น้ำใจธรรม.เนต
Please
login
or
register
.
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
เพียงแค่ติดตั้ง - SMF!
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
น้ำใจธรรม.เนต
»
สาระธรรม,ความรู้ที่เป็นประโยชน์
»
น้ำใจธรรม-สุขภาพ
(ผู้ดูแล:
ยาใจ
) »
รวมเรื่องของ "ฟัน" กินแบบไหน ลดเสี่ยง ไม่ต้องหาหมอฟัน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า:
1
[
2
]
3
4
ผู้เขียน
หัวข้อ: รวมเรื่องของ "ฟัน" กินแบบไหน ลดเสี่ยง ไม่ต้องหาหมอฟัน (อ่าน 18726 ครั้ง)
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
3 กลุ่มโรคประจำตัวต้องบอกก่อนทำฟัน
«
ตอบ #15 เมื่อ:
สิงหาคม 07, 2020, 08:46:31 am »
บอกหมอ (ฟัน) รึยัง?
โรคประจำตัว หยูกยาต่างๆ เป็นกะละมังแทบจะเป็นเพื่อนซี้ของคนสูงวัย
ซึ่งแน่นอนว่า โรคและยาเหล่านี้มักจะส่งผลต่อร่างกายของเรา
เมื่อต้องทำฟัน หมอฟันจึงจำเป็นต้องรู้ว่าเรามีโรคประจำตัวอะไร กินยาอะไรเป็นประจำบ้าง เพื่อจะได้เตรียมการรับมือ การดูแลต่างๆ เป็นพิเศษในระหว่างทำฟันได้
สำคัญขนาดนี้ ฟันยังดี จึงไม่พลาดที่จะสรุป
กลุ่มโรคประจำตัวที่ควรต้อง
บอกหมอก่อนทำฟันมาให้
โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม
ดังนี้
❇️ กลุ่ม 1
ต้องบอกเพราะ:
เลือดออกง่าย/หยุดไหลยาก
เช่น
- โรคไต
- การกินยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด จากการเป็นโรคบางชนิด เช่น โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
❇️ กลุ่ม 2
ต้องบอกเพราะ:
อาจมีอาการผิดปกติระหว่างทำฟัน
เช่น
- โรคหัวใจ
- โรคหอบหืด
- โรคลมชัก
- โรคความดันโลหิตสูง
❇️ กลุ่ม 3
ต้องบอกเพราะ:
เมื่อเกิดแผลจะหายช้าและติดเชื้อได้ง่าย
เช่น โรคเบาหวาน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี
ดังนั้น ถ้าจะไปพบหมอฟันและมีโรคประจำตัวเหล่านี้ ต้องรีบอ่าน! แล้วแจ้งคุณหมอไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อที่จะได้เตรียมรับมือได้ทันท่วงทีนะ
พบกับ ฟันยังดี เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันสำหรับ ‘คนวัยเก๋า’ โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ติดตามฟันยังดี ได้ที่
1. LINE: @funyoungdee และ 2. กดไลค์กดติดตาม Facebook ฟันยังดี
แหล่งข้อมูล:
- phyathai
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันยังดี
https://www.facebook.com/funyoungdee/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2020, 12:04:36 pm โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
ยาสีฟัน ‘ฟลูออไรด์’ กับ ‘สมุนไพร’ สูตรไหนใช้ยังไง?
«
ตอบ #16 เมื่อ:
สิงหาคม 08, 2020, 04:17:39 am »
ยาสีฟัน
‘ฟลูออไรด์’
กับ
‘สมุนไพร’
สูตรไหนใช้ยังไง?
เวลาดูโฆษณายาสีฟัน
มักจะได้ยินว่ามี
‘ฟลูออไรด์’
ไม่ก็
‘สมุนไพร’
เป็นส่วนประกอบ
อ้าว! แล้วยังงี้จะใช้สูตรไหนดี?
ฟันยังดี สรุปข้อดีของยาสีฟันสองสูตรมาให้ดูครับ
ยาสีฟันฟลูออไรด์
✨
ยับยั้งการผุของผิวเคลือบฟันในระยะแรก
✨
ทำให้ฟันทนต่อกรดมากขึ้น
ยาสีฟันสมุนไพร
ช่วยลดการอักเสบของเหงือกและฟัน เช่น ใบฝรั่ง กานพลู เกลือ
ช่วยดับกลิ่นปาก ให้ความสดชื่น เช่น สะระแหน่ ตะไคร้ ใบพลู
เราแนะนำว่า ยาสีฟันฟลูออไรด์
ควรใช้ทุกวันอย่างน้อยวันละ
2
ครั้ง (เช้า-ก่อนนอน)
ส่วนถ้าอยากใช้ยาสีฟันสมุนไพรด้วย ก็สามารถใช้สลับหรือร่วมกับยาสีฟันฟลูออไรด์ได้ครับ
พบกับ ฟันยังดี เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันสำหรับ ‘คนวัยเก๋า’
โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
สามารถติดตามฟันยังดี ได้ที่
1. LINE: @funyoungdee และ 2. กดไลค์กดติดตาม Facebook ฟันยังดี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันยังดี
https://www.facebook.com/funyoungdee/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2023, 06:23:17 am โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
ช่วงอยู่บ้าน ตรวจช่องปากด้วยตัวเอง ง่ายนิดเดียว!
