหมายถึงสมัยนี้นะ

สมัยก่อนก็อาจจะเป็นเพราะว่ามีคนชักชวน หรือว่าได้เจอครูบาอาจารย์ที่พูดกระทบใจ เลยทำให้สะดุดใจขึ้นมา ก็เลยเริ่มติดตาม จากการฟังธรรมก็เป็นการปฏิบัติธรรม อันนี้ก็เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย หรือว่าเข้าหาธรรมแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป

แต่ก็มีหลายคนที่การเข้าหาธรรมนี่ เหมือนกับเป็นการหักเหเลย มีจุดหักเหของชีวิตที่ทำให้หันมาสนใจธรรมะ จุดหักเหที่สำคัญก็มักจะได้แก่ความทุกข์ เช่น สูญเสียคนรัก อาจจะเป็นพ่อแม่ สามีภรรยาหรือลูก หรือบางทีก็สูญเสียของรัก เช่น ทรัพย์สินถึงขั้นล้มละลาย เป็นหนี้เป็นสิน หรือว่าเจ็บป่วย เจ็บป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หาย รักษาได้ยาก ทั้งทางกายทางใจ ก็ทำให้หันมาสนใจธรรมะ

ในสมัยพุทธกาลมีตัวอย่างแบบนี้เยอะเลย ที่เคยเล่าอยู่หลายครั้งก็เช่น นางกีสาโคตมี นางปฏาจารา สูญเสียลูก สูญเสียทั้งสามี ทั้งพ่อแม่ ลูกก็ไม่ใช่แค่ลูกคนเดียวที่เสีย เรียกว่าเสียทั้งสองคน หมดเนื้อหมดตัวไปเลย จนกลายเป็นเสียสติหรือคุ้มคลั่งไป หรือค่อน ๆ ปริ่ม ๆ วิกลจริต หรือบางคนก็สูญเสียคนรัก อย่างสันตติอำมาตย์ ทั้ง 3 ท่านที่พูดมานี่ตอนหลังก็ได้เป็นพระอรหันต์

ชีวิตเปลี่ยนเพราะความสูญเสีย เกิดความโศก ความคร่ำครวญ จนถึงทุกวันนี้หลายคนชีวิตหักเหได้ก็เพราะการสูญเสีย บางทีคนรักอาจจะไม่ได้ตายจากไปแต่ว่าเขาเลิกทาง ก็เหมือนกับจากเป็น ก็ทำให้เสียศูนย์ไปเลย แล้วก็ได้หันมาสนใจธรรมะ ทีแรกก็เป็นเครื่องปลอบประโลมใจ แต่ตอนหลังก็ทำให้เกิดสติเกิดปัญญาขึ้นมา

และที่เป็นกันมากคือความเจ็บป่วย เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง ก็ทำให้ชีวิตหักเหหันมาสนใจธรรมะ เพราะรู้ว่าเงินทองที่มี สมบัติที่สะสมมา มันไม่ได้ช่วยเลย ไม่ใช่แค่ไม่ช่วยความทุกข์ทางกายคือโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น แต่ว่ายังไม่สามารถจะช่วยความทุกข์ทางใจได้ อันนี้เรียกว่าหันมาสนใจธรรมะ เพราะเจอทุกข์ที่มันบีบคั้นใจ

แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่หันมาสนใจธรรมะ เพราะว่าไม่ได้เจอทุกข์เลย จะว่าไปแล้วสิ่งที่อยากมีก็ได้มี เรียกว่ามีความพรั่งพร้อม แต่ว่าพบว่าแม้มีเท่าไหร่ ก็ยังไม่สามารถจะเติมเต็มความรู้สึกพร่องในใจได้ คือเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่มี แม้จะมีสมอยาก แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้มีความสุขอย่างแท้จริง

อย่างในสมัยพุทธกาล มานพ 2 คน อุปติสสะ โกลิตะ ซึ่งภายหลังก็คือพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ เรียกว่าชีวิตนี่ราบเรียบราบรื่น ครอบครัวดี มีบริษัทบริวารเยอะ ใช้ชีวิตอย่างสำเริงสำราญ ใช้เวลากับการเสพมหรสพ หาความบันเทิงตามประสาคนหนุ่ม

แต่พอมาถึงจุดหนึ่งก็พบว่ามันก็เท่านั้นแหละ มีวันหนึ่งไปชมมหรสพมา แต่ก่อนนี้เคยสนุกสนาน แต่คราวนี้รู้สึกเบื่อ มันดูเหมือนจืดชืด เกิดความรู้สึกว่ามันก็เท่านั้นแหละ แล้วก็เลยหันมาสนใจวิถีทางอื่น เริ่มหันมาสนใจเรื่องการดับทุกข์ทางใจ หาความสุขทางใจ ที่เรียกว่าโมกขธรรม แล้วก็เลยเริ่มออกบวช

ทีแรกก็ไปบวชกับสัญชัยปริพาชก แต่ว่าก็ยังไม่พบคำตอบ จนกระทั่งอุปติสสะไปพบพระอัสสชิเข้า แล้วก็เลยได้รู้ถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า เพียงแค่คำพูดสั้น ๆ ของพระอัสสชิว่า สิ่งใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตกล่าวถึงเหตุแห่งธรรม และความดับแห่งธรรมนั้น นี่เป็นคำสอนของพระมหาสมณะ ก็คือพระพุทธเจ้า เกิดปัญญาเลยนะ บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันเลย

เช่นเดียวกับพระโกลิตะ พอได้ฟังธรรมประโยคเดียวกันนี่ ก็บรรลุธรรมเลย อันนี้ท่านไม่ได้มีความทุกข์อะไรเลยนะ ไม่ได้มีความทุกข์ในความหมายที่ว่าสูญเสียพลัดพรากจากคนรัก เพียงแต่ว่าสิ่งที่มีสิ่งที่ได้รับ หรือความพรั่งพร้อมบริบูรณ์ มันไม่ได้ช่วยทำให้ความรู้สึกพร่องในจิตใจมันหายไป

