ผู้เขียน หัวข้อ: *รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล  (อ่าน 309967 ครั้ง)

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด




  คืนความสุขให้ชีวิต

ทุกวันนี้เรามัวแต่เลือกสิ่งที่ไม่เป็นสาระ

เลือกสิ่งที่ไม่สำคัญกับชีวิตมามากพอแล้ว

ถึงเวลาที่เราจะหันมาเลือกสิ่งที่เป็นสาระสำคัญของชีวิต

อะไรจะสำคัญไปกว่าการเลือกว่าจะทุกข์หรือไม่ทุกข์


พระไพศาล วิสาโล








  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2020, 06:44:17 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด




  จิตเบิกบาน งานสัมฤทธิ์ 



ใจของเรานั้นมีทั้งพลังบวกและพลังลบ พลังลบอันได้แก่ความโกรธ เกลียด เครียด ท้อ นั้นล้วนมีที่มาจากอัตตาหรือความเห็นแก่ตัว ส่วนพลังบวก คือความรัก ความเมตตา ความเสียสละ ล้วนมีมโนธรรมเป็นบ่อเกิด ทั้งอัตตาและมโนธรรมนั้นเป็นพลังที่ขับเคลื่อนชีวิตเรา และอยู่เบื้องหลังความทุกข์และความสุขของมนุษย์ทุกคน

การมองเห็นว่ามนุษย์มีแต่ความเห็นแก่ตัว ทำให้เรามองคนอื่นในแง่ลบ ขณะเดียวกันก็ทำให้เราละเลยที่จะดึงเอาพลังบวกมาหล่อเลี้ยงชีวิตจิตใจ กลับปล่อยให้พลังลบครองใจ จึงรู้สึกรุ่มร้อนหรือเป็นทุกข์อยู่เนือง ๆ ขณะเดียวกันความสัมพันธ์กับผู้อื่นก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งและร้าวฉาน เมื่อใดที่เราตระหนักว่ามนุษย์ทุกคนมีพลังบวกอยู่ด้วย ไม่เพียงวิถีแห่งความสุขภายในจะปรากฏแก่เราเท่านั้น เรายังเห็นถึงความสำคัญในการทำความดีหรือมีน้ำใจต่อผู้อื่น แม้แต่ผู้ที่ชอบเอาเปรียบเบียดเบียน เพราะความดีของเรานั้นสามารถกระตุ้นพลังบวกในใจเขาให้มีพลังจนสามารถชนะความเห็นแก่ตัวได้

พลังบวกมิได้หมายถึงคุณธรรมหรือความใฝ่ดีเท่านั้น หากยังรวมถึงความตื่นรู้ อิสระ โปร่งโล่ง ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า โพธิจิต เป็นภาวะที่ว่างจากความยึดติดถือมั่นในตัวตน ทำให้เกิดความสงบเย็นและเป็นสุขอย่างแท้จริง ภาวะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้และหล่อเลี้ยงใจเป็นครั้งคราว ซึ่งท่านพุทธทาสภิกขุเรียกว่า “นิพพานชิมลอง” การประสบสัมผัสกับภาวะดังกล่าวช่วยให้เรามีพลังในการทำความดีอย่างเบิกบาน อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ตลอดจนสามารถเผชิญกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิตหรือแรงบีบคั้นต่าง ๆ นานาได้อย่างไม่หวั่นไหว พูดง่าย ๆ คือ แม้ถูกกระทบ แต่ใจไม่กระเทือน


พระไพศาล วิสาโล







  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2020, 06:44:47 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด
“ก้าวข้ามความจำเจ” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #677 เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2020, 05:25:56 am »



     ก้าวข้ามความจำเจ 

เมืองไทยกำลังก้าวสู่ยุค 5 G นั่นหมายความว่า ชีวิตเราจะมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น เพราะเทคโนโลยีจะมีสมรรถภาพ (หรือ “ฉลาด”)มากขึ้น การติดต่อสื่อสารทำได้รวดเร็วขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันชีวิตเราก็จะต้องเร่งรีบยิ่งกว่าเดิม และถูกรุมเร้าด้วยข้อมูลข่าวสารมากมาย แม้ทุกวันนี้เรายังอยู่ในยุค 4 G หลายคนก็พบว่าชีวิตมีเวลาว่างน้อยลง มีความเหนื่อยล้าและความเครียดมากขึ้น เพราะวิ่งตามโลกไม่หยุด และคิดไม่เลิก จนไม่ได้พักทั้งกายและใจ

เทคโนโลยีแม้ช่วยให้ชีวิตเรามีความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งช่วยทุ่นเวลาและทุ่นแรงของเราได้มาก แต่บ่อยครั้งเรากลับเสียเวลาและพลังงานมากมายไปกับมัน จนมีเวลาว่างน้อยลงและเหนื่อยล้ามากขึ้น แทนที่มันจะช่วยให้เราเป็นอิสระมากขึ้น เรากลับพึ่งพิงมัน จนขาดมันไม่ได้ ผลก็คือแทนที่เราจะเป็นนายมัน มันกลับเป็นนายเรา เราต้องทุ่มเทสิ่งสำคัญต่าง ๆ ในชีวิตเพื่อมัน รวมทั้งละทิ้งสิ่งมีค่าหลายอย่างในชีวิตเพื่อมัน

โทรศัพท์มือถือเป็นตัวอย่างของเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตของเรา จนกล่าวกันว่ามันได้กลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของคนยุคนี้ไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังต่างจากอวัยวะของเรา เพราะแม้ขาดมัน เราก็ยังอยู่ได้เป็นปกติ อันที่จริง ถ้าอยากให้ชีวิตและจิตใจของเราเป็นปกติสุข เราควรห่างมันหรือวางมันลงบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยให้เรามีเวลาว่างมากขึ้น หรือมีเวลาให้กับคนสำคัญในชีวิต เช่น พ่อแม่ ลูกหลาน คนรัก รวมทั้งมีเวลาให้กับสิ่งสำคัญในชีวิต เช่น การฝึกจิต เติมความสงบให้แก่ใจ

