ผู้เขียน หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล  (อ่าน 311200 ครั้ง)

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #645 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 07:12:46 am »





แม้สิ่งที่เราคิดว่าน่าเอา สติก็เตือนเราเหมือนกันว่าอย่าไปเอานะ เพราะมันก็มีความทุกข์แฝงอยู่ ชื่อเสียงเกียรติยศ ทรัพย์สมบัติ ความสำเร็จ หากได้มา ถ้าเรามีสติไม่ไวพอ เราก็จะหลงใหลในสิ่งเหล่านี้ที่เรียกว่าโลกธรรม โดยที่เราไม่รู้ว่า ถ้าหลงใหลหรือเพลิดเพลินมันแล้ว ความทุกข์จะตามมา เพราะเมื่อจิตลอยฟ่องเนื่องจากเพลิดเพลินในสุข ถึงเวลาสุขผันแปร เลือนหายไป จิตก็ถอยจมตกต่ำ ยิ่งลอยสูง ตกลงมาก็ยิ่งเจ็บ

สิ่งที่น่าเอาทั้งหลาย ล้วนไม่ยั่งยืน ไม่มีใครชนะได้ตลอด สักวันก็ต้องประสบกับความพ่ายแพ้ คนที่เป็นที่หนึ่งมาตลอด หากเพลิดเพลินในความเป็นเบอร์หนึ่ง เวลาพ่ายแพ้แม้เป็นที่สองก็จะเป็นทุกข์มากกว่าคนที่ไม่เคยชนะ ส่วนคนหลังนั้นหากจะแพ้อีกครั้งก็รู้สึกเฉยๆ

แต่ถ้าเรามีสติ หากหลงเพลินในชัยชนะและความสำเร็จ สติก็จะช่วยให้รู้ทัน และกลับมารู้ตัว ไม่หลงเพลิน และถ้ามีปัญญาด้วยแล้ว เราก็จะไม่หลงยึดมัน เพราะเรารู้ว่า สิ่งที่เป็นบวกหรือน่าเอา เช่น ความสุข ความสำเร็จนั้น ไม่ต่างจากหางงู ถ้าจับเอาไว้แล้วปล่อยไม่ทัน งูก็จะแว้งมากัดเราได้

ความสำเร็จ ชัยชนะ และโชคลาภเปรียบเหมือนหางงู ถ้าจับแล้วปล่อยไม่ทัน งูก็แว้งมากัดเราจนได้ ดังนั้นต้องปล่อยให้ไว

ครูบาอาจารย์บางครั้งก็เปรียบสิ่งเหล่านี้เหมือนกับเหยื่อที่มีเบ็ดซ่อนอยู่ พอปลาเห็นเหยื่อก็จะรีบเข้าไปฮุบ ตอนฮุบเหยื่อใหม่ ๆ ก็จะรู้สึกอร่อย มีความสุข แต่สักพักก็จะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเบ็ดทะลุปาก

ทรัพย์ ยศ สรรเสริญ สุขหรือที่เรียกว่าโลกธรรมฝ่ายบวก เป็นเช่นนี้ คือแฝงไปด้วยทุกข์ ตอนได้เสพหรือได้ครอบครองใหม่ ๆ ก็จะมีความสุข มีความเพลิดเพลิน แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกว่านั่นแหละคือที่มาแห่งความทุกข์ เพราะมันเป็นไปตามหลักอนิจจัง มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ เมื่อมีสรรเสริญก็มีนินทา


พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2020, 07:04:07 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #646 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 07:16:44 am »





คนที่คิดถึงแต่ตัวเองจะเป็นคนที่ทุกข์ง่าย เพราะว่าเวลามีอะไรมากระทบ แม้เพียงเล็กน้อยก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนที่คิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ จะเป็นคนที่สุขง่าย เพราะหัวใจของเขาจะใหญ่ขึ้น แต่ว่าอัตตาตัวตนจะเล็กลง ทำให้มีพื้นที่รับความสุขมากขึ้น

พระไพศาล วิสาโล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 12, 2020, 07:19:20 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด
เจออะไรอย่าลืมดูใจ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #647 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 07:23:21 am »




เจออะไรอย่าลืมดูใจ


“ทุกครั้งที่เราทุกข์ใจอย่าเพิ่งโทษสิ่งภายนอกตะพึดตะพือ ให้กลับมาดูใจเราด้วยว่าใจเราไปเปิดทางยินยอมหรือผสมโรงให้ความทุกข์ต่างๆ จากภายนอกเข้ามาเล่นงานใจเราหรือเปล่า ถ้าจะตอบอย่างฟันธงก็คือ ใช่ ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากทุกข์ใจ ก็อย่ามัวเรียกร้องคนโน้นคนนี้ให้พูดดีๆ กับเรา อย่าทำสิ่งที่ไม่ดีกับเรา อันนั้นมันเป็นไปได้ยาก เราควบคุมบังคับบัญชาคนอื่นไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือดูแลใจเราให้ดี อย่าเปิดช่องให้ความทุกข์หรือสิ่งเลวร้ายเข้ามาเล่นงานจิตใจเราได้”

พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 12, 2020, 07:34:48 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด
ยิ้มรับความทุกข์ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #648 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 07:28:18 am »




  ยิ้มรับความทุกข์ 


ปัญหา อุปสรรค และเหตุร้ายทั้งหลาย ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่า ความทุกข์ เมื่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว ก็ควรที่เราจะทำ “ใจดี” เอาไว้ ไม่ควรตีโพยตีพาย ตีอกชกหัว หรือโศกเศร้าคร่ำครวญ เพราะนอกจากไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว กลับทำให้เราเป็นทุกข์มากขึ้น