«
ตอบ #17 เมื่อ:
สิงหาคม 08, 2020, 04:19:23 am »
ช่วงอยู่บ้าน ตรวจช่องปากด้วยตัวเอง ง่ายนิดเดียว!
อยู่บ้านว่างๆ แบบนี้ มา
‘ตรวจช่องปาก’ ด้วยตัวเองกันดีกว่า!
ช่วง โควิด19 ยังระบาด
เลยต้อง ห่ า ง จากหมอฟัน
ดังนั้น เพื่อให้ ฟันยังดี เราเลยมีวิธีง่ายๆ ในการตรวจเช็คสุขภาพช่องปากด้วยตัวเองมาฝากทุกๆ ท่านกัน
หลังจากแปรงฟันเสร็จ อย่าเพิ่งเดินไปไหน ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ก่อน!
วิธีตรวจเช็คช่องปากด้วยตนเอง อุปกรณ์ไม่มีอะไรแค่กระจก1 บาน
1.
ตรวจฟันหน้า บน-ล่าง :
ยืนยิงฟัน หน้ากระจก
2.
ตรวจฟันกรามด้านติดแก้ม :
ยิ้มกว้างๆ จนมองเห็นถึงฟันกราม และใช้นิ้วมือดึงมุมปากเพื่อให้เห็นชัดขึ้น
3.
ตรวจด้านใน และด้านบดเคี้ยวของฟันล่าง :
ก้มหน้า อ้าปากกว้าง กระดกลิ้นขึ้น
4.
ตรวจด้านเพดาน และด้านบดเคี้ยวของฟันบน :
เงยหน้า อ้าปากดูฟันด้านบน ใช้กระจกบานเล็กช่วยดูด้านเพดาน และอย่าลืมดูกระพุ้งแก้มซ้ายขวาด้วย
ฝึกดึงกันให้คล่อง แล้วตอนต่อไปพบกับ ตัวอย่าง ‘ช่องปากที่ผิดปกติ’ ที่เราอาจพบได้ เมื่อตรวจช่องปากด้วยตัวเอง
พบกับ ฟันยังดี เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันสำหรับ ‘คนวัยเก๋า’ โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
โดยสามารถติดตามฟันยังดี ได้ที่
1. LINE: @funyoungdee และ 2. กดไลค์กดติดตาม Facebook ฟันยังดี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันยังดี
https://www.facebook.com/funyoungdee/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2023, 06:25:18 am โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
รวมที่มา 'กลิ่นปาก' ที่คุณอาจยังไม่รู้ ! ? !
«
ตอบ #18 เมื่อ:
สิงหาคม 08, 2020, 04:37:51 am »
รวม
ที่มา
'กลิ่นปาก'
ที่คุณอาจยังไม่รู้ ! ? !
ช่วงนี้ใส่ หน้ากากอนามัย บ่อย จนบางคนอาจได้กลิ่นเหม็นจากปากมาเตะจมูกอย่างจัง
ถ้ากลิ่นนิด ๆ หน่อย ๆ คงไม่น่ากังวล แต่ถ้ามัน เหม็นหนักมาก
ก็ควรรีบสำรวจด่วนว่า ‘กลิ่นปาก’ ของเรามาจากอะไร?
ฟันยังดี รวมสาเหตุของ 'กลิ่นปาก' ที่คุณอาจยังไม่รู้มาให้ลองสำรวจตัวเองดูแล้วครับ
สาเหตุจาก
‘ภายใน’ ช่องปาก
1.
เศษอาหารตกค้างตามซอกฟัน/คราบเชื้อโรคที่ลิ้น/ฟันผุ
2.
หินปูน/เหงือกอักเสบ/โรคปริทันต์
3.
ภาวะปากแห้ง/น้ำลายน้อย
4.
แผลในช่องปาก
5.
การดูแลฟันทดแทนไม่ดี ปล่อยให้สกปรก
สาเหตุจาก
ภายนอก’ ช่องปาก
1.
การกินอาหารที่มีกลิ่นแรง
2.
การสูบบุหรี่
3.
ไซนัสอักเสบ/น้ำเมือกที่โคนลิ้น
4.
นิ่วทอนซิล/ทอนซิลอักเสบ
5.
กรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องผูก
แล้วเราจะทำอย่างไร? ให้กลิ่นปากที่กวนใจหมดไป...
ติดตาม ‘วิธีกำจัดกลิ่นปาก’ ในตอนต่อไป ได้ที่ ฟันยังดี เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันสำหรับ ‘คนวัยเก๋า’ โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
โดยสามารถติดตามฟันยังดี ได้ที่
1. LINE: @funyoungdee และ 2. กดไลค์กดติดตาม Facebook ฟันยังดี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันยังดี
https://www.facebook.com/funyoungdee/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2020, 12:06:40 pm โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
‘ปากแห้ง/น้ำลายน้อย’ เป็นปัญหาที่มักพบในวัยเก๋า
«
ตอบ #19 เมื่อ:
สิงหาคม 11, 2020, 06:38:19 pm »
‘ปากแห้ง/น้ำลายน้อย’ เป็นปัญหาที่มักพบในวัยเก๋า
โดยมีอาการที่สังเกตได้เอง เช่น
รู้สึกปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำบ่อย
น้ำลายเหนียว ข้น
เจ็บภายในปาก แสบลิ้น ลิ้นแห้ง แดง ไม่รู้รส
มุมปากแตก ริมฝีปากแห้งบ่อย ๆ
พูด เคี้ยว กลืนลำบาก
และถ้าอยาก ฟันยังดี ต่อไปนาน ๆ เราก็ต้องดูแลและแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน!
