ผู้เขียน หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล  (อ่าน 310952 ครั้ง)

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด




    เริ่มต้นชีวิตใหม่ ....เริ่มที่ใจของเรา 



  ชีวิตใหม่ไม่ได้หมายถึงการมีอาชีพใหม่ คู่รักคนใหม่ หรือมีบ้านหลังใหม่ รถคันใหม่ ตำแหน่งใหม่เสมอไป สิ่งสำคัญอยู่ที่การมีทัศนคติใหม่และมีความสัมพันธ์อย่างใหม่กับสิ่งเดิมๆ มากกว่า กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือทำตัวเองให้ใหม่ โดยไม่หวังพึ่งความใหม่จากภายนอก

ชีวิตใหม่จึงมิใช่เรื่องไกลตัวหรือต้องคอยหาโอกาส หากสามารถทำได้เลยนับแต่วันนี้ ชีวิตใหม่สามารถเริ่มได้ทันที หากเราเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ และให้คุณค่าใหม่กับสิ่งที่เรามีอยู่แล้วกับตัว


พระไพศาล วิสาโล








  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2020, 07:29:19 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
แมวสอนธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #721 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2020, 06:26:28 am »





    แมวสอนธรรม   



“เราช่วยเขาก็อย่าไปคิดว่าเขาจะตอบแทนบุญคุณของเรา อย่าไปคิดว่าเขาจะมาภักดีกับเรา หลายคนมีความทุกข์เพราะคาดหวังว่าเขาจะต้องสำนึกในบุญคุณของเรา เขาจะต้องดีกับเรา พอเขาไม่ดีกับเราหรือเพราะเขาอาจสำนึกบุญคุณแต่ไม่มากอย่างที่เราต้องการ เราก็มีความทุกข์ รู้สึกว่าทำไมเขาไม่ตอบแทนบุญคุณของเราเลย ให้เงินเขาไปหรือให้ยืมเงินแล้วเขาก็ไม่สนใจที่จะมาตอบแทนบุญคุณของเรา หรือไม่ดีกับเราก็เลยเกิดความบาดหมาง เกิดความคับแค้นใจ กลายเป็นว่าทำความดีหรือแม้ช่วยเขาแล้ว เกิดความทุกข์ใจในภายหลัง

อันนี้เพราะไปคาดหวังให้เขาทำดีกับเราให้เขาภักดีกับเรา แต่ถ้าเราลองมานึกเออเขาก็เหมือนกับแมวนะ เราให้อาหาร เค้ากินอาหารแล้วเขาก็ไปไม่รู้สึกภักดีอะไรกับเรา ถ้าเราช่วยคนเหมือนกับเราเลี้ยงแมว ไม่ได้หวังความภักดีจากเค้า พอได้รับการช่วยเหลือ หมดทุกข์หายหิวแล้วเขาก็ไป นี่การเลี้ยงแมวก็สามารถจะสอนเราได้เหมือนกัน สอนให้เราทำดีกับผู้อื่นด้วยการวางใจเหมือนกับเลี้ยงแมว”


พระไพศาล วิสาโล










  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 13, 2020, 09:25:20 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
อานุภาพแห่งรัก - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #722 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2020, 06:38:03 am »




  อานุภาพแห่งความรัก 


  ความรักสามารถบันดาลใจให้เกิดสุข และขับไล่ความความทุกข์ให้มลายไปได้ เพียงแค่เรามีความรักหรือมีน้ำใจให้แก่ใครสักคน เราก็สามารถเยียวยาจิตใจของเขาได้ไม่น้อย ในทำนองเดียวกัน คนที่ระทมทุกข์ เพียงแค่ได้อยู่ใกล้คนที่มีความสุข จิตใจอ่อนโยน ก็อาจได้รับรัศมีแห่งความสุข ที่คิดสั้นก็อาจได้สติหรือฉุกคิดขึ้นมาได้

  ความรักสามารถบันดาลความรัก ความสุขสามารถบันดาลความสุข หากเราอยากให้ใครมีน้ำใจหรือมีความสุข ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากมีน้ำใจหรือให้ความสุขแก่เขา คำพูดอันสวยหรูนั้นไม่มีพลังบันดาลใจได้เท่ากับคุณภาพจิตหรือแบบอย่างที่สัมผัสได้ ฉันใดก็ฉันนั้น หากอยากให้ใครมีคุณงามความดีในใจ เราก็ต้องกระทำดีต่อเขา แต่จะทำเช่นนั้นได้เราก็ต้องมีความดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