ความทุกข์เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากหลีกเลี่ยง แต่เมื่อหนีมันไม่พ้น จะดีกว่าไหมหากเรายิ้มรับมัน และใคร่ครวญว่าจะรับมือกับมันอย่างไรเพื่อให้เกิดผลเสียน้อยที่สุด หรือดีกว่านั้นก็คือหาประโยชน์จากมันเท่าที่จะทำได้ จะว่าไปแล้วปัญหา อุปสรรคและเหตุร้ายทั้งหลาย ล้วนมีประโยชน์หากเรารู้จักมอง แม้กระทั่งความเจ็บป่วยและความตาย ก็ไม่พ้นจากความจริงข้อนี้ อย่างน้อย ๆ หากวางใจถูก ยิ้มรับมันเสมือนมิตร มันก็จะกลายเป็นมิตรกับเราได้


พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 12, 2020, 07:35:05 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด





  เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม 

“เราควรเริ่มฝึกใจจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปก่อน ใช้เหตุการณ์ที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน เช่นคำวิจารณ์ สิ่งขัดอกขัดใจ ใช้มันเพื่อฝึกใจเรา ไม่ทุกข์ใจกับเหตุการณ์เหล่านั้น เวลาใครต่อว่าเราก็ไม่ทุกข์ หรือหากทุกข์แล้วก็อย่าทุกข์ฟรี ๆ ต้องรู้จักหาประโยชน์จากสิ่งเกิดขึ้น ให้เรื่องขัดอกขัดใจนั้นมาเป็นเครื่องฝึกความอดทน ลดละอัตตาตัวตน คนเราไม่ชอบคำแนะนำหรือคำตักเตือน เพราะอัตตามันทนไม่ได้ มันต้องการประกาศความยิ่งใหญ่ ว่า กูเก่ง กูแน่ ฉะนั้นพอเจอคำวิจารณ์ก็จะตอบโต้ทันที แต่ถ้าเรามีสติก็จะไม่ทำตามอำนาจของมัน”

พระไพศาล วิสาโล





  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 12, 2020, 07:39:26 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด




  ยิ้มรับด้วยใจปล่อยวาง 


“เมื่อต้องเจอกับปัญหาหรือเหตุร้าย การยิ้มรับมันย่อมดีกว่าการปฏิเสธมันด้วยความกลัว เพราะการยิ้มรับนั้นในแง่หนึ่งหมายถึงการไม่ยอมรับอำนาจคุกคามของมัน และทำให้มันไม่น่ากลัวอีกต่อไป แทนที่จะมองเป็นศัตรู กลับเห็นเป็นมิตรไปเสีย ท่าทีเช่นนี้ยังสามารถใช้ได้กับความตาย ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น เมื่อจะต้องเจอมันอย่างแน่นอน ควรเรียนรู้ที่จะยิ้มรับมันเสียแต่ตอนนี้ หรือถึงจะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลย เมื่อถึงคราวที่ต้องเจอมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ การเดินยิ้มเข้าหามัน ย่อมดีกว่าการพยายามเบือนหน้าหรือหลีกหนีมันด้วยความกลัว”

พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 16, 2020, 01:17:27 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด




   หลุดหลงเพราะรู้ทุกข์ 


คนเราเมื่อเกิดทุกข์ ก็มักหลงเข้าไปเป็นผู้ทุกข์ แต่ถ้ามีสติ จิตก็จะออกจากทุกข์ มาเป็นผู้เห็นทุกข์ พิจารณาทุกข์อย่างรอบด้านทั่วถึง ความทุกข์ที่พิจารณานั้นไม่ใช่ความทุกข์ที่ไหน ก็เป็นความทุกข์ที่เกิดจากความหลงนั่นเอง เมื่อเราหันกลับมาใคร่ครวญ ก็จะรู้ว่าเราทุกข์เพราะหลง ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่ทุกข์เพราะอากาศร้อน ไม่ใช่ทุกข์เพราะคำพูดของคนอื่น ไม่ใช่ทุกข์เพราะเกิดโรคร้ายกับตน แต่เกิดจากความหลง ไม่รู้ตัว หรือวางใจผิด

ดังนั้นเราจะต้องหมั่นมองตนด้วยสติ พิจารณาตัวเรา ดูร่างกายไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นความจริงว่ากายและใจมันไม่จีรังยั่งยืน เกิดแล้วก็ดับไป มีแล้วก็เสื่อมไป เพราะมันเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เมื่อมีความทุกข์เกิดขึ้น ลองใช้ความทุกข์มาเป็นแบบฝึกหัดในการใคร่ครวญด้วยปัญญา โดยเริ่มจากสติ ดูว่าความโศกเศร้า ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจนั้นเกิดจากอะไร ดูเพื่อให้เรารู้ว่าเรากำลังคับแค้นอยู่ กำลังทุกข์อยู่ โดยไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่รู้แค่นั้นพอ

ถ้าหากยังไม่รู้ใจ ก็ขอให้รู้กายก่อน แล้วค่อยตามรู้ใจทีหลัง โดยหมั่นฝึกฝนเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่าเราทุกข์เพราะความคิด ไม่ได้ทุกข์เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ใช่เพราะมีสิ่งภายนอกมากระทบเรา ไม่ใช่เพราะแดด ไม่ใช่เพราะอากาศหนาว ไม่ใช่เพราะรถติด ไม่ใช่เพราะคำพูดของคนอื่น แต่เป็นเพราะใจที่หลงต่างหากทำให้เป็นทุกข์

พระไพศาล วิสาโล







  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2020, 09:36:44 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด
รักษาใจให้เป็นปกติ - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #652 เมื่อ: มีนาคม 16, 2020, 01:33:39 pm »




  รักษาใจให้เป็นปกติ   


ถ้าเราไม่อยากทุกข์เมื่อถูกตำหนิ
ก็อย่าดีใจเวลาได้รับคำชม
ถ้าเราไม่อยากทุกข์
เวลาเสื่อมลาภ เสื่อมยศ
ก็อย่าดีใจเวลาที่ได้ลาภได้ยศ