เพราะภาวะปากแห้งมักนำไปสู่ปัญหาในช่องปากอื่น ๆ มากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟันผุ จากการที่มีน้ำลายซึ่งเป็นพระเอกในการสร้างสมดุลในช่องปากน้อยเกินไป
สาเหตุที่ทำให้ปากแห้ง/น้ำลายน้อย
ภาวะปากแห้ง/น้ำลายน้อยเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่มักพบบ่อย ๆ ได้แก่
ผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว/การใช้ยาบางชนิด
ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรควิตกกังวล ฯลฯ
รวมทั้งการใช้ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด ฯลฯ
อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ต่อมน้ำลายจะมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทั้งนี้ เมื่อร่วมกับการกินยาเพื่อรักษาโรคประจำตัวบางชนิด จะยิ่งทำให้ภาวะปากแห้ง/น้ำลายน้อยมีความรุนแรงมากขึ้น
การรักษาโรคมะเร็ง
การฉายรังสีหรือทำเคมีบำบัดอาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมน้ำลาย โดยเฉพาะการฉายรังสีที่บริเวณศีรษะและลำคอ
การสูบบุหรี่/ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำมักมีอาการปากแห้งได้บ่อยและรุนแรงกว่าผู้ที่ไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว
ภาวะขาดน้ำ
ทั้งที่เกิดจากการเจ็บป่วย เช่น อาเจียน ท้องเสีย เป็นไข้ ฯลฯ
หรือสไตล์การใช้ชีวิต เช่น การดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือเสียเหงื่อมาก ๆ เป็นต้น
อย่าลืมติดตาม ‘วิธีป้องกันและดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการปากแห้ง’ ในตอนต่อ ๆ ไป ได้ที่ #ฟันยังดี เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันสำหรับ ‘คนวัยเก๋า’ โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
1. LINE: @funyoungdee และ 2. กดไลค์กดติดตาม Facebook ฟันยังดี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันยังดี
https://www.facebook.com/funyoungdee/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2023, 06:36:50 am โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
แปรงสีฟัน’ ดี เลือกได้อย่างไร ?
«
ตอบ #20 เมื่อ:
สิงหาคม 11, 2020, 06:55:25 pm »
แปรงสีฟัน’ ดี เลือกได้!
เมื่อเราต้องใช้ ‘แปรงสีฟัน’ ทุกวัน จะซื้อใหม่ทั้งที ควรจะเลือกยังไงดี ??
ให้เหมาะกับ
คนวัยเก๋า
อย่างเราๆ
ฟันยังดี มีคำตอบมาให้แล้วครับ
☁️
1.
ขนแปรง “นุ่ม เรียว ปลายมน” :
ขนแปรง “นุ่ม” “เรียว” และ ‘ปลายมน’ เพื่อจะเข้าไปในร่องเหงือกได้ง่าย
สังเกตความนุ่มได้ง่าย ๆ จากคำว่า ‘ขนนุ่ม’ หรือ ‘soft’ ที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์
ส่วนความเรียวและมน สังเกตได้ที่ ‘ปลายขนแปรง’
ทั้งนี้ การแปรงฟันด้วยแปรงขนแข็งไม่ได้ช่วยให้ฟันสะอาดขึ้น!
แต่ทำให้ฟันสึก รวมถึงเป็นอันตรายต่อเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปาก ⚡
หากขนแปรงมีขนาดใหญ่จะไม่สามารถเข้าไปในร่องเหงือกได้ และ
หากแหลมคมก็อาจทำอันตรายเหงือก
2.
หัวแปรง: “ขนาดพอดี”
หัวแปรงไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไป
ควรมีขนาดขนแปรงคลุมฟัน
ไม่เกิน 2-3 ซี่
หัวแปรงขนาดใหญ่จะไม่สามารถแปรงถึงฟันซี่ในได้
3.
ด้ามแปรง: “จับถนัดมือ”
เพื่อให้สามารถเคลื่อนแปรงไปมาได้ถนัดและไม่ลื่นหลุดมือไปชนเหงือก
หรือทำให้ต้องออกแรงบีบมือมากเกินไป
อาจเลือกแปรงที่มีด้ามจับเป็นยาง แปรงที่มีด้ามจับขนาดใหญ่
หรืออาจดัดแปลงด้ามแปรงให้จับถนัดมือยิ่งขึ้นด้วยการทำเชือกรัดให้กระชับมือ
หรือใช้วัสดุที่ไม่อมน้ำสวมทับด้ามแปรงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
หากเลือกไม่ถูก ...