ความเบื่อจากการใช้ชีวิตที่สนุกสนาน จากการมีการได้ มันทำให้หลายคนหันเหเข้าหาธรรมะ เพราะรู้สึกว่าจิตใจยังไม่ได้รับการเติมเต็ม แม้จะมีมากแต่ข้างในก็พร่อง ก็เหมือนกับยสะกุลบุตร ยสะกุลบุตรนี่ก็เรียกว่าพรั่งพร้อมบริบูรณ์ด้วยวัตถุ เจ้าชายสิทธัตถะมีประสาท 3 หลังอย่างไร ยสะก็มีอย่างนั้นเหมือนกัน

ก็อยู่กับความสำเริงสำราญ ไม่ต้องทำงาน วัน ๆ ก็มีกินมีใช้ มีความบันเทิงเริงรมย์ให้เสพ ก็ดูเหมือนว่าจะมีชีวิตที่ผาสุก แต่ว่าวันหนึ่งกลางดึกตื่นขึ้นมา เห็นนางฟ้อนนางรำนอนหลับไหล ก่ายกองกัน บ้างก็น้ำลายยืด บ้างก็ผ้าผ่อนหลุดลุ่ย สิ่งที่เห็นเหมือนกับว่าเป็นซากศพที่นอนกองอยู่ ก็เลยเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมา

ที่จริงแม้จะไม่เห็นภาพนั้น แต่คิดว่าก็คงจะมีความเบื่อมาสะสมมานานทีเดียว ทั้ง ๆ ที่มีสิ่งเสพมากมาย แต่ก็เหมือนกับว่าบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต อันนี้เขาเรียกว่ามีความพร่อง มีความว่างเปล่าบางอย่างเกิดขึ้นในใจ และพบว่าวัตถุสิ่งเสพมันไม่ได้เติมเต็มจิตใจ จนเกิดความรู้สึกเต็มอิ่มหรือพอใจเลย

ก็เลยรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แล้ว จึงเดินออกจากปราสาทอย่างไร้จุดหมาย แล้วก็พูดว่า ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่นะ เป็นใจมากกว่า จนกระทั่งเดินไปถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ไกลทีเดียวจากกรุงพาราณสี เดินเรื่อยเปื่อยไป ด้วยความเบื่อหน่าย สุดท้ายก็ได้พบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่าที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง

สะดุดใจขึ้นมา ก็เลยหันมาสนทนาพูดคุย แล้วก็ได้โอกาสฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า และสุดท้ายก็บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน พอบวชก็ได้เป็นพระอรหันต์ ที่จริงไม่ทันได้บวชด้วยซ้ำก็ได้เป็นพระอรหันต์แล้ว อันนี้ก็เป็นตัวอย่างของบุคคล จำนวนไม่น้อยเลย ที่เข้าหาธรรมทั้ง ๆ ที่ชีวิตไม่ได้มีความทุกข์ประเภทพลัดพรากสูญเสีย จนกระทั่งเกิดความโศก ความคร่ำครวญ หรือว่าเกิดความตื่นตระหนกตกใจ เกิดความท้อแท้ในชีวิต

แต่มันเป็นความเบื่อ เป็นความเบื่อจากการที่มีสิ่งเสพ สมอยากด้วยนะไม่ใช่ไม่สมอยาก ที่บอกว่า ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ แต่ทั้งอุปติสสะ โกลิตะ หรือว่ายสะปรารถนาอะไรก็ได้ แต่ว่ามันก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปในชีวิต และพบว่าอันนี้ไม่ใช่ อันนี้เรียกว่า รู้สึกเกิดความพร่องขึ้นมา

ไม่ได้ถูกความบีบคั้นเพราะความโศก ความเศร้า แต่เป็นความพร่อง ก็เลยต้องหันมาหาหนทางอื่นที่จะมาช่วยเติมเต็มสิ่งนั้น อาจจะเรียกว่าความสงบใจก็ได้ มันก็มีผู้คนจำนวนมากที่หันมาสนใจธรรมะในยุคนี้ก็เพราะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่มี เบื่อหน่ายกับชีวิตที่เป็นอยู่ ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นความสำเร็จ เป็นความพรั่งพร้อม แต่ว่ามันไม่สามารถจะเติมเต็มบางอย่างในจิตใจได้

เมื่อสัก 20 ปีก่อนมีนักธุรกิจหนุ่มคนหนึ่งในไทย ชีวิตแกน่าสนใจ มีช่วงหนึ่งชีวิตตกต่ำย่ำแย่มาก เพราะว่าธุรกิจของครอบครัวเป็นหนี้ถึง 7 พันล้านในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะว่าไปกู้เงินจากต่างประเทศมาเป็นเงินดอลล่าร์ แล้วค่าเงินบาทมันตก หนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเลย 7 พันล้านเมื่อ 20 ปีก่อนก็อาจจะประมาณ 1000-2000 ล้านในปัจจุบัน

พ่อเรียกลูกคือนักธุรกิจคนนี้มาช่วยฟื้นกิจการ แกเก่งนะ 3 ปีก็สามารถจะปลดหนี้ได้เป็นธุรกิจก่อสร้างระดับประเทศเลย อีก 3 ปี ก็สามารถที่จะสร้างกำไรเพิ่มสินทรัพย์ จนกระทั่งเป็นบริษัทที่มีสินทรัพย์ 20,000 ล้าน กลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้านภายในเวลาไม่กี่ปี ก็น่าจะเป็นคนที่มีความสุขนะ

แต่ว่าวันหนึ่งเกิดเบื่อหน่ายกับชีวิตนักธุรกิจ แกบอกว่าชีวิตผมหมดค่าทางธุรกิจแล้ว ไม่ใช่เพราะไม่มีที่ไปนะ แต่มันเกิดความเบื่อหน่าย ชีวิตของผมนี่ไม่มีความหมายเลย มันก็แค่เศรษฐีหมื่นล้านคนหนึ่ง คือเขาพบว่าการเป็นนักธุรกิจหรือการที่มีความสำเร็จทางธุรกิจมันไม่ได้ช่วยเติมเต็มอะไรบางอย่างในชีวิตให้ได้เลย