แม้ว่าการอยู่ห่างจากโทรศัพท์ รวมทั้งเทคโนโลยีชนิดอื่น ๆ อาจทำให้ชีวิตมีรสชาติหรือความสนุกสนานตื่นเต้นน้อยลง ยิ่งเอาเวลาที่เคยให้กับโทรศัพท์มาใช้ในการฝึกจิต ทำสมาธิภาวนาด้วยแล้ว ชีวิตก็ยิ่งจืดชืด เพราะต้องทำสิ่งที่ซ้ำ ๆ ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า วันแล้ววันเล่า สำหรับหลายคน มันคือความทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง เพราะเคยชินกับชีวิตที่ถูกปลุกเร้าด้วยสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามในความซ้ำดังกล่าว มีคุณค่าหลายอย่างที่เรานึกไม่ถึง จะว่าไปแล้ว ในความซ้ำเหล่านั้น มีสิ่งใหม่อยู่เสมอ ไม่ใช่ความซ้ำซากจำเจ หากวางใจให้ถูก อยู่กับปัจจุบันขณะ ทำด้วยความรู้สึกตัว เราก็จะพบคุณภาพใหม่ที่เกิดขึ้นกับจิตใจ ชนิดที่เทคโนโลยีใด ๆ ก็ไม่สามารถให้แก่เราได้


พระไพศาล วิสาโล







  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2020, 07:20:24 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด



  เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม


ความทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น แต่เมื่อความแก่ ความเจ็บ ความพลัดพราก ความล้มเหลวบังเกิดขึ้น ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเศร้าโศก เสียใจ อาลัยอาวรณ์ ขุ่นเคือง ท้อแท้ หรือจมอยู่กับความตกต่ำย่ำแย่เสมอไป เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเป็นอุปกรณ์สอนธรรม ฝึกใจเราให้เข้มแข็ง เตือนให้ไม่ประมาทกับชีวิต อีกทั้งยังเปิดใจให้เห็นสัจธรรมได้ด้วย

ความทุกข์ไม่เพียงผลักดันให้เราเข้าหาธรรม หากยังแสดงธรรมให้เราเห็น เพราะทุกข์ก็คือธรรมนั้นเอง สัจธรรมที่ช่วยให้พ้นทุกข์นั้นล้วนอยู่ในสิ่งที่เราเรียกว่าทุกข์ แต่เป็นเพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเจอทุกข์แล้วมักปล่อยใจให้เป็นทุกข์ จึงถูกทุกข์กระทำย่ำยี อันที่จริง ทุกข์นั้นหากเราดูมันด้วยสติ พิจารณาด้วยปัญญา ก็สามารถเห็นธรรมที่ช่วยให้จิตเป็นอิสระจากทุกข์ได้ เพราะกุญแจที่ไขไปสู่ความพ้นทุกข์ก็อยู่ในทุกข์นั้นเอง ทุกข์จึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความพ้นทุกข์

ปราศจากโคลนตม ดอกบัวอันงดงามย่อมมิอาจเกิดขึ้นได้ฉันใด ปราศจากความทุกข์ ปัญญาหรือความรู้แจ้งก็มิอาจเกิดขึ้นได้ฉันนั้น ดังนั้นเมื่อประสบทุกข์จึงไม่ควรตีโพยตีพาย หรือปล่อยใจให้จมอยู่ในความทุกข์ แทนที่จะเป็นผู้ทุกข์ พึงถอยออกมาเห็นทุกข์ ทุกข์จะกลายเป็นธรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง


พระไพศาล วิสาโล








  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2020, 07:21:11 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด



     ความสุขอยู่ที่ใจ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ  


ธรรมนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง มิได้จำกัดอยู่แต่ในวัด คัมภีร์ หรือคำเทศนาเท่านั้น แต่มีสถานที่บางแห่งที่เอื้อให้เราเห็นธรรมได้ง่ายขึ้น เช่น ป่าเขาลำเนาไพร ทั้งนี้เพราะความสงบสงัดช่วยน้อมใจเราให้สงบ สามารถเห็นกายและใจตามความเป็นจริงได้ชัดขึ้น ขณะเดียวกันวัฏจักรของธรรมชาติรอบตัว ก็แสดงสัจธรรมให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ทำใจให้ว่าง อยู่กับปัจจุบัน ธรรมก็ปรากฏให้เห็นผ่านต้นไม้ สายน้ำ ขุนเขา และสิงสาราสัตว์

เมื่อพาตัวมาอยู่ท่ามกลางป่าเขา เราย่อมมิอาจพึ่งพาความสุขและความสะดวกสบายซึ่งมีอยู่อย่างครบครันจากชีวิตในเมืองได้อีกต่อไป นั่นคือโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และเข้าถึงความสุขจากชีวิตที่เรียบง่าย รวมทั้งความสุขจากใจของเรา ความสุขนั้นมีอยู่แล้วกลางใจเรา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนัก เพราะมัวเพลิดเพลินกับความสุขจากวัตถุสิ่งเสพภายนอก วิถีชีวิตที่ดึงจิตออกนอกตัวตลอดเวลา จนรู้สึกแปลกแยกกับตัวเอง ยิ่งทำให้ผู้คนตัดขาดจากความสุขด้านใน อันเป็นความสุขที่ประณีตลึกซึ้ง ผลก็คือผู้คนพากันพึ่งพิงวัตถุสิ่งเสพจนขาดอิสรภาพ ต่อเมื่อตระหนักและสัมผัสได้ถึงความสุขกลางใจ เราจึงจะมีอิสรภาพอย่างแท้จริง

การหาเวลาปลีกตัวมาอยู่กลางป่าเพื่อเปิดใจสัมผัสธรรมและความสุขภายใน เป็นการให้รางวัลแก่ตนเองอีกอย่างหนึ่ง ที่เรามิพึงมองข้าม ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้เราเรียนรู้ที่จะมีความสุขในทุกที่ เห็นธรรมในทุกสถาน ถึงตอนนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่เรา ใจก็เป็นปกติอยู่ได้ เพราะเห็นถึงความเป็นธรรมดาของมัน ถึงแม้จะเป็นความเจ็บป่วย ความพลัดพรากสูญเสีย หรือความตายก็ตาม


พระไพศาล วิสาโล







  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2020, 06:45:46 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด



  พลิกจิต ชีวิตเปลี่ยน



ผู้คนทุกวันนี้ส่วนใหญ่ทุกข์เพราะความคิด แม้มีมากมายเพียงใด หากมัวนึกถึงแต่สิ่งที่ตนยังไม่มีหรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่สูญเสียไป ก็ไม่มีความสุข ไม่ว่าได้มาเท่าไร ถ้าเห็นคนอื่นมีมากกว่า ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ถึงจะได้โชคลาภ แต่ถ้าคิดว่าตนน่าจะได้มากกว่านั้น ใจก็พลันขุ่นมัว ในทางตรงข้าม แม้จะมีน้อย แต่หากชื่นชมและเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตนมี ใจก็เป็นสุข แม้เจ็บป่วย แต่รู้จักมองแง่บวก ก็สามารถยิ้มได้ มีเหตุร้ายมากระทบ แต่ถ้ามีสติและปัญญา ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้

เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปดั่งใจได้ อีกทั้งไม่สามารถปกป้องมิให้อันตรายหรือความสูญเสียเกิดขึ้นกับเราได้แม้แต่น้อย แต่เราสามารถปรับใจของเราให้เป็นสุขได้แม้ทุกข์มากระทบ ชีวิตที่มืดมนและสิ้นหวัง สามารถกลายเป็นชีวิตที่สว่างไสวและเบิกบานได้ ไม่ใช่เพราะลาภ ยศ สรรเสริญ และความสำเร็จหลั่งไหลมา แต่เป็นเพราะจิตพลิกเปลี่ยนต่างหาก การฝึกฝนพัฒนาจิตจึงเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ชีวิตที่ผาสุกและเจริญงอกงาม

พระไพศาล วิสาโล










  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2020, 04:22:34 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด




  ธรรมะเรื่องใหญ่   ทำใจเรื่องเล็ก 


ผู้คนทุกวันนี้มีชีวิตที่สะดวกสบายมากกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่ความทุกข์หาได้ลดลงไม่ กลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เมื่อใคร่ครวญให้ดีจะพบว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนใหญ่หาใช่ความทุกข์กายไม่ แต่เป็นความทุกข์ใจ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประสบพบเหตุที่ไม่พึงประสงค์ แม้กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราทุกคนจะต้องเป็นทุกข์เมื่อประสบเหตุดังกล่าวเสมอไป มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใจยังเป็นปกติหรืออาจยิ้มได้ด้วยซ้ำเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตน อะไรทำให้เขาไม่เป็นทุกข์ คำตอบก็คือ เป็นเพราะเขารู้จักวางใจ หรือ “ฉลาดทำใจ”

ด้วยเหตุนี้ในระยะหลังเราจึงได้ยินคำแนะนำเรื่องการ “ทำใจ” มากขึ้น โดยเฉพาะในยามที่เกิดความสูญเสียพลัดพรากหรือเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย อย่างไรก็ตามหลายคนพบว่าการทำใจเป็นเรื่องยากมาก เข้าทำนอง “พูดง่ายแต่ทำยาก” ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ได้ฝึกฝนในด้านนี้จนเป็นนิสัย ใจจึงไม่น้อมตาม หาไม่ก็เป็นเพราะจิตใจถูกครอบงำหรือท่วมท้นด้วยความทุกข์ จึงไม่สามารถออกมามองในมุมใหม่จนได้คิดหรือปล่อยวางความทุกข์ลงได้

แท้ที่จริงการที่คนเราจะออกจากทุกข์ได้ สิ่งสำคัญก็คือการเข้าใจความจริงอย่างลึกซึ้งและแจ่มแจ้ง อีกทั้งดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับความจริง หรือฝึกฝนตนให้มีชีวิตอย่างถูกทำนองคลองธรรม อาทิ การรู้จักแบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่น เอื้อเฟื้อส่วนรวม และการอบรมบ่มเพาะคุณภาพจิต ให้มีความสงบ ตื่นรู้ ลดละความเห็นแก่ตัว รวมทั้งมีปัญญาแลเห็นความจริงของสิ่งทั้งปวงจนตระหนักว่าไม่มีอะไรที่ยึดติดถือมั่นได้เลย นั่นก็คือวางใจอย่างสอดคล้องกับความจริง ไม่ขวางกระแสแห่งความจริงซึ่งเลื่อนไหลเป็นนิจ กล่าวอย่างสั้น ๆ ก็คือ เข้าถึงธรรม มีธรรมเป็นใหญ่ หรือ “ธรรมาธิปไตย” เมื่อเข้าถึงธรรม มีธรรมเป็นใหญ่ การทำใจอย่างถูกต้องก็จะเกิดขึ้นเอง และมีความไม่ทุกข์เป็นผลที่ตามมา

พระไพศาล วิสาโล









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2020, 04:00:53 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #682 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2020, 07:03:26 pm »





ที่ประเทศไต้หวันมีชายชราคนหนึ่ง เขาไปเป็นอาสาสมัครของฉือจี้เป็นมูลนิธิที่ใหญ่มากในไต้หวัน เรียกว่าเป็นสำนักก็ได้ เป็นสำนักที่มีคนนับถือ 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 4 ของประเทศไต้หวัน

ถ้าพูดถึงเงินทองเขาก็มีเยอะ เรียกว่ายิ่งใหญ่กว่าธรรมกายมาก แต่เขาเอาเงินนั้นไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ สร้างโรงเรียน สร้างมหาวิทยาลัย มีทั้งมหาวิทยาลัยแพทย์ หรือวิทยาลัยสอนพยาบาล ทำสถานีโทรทัศน์ที่มีชื่อ คนดูก็เรียกว่าทั่วโลกเลย เพราะคนไต้หวันกระจายไปทั่วโลก

แล้วเขายังทำสถานีแยกขยะ ป่านนี้คงจะประมาณ 10,000 แห่งแล้วกระมัง เมื่อ 10 ปีที่แล้วมีประมาณ 5,000 แห่ง แยกขยะทั่วประเทศก็อาศัยอาสาสมัครมาทำงาน อาสาสมัครเป็นคนอายุมากส่วนใหญ่เรียกว่าเป็นอาแปะ อาซิ้ม แต่พวกนี้ เคยเป็นวิศวกร เคยเป็นผู้จัดการ เคยเป็นสถาปนิก บางคนอาจเคยเป็นหมอ เกษียณแล้วก็มาเป็นอาสาสมัคร มีคนหนึ่ง พูดว่า “ผมนี่คือขยะคืนชีพ”