ฟันยังดี แนะนำให้ลองมองหา ‘สัญลักษณ์รูปดาว’ ⭐️ บนบรรจุภัณฑ์แปรงสีฟัน
ซึ่งแสดงว่าแปรงสีฟันนั้นๆ คือ ‘แปรงสีฟันติดดาว’ ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองว่าดีโดย สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย
อ้อ! อย่าลืมลองจับ ‘แปรงสีฟันติดดาว’ ดูด้วยนะว่าจับได้ถนัดมือหรือเปล่า
พบกับ ฟันยังดี เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันสำหรับ ‘คนวัยเก๋า’ โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
โดยสามารถติดตามฟันยังดี ได้ที่
1. LINE: @funyoungdee และ 2. กดไลค์กดติดตาม Facebook ฟันยังดี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันยังดี
https://www.facebook.com/funyoungdee/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2020, 12:08:10 pm โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
นอนติดเตียง ดูแลไม่ดี เสี่ยงเจอหนอน
«
ตอบ #21 เมื่อ:
สิงหาคม 11, 2020, 07:03:38 pm »
เร็วๆ นี้ เพิ่งมีข่าวสยอง ว่าพบ
หนอนในเหงือก ของผู้ป่วยนอนติดเตียงถึง 12 ตัว !
โดยญาติผู้ดูแลพบว่า ผู้ป่วยติดเตียงมีอาการเหงือกบวมผิดปกติ
ก่อนหมอฟันจะเข้าไปตรวจดูและพบว่ามีรังหนอนแมลงวันอยู่ในเหงือก!
ทำให้มีคำถามและข้อสงสัยมายัง ฟันยังดี มากมาย
ว่ากรณีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
และเราจะป้องกัน/ดูแลผู้ป่วยได้ยังไงบ้าง
สาเหตุเกิดจาก…
1.
นอนปิดปากไม่สนิทและไม่ได้ทำความสะอาดช่องปากเป็นเวลานาน
โดยเฉพาะในผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องนอน
ติดเตียง และอาจมีการคาสายอาหารทางจมูก ทำให้ต้องหายใจทางปากช่วย จึงหุบปากได้ไม่สนิท
2.
แมลงวันบินมาไข่ในร่องฟัน
เมื่อมีสาเหตุในข้อแรก ช่องปากที่ไม่ได้ทำความสะอาด ร่วมกับมีเศษอาหารตกค้าง ทำให้แมลงวันมาเยือนช่องปาก และเห็นว่าเหมาะที่จะวางไข่ เลยถือโอกาสฝากลูกฝากหลานเอาไว้
วิธีป้องกัน
✅
1.
นอนในมุ้ง
ควรกางมุ้งให้ผู้ป่วย เพื่อป้องกันแมลงต่างๆ ในเบื้องต้น
✅
2.
ติดมุ้งลวดเพื่อป้องกันแมลง
ติดมุ้งลวดที่หน้าต่างห้อง/ประตู เพื่อป้องกันแมลงรบกวนภายในห้อง
✅
3.
แปรงฟันให้ช่องปากสะอาด
หมั่นทำความสะอาดช่องปากให้ผู้ป่วย เพื่อสุขอนามัยที่ดี และลดการสะสมของเศษอาหาร
✅
4.
หมั่นสังเกต
หมั่นสังเกตช่องปากของผู้ป่วย ถ้าพบความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ หรือจะปรึกษาทีมงาน ฟันยังดี ในเบื้องต้นก่อนก็ได้นะครับ
พบกับ ฟันยังดี เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันสำหรับ ‘คนวัยเก๋า’ โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
โดยสามารถติดตามฟันยังดี ได้ที่
1. LINE: @funyoungdee และ 2. กดไลค์กดติดตาม Facebook ฟันยังดี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันยังดี
https://www.facebook.com/funyoungdee/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2020, 12:08:51 pm โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
แปรงฟันแบบ 2-2-2 คืออะไร?
«
ตอบ #22 เมื่อ:
สิงหาคม 11, 2020, 07:28:03 pm »
ในระหว่างนี้ หากคุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยายอยากให้ ฟันยังดี
เราขอแนะนำให้ดูแลสุขภาพช่องปากและฟันด้วยตนเอง
โดยแปรงฟันแบบ 2-2-2 !
แปรงฟันแบบ 2-2-2 คืออะไร?
2 แรก
คือ แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์
(อย่างน้อย) วันละ 2 ครั้ง
โดยแปรง 1 รอบตอนเช้า
และอีก 1 รอบก่อนนอน
เพื่อลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในช่องปากทั้งตอนกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ฟลูออไรด์ยังช่วยให้ฟันแข็งแรงอีกด้วย
ทั้งนี้ ที่บอกว่า ‘อย่างน้อย’ ก็เพราะว่าหากอยากแปรงมากกว่า
วันละ 2 ครั้ง
เช่น เพิ่มการแปรงหลังมื้อกลางวันด้วยก็ย่อมได้ และแนะนำให้ทำเป็นอย่างยิ่งครับ
2 ต่อมา
คือระยะเวลาในการแปรงฟัน โดยควรแปรงฟันนาน
ครั้งละ 2 นาทีขึ้นไป
เพื่อให้มั่นใจว่าแปรงฟันได้สะอาดทั่วทั้งปาก ทุกซี่ และทุกด้าน
2 สุดท้าย
คืออดทน!