แต่ก็แปลกนะ น่าสนใจตรงที่ว่า แทนที่เขาจะหันเข้าหาธรรมะอย่างที่อุปติสสะ โกลิตะ หรือยสะ หรือแม้แต่เจ้าชายสิทธัตถะ ที่รู้สึกว่าชีวิตที่เป็นอยู่ มันไม่ใช่ แต่แทนที่จะเข้าหาธรรม กลับไปคิดว่ามันมีทางอื่นที่จะมาช่วยเติมเต็มชีวิตได้มากกว่า ในเมื่อลาภหรือเงินทองไม่ได้ช่วยเติมเต็มให้เกิดความพอใจได้ บางทียศหรืออำนาจ จะช่วยสร้างความเต็มอิ่มให้กับจิตใจได้มากกว่า

ก็เลยหันไปเป็นนักการเมือง แล้วก็ไปเป็นรัฐมนตรี และชีวิตก็เข้าสู่การเมืองอย่างเรียกว่าเต็มตัวเลย อันนี้ก็เหมือนกับว่าเป็นหนทางที่เขาคิดว่ามันจะช่วยเติมเต็มจิตใจเขาได้ ก็น่าเสียดายนะถ้าหากว่าเขาได้ใคร่ครวญสักหน่อยว่าไม่ว่าจะเป็นลาภหรือยศ มันไม่สามารถจะทำให้เกิดความเต็มอิ่มให้กับชีวิตได้

แต่คนจำนวนไม่น้อยก็คิดแบบนี้ ในเมื่อชีวิตที่เป็นอยู่ยังไม่ทำให้ฉันเติมเต็ม ก็คิดว่า ถ้าฉันรวยมากกว่านี้ ฉันมีรถมากกว่านี้ มีบ้านมากกว่านี้ มีที่ดินมากกว่านี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้างในของฉันได้ แบบนี้ก็มีเยอะคือรู้ว่าเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมา แต่คิดว่าถ้ามีมากกว่านี้หรือว่าไปเส้นทางนี้ อีกหน่อยเดี๋ยวมันก็จะเต็ม

แต่ว่านักธุรกิจคนนี้แกคิดว่าเป็นนักธุรกิจก็อย่างนั้น ๆ เป็นเศรษฐีหมื่นล้านก็อย่างนั้น ๆ ไปเป็นนักการเมืองดีกว่า มีอำนาจ มียศ มันจะช่วยเติมเต็มได้ อันนี้ก็เรียกว่าไปคิดว่าลาภ ยศ สรรเสริญมันจะช่วยทำให้เกิดความเต็มอิ่ม

พูดถึงเรื่องการเติมเต็ม มีนิทานไม่ใช่นิทานมีเรื่องหนึ่งซึ่งให้ข้อคิดที่ดี อันนี้เกิดขึ้นในอินเดีย อาจารย์คนหนึ่ง แกก็มีลูกศิษย์อยู่หลายคน แต่ว่าที่โดดเด่นมี 2 คน คนหนึ่งชื่อว่าจิต อีกคนหนึ่งชื่อไชยา สองคนนี้ดูเหมือนว่าเด่นทั้งคู่ แล้วก็อาจจะมีความชิงดีชิงเด่นกัน จิตคงจะไม่พอใจไชยา ที่ได้รับการโปรดปรานมากกว่าจากอาจารย์

อาจารย์ก็เลยทดสอบภูมิปัญญา วันหนึ่งก็พา 2 คนไปที่ห้องคล้ายเป็นกุฏิเปล่า ๆ อยู่ 2 หลัง อยู่ห่างกันประมาณสัก 20-30 เมตร แล้วก็ให้เงินทั้งสองคน ๆ ละ 1 รูปี (50 กว่าปีก่อน 1 รูปีหนึ่งก็ 2 บาท) บอกว่าใช้เงิน 1 รูปีนี้ ทำอย่างไรก็ได้ ไปซื้ออะไรมาก็ได้ เพื่อให้ห้องนี้มันเต็ม

คนแรกคือจิตพอได้ 1 รูปี มาทำการบ้าน ก็รีบตรงไปที่ตลาดเลย แต่ว่า 1 รูปีนี่มันซื้ออะไรไม่ค่อยได้หรอก คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็นึกขึ้นมาได้ เลยไปหาคนขนขยะ แล้วก็ไปซื้อขยะมา 1 รูปีนี่ คนขนขยะแฮปปี้เลย จิตก็เอาขยะมาใส่ไว้ในห้องของตัวจนเต็มเลยเสร็จก่อนค่ำ ดีใจที่งานสำเร็จ

ส่วนไชยานี่ พอได้รับมอบหมายการบ้านจากอาจารย์แล้ว นั่งทำสมาธิสักครู่ เสร็จแล้วก็เดินไปที่ตลาดเหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ซื้ออะไร นอกจากไม้ขีดไฟ ประทีป ธูปหอม เสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่ห้อง พอตกเย็นแกก็จุดประทีป แล้วก็จุดธูป ห้องนี้ก็เลยอบอวลไปด้วยกลิ่นธูป แล้วก็เต็มไปด้วยแสงสว่าง

พอตกค่ำ อาจารย์ก็มาตรวจผลงาน ไปที่ห้องของจิตก่อน พอเปิดประตูห้องขึ้นมา ก็ผงะเลย เพราะกลิ่นขยะมันโชยใส่จมูก เพราะขยะมันเต็มห้องเลย แต่พอเดินไปที่ห้องของไชยา พอเปิดห้องก็เห็นแสงสว่าง แล้วก็มีกลิ่นธูปหอมอบอวล อาจารย์ก็ยิ้มเลย การยิ้มของอาจารย์ก็เป็นเครื่องหมายว่าอาจารย์พอใจในผลงานของใครมากกว่ากัน

นิทานเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า มันมีวิธีการที่จะเติมเต็มห้องอยู่ 2 แบบ อันแรกคือเติมเต็มด้วยวัตถุ ซึ่งสุดท้ายมันก็ลงเอยด้วยการเอาขยะมาใส่ห้อง อีกวิธีหนึ่งคือการเติมเต็มด้วยกลิ่นหอมและแสงสว่าง อันนี้ก็เป็นอุปมาอุปไมยว่า การเติมเต็มชีวิตหรือจิตใจ ถ้าเราเติมเต็มด้วยวัตถุ สุดท้ายสิ่งที่ได้มาก็คือขยะ สิ่งที่ดีกว่าคือการเติมเต็มด้วยปัญญาและความดี แสงสว่างก็เหมือนกับปัญญา กลิ่นธูปที่อบอวลก็หมายถึงความดี