พระไพศาล วิสาโล









  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2020, 07:37:32 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #723 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2020, 06:47:26 am »




รักตัวเองให้เป็น

“เบื้องหลังพฤติกรรมอันเลวร้ายของผู้คนนั้น
มักได้แก่การขาดความรักและรู้สึกไร้คุณค่า
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เพียงทำร้ายคนอื่นเท่านั้น
หากยังนำไปสู่พฤติกรรมที่ทำร้ายตนเองอีกด้วย
ต่อเมื่อจิตใจได้รับการเติมเต็มด้วยความรัก
ชีวิตจึงจะหันไปสู่ความดีงามทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
แต่ความรักที่ได้จากใครนั้น มากเพียงใดก็ไม่สำคัญ
เท่ากับความรักที่บ่มเพาะในใจตน รวมทั้งความรัก
ที่ให้แก่ตนเอง เมื่อรักตนเองได้อย่างแท้จริง
ความรักผู้อื่นก็จะเป็นเรื่องง่าย”

พระไพศาล วิสาโล


  *__________________________________________________________*



เพื่อนร่วมทุกข์

“หากเราเปิดใจมองเห็นความทุกข์ของคนอื่น
เราจะมีความเห็นใจกันมากขึ้น เราจะรู้สึกว่า
ทุกคนเป็นเพื่อนทุกข์ ความรู้สึกว่าทุกคนเป็น
เพื่อนทุกข์ จะทำให้เราเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
ช่องว่างระหว่างกันจะน้อยลง ความเห็นใจจะมีเพิ่มขึ้น
เมื่อเรารู้สึกว่าเราต่างร่วมชะตากรรมเดียวกัน
การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อเยียวยาความเจ็บปวด
จะเกิดขึ้น ตรงนี้เองที่จะทำให้เมตตากรุณาเบ่งบานขึ้น”


พระไพศาล วิสาโล




  *__________________________________________________________*


  เป็นมิตรกับความเครียด 

อะไรเกิดขึ้นกับเรา ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกหรือมีทัศนคติต่อมันอย่างไร แม้สิ่งไม่ดีเกิดกับเรา แต่หากเรารู้สึกดีกับมัน หรือมองมันในแง่บวก มันก็อาจมีประโยชน์กับเราได้ หรืออย่างน้อยก็ก่อความเสียหายน้อยลง ผู้ป่วยหลายคนเมื่อรู้สึกดีกับมะเร็ง ก็สามารถอยู่กับมะเร็งได้อย่างมีความสุข แต่ถ้าหากรู้สึกลบกับมัน ก็จะทุกข์ทรมานและตายเร็ว

กับความเครียดก็เช่นกัน หากเราหนีมันไม่พ้น แทนที่จะผลักไสมัน หรือตีโพยตีพาย ควรมองมันในแง่บวก หรือปรับใจให้เป็นมิตรกับมัน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นมันจะเป็นคุณกับเรา และกลายเป็นมิตรกับเราในที่สุด

พระไพศาล วิสาโล









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 22, 2020, 05:10:47 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
“มีสติเป็นที่พึ่ง” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #724 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2020, 06:49:06 am »




มีสติเป็นที่พึ่ง



เป็นเพราะชีวิตนั้นผันผวนไม่แน่นอน ถ้าไม่อยากถูกทุกข์ท่วมทับ เราก็จำต้องมาฝึกสติกัน ใครที่ปฏิบัติก็จะพบว่าถ้าเรามีสติว่องไว ใจจะฟุ้งซ่านไปได้ไม่ไกล ประเดี๋ยวก็กลับมาอยู่กับปัจจุบัน กลับมาอยู่กับกาย อยู่กับอิริยาบถ อยู่กับงานที่กำลังทำอยู่ บางครั้งความคิดหรืออารมณ์ความรู้สึกมันรุนแรงมาก เช่น พอครุ่นคิดเรื่องเก่าๆ ที่เคยทำให้เจ็บปวด ถ้าสติเราไม่ไวพอ กว่าจะรู้ตัวก็คิดไปไกลหรือตีอกชกหัวไปแล้ว แต่ถ้าสติไว ก็จะรู้ตัวไว หลุดจากความฟุ้งซ่าน ทำให้ใจเราโปร่งเบาขึ้น