โดยควรงดกินหลังแปรงฟัน
(อย่างน้อย) 2 ชั่วโมง
เพราะการกินจุบจิบนอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ยังทำให้จุลินทรีย์ผลิตกรดกัดกร่อนฟันได้บ่อยขึ้นด้วย
การงดอาหารหลังแปรงฟัน
(อย่างน้อย) 2 ชั่วโมง
จะช่วยให้ช่องปากสะอาดได้ยาวนาน และลดการเกิดกรดในช่องปากได้
พบกับ ฟันยังดี เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันสำหรับ
‘คนวัยเก๋า’
โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
โดยสามารถติดตามฟันยังดี ได้ที่
1. LINE: @funyoungdee และ 2. กดไลค์กดติดตาม Facebook ฟันยังดี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันยังดี
https://www.facebook.com/funyoungdee/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2023, 06:27:29 am โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
5 อาหารเพื่อฟันขาวกระจ่าง
«
ตอบ #23 เมื่อ:
สิงหาคม 14, 2020, 05:40:21 am »
5
อาหารเพื่อฟันขาวกระจ่าง
คลิกอ่าน ===>
http://www.namjaidham.net/forum/index.php?topic=1705.0
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
ฟันผุอย่านิ่งนอนใจ ปล่อยทิ้งไว้ เสี่ยงติดเชื้อ อันตรายถึงชีวิต
«
ตอบ #24 เมื่อ:
สิงหาคม 14, 2020, 05:49:03 pm »
กรมการแพทย์เตือนฟันผุอย่านิ่งนอนใจ ปล่อยทิ้งไว้ เสี่ยงติดเชื้อ อันตรายถึงชีวิต
กรมการแพทย์
โดยสถาบันทันตกรรม
เตือนปล่อยให้ฟันผุไม่รักษา อาจติดเชื้อรุนแรง อักเสบ เป็นหนอง
ส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญ เช่น ตา ลำคอ โพรงไซนัส และสมอง เสี่ยงติดเชื้อลุกลามไปยังระบบทางเดินหายใจ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์
กล่าวว่า ปัจจุบันมีรายงานข่าวชายฟันผุเรื้อรัง ลุกลามจนกระทั่งติดเชื้อรุนแรง เกิดหนองในช่องพังผืดใต้คางและใต้ลิ้นจนปิดช่องปาก และส่งผลกระทบต่อระบบการหายใจของผู้ป่วย
เป็นประเด็นสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจสุขภาพช่องปากและฟันของตนเอง
เนื่องจากฟันผุ เกิดได้จากหลายสาเหตุ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษา อาจลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟันทำให้เกิดการอักเสบ และติดเชื้อปลายรากฟัน เกิดเป็นหนองและทะลุออกสู่เนื้อเยื่อข้างเคียง แล้วลามไปส่งผลต่อระบบการกลืนอาหาร การหายใจ หรือการมองเห็น
ดังนั้น การป้องกันฟันผุ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ควรหมั่นสังเกตฟันของตนเอง ลดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กินอาหารให้เป็นเวลา ไม่ควรกินจุกจิก
ทันตแพทย์อำนาจ ลิขิตกุลธนพร ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม
กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ฟันผุเกิดจากการ
มีเศษอาหารไปค้างอยู่ตามซอกฟัน หรือมีน้ำตาลจากอาหารที่เรารับประทานสัมผัสกับฟันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนแผ่นคราบจุลินทรีย์สร้างกรดที่มีฤทธิ์ทำลายผิวฟัน จนกระทั่งทำให้ฟันถูกกัดกร่อนทำลายเป็นรูผุ จากชั้นเคลือบฟันภายนอกเข้าไปในเนื้อฟัน ก็จะทำให้เกิดอาการเสียวฟันเมื่อรับประทานอาหารร้อนหรือเย็น เมื่อฟันผุลุกลามจนทะลุถึงชั้นโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดอาการปวดฟัน หรือรากฟันอักเสบเป็นหนอง และหากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นช่องทางให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่ส่วนต่าง ๆของร่างกายได้
ทั้งนี้ควรพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเป็นประจำทุก 6-12 เดือน
เพื่อทำการรักษาตั้งแต่ในระยะแรก ๆ ที่ยังไม่มีอาการและสามารถรักษาให้หายก่อนที่โรคจะลุกลามมากขึ้น รวมไปถึงการตรวจช่องปาก ขูดหินปูน และทำความสะอาดฟัน ซึ่งจะช่วยลดการเกิดโรคฟันผุ ช่วยป้องกันและยับยั้งปัญหา ในช่องปากและโรคฟันอื่นๆ นอกจากนี้ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ
2
ครั้ง ในตอนเช้าและก่อนนอน และใช้ไหมขัดฟันเพื่อช่วยทำความสะอาดซอกฟันที่ขนของแปรงสีฟันเข้าไปไม่ถึง
******************************************
กรมการแพทย์ สถาบันทันตกรรม ฟันผุ ฟันผุติดเชื้อ ฟันผุติดเชื้อทางเดินหายใจ
-ขอขอบคุณ-
7 สิงหาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก
Facebook กรมการแพทย์
https://www.facebook.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-643148052494633/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2020, 12:10:29 pm โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
‘หินปูน’ ตัวร้าย … ทำลายเหงือกและฟัน!