ได้กับเสียเป็นของคู่กัน
เช่นเดียวกับฟูและแฟบ
ยิ่งฟูมากเท่าไหร่
ก็แฟบง่ายมากเท่านั้น


ความสุขนั้นไม่เที่ยง เพราะสิ่งที่ทำให้เป็นสุขนั้นหาความแน่นอนไม่ได้ ที่จริงแม้สิ่งเหล่านั้นบางครั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย อย่างเช่น ยศหรือทรัพย์ แม้จะยังไม่สูญหายเลย แค่มีเท่าเดิม เราก็ทุกข์แล้ว เพราะอยากจะได้มากขึ้น หรือไม่ก็เพราะเบื่อ เช่น เวลาเรากินอาหารอร่อย ๆ มื้อแรกก็รู้สึกว่าอร่อยดี มีความสุขที่ได้กิน

แต่ถ้าเรากินอาหารจานเดิมทุกๆมื้อนานเป็นเดือน เราก็จะรู้สึกว่ามันไม่อร่อยแล้ว เริ่มเบื่อ เริ่มเลี่ยน จนถึงจุดหนึ่งก็เอียนและแทบอาเจียนออกมา ทั้งที่มันก็ยังอร่อยเหมือนเดิม รสชาติเท่าเดิม แต่เมื่อเราเสพไปนาน ๆ ความสุขก็จะเลือนหายไป เราไม่มีความสุขเหมือนเดิม อยากได้ของใหม่ เพื่อจะได้สุขเหมือนเดิมหรือเท่าเดิม

เห็นไหมว่าไม่ต้องรอให้มันแปรเปลี่ยนหรือเสื่อมหรอก แค่มันอยู่คงที่หรือเท่าเดิม เราก็ทุกข์แล้ว เพียงแต่ว่าความทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่ค่อย ๆคืบคลานออกมา หรือค่อย ๆ แสดงตัว นี้คือธรรมชาติของทุกข์ที่แฝงมากับความสุข หรืออยู่คู่กับความสุข

ถ้าเรามีสติ หมั่นมองตนเสมอ ๆ ก็จะรู้ว่า ไม่ใช่แค่ความโกรธ ความเศร้าเท่านั้น ความเพลิดเพลิน ความดีใจ ความปีติ ความสำเร็จ ก็ไม่น่าเอาเหมือนกัน


พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 16, 2020, 01:48:31 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด




  “โรคระบาดไม่ได้ทำอันตรายเรา เท่าความกลัวโรคระบาด” 



ความกลัวทำให้เราไม่กล้าเข้าสังคม ไม่กล้าใช้ชีวิต แสดงความรังเกียจกัน บางคนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งที่ยังมิได้ติดโรค ในช่วงที่มีโรคระบาด เราก็ควรป้องกันตนเองมากกว่าปกติ ตามคำแนะนำทางสาธารณสุข แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องให้จิตใจเศร้าหมองไปกับข่าวสารที่เกิดขึ้น หรือทำมากเกินความจำเป็น

บางครั้งการติดเชื้อโรค และตัวสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกร่าง ก็มิได้เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก แต่ ‘ปฏิกิริยา’ หรือวิธีการตอบสนองของร่างกายนั้นก่อให้เกิดปัญหา เช่น โรคปอดบวมนั้น เกิดเพราะว่ามีเม็ดเลือดเข้ามาประชุมกันในเนื้อปอดเป็นจำนวนมาก เพื่อกินเชื้อโรค จึงทำให้หายใจลำบาก

ความทุกข์ก็เช่นกัน เมื่อเกิดขึ้นกับเราแล้ว ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นกับปฏิกิริยาต่อความทุกข์นั้น

การเป็นมะเร็ง ไม่น่ากลัว เท่ากับความกลัวมะเร็ง ความกลัวมะเร็งทำให้กินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ คิดถึงอนาคตที่จะต้องเปลี่ยนไป และพาให้ตัวเองไปรับการรักษา ซึ่งก่อให้เกิดความทุกข์กายอีกมาก เพื่อกำจัดมะเร็งออกไป จึงทุกข์ทั้งกายและใจ



      ทำอย่างไรจึงจะมีภูมิคุ้มใจ ❤️อ่านต่อได้ที่  ===> https://www.happinessisthailand.com/2020/03/13/heart-immune-phra-phaisal/?fbclid=IwAR0rMpW277dUtuLe3-y1Q6DepOeFTXs2llYAREcG1b1tKlejsA3M7Tb8pDk



ที่มา: ศ.ดร.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร เรียบเรียงปาฐกถา "ธรรมะจากโคโรนาไวรัส"

โดยพระไพศาล วิสาโล ณ โรงเรียนทอสี เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 63







  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2020, 06:59:30 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด
คิดใหม่ในยุคโควิด - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #654 เมื่อ: มีนาคม 28, 2020, 08:29:54 am »



พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เทศน์ที่วัดป่ามหาวัน วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓
Cr: Zen Sukato ขอบคุณค่ะ


