« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2011, 05:25:36 am »
สิ่งแวดล้อมภายนอกก็ส่งผลถึงความรู้สึกต่อร่างกายอีกด้วยเช่น อากาศเย็นจะหนาว ถ้าเย็นมากจะสั่น อากาศร้อนเหงื่อจะออกในทำนองเดียวกันกลิ่นบางกลิ่นก็ส่งผลต่อความรู้สึกทางกายเช่นกันเป็นต้นว่า กลิ่นธูปถ้ามากจะแสบตา รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ค่อยออกเสียงก็ส่งผลต่อความรู้สึกทางร่างกาย เช่น เสียงเบสที่ดังแรงเหมือนเข้าไปสั่นสะเทือนอยู่ในหน้าอก ทำให้ร่ายกายไม่สบาย อึดอัดเครียด
สุขภาพและการตรากตรำงานก็มีผลต่อความรู้สึกของร่างกายเช่น หากไม่สบายจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อย ล้า ไม่มีแรง ทำงานมามากจะรู้สึกเหนื่อยล้า ปวด เมื่อย เป็นต้น
การที่ใจกลับเข้ามาอยู่ในบ้าน มาสังเกตความรู้สึกต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกาย เท่ากับว่าให้ใจได้มาอยู่กับความจริง ได้มาเรียนรู้ความเป็นจริงอันเป็นสัจธรรม และมีค่าควรแก่การเรียนรู้ กล่าวคือ
๑. ได้เรียนรู้ว่าความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นไปตามธรรมชาติของมัน โดยที่เราไม่สามารถบังคับได้เลยว่า ขอให้ความรู้สึกเช่นนี้ (ตามที่เราชอบ) เกิดขึ้นและอยู่นานๆ เถิด ความรู้สึกเช่นนั้น (ที่เราไม่ชอบ) อย่าได้เกิดขึ้นเลย หรือหากเกิดแล้วก็ขอให้หายไปเร็วๆ และอย่าได้กลับมาอีกเลย แต่โดยความเป็นจริงแล้วความรู้สึกทั้งหลายเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ตามเหตุปัจจัย
๒. ฝึกให้ใจอยู่กับความเป็นจริง รับรู้ความเป็นจริง และยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับกายล้วนเป็นของจริงทั้งสิ้น ต่างกับความคิด ที่ใจชอบคิดปรุงแต่งเรื่องราวต่างๆ มากมาย ความคิดเหล่านั้นมีความเจริญอยู่น้อย เพ้อฝันและเลื่อนลอยเป็นส่วนใหญ่
๓. ฝึกให้ใจรับรู้ความรู้สึกอย่างไม่มีอคติ ทั้งในทางที่ชอบและชัง สร้างพฤติกรรมของจิตให้มีความเที่ยงธรรม มีความเป็นอุเบกขา ด้วยความเข้าใจว่าทุกความรู้สึกทางกายเป็นไปตามเหตุปัจจัย เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เป็นของชั่วคราว เป็นของธรรมดาไม่ควรที่จะไปยินดียินร้าย ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพของจิต
ขณะที่เรานำใจกลับบ้าน ให้มาเฝ้าอยู่กับปรากฏการณ์ภายในบ้าน ช่วงเวลานั้นได้ตัดกระแสการปรุงแต่งของจิต ที่ไปผูกอยู่กับการรอคอย อันเป็นเหตุให้หงุดหงิด ขุ่นมัว นำทุกข์มาให้ ไม่ช้า งานที่รอคอยก็เสร็จ จนบางครั้งเรากลับรู้สึกว่าเสร็จเร็วจัง ยังสำรวจความเป็นไปต่างๆ ภายในบ้านไม่ครบถ้วนเลย
หรือถ้าต้องเดินทางไกล เราก็มีเวลาสำรวจบ้านในซอกมุมต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง โดยรู้สึกเพลิดเพลินตื่นตาตื่นใจต่อการได้รับรู้ถึงความรู้สึกอันหลากหลาย และธรรมชาติของความรู้สึกนั้นๆ แทนที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการเดินทางเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น ตื่นตัว ไม่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าด้วย
*การปฏิบัติเช่นนี้ทำให้กิเลสใหม่ไม่เข้ามา*
ขณะเดียวกันก็ช่วยทอนกำลังของกิเลสเก่าที่มีอยู่ให้อ่อนลง
ผู้อ่านลองนำไปฝึกปฏิบัติดูก็ได้ จะช่วยให้ใจเย็นลงมีความสุขมากขึ้น
วิธีการดังกล่าวเป็นการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
โดยพิจารณาฐานกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
และเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานในคราวเดียวกัน
ที่มา : จากหนังสือเหรียญมีสามด้าน โดยพระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ
ชมรมกัลยาณธรรม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 16, 2015, 07:34:14 pm โดย ยาใจ »
เข้าสู่ระบบ