แม้ว่าจะมีสติในชีวิตประจำวันดีอยู่แล้ว ก็อย่าประมาท เพราะเมื่อต้องเจอเรื่องที่พลิกผันไม่คาดฝัน เราอาจจะตั้งรับไม่ทัน จึงต้องฝึกสติเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ถึงแม้เหตุร้ายจะยังไม่เกิด สติที่ฝึกไว้ก็ไม่สูญเปล่า เพราะจะช่วยให้เราอยู่อย่างเป็นสุข

พระไพศาล วิสาโล











  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2020, 07:05:14 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด




 
  เตรียมตัวสอบไล่วิชาชีวิต 


ผู้ที่มีชีวิตถึงวัยชรา ย่อมถือว่าเป็นผู้มีโชค เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่จากโลกนี้ไปก่อนถึงวัยดังกล่าว อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมาถึงวัยนี้ ชีวิตย่อมมาถึงช่วงขาลง นอกจากกำลังวังชาจะลดน้อยถอยลงแล้ว เงินทองก็ร่อยหรอลงด้วย ความรุ่งโรจน์กำลังกลายเป็นอดีต มีความร่วงโรยมาแทนที่ แม้กระนั้นจิตใจก็สามารถมีความสุขได้ไม่น้อยกว่าวัยอื่น อันที่จริงประสบการณ์และวุฒิภาวะที่เพิ่มพูนขึ้นเป็นต้นทุนอย่างดีที่เอื้อให้มีความสุขใจได้มากขึ้นด้วยซ้ำ

วัยชรายังหมายถึงการมีภารกิจน้อยลง มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น รวมทั้งมีโอกาสเสวยผลพวงแห่งความเพียรที่ได้ทำไว้อย่างเต็มที่ แต่ในอีกด้านหนึ่งอายุที่มากขึ้นย่อมหมายความว่าเวลาในโลกนี้เหลือน้อยลง ดังนั้นนอกจากการนำทรัพย์สมบัติที่หาได้มาเลี้ยงตนให้มีความสุขแล้ว ควรใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าด้วย ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปกับความเศร้าโศก เสียใจ ขุ่นเคือง และคับแค้น ที่สำคัญก็คือการเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับความผันผวนปรวนแปรต่าง ๆ ที่จะตามมา อาทิ ความเจ็บไข้ได้ป่วย และความพลัดพรากสูญเสีย รวมทั้งความตาย ซึ่งเป็นเสมือนการสอบไล่ครั้งแรกและครั้งเดียวของวิชาชีวิต ที่ไม่มีใครหนีพ้น ไม่ว่า แต่ถึงแม้จะต้องเจอไม่วันใดก็วันหนึ่ง เราทุกคนสามารถเผชิญกับมันได้ด้วยใจปกติ กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้กายจะทุกข์ แต่ใจก็เป็นสุขได้

จะว่าไปแล้วไม่ว่าหนุ่มสาวหรือแก่ชรา ทุกคนก็ต้องเจอสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น รวมทั้งต้องเผชิญกับการสอบไล่ของวิชาชีวิตด้วย หากใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท หมั่นทำความดี เกื้อกูลผู้อื่น และฝึกฝนตนให้เข้าถึงความสงบเย็น ด้วยการมีสติรักษาใจไม่ให้อารมณ์อกุศลครอบงำ และมีปัญญาเห็นแจ้งในความไม่จิรังยั่งยืนของสรรพสิ่ง จนปล่อยวางได้ ก็ย่อมไม่เป็นทุกข์เมื่อประสบความพลัดพรากและความผันผวนต่าง ๆ และสามารถผ่านการสอบไล่วิชาชีวิตได้ในที่สุด


พระไพศาล วิสาโล









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 22, 2020, 05:09:50 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
“ผ่านทุกข์ พบสุข” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #726 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2020, 07:25:29 am »




  ผ่านทุกข์ พบสุข 



ไม่ว่าอยู่แห่งหนตำบลใด ความผันผวนปรวนแปรของอากาศเป็นเรื่องธรรมดา บ่อยครั้งพายุมาฟ้าฝนกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ในที่สุดความสงบก็กลับคืนมา หลังฝนตก ฟ้าย่อมสดใสเสมอ ฉันใดก็ฉันนั้นบางครั้งความทุกข์ก็จู่โจมชีวิตของเราโดยไร้สัญญาณเตือน แต่ไม่ว่าหนักหนาเพียงใด ในที่สุดมันก็จะผ่านไป แล้วเราก็จะกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม

ไม่มีอะไรที่จีรังยังยืน ความทุกข์ก็เช่นกัน สักวันก็ต้องสิ้นสุด ขณะเดียวกันไม่มีอะไรที่ไร้ค่า ความทุกข์ที่เกิดกับเราย่อมมีประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เสมือนมีภูมิต้านทานความทุกข์ หลายคนพบว่าความทุกข์ได้ผลักให้ตนได้พบสิ่งดี ๆ ในชีวิต เช่น พบธรรม ซึ่งนำพาให้บรรลุถึงความสุขอันประเสริฐ ขณะที่จำนวนไม่น้อยพบว่า ความทุกข์นั้นแหละคือสัจธรรม ซึ่งเปิดใจให้ประจักษ์แจ้งในความจริงของชีวิต เกิดปัญญาที่ช่วยยกจิตให้เป็นอิสระจากความทุกข์ได้ในที่สุด

ทุกข์กับธรรมนั้นใกล้กันมาก ทุกข์ทำให้เราเห็นธรรม ส่วนธรรมย่อมนำให้เกิดสุข มองในแง่นี้ทุกข์กับสุขก็ไม่ได้อยู่ห่างกันราวคนละขั้ว ถ้าเกี่ยวข้องกับทุกข์ให้เป็น แทนที่จะจมทุกข์ หมกมุ่นในทุกข์ หรือเป็นทุกข์ หากเห็นมัน รู้จักมัน ใช้มันให้เป็น สุขก็เกิดขึ้นได้ จะเรียกว่าทุกข์มาเพื่อให้เราพบสุขก็ได้

พระไพศาล วิสาโล









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2020, 10:44:10 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
 



        พบเพื่อจาก สัจธรรมแห่งชีวิต     



ความจริงที่เรียกว่าอนิจจัง ทุกคนผ่านเข้ามาในชีวิตเราเพียงชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายก็ต้องจากเราไป และสักวันหนึ่งก็ต้องถึงคราวที่เราจะเป็นฝ่ายจากไป เราพบกันวันนี้ก็เพื่อพรากจากกันในวันหน้า ดังนั้นในขณะที่ยังมีโอกาส เราจึงควรทำดีต่อกัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน สิ่งใดที่ควรทำ ไม่ควรผัดผ่อนหรือรั้งรอ แต่ให้รีบทำเสียแต่วันนี้ เพราะหากผัดผ่อนไปวันหน้า แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนั้นจะมาถึง ภาษิตธิเบตกล่าวว่า “พรุ่งนี้กับชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะมาก่อน” ใช่หรือไม่ว่า พ้นจากวันนี้ไปก็อาจเป็นชาติหน้าเลยก็ได้

นอกจากการทำความดีต่อกันเสียแต่วันนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจในวันหน้าเมื่อคนรักจากไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมก็คือการเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมือกับความตายที่จะเกิดขึ้นกับเราเอง ในเมื่อเราทุกคนต้องตาย ก็ควรคิดถึงการตายดีด้วย อย่านึกถึงการอยู่ดีเท่านั้น เราจะตายดีได้ก็เพราะหมั่นทำความดี สร้างบุญกุศล จนมั่นใจในคุณค่าของชีวิตที่ผ่านมา อีกทั้งฝึกจิตอยู่เสมอ พร้อมจะปล่อยวางทุกอย่างเมื่อวาระสุดท้ายมาถึง ไม่มีสิ่งใดค้างคาใจ ไม่ว่าคนรัก ทรัพย์สมบัติ ความโกรธ หรือความรู้สึกผิด

พระไพศาล วิสาโล









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2020, 07:38:44 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด





  ท้อแค่ไหน... ต้องไม่อ่อนแอ   


ความทุกข์มิได้เกิดขึ้นเพื่อบั่นทอนชีวิตจิตใจของเราอย่างเดียว หากยังช่วยให้เราเข้มแข็งมั่นคงและเจริญงอกงามได้ด้วย จะว่าไปแล้วความทุกข์เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดการพัฒนาของมนุษย์ในทุก ๆ ด้าน หากไม่มีความทุกข์ ก็ไม่มีพระพุทธเจ้า หากไม่มีภัยคุกคามจากธรรมชาติ ก็ไม่มีเทคโนโลยี กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าไม่มีความทุกข์ ปัญญาก็ไม่เกิด