ขยะคืนชีพก็คือว่า ตอนที่เขาไม่ได้มาเป็นอาสาสมัครเขาอยู่บ้าน เกษียณแล้วก็อยู่บ้านมีกินมีใช้ ไม่ต้องให้ลูกเลี้ยง เงินที่ตัวเองสะสมหามาได้ก็มากพอ แต่มันเบื่อ คือชีวิตมันว่างเปล่าเหมือนกับเป็นขยะ

ถามว่าความสุขกายมีไหม? โอ้...มีเพียบ มีเงินจับจ่ายใช้สอยไปเที่ยวก็ได้ แต่รู้สึกตัวเองไร้ค่าเหมือนขยะ พอไปเป็นอาสาสมัครให้กับฉือจี้ วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรมาก อาจจะฉีกกระดาษเป็นแผ่น ๆ เพื่อไปใช้ในการรีไซเคิล หรือว่าดึงแยกหัวจุกขวดน้ำกิน แยกออกมาเพราะว่าเอาไปใช้ประโยชน์ได้ บางทีไปแยกเอาทองแดงจากเครื่องไฟฟ้าเก่า ๆ

นั่งยอง ๆ ทำงานตามกำลัง บางคนครึ่งวัน บางคนทำได้ทั้งวัน สถานีก็ไม่ได้ติดแอร์อะไรเลยอย่างมากก็มีพัดลม เขาก็มีความสุข กายอาจไม่ค่อยสุขเท่าไร เพราะว่าอย่างที่บอกทำงานเหมือนอยู่ในโกดัง แต่เขามีความสุขใจ สุขใจที่ได้ทำประโยชน์ ทำบุญ เอาเงินไปช่วยบำเพ็ญประโยชน์แล้วก็ช่วยโลกด้วย รีไซเคิลทำให้โลกนี้มีมลพิษน้อยลง เรียกว่าเป็นความสุขใจ เป็นความภาคภูมิใจ

ความสุขใจสามารถเกิดขึ้นได้จากการทำงาน ทำงานที่เป็นประโยชน์ไม่จำเป็นว่าต้องได้เงินเดือนหรือไม่ ไม่ได้เงินเดือนไม่มีค่าตอบแทน แต่ว่ามีความสุขใจเป็นความภาคภูมิใจ

อย่างพวกเราทำงานเป็นพยาบาล เรียกว่ามีโอกาสได้เก็บเกี่ยวความสุขจากการทำงาน ความสุขจากการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจให้สามารถทำงานไปได้อย่างต่อเนื่องและทำได้ดี หลายคนทำงานเพราะอยากได้เงิน เพราะว่าจะได้มีเงินเป็นเครื่องเลี้ยงชีพ จึงเรียกว่าอาชีพ แต่ว่าเงินก็เป็นแค่ผลตอบแทนที่มีคุณค่าน้อยกว่าความสุข ถ้าทำงานเพราะเงินก็จะไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงานเท่าไร แต่ที่ต้องทำก็เพราะเงิน

คนจำนวนมากทำงานแบบซังกะตาย ทำเพราะรอค่าจ้างรอเงินเดือน เช้าจรดเย็นก็ทำงานแบบเหนื่อย ๆ มีความหวังตอนเลิกงานได้ค่าจ้าง ตรงนั้นแหละมีความสุขสำหรับคนจำนวนหนึ่ง หรือว่ารอวันเงินเดือนออก แต่ตลอดทั้งเดือน 1 ถึง 30 ไม่ค่อยมีความสุข ทำงานแบบเหี่ยวเฉา เพราะเขาไม่สามารถหาความสุขจากงานได้ เขาทำงานเพื่อเงิน

แต่ถ้าเรารู้จักหาความสุขจากการทำงาน มันจะมีความสุขตั้งแต่วันแรกเลย ตั้งแต่วันที่ 1 หรือตั้งแต่วันจันทร์ ทำไปจนถึงศุกร์ก็จะมีความสุข ไม่ใช่รอความสุขเอาตอนเย็นวันศุกร์ คนเราถ้ามีความสุขจากการทำงาน ความซื่อสัตย์สุจริต ความตรงต่อเวลา หรือคุณธรรมที่เรียกร้องกันว่า ทำงานควรจะมีคุณธรรม มันมาเอง

ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

ที่มา https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-03-15-45-58.html









  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2020, 07:08:55 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด
*รวม * คติธรรม - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #683 เมื่อ: มิถุนายน 04, 2020, 07:08:30 pm »




เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งเขียนมาปรึกษา ผัวเพิ่นเป็นมะเร็งอาการหนักแล้ว ก็เหมือนกับรอวันตาย ตัวผู้หญิงนี่เอาแต่เศร้าเสียใจ แล้วถ้าสามีตาย ใครจะส่งเสียลูกชาย แล้วตัวเองจะอยู่ยังไง เพราะอาชีพการงานก็ไม่มี ไหนบ้านไหนรถที่ต้องผ่อนจะทำยังไง เมื่อคิดแบบนี้แล้วก็ห่อเหี่ยวท้อแท้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายผ่ายผอม

เขียนมาถามอาตมา อาตมาก็บอกว่า ก็เห็นใจ เห็นใจที่ต้องมาเจอแบบนี้ แต่อยากเตือนว่า สามียังไม่ตาย สามียังอยู่ แต่วันเวลาที่สามีจะอยู่กับเรามันก็จะหายไปเรื่อยๆ นี่คือ โอกาสทองที่เราจะทำความดีต่อกัน มีสุขร่วมกัน ถ้าไม่ทำวันนี้ วันหน้าอาจจะไม่ได้ทำ เขียนไปอย่างนี้ เพิ่นได้สติเลย บอกว่า ตอนนี้เริ่มมาดูแลตัวเองแล้ว เริ่มหันมากินมานอน และก็เริ่มจะใช้เวลาดูแลสามี ให้เขามีความสุข ทำความดีร่วมกัน

เราก็ได้ฟังจากเมื่อเช้านี่ พอรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่ง พอภรรยาป่วยเป็นมะเร็ง ก็ทำความดี เริ่มจากการบอกรัก บอกรักแล้วก็ปรนนิบัติภรรยา ฟัง รู้จักฟัง การฟังนี่มันก็ช่วยสมานใจให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ช่วยทำให้รักกันมากขึ้น เพราะทำให้รู้จักกันมากขึ้น