«
ตอบ #25 เมื่อ:
สิงหาคม 18, 2020, 05:10:12 am »
‘หินปูน’
ตัวร้าย … ทำลายเหงือกและฟัน!
‘หินปูน’ คืออะไร?
หินปูน
คือ คราบจุลินทรีย์หรือคราบอาหารที่มาเกาะบริเวณผิวฟันซึ่งแปรงออกไม่หมด จนเกิดเป็นคราบแข็งจากการตกตะกอนของแร่ธาตุในน้ำลายหรืออาหาร ทั้งนี้ หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายทั้งต่อสุขภาพเหงือก ฟัน และอาจทำให้เกิดโรคร้ายแรงตามมาได้
‘หินปูน’
ทำให้เกิดผลเสียอะไร?
⚠️ ฟันโยก
⚠️ มีกลิ่นปาก
⚠️ ทำให้ฟันเหลือง
⚠️ เหงือกร่น
⚠️ โรครำมะนาด (ปริทันต์อักเสบ)
‘ขูดหินปูน’ ดีอย่างไร?
ฟันอยู่ในปากได้นานขึ้น ฟันแน่น ไม่โยก จึงไม่สูญเสียฟันไปก่อนวัยอันควร
เคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น
เหงือกดี กระดูกรอบ ๆ ฟันแข็งแรง รับประทานอาหารได้หลากหลาย
ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ในกรณีที่เป็นโรคเบาหวาน
คำแนะนำในการป้องกัน ‘หินปูน’
1.
แปรงฟันอย่างถูกวิธี
2.
ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดบริเวณซอกฟัน
3.
ไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
พบกับ ฟันยังดี เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากและฟันสำหรับ ‘คนวัยเก๋า’
โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
สามารถติดตามฟันยังดี ได้ที่
1. LINE: @funyoungdee และ 2. กดไลค์กดติดตาม Facebook ฟันยังดี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันยังดี
https://www.facebook.com/funyoungdee/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2020, 12:11:22 pm โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
หลังอุดฟัน อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ?
«
ตอบ #26 เมื่อ:
สิงหาคม 19, 2020, 09:54:42 pm »
หลังอุดฟัน
อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ?
ใครเพิ่งไปอุดฟันมาบ้าง?
ฟันดีดี มาแนะสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำหลังอุดฟัน
-- สิ่งที่ควรทำ --
1. การเคี้ยวอาหารด้วยฟันที่เพิ่งอุด
ถ้าอุดด้วยวัสดุสีเหมือนฟันชนิด ‘เรซินคอมโพสิต’
จะเริ่มใช้ฟันซี่ดังกล่าวเคี้ยวอาหารได้ ‘ทันที’ เนื่องจากวัสดุแข็งตัวเต็มที่แล้ว
แต่ถ้าอุดด้วยวัสดุสีเงินชนิด ‘อมัลกัม’
ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อรอให้วัสดุแข็งตัวเต็มที่ก่อน
ในช่วงนี้ก็แนะนำให้เลี่ยงไปเคี้ยวอาหารในด้านที่ไม่ได้อุดไปก่อนนะ
^^ ถ้าไม่แน่ใจว่าคุณหมออุดฟันให้เราด้วยวัสดุอะไร ก็สอบถามคุณหมอได้โดยตรงเลยนะ ^^
2
. แปรงฟัน
2-2-2
ร่วมกับทำความสะอาดซอกฟัน
ควรแปรงฟันสูตร 2-2-2 ร่วมกับทำความสะอาดซอกฟันด้วยไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันทุกวัน
เพื่อรักษาความสะอาดภายในช่องปาก
รวมถึงป้องกัน ‘ฟันผุซ้ำ’ ในบริเวณที่อุดฟันมา
3. รีบกลับไปพบหมอฟันถ้าพบความผิดปกติ
หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นภายหลังอุดฟัน
เช่น เสียวฟันเวลาเคี้ยวอาหาร ปวดฟันซี่ที่อุด หรือวัสดุอุดแตก/หลุด
ควรรีบกลับไปพบหมอฟันเพื่อตรวจและแก้ไขโดยเร็ว
4.