อันนี้ก็เป็นสอนใจว่า คนเราจะเลือกเติมเต็มชีวิตของเราอย่างไร หลายคนก็เติมเต็มชีวิตด้วยวัตถุ ด้วยการหาเงินหาทอง แต่สุดท้ายมันก็สู้การเติมเต็มชีวิตหรือจิตใจด้วยปัญญาและคุณธรรมไม่ได้

ถ้าหากว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกว่างเปล่า หรือว่าเกิดความพร่องในจิตใจทั้งที่มีวัตถุสิ่งเสพมาก มันเป็นเพราะเรายังเติมเต็มชีวิตด้วยสิ่งที่มันไม่ใช่คำตอบอย่างแท้จริง ถ้าหันไปหาธรรมะ หาความสงบใจ ซึ่งเกิดขึ้นจากปัญญาและคุณธรรม มันจะเป็นคำตอบที่ชีวิตจิตใจต้องการมากกว่า

และนี่คือสิ่งที่อุปติสะ โกลิตะ หรือว่ายสะได้พบ เมื่อเข้าหาธรรมะ และชีวิตจิตใจได้รับการเติมเต็ม แต่ถ้าหากว่าหันไปหาเงินหาทองมากขึ้น เพราะคิดว่าถ้ามีมากความพอใจจะเกิดขึ้น หรือว่าไม่ใช่เงินไม่ใช่ทองแต่ไปหาสิ่งอื่นมาแทนที่เป็นเรื่องทางโลกเช่นอำนาจสุดท้ายมันก็พบว่านั่นคือทางตัน ไม่ใช่คำตอบ

แต่บางคนกว่าจะรู้ตัว ก็สายไปแล้ว เหมือนกับที่นักปราชญ์คนหนึ่งชาวอเมริกัน แกพูดว่าโศกนาฏกรรมของชีวิตก็คือว่า การที่หาปลามาทั้งชีวิต แล้วพบว่ามันไม่ใช่ปลาที่ต้องการ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว เพราะไม่มีเวลาเหลือแล้ว

เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกพร่องขึ้นมา ทั้งที่เรามีสิ่งต่างๆพรั่งพร้อม ให้รู้เถอะว่า มันเป็นเพราะว่า สิ่งที่เรามี มันไม่ใช่ ต้องหันไปหาสิ่งที่ใช่มากกว่า และสิ่งที่ใช่ มันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องของทางโลก แต่เป็นสิ่งที่ตอบสนองความสุข ความสงบในจิตใจ ไม่ใช่พอพบว่า เงินไม่ใช่คำตอบ ก็ไปหาอำนาจมาแทน สุดท้ายก็จะพบว่ามันก็ไม่ใช่เหมือนกัน.


(http://image.coolz-server.com/s/iErbz7QG) (http://image.coolz-server.com/v/iErbz7QG)  คลิกชม VDO ได้ที่ ===> https://youtu.be/05_fbP8Dg4w (https://youtu.be/05_fbP8Dg4w)




(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)
----------------------------------------------------------------(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)

ขอขอบคุณ Nonglak Trongselsat
และ Fackbook Kanlayanatam
https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704 (https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704)

หัวข้อ: ☆ ธรรมบำบัดทุกข์ ☆ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
เริ่มหัวข้อโดย: ยาใจ ที่ กันยายน 08, 2022, 07:28:23 am
(http://image.free.in.th/v/2013/ip/220908073038.jpg) (http://picture.in.th/id/401eff29aa75d51a93c0ebe4baeac929)


                                  (http://image.coolz-server.com/s/lISJLH9P) (http://image.coolz-server.com/v/lISJLH9P)  ธรรมบำบัดทุกข์  (http://image.coolz-server.com/s/lISJLH9P) (http://image.coolz-server.com/v/lISJLH9P)      

โดย พระไพศาล วิสาโล


  ความทุกข์ทั้งปวงของคนเรา ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ว่าจะเป็นคนชาติใด ภาษาใด วัยใด ถ้าจะสรุปด้วยคำของพระพุทธเจ้าที่เราเพิ่งสาธยายไป และทุกเช้าเราก็สาธยายข้อความนี้ “การพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่พอใจก็เป็นทุกข์”

ความทุกข์ของคนเราโดยส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับการพลัดพรากของรักคนรัก  หรือการประสบกับสิ่งที่ไม่รัก คนเราเมื่อสูญเสียของรักคนรักก็ย่อมเกิดความเศร้าโศกคร่ำครวญ หรือเวลาเจอสิ่งที่ไม่พึงพอใจ เช่น ความเจ็บป่วย ก็มีความเศร้า มีความเครียด มีความวิตกกังวล หรือบางทีมีความคับแค้น เรียกรวม ๆ ว่า “ทุกข์”

และก็เป็นธรรมดาที่คนเรามักจะมองว่า ที่ทุกข์ที่เศร้าโศกก็เพราะสูญเสียคนรัก หรือสูญเสียของรัก แต่ที่จริงแล้ว ถ้าพิจารณาดูให้ดี ความเศร้าโศกหรือความทุกข์ของคนเรานี้ ไม่ได้เกิดจากหรือไม่ได้เกิดเพราะความสูญเสียคนรักหรือของรัก แต่เกิดขึ้นเพราะความยึดมั่นถือมั่นกับของสิ่งนั้นหรือคน ๆ นั้นมากกว่า 

ในสมัยพุทธกาล เมื่อนางกีสาโคตมีเสียลูกน้อย นางเศร้าโศกมาก และยอมรับความจริงไม่ได้ว่าลูกของตัวเองตาย นางอุ้มร่างของลูกที่เสียชีวิตไปเพื่อให้ใครต่อใครช่วยให้ฟื้นขึ้นมา จนกระทั่งได้พบกับพระพุทธเจ้า และตอนหลังพระพุทธเจ้าก็แสดงธรรมโปรดนางกีสาโคตมี หลังจากที่นางเริ่มคลายความเศร้าโศกและยอมรับความตายของลูกได้

มีประโยคหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “มัจจุราชหรือมฤตยู ย่อมพัดพาผู้ที่หลงใหลในรูปและทรัพย์ เฉกเช่นเดียวกับน้ำป่าย่อมพัดพาผู้ที่หลับใหลไปฉันนั้น” หมายความว่า ความตายย่อมทำให้ผู้ที่หลงใหลในรูปในทรัพย์ ต้องพบกับความทุกข์แสนสาหัส แต่ถ้าเราพิจารณาประโยคนี้ให้ดีๆ ก็จะพบว่า ถ้าหากไม่หลงใหลหรือยึดติดถือมั่นในรูปในทรัพย์ แม้มีความตายเกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้ผู้นั้นไหลไปสู่ความทุกข์หรือประสบกับความทุกข์ได้

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ที่ทุกข์นี้ก็เพราะมีความหลงใหล หรือมีความยึดติดในรูปในทรัพย์ ไม่ใช่เพราะความตาย ตรงนี้แหละที่นางกีสาโคตมีเข้าใจ พอเข้าใจแล้ว ปัญญาเกิดเลย ไม่เพียงหายเศร้าโศก แต่ถึงกับบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันเลย เพราะเห็นชัดเลยว่าที่ทุกข์เพราะความยึดติดในรูปในทรัพย์ และเมื่อจิตคลายความยึด คลายความถือมั่นในลูก ก็หายทุกข์เลย แล้วจิตก็สว่าง โล่ง

เช่นเดียวกัน เมื่อสันตติมหาอำมาตย์ซึ่งกำลังสำเริงสำราญ เพราะว่ามีหญิงฟ้อนรำมาสร้างความบันเทิงให้กับตนเอง แต่ต่อมาหญิงฟ้อนรำคนนั้นซึ่งเป็นคนโปรดของสันตติมหาอำมาตย์ขาดใจตาย เพราะว่าฟ้อนรำมาเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว ไม่ได้พักเลย จึงขาดใจตาย

สันตติมหาอำมาตย์ซึ่งกำลังเมามายอยู่ เจอเหตุการณ์นี้ถึงกับสร่างเมาเลย แต่ว่าสิ่งที่ตามมาคือความเศร้าโศก พอเศร้าโศกก็นึกถึงพระพุทธเจ้า ซึ่งบังเอิญได้พบตอนเช้า ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกถึงพระพุทธเจ้าเลย แต่พอเศร้าโศกมาก ๆ พอสูญเสียคนรักก็เรียกว่าซมซานก็ได้ ไปหาพระพุทธเจ้า

พระองค์ก็แสดงธรรม และมีตอนหนึ่งบอกว่า “กิเลสเครื่องเศร้าหมองที่เกิดขึ้นกับเธอในกาลก่อน ก็ขอให้กำจัดให้หมดสิ้นไป และอย่าให้กิเลสนั้นได้เกิดขึ้นอีกในกาลภายหน้า” แล้วพระองค์ก็ตบท้ายด้วยประโยคสุดท้ายว่า “ถ้าเธอไม่ยึดติดในขันธ์ห้าก็จะเป็นผู้สงบ”

สงบก็คือหายทุกข์หายเศร้าโศก ปรากฏว่าสันตติมหาอำมาตย์เข้าใจชัดเลย เข้าใจชัดว่าอะไร เข้าใจชัดว่าที่ตัวเองทุกข์นี้ ไม่ใช่เพราะสูญเสียหญิงอันเป็นที่รัก แต่เพราะไปยึดมั่นถือมั่นในผู้หญิงคนนั้น หรือเรียกรวม ๆ ว่า ยึดมั่นในขันธ์ห้า ซึ่งครอบคลุมไปถึงสิ่งอื่นๆ ด้วย ปัญญาเกิด จิตก็หลุดพ้นจากอาสวะกิเลส กลายเป็นพระอรหันต์ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้บวช

ทั้งสองตัวอย่างนี้ พระพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่า ที่เธอทุกข์นี้ไม่ใช่เพราะความสูญเสียคนรัก แต่เป็นเพราะไปยึดมั่นในคนเหล่านั้นหรือในคน ๆ นั้น ซึ่งเมื่อคลายความยึดมั่นเมื่อไรก็จะไม่ทุกข์

ที่จริงในชีวิตประจำวันของเรา หรือในประสบการณ์ชีวิตของเราก็คงจะสังเกตได้ เวลาคนที่เรารู้จักเสียชีวิต เมื่อเราได้ข่าว ถ้าเราไม่ได้สนิทสนมหรือไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นกับคน ๆ นั้นมาก เราก็ไม่ค่อยเสียใจมาก ถ้าเป็นคนไกล เป็นคนที่เราไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคย หรือ ถ้าพูดภาษาธรรมะคือไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นมาก เราก็ไม่ค่อยได้เสียใจเท่าไร แต่จะเสียใจก็ต่อเมื่อคน ๆ นั้นเป็นคนที่เรารัก เป็นคนที่เราผูกพัน หรืออาจมีความสนิทเสน่หา ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่ามีความยึดมั่นถือมั่น

ดังนั้น ระดับของความเศร้าก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความยึดมั่นถือมั่นมากแค่ไหน ตรงนี้ต่างหากที่เป็นสาเหตุของความทุกข์ ไม่ใช่ความสูญเสีย ความสูญเสียไม่ได้เป็นสาเหตุแห่งทุกข์ มากเท่ากับความยึดมั่นถือมั่นในคนนั้นหรือในของสิ่งนั้น ตรงนี้ต้องเข้าใจให้ชัด เพราะถ้าเราคิดว่าที่ทุกข์เพราะความสูญเสีย เราจะไม่มีวันออกจากทุกข์ได้เลย เพราะชีวิตนี้จะต้องเจอกับความสูญเสียอยู่ร่ำไป ไม่ว่าจะเป็นคนรักของรัก