สิ่งที่เกิดขึ้นมาคืออะไร เกิดความสุข สุขกว่าตอนที่ภรรยายังไม่ป่วยเสียอีก พอภรรยาป่วย มันมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตหลายอย่าง มีความรักกันมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น และก็เห็นความดีของกันและกัน เจ้าตัวก็ทำตัวดีขึ้น รักตัวเองมากขึ้น รักตัวเองอย่างแท้จริง

อันนี้มันเป็นธรรมะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องของสามีภรรยา ที่อยู่ในโลก แต่ว่าที่เล่ามาเป็นธรรมะ ที่สอนให้เรารู้ว่า ความทุกข์เช่นความเจ็บป่วยนี่ มันก็สามารถทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้ ทำให้รักกันมากขึ้นได้ ทำให้เกิดสิ่งดีๆ กับชีวิต อันนี้เป็นการบำเพ็ญบารมีอย่างหนึ่ง มันเป็นข้อสอบ มันเป็นโจทย์ใหญ่ว่า เราจะไม่ใช่แค่ผ่านมันอย่างไร เรามาทำให้เกิดสิ่งดีงามขึ้นในชีวิตของเรา

คนเราถ้าจะทุกข์แล้ว อย่าทุกข์ฟรีๆ เวลาป่วยก็อย่าป่วยฟรีๆ หลายคนป่วยฟรีๆ ก็คือ เกิดความเจ็บความปวด นอนไม่หลับ ไม่ได้อะไรเลย คนเราถ้าเจอทุกข์แล้วมันต้องรู้จักได้อะไรสักอย่าง อย่าทุกข์ฟรีๆ ของหายแต่ได้ธรรมะ ของหายแต่ได้ธรรมะ

อย่างเมื่อปี 2554 มีน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพ ภาคเหนือ ภาคกลาง เสียหายกันหลายแสนเป็นล้าน คนเป็นแสนครอบครัวเดือดร้อนกัน บางคนบางครอบครัวก็หมดเนื้อหมดตัว เท่านั้นไม่พอ บางคนก็เป็นบ้า บางคนก็ฆ่าตัวตาย แต่บางคนเสียแต่ทรัพย์ แต่ว่าได้ ได้อะไร ไม่ใช่ได้ค่าชดเชย ได้ธรรมะ

มีคนหนึ่งบอกว่า น้ำท่วมคราวนี้ก็ทำให้เห็นเลยว่า มันไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย ของที่เรามีนี่มันอยู่กับเราแค่ชั่วคราว วันดีคืนดี ไฟก็ไหม้ น้ำก็ท่วม อย่างนี้เรียกว่าได้ธรรมะ เสียของ เสียทรัพย์ แต่ได้ธรรมะ คือ ได้ปัญญา ถ้าคนที่มีปัญญาแบบนี้ต่อไปถ้าเสียอีก ใจไม่ทุกข์แล้ว สมบัติข้าวของนี่หายไป เสียไปซื้อใหม่ได้ แต่ธรรมะหรือปัญญา มีเงินเท่าไรก็ซื้อบ่ได้ มันต้องรู้จักมอง รู้จักคิดพิจารณา อันนี้เรียกว่า การบำเพ็ญบารมี ที่มันมาแบบไม่อยาก ไม่ตั้งใจ ไม่อยากเจอ แต่พอเจอแล้วก็ต้องตั้งหลักให้ดี หาประโยชน์จากมันให้ได้

นอกจากรักษาใจไม่ให้ทุกข์แล้ว ต้องได้ประโยชน์จากมัน ประโยชน์อย่างหนึ่ง คือ ได้เห็นธรรมะจากสิ่งที่เกิดขึ้น ก็นี่แหละเป็นธรรมดาโลก หรือใช้มันเพื่อทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น มะเร็งก็ดี ความเจ็บความป่วย ความสูญเสียทรัพย์สินเงินทองนี่ มันก็สามารถจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ ทำให้คนรักกันมากขึ้น ทำให้ฉลาดมีปัญญามากขึ้น หรือมีธรรมะมากขึ้น

เวลามันเกิดขึ้นกับเราทุกข์ ตั้งหลักให้ดี ตั้งสติให้ได้ แล้วเดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นของดีไป เตือนใจตัวเองเด้อว่า เมื่อเวลาเจอทุกข์ อย่าทุกข์ฟรีๆ มันต้องได้อะไรสักอย่างหนึ่งจากความทุกข์ ได้นี่ไม่ใช่ได้เงินชดเชย นั่นมันเล็กน้อย มันต้องได้ธรรมะ มันต้องได้ปัญญา หรือว่า ทำให้มีความรักกันมากขึ้น อันนี้แหละ มันคือการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งที่ต้องรู้จัก


ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล

ที่มา https://pagoda.or.th/aj-visalo/2020-05-01-16-52-16.html





  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Facebook ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2020, 06:46:57 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด




  เติมตัวรู้สู้ความหลง


การเจริญสติเป็นสิ่งสำคัญมาก มันไม่ใช่แค่เพียงช่วยให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม คือเกิดปัญญา เข้าใจในชีวิตจนถึงขั้นหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ แค่การดำเนินชีวิตตามวิสัยปุถุชนก็ต้องอาศัยสติ ไม่งั้นเจออะไรกระทบเดี๋ยวนี้เจออะไรกระทบเบาๆสติก็ขาดแล้ว เจอสิ่งที่ไม่ถูกใจก็เกิดอารมณ์แล้ว ไม่พอใจ เกิดความเสียใจ เกิดความวิตกกังวล การเจริญสติจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยประคับประคองจิตใจ ช่วยทำให้ใจมีความรู้ตัวอยู่เสมอ และความรู้ตัวก็จะคอยเป็นกำแพงป้องกันความหลงไม่ให้เข้ามาเล่นงาน เพราะความหลง ถ้าเล่นงานจิตใจเมื่อไรก็ สามารถจะนำชีวิตของเราไปสู่ความทุกข์ความเดือดร้อน