พบหมอฟันอย่างน้อยปีละ
1 ครั้ง
เพื่อตรวจเช็คสุขภาพช่องปาก รวมถึงสภาพวัสดุอุดฟันที่อุดไป
ว่ายังอยู่ในสภาพดี หรือต้องแก้ไขอะไรหรือไม่
-- สิ่งที่ไม่ควรทำ --
X
1. กินอาหารแข็ง/กรอบ หรือเหนียวจัด
X
เพราะอาจทำให้วัสดุอุดฟันหลุดหรือแตกหักเสียหายได้
X
2
. สูบบุหรี่ ดื่มชา/กาแฟ
X
เพราะอาจทำให้วัสดุสีเหมือนฟันเปลี่ยนสี เนื่องจากเกิดคราบบนวัสดุได้
X
3. กัดหรือแทะอาหารด้วยฟันหน้าที่ผ่านการอุด
X
การใช้ฟันหน้าที่ผ่านการอุดกัดหรือแทะอาหาร
รวมถึงใช้เปิดฝาขวด ฉีกสิ่งของ หรือกัดเล็บ
อาจทำให้วัสดุอุดฟันแตกหรือบิ่นได้
X 4. ใช้ฟันที่เพิ่งอุดด้วยวัสดุอมัลกัมเคี้ยวอาหารทันที X
เพราะจะทำให้วัสดุแตก/สึกจากการที่ยังไม่แข็งตัวเต็มที่ได้
อย่าลืมกดติดตามเพจ 'ฟันดีดี' เอาไว้ เพื่อล้วงความลับใหม่ ๆ สนุกสุดฟันไปด้วยกันกับทีมแพทย์และทีมงานฟันดีดีนะจ๊ะ
แหล่งข้อมูล:
- สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย
- สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันดีดี
https://www.facebook.com/betterteeththailand/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2023, 06:28:57 am โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
สาเหตุที่ทำให้เสียว (ฟัน)
«
ตอบ #27 เมื่อ:
สิงหาคม 22, 2020, 04:50:51 am »
อยากหยุดเสียว
เลี้ยวมาอ่าน
คราวที่แล้ว ฟันดีดี ได้เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เสียว (ฟัน) ได้ง่าย
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่นั้นมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม
ร่วมกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากที่ไม่ถูกต้อง
คำถามต่อมาคือ แล้วถ้าอยากหยุดเสียว (ฟัน) ล่ะ จะทำยังไงได้บ้าง?
คำตอบก็คือ
ถ้าใครอยากหยุดเสียว (ฟัน) 'แบบยาว ๆ'
ก็ต้องไปพบหมอฟันเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างตรงจุด
แต่ ฟันดีดี ไม่หยุดแค่นี้หรอกนะ!
เพราะเรามีวิธีช่วยลดอาการเสียวฟันด้วยตัวเองมาฝากกันด้วย
จะมีอะไรบ้างมาดูกัน
⭐️
แก้ด้วยอุปกรณ์
ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม
โดยแปรงเบา ๆ เพื่อป้องกัน ‘คอฟันสึก’
ใช้ไหมขัดฟันร่วมกับการแปรงฟันทุกวัน
เพื่อป้องกันฟันผุและโรคปริทันต์อักเสบ
ซึ่งมักทำให้มีอาการเสียวฟัน
ใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟันเป็นประจำ
เพื่อบรรเทาอาการ ‘เสียว’ เฉพาะหน้า
(และไปพบหมอฟันเพื่อตรวจหาสาเหตุ
และรับการรักษาที่ตรงจุดต่อไป)
⭐️
แก้ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม
ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้ ‘เคลือบฟันสึก’ เช่น
การแปรงฟันแรง
เพราะจะทำให้ ‘คอฟัน’ สึกได้ง่าย
การบริโภค ‘อาหาร/เครื่องดื่ม’ ที่เป็นกรดบ่อย ๆ
รวมถึงอาหารที่แข็งมาก ๆ ด้วย
การใช้ฟันผิดหน้าที่
เช่น ใช้ฟันฝาขวด กัดเล็บ ฯลฯ
จบบทเรียนสาเหตุและวิธีแก้การเสียวฟันแล้วนะ
ในตอนถัดไปของเรื่องเสียวๆ ฟันดีดี จะชวนทุกคนมาไขปริศนา หาที่มาของความเสียว (ฟัน) กัน
ว่าระหว่างที่เรามีอาการเสียวฟันจี๊ดจ๊าด ในช่องปากเราเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันดีดี
https://www.facebook.com/betterteeththailand/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2020, 12:13:00 pm โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
ทำไมเราต้องแปรงลิ้น?
«
ตอบ #28 เมื่อ:
สิงหาคม 28, 2020, 05:38:33 pm »
ทำไมเราต้องแปรงลิ้น?
ทำไมลิ้นมีสีขาว ๆ ติดอยู่?
แปรงฟันสะอาดแล้ว ทำไมยังมีกลิ่นปาก?
ปัญหาเหล่านี้จะเกิดได้ ถ้าเราลืม ‘แปรงลิ้น’!
ที่ที่เศษอาหารและเชื้อโรคชอบเกาะติด
นอกจากตามผิวฟันซอกฟันแล้ว
ก็ลิ้นเรานี่แหละครับ
โดยเฉพาะบริเวณโคนลิ้น
ซึ่งมีร่องลึก และเรามักทำความสะอาดไม่ค่อยถึง
ฟันดีดี จะบอกให้ฟังครับว่าทำไมเราต้องแปรงลิ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าเราไม่แปรงลิ้น
- มีคราบเชื้อโรคสีขาวสะสมบนลิ้น
ซึ่งพร้อมเข้าสู่ร่างกายได้ตลอดเวลา
- มีเศษอาหารหมักหมม
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นปาก
- ปุ่มรับรสที่ลิ้นรับรู้รสชาติได้น้อยลง
แปรงลิ้นอย่างไร?