แต่ความทุกข์จะเป็นพลังในทางบวกได้ ต่อเมื่อเราไม่ยอมปล่อยให้ความทุกข์มากระทำย่ำยีอย่างเดียว แต่เข้าไปจัดการความทุกข์นั้นอย่างถูกต้อง ดังมีผู้กล่าวว่า “ทุกข์มิได้มีไว้กลุ้ม แต่มีไว้แก้” การเข้าไปจัดการกับความทุกข์นั้นต้องเริ่มต้นจากการตั้งสติและใช้ปัญญาพิจารณาหาสาเหตุและทางแก้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง “ทุกข์มิได้มีไว้ให้คร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญ”


พระไพศาล วิสาโล











  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2020, 07:43:29 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
เติมสุขให้ใจ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #729 เมื่อ: กันยายน 24, 2020, 10:39:32 pm »




เติมสุข ให้ใจ
 


ร่างกายของเราต้องการน้ำ อากาศ ปัจจัยสี่ ส่วนจิตใจนั้นต้องการความสุข จิตใจที่ปราศจากความสุขย่อมห่อเหี่ยวแห้งผาก แม้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีความสะดวกสบายล้นเหลือ ก็ไม่ช่วยให้อยากมีชีวิตอยู่ ความสุขใจนั้นมาได้หลายทาง อาจเกิดจากความรักของคนในครอบครัว หรือการยอมรับของคนรอบข้าง ที่สำคัญก็คือ การทำความดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่น รวมทั้งการมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิต รู้จักมองบวก และปล่อยวางเป็น

การได้ครอบครองโภคทรัพย์แม้ให้ความสุขใจแก่เราอย่างรวดเร็ว แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน อีกทั้งยังตามมาด้วยความทุกข์ เพราะมันกลายเป็นภาระที่ต้องแบก สิ่งที่ยั่งยืนคงทนกว่าคือความสุขจากการทำความดี รวมทั้งความสงบที่เกิดจากการฝึกจิต ความสุขดังกล่าวไม่เพียงหล่อเลี้ยงใจให้เบิกบาน มีพลังในการทำงาน ยังช่วยให้เราเผชิญกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิตโดยไม่จมดิ่งในทุกข์ นอกจากเติมอาหารให้กาย หาทรัพย์มาใส่บ้านแล้ว การเติมสุขให้ใจด้วยการทำความดี ช่วยให้ผู้อื่นมีความสุขและฝึกจิตอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่มิอาจละเลยได้


พระไพศาล วิสาโล









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2020, 10:47:44 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #730 เมื่อ: กันยายน 24, 2020, 10:52:01 pm »




ปัญหาของผู้คนทุกวันนี้ก็อยู่ตรงนี้แหล่ะ คืออยากเป็น somebody ในสายตาของผู้คน ไม่สามารถที่จะเป็นคนธรรมดาได้ หรือไม่สามารถที่จะยอมรับการเป็น nobody ได้ เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยของอัตตา ตัวตน ไม่ใช่วิสัยของใจที่ปรารถนาที่มันต้องการเป็นอมตะ หรือปรารถนาการมีตัวกูเป็นตัวเป็นตนจริง ๆ

แต่ที่จริงแล้วชาวพุทธเรานั้น จุดหมายสูงสุดคือการเป็น nobody ส่วนในทางโลก จุดหมายของผู้คนอยากเป็น somebody ถ้าได้ด้วยวิธีที่ถูกต้องไม่ได้ ก็ต้องอาศัยวิธีที่ชั่ว ไปตี ไปขโมย ไปฆ่า มีฆาตกรฆ่าข่มขืนคนหนึ่งฆ่าคนไป ๗-๘ คน เขาเรียกว่าฆาตกรต่อเนื่อง เขาก็บอกเหมือนกันนะว่าที่ฆ่าคนอย่างนั้นเพราะอยากเป็นที่รู้จัก ยังต่อว่าตำรวจอีกว่าทำไมถึงเพิ่งมาจับตอนนี้ ปล่อยให้เขาฆ่าหลายคนกว่าจะเป็นที่รู้จักของผู้คน ยังต่อว่าตำรวจได้อีก นี่เป็นวิธีการที่มีคนใช้กันมากเพื่อที่จะเป็น somebody

