« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 23, 2018, 05:47:50 am »
กระจกตาปกติจะกลม หรือรีเล็กน้อย....
แต่บางคนกระจกตามีรูปร่างพิเศษป่องแหลมออกมา หมอตาจึงเรียกภาวะนี้ว่า Keratoconus มารู้จักภาวะนี้กันครับ
Keratoconus
ศ.พ.ญ.สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
มีรากศัพท์มาจาก "kerato" แปลว่า กระจกตา และ "conus" หมายถึงเป็นรูปทรงกรวย เป็นสภาวะที่มีความผิดปกติของกระจกตา มีลักษณะบางลง บริเวณตรงกลางหรือค่อนมาข้างล่างเล็กน้อย ทำให้กระจกตาตรงกลางยื่นมาข้างหน้าเป็นรูปกรวย อันเป็นที่มาของชื่อ โดยที่ไม่พบว่าเกิดจากการอักเสบหรือติดเชื้ออะไรทั้งสิ้น
พบได้ 4 – 600 คน ในประชากร 100,000 คน
มักจะเริ่มมีอาการในวัยรุ่นอายุ 13 – 14 ปี และมีการดำเนินของโรคไปเรื่อยๆ 10 – 20 ปี พบในหญิงมากกว่าชาย ในอัตราส่วน 2:1 ในหญิงระหว่างตั้งครรภ์ จะมีการดำเนินของโรครุนแรงชัดเจนมาก จึงเชื่อว่าฮอร์โมนน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง
กรรมพันธุ์ยังไม่แน่ชัด บ้างก็ว่าเป็นกรรมพันธุ์ได้ 20%
มักจะเป็นทั้ง 2 ตา โดยที่ตาหนึ่งเป็นมากกว่าอีกข้าง หรือระยะแรกเป็นข้างเดียว ต่อมาจะลามไปอีกข้างก็ได้
อาการ
เด็กวัยรุ่นที่มีสายตามัวลงๆ ร่วมกับเห็นภาพบิดเบี้ยว
บางรายมีอาการเคืองตา แสบตา สู้แสงไม่ได้
มีสายตาสั้นและเอียงค่อนข้างมาก ใส่แว่นก็ไม่ค่อยชัด ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย หลายๆคนจะวินิจฉัยได้ตอนไปตรวจตาที่ศูนย์เลสิก
สิ่งตรวจพบ
พบความผิดปกติของกระจกตา บางตรงกลางและโค้งมากบริเวณตรงกลาง เห็นได้ชัดในการตรวจด้วยเครื่อง Corneal topography ซึ่งจะตรวจดูแผนที่ความโค้งนูนของกระจกตาอย่างละเอียด
ควรสงสัยภาวะนี้หากพบตาเอียงแบบไม่เป็นระเบียบ (irregular astigmatism) ร่วมกับกระจกตาตรงกลางค่อนมาด้านล่างมีความโค้งผิดปกติ
พยาธิกำเนิด
เชื่อว่าเริ่มจากมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ชั้น basal ของ epithelium ของกระจกตาตามด้วยการขาดของชั้น Bowman และตัว epithelium จะบางลงตัว collagen ในชั้นกลางของกระจกตามีการเรียงตัวที่ผิดไป ไม่สม่ำเสมอ นานเข้าชั้นลึกคือ Descemet อาจมีการฉีกขาด ตามด้วยแผลเป็นที่เห็นได้ชัดเป็นฝ้าขาว ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของเนื้อกระจกตา ทำให้กระจกตาบางลงจึงยื่นปูดออกมาข้างหน้า ทำให้เกิดภาวะตาสั้น – เอียง มากขึ้น บางรายถ้ามีการฉีกขาดของชั้น Descemet กระจกตาจะบวมน้ำทันที เรียกกันว่า acute hydrop ซึ่งลักษณะกระจกตาบวมจะคล้ายผู้ป่วยโรคต้อหินเฉียบพลัน แต่ในภาวะนี้พบในคนอายุน้อยและความดันตาไม่สูง
มีข้อสังเกตพบว่า ภาวะนี้มักพบร่วมกับ
1. ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะคนที่แพ้มีอาการคันตา ชอบขยี้ตาบ่อยๆ จนหมอบางท่านเชื่อว่า การขยี้ตาก่อให้กระจกตามีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
2. ผู้เป็นโรค Down syndrome พบภาวะนี้มากกว่าคนทั่วไป
3. ผู้ป่วยโรค connective tissue ทั้งหลาย เชื่อว่าโรคเหล่านี้และภาวะ keratoconus มีความผิดปกติ
ของการเรียงตัวของสาร collagen เช่นเดียวกัน
4. ยังมีอีกหลายโรคที่พบแต่กำเนิดที่มีภาวะนี้ร่วมด้วยมากกว่าคนทั่วไป ได้แก่ Ehlers Danlos ,
Osteogenic imperfecta , Crouzon , Leber’ s เป็นต้น
การแก้ไข
1. แว่นตาแก้ไขสายตาสั้น – เอียง โดยทั่วไปมักใช้ได้ในระยะแรก
2. คอนแทคเลนส์ เมื่อสายตาเอียงมากเข้า ใส่แว่นไม่ได้ การใช้คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง (Rigid Gase-permeable contact lens, RGP CL) ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ได้ จะช่วยให้เห็นได้มาก แต่การใส่เลนส์ในกระจกตาที่มุรูปร่างพิเศษต้องอาศัยความเชี่ยวชาญมาก และยากกว่าในกระจกตาทั่วไป
3. ในกรณีที่ใส่เลนส์ไม่ได้ หรือใส่ได้แต่ก็ยังไม่เห็นดีพอจะใช้ชีวิตประจำวันได้ คนไข้อาจต้องได้รับการผ่าตัดรักษา เช่น การทำ Intracorneal ring segments implantation (ICRS) โดยการสอด ring นี้เข้าไปในเนื้อกระจกตาเป็นการบังคับไม่ให้กระจกตาโป่งออก ลดความโค้งของกระจกตาลง และกลับมาใส่คอนเทคเลนส์ได้ ทำให้ยืดเวลา หรือลดความจำเป็นในการเปลี่ยนกระจกตาลง
อีกวิธีที่กำลังฮือฮาในปัจจุบันของโรคนี้ในต่างประเทศ คือ วิธี Corneal collagen crosslink (เรียกกันว่า CXL) เป็นการหยอดแช่กระจกตาด้วย ribroflavin ตามด้วยการฉายด้วยแสง UV เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อกระจกตา แนะนำให้ทำในคนที่ตัวโรคดำเนินมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่คงที่
ล่าสุดมีการรักษาโดยวิธีผสมผสานด้วย ICRS และ CXL คงต้องรอผลการรักษาในระยะยาวต่อไป
4. เป็นที่ทราบกันดีว่า หากโรคเป็นรุนแรงขึ้นอาจต้องลงเอยด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา (keratoplasty) โดยบางรายงานพบว่าประมาณ 21% ของผู้ป่วยต้องลงเอยด้วยการเปลี่ยนตา ซึ่งในโรคนี้มีพยากรณ์โรคหลังการผ่าตัดเปลียนกระจกตาดีที่สุดโรคหนึ่ง เมื่อเทียบกับโรคตาอื่นๆ
Picture from http://www.drbrendancronin.com.au
ขอขอบคุณข้อมูล : จาก Facebook ศูนย์เลเซอร์สายตาจุฬาฯ Chula Refractive Surgery Center
https://www.facebook.com/chulaeyelasercenter/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 23, 2018, 06:13:21 am โดย ยาใจ »
เข้าสู่ระบบ