แต่ถ้าหากเราตระหนักชัด หรือเชื่อว่าความทุกข์ใจเกิดขึ้นเพราะความยึดมั่นถือมั่น ก็มีโอกาสที่จะออกจากทุกข์ได้ หรือทุกข์เบาบาง ด้วยการลดความยึดมั่นถือมั่น หรือสลัดความยึดมั่นถือมั่นทิ้งไป หนทางแห่งความพ้นทุกข์ก็เปิดกว้างแก่เราได้ แต่ถ้าเราคิดว่าความสูญเสียทำให้เราทุกข์ ความสูญเสียคือเหตุแห่งทุกข์ ชีวิตนี้ก็คงจะไม่มีโอกาสที่จะพ้นทุกข์ได้เลย เพราะต้องสูญเสียอยู่เรื่อยไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติหรือคนรัก จนกว่าจะหมดลม

ความเจ็บป่วยก็เช่นเดียวกัน หลายคนทุกข์เมื่อมีความเจ็บป่วย แล้วก็ไปคิดว่าความเจ็บป่วยคือเหตุแห่งทุกข์ ที่จริงไม่ใช่ เหตุแห่งทุกข์ โดยเฉพาะความทุกข์ใจ ก็คือความยึดมั่นถือมั่น ยึดมั่นถือมั่นกับอะไร ยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย ยึดมั่นถือมั่นว่านี่เป็นร่างกายของเรา ยึดมั่นถือมั่นว่าร่างกายนี้ต้องเที่ยง ยึดมั่นถือมั่นว่าร่างกายนี้ต้องเป็นสุข หรือจะอำนวยความสุขให้กับเรา

แต่ว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา และไม่เที่ยง และไม่ใช่ตัวสุขด้วย แต่ที่จริงเป็นตัวทุกข์ แต่เป็นเพราะไม่รู้ก็ไปยึด พอไปยึดเข้า ก็เลยทุกข์เมื่อความเจ็บป่วยเกิดขึ้น แต่ถ้าหากไม่ยึดมั่นถือมั่น หรือคลายความยึดมั่นถือมั่น ความทุกข์เพราะความเจ็บป่วยก็จะบรรเทาเบาบาง จนอาจเหลือแค่ความทุกข์กายแต่ใจไม่ทุกข์ หรือบางทีความทุกข์กายอาจบรรเทาเบาบางไปเลยก็ได้

เมื่อสัก 80-90 ปีก่อน มีสมเด็จพระราชาคณะท่านหนึ่ง สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ตอนหลังท่านเป็นสังฆนายก เมืองไทยสมัยก่อนมีตำแหน่งสังฆนายกด้วย ไม่ใช่แค่สังฆราชเท่านั้น  สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ท่านก็เป็นสังฆนายกท่านหนึ่ง ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมสูง และท่านก็เห็นประโยชน์ เห็นคุณค่าของของการส่งเสริมปริยัติธรรมให้พระ เณรมีการศึกษาทางด้านวิชาการ และท่านก็เป็นผู้บริหารการศึกษาที่เก่งมาก จึงได้เป็นสมเด็จพระราชาคณะ

แต่ท่านไม่ค่อยชอบพระที่เป็นพระกรรมฐาน อย่างหลวงปู่มั่นหรือลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ท่านจะไม่ชอบเลย และบังเอิญท่านก็เป็นพระราชาคณะที่ดูแลภาคอีสานด้วย มีอยู่ช่วงหนึ่งท่านขับไล่เลย พระป่า ถ้ามาอยู่ในเขตปกครองของท่าน ท่านไล่เลย เพราะท่านเห็นว่าเป็นพวกหลงงมงาย จะไปรู้อะไรพระพุทธศาสนาถ้าไม่ได้ศึกษาปริยติธรรม พวกเข้าป่าบำเพ็ญภาวนาพวกนี้งมงาย

เเต่ตอนหลังท่านก็เริ่มที่จะเห็นคุณค่าของสมาธิภาวนา เห็นคุณค่าของกรรมฐาน เห็นคุณค่าเพราะอะไร เพราะท่านป่วย อาพาธหนัก จนถึงช่วงหนึ่งไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ต้องฉันอาหารทางสายยาง บังเอิญตอนนั้นท่านเริ่มมีทัศนคติที่ดีต่อพระป่าสายหลวงปู่มั่นแล้ว

และพอรู้ว่าพระอาจารย์ฝั้นเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น และมีความรู้ด้านสมุนไพร รวมทั้งสมาธิภาวนา จึงนิมนต์ให้มาช่วยดูแลรักษา พระอาจารย์ฝั้นซึ่งตอนนั้นยังหนุ่ม ก็รักษาด้วยสมุนไพร แต่ไม่ได้ทำแค่นั้น ท่านสอนกรรมฐานให้กับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ด้วย ทีแรกก็สอนสมาธิ สอนสมถะ ทำให้ระงับทุกขเวทนาได้ เพราะพอจิตเป็นสมาธิแล้ว ทุกขเวทนาทางกายก็ไปบีบคั้นจิตใจได้ยาก

แต่ว่าท่านสอนมากกว่านั้น สอนเรื่องวิปัสสนาด้วย สอนให้พิจารณาว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา ที่ทุกข์ใจเป็นเพราะไปยึดมั่นว่าร่างกายเป็นเราเป็นของเรา และไม่ใช่แค่นั้นนะ ยังไปยึดเอาความเจ็บความปวดว่าเป็นเราด้วย หลวงปู่ฝั้นหรือพระอาจารย์ฝั้นท่านให้พิจารณาว่าร่างกายนี้ประกอบไปด้วยธาตุ หรือประกอบไปด้วยขน หนัง ฟัน เล็บ ถ้าแยกออกไปทีละส่วน ๆ แล้วก็ไม่เหลืออะไรเลย

และเป็นเพราะมีสิ่งเหล่านี้มาประกอบกันจึงเกิดเป็นรูป แต่รูปนั้นก็ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน พระอาจารย์ฝั้นท่านสอนไปทีละนิด ๆ จนกระทั่งสมเด็จพระมหาวีรวงศ์เข้าใจ แล้วท่านก็พิจารณาด้วยกรรมฐาน ปรากฏว่าดีวันดีคืน ความเจ็บป่วยค่อย ๆ ลดหายไป จนกระทั่งท่านกลับมาเป็นปกติได้ 