ในโลกนี้มีโรคติดเชื้อมากมาย เรียกว่านับไม่ถ้วน แต่ว่าโรคโควิดนี้มันเป็นโรคติดเชื้อที่ไม่ค่อยเหมือนใครเท่าไหร่ โรคติดเชื้อมากมาย ส่วนใหญ่ก็ได้มักจะเกิดกับคนบางกลุ่มบางจำพวกหรือว่าบางสถานที่ อย่างเช่น โรคอหิวาตกโรค โรคบิดมักจะเกิดขึ้นกับคนจน รวมไปถึงอีสุกอีใส ไอกรน วัณโรคก็มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ยากจน โดยเฉพาะที่อยู่ในเมือง อยู่ในชุมชนแออัด สถานที่ที่ผู้คนแออัดยัดเยียด ก็เป็นโรคเหล่านี้ได้ง่าย หรือว่าอีโบล่า ส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางแอฟริกา แต่โควิดไม่เลือกว่าเป็นใคร จะร่ำรวย ยากจน มีสิทธิ์เป็นหรือติดเชื้อได้ทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเป็นคนแต่งตัวสวยสะอาด หรือว่าสกปรกมอมแมม แต่ก่อนเราเห็นคนแต่งตัวเนื้อตัวสกปรกมอมแมมเราก็ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้ เพราะคิดว่าเขาเป็นอาจจะตัวแพร่เชื้อ อยู่ใกล้คนที่แต่งตัวสะอาดหมดจดปลอดภัยกว่า แต่สำหรับโควิดนั้นไม่ใช่ คนแต่งตัวซกมกเนื้อตัวมอมแมมอาจจะไม่มีเชื้อโควิดเลยก็ได้ แต่ที่แต่งตัวสวยเสื้อผ้าราคาแพงสะพายกระเป๋าราคาเป็นแสนดูสะอาดหมดจด อาจจะมีเชื้ออยู่ก็ได้ คนยากจนอาจจะปลอดภัยกว่าไปอยู่ใกล้คนชั้นสูงเป็นเศรษฐี มีฐานะ ถ้าไปอยู่ใกล้ๆก็อาจจะติดเชื้อก็ได้ มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นคนจน คนชนบท ร่ำรวยยิ่งใหญ่ คนมีอำนาจก็มีสิทธิ์เป็นก็ได้อย่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ตอนนี้ก็ติดเชื้อโคโรนาไวรัสไปเรียบร้อยแล้ว นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล ก็ติดเชื้อ

เป็นโรคที่เรียกว่าเสมอภาคเลยทีเดียว หมายความว่าทุกคนมีสิทธิ์ติดเชื้อได้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าต้องเป็นคนจนเนื้อตัวมอมแมมเสื้อผ้าสกปรก

มันทำให้ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเรื่องความสะอาดเปลี่ยนไปเลย แต่งตัวสะอาดมีน้ำหอมส่งกลิ่นหอมแต่ติดเชื้อก็ได้ เนื้อตัวสกปรกซกมกมอมแมมแต่ว่าไม่มีเชื้อไวรัสโควิดเลย ซึ่งก็หมายความว่า ใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะติดเชื้อได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเรียนสูงหรือว่าเรียนน้อย ร่ำรวยหรือยากจน เป็นฝรั่งหรือไทย เป็นผู้สูงศักดิ์หรือต่ำต้อย

การที่มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนรวมทั้งตัวเราด้วย มันก็ทำให้ผู้คนเกิดความตื่นตระหนกแล้วก็เกิดความหวาดระแวง ไม่ได้ระแวงใครแต่ระแวงคนใกล้ตัว คนรู้จักก็ตาม แต่ถ้าหากว่ามาจากอิตาลี มาจากสเปน หรือมาจากกรุงเทพฯก็ตาม คนจำนวนจะมองด้วยสายตาที่ระแวดระวัง บางทีถึงขั้นระแวงเลย ไม่ใช่แค่ระวัง

ที่จริงในสถานการณ์แบบนี้ มองได้ 2 แบบ มองว่าคนรอบตัวเราอาจจะมีเชื้อนี้ หรือติดเชื้อไปเรียบร้อย ถ้าเรามองแบบนี้เราก็จะมีความรู้สึกลบกับเขาได้ง่าย อาจจะมองเขาว่าเป็นภัยอันตรายกับเรา ในด้านหนึ่งก็ดีที่ทำให้เราอยู่ห่างจากเขา แต่บางครั้งเรากลับเรียกร้องให้เขาอยู่ห่างจากเรา เพราะว่าขืนมาอยู่ใกล้ เชื้อของเขาอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้จะมาติดเรา ในการมองคนอื่นว่ามีโอกาสติดเชื้อแล้วจะทำให้เราติดเชื้อไปด้วยนั้นมันทำให้เรารู้สึกลบกับเขา มองเขาเป็นมนุษย์น้อยลง เห็นเขาว่าเป็นเชื้อโรคมากขึ้น เป็นภัยคุกคามมากขึ้น แล้วก็จะเรียกร้องให้เขาอยู่ห่างจากเรา หรือบางทีก็อาจจะมีการผลักไสกัน ถ้าเกิดว่าเขามาอยู่ใกล้เราเกินไป

อย่างเมื่อ 3-4 วันก่อนที่วัดป่าสุคะโต นักปฏิบัติธรรมเรียงคิวเตรียมตักอาหาร จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งหันไปผลักผู้ชายที่อยู่ถัดไป ผลักอกแล้วก็บอกว่าไปห่างๆ ยังดีที่ผู้ชายคนนั้นไม่ถือโทษโกรธเคือง ที่จริงเขาก็ระมัดระวัง สวมหน้ากาก ผู้หญิงคนนั้นอาจมองว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ใกล้ไป ไม่อยู่ห่าง 1 เมตร แต่ด้วยความคิดที่ว่าผู้ชายคนนี้อาจจะมีเชื้อ จึงรู้สึกไม่ปลอดภัย ผลักเขา

ที่จริงการที่ผู้หญิงไปผลักเขากลับยิ่งทำให้เธอมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะมือเธอไปสัมผัสกับเสื้อผ้าเขา ถ้าเขาติดเชื้อจริง เสื้อผ้าก็คงมีเชื้อโคโรนา การที่ไปผลักเขาคิดว่าตัวเองจะได้ปลอดภัย แต่กลับทำให้ตัวเองเสี่ยงมากขึ้น อย่างนี้เรียกว่าขาดสติ ขาดสติทั้งในแง่ที่มีความกลัว กลัวก็กลายเป็นโกรธ เกลียด เมื่อผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่รู้จักมาไม่อยู่ใกล้ๆ แต่เพราะความกลัวความโกรธความเกลียดมากจนลืมตัว ไปผลักเขาเพื่อหวังจะให้ตัวเองปลอดภัยจากเชื้อ