เพราะฉะนั้น ความปรารถนาที่จะเป็น somebody บางทีมันสร้างความทุกข์ใจ และสร้างความทุกข์ให้กับผู้คนด้วย คนธรรมดาก็ไม่ถึงกับใช้วิธีการฆ่าหรือชั่วร้าย แต่ใช้วิธีเรียกร้องความสนใจจากผู้คน พยายามอยากให้คนรู้จักฉัน อยากให้คนมองฉัน วัยรุ่นจะเป็นกันมาก การแต่งตัว ทำเสื้อผ้า หน้าผม เพื่อให้อยู่ในสายตาของผู้คน จะได้รเป็น somebody ทั้งที่เขาก็เป็น somebody ของหลายคนอยู่แล้ว อย่างเช่นเป็น somebody ของพ่อแม่อยู่แล้ว เป็น somebody ของพี่น้อง ของเพื่อน แต่เขาก็ยังไม่พอใจ เขาอยากเป็นมากกว่านั้น

แต่ในแง่ของชาวพุทธ จุดหมายสูงสุดคือการเป็น nobody คือไม่เป็นอะไรเลย อย่างที่หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ บอกว่า ไม่เป็นอะไรกับอะไรเลย ความหมายของท่านก็คือว่า การไม่ยึดเอาอาการของกายและใจเป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นของเรา นี่คือความหมายของการที่ไม่เป็นอะไรเลยคือ ไม่เป็นคน ไม่เป็นผู้หญิง ไม่เป็นผู้ชาย ไม่เป็นนักปฏิบัติธรรม ไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น เพราะถ้ายังมีความสำคัญว่าเราเป็น มันก็ยังทุกข์อยู่ ถ้ามีภพ ชาติ มันก็ต้องมีชรา มรณะ ถ้าเป็นคนเก่ง สักวันหนึ่งก็รู้สึกว่าความเป็นคนเก่งถูกคุกคามหรือสูญเสียความเป็นคนเก่งไป คนเป็นดารา นางแบบเป็นทุกข์มาก เพราะกลัวว่าสักวันหนึ่งจะพ้นจากการเป็นนางแบบ ดารา เพราะมีคนใหม่มาแทนที่ หรือร่างกายเหี่ยวเฉาก็หมดสภาพ นักฟุตบอลก็ถูกคุกคามด้วยความรู้สึกหวั่นวิตกว่า สักวันหนึ่งก็ต้องถูกเขี่ยถูกโละออกไป อันนี้เรียกว่า ชรา มรณะ มันมีความหวั่นไหวว่า จะต้องสูญเสีย หรือสิ้นสุดภาวะที่พึงปรารถนาหรือที่เป็น เมื่อชรา มรณะเกิดขึ้นก็ตามมาด้วยทุกข์ โทมนัส

เพราะฉะนั้นการเป็น somebody ยังไงก็ทุกข์ ทุกข์ว่าสักวันหนึ่งต้องกลายเป็น nobody แต่ถ้าเรายอมรับในความเป็น nobody ตั้งแต่แรก คือยอมรับว่าไม่มีตัวกูตั้งแต่แรก ตัวกูเป็นแค่สิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา ยอมรับการเป็น nobody แล้วก็ยอมรับว่ามันไม่มีตัวกูตั้งแต่แรก มันก็เป็นสุขได้เหมือนกัน

พระไพศาล วิสาโล
ที่มา : เป็น no body ดีกว่า
อ่าน / ฟัง https://pagoda.or.th/aj-visalo/no-body.html








  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2020, 06:27:38 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
“หัวใจแห่งความสุข” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #731 เมื่อ: กันยายน 28, 2020, 01:35:16 pm »




  หัวใจแห่งความสุข 



  หัวใจของความสุขอยู่ที่การวางใจให้เป็น จิตที่อาลัยในอดีต กังวลกับอนาคต หรือเพ่งโทษผู้อื่นย่อมหาความสุขได้ยาก ตรงข้ามกับจิตที่ตื่นรู้อยู่ในปัจจุบัน หรือรู้เท่าทันตนเอง ไม่เผลอยึดติดในอารมณ์ต่าง ๆ ย่อมเป็นจิตที่มีความสุข โปร่งเบา อยู่เสมอ