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ก็เกิดความซาบซึ้งประทับใจมาก เห็นคุณค่าของกรรมฐานเป็นครั้งแรก ท่านถึงกับออกปากว่า ตลอดชั่วชีวิตของเราไม่เคยคิดเลยว่า สมาธิภาวนาจะมีคุณค่าถึงเพียงนี้ นี่เป็นคำพูดจากพระผู้ใหญ่ แต่ก่อนท่านไม่เชื่อเลยเรื่องสมาธิภาวนา ทั้ง ๆ ที่ในพระไตรปิฏกก็พูดถึงคุณค่าของกรรมฐานไว้เยอะนะ แต่ท่านสนใจแต่เรื่องของวิชาการ
พอได้มาประสบสัมผัสกับคุณค่าของสมาธิภาวนา ท่านซาบซึ้งมาก แล้วก็เลยนับถือหลวงปู่มั่นและลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ถ้าท่านไม่ป่วยท่านก็ไม่เห็นคุณค่าของกรรมฐาน และที่ท่านหายป่วย เพราะท่านได้พิจารณาเห็นเลยว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา พอเห็นเช่นนี้ ความยึดมั่นถือมั่นในกายว่าเป็นเราเป็นของเราก็ลดลง ความทุกข์ใจก็หายไป

และไม่ใช่แค่นั้น ท่านยังพิจารณาเห็นว่า ความเจ็บ ความปวด ความข้องขัด ก็ไม่ใช่เรา มันก็เป็นสักแต่ว่าเวทนาที่เกิดขึ้น พอเห็นเช่นนี้ก็ไม่มีผู้ปวดผู้เจ็บ จิตใจก็สบาย พอจิตใจสบาย กายก็ดีขึ้น อันนี้เรียกว่าที่่เราไปเข้าใจว่าทุกข์เพราะความเจ็บป่วย ที่จริงไม่ใช่ จริงอยู่ ทุกข์กายเพราะความเจ็บป่วย แต่ทุกข์ใจนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วย 

ทุกข์ใจเพราะความยึดมั่นถือมั่นในกายว่าเป็นเราเป็นของเรา มันไม่ใช่แค่ยึดมั่นในกายนี้ว่าเป็นเราเป็นของเรานะ ยึดมั่นในกายว่าเป็นเราเป็นของเรายังน่ายึด เพราะกายก็ยังให้ความสุขเราบ้างเป็นครั้งคราว หรือเป็นระยะ ๆ  แต่คนเราดันไปยึดเอาความเจ็บปวดว่าเป็นเราเป็นของเรา นี่สิแปลก เพราะความเจ็บปวดนี้ไม่มีดีเลย เราก็ไม่ชอบความเจ็บความปวด แต่ทำไมเราไปยึด อันนี้เรียกว่าเพราะความหลง หลงก็คือไม่รู้ความจริง และไม่รู้ตัว 

สิ่งที่พระอาจารย์ฝั้นสอนสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ก็คือ ช่วยทำให้ท่านเกิดปัญญา เข้าใจร่างกาย เข้าใจความเป็นจริงของสังขาร จนกระทั่งไม่ยึดมั่นว่าร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา และก็สอนให้เห็นคุณค่าของสตินะ ว่าสติช่วยทำให้ไม่ไปยึดเอาความเจ็บความปวดว่าเป็นเรา เป็นของเรา

ปัญญาและสติเป็นธรรมที่ช่วยบำบัดความทุกข์ เริ่มจากความทุกข์ใจ แล้วก็นำไปสู่การบำบัดความทุกข์กายได้ 

หลวงพ่อคำเขียนตอนที่ท่านป่วยหนักตอนเป็นมะเร็งครั้งแรก ญาติโยมสงสารท่านมาก เพราะทุกขเวทนาที่เกิดกับท่านรุนแรง ยาหรือหัตถการที่ใช้รักษาท่าน ก็ก่อความอึดอัดได้ไม่น้อย แต่หลวงพ่อท่านดูสงบ แล้วท่านก็สอนลูกศิษย์ว่า “ความเจ็บปวดนี้ไม่ได้ลงโทษเรา แต่ความเป็นผู้ปวดต่างหากที่ลงโทษเรา” นี่สำคัญมากเลย

แล้วท่านก็บอกว่า ความกลัวเป็นเพียงอาการ เอาไว้ให้เห็น ไม่ใช่เอาไว้ให้เป็น ความเจ็บปวดมีไว้ให้เราเห็น หรือเป็นอาการเอาไว้เห็น ไม่ใช่เข้าไปเป็น จะเห็นได้ยังไง ต้องมีสติ เพราะถ้าไม่มีสติ พอปวดขึ้นมา ก็ไปยึดความปวดว่าเป็นเราเป็นของเรา หรือปล่อยจิตเข้าไปจมอยู่ในความปวด ถ้าจิตจมเข้าไปในความปวดหรือเข้าไปยึดว่าความปวดเป็นเราเป็นของเราเมื่อไร มันไม่ใช่แค่ปวดกายอย่างเดียว ปวดใจด้วย

แต่ถ้ามีสติ สติทำให้เห็นเวทนา ไม่เข้าไปยึดเวทนานั้น ตรงนี้ต้องอาศัยสติ ต้องอาศัยความรู้สึกตัว แล้วพอเห็นเวทนา เห็นความปวดไม่เป็นผู้ปวด ความทุกข์ใจก็ลดลงไปมาก เหลือแต่ความทุกข์กาย เรียกว่าทุกข์หารสามเลยก็ได้ เหลือแต่แค่ทุกข์กาย อีกสองส่วนคือทุกข์ใจก็หายไป เพราะไม่มีความยึดว่าเป็นเรา ว่าเป็นผู้ปวด 

นี่คืออานุภาพของสติ ที่ช่วยทำให้เราสามารถรับมือกับทุกขเวทนาในยามเจ็บป่วยได้ และทำให้เราเห็นว่า จริง ๆ แล้วเราไม่ได้ทุกข์เพราะความเจ็บป่วย แต่เราทุกข์เพราะความยึดติด ไปยึดติดในรูป ไปยึดติดในเวทนา ไปยึดมั่นถือมั่นในรูป ไปยึดมั่นถือมั่นในเวทนา