ฉะนั้น มุมมองที่ว่าคนอื่นสามารถเอาเชื้อมาแพร่เราได้ ข้อดีทำให้เราไม่ประมาท ระมัดระวัง แต่ข้อเสีย ทำให้เรามองคนอื่นเป็นลบได้ง่ายๆ จนกระทั่งเขาไม่มีความเป็นมนุษย์ เป็นเชื้อโรคที่เดินได้ ยิ่งกว่านั้นยังทำให้เราเรียกร้องให้เขาอยู่ห่างจากเรา เพราะเขาอาจจะเป็นภัยคุกคามเรา ไม่ใช่แค่เรียกร้องแต่ยังผลักไสด้วย อย่างที่ผู้หญิงคนนั้นทำ ซึ่งมันไม่ดีเลยกับทุกฝ่าย ผู้ชายคนนั้นก็ถูกกระทำโดยที่อาจจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผู้หญิงก็ได้แสดงอาการที่น่ารังเกียจแถมพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงสัมผัสกับโรคมากขึ้น

แต่มีวิธีมองอีกแบบหนึ่งซึ่งน่าจะมองแบบนี้กันมากๆ คือ มองว่าเราอาจจะมีเชื้อก็ได้ ถ้าเรามองว่าเราอาจจะมีเชื้ออยู่ การที่จะมองคนอื่นเป็นลบก็หายไป การที่มองคนอื่นว่าเป็นภัยคุกคามนานเข้าก็จะหายไป แทนที่จะรู้สึกลบกับคนรอบข้าง กลับจะรู้สึกห่วงใยว่าเขาอาจจะติดจากเรา มันเปลี่ยนไปเลย กับแทนที่กลัวว่าเขาจะเอาเชื้อมาให้เรา กลายเป็นว่าเราอาจจะทำให้เขาติดเชื้อ ความห่วงใยดีกว่าความรู้สึกหวาดระแวง ห่วงใยว่าเราจะทำให้เขาติดเชื้อหรือห่วงใยว่าเราจะเป็นคนแพร่เชื้อ ดีกว่าความรู้สึกโกรธหรือกลัวว่าเขาจะเอาเชื้อมาให้เรา พอเราเกิดความห่วงใยขึ้นมา เราก็จะระมัดระวังตัว แทนที่เราจะเรียกร้องให้เขา เราเองเรียกร้องตัวเองให้อยู่ห่างจากคนอื่น มันเปลี่ยนไปเลย ท่าทีอย่างนี้

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรจะมีมาก ๆ คือ ความคิดว่าเราอาจจะติดเชื้อหรือมีเชื้ออยู่ในตัว เป็นท่าทีที่ดีกว่าการที่ไปมองว่าคนอื่นแพร่เชื้อมาสู่เรา ถ้าเราคิดว่าเราอาจจะมีเชื้อที่สามารถนำไปสู่คนอื่นได้ เราก็จะดูแลตัวเอง ระมัดระวังตัวเอง ไม่ไปอยู่ใกล้ใครเกินไปเพราะจะไปทำให้เขาติดเชื้อก็ได้ เราก็จะเก็บตัว ไม่ออกไปเพ่นพ่าน เพราะกลัวว่าเชื้อที่อยู่กับเราอาจจะไปติดคนอื่น แพร่กระจายขยายวงกว้างมากขึ้น เราจะไม่ทำตัวให้เป็นปัญหากับคนอื่น อันนี้ดีกว่า คนเราถ้ามองคนอื่นเป็นปัญหา เราจะรู้สึกลบกับเขาได้ง่าย แต่ถ้าเรามองว่าเราอาจจะเป็นปัญหา เราก็จะระมัดระวังตัว เราอาจจะดูแลตัวเอง

เหมือนกับเวลามีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ขัดแย้งกัน ถ้าเราไปคิดว่าเขาไม่เข้าใจเรา เราก็จะพยายามเรียกร้องให้เข้าใจเราให้ได้ แต่ถ้าเราคิดว่าเราไม่เข้าใจเขาก็ได้ มันก็ทำให้เราเปิดใจฟังเขามากขึ้น หรือพยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง คนเรามีปัญหากันแล้วความขัดแย้งลุกลาม เพราะมักคิดว่าคนอื่นเป็นตัวปัญหา คุณก็ไม่เข้าใจเราหรอก แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองว่าเราอาจจะเป็นตัวปัญหา ไม่เข้าใจเขาก็ได้ อันนี้ดีกว่า เพราะจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงตัวเองมากกว่า โรคโควิทที่กำลังระบาดนี้ก็เหมือนกัน อย่าไปมองว่าคนอื่นนำเชื้อมา อย่าไปคิดว่าคนรอบตัว โดยเฉพาะคนแปลกหน้าเขามีเชื้อ เรานั่นแหล่ะอาจจะมีเชื้อก็ได้ ทำให้เรามีความรู้สึกนึกคิดในทางที่เป็นกุศลมากขึ้น แล้วก็ใส่ใจ ระมัดระวังตัวเองมากกว่าที่จะไปเรียกร้องว่าคนอื่น มองเขาเป็นภัยกับเรา

ตอนนี้เราทราบกันดีว่า โรคโควิดระบาดแพร่ไปไกล รุนแรงขึ้น โรคนี้น่ากลัวมาก ถึงแม้ว่าอัตราการตายจะน้อยกว่าโรคอื่นๆอย่างอีโบลา เมอสร์ หรือว่าซาร์ ซาร์มีอัตราการตายประมาณ 10% หมายความว่าป่วยร้อยตายสิบ เมอสร์ตาย 30 % ป่วยร้อยตาย 30 แต่อีโบลานั้นครึ่ง ๆ ทีเดียว ถึงแม้โควิทอัตราการตาย 1% โอกาสรอดมีมากแต่ในแง่ความน่ากลัวมีมากเพราะติดง่าย มันซ่อนตัวได้แนบเนียน คนติดเชื้อยังไม่รู้เลยว่ามีเชื้ออยู่ในตัว จนกระทั่งเริ่มมีอาการผ่านไป 3 - 4 วัน