แต่คนไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการเจริญสติ เพราะคิดว่าฉันก็มีสติอยู่แล้ว ฉันก็ไม่บ้า ฉันก็รู้เนื้อรู้ตัวอยู่แล้ว แต่ความรู้เนื้อรู้ตัวของเรามันน้อยมากในแต่ละวัน เราสามารถที่จะเจริญสติได้ เรียกว่าตั้งแต่เช้าจรดวันเลย ไม่ใช่แค่ต้องมาที่วัด มาปฏิบัติธรรม มานุ่งขาวห่มขาว มาเดินจงกรม อยู่บ้านตื่นเช้าขึ้นมาเก็บที่นอนเราก็เก็บอย่างมีสติ ทำด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น อย่าเพิ่งไปสนใจมือถือ อย่าเพิ่งไปคิดงานการ เก็บที่นอนเสร็จก็ไปล้างหน้า ล้างหน้าอย่างมีสติ ใจก็อยู่กับการล้างหน้า สัมผัสกับน้ำด้วยความสดชื่น เมื่อน้ำสัมผัสใบหน้า เรื่องอื่นอย่าเพิ่งไปคิด มันเป็นอนาคต หรือไม่ก็เป็นอดีต ให้เราอยู่กับปัจจุบัน แต่งเนื้อแต่งตัวทำด้วยความมีสติ พูดง่ายๆตัวอยู่ไหนใจอยู่นั่น อย่าปล่อยใจลอยไปคิดนั่นไปเรื่องนั้นเรื่องนี้

ตัวอยู่ไหนใจอยู่นั่น มันเป็นหลักสำหรับการเจริญสติ ไม่ใช่เรื่องยาก เตือนใจตัวเอง ถามใจตัวเองว่า ตัวอยู่นี่ใจอยู่ไหน ตัวอยู่วัดใจไปอยู่ที่บ้านไหม หรือว่าตัวอยู่ห้องน้ำใจไปอยู่ที่ห้องครัวแล้ว ให้ดึงกลับมา ๆ กินข้าวก็เหมือนกัน เวลากินข้าวปากเคี้ยวแต่ใจไม่รู้อยู่ไหน ร่างกายกินอาหารแต่ใจกำลังเสพความคิด หรือเสพความเครียด อันนั้นไม่ถูก อันนั้นเพราะความหลง กลับมาอยู่กับปัจจุบัน เวลาขับรถก็เหมือนกัน พยายามเอาใจมาอยู่กับปัจจุบัน ปล่อยใจลอย คนเราชอบใจเพราะใจลอยแล้วสบาย เพลิน แต่พอลอยคิดไปสักพักเดี๋ยวมันก็จม ทีแรกใจก็ลอย แต่สักพักใจก็จม จมเข้าไปในอารมณ์ จมเข้าไปในความทุกข์ กว่าจะออกมาได้ก็เหนื่อย เดี๋ยวนี้เป็นเพราะใจลอยจึงนอนไม่หลับ ความไม่รู้เนื้อรู้ตัวเดี๋ยวนี้ คนมีปัญหามากในการนอนไม่หลับเพราะใจมันคิดโน่นคิดนี่ เป็นเพราะความหลงจนต้องพึ่งยา แต่ก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ แต่ถ้าเรารู้เนื้อรู้ตัวถึงเวลามันก็หลับได้เอง ไม่ใช่เป็นเพราะว่าใจมันวิ่งไม่หยุดกับความคิดและอารมณ์

เราสามารถจะเจริญในชีวิตประจำวันเพื่อทำให้เกิดความรู้ตัว เติมความรู้ตัวในชีวิต ต่อไปมันก็จะขับไล่ความหลงออกไปๆ จิตใจก็จะโปร่งเบาผ่องใสได้ง่าย ทำการงานอะไรก็ทำได้อย่างมีสมาธิ เพราะทำด้วยความรู้ตัว ไม่ได้ทำไปด้วยอำนาจของความหลง

พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2020, 04:51:05 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด
“ยิ้มให้ชีวิต” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #685 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2020, 04:19:27 pm »




  ยิ้มให้ชีวิต  



ของขวัญล้ำค่าอย่างหนึ่งที่เรามีกันทุกคนก็คือ “ชีวิต” ชีวิตทำให้เรามีทุกอย่างที่ทรงคุณค่า ได้พบทุกคนที่มีความหมายต่อเรา มีโอกาสทำความดี ได้พบพระธรรม และได้สัมผัสกับความสุข ปราศจากชีวิต ทุกอย่างที่เรามี ทุกคนที่เราพบ และทุกสิ่งที่เราเป็น ก็จะสูญสิ้นไป แต่ในเวลาเดียวกัน ชีวิตก็ทำให้เราต้องเจอกับความเจ็บปวด ความพลัดพราก ความสูญเสีย ต้องพบกับสิ่งไม่พึงประสงค์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชีวิตนำมาซึ่งความทุกข์

แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ชีวิตก็สามารถให้สิ่งดี ๆ แก่เราได้มากมาย แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราเจอะเจอ ก็สามารถเป็นประโยชน์แก่เรา หากเรารู้จักเรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมา ประสบการณ์ชีวิตสามารถสอนเราให้รู้จักเปลี่ยนทุกข์เป็นสุข อีกทั้งโอกาสต่าง ๆ ที่ชีวิตมอบให้แก่เรา ก็สามารถทำให้เราพบประโยชน์สูงสุดของชีวิต นั่นคือ อิสรภาพจากทุกข์ อันเป็นสุขที่ประเสริฐยิ่ง

ชีวิตเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา :) :) :) จึงควรยิ้มให้กับชีวิต อย่าโกรธเกลียดเคียดแค้นชีวิตที่นำความทุกข์หรือความผิดหวังมาให้ อย่าคิดว่าทำไมชีวิตจึงโหดร้ายกับฉันนัก มองให้ดีนั่นอาจเป็นโชคที่มาในรูปของเคราะห์ มันคือสิ่งที่เตรียมเราให้พบกับสิ่งวิเศษสุดที่รอคอยอยู่ข้างหน้า


พระไพศาล วิสาโล









  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 29, 2021, 07:14:35 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด
“อยู่ทุกที่ก็มีสุข” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #686 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2020, 04:33:17 pm »



:)  อยู่ทุกที่ก็มีสุข   :)


ความสุขไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ตรงนี้และเดี๋ยวนี้แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนมุมมอง วางใจให้ถูก เราก็จะพบความสุขได้เสมอ ความสุขไม่ได้เกิดจากทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ และอำนาจ แต่อยู่ที่ว่าเรามีสติรู้ทันอารมณ์ของตน และมีปัญญารู้เท่าทันธรรมดาโลก หรือไม่ หากมองเป็น ไม่เพียงพบความสุขรอบตัวเท่านั้น หากยังสามารถสัมผัสความสุขที่มีอยู่กับตัวเราแล้วด้วย