เป็นเพราะผู้คนทุกวันนี้สำคัญผิดคิดว่าความสุขอยู่ที่ความมั่งคั่งร่ำรวยและการมีฐานะตำแหน่งสูง ๆ จึงมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความสุข เพราะขณะที่ยังไม่มีสิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ ครั้นได้มาแล้วก็ต้องเหนื่อยยากกับการรักษา และหวั่นกลัวการสูญเสีย นานไปก็รู้สึกเบื่อในสิ่งที่มี อยากได้สิ่งใหม่มาแทน แล้วก็เข้าสู่วงจรเดิม คือดิ้นรนแสวงหา ได้มาแล้วก็ไม่พอใจ จึงดิ้นรนแสวงหาใหม่ สรุปก็คือหาความสุขไม่ได้เสียที ต้องวิ่งไล่ล่าไม่หยุดหย่อน ไม่ต่างจากคนที่วิ่งหนีเงาตนเองในยามบ่าย

เมื่อใดก็ตามที่หันมาใส่ใจกับจิตใจของตนเอง ไม่เผลอใจให้อารมณ์ต่าง ๆ ครอบงำจิตใจ ไม่ว่าบวกหรือลบ กุศลหรืออกุศล อยากได้หรืออยากผลักไส ใจจะตั้งมั่นอยู่ในความปกติและสัมผัสกับความสงบเย็น แม้อยู่นิ่ง ๆ แต่เพียงผู้เดียวก็สามารถเป็นสุขได้ โดยไม่รู้สึกกระสับกระส่าย หากมีกิจธุระ ก็สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ผู้ที่สามารถวางใจได้เช่นนี้ จนเกิดปัญญาเข้าใจตนเองตามความเป็นจริง จิตใจย่อมเปี่ยมสุขแม้อยู่ท่ามกลางความทุกข์ก็ตาม


พระไพศาล วิสาโล








  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2020, 06:23:40 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด




     ถอดหัวโขน...ถอนสมมุติ      


ผู้มีปัญญาย่อมไม่เพลิดเพลินหลงใหลในคำแซ่ซร้องสรรเสริญของผู้คน เพราะเขารู้ดีว่านั่นเป็นเพราะบทบาทหรือหัวโขนที่เขาสวมใส่มากกว่าอะไรอื่น ไม่ช้าก็เร็วบทบาทหรือหัวโขนนั้นก็ต้องปลาสนาการไป ถึงตอนนั้นใครที่หลงใหลเพลิดเพลินย่อมอยู่เป็นทุกข์สถานเดียว

ตำแหน่งหน้าที่หรือยศถาบรรดาศักดิ์อันสูงส่ง ให้ความสุขแก่เราก็จริง แต่มันก็สามารถสร้างความทุกข์ให้แก่เราได้ไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเรายึดติดหวงแหนมัน เช่นเดียวกับหัวโขน มันเป็นสิ่งสมมติและเป็นของชั่วคราว ยิ่งยึดติดถือมั่นในมัน เราก็ยิ่งเป็นทุกข์เมื่อต้องสูญเสียมันไปเมื่อใดที่พอใจในความเป็นตัวเราโดยไม่แคร์หัวโขนใด ๆ เมื่อนั้นจึงจะเป็นสุขอย่างแท้จริง


พระ​ไพศาล​ วิ​ส​า​โล









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2020, 06:13:29 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด




สร้างพลังใจในยามวิกฤต



“หลายคนเวลาจิตใจห่อเหี่ยว เซ็ง เบื่อ ก็ดูหนังฟังเพลง แต่ดูทั้งวันก็เบื่อ จิตใจก็กลับมาเหี่ยวแห้งเหมือนเดิม แต่ถ้าเรารู้จักน้อมใจของเราให้สงบ ให้อยู่กับปัจจุบัน ทำความรู้สึกตัว ให้เกิดขึ้น ให้ใจเกิดความรู้สึกตื่นรู้อยู่เสมอ ความโปร่งโล่งเบาสบายก็จะช่วยทำให้ใจมีกำลังได้

นอกจากการหาเงินทองหรือหาความสุขสบายให้กายแล้ว เราควรให้เวลากับการแสวงหาหรือสร้างสิ่งบำรุงใจด้วย แม้ในยามที่เงินทองร่อยหรอ ความสบายกายลดลง ก็อย่าทิ้งสิ่งบำรุงใจ เพราะใจที่เบิกบาน แจ่มใส ย่อมมีกำลังและความหวังที่จะยืนหยัดต่อสู้กับความทุกข์ยากได้ต่อไป