แต่มีความน่ากลัวอีกอย่างคือ ใครเป็นแล้วเป็นหนักนั้นจะรู้สึกโดดเดี่ยวมาก คนที่เป็นมะเร็งใกล้ตายหรือตอนที่อาการหนักก็ยังมีญาติมิตรมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ แต่ว่าคนที่ป่วยด้วยโรคโควิทจะทำอย่างนั้นไม่ได้เลย ไม่มีสิทธิ์เลย ยิ่งอาการหนัก ญาติมิตร ลูกหลานจะถูกกันออกไปให้ไกล เผลอๆญาติมิตรลูกหลานนั้นเองต้องกักตัวด้วยซ้ำเพราะอาจจะติดเชื้อจากคนป่วย

ฉะนั้น คนป่วยแล้วตายด้วยความรู้สึกไม่ใช่แค่ทรมานกายเท่านั้น มันทุกข์ใจด้วยเพราะว่าเหงาโดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่มีคนใกล้ชิดอยู่ใกล้ จนกระทั่งวาระสุดท้าย

มีสับปะเหร่อชาวอิตาลีคนหนึ่งพูดได้ดีว่า โรคนี้มันฆ่าคน 2 ครั้ง ครั้งแรก มันทำให้ป่วยหนัก แล้วขณะป่วยหนัก ญาติมิตรถูกกันให้ออกห่าง ฉะนั้น จึงป่วยด้วยความว้าเหว่ และเมื่อตายก็ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง ครั้งที่สอง เมื่อตายแล้ว ลูกหลาน ญาติมิตรก็ไม่สามารถจะมาส่งหรือว่ามานำพาไปสู่สวรรค์ได้ เพราะทันทีที่ตายนั้น เขาไม่อนุญาตให้ลูกหลานญาติมาดูศพ หรือว่ามาร่ำลาแสดงความอาลัย ต้องเอาศพใส่ห่อทันที เพราะเห็นว่าแม้เชื้อไม่แพร่แล้วหลังจากที่คนตาย ตายแล้วนี่เชื้อไม่แพร่แล้ว แต่เชื้อยังติดอยู่ตามเสื้อผ้า ถ้าใครอยู่ใกล้อาจจะติดเชื้อได้ ตายปุ๊บจึงต้องรีบเอาศพใส่ห่อทันที ลูกหลานจะมาดูหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ทำไม่ได้เลย

อันนี้เรียกว่า ฆ่า 2 ครั้ง มันทำร้ายจิตใจลูกหลานญาติมิตรมาก คนรักตัวเองป่วยก็ไม่สามารถจะมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ ไม่สามารถจะมาสั่งเสีย ขอขมาหรือบอกความในใจได้ คนป่วยก็สั่งเสียอะไรไม่ได้ เพราะใครๆ ก็ถูกกันออกไปหมดเหลือแต่หมอกับพยาบาล ตอนตายก็ตายโดดเดี่ยว ตายไปแล้วยังไม่มีพิธีศพ ไม่มีลูกหลานมาดูหน้า ถ้าเป็นบ้านเราก็คงจะไม่มีโอกาสได้รดน้ำศพ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเขาตายจากไป จะทำอะไรกับศพนั้นไม่ได้เลยเช่น มาตกแต่งศพ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูดี หวีผมแต่งหน้าแต่งตาก่อนที่จะไปสู่ปรโลกก็ทำไม่ได้

สัปเหร่อก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เขาบอกว่าหน้าที่อันหนึ่งที่เขาอยากทำคือเยียวยา บรรเทาความทุกข์ของญาติมิตรผู้สูญเสีย แต่ว่าตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว จะหวีผมแต่งหน้าศพ เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก็ไม่ได้ ต้องเอาศพใส่ห่อทันทีแล้วเอาเข้าโลง พอถึงพิธีศพก็ไม่มีอะไรมาก ลูกหลานญาติมิตรจะมาร่วมก็ไม่ได้ ถูกกันออกไป แต่ที่จริงลูกหลานญาติมิตรอาจจะถูกกักตัวแล้วก็ได้ เพราะว่าติดเชื้อจากผู้ป่วยหรือผู้ตาย มันต้องถูกแยกจากกันอย่างชัดเจน หรือบางทีญาติมิตรอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้กับผู้ป่วย ซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ตาย อาจจะมาจากเมืองอื่น แต่ก็มาร่วมพิธีไม่ได้เพราะเขากันเอาไว้ จะคุยกับสัปเหร่อก็ต้องคุยผ่านกำแพง เพราะอยู่ใกล้ญาติมิตรลูกหลานไม่ได้ เพราะสัปเหร่ออาจจะติดเชื้อไปด้วย เพราะว่าทำอะไรที่เกี่ยวกับศพก็มีสิทธิ์ที่จะติดเชื้อได้ สัปเหร่อก็ไม่ปลอดภัย

นี้คือบรรยากาศที่เกิดขึ้นในอิตาลี ซึ่งตอนนี้คนตายไป ๗ พันแล้ว ก่อนตายก็โดดเดี่ยว ตอนตายก็ไร้ญาติมิตรมาบอกทาง หรือว่ามาเป็นกำลังใจ ตายแล้วก็ไม่มีพิธีที่จะทำให้เกิดความรู้สึกบรรเทาคลี่คลายความทุกข์ ตอนตายก็โดดเดี่ยว งานศพก็โดดเดี่ยว เกิดขึ้นในหลายประเทศแล้ว สเปนด้วย

ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นในเมืองไทยไหมในบรรยากาศแบบนี้ ตอนนี้คนไทยตายแล้ว 4 คน ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ต่อไปก็เป็นร้อย แล้วบรรยากาศก็คล้ายๆกัน คือ ป่วยอย่างโดดเดี่ยว ตายโดยไร้ญาติ ญาติมิตรไม่สามารถจะมาร่ำลาอาลัยกับศพได้ ไม่สามารถจะมาเห็นหน้าศพเป็นครั้งสุดท้าย เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวให้ดูดีไม่ได้ ต้องถูกกันออกไป ถ้ามันเกิดขึ้นแบบนี้ในเมืองไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คงสร้างความรู้สึกที่ปวดร้าวทั้งกับผู้ป่วยแล้วก็ผู้ที่ยังอยู่

หวังว่าเมืองไทยจะไม่เจอเหตุการณ์อย่างที่เกิดขึ้นในอิตาลี ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในการมีวินัยในการดูแลตัวเองด้วย โดยเฉพาะถ้าทุกคนตระหนักว่า เราอาจจะเป็นผู้ติดเชื้อก็ได้ แล้วเราก็จะต้องเก็บตัวเอง ไม่ไปอยู่ใกล้กับคนรอบข้าง รู้จักเว้นระยะห่าง ถ้ามีอาการขึ้นมาก็ต้องกักบริเวณตัวเอง ถ้ายังไม่มีอาการก็เก็บตัวในบ้าน เพ่นพ่านให้น้อยลง ถ้าทุกคนทำกันอย่างนี้ มันก็มีโอกาสที่เราจะไม่ได้เป็นอิตาลี







  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2020, 08:54:49 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด



   ความกลัว เชื้อ COVID-19   



ดังนั้น นอกจากไม่ให้ เชื้อ COVID-19 เข้าสู่ร่างกายเราแล้ว ต้องระวังไม่ให้ความกลัว ตื่นตระหนก เข้าสู่จิตใจเราด้วย ตรงนี้ต้องช่วยกันทำ แสดงความเสียสละ เอื้อเฟื้อ เช่นไปเป็นจิตอาสาที่โรงพยาบาล อย่างตอนที่เหตุเกิดที่อู่ฮั่น ก็มีข่าวเรื่องราวดีๆ ของคนที่เสียสละ พาพยาบาลไปส่งที่บ้าน ให้เขาได้มีเวลาพัก และพากลับมาที่โรงพยาบาล ขับรถทั้งวันทั้งคืน เพื่อช่วยคนเหล่านี้ ให้เขาได้พักผ่อน และได้ทำหน้าที่ พอมีคนที่ หนึ่ง ก็มีคนที่สอง ที่สาม มาช่วยขับรถ จนกระทั่งหลายสิบ มันก็มีเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น

มันก็ช่วยเตือนสติ ให้กับคนที่เห็นแก่ตัวเอง ว่าในยามนี้ เราต้องช่วยกันนะ เปลี่ยนบรรยากาศของความเป็นแก่ตัว ให้เรามาเอื้อเฟื้อกัน คือคล้ายกับว่า เราพยายาม สร้างบรรยากาศ เพื่อกระตุ้นความไฝ่ดีในใจคนออกมา มันก็จะเกิดความรู้สึกอยากจะเสียสละบ้าง


พระไพศาล วิสาโล





  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2020, 09:03:23 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #656 เมื่อ: มีนาคม 31, 2020, 07:01:39 am »






เดี๋ยวนี้เวลาทำบุญให้ทาน ผู้คนมักนึกถึงโชคลาภและความมั่งมี หรือ “สวย รวย ฉลาด สมปรารถนา” แม้นั่นเป็นอานิสงส์อย่างหนึ่งของทาน แต่หาใช่อานิสงส์สูงสุดของทานไม่

ประโยชน์สูงสุดที่สามารถเกิดได้จากทานก็คือ การคลายความยึดมั่นในตัวกู ของกู หรือการลดละความโลภ หากให้ทานโดยยังหวังได้โชคลาภ ก็ไม่ช่วยให้บรรลุถึงประโยชน์ดังกล่าวเลย เพราะยังเป็นการให้ที่เจือด้วยความโลภอยู่

นอกจากการให้ทรัพย์สมบัติแล้ว เราควรให้อย่างอื่นที่มีคุณค่าด้วย เช่น เวลา กำลังกาย และสติปัญญา การช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก แม้บางครั้งต้องประสบกับความเหน็ดเหนื่อย ไม่สะดวกสบาย แต่กลับสัมผัสได้ถึงความสุขใจ

ความปีติและความแช่มชื่นภายใน เป็นสุขที่ประณีตกว่าความสุขหรือความสนุกจากการเสพ

ใช่หรือไม่ว่า เมื่อเรานึกถึงตัวเองน้อยลง คิดถึงผู้อื่นมากขึ้น เราจะมีความสุขได้ง่ายขึ้น

อาสาสมัครนวดเด็กคนหนึ่งเล่าว่า เธอเป็นไมเกรน ต้องกินยาทุกวัน แต่หลังจากที่เป็นจิตอาสาได้ไม่นาน อาการปวดก็หายไปจนเธอลืมกินยาไปเลย ส่วนผู้เฒ่าคนหนึ่งเปิดใจว่า หลังจากที่ได้เป็นอาสาสมัครแยกขยะ เขารู้สึกว่าตนเองเป็น “ขยะคืนชีพ” ไม่รู้สึกว่าไร้ค่าเหมือนตอนที่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในบ้าน

น้ำที่ไม่ถ่ายเทย่อมกลายเป็นน้ำเน่า ชีวิตที่ไม่รู้จักให้คือชีวิตที่หม่นหมองไร้สุข ความสุขที่แท้มิได้เกิดจากการเสพหรือการมีมากๆ แต่อยู่ที่การสละออกไป เริ่มจากสละวัตถุสิ่งของ ไปจนถึงสละความยึดติดถือมั่นในตัวตน สละได้มากเท่าใด ก็ช่วยให้เราอยู่ในโลกนี้อย่างผาสุกมากเท่านั้น อีกทั้งยังทำให้เราจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบสุขด้วย


ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล








  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/


ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด





ตัวอยู่บ้าน ใจอยู่ปัจจุบัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2020, 09:16:52 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด




   "สิ่งเดียวที่จัดการได้คือใจของเรา"   


เมื่อหลายสิบปีก่อนนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำเคยมีความมั่นใจว่าจะเอาชนะเชื้อโรคทั้งหลายได้ ผู้คนจะไม่ล้มป่วยเพราะโรคติดเชื้ออีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นเชื้อโรคทั้งหลายอาจจะสูญพันธุ์ไป เช่นเดียวกับไข้ทรพิษ ทั้งนี้ก็เพราะเรามีวัคซีน ยาปฏิชีวนะ รวมทั้งยานานาชนิดที่จะพิชิตโรคเหล่านี้ได้อย่างเด็ดขาด แต่มาถึงวันนี้เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าโลกที่ปลอดเชื้อโรคนั้นเป็นไปไม่ได้ เชื้อโรคทั้งหลายฉลาดกว่าที่เราคิดมาก มันสามารถวิวัฒน์พัฒนา จนยาที่แรงที่สุดทำอะไรมันแทบไม่ได้เลย นอกจากผู้คนยังจะต้องล้มตายเพราะโรคเก่า ๆ ที่เรารู้จักดีแล้ว ยังจะมีโรคใหม่ ๆ ที่ผลัดกันมาสร้างปัญหาแก่คนทั้งโลก ไม่ว่า เอดส์ ซาร์ส อีโบล่า เมอร์ส ซิก้า และล่าสุดคือโคโรนาไวรัส

เชื้อโรคคือสิ่งที่คงอยู่คู่มนุษย์ฉันใด ความทุกข์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันนั้น โลกที่ปลอดเชื้อและชีวิตที่ปลอดทุกข์ เป็นได้แค่ความฝันที่มิอาจเป็นจริง อย่างไรก็ตามแม้รอบตัวเราจะเต็มไปด้วยเชื้อโรค แต่ร่างกายเราก็เป็นปกติสุขอยู่ได้ ไม่ล้มหมอนนอนเสื่อ ในทำนองเดียวกัน แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยความทุกข์ แต่จิตใจเราก็สงบเย็นเป็นสุขได้ ร่างกายของเราไม่เจ็บป่วยไม่ใช่เพราะไม่มีเชื้อโรค แต่เป็นเพราะรู้จักรับมือกับเชื้อโรค ฉันใดก็ฉันนั้น จิตใจเราไม่เป็นทุกข์ไม่ใช่เพราะทุกอย่างราบรื่น แต่เป็นเพราะเราวางใจเป็นเมื่อเจอทุกข์

กายป่วย แต่ใจไม่ป่วยก็ได้ เสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสียก็ได้ เมื่อเจอความล้มเหลว ก็ล้มเหลวแต่งานส่วนใจไม่ล้มเหลว แถมยังได้บทเรียนและเกิดปัญญาเป็นกำไร นั่นเป็นเพราะเรารู้จักมอง ยอมรับมัน ไม่ปฏิเสธผลักไส หรือเอาแต่คร่ำครวญ ตีโพยตีพาย รวมทั้งรู้จักปล่อยวาง ทุกข์นั้นไม่เป็นปัญหา ถ้าเราไม่แบกมัน เช่นเดียวกับก้อนหินจะหนักต่อเมื่อเราแบก คำต่อว่าด่าทอทำอะไรเราไม่ได้ หากเราไม่ถือ คำตำหนิแม้เพียงเล็กน้อย ถ้าเราถือเมื่อใด ก็รุ่มร้อนหรือขึ้งเครียดเมื่อนั้น

เป็นเพราะใจเราเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ ไม่ถูก เมื่อเจอทุกข์ จึงเป็นทุกข์ แต่ถ้ารู้จักรับมือกับสิ่งต่าง ๆ เจอทุกข์ ใจก็ไม่ทุกข์ ใจเราจะฉลาดในการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ได้ก็เพราะมีการฝึกฝนจนแคล่วคล่อง ถ้าปรารถนาความสุข ก็ต้องให้ความสำคัญกับการฝึกฝนใจ ดังมีพุทธภาษิตว่า “จิตที่ฝึกฝนดีแล้ว นำสุขมาให้”


พระไพศาล วิสาโล

เครดิตภาพวาด ผีบ้า ไซคีเดลิค







  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ

และ เครดิตภาพวาด ผีบ้า ไซคีเดลิค


https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2020, 09:11:54 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14200
    • ดูรายละเอียด




     โควิดจะอยู่หรือไป ใจต้องมีสติ 


“สิ่งต่างๆที่เราเคยเจอะเจอมาก่อนปรากฏการณ์โควิด เราก็ยังจะต้องเจออีกเหมือนเดิม รวมทั้งความทุกข์ต่างๆที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต โควิดหายไป โคโรนาไวรัสถูกกำราบเราก็ยังต้องเจอสิ่งที่ไม่น่ารักไม่พอใจเหมือนเดิม ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจเช่นเคย จะเจอคำติฉินนินทาคำต่อว่าด่าทอเหมือนเดิม จะเจองานการที่ไม่ถูกใจ เจออุปสรรคที่ทำให้ชีวิตขลุกขลัก ของรักสูญหาย คนรักตายจาก พวกนี้ก็ยังต้องผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา อาจจะไม่เคยผ่านมาในบางเรื่อง ไม่เคยเกิดขึ้นกับเราในอดีต แต่ว่าต่อไปก็ต้องเจอ อย่างที่เราสวดมนต์กันทุกเช้า เราทั้งหลายเป็นผู้ที่มีความทุกข์หยั่งเอาแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ที่จริงไม่ใช่เฉพาะความทุกข์ ความสุขก็รออยู่ข้างหน้าเหมือนกัน แต่ทั้งหมดทั้งปวง มันก็ไม่เที่ยงเหมือนกับโควิดมันก็ไม่เที่ยง”


พระไพศาล วิสาโล







  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2020, 04:46:58 pm โดย ยาใจ »