แปรงเบา ๆ ด้วย
‘แปรงขนนุ่ม’
หรือ
‘ที่แปรงลิ้น’
อาจทำความสะอาดลิ้นด้วยแปรงสีฟันขนนุ่มที่ใช้แปรงฟันปกติ
หรือใช้ที่แปรงลิ้น ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบก็ได้
ทั้งนี้ ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเลือกใช้แบบไหนดี
ก็สามารถปรึกษาทันตแพทย์ได้นะครับ
แปรงจากโคนลิ้นมาปลายลิ้น
จำง่าย ๆ ว่าแลบลิ้นออกมาให้ยาวที่สุด
วางแปรงในแนวขวาง แล้วแปรงจากด้านในมาด้านนอก
จากนั้นล้างแปรงให้สะอาด
แล้วจึงแปรงลิ้นในบริเวณถัดไป
แปรงอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
แต่ถ้าจะให้ดี ก็ควรแปรงลิ้นทุกครั้งหลังแปรงฟัน
ผลดีจากการแปรงลิ้น
- ช่วยให้กลิ่นปากลดลง
- ช่องปากสะอาดอย่างทั่วถึง
- ช่วยให้รับรสอาหารได้ดีขึ้น
ต่อไปนี้ แปรงฟันแล้วอย่าลืมแปรงลิ้นกันด้วยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันดีดี
https://www.facebook.com/betterteeththailand/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2020, 06:48:21 am โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
ยาใจ
Administrator
Hero Member
กระทู้: 14143
ไขปริศนา ?!? ที่มาของความเสียว (ฟัน)
«
ตอบ #29 เมื่อ:
กันยายน 29, 2020, 06:46:19 am »
ไขปริศนา ?!?
ที่มาของความเสียว (ฟัน)
กลไกการ เสียวฟัน
1.
เกิดการเปิดของ ‘ท่อเนื้อฟัน’
เมื่อผิวนอกของฟันที่เรียกว่า ‘เคลือบฟัน
(enamel)’
หรือ ‘เคลือบรากฟัน
(cementum)
’ ถูกทำลาย
ไม่ว่าจะจากฟันสึก/กร่อน ฟันผุ ฯลฯ
จะทำให้ชั้นเนื้อฟัน
(dentin)
เผยออกมาในช่องปาก
‘ท่อเนื้อฟัน’
ซึ่งอยู่ในเนื้อฟัน และมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
จึงสัมผัสกับสภาวะในช่องปากโดยตรง
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ ‘ฟันสึก’ หลัก ๆ คือ
การแปรงฟันแรง และการกินของแข็งเป็นประจำ
ในขณะที่ ‘ฟันกร่อน’ มักเกิดจากการกินอาหารเปรี้ยว
ส่วน ‘ฟันผุ’ ก็มาจากการกินอาหารหวาน
ร่วมกับการไม่ดูแลช่องปากให้สะอาดเพียงพอ
(ดู EP.1 ‘8 เหตุผลที่เป็นคนเสียว (ฟัน) ง่าย’ ได้ที่นี่จ้า
https://bit.ly/2CUE6M4
2. มีสิ่งมากระตุ้น
สิ่งกระตุ้นดังกล่าวอาจเป็นได้ทั้งของเย็น เช่น น้ำเย็น
ของร้อน ของหวาน รวมถึงอาหารที่เป็นกรด ฯลฯ
3. ของเหลวในท่อเนื้อฟันเกิดการเคลื่อนไหว
สิ่งกระตุ้นเหล่านี้จะสัมผัสกับเนื้อฟัน
ทำให้ของเหลวในท่อเนื้อฟันเกิดการเคลื่อนไหว
4. เกิดกระแสประสาทกระตุ้นให้เสียวฟัน
การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไปกระตุ้นปลายประสาท
ภายในท่อเนื้อฟัน (ที่อยู่ติดกับโพรงประสาทฟัน)
ทำให้เกิดการส่งกระแสประสาทกระตุ้นให้เกิดอาการเสียวฟัน
ถ้าไม่อยากเสียวฟันต้องหมั่นดูแล
และตรวจสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอนะคะ
(ดู EP.2 ‘อยากหยุดเสียว เลี้ยวมาอ่าน’ ได้ที่นี่จ้า
https://bit.ly/3hs80X1
เรื่องเสียวฟันจะเป็นซีรี่ย์ไตรภาค หรือมีมากกว่านั้น รอชมกันนะคะ
อย่าลืมกดติดตามเพจ 'ฟันดีดี' เอาไว้ เพื่อล้วงความลับใหม่ ๆ สนุกสุดฟันไปด้วยกันกับทีมแพทย์และทีมงานฟันดีดีนะจ๊ะ
แหล่งข้อมูล: dent.cmu, dentalcare
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Facebook ฟันดีดี
https://www.facebook.com/betterteeththailand/
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2020, 07:09:48 am โดย ยาใจ
»
เข้าสู่ระบบ
พิมพ์
หน้า:
1
[
2
]
3
4
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
น้ำใจธรรม.เนต
»
สาระธรรม,ความรู้ที่เป็นประโยชน์
»
น้ำใจธรรม-สุขภาพ
(ผู้ดูแล:
ยาใจ
) »
รวมเรื่องของ "ฟัน" กินแบบไหน ลดเสี่ยง ไม่ต้องหาหมอฟัน