เมื่อใดก็ตามที่เราตระหนักว่าความสุขนั้นตามติดเราไปตลอด ไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ในสถานการณ์ใด มีอะไรมากระทบ เราก็สามารถพบความสุขได้เสมอ


พระไพศาล วิสาโล






  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 19, 2020, 07:09:30 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด
ทางออกอยู่ที่ทางเข้า - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #687 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2020, 04:47:44 pm »




  ทางออกอยู่ที่ทางเข้า 



เมื่อมีปัญหา ใคร ๆ ก็ย่อมแสวงหาทางออก แต่บ่อยครั้งเรามักได้ยินผู้คนบ่นว่า “ไม่มีทางออก ๆ” อันที่จริงทางออกนั้นมีเสมอ แต่ถ้าไม่เจอก็มักเป็นเพราะมองไม่ถี่ถ้วนหรือมองไม่รอบด้าน เพราะถ้าเพียงแต่เหลียวหลังไปดู ก็จะพบว่าทุกปัญหา โดยเฉพาะที่สร้างความทุกข์ใจ มีทางออกอย่างน้อยก็ทางหนึ่ง นั่นคือทางเข้า เข้าทางไหน เราก็สามารถออกทางนั้นได้ เป็นแต่ผู้คนจำนวนส่วนใหญ่มองไม่เห็น หรือถึงมองเห็นก็ไม่คิดว่านั่นจะเป็นทางออกได้

คนที่เล่นการพนันจนหมดตัว แถมมีหนี้สินท่วมหัว จะบากหน้ายืมเงินใครก็ไม่ได้เพราะไม่มีคนเชื่อถือ ย่อมรู้สึกจนตรอก หมดทางออก หาไม่ก็เห็นว่าทางออกคือ ปล้น จี้ ขายยาบ้า เท่านั้น แต่ที่จริงทางออกที่ดีกว่านั้นมีอยู่นั่นคือเลิกเล่นการพนัน ใช่หรือไม่ว่าการพนันคือประตูพาสู่ความฉิบหายที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา ถ้าอยากออกจากภาวะดังกล่าว ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการก้าวขาออกจากประตูนั้น

เมื่อพบว่ากิจการของตนกำลังตกต่ำย่ำแย่ นักธุรกิจหลายคนพยายามหาทุนมาค้ำจุนกิจการนั้น แต่ทุ่มเงินลงไปเท่าใด สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น จึงขายสมบัติที่มีอยู่ด้วยความหวังว่าเงินที่ได้มาจะช่วยพยุงธุรกิจนั้นให้อยู่รอดได้ แต่ยิ่งทำปัญหาก็ยิ่งลุกลาม ฉุดเอาอะไรต่ออะไรลงเหวไปด้วย ถึงตรงนี้ก็รู้สึกมืดแปดด้าน ทางออกไม่หลงเหลือยกเว้นแต่การฆ่าตัวตาย แต่เขาลืมไปว่าในเมื่อเป็นทุกข์เพราะแบกกิจการนั้นเอาไว้ ทางออกก็คือปล่อยมันลงเสีย

เข้าทางไหน ก็ออกทางนั้นได้ แต่หลายคนไม่ยอมออกตรงทางเข้า เพราะมองไม่เห็นว่ามันจะเป็นทางออกได้ อะไรบังตาเขาไว้ คำตอบคือความยึดติดถือมั่นในบางสิ่งบางอย่าง เช่น ยึดติดหวงแหนกิจการ ทนไม่ได้ที่จะเห็นมันพังไปต่อหน้าต่อตา จึงมีพฤติกรรมไม่ต่างจากคนที่กอดหีบสมบัติที่กำลังดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลด้วยความหวังว่าจะกู้มันขึ้นมาได้ ผลก็คือไม่เพียงสูญเสียทรัพย์เท่านั้นแต่ยังสูญเสียสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือชีวิต

เมื่อมองว่าอะไรเป็นปัญหา ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นทันที ทำไมจึงมองว่ามันเป็นปัญหา ก็เพราะมันกระทบกับสิ่งที่เรายึดติดถือมั่น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็น กำไร สุขภาพ ความรัก ครอบครัว ความสำเร็จ พูดอีกอย่างก็คือ ความทุกข์ใจเกิดขึ้นเพราะความยึดติดถือมั่น ยิ่งยึดมั่นก็ยิ่งเป็นทุกข์เมื่อมันไม่เป็นดั่งใจ ความยึดมั่นจึงเป็นเสมือนประตูสู่ความทุกข์ ถ้าไม่อยากทุกข์ต่อไป ก็เพียงแต่เดินออกทางประตูนั้น นั่นคือการปล่อยวาง

ผู้คนมักคิดว่าทางออกอยู่ที่การสร้างทางเลือกใหม่ หรือทำนั่นทำนี่เพื่อมีทางไปต่อ จะได้ห่างไกลจากความทุกข์ แต่บางครั้งนั่นก็เป็นแต่เพียงการซื้อเวลาหรือสร้างความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น ในเมื่อสาเหตุที่แท้จริงของความทุกข์อยู่ที่การแบกหินก้อนหนัก ไม่ว่าจะเติมแต่งหินให้สวยงามอย่างไร มันก็ยังหนักอึ้งอยู่นั่นเอง ทางเดียวที่จะหมดทุกข์หมดปัญหาก็คือการวางมันลงเสีย

ความยึดมั่นเป็นต้นตอของความทุกข์ ขณะเดียวกันมันก็บังตาผู้คนจนมองไม่เห็นว่าทางออกนั้นอยู่ที่ทางเข้านั่นเอง ผลก็คือหลงวนอยู่ในปัญหาจนหมดสภาพไปในที่สุด


พระไพศาล วิสาโล







  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 19, 2020, 07:33:21 am โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด




  ก้าวสู่ชีวิตใหม่ สุขใจในร่มธรรม 


ใคร ๆ ก็อยากได้ชีวิตใหม่ แต่ชีวิตใหม่ไม่ได้อยู่ที่การมีงานใหม่ รถคันใหม่ บ้านหลังใหม่ หรือคู่ครองคนใหม่ หากอยู่ที่การมีจิตใจใหม่ กล่าวคือมีคุณภาพจิตที่ดีกว่าเดิม รวมทั้งมีมุมมองใหม่ ที่ทำให้เราเป็นทุกข์น้อยลง หรือมีความสุขมากขึ้นแม้สภาพชีวิตและสิ่งรอบตัวจะยังคงเดิม สามารถชื่นชมสิ่งที่มี รวมทั้งเห็นแง่งามจากความทุกข์ได้

ชีวิตใหม่ในแง่นี้สามารถเกิดขึ้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอเปลี่ยนงานหรือสภาพแวดล้อมเสียก่อน เพราะเพียงแค่มีจิตใจใหม่ ก็สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี หรือเปลี่ยนเคราะห์ให้กลายเป็นโชคได้ รวมทั้งทำให้เห็นโลกในมุมใหม่ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน

การมีจิตใจใหม่ ทำให้เรามีท่าทีใหม่ต่อโลกและชีวิต สิ่งที่เคยทำให้เราร่ำไห้หรือโกรธเคือง จะไม่สามารถสั่นคลอนทิ่มแทงจิตใจเราได้อีกต่อไป สิ่งที่เคยทำให้เราลุ่มหลงมัวเมา จะไม่อาจครอบงำจิตใจเราได้อีก เราจะมีชีวิตที่เป็นอิสระและสงบเย็นยิ่งกว่าเดิม

การมีจิตใจใหม่คือหลักประกันแห่งความสุขที่แท้จริง หากคุณภาพจิตยังคงเดิม แม้จะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต เช่น โชคลาภ ชื่อเสียง ความสำเร็จ ก็ทำให้เรามีความสุขได้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ช้าไม่นานก็จะเบื่อหน่าย และโหยหาสิ่งใหม่ที่ดีหรือมากกว่าเดิม แต่เมื่อได้มาสมใจก็ใช่ว่าจะมีความสุขยั่งยืน ยิ่งกว่านั้นมีใครในโลกนี้หรือที่สมหวังในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะร่ำรวยยิ่งใหญ่เพียงใดก็ต้องพบกับความผิดหวัง ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ประสบสิ่งที่ไม่รัก ต้องแก่ ต้องเจ็บ และในที่สุดก็ต้องตาย แต่หากมีจิตใจใหม่ แม้จะประสบกับเหตุร้าย ก็ยังสามารถรักษาใจให้ปกติได้

จิตใจจะใหม่ได้ก็เพราะมีธรรมรักษาใจไม่ให้เศร้าหมอง เช่น มีสติรู้ทันอารมณ์อกุศล และมีปัญญารู้เท่าทันความจริงของชีวิตจนปล่อยวางได้ หากชีวิตคือการเดินทาง เราก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเดินในที่โล่ง ต้องเจอแดดแผดเผาและพายุฝนเป็นนิจ ธรรมเปรียบเสมือนร่มที่ช่วยคุ้มกันเราไม่ให้ร้อนเมื่อเจอแดด ไม่เปียกปอนเมื่อเจอฝน จึงสามารถเดินถึงที่หมายได้โดยปลอดภัย


พระไพศาล วิสาโล








  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 25, 2020, 02:52:47 pm โดย ยาใจ »

ยาใจ

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14143
    • ดูรายละเอียด
“ชีวิตสมดุล” - พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
« ตอบ #689 เมื่อ: มิถุนายน 19, 2020, 07:23:13 am »




   ชีวิตสมดุล   


ชีวิตมิใช่เส้นตรงหรือมีเพียงระนาบเดียว ๆ สิ่งใดที่ดีมีประโยชน์ หากมีมาก ๆ ใช่ว่าประโยชน์จะเพิ่มพูนตามไปด้วย ก็หาไม่ บ่อยครั้งกลับเป็นโทษด้วยซ้ำ สารอาหาร เช่น ไขมัน หรือ น้ำตาล แม้มีคุณค่าต่อร่างกาย แต่หากบริโภคมากไป ก็สามารถทำให้เกิดโรคร้ายได้ ประโยชน์จะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อบริโภคแต่พอดี หรือสมดุลกับองค์ประกอบอื่น ๆ

ทุกวันนี้เราให้ความสำคัญกับการมีมาก ๆ จนละเลยความพอดีหรือความสมดุลเช่น มีโภคทรัพย์เหลือล้นแต่อริยทรัพย์กลับมีน้อยนิด ประสบความสำเร็จในการงานแต่ล้มเหลวในชีวิตครอบครัว คิดแต่จะเอาเข้าตัวแต่ไม่ค่อยสละออกไป การตั้งเป้าแสวงหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป จนละเลยสิ่งอื่นที่มีคุณค่าต่อชีวิต เป็นที่มาของความทุกข์และปัญหาต่าง ๆ ทั้งในระดับบุคคลและสังคม กล่าวอีกนัยหนึ่งการมองข้ามความสมดุลในชีวิต ทำให้ผู้คนห่างไกลจากความสุขยิ่งขึ้นทุกที

การสร้างสมดุลในชีวิต อาทิ สมดุลระหว่างการรับกับการให้ ระหว่างกายกับใจ ระหว่างเหตุผลกับอารมณ์ ระหว่างประโยชน์ตนกับประโยชน์ท่าน ฯลฯ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตมีความผาสุกและเปี่ยมด้วยคุณค่าอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามการสร้างสมดุลในชีวิตมิใช่เรื่องง่าย เพราะคนเรามักมีแนวโน้มที่จะเน้นสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปจนละเลยสิ่งอื่นที่มีคุณค่าพอ ๆ กัน ความพอดีหรือสมดุลระหว่างสิ่งดีงามสองสิ่งจึงเกิดขึ้นได้ยาก เช่นเดียวกับที่ผู้คนมักจะพลัดจากทางสายกลางซึ่งอยู่ระหว่างความสุดโต่งสองอย่าง จะดำเนินชีวิตให้สมดุลได้จึงจำเป็นต้องมีสติและปัญญา เป็นทั้งเครื่องเตือนใจและแสงสว่างนำทางสู่จุดหมายที่พึงปรารถนา


พระไพศาล วิสาโล










  ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : Facebook วัดป่าสุคะโต ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/Zensukato/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 19, 2020, 07:31:59 am โดย ยาใจ »