ในยามวิกฤต ชีวิตมีความทุกข์ อย่าลืมกลับมาที่ใจของตน รักษาใจอย่าให้ห่อเหี่ยวสิ้นหวัง หมั่นเติมพลังบวกให้ใจอยู่เป็นนิจ ไม่ว่าด้วยการคิดดี ทำสิ่งดีงาม ชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัว รวมทั้งน้อมใจให้สงบ เป็นสมาธิ แม้เพียงชั่วขณะ ก็จะทำให้จิตมีพลังที่จะฟันฝ่าอุปสรรคจนก้าวข้ามไปได้ในที่สุด”


พระไพศาล วิสาโล









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2020, 06:24:05 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14170
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #734 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2020, 06:26:56 pm »



ได้ดีเพราะมีธรรมะ แต่คราวนี้ได้ดีก็ต้องเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ไม่ใช่แปลว่ารวย ปฏิบัติธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดไม่โกง มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ได้แปลว่าจะต้องลงเอยด้วยความร่ำรวยเป็นใหญ่เป็นโตมีชื่อเสียง

คนไทยหรือชาวพุทธจำนวนมากคิดว่า ทำดีได้ดี คำว่าได้ดี คือว่าทำดีแล้วต้องรวย ทำดีแล้วต้องมีชื่อเสียง ทำดีแล้วต้องได้เลื่อนตำแหน่งอันนี้มันไม่เกี่ยวกันนะ

อย่างที่เคยเปรียบเทียบไว้แล้วว่าปลูกมะม่วงก็ต้องได้มะม่วงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ปลูกมะม่วงแล้วได้องุ่นมันเป็นไปไม่ได้ ปลูกมะม่วงก็ต้องได้มะม่วง แต่ไม่ได้แปลว่าปลูกมะม่วงแล้วจะรวย ปลูกยางก็ได้ยาง แต่ไม่ได้แปลว่าปลูกยางแล้วจะรวย

คนไปเข้าใจว่าปลูกยางแล้วต้องรวยมันไม่ใช่ปลูกยางจะรวยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับราคาตลาด ปลูกมะม่วงจะรวยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับราคาของมะม่วงนะว่ามันสูงหรือต่ำ ถ้าราคายางสูงปลูกยางก็รวย ถ้าราคายางตกปลูกยางก็อาจจะเป็นหนี้ด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างไรปลูกยางก็ต้องได้ยางแน่

คำว่าทำดีได้ดีคือหมายความอย่างนี้ คือว่าเมื่อเราทำดีจิตใจก็เป็นกุศลชีวิตก็งอกงาม ส่วนจะรวยหรือไม่จะได้เลื่อนตำแหน่งหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับสังคม สังคมนั้นมันเชิดชูคนดีหรือเปล่า สังคมที่อยู่แวดล้อมเขาชื่นชมคนดีไหม หรือว่าเขาบูชาเงิน ถ้าสังคมนั้นเขาบูชาเงิน บูชาคนรวย ในสังคมนั้นทำดีก็อาจจะไม่รวย เพราะว่าจะรวยได้ก็ต้องโกง หรือว่าก็ต้องใช้วิธีซิกแซ็กคอรัปชั่น ฉะนั้นทำดีได้ดี ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องรวยต้องมีชื่อเสียง

ตำรวจที่ซื่อสัตย์สุจริตถ้าอยู่บางหน่วยงานก็ไม่ได้เลื่อนขั้น เพราะว่าเจ้านายและเพื่อนร่วมงานเขาไม่เอาด้วย เขาไม่ซื่อสัตย์สุจริตด้วย ถ้าใครซื่อสัตย์สุจริตก็กลายเป็นเหมือนกับแกะดำ ท่ามกลางแกะขาว ที่จริงแกะขาวท่ามกลางแกะดำมากกว่า แต่ว่าทำแล้วจิตใจย่อมเป็นสุข เมื่อทำดีแล้วจิตใจย่อมเป็นสุข บุญก็ย่อมเจริญงอกงาม ทำดีก็ย่อมได้บุญเกิดอานิสงค์ คือบุญกุศลที่เจริญงอกงามจิตใจก็เป็นกุศลด้วย

พระไพศาล วิสาโล

  pagoda ที่มา ได้ดีเพราะมีธรรมะ

  ฟัง / อ่าน https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-01-16-44-36.html









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2020, 06:34:25 pm โดย ยาใจ »