ตรงนี้คือสิ่งที่คนไม่ค่อยเข้าใจ ไปเข้าใจว่าเราทุกข์เพราะความเจ็บป่วย เหมือนกับที่ไปเข้าใจว่าเราทุกข์เพราะความสูญเสีย ไม่ใช่ ที่ทุกข์ใจเพราะไปยึดมั่น ไม่ว่าจะไปยึดมั่นในคน สิ่งของ เพราะฉะนั้นพอสูญเสียก็เลยทุกข์ หรือไปยึดมั่นในร่างกายนี้ พอมันเจ็บป่วยก็เลยเป็นทุกข์ หรือไปยึดมั่นในความปวด ไปยึดถือ ไปจมเข้าไปเป็นผู้ปวด
 
ฉะนั้น ถ้าเข้าใจตรงนี้จะเห็นเลยว่าเราต้องฝึกสติให้มีกำลัง และก็พยายามทำปัญญาให้เกิด เพื่อจะได้ลดความยึดมั่นถือมั่นให้ได้ แต่ถ้าหากสติยังไม่ไว ยังไม่เข้มแข็ง ปัญญายังไม่แก่กล้า ก็อาจใช้ธรรมะตัวอื่นมาช่วยเสริมได้ เช่น สมาธิ สมาธิก็ช่วยทำให้ใจวางความเจ็บความปวดได้เหมือนกัน ไม่ใช่แค่ปัญญาหรือสติเท่านั้น ที่จะช่วยทำให้เกิดการวางความเจ็บความปวดได้

สมาธิก็ช่วยได้ อย่างเช่น เวลาปวดแขนปวดขา ถ้าเราไม่มีสมาธิ จิตก็จะไปเกาะอยู่ที่แขนที่ขา หรือไปเกาะไปยึดเวทนา ความเจ็บ ความปวด ความเมื่อยที่แขน ที่ขา ทีหลัง แต่พอเราเอาจิตมาจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ จดจ่ออยู่ที่คำบริกรรม มาจดจ่ออยู่ที่บทสวดมนต์ จิตจะวาง จิตจะวางความเจ็บความปวดลง

เพราะมันเหมือนคนมือเดียว คนมือเดียวจับอะไรไว้ก็ตาม เช่น จับโทรศัพท์ถือโทรศัพท์อยู่ ถ้าจะจับแก้วถือแก้วก็ต้องวางโทรศัพท์ จึงจะถือแก้วจับแก้วได้ จิตเป็นอย่างนั้น จะให้จิตมาจดจ่ออยู่กับลมหายใจ มันก็ต้องวางความเจ็บความปวด วางการเกาะเกี่ยวในแขนในขาในอวัยวะที่ปวด มันก็ช่วยทำให้ใจสงบได้

เพราะว่าจิตวางความเจ็บความปวด วางทุกขเวทนาลง เพื่อมาจดจ่ออยู่กับลมหายใจ เพื่อมาจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นแทน เช่น อาจจะเป็นเสียงเพลง หรืออาจจะเป็นบทสวดมนต์ อาจจะเป็นคำบรรยายก็ได้ สมาธิก็ช่วยได้สำหรับคนที่ปัญญายังไม่แก่กล้า สติยังไม่แข็งแรง

ที่จริงก็ยังมีธรรมะตัวอื่นที่จะช่วยเราได้อีก เช่น ศรัทธา ถ้าเรามีศรัทธาในสิ่งใด พอเรานึกถึงสิ่งที่เราศรัทธา จิตจะเกิดความอิ่มเอิบ เกิดสิ่งที่เรียกว่าปราโมทย์ เช่น คนที่เจ็บปวดแต่นึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระรัตนตรัย นึกถึงครูบาอาจารย์ที่ตัวเองศรัทธา มันจะเกิดความปราโมทย์

ปราโมทย์ คือ ความเบิกบานใจ ปราโมทย์ทำให้เกิดปิติ อิ่มเอิบใจ ปิติทำให้เกิดปัสสัทธิ ความผ่อนคลายกายและใจ และทำให้เกิดสุข พูดง่าย ๆ คือ ศรัทธาทำให้เกิดสุข ฉะนั้น ขณะที่กำลังปวดกำลังทุกข์อยู่ พอปลุกศรัทธาขึ้นมา ความสุขจะมาแทนที่ และมันไม่ใช่เพียงแค่สุขใจ สุขกายด้วย

เดี๋ยวนี้ เขามีการค้นพบว่า คนที่มีศรัทธาในสิ่งใดจะมีสารบางตัวหลั่งออกมา เป็นสารสื่อประสาทที่จะช่วยทำให้ความเจ็บความปวดทุเลาลง ไม่ว่าจะเป็น โดพามีน เซโรโทนิน หรือเอ็นโดรฟีน ฯลฯ ซึ่งช่วยทำให้ทุกขเวทนาทางกายบรรเทาลง และเกิดความสงบเย็นในจิตใจได้

ถ้าเรารู้จักธรรมะที่ว่ามานี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญญา สติ สมาธิ ศรัทธา ก็จะช่วยทำให้ความทุกข์บรรเทาเบาบาง เรียกว่าเป็นธรรมที่ช่วยบำบัดความทุกข์ก็ได้.

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วัดป่าสุคะโต
วันที่ 6 กันยายน 2565



(http://image.coolz-server.com/s/lISJLH9P) (http://image.coolz-server.com/v/lISJLH9P) คลิกชม VDO ได้ที่ ===> https://youtu.be/oYsnMzRHC58




(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)
----------------------------------------------------------------(http://image.free.in.th/v/2013/iw/191114064118.gif) (http://picture.in.th/id/b8a7c2b3d03b4e7fca0796212d6c74b1)

ขอขอบคุณ YouTube : Zen Sukato
Nonglak Trongselsat
และ Fackbook Kanlayanatam
https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704 (https://web.facebook.com/Kanlayanatam-174670492571704)