« ตอบ #19 เมื่อ: เมษายน 12, 2022, 07:36:11 am »

ปุจฉา :
ตาใน หมายความว่าอะไร ?
เหมือนดวงตาธรรมไหมเจ้าคะ ?
วิสัชนา :
คำว่า ตา มันก็คือการมองเห็นใช่ไหม
ปกติ มนุษย์เราก็จะมีสิ่งที่เรียกว่า ตาเนื้อ
ที่สามารถมองเห็นรูป แสง สี ต่าง ๆ ได้
ซึ่งก็มองเท่าที่เราเห็นได้
ที่เรียกว่า ตาเนื้อ
ถ้าว่าโดยสภาวธรรม
กระบวนการการเห็น ที่เรียกว่า
ตาเห็นรูป ก็จะเกิดจักขุวิญญาณขึ้นมา
ทางอายตนะทางตา
เมื่อเกิดจักขุวิญญาณขึ้นมา
ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า
จักขุสัมผัส เกิดการเห็น
แล้วก็เกิดความรู้สึกต่าง ๆ ขึ้นมา
ถ้าว่าโดยเป็นวิทยาศาสตร์
ก็คือ มนุษย์เรามีประสาทสัมผัส
ที่รับรู้ได้ในระดับคลื่นความถี่
ระดับหนึ่งถึงระดับหนึ่งเท่านั้น
ย่านความถี่ระดับหนึ่ง
ถ้าละเอียดกว่านี้
คลื่นความถี่ที่สูงกว่า หรือต่ำกว่านี้
ก็สัมผัสรับรู้ไม่ได้ มองเห็นไม่ได้นั่นเอง
แต่ในความเป็นจริงของธรรมชาติ
มันมีคลื่นความถี่ที่สูงกว่า และก็ต่ำกว่า
ที่ประสาทสัมผัสของมนุษย์
สามารถมองเห็น รับรู้ได้
แต่เมื่อใดที่เราฝึกปฏิบัติ
จนสติมีความตั้งมั่น เกิดสมาธิ
สงัดจากกามและอกุศลธรรม
พอเข้าถึงจิตเป็นสมาธิ
จิตมันจะมีความละเอียดขึ้น
ก็จะเข้าถึงคลื่นความถี่
ที่ละเอียดขึ้นนั่นเอง
โดยเฉพาะถ้าเราฝึก
จนกำลังสติสัมปชัญญะทรงตัว
จิตจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นทิพย์
คือ การรับรู้คลื่นความถี่ที่ละเอียด
ที่สูงขึ้นไป หรือต่ำกว่า ที่ประสาทสัมผัส
ของมนุษย์ปกติจะรับรู้ได้นั่นเอง
ที่เรียกว่า หูทิพย์ ตาทิพย์น่ะ
จริง ๆ มันไม่ได้มีตาเป็นทิพย์
หรือมีหูเป็นทิพย์หรอก
แต่จิตมันมีสภาพเป็นทิพย์ มันรับรู้ได้
ซึ่งตรงนี้มันต้องเกิดจากการที่เรา
ฝึกระดับของสมาธิ เป็นต้นไป
จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า ตาใน
ตาใน ก็คือเป็นเรื่องของ
จิตที่เป็นทิพย์ แต่จิตที่เป็นทิพย์
มันก็ยังเป็นระดับของโลกียธรรม
ที่เรียกว่า ในระดับของสมาธิ ฌานสมาบัติ
แต่มันมีการรับรู้ระดับโลกุตรธรรม
ที่เรียกว่า ธรรมจักษุ
ธรรมจักษุ เป็นระดับโลกุตรธรรม
คำว่า ดวงตาธรรม
มันก็ไม่ได้มีดวงตาขึ้นมา
แต่ว่าเมื่อใดที่อบรมตนเอง
จนสามารถเพิกอวิชชาออกไปจากใจ
เกิดกระบวนการรู้อริยสัจ 4
รู้ทุกข์ ละเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
เข้าถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
แล้วสามารถชำระตัวตนในส่วนแรกได้หมด
ที่เรียกว่า “เกิดดวงตาเห็นธรรม”
เป็นพระอริยบุคคลขั้นต้น
พระโสดาบันเป็นต้นไป
ก็จะเรียกว่า..
เป็นผู้ที่มีธรรมจักษุ
ก็คือ ญาณหยั่งรู้
ที่เห็นสภาวธรรม
ตามความเป็นจริง
ที่เราเห็นเป็นรูป เป็นร่าง เป็นแสง เป็นสี
เขาเรียกว่า เห็นแบบสมมติอยู่
เป็นการเห็นภายใต้เมฆหมอกแห่งอวิชชาอยู่
สรุปตามี 3 อย่าง
ตาเนื้อ ที่มนุษย์มองเห็น
ตาจิต หรือตาใน
ที่เรียกว่า เป็นจิตเป็นทิพย์
รับรู้ด้วยจิตที่เป็นทิพย์
ทั้ง 2 นี้ก็ยังเป็นระดับโลก ๆ อยู่
โลกียธรรมอยู่นั่นเอง
จริง ๆ แล้ว ตาเนื้อกับตาจิต
ก็เกิดมาจากอย่างเดียวกันนั่นแหละ
คือ เกิดมาจากวิญญาณขันธ์
เพียงแต่ว่า จิตที่มันมาติดอยู่ในมนุษย์แล้ว
ความเป็นทิพย์มันหายไป
เพราะว่า เราไปติดสิ่งที่เรียกว่า
อารมณ์ทางโลกที่มันครอบงำจิต
ถูกนิวรณ์หุ้มอยู่นั่นเอง
แต่เมื่อเราฝึกปฏิบัติ
จนเพิกนิวรณ์ออกไปจากใจได้
จิตเข้าถึงสมาธิ ความเป็นทิพย์
ก็คืนสภาพเดิมโดยธรรมชาติ
แต่เมื่อใดที่สามารถเพิกอวิชชาออกไป
เข้าสู่ภูมิของอริยะ ถึงจะเป็นเรื่องของ
ระดับโลกุตรธรรม ที่เรียกว่า
ธรรมจักษุ นั่นเองนะ
ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
18 มิถุนายน 2564
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 12, 2022, 07:39:47 am โดย ยาใจ »

เข้าสู่ระบบ